“รายวชิ าเพิ่มเตมิ การป้องกัน
การทุจรติ
๑ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่
ชื่อ.………………………………………………………………….………..……
นามสกลุ …………………………………………………………………………...
โรงเรียน……………………………………………………………………………
ครูผสู้ อน ………………………………………………………………………….
ภาคเรียนที่………………… ปีการศกึ ษา …………………………………
เพจ : ส่อื ใบงาน อนุบาล ประถมต้น-ปลาย
ใบงานที่ ๑ หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
โรงเรียนทุ่งขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จังหวัดจนั ทบรุ ี
เรอื่ ง ทฤษฎีความหมายของการขดั กันระหว่างประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม (Conflict of Interests)
ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ช่ือ…………………………………นามสกลุ ………………..………ช่ือเล่น.......................
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑/…….เลขที่……
คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนค้นหาและเขียน ทฤษฏี ความหมายของการขัดกันระหว่างประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม
ทฤษฎีความหมายของการขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม
(Conflict of Interests)
ลงช่ือ……………………………..ครผู ูส้ อน
ใบงานท่ี ๒ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เรอ่ื ง การทุจริตในชมุ ชน
ภาคเรียนที่……………..…. ปีการศึกษา…………….……….…
ชอื่ …………………………………นามสกลุ …………………ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑/…….เลขท่ี……
คาชีแ้ จง : ให้นักเรียนอา่ นเหตกุ ารณ์ที่กาหนดให้ พร้อมเขียนตอบคาถาม
ตัวอยา่ งเหตุการณ์การทจุ ริต
ผ้ใู หญบ่ า้ นของหมู่บา้ นแหง่ หนงึ่ ไดร้ บั เงนิ ตามโครงการเพิ่มศกั ยภาพหมู่บา้ นและชมุ ชนเพอื่ ความเข้มแขง็ ของเศรษฐกจิ ฐานรากตามแนวทาง
ประชารฐั ใช้เงนิ งบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่ได้จดั ซ้ือ และไดข้ องตามรายละเอยี ดดงั นี้
๑. เตน็ ท์ ๔ หลงั ๒. โตะ๊ ๑๕ ตวั ๓. เก้าอ้ี ๑๐๐ ตัว
ซงึ่ จากการตรวจสอบ ทางผู้ใหญบ่ า้ นคนนไี้ ด้ถูกสอบสวนแล้วชดั เจนวา่ มกี ารทจุ รติ จดั ซื้อจดั จ้างในราคาที่สูงเกนิ ความจรงิ และมีการปลอม
ลายมือชื่อห้างรา้ น โดยใช้ช่ือห้างรา้ นผอู้ ่ืนกรอกขอ้ มลู รายการ และราคาอนั เปน็ เท็จ พรอ้ มท้งั นาเอกสารเท็จไปเบกิ เงนิ กับกองทุนหมบู่ ้านและชุมชน
เมอื งแห่งชาตฯิ อกี ทง้ั แสดงรายการอนั เปน็ เทจ็ เก่ยี วกบั รายการโต๊ะ เกา้ อก้ี รอกข้อความเท็จใชเ้ บกิ เงินท้ังทีห่ ้างร้าน ดงั กลา่ วจาหน่ายเพียงเตน็ ทอ์ ยา่ ง
เดียวไมไ่ ดจ้ าหน่ายโต๊ะเก้าอีซ้ ึ่งหา้ งรา้ นท่ีถกู ปลอมแปลงรายการ และราคาทราบ และเหน็ วา่ เสยี หายอาจต้องรับภาษที ่ีสงู ขน้ึ โดยได้แจง้ ความร้องทุกข์
กับพนกั งานสอบสวนดาเนินคดีกบั ผูใ้ หญ่บา้ น
คาถาม
1. สาเหตุของการทุจริตเกิดจากอะไร
2. แนวทางการแก้ไขปญั หาการทุจรติ
ลงช่อื ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบงานท่ี ๓ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เรอ่ื ง การวเิ คราะหผ์ ลประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ส่วนรวม โดยใชร้ ะบบคดิ ฐานสอง
ภาคเรียนท่ี……………………. ปกี ารศึกษา...................................
ช่อื …………………………………นามสกลุ …………………ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑/…….เลขท่ี………
คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นเขียนคาตอบท่ตี รงกับความคิดของนักเรียนมากที่สุด
๑. นักเรยี นเห็นเพ่ือน ๆ นาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชารจ์ แบตเตอร่ีทีโ่ รงเรียน นักเรยี นคิดวา่ เหมาะสมหรอื ไมเ่ พราะเหตุใด
ตอบ ................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๒. “การรบั จา้ งทารายงานเป็นเร่อื งปกติ เพราะใคร ๆ ก็ทากันทั้งนน้ั ” นกั เรยี นเห็นด้วยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
ตอบ ................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๓. นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไรเม่ือเห็นเพอ่ื น ๆ ลอกข้อสอบหรอื ลอกการบา้ นอยู่เป็นประจา
ตอบ ................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๔. จากคากล่าวท่ีว่า “ฉันพร้อมท่ีจะยอมรับผิดถา้ ทาผิด” นักเรียนเห็นด้วยหรอื ไมเ่ พราะเหตุใด
ตอบ ................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๕. การใช้นา้ ประปาของโรงเรียนลา้ งรถจักรยานยนต์ของตนเอง นกั เรียนคิดวา่ เป็นการกระทาท่ีเหมาะสมหรือไม่เพราะเหตใุ ด
ตอบ ..............................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
๖. นักเรยี นเข้าไปค้นหาข้อมูลในหอ้ งสมุดเพ่ือทารายงาน แต่ไมอ่ ยากไปยืมหนังสือจงึ ฉีกหนงั สือเฉพาะหน้าท่ีจาเป็นตอ้ งใช้
การกระทาดงั กล่าวถูกตอ้ งหรือไม่เพราะเหตใุ ด
ตอบ ................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๗. มีคากลา่ วทีว่ ่า “ทุจริตบา้ งไมเ่ ป็นไรถ้าเราไดป้ ระโยชน์” นกั เรียนเหน็ ดว้ ยหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ..............................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๘. การวางแผงขายของบนทางเท้าของพอ่ ค้า/แมค่ ้า เป็นสิ่งท่ีสมควรกระทาหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
๙. นกั เรียนเหน็ ด้วยกับการรับจา้ งสอนพิเศษของครูหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
๑๐. จากคากลา่ วท่ีว่า “การป้องกันการทจุ รติ คอร์รัปชั่นเปน็ เรือ่ งของผู้ใหญ่ ไมเ่ ก่ยี วกับเด็กและเยาวชน” นกั เรียนเห็นดว้ ย
หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงานที่ ๔ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จังหวัด……..……..………….…
เร่ือง ระบบคิดฐานสอง และระบบคิดฐานสบิ
ภาคเรียนที่……………………. ปีการศกึ ษา...................................
ชือ่ …………………………………นามสกลุ …………………ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาชแ้ี จง :ให้นักเรยี นแยกข้อความพฤตกิ รรมการแสดงออกของระบบคดิ ฐานสองและระบบคิดฐานสิบ ลงในแผนผงั ให้ถูกต้อง
1. ส่งเสียงดงั รบกวนเพ่ือนบ้าน 2. ขายของในสวนสาธารณะหมบู่ า้ น
3. ขโมยใช้ไฟสาธารณะในงานส่วนตวั 4. ทง้ิ ขยะลงในถังขยะ
5. ใช้อุปกรณ์กีฬาของหมูบ่ ้านอยา่ งทนถุ นอม 6. ปดิ พดั ลมทุกครั้งหลังออกจากห้องเรยี น
7. ไมเ่ อาสมบตั ิของหมบู่ ้านมาเป็นของตน 8. เอาแทบ็ เล็ตของตนเองมาชาร์ทท่ที ีท่ าการหมู่บา้ น
9. เข้าร่วมกจิ กรรมของหม่บู ้านอยา่ งสมา่ เสมอ 10. ขุดพันธไ์ุ ม้จากสวนสาธารณะของหมู่บ้านมาปลูกท่บี ้านของตน
พฤติกรรมการแสดงออกของระบบคดิ ฐานสอง พฤติกรรมการแสดงออกของระบบคิดฐานสิบ
.
ลงชอ่ื ……………………………..ครผู ้สู อน
ใบงานที่ ๕ หนว่ ยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เร่ือง ความตระหนกั และความสาคัญของการต่อต้านและป้องกันการทจุ รติ
ภาคเรียนที่……………………. ปกี ารศกึ ษา...................................
ชอื่ …………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑/…….เลขท…่ี ……
คาชี้แจง: ให้นักเรยี นค้นหาและเขียนความสาคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต ลงในชอ่ งวา่ งท่ีกาหนดให้
ความสาคัญของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ ริต
ลงช่อื ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบงานท่ี ๖ หนว่ ยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เรือ่ ง ความแตกตา่ งระหว่างจรยิ ธรรมและการทจุ ริต
ภาคเรียนที่……………………. ปกี ารศกึ ษา...................................
ชื่อ…………………………………นามสกุล…………………ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑/…….เลขท…่ี ……
คาช้แี จง :ใหน้ ักเรยี นวาดภาพเหตุการณ์ทจุ รติ ท่ีเกิดข้นึ ในสังคมไทย พรอ้ มอธิบายลกั ษณะการทจุ ริตและวธิ ีการปอ้ งกันการทจุ ริต
ลงในช่องว่างท่ีกาหนดให้
เหตุการณ์ที่เลอื ก...................................................................................................................
แหล่งที่มา.............................................................................................................................
ประเด็นวิเคราะห์
๑.) ลกั ษณะการทจุ ริตในสังคมไทยทน่ี กั เรยี นเลือก
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
๒.) วธิ ีการปอ้ งกนั การทุจรติ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ……………………………..ครผู สู้ อน
ใบความรู้
เร่ือง การทุจริต
ปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาท่ีสาคัญทั้งของประเทศไทยและประเทศอ่ืนๆ ท่ัวโลก ปัญหาการทุจริตจะทาให้
เกิดความเสอื่ มในด้านตา่ งๆ เกิดขนึ้ ทง้ั สังคม เศรษฐกจิ การเมอื ง นบั วนั ปัญหาดังกล่าวจะรุนแรงมากข้ึน และมี
รูปแบบการทุจริตท่ีซับซ้อน ยากแก่การตรวจสอบมากข้ึน จากเดิมท่ีกระทาเพียงสองฝ่าย ปัจจุบันการทุจริตจะ
กระทากนั หลายฝา่ ย ทงั้ ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมอื ง เจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชน โดยประกอบด้วยสองส่วนใหญ่ๆ
คือ ผู้ให้ผลประโยชน์กับผู้รับผลประโยชน์ซึ่งท้ังสองฝ่ายน้ีจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ตราบใดท่ีผลประโยชน์
สมเหตุสมผลต่อกัน ก็จะนาไปสู่ปัญหาการทุจริตได้บางคร้ังผู้ที่รับผลประโยชน์ก็เป็นผู้ให้ผลประโยชน์ได้เช่นกัน
โดยผ้รู บั ผลประโยชนแ์ ละผูใ้ ห้ผลประโยชน์คอื
๑. ผ้รู ับผลประโยชน์ จะเปน็ เจ้าหน้าทขี่ องรัฐซึง่ มีอานาจหนา้ ทใ่ี นการกระทาการดาเนินการต่างๆและการรับ
ประโยชน์จะเป็นไปในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดซ้ือจัดจ้าง การเรียกรับประโยชน์โดยตรงการกาหนด
ระเบยี บหรือคุณสมบัตทิ ี่เอื้อต่อตนเองและพวกพ้อง
๒. ผู้ให้ผลประโยชน์ เช่น ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เงินสิทธิพิเศษ
อื่น ๆเพื่อจูงใจให้นักการเมืองเจ้าหน้าท่ีของรัฐกระทาการหรือไม่กระทาการอย่างใดอย่างหน่ึงในตาแหน่งหน้าท่ีซึ่ง
การกระทาดงั กลา่ วเปน็ การกระทาท่ฝี า่ ฝืนตอ่ ระเบียบหรอื ผิดกฎหมาย เป็นตน้ ทจุ รติ หมายถงึ อะไร
คาวา่ ทจุ ริต มกี ารให้ความหมายได้มากมายหลากหลายข้ึนอยู่กับว่าจะมีการให้ความหมายดังกล่าวไว้ว่าอย่างไร
โดยท่ีคาว่าทุจริตนัน้ จะมกี ารให้ความหมายโดยหน่วยงานของรัฐ หรือการให้ความหมายโดยกฎหมายซ่ึงไม่ว่าจะเป็น
การให้ความหมายจากแหล่งใด เนื้อหาสาคัญของคาว่าทุจริตก็ยังคงมีความหมายที่สอดคล้องกันอยู่ น่ันคือ การ
ทุจริตเป็นส่ิงท่ีไม่ดีมีการแสวงหาหรือเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว ท้ังๆ ท่ีตนเองไม่ได้มีสิทธิใน
สิ่งๆ นนั้ การยดึ ถือเอามาดังกลา่ วจึงถือเป็นสิ่งท่ีผดิ ทงั้ ในแง่ของกฎหมายและศลี ธรรม
ดังนั้น การทุจริต หมายถึง การคดโกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต การกระทาท่ีผิดกฎหมาย เพื่อให้เกิดความ
ไดเ้ ปรียบในการแข่งขัน การใชอ้ านาจหนา้ ทใี่ นทางท่ีผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับส่ิงตอบแทน การให้หรือ
การรับสินบน การกาหนดนโยบายทเี่ อ้ือประโยชน์แก่ตนหรือพวกพ้อง รวมถงึ การทจุ รติ เชงิ นโยบาย
ใบความรู้
เรื่อง จรยิ ธรรม
ความดีงามทางสังคม ถือเป็นกฎเกณฑ์แห่งความประพฤติหรือหลักความจริงที่เป็นแนวทางแห่งความ
ประพฤติปฏิบัติให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเป็นสุขการศึกษาเร่ืองจริยธรรมจึงเป็นหน่ึงในวิชาปรัชญาท่ีศึกษา
เกี่ยวกบั ความดงี ามทางสังคมมนษุ ย์
ความหมายของ จริยธรรม
จริยธรรม หมายถึง สิ่งที่ทาได้ในทางวินัยจนเกิดความเคยชิน มีพลังใจ มีความตั้งใจแน่วแน่จึงต้องอาศัย
ปัญญา และปัญญาอาจเกิดจากความศรัทธาเช่ือถือผู้อ่ืน ในทางพุทธศาสนาสอนว่า จริยธรรมคือ การนาความรู้
ความจรงิ หรือกฎธรรมชาตมิ าใช้ให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ การดาเนินชีวติ ทด่ี ีงาม(พระราชวรมุนี)
พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตสถาน (๒๕๔๖) ให้ความหมายของจริยธรรมไว้ว่า หมายถึงธรรมที่เป็นข้อประพฤติ
ปฏิบัติโคลเบิร์ก (Kohlberg ๑๙๗๒ : ๒๑๒) กล่าวถึงจริยธรรมว่า จริยธรรมเป็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็น
กฎเกณฑ์และมาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติในสังคมซ่ึงบุคคลพัฒนาขึ้นจนกระทั่งมีพฤติกรรมเป็นของตนเอง
โดยสังคมจะเป็นตัวตัดสินผลของการกระทาน้ันว่าเป็นการกระทาที่ถูกหรือผิดจากความหมายที่กล่าวมา สรุปได้ว่า
จริยธรรม หมายถึงแนวทางซ่ึงเป็นกฎเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม และเป็นลักษณะที่สังคม
ต้องการ เป็นส่ิงท่ีเกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมส่วนรวม บุคคลที่มีจริยธรรมอยู่ในตนเอง ย่อมเป็นท่ียอมรับ
นบั ถอื ของคนในสังคม และสามารถดาเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข เป็นคนที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของสังคม
ส่วนรวม
ใบงานที่ ๗ หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เร่อื ง การทุจรติ ในชมุ ชน และจริยธรรมท่ีใช้ใน การปอ้ งกนั การทุจริตในชุมชน
ภาคเรยี นท่ี……………………. ปกี ารศกึ ษา...................................
ชอื่ …………………………………นามสกลุ …………………ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นวิเคราะหห์ าปญั หาการทจุ ริตในชมุ ชนของตนเอง และใช้เขียนอธบิ ายการใช้จรยิ ธรรมในการแกไ้ ขปัญหา
การทุจรติ ในชุมชนของนักเรยี น
ปัญหาการทุจริตในชุมชนของตนเอง
จรยิ ธรรมที่ใช้ในการแกไ้ ขปัญหาการทุจริตในชุมชนของตนเอง
ลงชอื่ ……………………………..ครผู ู้สอน
ใบงานที่ ๘ หนว่ ยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เรอื่ ง ประโยชน์ส่วนบคุ คลและประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สงั คม)
ภาคเรยี นที่……………………. ปกี ารศกึ ษา...................................
ช่ือ…………………………………นามสกลุ …………………ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑/…….เลขท…่ี ……
คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นวิเคราะห์ข้อความต่อไปนี้ว่าข้อใดเป็นสิทธิ เสรภี าพ ผลประโยชน์สว่ นรวมและผลประโยชน์ส่วนตน
สทิ ธิ เสรภี าพ ผลประโยชน์สว่ นรวม หรือ ผลประโยชนส์ ว่ นตน
1. ปจั จุบนั ทกุ คนสามารถเข้าใชง้ านโซเชียลเนต็ เวริ ค์
ตอบ ............................................................................................................................................
2. ตารวจเขา้ ตรวจคน้ บ้านโดยไม่มหี มายค้น
ตอบ ............................................................................................................................................
3. วิภาภมู ใิ จมากที่สามารถซ้อื สมารท์ โฟนด้วยเงินของตนเอง
ตอบ ............................................................................................................................................
4. สรยุทธนารถยนต์สว่ นตัวไปล้างทที่ างานในวนั หยุด
ตอบ ............................................................................................................................................
4. ตูน บอดส้ี แลม ทาโครงการก้าวคนละก้าวโดยการว่งิ จากเบตงถึงแมส่ าย ระยะทาง
๒,๑๙๑ กโิ ลเมตรเพอ่ื ๑๑ โรงพยาบาลทวั่ ประเทศ
ตอบ ............................................................................................................................................
5. นกั เรียนรวมตวั กนั ในวันหยุดไปทาความสะอาดศาลากลางหมบู่ า้ น
ตอบ ............................................................................................................................................
ลงชอ่ื ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบงานที่ ๙ หนว่ ยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เร่ือง การขัดกันระหว่างประโยชนส์ ว่ นบคุ คลและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (ชมุ ชน สงั คม)
ภาคเรียนที่……………………. ปีการศกึ ษา...................................
ช่ือ…………………………………นามสกุล…………………ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นเลอื กวิเคราะหข์ ้อความตอ่ ไปน้แี ล้วตอบคาถามโดยศกึ ษาหาขอ้ มลู จากแหลง่ สอื่ ต่างๆ และนามาเขยี นเป็น
แผนผงั ความคิด(Mind Mapping)
หัวขอ้ ท่ี 1. ทฤษฏีความหมายและรปู แบบของการขดั กันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชนส์ ่วนรวม
หวั ขอ้ ท่ี 2. ความสาพนั ธ์ระหว่าง “การขดั กันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนกบั ประโยชน์สว่ นรวม
หัวข้อท่ี 3. รูปแบบของการขัดกนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนกับประโยชน์ส่วนรวม
หวั ข้อ
ลงช่ือ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบงานที่ ๑o หนว่ ยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เรอ่ื ง ผลประโยชนท์ บั ซ้อนและรูปแบบ ของผลประโยชนท์ ับซ้อน (ชมุ ชน สังคม)
ภาคเรียนที่……………………. ปกี ารศกึ ษา...................................
ช่ือ…………………………………นามสกุล…………………ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนอา่ นใบความรู้และตอบคาถามใหถ้ ูกต้อง
ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น
๑. ผลประโยชน์ทบั ซอ้ น หมายถงึ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๒. สาเหตขุ องผลประโยชนท์ บั ซ้อน คืออะไร จงอธิบาย
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๓. ผลประโยชนท์ ับซ้อนมกี ีร่ ปู แบบ อะไรบา้ ง
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๔. ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่าง กรณีศกึ ษา ที่แสดงให้เหน็ ถึงการทุจรติ ในผลประโยชน์ทับซอ้ น
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๕. ให้นกั เรยี นระบแุ นวทางการปอ้ งกัน/แก้ไข จากกรณศี ึกษาท่ีนักเรยี นยกตัวอย่างไวใ้ นขอ้ ที่ ๔
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบความรู้
เรอื่ ง ผลประโยชนท์ ับซอ้ น
ความหมายของผลประโยชนท์ บั ซอ้ น
ผลประโยชน์ทบั ซ้อน (Conflict of Interests) องค์กรสากล คอื Organization for Economic
Cooperation and Development (OECD) นิยามว่าเป็นความทบั ซ้อนระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์
ทับซ้อน มี๓ ประเภท คือ
๑. ผลประโยชนท์ บั ซ้อนทเี่ กดิ ข้ึนจริง (actual) มีความทับซ้อนระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและสาธารณะ
เกิดข้ึน
๒. ผลประโยชน์ทับซ้อนที่เหน็ (perceived & apparent) เปน็ ผลประโยชนท์ ับซ้อนทคี่ นเหน็ ว่า
มีแต่จริงๆ อาจไม่มีกไ็ ดถ้ ้าจัดการผลประโยชน์ทบั ซอ้ นประเภทนอี้ ย่างขาดประสิทธภิ าพ ก็อาจนามาซง่ึ
ผลเสียไมน่ ้อยกว่าการจัดการผลประโยชนท์ บั ซ้อนท่เี กิดข้นึ จรงิ ขอ้ นแี้ สดงว่าเจา้ หนา้ ทีไ่ มเ่ พียงแตจ่ ะตอ้ ง
ประพฤตติ นอยา่ งมจี ริยธรรม เทา่ นน้ั แตต่ ้องทาให้คนอืน่ ๆรับรู้และเหน็ ด้วยวา่ ไม่ไดร้ ับประโยชน์เช่นน้นั จรงิ
๓. ผลประโยชนท์ บั ซอ้ นท่เี ป็นไปได้(potential) ผลประโยชน์สว่ นตนทมี่ ใี นปจั จุบันอาจจะ
ทับซ้อนกับผลประโยชน์สาธารณะได้ในอนาคต
สาเหตุปัญหาผลประโยชน์ทบั ซอ้ น
ปัญหาผลประโยชนท์ บั ซ้อนเกิดจากการพัฒนาการทางการเมืองไทยเปลยี่ นไป จากเดิมที่นักการเมือง
และนกั ธรุ กิจเปน็ บุคคลคนละกล่มุ กนั กล่าวคือในอดีต นักธุรกิจต้องพ่งึ พิงนกั การเมอื งเพอื่ ใหน้ ักการเมือง
ช่วยเหลือ สนับสนนุ ธรุ กจิ ของตน ซึ่งในบางครง้ั สิง่ ทน่ี ักธรุ กจิ ต้องการนน้ั มิไดร้ ับการตอบสนองจาก
นกั การเมืองทกุ ครั้งเสมอไป นกั ธุรกิจก็ต้องจ่ายเงนิ จานวนมากแกน่ กั การเมือง ในปัจจุบันนักธุรกจิ จงึ ใช้
วธิ ีการเขา้ มาเล่นการเมอื งเองเพือ่ ให้ตนเองสามารถเข้ามาเปน็ ผูก้ าหนดนโยบายและออกกฎเกณฑ์ต่างๆ
ในสังคมได้และท่สี าคญั คือทาให้ข้าราชการตา่ งๆ ต้องปฏิบตั ติ ามคาสงั่
แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
“ความขดั แย้ง ระหวา่ ง บทบาท” (Conflict of roles) หมายความวา่ บุคคลดารงตาแหน่ง
ที่มีบทบาทสองบทบาทขดั แย้งกัน เช่น นายสมชายเป็นกรรมการสอบคดั เลอื กบุคคลเขา้ ทางาน โดยท่ี
บตุ รสาวของสมชายเปน็ ผูส้ มคั รสอบคนหน่ึงดว้ ยซึ่งในกรณีนีถ้ อื วา่ เกดิ “การดารงตาแหนง่ อันหมิ่นเหม่
ต่อการเกิด ปญั หาผลประโยชน์ทบั ซ้อน”แต่ในกรณีน้ีถือวา่ ยังมไิ ดน้ าไปสกู่ ารกระทาความผิดแตป่ ระการใด
เช่น การสอบคดั เลอื กบคุ คลยงั มไิ ด้เกดิ ขึ้นจรงิ หรอื มีการสอบเกดิ ขนึ้ แล้วแต่นายสมชายสามารถวางตัว
เป็นกลาง มไิ ด้ช่วยเหลอื บุตรสาวของตนแต่ประการใดเปน็ ตน้ ถา้ เกดิ ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น จะตอ้ งถอนตัว
ออกอย่างสมบูรณจ์ ากการเปน็ ผมู้ ีสว่ นในการตดั สนิ ใจงดแสดงความคดิ เห็น ละเวน้ จากการใหค้ าปรึกษา
64 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทจุ ริต”และงดออกเสยี ง (Recusal) เช่น ใน
กรณที ส่ี มชาย เป็นกรรมการสอบคัดเลือกบุคลากรเข้าทางานโดยมบี ตุ รสาวของตนสมัครเขา้ ร่วมสอบคดั เลือก
ดว้ ยน้นั ซงึ่ ในสถานการณ์เชน่ นี้สมชายจะตอ้ งลาออกจากการเป็นกรรมการสอบคัดเลือกเพ่ือเป็นการถอนตัว
ออกจากการเก่ียวขอ้ งกบั สถานการณ์อนั หมิ่นเหมต่ ่อผลประโยชนท์ บั ซอ้ นอยา่ งสูง มาตรการของรฐั ในการ
ปอ้ งกันความขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๑. กาหนดคุณสมบตั ิพึงประสงคแ์ ละคณุ สมบัตติ อ้ งห้ามของรัฐ
๒. การเปิดเผยข้อมลู ทรพั ย์สิน หนื้สนิ และธุรกจิ ครอบครัวตอ่ สาธารณะ
๓. การกาหนดข้อพงึ ปฏบิ ัติ(Code of Conduct)
ใบงานท่ี ๑๑ หนว่ ยที่ ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จังหวัด……..……..………….…
เรอ่ื ง ลักษณะความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตในชุมชน
ภาคเรียนท่ี……………………. ปีการศึกษา..……..………….…
ช่อื …………………………………นามสกลุ …………………ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑/…….เลขท…่ี ……
คาชี้แจง : ให้นักเรียนค้นหาและเขียน ความหมายลกั ษณะความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต
ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต
ลงชอื่ ……………………………..ครผู ู้สอน
ใบงานท่ี ๑๒ หน่วยที่ ๒ ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จงั หวัด……..……..………….…
เรื่อง การลงโทษทางสังคมในชมุ ชน
ภาคเรียนที่……………………. ปกี ารศกึ ษา..……..………….…
ชื่อ…………………………………นามสกลุ …………………ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งรปู แบบการลงโทษทางสังคมในปจั จบุ ัน โดยเขยี นในรูปแบบแผนผงั ทก่ี าหนดให้
รูปแบบการงโทษ
ลงช่ือ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงานท่ี ๑๓ หน่วยท่ี ๒ ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เร่ือง กรณีตวั อย่างความละอายและความไม่ทน ต่อการทจุ ริตของชมุ ชน
ภาคเรยี นที่……………………. ปกี ารศกึ ษา..……..………….…
ชือ่ …………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นเขียนบทบาทและหน้าท่ีของเยาวชนทีด่ ีตอ่ ชุมชน ลงในชอ่ งวา่ งที่กาหนดให้
บทบาทและหน้าทีข่ องเยาวชนที่ดี
ลงชอื่ ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบงานท่ี ๑๔ หน่วยที่ ๓ STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นการทุจรติ
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จังหวัด……..……..………….…
เร่ือง การปฏิบตั ิเพือ่ ให้เกิดความพอเพียง บนพ้ืนฐานการไม่ทจุ รติ
ภาคเรียนท่ี……………………. ปกี ารศกึ ษา..……..………….…
ชือ่ …………………………………นามสกุล…………………ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นเขียนความหมายของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง พร้อมยกตัวอย่างให้ถูกตอ้ ง
หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
พอประ คอื ..............................................................................................................................
ยกตัวอยมา่ างนเชน่ ......................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
มเี หตผุ ล คือ ...............................................................................................................................
......................................................................................................................................
ยกตัวอยา่ ง เชน่
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
มีภูมิค้มุ กันใน คือ ..............................................................................................................................
.....................................................................................................................................
ตัวทีด่ ี
.
ยกตัวอยา่ ง เช่น
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
พอประ คือ ..............................................................................................................................
ยกตัวอยมา่ างนเชน่ .......................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
ลงช่อื ……………………………..ครผู ้สู อน
ใบความรู้
เรือ่ ง หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นปรัชญาในการดาเนนิ ชีวิตทต่ี ั้งอยู่บนพน้ื ฐานของทางสายกลางและ
ความไม่ประมาท โดยคานึงถงึ ลักษณะ ๓ ประการ ดังน้ี
๑. พอประมาณ คอื ความพอดีไมน่ ้อยเกินไป ไมม่ ากเกนิ ไป หรอื ไมส่ ุดโต่งไปข้างใดข้างหน่ึงและ
ต้องไม่เบียดเบยี นตนเองและผอู้ น่ื
๒. มีเหตุผล คือ การตดั สินใจ การกระทา การลงทุนทุกอยา่ งตอ้ งเป็นไปอย่างมีเหตผุ ล คานงึ ถงึ
เหตุปจั จัยทเี่ กีย่ วข้องและผลที่คาดวา่ จะเกดิ ขึ้นอย่างรอบคอบ
๓. มภี มู คิ ้มุ กันในตัวทด่ี ี คือ การเตรยี มตวั ใหพ้ ร้อมท่ีจะเผชิญผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลง
ด้านตา่ งๆ ทีอ่ าจเกดิ ข้นึ จากทงั้ ภายในและภายนอก
เงื่อนไข ๒ ประการ ดงั น้ี
๑. เง่อื นไขความรู้ คอื มีความรอบรู้รอบคอบ และระมดั ระวังในการนาความรู้วทิ ยาการ
เทคโนโลยตี ่างๆ มาใช้
๒. เง่ือนไขคณุ ธรรม คอื มีความตระหนัก มีความซอ่ื สัตยส์ ุจริต มีความอดทน มีความเพียร และ
ใชส้ ติปญั ญาในการดาเนนิ ชวี ิต
นาไปสู่ ๔ มติ ิ ดงั นี้
๑. เศรษฐกจิ
๒. สงั คม
๓. สง่ิ แวดลอ้ ม
๔. วัฒนธรรม
ใบงานที่ ๑๕ หน่วยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพียงต้านการทจุ รติ
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จังหวัด……..……..………….…
เรอ่ื ง การปฏบิ ตั เิ พื่อใหเ้ กดิ ความโปร่งใส บนพืน้ ฐานการไม่ทุจรติ
ภาคเรียนที่……………………. ปกี ารศึกษา...................................
ชอื่ …………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาช้แี จง : ให้นักเรียนเขยี นความหมายและยกตวั อย่างความโปร่งใส บนพื้นฐานการไมท่ จุ รติ ลงในชอ่ งว่างที่กาหนดให้
ความโปรง่ ใส บนพ้ืนฐานการไมท่ จุ รติ
ความโปร่งใส หมายถึง
ตัวอย่าง เช่น
ความโปร่งใส
ลงชื่อ……………………………..ครผู สู้ อน
ใบงานท่ี ๑๖ หน่วยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นการทุจรติ
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เร่ือง การปฏิบตั ิเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความตน่ื รบู้ นพืน้ ฐาน การไมท่ ุจรติ
ภาคเรยี นท่ี……………………. ปีการศกึ ษา...................................
ชอ่ื …………………………………นามสกุล…………………ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนเขียนความหมายและยกตวั อย่างการตื่นรู้ได้ ลงในชอ่ งว่างทกี่ าหนดให้
“ตน่ื ” “รู้” และ “ต่ืนรู้”
ตนื่ รู้ หมายถึง
ตัวอย่าง เช่น การกระทาใดทม่ี ีการตืน่ ร้ไู ด้
ตืน่ ร้ไู ด้
ลงชื่อ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงานท่ี ๑๗ หนว่ ยที่ ๓ STRONG : จติ พอเพียงต้านการทจุ ริต
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เรือ่ ง การปฏิบัติเพ่ือให้เกดิ การมุ่งไปขา้ งหนา้ บนพื้นฐานการไมท่ ุจริต
ภาคเรียนท่ี……………………. ปกี ารศึกษา...................................
ชื่อ…………………………………นามสกุล…………………ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนเขยี นความหมายและอภปิ รายบทความ ลงในช่องวา่ งท่ีกาหนดให้
มงุ่ มัน่ ตงั้ ใจ
ความมงุ่ มน่ั ตง้ั ใจ หมายถงึ
อ่านบทความท่ีกาหนดให้ พรอ้ มอภิปรายบทความ
หากนกั เรียนและเพ่อื น ๆ ในห้องได้รับมอบหมายใหป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ทใี่ นการรบั รองแขกผู้ใหญท่ ีม่ าเย่ียมชมศกึ ษาดูงานที่โรงเรยี น
ในวนั หยดุ จะมีวิธกี ารอย่างไรที่จะทาใหก้ ารปฏิบตั ิงานนั้นประสบความสาเรจ็ เป็นท่ีพงึ พอใจของแขกผูม้ าเยอื น และเพอื่ นๆทกุ คนให้
ความร่วมมอื รว่ มใจในการปฏิบัตงิ าน แต่เน่ืองจากในวันท่ปี ฏบิ ัตงิ านดงั กล่าวเป็นวันหยุด จงึ มีเพือ่ นบางคนท่ีไม่มาปฏบิ ัตหิ น้าทท่ี ี่
ไดร้ ับมอบหมาย นักเรียนจะมีวธิ กี ารแกไ้ ขอย่างไร จงช่วยกันหาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาดังกลา่ ว
มุ่งมัน่ ตัง้ ใจ
ลงชือ่ ……………………………..ครูผูส้ อน
ใบงานที่ ๑๘ หนว่ ยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพียงตา้ นการทุจริต
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เรอื่ ง การปฏบิ ัติเพือ่ ให้เกิดความรบู้ นพนื้ ฐานการไม่ทจุ ริต
ภาคเรียนท่ี……………………. ปีการศกึ ษา...................................
ชือ่ …………………………………นามสกลุ …………………ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนถอดองค์ความรู้เร่ือง บทละคร 1 บทสนทนา จากเร่ืองท่ีสะท้อนให้เห็นถงึ การปฏบิ ัติไม่ทุจริต
ตามแบบของSTRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ ลงในช่องว่างท่ีกาหนดให้
บทสนทนาของตวั ละคร
T
S R
O
การทาแบบ
STRONG N
G
ลงชื่อ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงานท่ี ๑๙ หน่วยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพยี งต้านการทจุ รติ
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เรื่อง การปฏบิ ัติเพอ่ื ใหเ้ กิดความเอือ้ อาทร บนพ้ืนฐานการไม่ทุจรติ
ภาคเรยี นท่ี……………………. ปีการศึกษา...................................
ชอ่ื …………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเขยี นความหมายและยกตวั อย่างความเออ้ื อาทร ลงในช่องว่างที่กาหนดให้
ความเอ้ืออาทร
ความเอ้ืออาทร หมายถึง
ตัวอยา่ ง เชน่ ความเออ้ื อาทร
การเออื้
อาทร
ลงช่ือ……………………………..ครผู ู้สอน
ใบงานท่ี ๒0 หนว่ ยท่ี ๔ พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เร่อื ง ความหมายของคาวา่ พลเมืองและที่มาของคาวา่ พลเมือง
ภาคเรียนท่ี……………………. ปีการศึกษา...................................
ชื่อ…………………………………นามสกุล…………………ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คาช้แี จง : ใหน้ ักเรียนเขียนลักษณะของพลเมืองที่ดี ลงในช่องว่างทก่ี าหนดให้
ลักษณะพลเมืองที่ดี
พลเมืองเสยี ของการเป็นพลเมืองไมด่ ี
หน้าท่ขี องพลเมืองที่ดี
ผลท่ีได้รับจากการเปน็ พลเมอื งท่ีดี
ลงชื่อ……………………………..ครผู สู้ อน
ใบงานท่ี ๒๑ หนว่ ยที่ ๔ พลเมอื งกบั ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม
โรงเรยี น……………………… อาเภอ……………………… จงั หวัด……..……..………….…
เรื่อง การเปรียบเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งราษฎรกับพลเมอื ง
ภาคเรียนท่ี……………………. ปกี ารศกึ ษา...................................
ช่ือ…………………………………นามสกุล…………………ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คาช้แี จง : ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์แสดงถงึ บทบาทหน้าทพี่ ลเมืองดีตอ่ สังคมและประเทศชาติ ลงในช่องว่างทก่ี าหนดให้
บทบาทหนา้ ท่ีพลเมอื งดตี ่อสังคมและประเทศชาติ
1.)
5.)
2.)
6.
3.)
4.) 7.)
8.)
ลงชอื่ ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบงานที่ ๒๒ หน่วยท่ี ๔ พลเมืองกับความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
โรงเรียน……………………… อาเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เร่อื ง การสรา้ งสานกึ ความเปน็ พลเมืองตอ่ สังคม
ภาคเรียนที่……………………. ปกี ารศึกษา...................................
ชื่อ…………………………………นามสกุล…………………ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑/…….เลขท…ี่ ……
คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนเขียนเรยี งความ เรือ่ ง สรา้ งสานึกความเป็นพลเมอื งดี ตัวบรรจงคร่ึงบรรทดั ความยาว ๒๐ - ๒๕
บรรทดั ลงในชอ่ งว่างที่กาหนดให้
เรยี งความ เร่ือง สร้างสานกึ ความเปน็ พลเมืองดี
ลงช่ือ……………………………..ครูผ้สู อน
ใบความรู้เรอ่ื ง ความเป็นพลเมือง
ความหมายของพลเมืองท่ีดี พลเมืองดีหมายถงึ ผทู้ ่ีปฏิบตั ิหนา้ ทพ่ี ลเมืองได้ครบถ้วน ท้งั กิจท่ตี อ้ งทา
และ กิจทค่ี วรทาหน้าท่ี หมายถงึ กิจที่ตอ้ งทา หรือควรทา เป็นสิ่งทีก่ าหนดให้ทา หรอื หา้ มมิให้กระทาถ้า
ทาก็จะกอ่ ให้เกิดผลดเี กิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว หรอื สงั คมส่วนรวมแลว้ แต่กรณี
ระเบยี บวนิ ยั คือ คุณสมบตั ทิ ่ีสาคัญในการดาเนนิ ชีวิต ความสามารถของบุคคลในการควบคมุ อารมณ์
และพฤติกรรมของตนเอง ใหเ้ ป็นไปตามทีม่ ่งุ หวัง โดยเกิดจากการสานึก ซ่งึ ต้องไมก่ ระทาการใดๆ อนั
เปน็ ผลทาให้เกดิ ความยุ่งยากแก่ตนเองในอนาคต หากแตต่ ้องเป็นสิง่ ที่ก่อใหเ้ กิดความเจรญิ รุ่งเรืองแก่
ตนเองและผู้อื่นโดย
กฎ คอื ข้อบงั คบั ทอ่ี ย่ใู นความเปน็ จรงิ เพือ่ ไมใ่ ห้เกดิ ความเสียหายต่อทรัพยส์ นิ และ ชีวิต ระเบยี บ
วินัย น้ันเป็นสิ่งซงึ่ มีความสาคญั ยงิ่ โดยเฉพาะกบั นกั เรยี นหรอื เยาวชน อนั จะเป็นกาลังอย่างมาก
ในการพฒั นาประเทศ
กตกิ า คือ กฎเกณฑข์ ้อตกลง หรือขอ้ กาหนด ทบี่ ุคคลตั้งแต่ ๒ ฝ่ายไปใช้เปน็ หลักปฏบิ ัติเพอ่ื ให้เกดิ
ความเป็นธรรมแกท่ ุกฝา่ ย