The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kamthorn Saeiew, 2022-07-13 01:52:53

พอลิเมอร์

พอลิเมอร์

เคมี 5 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

พอลเิ มอร์

• พอลเิ มอร์ (polymer) หมายถึงสารสงั เคราะหท์ ่มี โี มเลกุลขนาดใหญ่ ซ่ึงเกิด
จากการรวมตวั ของหน่วยเล็กๆ ทเ่ี รยี กว่า มอนอเมอร์ เขา้ ดว้ ยกัน

• “พอลเิ มอร์” มาจากคากรีกสองคา คอื poly แปลว่าหลายๆ หรือมาก + mer
แปลว่าหนว่ ยหรือส่วน

• มอนอเมอร์ (Monomer) ซึง่ เป็นสารตง้ั ตน้ ของพอลิเมอร์

กระบวนการเกดิ พอลิเมอร์

กระบวนการเกดิ พอลิเมอร์ (Polymerization) แบง่ ออกไดเ้ ป็น

แบบควบแน่น (Condensation Polymerization)
คือ ปฏกิ ิริยาการรวมตวั ทางเคมีของสารโมเลกลุ เล็ก หรอื โมโนเมอร์ ได้สารโมเลกุลใหญ่

หรอื พอลิเมอร์ และไดส้ ารโมเลกลุ เลก็ ๆ เช่น น้า แอลกอฮอล์ แอมโมเนยี หรือไฮโดรเจน เปน็ ผล
พลอยได้

แบบต่อเตมิ (Addition Polymerization)
ปฏิกริ ิยาการรวมตวั ทางเคมขี องสารโมเลกุลเล็กหรอื โมโนเมอร์ แลว้ ได้สารโมเลกุลใหญ่

หรือพอลิเมอร์เพียงอย่างเดียว (ไมม่ ีผลพลอยได)้ พอลเิ มอรท์ ่เี กิดจากแบบตอ่ เติมนีส่วนใหญจ่ ะ
เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน เชน่ พอลิเอทลิ ีน พอลิไวนิลคอลไรด์ เปน็ ตน้

กระบวนการเกดิ พอลิเมอรแ์ บบควบแนน่

กระบวนการเกดิ พอลเิ มอร์แบบเตมิ

โครงสรา้ งของพอลเิ มอร์

โครงสร้างแบบสายยาวหรือสายโซ่ (Straight Chain Structure)
พอลิเมอร์ท่ีมีโครงสร้างแบบนี้เกิดจากโมโนเมอร์มาเรียงต่อกันโดยปฏิกิริยา

เคมี เป็นเส้นตรงคล้ายเส้นด้าย เช่น พอลิเอทิลีน พอลิสไตรีน และเซลลูโลส เกิดจาก
โมโนเมอร์ ชนิดทมี่ ีตาแหนง่ ทวี่ ่องไวต่อปฏิกิรยิ าเคมเี พยี ง 2 ตาแหน่ง

โครงสรา้ งของพอลเิ มอร์

โครงสรา้ งพอลิเมอร์แบบสาขา
พอลิเมอรช์ นิดน้ีมี สาขาโซแ่ ตกออกไปจากโซห่ ลกั เกิดจากโมโนเมอรช์

นิดทีม่ ีตาแหนง่ ทไี่ วตอ่ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 2 และ 3 ตาแหน่ง ตวั อย่าง เช่น เมลามีนฟอร์
มลั ดีไฮด์ ไกลโคเจน พอลิเอทิลนี แบบสาขา เป็นตน้

โครงสร้างของพอลเิ มอร์

โครงสร้างพอลเิ มอร์แบบตาขา่ ย
โครงสร้างแบบนเ้ี กดิ จากการเชื่อมโยงระหวา่ งโครงสร้างแบบสายยาว

และแบบสาขามาเชื่อมต่อกนั เปน็ ร่างแห มกี ิง่ สาขาเชอื่ มโยงภายในโมเลกลุ หรือ
กับโมเลกุลอ่นื เช่น โมเลกุลของแป้งและ เบเคไลต์ (ฟีนอล-ฟอร์มัลดีไฮด์)



พลาสตกิ มีมากมายหลายชนดิ แตล่ ะชนดิ มีสมบตั ิต่างๆ กัน เชน่ ความ
ทบึ แสง โปรง่ แสง โปร่งใส ความแข็ง การโค้งงอ การตดิ ไฟยาก-ง่ายตา่ งกัน บาง
ชนิดไหมไ้ ฟเปน็ เถ้าถ่าน แต่บางชนิดหลอมเหลวได้เมือ่ รอ้ น เป็นตน้

การจดั ประเภทพลาสตกิ โดยใชล้ ักษณะของพลาสติกเมอื่ ไดร้ บั ความรอ้ น
เปน็ เกณฑน์ ั้น สามารถจาแนกประเภทพลาสติกได้เปน็ 2 ประเภทคอื

• เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic ยอ่ วา่ TP)
• เทอร์โมเซต (Thermoses ย่อวา่ TS)

พอลเิ มอร์นำไฟฟ้ำ

• พอลเิ มอรส์ ่วนใหญม่ ีสมบตั ิเป็นฉนวนไฟฟา้ ตอ่ มามกี ารคน้ พบวา่ พอลเิ มอร์บาง
ชนิดสามารถนาไฟฟา้ ได้ เช่น พอลิอะเซทลิ นี

• หลักการนาไฟฟ้าไดก้ ารศึกษา โดยฮเิ ดะกิ ชริ ะกะวะ , แอลัน เจ ฮีเกอร์ , แอลัน จี
แมกไดอาร์มดิ จนได้รับรางวลั โนเบลสาขาเคมี ปี พ.ศ.2543

• พอลอิ ะเซทลิ นี มีโครงสร้างทเ่ี อ้อื ต่อการเคลอื่ นท่ขี องอิเล็กตรอนในสายพอลเิ มอร์

ฮเิ ดะกิ ชิระกะวะ

▪ โครงสร้างของพอลิอะเซทลิ นี ประกอบดว้ ยพันธะเดยี่ วกับสลับพนั ธะคู่ตลอด
สารพอลเิ มอร์

▪ ทาให้อเิ ล็กตรอนของพันธะค่สู ามารถเคล่อื นย้ายไดต้ าแหนง่ บนสายโซ่พอลิ
เมอร์ไดเ้ กิดเปน็ โครงสรา้ งเรโซแนนซ์

พอลอิ ะเซทลิ ีน

• เมือ่ มกี ารเตมิ สารทีเ่ ปน็ ตัวออกซิไดสห์ รอื ตัวรีดิวซ์ จะทาใหพ้ อลอิ ะเซทลิ ีนนา
ไฟฟา้ ไดด้ ขี ึ้น

• การนาไฟฟ้าไม่เสถยี รพอท่จี ะใช้งานได้ จงึ มีการพฒั นาพอลิเมอร์นาไฟฟ้าชนิด
อ่ืน เช่น

พลาสตกิ

พอลเิ มอรเ์ ทอรม์ อพลาสติก

เป็นพลาสติกที่ถูกความร้อนแล้วอ่อนตัวหรือหลอมเหลวที่ให้รูปร่าง
เปลี่ยนไปแล้วสามารถเอากลับไปหลอมใหม่เป็นรูปเดิมหรือรูปอ่ืนได้ โดยท่ีสมบัติ
ยังคงเหมือนเดมิ และสามารถเปลยี่ นกลบั ไปกลับมาไดต้ ลอด

พอลิเมอร์เทอรม์ อเซต

เป็นพลาสติกท่ถี ูกความรอ้ นแลว้ ไม่ออ่ นตัวแตถ่ ้ารอ้ นมากจะไหม้เป็นถ่าน
เราเรียกพลาสติกประเภทนวี า่ พลาสตกิ คงรปู เนอ่ื งจากในกระบวนการผลติ ไดเ้ กิด
ความแขง็ แรงมาก สลายตวั ได้ยาก

พลาสตกิ

สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกแห่งอเมริกา (The Society of the Plastics
Industry,Inc.)ได้ก้าหนดสัญลักษณ์มาตรฐานของพลาสติกยอดนิยมกลุ่มต่างๆ ท่ี
สามารถน้ากลับมาหมุนเวียนหรือที่เรียกว่าการรีไซเคิล (Recycle)ไว้ 7 ประเภท
หลักๆ



อันตรายจากการใชพ้ ลาสตกิ

▪ ผทู้ ่ีใช้ถงุ พลาสตกิ ทีเ่ ปน็ สีตา่ ง ๆ อาจไดร้ ับอนั ตรายจากเม็ดสีที่เตมิ เข้าไป ซ่งึ
มีสว่ นผสมของตะกั่วและแคดเมยี ม

▪ ตะก่ัวอาจก่อใหเ้ กิดผลเสยี ตอ่ การทางานของระบบประสาทสว่ นกลาง หมด
สติ ทางเดินหายใจขดั ข้อง หัวใจวาย หรืออาจตายได้

▪ แคดเมยี มมีผลทาลายเซลและเนือ้ เยอ่ื ของไตทาให้เกดิ ภาวะไตอักเสบรนุ แรง
▪ การเผาพลาสติกบางประเภทเช่น โพลเี อทลิ นี กอ่ ใหเ้ กิดสารอะซิทลั ดไี ฮด์

และฟอร์มลั ดีไฮด์ ซงึ่ ทัง้ สองสารนต้ี ้องสงสยั วา่ จะเป็นสารกอ่ มะเรง็

ยาง

• ยางธรรมชาติ

• “เป็นสารพอลิเมอร์ชนิดหนึ่งซ่ึงได้มา
จากต้นไม้ น้ายางธรรมชาติจะมี
ลักษณะเปน็ สีขาวเหมือนน้านม

• ยางธรรมชาติ เกิดจากโมเลกุลของไอ
โซปรีนหลาย ๆ โมเลกุลมาต่อกันเป็น
สายพอลเิ มอร์”

• ยางสงั เคราะห์

• “สาเหตทุ ่ที าให้มีการผลิตยางสังเคราะหข์ ึน้ ในอดีต เนอ่ื งจากการขาดแคลนยาง
ธรรมชาตทิ ี่ใชใ้ นการผลิตอาวุธยทุ โธปกรณแ์ ละปัญหาในการขนส่งจากแหลง่
ผลติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปจั จุบนั ไดม้ กี ารพัฒนาการผลิตยาง
สังเคราะห์ เพอ่ื ใหไ้ ดย้ างท่ีมคี ุณสมบัตติ ามต้องการในการใช้งานท่ีสภาวะต่าง ๆ
เช่น ที่สภาวะทนตอ่ นา้ มนั ทนความรอ้ น ทนความเยน็ เป็นตน้ ”


Click to View FlipBook Version