The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กลุ่มที่ 7 Searching for the abstract

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mai75364, 2022-01-05 02:20:11

กลุ่มที่ 7 Searching for the abstract

กลุ่มที่ 7 Searching for the abstract

ชอื่ เร่ือง ผมในศลิ ปะกรกี โบรำณและคลำสสกิ : แนวทำงมำนุษยวิทยำ
ผแู้ ต่ง สโตเนอร์, ลเิ ลยี น บำรต์ เลต็
ปี ที่พมิ พ์ 2017
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์
บทคดั ยอ่

นกั มานุษยวทิ ยาและนกั สงั คมวทิ ยาไดใ้ หค้ วามสนใจในการศกึ ษาจานวนมากตงั้ แต่ปลายศตวรรษท่ี 19
โดยสงั เกตถึงความสาคญั ของพฤตกิ รรมของเสน้ ผมในระหว่างพิธีกรรมและวธิ ีการที่ชุมชนในวฒั นธรรมตา่ งๆ
ควบคุมส่วนของร่างกายท่ีแสดงออกถึงความแตกต่างน้ีโดยเฉพาะเพ่ือส่งสัญญาณถึงการรวมและการ
เปลย่ี นแปลงสถานะ แมว้ า่ ทรงผมในสมยั โบราณของกรีกและโรมนั มกั เป็ นหวั ขอ้ ที่นกั วิชาการใหค้ วามสนใจ แต่
ไมม่ กี ารศึกษาความหมายของเสน้ ผมในศิลปะกรีกอย่างเป็ นระบบมาก่อน วิทยานิพนธน์ ้ีสารวจเส้นผมในสมยั
โบราณและยคุ คลาสสกิ ในหลากหลายวธิ ี โดยเนน้ ทวี่ ธิ ีที่มนั สามารถแบ่งเขตภาพในอุดมคติและสถานการณจ์ าก
ส่งิ ทวี่ ุน่ วายและอนั ตรายดว้ ยสายตา ขนถอื เป็นทงั้ ในทางปฏิบตั แิ ละเป็ นสญั ลกั ษณท์ ่ีสมั พนั ธก์ บั การรวมบทบาท
ทางเพศในสงั คมกรีก โดยมุ่งเนน้ ที่ศกั ยภาพทางกาม ตลอดจนความสาคญั ของการดูแลตนเองและการดแู ล
ตนเองในการจดั ตง้ั สมาชกิ ในชมุ ชนเพอ่ื ตอ่ ตา้ นตวั ละครท่ีไม่เสถียรซึ่งพบภายนอก ขอบเขตของสงั คมในตานาน
ความสามารถอนั เป็นเอกลกั ษณข์ องเสน้ ผมในการส่งสญั ญาณถงึ ลาดบั พลงั งาน และอารมณ์ แสดงใหเ้ ห็นโดย
ใชว้ สั ดุภาพทม่ี ชี วี ติ รอดจานวนมาก โดยเนน้ ท่กี ารวาดภาพแจกนั และประตมิ ากรรม

ชอ่ื เรอื่ ง น้ำตำของเรำ: กำรตอ้ นรบั ของธอร์นตนั ไวล์เดอร์และอะเมริคำนิเคชน่ั ของละตินและกรีก
คลำสสกิ

ผแู้ ต่ง โรจเซวิช, สตเี ฟน เจ.
ปี ที่พมิ พ์ 2017
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์
บทคดั ยอ่

ขา้ พเจา้ โตแ้ ยง้ ในวทิ ยานิพนธน์ ้ีวา่ ธอรน์ ตนั ไวลเ์ ดอรเ์ ป็นกวนี ิพนธ์ นกั เขียนบทละครและนกั ประพนั ธท์ ี่มีความรู้ ผูซ้ งึ่
ตง้ั ตนอยู่ในประเพณีคลาสสิกอย่างมสี ติ สรา้ งสรรคผ์ ลงานท่ีหลอมรวมวรรณคดีกรีกและละติน เปล่ียนความเขา้ ใจของเรา
เก่ียวกบั วรรณกรรมคลาสสกิ ผ่านแง่มมุ ทสี่ อดแทรกระหวา่ งงานเขียนของเขา . วิลเดอรไ์ ม่เคยเดินตามแบบจาลองโบราณของ
เขาอย่างฟ่ มุ เฟือย วลิ เดอรต์ อ่ สูก้ บั วรรณกรรมคลาสสิกไมเ่ พยี งแคผ่ ่านนิยายของเขาในสมยั โบราณเท่านั้น แต่ยงั รวมถึงผลงาน
ทางวรรณกรรมของเขาดว้ ย ผสมผสานอิทธพิ ลคลาสสิกเขา้ กบั แหล่งขอ้ มลู ในพระคมั ภีรไ์ บเบิล ยุคกลาง เรเนสซองส์ สมยั ใหม่
ตอนตน้ และสมยั ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ไวลเ์ ดอรไ์ ดแ้ สดงบทละครของอิทธิพลเหล่าน้ี โดยเป็ นไปตามสิ่งท่ีเขาอธิบายในการ
สมั ภาษณท์ างหนงั สอื พิมพช์ ว่ งแรกวา่ เป็นภารกจิ ของนกั เขียนชาวอเมริกนั : การผสมผสานงานคลาสสิกเขา้ กบั จิตวิญญาณของ
ชาวอเมริกนั

ผ่านการอา่ นอยา่ งใกลช้ ดิ การตรวจสอบร่างตน้ ฉบบั รายการบนั ทึก และจดหมายโตต้ อบ และการวเิ คราะหท์ างปรชั ญา
ฉนั สารวจการพฒั นาลวดลายคลาสสิกของไวลเ์ ดอร์ รวมถึงปราชญเ์ พศหญิง การแข่งขนั คบเพลิงของวรรณกรรม ฮีโร่ของโฮ
เมอร์ และการแพร่กระจายของป๋ ุย นวนิยายทต่ี พี มิ พค์ รง้ั แรกของไวลเ์ ดอร์ เรื่อง เดอะคาบาลา แสดงใหเ้ หน็ ถึงการระบุตวั ตนของ
เขากบั เวอรจ์ ลิ ในฐานะผูส้ บื ทอดตาแหน่งชาวอเมริกนั ของกวลี ะตนิ เมอื่ ใชท้ ุนสตรีนิยม ฉนั ตรวจสอบบทบาทของนกั ปราชญห์ ญิง
ในนวนิยายและบทละครของไวลเ์ ดอร์ รวมถึงตวั อย่างของเอมิล่ี ดิกคินสนั ดว้ ย เป็ นตวั อย่างอุปมาอุปไมยวรรณกรรมของไวล์
เดอร์ วา่ เป็น "การแข่งขนั คบเพลิง" โดยอิงจากลูเครเชยี สและเพลโตวรรณกรรมเป็ นการแข่งขนั ผลดั กนั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ความ
รว่ มมอื ของผคู้ นและวฒั นธรรมมากมาย แทนทีจ่ ะเป็นการแข่งขนั อยา่ งหมดจด

ชอื่ เรอื่ ง ร่ำงกำยฝ่ ำยวิญญำณและชวี ิตหลงั ควำมตำยของประชำธิปไตยโบรำณในยุค
เปำลนิ ตอนตน้
ผูแ้ ต่ง เพยน์ , สตเี วน ที.
ปี ทีพ่ มิ พ์ 2019
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

“ร่างฝ่ ายวญิ ญาณและชวี ติ หลงั ความตายของระบอบประชาธิปไตยสมยั โบราณในลทั ธิเปาลินตอนตน้ ” ใหแ้ สงสวา่ งแก่ส่วนท่ีเชื่อมโยงของ
ความยงุ่ ยากซบั ซอ้ นเป็ นพิเศษในศตวรรษที่ 2 และ 3 เกย่ี วกบั คาสอนของเปาโลเกี่ยวกบั “กายวญิ ญาณ” ทีฟ่ ้ื นคืนพระชนมห์ รือ “ร่างกายลม” ของ 1
โครินธ์ 15 โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงโดยการอ่านการตีความงานเขียนของเปาโลในบริบทของการเส่ือมถอยในปัจจุบนั ของระบอบประชาธิปไตยกรีก ไม่วา่
เปาโลเองจะตง้ั ใจทจี่ ะปลุกระดมมรดกอนั เป็ นตานานของระบอบประชาธิปไตยดว้ ยถอ้ ยคาทเี่ ป็นแนวประชาธิปไตยแบบคลาสสกิ เชน่ เอกเคลเซีย พาร์เร
เซีย หรืออลิ ูเธอเรีย วทิ ยานิพนธฉ์ บบั น้ีใหเ้ หตุผลวา่ ผูอ้ า่ นชว่ งแรกๆ ของเขาบางคนเริ่มใหค้ วามสนใจกบั เสยี งอนั ไพเราะในระบอบประชาธิปไตยในสมยั
โบราณของคณะทางานของเขาและพวกเขา สามารถทาไดอ้ ย่างแม่นยาเน่ืองจากความคิดท่ีวา่ ร่างกายลมลื่นมาก การศึกษาน้ีช้ีใหเ้ ห็นวา่ มนั เป็ น
ความสามารถท่ีไมไ่ ดพ้ ูดออกมาของตวั นิวแมติกท่ีจะกระตุน้ ความเทา่ เทียมท่ีเป็ นประชาธิปไตยมากข้ึนเหล่าน้ีในงานเขียนของเปาโล ซ่ึงทาใหก้ งั วล
โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ กบั พรรคพวกในยคุ แรกๆ และส่วนใหญ่ที่มีเสียงรอ้ งของการฟ้ื นคืนพระชนมท์ างเน้ือหนงั แมว้ า่ จะโดยไม่รูต้ วั ก็ตาม ดงั นน้ั ในการ
อภิปรายเชิงอรรถในเบ้ืองตน้ เกย่ี วกบั 1 โครินธ์ 15 เหลา่ น้ี “เน้ือหนงั ” และ “ปอดบวม” จงึ กลายเป็นรหสั บางสว่ นและบางทอี าจเป็นรหสั ลบั โดยไมไ่ ด้
ตงั้ ใจ สาหรบั การคงไวซ้ ่งึ ระบอบการแบง่ แยกทางสงั คมโดยบงั เอญิ ในแงห่ น่ึง และอาจจะทาใหอ้ ารมณเ์ สียได้ อ่นื ๆ. การโตเ้ ถียงเชงิ สอ่ื ความหมายน้ีดูด
ซบั แรงดึงดูดทางสงั คมเมอ่ื เกิดข้ึน นนั่ คือในชว่ งคร่ึงหลงั ของศตวรรษท่สี องและครึ่งแรกของปีท่ีสาม เพราะนี่เป็นกรอบเวลาที่ระบอบประชาธิปไตยของ
กรีกเองเริ่มประสบกบั ความพา่ ยแพท้ แี่ กไ้ ขไมไ่ ดอ้ นั เน่ืองมาจากการเติบโตแบบทวีคูณ ในทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียนตะวนั ออกของท่ีดินวุฒิสมาชิกขนาด
ใหญท่ ี่ไดร้ บั การยกเวน้ ภาษเี ทศบาล แมว้ า่ ระบอบประชาธปิ ไตยในสมยั โบราณจะหายไปในไมช่ า้ และความคดิ เรื่องการฟ้ื นคนื พระชนมใ์ นเน้ือหนงั ก็มีชยั
ในที่สุด แตก่ ารศึกษาน้ีสรุปวา่ เรือนร่างลมทาใหผ้ ูอ้ ่านยุคแรกๆ ของ Paul บางคนมีแหล่งขอ้ มูลเชิงแนวคิดท่ีไม่ซา้ ใคร ซึ่งทาใหพ้ วกเขาสามารถ
ลงทะเบียน ไวท้ ุกข์ เอาตวั รอด หรือแมแ้ ตโ่ ตแ้ ยง้ การเสือ่ มถอยของระบอบประชาธิปไตยในปัจจบุ นั

เพื่อใหข้ อ้ โตแ้ ยง้ น้ีกา้ วหนา้ สว่ นท่ี 1 ของวิทยานิพนธฉ์ บบั น้ีไดม้ ีสว่ นร่วมในการประเมินการดารงอยูข่ องระบอบประชาธิปไตยในกรีซอยา่ ง
ครอบคลุมระหวา่ งอาจารยใ์ หญ่ บทที่ 1 ทบทวนทุนการศึกษาเกีย่ วกบั ระบอบประชาธิปไตยของกรีกในช่วงยุคเฮลเลนิสติกและโรมนั และวิเคราะหข์ อ้
สนั นิษฐานตา่ งๆ ทีเ่ กิดข้ึนภายในอยา่ งวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ สรุปไดด้ ว้ ยการจดั ทากรอบความคิดเชิงประวตั ศิ าสตรท์ ี่สรา้ งสรรคเ์ พื่อใหเ้ ขา้ ใจถึงขอ้ มูลสาหรบั
ระบอบประชาธิปไตยกรีกหลงั ยคุ คลาสสกิ บทท่ี 2 พินิจพิเคราะหค์ าจารึกหลายสิบฉบบั ซ่ึงไดร้ บั มอบหมายจากสมชั ชายอดนิยมซ่ึงเป็ นองคก์ รหลกั ใน
การปกครองและพิจารณาของระบอบประชาธิปไตยกรีกในชว่ งสองศตวรรษคร่ึงแรกและเนน้ ถึงบทบาทสาคญั ท่ีสถาบนั น้ียงั คงเล่นในหลายขวั้ ทว่ั เมดิ
เตอรเ์ รเนียนตะวนั ออกในเรื่องน้ี ระยะเวลา. ในบทที่ 3 การศึกษาน้ีตง้ั สมมติฐานวา่ เหตุใดหลกั ฐานดงั กล่าวจึงหายไปเกือบหมดหลงั กลางศตวรรษที่
สาม การลดลงอยา่ งรวดเร็วน้ียนื ยนั วา่ ไมไ่ ดเ้ ป็นเพียงอบุ ตั เิ หตุของขอ้ มลู แตบ่ ง่ บอกถึงการพงั ทลายอยา่ งรวดเร็วของสถาบันประชาธิปไตยกรีกอนั เกิด
จากการเปล่ียนแปลงทางสงั คมและเศรษฐกิจในทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียนตะวนั ออกท่เี ริ่มข้ึนในชว่ งครึ่งหลงั ของศตวรรษทสี่ อง และรบั โมเมนตมั ในสาม เมอ่ื
กาหนดฉากหลงั ทางประวตั ศิ าสตรน์ ้ีแลว้ สว่ นท่ี 2 ของวทิ ยานิพนธฉ์ บบั น้ีจะเนน้ ทีก่ ารตีความในชว่ งตน้ ของ พอลและดาเนินการอ่านขอ้ ความสามฉบบั
อยา่ งใกลช้ ิดเพ่ือเป็ นกรณีทดสอบสาหรบั วทิ ยานิพนธเ์ ก่ียวกบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งร่างกายลมกบั ประชาธิปไตยในสมยั โบราณ บทที่ 4 ตรวจสอบ
วธิ ีการทปี่ รบั ใชแ้ นวคดิ เกี่ยวกบั ร่างกายลมโดยรวม การประกอบดว้ ยลม เพื่อเขียนแบบจาลองชุมชนท่ีคุม้ ทุนไมม่ ากก็นอ้ ยในทรงกลมสวรรคส์ วรรค์
และโลก บทที่ 5 เปล่ียนเป็นภาวะขาดออกซิเจนของอารค์ อน และยว่ั ยุการสรา้ งแนวความคิดของขอ้ ความเกี่ยวกบั ตวั นิวเมติกเป็ นโหมดของศูนยร์ วมท่ี
เหมาะสมโดยเฉพาะกบั คาพดู ทีเ่ ป็ นอิสระ บทที่ 6 วเิ คราะหก์ ารอธบิ ายเชงิ อรรถทีต่ อบโตก้ บั สญั ชาตญาณของตน้ กาเนิดเกย่ี วกบั โรม และเนน้ ถึงวธิ กี ารที่
การเชื่อมโยงร่างกายของนิวแมติกกบั เสรีภาพทาใหเ้ ขาสามารถอา่ นขอ้ ความน้ีโดยขดั กบั เมล็ดพืชได้ บทสง่ ทา้ ยกล่าวถึงแนวคิดของวอลเตอร์ เบนจามิน
เก่ียวกบั ประวตั ศิ าสตรใ์ น “อูเบอร์ เดน เบกริฟฟ์ เดอร์ เกสชคิ เทอ” และปรบั ชว่ งเวลาทเี่ กือบลืมเลือนของการตอ่ สูใ้ นอดีตกบั สถานที่ปัจจุบนั ท่ีไดร้ บั
ความนิยมในการตอ่ ตา้ นเมอื งหลวงของโลก

ชอื่ เร่อื ง กำรตรวจจบั ประเภทในวชิ ำประวตั ศิ ำสตรก์ รีกโดยใชแ้ บบจำลองคำศพั ทแ์ ละตรรกะกำร
ถดถอย

ผแู้ ต่ง วอลเลอร์, อลั ลนิ
ปี ทีพ่ มิ พ์ 2020
สำนกั พมิ พ์ วทิ ยำนพิ นธ์โปรเควสต์
บทคดั ย่อ

วทิ ยานิพนธน์ ้ีใหเ้ หตผุ ลวา่ มีความเชอ่ื มโยงโดยตรงระหว่างประเภทและคาศพั ทใ์ นวชิ าประวตั ศิ าสตรก์ รีก
โบราณ เมอื่ แยกตามการแบ่งการอา้ งอิงตามบญั ญตั บิ ญั ญตั แิ ละกาหนดเวกเตอรด์ ว้ ยการนบั จานวนคาท่ีเรียบง่าย
และไมแ่ ยกยอ่ ย แบบจาลองการถดถอยเชิงเสน้ ไดแ้ ยกแยะงานประวตั ศิ าสตรข์ องเฮโรโดตสุ ธูซิดิเดส และซโี นฟอน
จากคลงั คาตรงขา้ มของคาปราศรยั ของเดมอสเทเนส ไลเซียส และไอโซเครต รวมทง้ั บทสนทนาเสวนาของซีโนโฟน
และจดหมายของเดมอสเทเนส ในการตรวจสอบความถูกตอ้ งขา้ ม 10 เท่า แบบจาลองมคี วามแมน่ ยาโดยรวม 95%
± 0.9% เมอื่ ส่วนเหล่าน้ีของขอ้ ความถูกระบุวา่ เป็ นประวตั ิศาสตรห์ รืออื่น ๆ เทียบกบั ความถูกตอ้ ง 49.6% ±
2.7% เมอ่ื ส่วนเหล่าน้ีของขอ้ ความไดร้ บั การสุ่มเลือกหนึ่งในทง้ั สองกลุ่ม นี่แสดงใหเ้ ห็นว่าคาศพั ทเ์ ป็ นตวั ทานายท่ี
ชดั เจนสาหรบั ประเภทของขอ้ ความเหล่าน้ี วิทยานิพนธน์ ้ีปิ ดทา้ ยดว้ ยความเป็ นไปไดใ้ นการประยุกตใ์ ชแ้ ละขยายผล
การคน้ พบเหลา่ น้ีไปส่ปู ระเภทอื่น ชว่ งเวลา และการตคี วามส่วนขอ้ ความที่จดั ประเภทผิด

ชอ่ื เร่อื ง กำรเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21: กำรใชเ้ ทคโนโลยีในหอ้ งเรียน
คณติ ศำสตรเ์ พอ่ื ปรบั ปรงุ ทกั ษะกำรแกป้ ัญหำ
ชอ่ื ผแู้ ต่ง เอริค มิลค์
ปี ท่ีพมิ พ์ 2019
สำนกั พมิ พ์ วทิ ยำนิพนธ์โปรเควสต์

บทคดั ย่อ
บทคดั ย่อของวิทยานิพนธข์ องเอริค มิลคส์ าหรบั ปริญญาดุษฎีบณั ฑิตในโครงการผูน้ าทางการศึกษาที่

นาเสนอในเดอื นกรกฎาคม 2019

หวั ขอ้ : ศตวรรษท่ี 21 การเรียนรู:้ การใชเ้ ทคโนโลยีทางคณิตศาสตรห์ อ้ งเรียนเพื่อพฒั นาทกั ษะการ
แกป้ ัญหาทักษะการเรียนรูแ้ ห่งศตวรรษท่ี 21 เช่น ความคิดสรา้ งสรรค์ นวตั กรรม การคิดเชิงวิพากษ์ การ
แกป้ ัญหา การส่ือสาร การทางานร่วมกนั และการตระหนกั รูใ้ นระดบั โลกเป็ นคุณลกั ษณะที่จาเป็ นท่ีนกั เรียน
จาเป็นตอ้ งประสบความสาเรจ็ ในศตวรรษท่ี 21 เศรษฐกจิ โลกที่แข่งขนั ได้ การศึกษาวจิ ยั เชิงปฏิบตั กิ ารน้ีสารวจว่า
การแกป้ ัญหาคือเสริมดว้ ยการใชเ้ ทคโนโลยีในหอ้ งเรียนคณิตศาสตร์ ผลการศึกษาเผยท่ีครูรบั รูว้ ่าทกั ษะการ
แกป้ ัญหาของนกั เรียนไดร้ บั การปรบั ปรุงดว้ ยการใชเ้ ทคโนโลยี โดยสมมติใหเ้ ทคโนโลยีน้ันมาพร้อมกบั ความ
เหมาะสมโครงสรา้ งพ้นื ฐาน และเงินทนุ ท่จี ดั สรรไวส้ าหรบั : การบารุงรกั ษา ฮารด์ แวรแ์ ละซอฟต์แวรก์ ารอพั เกรด
และเจา้ หนา้ ท่สี นบั สนุนดา้ นเทคโนโลยที จี่ าเป็นเพ่อื ใหม้ นั่ ใจในการบารุงรกั ษาอุปกรณ.์



ชอ่ื เรอื่ ง กำรพฒั นำและกำรประยกุ ต์ใชแ้ บบจำลองแนวคดิ สำหรบั กำรวิเครำะหข์ อ้ เสนอแนะเชงิ

ชอื่ ผแู้ ต่ง นโยบำยสำหรบั กำรศกึ ษำดนตรใี นสหรฐั อเมรกิ ำ
ปี ทีพ่ มิ พ์ คำร์ล่ำ อ.ี อำกีลำ่ ร์
2011

สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์

บทคดั ย่อ

ในอดตี วชิ าชพี ดนตรศี กึ ษาไดส้ ง่ ตอ่ ขอ้ เสนอแนะดา้ นนโยบายของรฐั บาลกลางคอ่ นขา้ งไม่วจิ ารณ์ โดยไม่มีหลกั ฐานว่า

ไดร้ บั แจง้ จากวรรณกรรมในการกาหนดนโยบายหรือการวิเคราะห์ หรือไดด้ าเนินการทบทวนกระบวนการสรา้ งและวิเคร าะห์

นโยบายอยา่ งเป็ นระบบ วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาน้ีคอื เพือ่ ทาความเขา้ ใจกระบวนการตดั สินใจของการประชุมระดบั ชาติของนกั

การศึกษาดนตรี เกี่ยวกบั การตอบสนองตอ่ มาตรฐานการศกึ ษาดนตรีแหง่ ชาติ ศลิ ปะในฐานะแกนหลกั ในพระราชบญั ญตั หิ า้ มเดก็

ไวข้ า้ งหลงั พ.ศ. 2544 และขอ้ เสนอแนะของบตั รรายงานศิลปากร มกี ารใชแ้ บบจาลองการวเิ คราะหข์ อ้ เสนอแนะเชงิ นโยบายท่ี

ผูเ้ ขียนเป็นผูก้ าหนด โดยอิงตามชดุ คาถามเพ่ือชว่ ยวางกรอบการสอบสวนและสง่ เสริมความเขา้ ใจในกระบวนการนโยบาย ในขณะ

ท่รี ูปแบบน้ีเกีย่ วขอ้ งกบั การวเิ คราะหก์ ระบวนการนโยบายอยา่ งเตม็ รูปแบบ ตงั้ แตเ่ ร่ิมแรกจนถงึ การประเมนิ การวเิ คราะหส์ าหรบั

การศึกษาน้ีเนน้ เฉพาะกระบวนการกาหนดนโยบายเท่านั้น และไม่รวมการอภิปรายเก่ียวกบั การดาเนินการและการประเมิน

เกีย่ วกบั กฎเกณฑข์ องรฐั บาลกลางและขอ้ เสนอแนะดา้ นนโยบายเหล่าน้ีโดยเจตนา คาถามจากแบบจาลองทีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะหค์ อื

(1) ปัญหาทคี่ ณุ พยายามแกไ้ ขคอื อะไร?

(2) ใครคือกลุ่มเป้ าหมายของนโยบาย? (คุณสื่อสารกบั ประชากรเป้ าหมายไดอ้ ย่างไร ประชากรเป้ าหมายมีการ
ตอบสนองอยา่ งไร ผูเ้ ชยี่ วชาญคนอน่ื ๆ ในสาขาน้ีตอบสนองอยา่ งไร)

(3) คาตอบเปล่ยี นวธิ ที คี่ ณุ เหน็ ปัญหาหรอื ไม่

(4) มกี ารพจิ ารณาวธิ ีแกป้ ัญหาทางเลือกใดบา้ ง

(5) ผลลพั ธท์ เี่ ป็ นไปไดข้ องการแกป้ ัญหาคอื อะไร?

ผลการศึกษาน้ีจากตวั อย่างนโยบายรฐั บาลกลางทงั้ 3 ตวั อย่าง ไดแ้ ก่ การรบั รูว้ า่ ดนตรีเป็ นชายชายขอบในหลกั สูตร
โรงเรียนของรฐั โดยผูเ้ ขา้ ร่วม รฐั บาลกลางเป็ นกลุ่มเป้ าหมายสาหรบั การตอบสนองของ MENC และนโยบายของรฐั บาลกลาง
เหล่าน้ีชว่ ยรกั ษาสถานะทเ่ี ป็นอยสู่ าหรบั ดนตรีเทา่ นน้ั และตาแหน่งในหลกั สูตร การศกึ ษาน้ีมคี วามสาคญั ตอ่ การศกึ ษาดา้ นดนตรี
เพราะพิจารณานโยบายของรฐั บาลกลางที่เก่ียวขอ้ งกบั ดนตรีและทาหนา้ ท่ีเป็ นตวั อย่างในการคิดและวิเคราะหน์ โยบายใน
การศกึ ษาดา้ นดนตรี ตรวจสอบขอ้ เสนอสาหรบั นโยบาย และสรา้ งขดี ความสามารถสาหรบั การพฒั นานโยบายในสาขา

ชอื่ เร่อื ง กำรปฏิรปู กำรศึกษำและนวตั กรรมเพ่ือปรบั ปรงุ นกั เรียนกำรประเมิน
ประสทิ ธิภำพ
ชอื่ ผูแ้ ต่ง เวด เจ. แม็คอำฟี
ปี ทพ่ี มิ พ์ 2014
สำนกั พมิ พ์ วทิ ยำนพิ นธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

การประเมินระดบั นานาชาติ เช่น แนวโนม้ ในการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ระหวา่ งประเทศ (TIMSS) และ โครงการประเมนิ นกั ศึกษาตา่ งชาติ (PISA) ไดแ้ สดงใหย้ ไู นเตด็ ระบุ
นกั เรยี นโดยเฉพาะในชน้ั ประถมศึกษาปี ที่ 4 และ 8 ทางานไดไ้ ม่ดีเมอื่ เมอ่ื เทียบกบั เพ่ือนร่วมชาติ
ของพวกเขา ผูม้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสียทางการศึกษา ไดแ้ ก่ ผูป้ กครอง ครู นกั การเมอื งและชุมชนธุรกิจ
กาลงั กดดนั โรงเรียนใหพ้ ฒั นามากข้ึนผลการเรียนของนกั เรียน ผูม้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียตอ้ งการ
ประสิทธภิ าพทดี่ ขี ้ึนบนไมเ่ ฉพาะการประเมินของอเมริกาเท่านน้ั แต่ยงั รวมถึงการทดสอบระหว่าง
ประเทศดว้ ย จดุ ประสงคข์ องปัจจบุ นั การศึกษาปรากฏการณเ์ ชงิ คณุ ภาพคอื การสารวจการรบั รูข้ อง
นกั การศึกษาในสหใหร้ ฐั ตรวจสอบความเป็ นไปไดใ้ นการใชน้ วตั กรรมทางการศึกษาทางเลือกเพ่ือ
เชอ่ื มชอ่ งวา่ งความสาเร็จระหวา่ งผูเ้ รียน การศึกษาวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพที่เกี่ยวขอ้ งสารวจการรบั รูข้ อง
ผูเ้ ชยี่ วชาญดา้ นการศึกษา 52 คนผ่านเวบ็ ออนไลนส์ ารวจและวิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ามขน้ั ตอนที่
เมอรเ์ รยี มร่างไว้ สองธีมโผล่ออกมาจากขอ้ มลู และเปิดเผยสองหวั ขอ้ ยอ่ ย หวั ขอ้ คือการเงินและการ
ฝึกอบรมและการพฒั นาวชิ าชพี หวั ขอ้ ย่อยคอื การจดั สรรเงนิ ทุนและครูคา่ ตอบแทน.

ชอ่ื เรือ่ ง อทิ ธิพลต่อหลกั สตู รและกำรศกึ ษำในเคนยำหลงั อำณำนิคม: กำรวเิ ครำะห์เน้ือหำ ของตำรำ
เรยี นสงั คมศกึ ษำเบ้อื งตน้

ชอื่ ผแู้ ต่ง โอโมเล่ คำรนี
ปี ท่พี มิ พ์ 2016
สำนกั พมิ พ์ วทิ ยำนพิ นธ์โปรเควสต์
บทคดั ยอ่

การศึกษาน้ีตรวจสอบนโยบายการศึกษาที่เป็ นแนวทางในการพฒั นาหลกั สูตรและการผลิตตาราของ
เคนยามาตง้ั แตป่ ี 2506 โดยกาหนดอทิ ธิพลของประเทศตะวนั ตกในนโยบายการศึกษาของเคนยาผ่านความชว่ ยเหลอื ทาง
การเงนิ และทางเทคนิค การศกึ ษายงั วเิ คราะหว์ า่ ตาราสงั คมศึกษาขนั้ ตน้ ของเคนยาพรรณนาถึงความรูใ้ นรูปแบบต่างๆ ท่ี
เก่ยี วขอ้ งกบั ความเป็นจริงของนกั เรียนอยา่ งไร โดยใชว้ ธิ ีทฤษฎีพ้ืนฐาน การศึกษาแสดงใหเ้ หน็ วา่ หนงั สือเรียนเป็ นตวั แทน
ของเคนยาในฐานะสงั คมในช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งเริ่มตน้ จากยุคอาณานิคม ในการเปล่ียนแปลงน้ี หลายวฒั นธรรม ไดแ้ ก่
เอเชยี แอฟริกนั ยโุ รป และตะวนั ออกกลาง ดาเนินการในเคนยา จึงมีอตั ลกั ษณแ์ ละวฒั นธรรมลูกผสมเกิดข้ึนในประเทศ
แมจ้ ะมลี ูกผสมน้ี แตต่ ารากแ็ สดงใหเ้ หน็ มมุ มองท่ีเป็นเจา้ โลกของความรูข้ องยโุ รปในขณะทบี่ ่อนทาลายคา่ นิยมของแอฟริกา
เน่ืองจากความซบั ซอ้ นของการเปล่ียนแปลงและความเป็ นลูกผสม การนาเสนอคุณคา่ ทางวฒั นธรรมบางอย่างจึงมคี วาม
ขดั แยง้

ชอ่ื เร่อื ง โอกำสในกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ในประเทศท่ีมีประสทิ ธิภำพสงู : กำรวิเครำะห์ขำ้ มชำติของ
ครทู อี่ อกหลกั สตู รและปัจจยั ที่เกยี่ วขอ้ ง

ชอื่ ผแู้ ต่ง เทรซ่ี โรเมโร-เซลสิ
ปี ท่ีพมิ พ์ 2017
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์
บทคดั ยอ่

การศึกษาเชงิ สารวจน้ีเปรยี บเทยี บโอกาสในการเรยี นรูค้ ณิตศาสตรท์ ตี่ ง้ั ใจและประกาศใชร้ ะหวา่ งประเทศ
ท่ีมรี ะดบั ผลการเรยี นเฉลี่ยของนกั เรยี นสงู และตา่ ตามแนวโนม้ ในการศกึ ษาคณิตศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตรร์ ะหวา่ งประเทศ
(TIMSS) โดยจะวเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งใน OTL ทสี่ มั พนั ธก์ บั ปัจจยั บางอย่างที่มีอิทธิพลต่อการตดั สินใจในการสอนของ
ครู การวเิ คราะหม์ สี ว่ นชว่ ยใหค้ วามรูเ้ กี่ยวกบั บทบาทของครูในการตรานโยบายหลกั สูตรคณิตศาสตรแ์ ละการกากบั ดูแล
หลกั สตู รโดยใชแ้ นวทางเชงิ ปรมิ าณ การศกึ ษาน้ีใชข้ อ้ มลู จาก TIMSS 2011 เพื่อสารวจและเปรียบเทียบ OTL ที่ครูตงั้ ใจ
และประกาศใช้ ตลอดจนชอ่ งวา่ งระหวา่ งสองมติ นิ ้ี ในประเทศท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพสงู 10 ประเทศและตา่ 8 ประเทศ เคร่ืองมอื
ดา้ นนโยบายและคุณลกั ษณะของครู นอกเหนือจากการเชอ่ื มโยงกบั คณิตศาสตร์ OTL แลว้ ยงั ไดร้ บั การตรวจสอบและ
เปรียบเทียบระหว่างสองกลุ่มประเทศน้ีดว้ ยการวิเคราะหเ์ ชิงพรรณนาของคณิตศาสตร์ OTL แสดงใหเ้ หน็ ถึงความ
แตกตา่ งทเี่ กี่ยวขอ้ ง แตย่ งั มคี วามคลา้ ยคลงึ กนั อย่างมากใน OTL ที่ตงั้ ใจและมผี ลบงั คบั ใชข้ องผูท้ ่ีมีความสามารถตา่ และ
สงู การคน้ พบน้ีและชอ่ งวา่ งทีส่ าคญั ระหวา่ งสองมติ ขิ องหลกั สูตรท่ีระบุในทงั้ สองกลุ่มของประเทศทา้ ทายแนวคิดเรื่องการ
ดารงอยู่ของหลกั สูตรคณิตศาสตรท์ ป่ี ระสบความสาเร็จสูงจากสถติ อิ นุมาน ผลลพั ธบ์ ่งช้คี วามแตกตา่ งระหวา่ งและระหวา่ งผู้
มผี ลการปฏิบตั ิงานตา่ และระดบั สูงในการเช่อื มโยงของเคร่ืองมือนโยบายและปัจจยั ของครูกบั OTL ซึ่งเป็ นหลกั ฐาน
สนบั สนุนการกล่าวอา้ งท่ผี ดู้ าเนินการและบรบิ ททอ้ งถ่ินกาหนดนโยบายทีน่ ามาจากระบบอนื่ ๆ ใหม่ สดุ ทา้ ยน้ี การศึกษาให้
เหตุผลว่าความแตกต่างระหว่างความตงั้ ใจและการตรากฎหมายของหลกั สูตรคณิตศาสตรย์ งั สามารถถือไดว้ ่า เป็ น
หน่วยงานของครูและการกาหนดนโยบายหลกั สตู รใหมใ่ นลกั ษณะท่ตี อบสนองตอ่ ความตอ้ งการของนกั เรยี น

ชอ่ื เรือ่ ง กำรศึกษำของเด็กชำย: ประสบกำรณ์ของผูน้ ำโรงเรียนในกำร
อำนวยควำมสะดวกดำ้ นกำรศกึ ษำของเดก็ ชำยในจำเมกำตอนกลำง
ชอื่ ผูแ้ ต่ง โรบนิ สนั คลฟี แลนด์
ปี ที่พมิ พ์ 2020
สำนกั พมิ พ์ วทิ ยำนพิ นธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

การศึกษาไดร้ บั การยกย่องอย่างกวา้ งขวางว่าเป็ นกลไกของการพฒั นาตนเองและเป็ นพ้ืนฐานในการกาหนด
วถิ ที างสงั คมของสงั คม การสนทนาเก่ียวกบั การตอบสนองของเดก็ ชายต่อการศึกษาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาได้
เนน้ ยา้ ถงึ ความกงั วล ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นตา่ อย่างตอ่ เน่ืองของเด็กชายในโรงเรียนดูเหมอื นจะเกิดข้ึนพรอ้ มกนั กบั
พฤตกิ รรมทางสงั คมเชงิ ลบของชายหนุ่มทด่ี อ้ ยการศึกษาในสงั คม เป็ นท่ียอมรบั ว่าพฒั นาการของเด็กชาย ผลงานและ
ผลการศึกษาในระดบั โรงเรยี นมศี กั ยภาพทจี่ ะมสี ่วนสนบั สนุนใหเ้ ดก็ ชายมสี ่วนร่วมในชุมชนและประเทศชาตผิ ลการศกึ ษา
ช้ใี หเ้ หน็ ถึงความสาคญั ของสภาพแวดลอ้ มที่สนบั สนุนความสาเร็จของเดก็ ชาย ซง่ึ รวมถึงการจดั หาสภาพแวดลอ้ มที่บา้ น
และโรงเรียนทีเ่ ป็นมติ รและเอ้ืออานวย การแสดงความเขา้ ใจและความชืน่ ชมจากผูน้ าโรงเรียนเกี่ยวกบั ปัจจยั ทางสงั คม
วทิ ยาทมี่ ผี ลกระทบตอ่ เดก็ ผชู้ าย และการใหค้ าปรกึ ษาและแรงจงู ใจจากผูน้ าโรงเรียน ในส่วนของสิ่งประดษิ ฐท์ ี่สาคญั ใน
การศึกษาของเดก็ ชาย ผนู้ าโรงเรียนไดใ้ หค้ ะแนนแผนการสอนในระดบั สูง และยงั ช้ใี หเ้ หน็ ช่องวา่ งที่สาคญั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั
ความเกยี่ วขอ้ งของหลกั สตู รสาหรบั เดก็ ชายดว้ ย นอกจากน้ี ผลการวจิ ยั ยงั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ปัจจยั ที่ผูน้ าโรงเรียนพิจารณา
ว่ามีผลกระทบต่อการศึกษาของเด็กชายมากที่สุดคือปัจจยั ท่ีควบคุมไดด้ ีท่ีสุด (เช่น คุณภาพการสอน โครงสรา้ ง
หลกั สูตร และความเกี่ยวขอ้ ง) สุดทา้ ย ผลการวิจยั ยงั ช้ีใหเ้ ห็นถึงแนวคิดท่ีว่าประสิทธิภาพของผูน้ าโรงเรียนในการ
ตอบสนองตอ่ ปัจจยั ท่ีเป็นผลจากความสาเร็จของเดก็ ชายนน้ั บิดเบือนไปอยา่ งมากในดา้ นหลกั สูตรและการสอน และการ
สนบั สนุนการพฒั นาวชิ าชพี ที่มอบใหก้ บั ครู

นอกจากน้ี นยั สาหรบั การวจิ ยั ยงั รวมถึง: (1) การสารวจรูปแบบตา่ งๆ เพ่ือสรา้ งแนวปฏิบตั ิที่ดที ่ีสุดสาหรบั
เดก็ ผชู้ ายทม่ี สี ่วนรว่ ม; (2) การดาเนินการกรณีศึกษาเพื่อกาหนดความเชื่อมโยงระหว่างความเป็ นผูน้ าในโรงเรียนกบั
ระดบั ของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน



ชอื่ เรอ่ื ง กำรใชข้ อ้ มูลเพ่ือเป็ นแนวทำงในกำรพฒั นำหลกั สูตร: วิธีท่ีผูพ้ ฒั นำหลกั สูตรใช้
ขอ้ มูลกำรประเมินเชงิ โครงสรำ้ งและสรปุ ผลเพอ่ื แจง้ หลกั สตู รท่ีเป็ นลำยลกั ษณอ์ กั ษร
ชอื่ ผูแ้ ต่ง จลิ ล์ มำรี ซเิ ลอร์
ปี ที่พมิ พ์ 2009

สำนกั พมิ พ์ วิทยำนพิ นธ์โปรเควสต์

บทคดั ย่อ

การศึกษาน้ีตรวจสอบวธิ ีการใชข้ อ้ มลู ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนของนกั เรียนเพ่ือเป็ นแนวทางในการพฒั นา

เอกสารหลกั สูตรในเขตการศึกษาของรฐั และภายในซพั พลายเออรห์ ลกั สูตรเชิงพาณิชย์ คาถามวจิ ยั สองขอ้ เป็ นแนวทางใน

การศกึ ษาน้ี: (ก) เขตการศกึ ษาของรฐั ในเท็กซสั ตอนกลางใชข้ อ้ มลู การประเมนิ รายทางและเชิงสรุปเพ่ือแจง้ หลกั สูตรขอ้ เขียน

อย่างไร และ (ข) โปรแกรมหลกั สูตรท่ีผลิตในเชิงพาณิชยใ์ ชข้ อ้ มูลการประเมินแบบก่อสรา้ งและสรุปผลเพื่อแจง้ ขอ้ เขียน

อย่างไร หลกั สูตร? กรณีศึกษาเชิงคุณภาพหลายกรณีรวมถึงผูพ้ ฒั นาหลกั สูตรจากเขตการศึกษาของรฐั และหน่วยงาน

ทางการคา้ ขอ้ มลู รวมถงึ การสมั ภาษณแ์ บบก่ึงโครงสรา้ งกบั ผูพ้ ฒั นาหลกั สูตรจากแตล่ ะองคก์ ร ตลอดจนการทบทวนเอกสาร

อย่างละเอียดจากแตล่ ะหน่วยงาน ขอ้ มลู ถูกเขา้ รหสั ตามการเขา้ รหสั ระดบั แรกและการเขา้ รหสั รูปแบบ ชุดรูปแบบเหลา่ น้ีไดร้ บั

การวเิ คราะหผ์ า่ นการจบั ครู่ ูปแบบและการวเิ คราะหข์ า้ มกรณี ผลการวจิ ยั พบวา่ มีการใชข้ อ้ มลู การประเมินรายทางและแบบ

สรุปผลเป็ นแนวทางในการพฒั นาหลกั สูตรขอ้ เขียนเป็ นแนวทางในแนวดิ่ง กาหนดขอบเขตและลาดบั เน้ือหาหลกั สูตร เพิ่ม

ความเฉพาะเจาะจงใหก้ บั เอกสารหลกั สตู ร ระบุและแกไ้ ขชอ่ งวา่ งของหลกั สูตร แนวทาง การพฒั นาการประเมนิ โครงสรา้ งและ

การปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั การเปล่ียนแปลงของรฐั และระดบั ชาติ นอกจากน้ี องคก์ รยงั ใชท้ รพั ยากรท่ีมีอยู่ในการพฒั นาหลกั สูตร

และสรา้ งวฒั นธรรมของการสนทนาทมี่ ขี อ้ มลู มากมาย ผลการวจิ ยั ยงั เผยใหเ้ หน็ วา่ ความสามารถของผพู้ ฒั นาหลกั สูตรในการ

ใชข้ อ้ มลู การประเมนิ เพ่ือแจง้ หลกั สูตรที่เป็ นลายลกั ษณอ์ กั ษรนนั้ ไดร้ บั ผลกระทบอย่างมากจากขนาดและความสามารถของ

องคก์ ร ความยัง่ ยืนขององคก์ รในการรักษาหลกั สูตรท่ีครอบคลุมและสอดคลอ้ งกันน้ันไดร้ บั อิทธิพลจากอัตราการ

เปลี่ยนแปลงทม่ี าจากระดบั รฐั และระดบั ประเทศ

ชอื่ เรื่อง กำรศึกษำเปรียบเทียบหลกั สูตรคณิตศำสตร์ระดบั ชำติกบั
หลกั สตู รจำก 4 ชำติ
ชอ่ื ผแู้ ต่ง วลิ ม์ ส,์ อลุ ริช ไฮนซ์
ปี ท่พี มิ พ์ 2011
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

การก่อตวั ของมาตรฐานแกนกลางร่วมถือไดว้ ่าเป็ นผูบ้ ุกเบิกหลกั สูตรระดบั ชาติ งานวิจยั ช้ินน้ีกล่าวถึง
หลกั สูตรคณิตศาสตรแ์ หง่ ชาตทิ ีเ่ สนอเมือ่ เปรียบเทียบกบั หลกั สูตรคณิตศาสตรข์ องกลุ่มตวั อย่างประเทศเพื่อนบา้ น
(สิงคโปร์ เนเธอรแ์ ลนด์ เยอรมนี และญ่ีป่ ุน) ที่มีอตั ราผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตรส์ ูง ในขณะที่เช่ือมโยง
หลกั สตู รคณิตศาสตรก์ บั แนวคดิ ทางปรชั ญาพ้นื ฐานของดวิ อ้ี, เพียเจต์ และ วกี อตสก้กี ารวจิ ยั ระบุวา่ ความเขม้ งวดและ
ความลึกของหลกั สูตรคณิตศาสตรร์ ะดบั ประถมศึกษาภายใต้ CCSS นน้ั สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรประถมศึกษาของ
ประเทศเพือ่ นบา้ น แตห่ ลกั สูตรคณิตศาสตรร์ ะดบั มธั ยมศึกษาแตกตา่ งกนั : ในขณะท่ี CCSS คาดวา่ นกั เรียนทุกคนจะ
เชยี่ วชาญในเครือ่ งแบบท่มี คี วามเขม้ งวดสูง หลกั สูตรคณติ ศาสตรร์ ะดบั มธั ยมศึกษา ประเทศเพ่ือนบา้ นของการวิจยั น้ี
ตดิ ตามนกั เรียนตามความถนดั และเสนอคณิตศาสตรถ์ ึง 12 ระดบั ท่ีแตกตา่ งกนั เพ่ือเพิ่มผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน
คณิตศาสตร์ การนาเสนอคณิตศาสตร์ โดยใชค้ รูคณิตศาสตร์ที่มีคุณสมบตั ิในโรงเรียนประถมศึกษา อาจตอ้ ง
ปรบั ปรุง การใหค้ ะแนนอาจตอ้ งไม่เนน้ และแทนท่ีดว้ ยความคิดเห็นโดยละเอียด เฉพาะกบั งานแต่ละช้ิน ควรเนน้ ท่ี
ความซาบซ้งึ และความมน่ั ใจเป็นหลกั ระบบการตดิ ตามทย่ี ืดหยุ่น มปี ระสทิ ธิภาพ และเทา่ เทียมกนั ในระดบั มธั ยมศึกษา
อาจเป็นเครือ่ งมอื ท่ีเป็ นไปไดใ้ นการเพ่ิมประสิทธิภาพของนกั เรียนท่ีมผี ลการเรียนดี ในขณะท่ีลดอตั ราการออกจาก
โรงเรียนสาหรบั นกั เรียนท่ีมีผลการเรียนตา่ การแนะนาเสน้ ทางสายอาชีพโดยใชว้ ิธีการทางคณิตศาสตรเ์ ชิงปฏิบตั ิ
สามารถใหค้ วามเกยี่ วขอ้ ง ความสนใจ และการเตมิ เตม็ ควรยา้ ยระบบชนั้ เรียนเสริมคณิตศาสตรส์ าหรบั นกั เรียนท่ีมี
ผลการเรียนตา่ กวา่ เกณฑจ์ ากระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายไปยงั ระดบั ประถมศกึ ษาตอนปลาย

ชอ่ื เรื่อง กำรรบั รูข้ องคณะเกี่ยวกบั ปั จจยั ที่ส่งผลต่อควำมเป็ นสำกลของหลกั สูตร
กำรศกึ ษำทว่ั ไปในวทิ ยำลยั ชมุ ชนมิสซสิ ซปิ ป้ี
ชอ่ื ผแู้ ต่ง อเดโทคนุ โบ เอเวอเร็ตต์ โอเรไดน์
ปี ที่พมิ พ์ 2016
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาน้ีคอื เพือ่ วเิ คราะหม์ มุ มองของคณาจารยด์ า้ นการศึกษาทว่ั ไปเกี่ยวกบั ความเป็ นสากล
ของหลกั สตู รการศกึ ษาทวั่ ไปในวทิ ยาลยั ชุมชนมสิ ซิสซิปป้ี ผูเ้ ขา้ ร่วมในการศึกษาน้ีรวมอาจารยป์ ระจาหลกั สูตรการศึกษา
ทวั่ ไปเตม็ เวลาที่ 2 ใน 15 วทิ ยาลยั ชมุ ชนของรฐั ในรฐั มสิ ซสิ ซปิ ป้ี การศึกษาใชแ้ บบสารวจ การวิเคราะหก์ ารรบั รูข้ องคณะ:
ปัจจยั ที่ส่งผลต่อหลกั สูตรการศึกษาทวั่ ไปในมสิ ซิสซปิ ป้ี ความเป็ นสากล ไม่พบการศึกษาใดที่วิเคราะหห์ รือตรวจสอบ
ความสาคญั ของการทาใหห้ ลกั สูตรการศึกษาทว่ั ไปเป็ นสากลในวิทยาลยั ชุมชนมิสซิสซิปป้ี ขอ้ มูลเชิงปริมาณถูกเก็บ
รวบรวมโดยใชเ้ คร่อื งมอื Survey Monkey ออนไลนท์ ่ีส่งไปยงั คณาจารยก์ ารศึกษาทวั่ ไปแบบเต็มเวลาที่สอนในวทิ ยาลยั
ชมุ ชน 2 แหง่ ในรฐั มสิ ซสิ ซปิ ป้ี วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใชต้ ารางการวเิ คราะหค์ วามแปรปรวนและสถติ เิ ชงิ พรรณนา ผลการศึกษา
พบวา่ นกั การศกึ ษาจานวนมากตระหนกั ถงึ ความจาเป็นในการมสี ถาบนั พนั ธมติ รในประเทศอนื่ หลายคนยงั แนะนาวา่ ควรมี
สานกั งานบริหารที่ไดร้ บั มอบหมายเพือ่ ประสานงานและสนบั สนุนความคดิ รเิ ร่มิ ดา้ นการศึกษาระหวา่ งประเทศ และพวกเขา
ยงั เหน็ ความจาเป็ นท่ีวิทยาลยั ของพวกเขาจะตอ้ งมีแผนที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเขา้ ใจระหวา่ งประเทศ/ทวั่ โลกในหมู่
นกั เรียนและมีหลกั สูตรการศึกษาทวั่ ไปดว้ ย โฟกสั ระดบั นานาชาติ/ระดบั โลกท่ีมใี หส้ าหรบั นกั เรียนทุกคน มีการสงั เกต
ความแตกตา่ งบางประการในการรบั รูใ้ นการรบั รูข้ องครูเกี่ยวกบั ความเป็ นสากลโดยพิจารณาจากปี ที่ทางานในการศึกษา
ระดบั อุดมศึกษา ประเทศท่ีเกดิ เพศ ประสบการณร์ ะหวา่ งประเทศ และระดบั การศึกษา นกั การศึกษาเชือ่ ว่ากิจกรรมการ
ทาใหเ้ ป็ นสากลในวทิ ยาเขตของพวกเขาเป็ นการเคล่ือนไหวในเชิงบวกต่อการขยายขอ้ เสนอของพวกเขาใหก้ บั นกั เรียนโดย
ชว่ ยพฒั นาสภาพแวดลอ้ มทางการศึกษาทพ่ี วกเขาสามารถแข่งขนั ไดท้ ว่ั โลกมากข้ึนและมปี ระสิทธิภาพในวิชาชพี มากข้ึน นกั
การศึกษาหลายคนในการศึกษาน้ีสนับสนุนการขยายโครงการท่ีสนับสนุนการศึกษาในต่างประเทศหรือโครงการ
แลกเปล่ยี นนกั ศกึ ษา

ชอื่ เรอื่ ง หลกั สตู รวทิ ยำศำสตร์มธั ยมศกึ ษำจอร์เจยี : กำรวิเครำะหห์ ลำยวิธีของกำรพฒั นำและ
ออกแบบมำตรฐำนใหม่

ชอ่ื ผูแ้ ต่ง ลอรี เพยี ร์ซ บอยด์
ปี ท่ีพมิ พ์ 2021
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนพิ นธ์โปรเควสต์
บทคดั ย่อ

ประวตั ิศาสตร์การศึกษาในสหรัฐอเมริกาเป็ นเร่ืองที่ถกเถียงกนั อยู่ ส่ิงน้ีถือเป็ นจริงสาหรับการศึกษา
วทิ ยาศาสตรใ์ นจอรเ์ จีย ตลอดประวตั ศิ าสตร์ มีการถกเถียงกนั มากมายเกี่ยวกบั สิ่งท่ีควรสอนและควรสอนอย่างไร
การศกึ ษามอี ิทธพิ ลมากมาย ทง้ั การเมอื ง เศรษฐกิจ ศาสนา และการยา้ ยถ่ินฐาน การศึกษาเชงิ คณุ ภาพแบบหลายวิธีน้ี
จดั ทาข้ึนเพ่ือตอบคาถามการวจิ ยั ส่ีขอ้ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั อดตี และอนาคตของการนามาตรฐานวิทยาศาสตรม์ าใชใ้ นจอรเ์ จีย
การวเิ คราะหท์ างประวตั ศิ าสตรร์ ะบุประเดน็ สาคญั ในวารสารวิทยาศาสตรแ์ ละการประชุมทางวิทยาศาสตร์ที่อาจส่งผล
กระทบตอ่ การยอมรบั มาตรฐานวทิ ยาศาสตรใ์ นจอรเ์ จยี การศกึ ษาของเดลฟีไดว้ เิ คราะหส์ ง่ิ ทผี่ ูเ้ ชย่ี วชาญในสาขาท่คี ิดว่า
ควรพิจารณาเมอ่ื เขียนมาตรฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละส่ิงที่ควรรวมอยู่ในขอ้ กาหนดในการสาเรจ็ การศกึ ษาทางวทิ ยาศาสตร์
และมาตรฐานวทิ ยาศาสตรส์ าหรบั หลกั สูตรท่กี าหนด ผลการวจิ ยั ทางประวตั ศิ าสตรร์ ะบุวา่ หวั ขอ้ ท่ีแพร่หลายในวารสาร
วทิ ยาศาสตรไ์ ดร้ บั การพิสูจน์ในมาตรฐานของจอร์เจีย ซ่ึงรวมถึงหลกั สูตรแกนกลางดา้ นคุณภาพ มาตรฐานการ
ปฏิบตั งิ านของจอรเ์ จยี และมาตรฐานความเป็นเลศิ ของจอรเ์ จยี ตอบคาถามการวจิ ยั เพ่มิ เตมิ สามขอ้ ประการแรก อย่าง
ท่วมทน้ ผูต้ อบแบบสอบถามเช่ือว่าความสามารถในการถ่ายทอดทกั ษะไปสู่แรงงานและชีวิตประจาวนั เป็ นปัจจยั ที่
สาคญั ที่สุดท่ตี อ้ งพจิ ารณาเมือ่ เขียนมาตรฐานวทิ ยาศาสตร์ ตอ่ ไป ผูต้ อบแบบสอบถามเชือ่ ว่าชีววิทยา วทิ ยาศาสตร์
กายภาพ และวทิ ยาศาสตรส์ ่ิงแวดลอ้ มเป็ นหลกั สูตรที่สาคญั สาหรบั นกั เรียนของจอรเ์ จยี ทุกคน นอกจากน้ี ผูต้ อบ
แบบสอบถามเชอ่ื วา่ ควรมหี ลกั สตู รวทิ ยาศาสตรเ์ บ้ืองตน้ สาหรบั นกั เรียนท่ีไมไ่ ดว้ างแผนศึกษาระดบั ปริญญาในสาขา
วทิ ยาศาสตร์ สดุ ทา้ ย ผตู้ อบแบบสอบถามเชอ่ื วา่ ควรมกี ารรวมมาตรฐานทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั กายวภิ าคศาสตรแ์ ละสรีรวิทยา
ไวใ้ นหลกั สูตรที่กาหนด นยั ในอนาคตสาหรบั การปฏิบตั ิระบุวา่ มีหลายปัจจยั ท่ีตอ้ งพิจารณาเม่ือออกแบบมาตรฐาน
วทิ ยาศาสตรใ์ หมส่ าหรบั จอรเ์ จยี

ชอื่ เร่ือง กำรวิเครำะห์เปรยี บเทียบหลกั สตู รคณติ ศำสตร์ท่ีมีประสทิ ธิภำพในรฐั มิสซรู ี
ชอื่ ผแู้ ต่ง แมทธิว โรเบริ ์ต บริตต์
ปี ทพ่ี มิ พ์ 2021
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์
บทคดั ย่อ

วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาน้ีคอื เพ่ือตรวจสอบหลกั สูตรคณิตศาสตรแ์ ละกลยุทธก์ ารดาเนินการ
ของเขตการศกึ ษาทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพสงู ในรฐั มสิ ซรู ี การศึกษาไดร้ บั การออกแบบเพ่อื กาหนดความเหมอื นหรือ
ความแตกต่างในการเลือกหลกั สูตรคณิตศาสตรห์ รือในกลยุทธก์ ารนาไปปฏิบตั ิของเขตการศึกษาที่มี
ประสิทธิภาพสูงเหล่าน้ี คะแนนจากส่วนคณิตศาสตร์ของ ACT ในช่วงหลายปี ที่ผ่านมา นักเรียนชนั้
ประถมศกึ ษาปีที่ 11 ของรฐั มสิ ซูรีทุกคนไดร้ บั คาสงั่ ใหใ้ ช้ ACT เพื่อทาการตดั สินใจเก่ียวกบั ประสิทธิภาพ
ของหลกั สตู รคณิตศาสตรแ์ ละกลยุทธใ์ นการดาเนินการ เขตการศกึ ษาท่มี คี ะแนนเฉลี่ยใน 10% แรกของรฐั
ในชว่ งปีที่ไดร้ บั มอบอานาจถกู ขอใหเ้ ขา้ ร่วมในการศกึ ษาน้ี เขตการศกึ ษาที่ตกลงเขา้ ร่วมการศึกษาวิจยั จะถูก
ขอใหก้ รอกแบบสารวจ แบบสารวจรวมคาถามเกี่ยวกบั หลกั สูตรเฉพาะและกลยุทธก์ ารดาเนินการท่ีเขต
การศกึ ษาดาเนินการในเกรด K-11 เพ่ือพิจารณาว่าหลกั สูตรคณิตศาสตรเ์ ฉพาะจะชว่ ยเพิ่มความเขา้ ใจใน
แนวคดิ และสรา้ งความแตกตา่ งในคะแนนนกั เรียนในส่วนคณิตศาสตรข์ อง ACT ไดห้ รือไม่ ผลการวิจยั
พบวา่ ไมม่ คี วามแตกตา่ งอย่างมนี ยั สาคญั ระหวา่ งเขตตามการเลอื กหลกั สตู รคณิตศาสตรแ์ ละความสาเร็จใน
ACT อย่างไรก็ตาม ขอ้ มลู ดงั กลา่ วช้ใี หเ้ หน็ ถงึ ความคลา้ ยคลึงกนั บางประการในกลยุทธก์ ารดาเนินงานของ
เขตการศึกษาทีม่ ปี ระสิทธภิ าพสงู



ชอ่ื เร่อื ง ปัจจยั ทีร่ บั รวู้ ่ำมีสว่ นทำใหเ้ กิดกำรหลกี เลย่ี งคณติ ศำสตรห์ รอื ควำมมนั่ ใจในวชิ ำ
คณติ ศำสตรใ์ นสตรวี ยั ท่ีไม่ใชแ่ บบดงั้ เดมิ ทเี่ ขำ้ เรียนในวทิ ยำลยั ชมุ ชน

ชอื่ ผูแ้ ต่ง โจแอน เค. รอว์ลยี ์
ปี ท่พี มิ พ์ 2007
สำนกั พมิ พ์ วทิ ยำนิพนธ์โปรเควสต์
บทคดั ย่อ

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จานวนนกั เรียนที่เขา้ ศึกษาในระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายทนั ทีหลงั มธั ยมศึกษาตอน
ปลายลดลง ขณะที่จานวนนกั เรียนท่ีไม่ใช่คนปกติ ซึ่งหมายถึงผูใ้ หญ่ท่ีอายุมากกวา่ 25 ปี เพ่ิมข้ึนอย่างมาก โดยท่ีผูห้ ญิง
เป็ นนกั เรียนผูใ้ หญ่ส่วนใหญ่ กลุ่มการศึกษาคณิตศาสตรเ์ ป็ นพ้ืนที่ที่ผูห้ ญิงอายุท่ีไม่ใช่แบบดง้ั เดิมมกั จะมีปัญหาการ
สมั ภาษณร์ ายบุคคลสิบหา้ ครง้ั ดาเนินการกบั สตรีอายุที่ไม่ใช่แบบดง้ั เดิมท่ีลงทะเบียนในวทิ ยาลยั ชุมชน โดย 10 คนระบุว่า
วชิ าคณติ ศาสตรเ์ ป็นวชิ าท่พี วกเธอน่าจะชอบนอ้ ยที่สุด และ 5 รายการระบุว่าวิชาคณิตศาสตรเ์ ป็ นวชิ าที่พวกเธอน่าจะชอบ
มากที่สุด วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยเปรียบเทียบเรื่องราวของผูห้ ญิงและวาดประเด็นทว่ั ไป แปดประเด็นหลกั และหกหวั ขอ้ ย่อย
เกดิ ข้นึ : (1) การไดร้ บั การศึกษาระดบั วทิ ยาลยั เป็นเป้ าหมายส่วนตวั ; (2) เวลาศึกษาทีเ่ พยี งพอจาเป็ นตอ่ การทาความเขา้ ใจ
และรกั ษาแนวคิดทางคณิตศาสตร์ (3) ประสบการณก์ บั คณิตศาสตรต์ ง้ั แต่อายุยงั นอ้ ยยงั คงอยู่ในความทรงจา (3.1)
ประสบการณท์ ี่ไมด่ กี บั คณติ ศาสตรต์ ง้ั แตอ่ ายุยงั นอ้ ยมกั จะทาใหผ้ ูเ้ ขา้ รว่ มเชอื่ วา่ พวกเขาไมส่ ามารถเรียนคณิตศาสตร์ (3.2)
ประสบการณเ์ ชิงบวกกบั คณิตศาสตรต์ งั้ แต่อายุยงั นอ้ ยมกั จะ ใหผ้ ูเ้ ขา้ ร่วมมีระดบั ความสามารถในตน เองท่ีสูงข้ึนในการ
ประสบความสาเรจ็ ในหลกั สูตรคณิตศาสตร์ (4) พฤตกิ รรมและความคาดหวงั ของผูป้ กครองมีบทบาทในการรบั รู้ตนเอง
ของเดก็ (4.1) การไมไ่ ดร้ บั การสนบั สนุนจากผูป้ กครอง/ครอบครวั มแี นวโนม้ ทจ่ี ะกีดกนั ผูเ้ ขา้ ร่วมไม่ใหศ้ ึกษาตอ่ (4.2) การ
แสดงตนของการสนบั สนุนจากผปู้ กครอง/ครอบครวั มแี นวโนม้ ท่ีจะสนบั สนุนใหผ้ ูเ้ ขา้ ร่วมดาเนินการต่อไป การศึกษา; (5)
พฤติกรรมของครูและวิธีการสอนมีความสาคญั (5.1) พฤติกรรมครูเชิงลบมีแนวโนม้ ที่จะทาใหบ้ างคนพฒั นาแนวคิด
เกี่ยวกบั ตนเองทางคณิตศาสตรท์ ี่ไมด่ ี (5.2) พฤตกิ รรมของครูในเชงิ บวกมีแนวโนม้ ท่ีจะสนบั สนุนใหบ้ างคนพากเพียรใน
การทาความเขา้ ใจคณติ ศาสตร์ (6) ความรูส้ ึกไมม่ อี านาจอาจเป็นอปุ สรรคตอ่ การเรียนคณิตศาสตร์ (7) การเห็นคุณคา่ ใน
ตนเองสามารถดารงอยูไ่ ดแ้ มจ้ ะลม้ เหลวในอดตี (8) แรงจงู ใจในการทาความเขา้ ใจแนวคดิ ทางคณติ ศาสตรย์ งั คงสงู

ชอ่ื เร่ือง ปัจจยั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรยี นของนกั เรียนในวิชำคณติ ศำสตร์และกำร
เปรยี บเทยี บของสหรฐั อเมริกำกบั ประเทศอนื่
ชอื่ ผูแ้ ต่ง เวนกำตำ ซบั ไบอำห์ ปตุ นมั
ปี ที่พมิ พ์ 2013
สำนกั พมิ พ์ วทิ ยำนพิ นธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

จดุ ประสงคข์ องการศกึ ษาน้ีคอื เพ่อื สารวจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนคณิตศาสตร์
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 8 ในโดเมนเน้ือหาของจานวน พชี คณติ เรขาคณิต และขอ้ มลู & โอกาส และโดเมนความรูค้ วามเขา้ ใจ
ของการรู้ ประยุกตใ์ ช้ และการใชเ้ หตุผลในบริบทของแนวโนม้ ในการศึกษาคณิตศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตรร์ ะหว่างประเทศ
(TIMSS), 2007 จดุ ประสงคท์ ่ีสองคอื เพ่อื คน้ หาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความสาเร็จของนกั เรียนในโดเมนความรูค้ วามเขา้ ใจ
กบั ตวั แปรที่เก่ียวขอ้ งกบั นกั เรยี น เกี่ยวกบั ครู เก่ียวกบั โรงเรยี น และที่เกี่ยวขอ้ งกบั บา้ น ตวั แปรเหล่าน้ีไดร้ บั การคดั เลือก
โดยพิจารณาจากแบบจาลองการเรียนรูใ้ นโรงเรียนของแครโ์ รลลเ์ ป็ นหลกั นอกจากน้ี ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร์
ของนกั เรียนในสหรฐั อเมริกาในแตล่ ะสาขาวชิ ายงั เปรยี บเทยี บกบั บลั แกเรีย จนี ไทเป สาธารณรฐั เกาหลี สิงคโปร์ และไทย
หลงั การวิเคราะห์ ไดม้ ีการตีความการคน้ พบความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความสาเร็จของนกั เรียนในแต่ละเน้ือหาและขอบเขต
ความรูค้ วามเขา้ ใจ และรวมถึงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรและผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตรใ์ นโดเมนเน้ือหาทง้ั สี่
นอกจากน้ี ประสทิ ธิภาพเชงิ เปรียบเทยี บของสหรฐั ฯ กบั แตล่ ะหา้ ประเทศท่ีเลือกในแต่ละโดเมนทงั้ เจด็ ไดร้ บั การวเิ คราะห์
สาหรบั การคน้ หาความสมั พันธ์ระหว่างคะแนนผลการปฏิบตั ิงานของนกั เรียนในทุกประเทศในวิชาคณิตศาสตร์ชน้ั
ประถมศกึ ษาปีที่ 8 ในสาขาตา่ งๆ จะใชส้ มั ประสทิ ธิ์สหสมั พนั ธข์ องเพยี รส์ นั เป็นตวั วดั ในการหาความสมั พนั ธข์ องคะแนนกบั
ตวั แปร ใชว้ ิธีถดถอยพหุคูณ สุดทา้ ยน้ี สาหรบั การเปรียบเทียบผลงานของนกั เรียนในอเมริกา กบั สถานะอื่น ๆ ใชก้ าร
ทดสอบตวั อยา่ งอิสระผลการศึกษาน้ีช้ใี หเ้ หน็ วา่ ประสิทธิภาพของนกั เรยี นในเน้ือหาและขอบเขตความรูค้ วามเขา้ ใจทง้ั หมดมี
ความสมั พนั ธก์ นั สงู การคน้ พบทสี่ องคอื ตวั แปร 'ทรพั ยากรโรงเรยี น' มคี วามสมั พนั ธอ์ ย่างมนี ยั สาคญั กบั ประสิทธิภาพของ
นกั เรียนในแต่ละโดเมนเน้ือหา ในขณะท่ี 'การมีส่วนร่วมในบา้ นโดยรวม' มีความสมั พนั ธท์ ี่มีนยั สาคญั ปานกลางกบั
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรียนในดา้ นจานวนและขอ้ มูลและโอกาส ผลการวิจยั พบว่าไม่มีความสมั พนั ธท์ ่ีมีนยั สาคญั
ระหว่างตวั แปรอื่นๆ ท่ีพิจารณากบั ผลสมั ฤทธิ์ของนกั เรียนในโดเมนเน้ือหาทง้ั ส่ี การคน้ พบครง้ั ที่สามแสดงใหเ้ ห็นว่าจีน
ไทเป สาธารณรฐั เกาหลี และสิงคโปรม์ ีประสิทธิภาพเหนือกว่าสหรฐั ฯ ในทุกโดเมน ในขณะท่ีสหรฐั อเมริกา ทาไดด้ ีกวา่
บลั แกเรียและไทยในแตล่ ะโดเมน ผลลพั ธเ์ หล่าน้ีใหเ้ บาะแสบางประการสาหรบั การปรบั ปรุงการสอนในชน้ั เรียนและการ
จดั ลาดบั ความสาคญั ดา้ นการบริหารท่ีคล่องตวั เพื่อปรบั ปรุงประสิทธิภาพของนกั เรียนในสหรฐั อเมริกา นอกจากน้ี
ผลลพั ธย์ งั ระบุถงึ เสน้ ทางสาหรบั การวจิ ยั เพิ่มเติมเพื่อเสริมแนวปฏิบตั ิดา้ นการศึกษา ไม่เพียงแตใ่ นสหรฐั อเมริกาเท่านน้ั
แตใ่ นทกุ ประเทศ เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรยี นท่ีดขี ้นึ ในวชิ าคณติ ศาสตร์

ชอื่ เร่ือง ควำมตอ้ งกำรในกำรพฒั นำวชิ ำชพี ของคณำจำรยใ์ นมหำวิทยำลยั
นำนำชำติในประเทศไทย
ชอ่ื ผูแ้ ต่ง ฌองนนิ , โลอซิ
ปี ทพี่ มิ พ์ 2016
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนิพนธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

ในมหาวทิ ยาลยั นานาชาตแิ หง่ หน่ึงในประเทศไทย โดยมนี กั ศึกษามาจาก 92 ประเทศ คณาจารยร์ ายงาน
ความจาเป็นในการพฒั นาวชิ าชพี (PD) วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาน้ีคอื เพ่ือทาความเขา้ ใจความตอ้ งการและความชอบของ
คณาจารยใ์ นแผนกระดบั ปริญญาตรี เพื่อชว่ ยฝ่ ายบริหารในการเสนอโปรแกรม PD ทเ่ี หมาะสม ตามทฤษฎคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ
ที่มอี ยู่ การเรียนรูอ้ ย่างมืออาชพี ถูกนามาใชเ้ ป็ นกระบวนการทางสงั คมท่ีฝังอยู่ในปฏิสมั พนั ธใ์ นสถานที่ทางาน คาถามวิจยั
เกี่ยวขอ้ งกบั การรบั รูข้ องครูเกี่ยวกบั ความตอ้ งการการเรยี นรู้ ความชอบของโปรแกรม และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง PD กบั ผล
การเรยี นรูข้ องนกั เรียน ในกรณศี กึ ษาเชงิ พรรณนาน้ี รวบรวมขอ้ มูลจากคณาจารยป์ ระจาผ่านกลุ่มโฟกสั ท่ีมผี ูเ้ ขา้ ร่วม 5 คน
และการสมั ภาษณ์แบบตวั ต่อตวั และอีเมล 8 คน ตามกลยุทธ์การสุ่มตวั อย่างแบบแปรผนั สูงสุด กลุ่มตวั อย่างไดร้ วม
คณาจารยจ์ ากภูมิหลงั ทางวชิ าการและวฒั นธรรมท่ีหลากหลาย และประสบการณอ์ นั ยาวนานในมหาวทิ ยาลยั การวเิ คราะห์
รหสั เฉพาะเร่ืองเผยใหเ้ ห็น 4 ประเด็นหลกั ไดแ้ ก่ (1) ความปรารถนาที่จะเรียนรูเ้ น้ือหาเฉพาะ เช่น เทคนิคการจดั การ
หอ้ งเรยี น การสอนสาหรบั นกั ศกึ ษาระดบั มหาวทิ ยาลยั การออกแบบการประเมนิ และเทคโนโลยกี ารสอน (2) ความปรารถนา
ทจ่ี ะสงั เกตและใชเ้ ทคนิคใหม่ ๆ เพือ่ ดงึ ดูดนกั เรยี นทหี่ ลากหลายในชนั้ เรยี นขนาดใหญ่ (3) ความปรารถนาที่จะเรียนรูร้ ่วมกนั
เพื่อแบ่งปันขอ้ มูลที่เก่ียวขอ้ งกบั บริบท; และ (4) ความคาดหวงั จากฝ่ ายบริหารของมหาวิทยาลยั จากผลการศึกษาน้ี
ขอ้ เสนอแนะทปี่ รบั แตง่ มาสาหรบั มหาวทิ ยาลยั แหง่ น้ีจงึ มสี ว่ นชว่ ยในการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม โปรแกรม PD ที่เหมาะสมจะ
ชว่ ยใหค้ ณาจารยไ์ ดฝ้ ึกฝนทกั ษะการสอนและปรบั ปรุงประสบการณก์ ารเรยี นรูข้ องนกั เรยี นในสภาพแวดลอ้ มท่ีหลากหลายทาง
วฒั นธรรมน้ี

ชอื่ เร่อื ง ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงควำมถ่ีในกำรทดสอบกบั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนของ
นกั เรยี นในวชิ ำคณติ ศำสตรร์ ะดบั แปด: กำรศกึ ษำเปรียบเทียบระหว่ำงประเทศ
ชอื่ ผูแ้ ต่ง ตำม TIMSS 2011
ปี ท่ีพมิ พ์ กูเวน อฟู กุ
สำนกั พมิ พ์ 2017
วทิ ยำนพิ นธ์โปรเควสต์

บทคดั ย่อ

การวจิ ยั ครงั้ น้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื ศึกษาความสมั พนั ธร์ ะหว่างความถี่ในการตอบคาถามกบั ผลสมั ฤทธ์ิทางการ
เรียนของนกั เรยี นในวชิ าคณติ ศาสตรช์ น้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 8 ทีว่ ดั โดย TIMSS เป้ าหมายท่เี จาะจงมากข้ึนของการศึกษาน้ี
คอื การกาหนดความถข่ี องแบบทดสอบท่ีดีที่สุด (รายวนั รายสปั ดาห์ รายเดอื น ไมม่ ีแบบทดสอบ) และความสมั พนั ธ์
ของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนกั เรียนสาหรบั หลกั สตู รคณติ ศาสตรเ์ กรดแปด การศึกษาไดต้ รวจสอบความสมั พนั ธ์
ดงั กล่าวในประเทศผูเ้ ขา้ ร่วมเกรด 8 ทง้ั หมด รวมทง้ั ในประเทศเฉพาะ 4 ประเทศ ไดแ้ ก่ เกาหลี สิงคโปร์ ตรุ กี และ
สหรฐั อเมรกิ า เป้ าหมายอกี ประการของการศกึ ษาน้ีคอื การกาหนดแนวทางปฏิบตั ิในการตอบคาถามของประเทศที่มีผล
การเรยี นสูงและมีผลการเรียนตา่ และเพ่ือกาหนดความสมั พนั ธท์ ่ีดีท่ีสุดของความถ่ีในการตอบคาถามและผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรียนของนกั เรียนในประเทศเหล่าน้ี การศึกษาไดข้ อ้ มลู จากการสอบ TIMSS 2011 และจากแบบสอบถามของ
นกั เรียน ครู และโรงเรียน นอกเหนือจากแบบทดสอบแลว้ ขอ้ มลู SES ของนกั เรียนและโรงเรียนยงั ถูกใชใ้ นการศึกษาน้ี
เป็นตวั แปรควบคมุ อกี ดว้ ย ขอ้ มลู ความถี่แบบทดสอบ (ตวั แปรอสิ ระ) ดงึ มาจากแบบสอบถามของครู ขอ้ มูลสถานะทาง
สงั คมและเศรษฐกิจ (SES) (ตวั แปรควบคมุ ) ถกู ดงึ มาจากแบบสอบถามของนกั เรียนและโรงเรยี น และขอ้ มลู ผลสมั ฤทธิ์
ของนกั เรยี นถูกดงึ มาจากการสอบ TIMSS 2011 มกี ารถดถอยเชงิ เสน้ พหุคูณเพื่อพิจารณาว่าความถ่ีของการทดสอบ
เป็นตวั พยากรณท์ ี่สาคญั ของผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรยี นในทุกประเทศรวมกนั รวมทงั้ ในแต่ละประเทศหรือไม่
ผลการถดถอยระบุวา่ ความถี่ของการสอบปากคาไม่ไดม้ ีส่วนสาคญั ต่อผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียนในวิชา
คณิตศาสตรเ์ กรดแปด ในทุกประเทศรวมกนั หรอื ในแตล่ ะประเทศหลงั จากควบคมุ ตวั แปร SES แลว้ นอกจากน้ี ผลการ
ถดถอยระบุว่าแบบทดสอบรายสปั ดาหม์ ีความสมั พนั ธท์ ี่ดีที่สุดในทุกประเทศ แบบทดสอบรายเดอื นในประเทศที่มี
ผลงานดที ีส่ ดุ 2 อนั ดบั แรก (เกาหลีและสงิ คโปร)์ และแบบทดสอบรายวนั ในตรุ กีและสหรฐั อเมริกา ผลลพั ธย์ งั ระบุดว้ ย
วา่ ครูเกือบทงั้ หมดใชแ้ บบทดสอบ นอกจากน้ี การศึกษายงั พบวา่ สถานะ SES มีส่วนสาคญั ต่อผลสมั ฤทธ์ิของนกั เรียน
และผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรียนเพม่ิ ข้นึ อยา่ งมนี ยั สาคญั และตอ่ เน่ืองเมอ่ื สถานะ SES ของนกั เรยี นดขี ้ึน

ชอ่ื เร่ือง สถำนะท่ีเป็ นอยู่และควำมตอ้ งกำรของหลกั สูตรกำรศกึ ษำ STEM เพ่ือ
เพมิ่ ขดี ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำอยำ่ งสรำ้ งสรรค์
ชอื่ ผูแ้ ต่ง ปรำณี ทิงเวยี งทอง
ปี ทพ่ี มิ พ์ 2021
สำนกั พมิ พ์ วิทยำนพิ นธ์โปรเควสต์

บทคดั ยอ่

งานวจิ ยั น้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พื่อศกึ ษาสภาพทเ่ี ป็นอย่แู ละความจาเป็นในการพฒั นาหลกั สูตรการศึกษา
STEM เพอื่ พฒั นาความสามารถในการแกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ วธิ กี ารรวมถึงการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึกและการสนทนา
กลุ่ม กลุ่มเป้ าหมายคือผูม้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย 42 คน ไดแ้ ก่ ผูอ้ านวยการโรงเรียน วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ครู
เทคโนโลยี ครูผูน้ าดา้ นการศึกษา STEM และนกั เรียน ใน 7 โรงเรียนในเครือข่ายการศึกษา STEM ขอนแก่น
เคร่ืองมือวิจยั เป็ นบนั ทึกภาคสนาม วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยการวิเคราะหเ์ น้ือหา สรุปผลการวิจยั โดยใชค้ าอธิบายเชิง
วเิ คราะห์ ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ครูจดั การเรียนการสอน STEM ผ่าน สโมสร STEM หวั ขอ้ เพิ่มเติม กิจกรรมระดบั
ปานกลาง-เพ่มิ ความรู้ นอกจากน้ี ครูยงั ผสมผสานแนวคดิ STEM เขา้ กบั การสอนในวชิ าคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี สาหรบั ปัญหาการสอน STEM กิจกรรมบางอยา่ งไมส่ อดคลอ้ งกบั บริบทของโรงเรยี น นอกจากน้ี เวลา
จดั กิจกรรม STEM และงบประมาณในการผลิตสื่อการเรียนรูย้ งั ไม่เพียงพอ 2) ครูตอ้ งการหลกั สูตรการศึกษา
STEM ท่ีเหมาะสมกบั บริบทของโรงเรยี นและสอดคลอ้ งกบั ชวี ติ ประจาวนั ของนกั เรยี น ควรออกแบบโดยความร่วมมือ
ของครูผูส้ อน ควรสามารถตอบสนองตอ่ นกั เรียนทกุ คนท่มี คี วามสามารถตา่ งกนั การเรียนการสอน STEM ควรเนน้
ทผ่ี ูเ้ รียนในการวางแผน ออกแบบ ดาเนินการ ปฏิบตั ิ สรุปเพ่ือแกป้ ัญหา และจดั ประเภทความรูใ้ หม่ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์

CREDITS: This presentation template was created by Slidesgo,
including icons by Flaticon, infographics & images by Freepik

proquest .//วิจยั ทง้ั 60 เรื่อง.//(2001 - 2021).//สบื คน้ เม่ือ 17 - 22
ธนั วำคม 2564 ./จำก./https://https://www.proquest.com/


Click to View FlipBook Version