เทคนิคการเขยี น...ทม่ี าและความสาคญั ของปัญหา
โดย
หน่วยวจิ ยั ทางการพยาบาล ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชยี งใหม่
“การเขียนท่ีมาและความสาคญั ของปัญหา (หรือบทนำ/บทที่ 1/ภูมิหลงั ) เป็น
ส่วนเกริ่นนา ท่ีทาใหผ้ อู้ ่านเริ่มเขา้ ใจในปัญหาท่ีจะทาการศึกษาวา่ ปัญหาคือ
อะไร มีความสาคญั ในแง่มุม หรือประเดน็ ไหนบา้ ง ผอู้ ่านสามารถเห็นความ
ต่อเนื่องและความรุนแรงของปัญหาที่เกิดข้ึน ในอดีต ปัจจุบนั หรือจะเกิดข้ึน
ในอนาคต ซ่ึงจาเป็นตอ้ งศึกษา เพื่อหาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาน้นั ”
การเขียนที่มาและความสาคญั ของปัญหา เป็นส่วนที่ยากและ
ทา้ ทายท่ีสุดในการเขียนรายงานการวิจยั จานวนหนา้ อาจ
แตกต่างกนั ไปข้ึนอยกู่ บั ประเภทของงานวิจยั กาลงั ท่ีเขียน ท่ีมา
และความสาคญั ของปัญหา ควรจะบอกใหท้ ราบถึงหวั ขอ้
เน้ือหา และเหตุผลในการทางานวิจยั
เทคนคิ พชิ ิต Editor+Reader
01 วิธีการ 03
แนะนำหัวข้อของงำนเขยี น 02 กำรร่ำงโครงร่ำงของรำยงำนกำรวจิ ัย
▪บอกใหท้ รำบถึงเร่ืองท่ีทำวิจยั สร้ำงเนื้อเรื่องให้กบั งำนเขียน
▪พจิ ำรณำกำรอำ้ งอิงถึงคำสำคญั ▪เขียนจำกปัญหำท่ีพบ
▪อธิบำยคำศพั ท์ หรือแนวคิดสำคญั ▪กำรเขียน Gap of knowledge
▪แนะนำเรื่องท่ีเขียนผำ่ นเรื่องรำว และ Gap ต่ำงๆ
หรือคำพูดอำ้ งอิง
01
แนะนำหัวข้อของงำนเขียน
บอกให้ทรำบถงึ เร่ืองทท่ี ำวจิ ยั
โดยเร่ิมเกริ่นบทนำที่บอกใหผ้ อู้ ่ำนทรำบเร่ืองงำนวจิ ยั ท่ีเขียนและช้ีใหเ้ ห็นถึงคำถำมของงำนวจิ ยั
ประมำณ 2-3 ประโยค ทำใหผ้ อู้ ่ำนทรำบถึงเร่ืองท่ีทำวจิ ยั และดึงดูดควำมสนใจของผอู้ ่ำนได้ สองสำม
ประโยคแรกควรจะเป็นตวั ช้ีแนะใหท้ รำบถึงปัญหำอยำ่ งกวำ้ งๆ และพำไปสู่คำถำมของงำนวจิ ยั ที่เจำะลึก
ลงไปของคุณ
เรียกวำ่ “สำมเหลี่ยมควำ่ ” ท่ีเริ่มจำกกำรเขียนถึงเร่ืองทวั่ ไปอยำ่ งกวำ้ งๆก่อนในตอนตน้ ก่อนจะคอ่ ยๆ
ขยำยเจำะลึกเขำ้ ไปเป็นเร่ืองๆ เฉพำะ
ไดแ้ ก่ สถำนกำรณ์ทว่ั โลก ในต่ำงประเทศ ประเทศไทย จงั หวดั เชียงใหม่ และระดบั หอผปู้ ่ วย
ตัวอย่ำง
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคไม่ติดตอ่ เร้ือรังที่เป็นปัญหำดำ้ นสำธำรณสุขท่ีสำคญั เนื่องจำกก่อใหเ้ กิด
ควำมพกิ ำรและกำรเสียชีวติ เป็นลำดบั ที่ 2 ของโลก โดยพบผปู้ ่ วยทวั่ โลกประมำณ 17 ลำ้ นคน ในจำนวนน้ี
เสียชีวิตประมำณปี ละ 6.7 ลำ้ นคน ซ่ึงผรู้ อดชีวติ มกั หลงเหลือควำมพิกำรอยำ่ งถำวรจำนวน 5 ลำ้ นคน
นอกจำกน้ียงั พบผปู้ ่ วยรำยใหม่เพม่ิ ข้ึนประมำณ 800,000คนตอ่ ปี และพบวำ่ ในทุก 6 วนิ ำที จะมีผเู้ สียชีวิต
จำกโรคหลอดเลือดสมองอยำ่ งนอ้ ย 1 คน โดยร้อยละ 80 ของกำรเกิดโรคหลอดเลือดสมองมีสำเหตุมำจำก
หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตนั ส่วนในประเทศแถบเอเชีย เช่น ญี่ป่ ุน เกำหลี และจีน กพ็ บวำ่ โรคหลอด
เลือดสมองเป็นสำเหตุกำรเสียชีวติ อนั ดบั ตน้ ๆ ดว้ ยเช่นกนั สำหรับประเทศไทยจำกขอ้ มูลในปี พ.ศ. 2560
พบวำ่ โรคหลอดเลือดสมองเป็นสำเหตุกำรเสียชีวติ อนั ดบั 3 รองจำกโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหวั ใจ
และจำกสถิติของสำนกั โรคไม่ติดตอ่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสำธำรณสุขพบอตั รำกำรป่ วยดว้ ยโรค
หลอดเลือดสมองต่อประชำกรแสนคนในภำพรวมของประเทศในปี พ.ศ. 2558-2561 เท่ำกบั 451.39, 467.
46 และ 506.20 ตำมลำดบั
พจิ ำรณำกำรอ้ำงองิ ถงึ คำสำคญั (key words)
ในการเขียนงานวิจยั สาหรับตีพิมพ์ จะไดเ้ ขียนบทคดั ยอ่ พร้อมกบั รายการคา
สาคญั ที่จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจไดถ้ ึงขอบเขตงานวจิ ยั เราอาจจะมีคาสาคญั บางคาในหวั ขอ้
เร่ืองตอ้ งการจะใชแ้ ละเนน้ ย้าในส่วนที่มาและความสาคญั ของปัญหา
ตวั อยา่ งเช่น
ถา้ หากเขียนงานวจิ ยั เร่ือง “ปัจจยั ทานายความเครียดในพยาบาล” คาสาคญั คือ
ความเครียด พยาบาล
ควรจะกล่าวถึงคาสาคญั เหล่าน้นั ในสองสามบรรทดั แรกของงานดว้ ย
อธิบำยคำศัพท์ หรือแนวคดิ สำคญั
กำรอธิบำยคำศพั ทห์ รือแนวคิดสำคญั แต่เน่ินๆ ในท่ีมำและควำมสำคญั ของ
ปัญหำเป็นส่ิงจำเป็น เพรำะหำกไม่อธิบำยคำศพั ทำงเทคนิค หรือแนวคดิ แปลก
ใหม่ที่คนไม่รู้จกั อำจจะทำใหผ้ อู้ ่ำนไม่เขำ้ ใจในงำนวิจยั และกำรอภิปรำยงำน
โดยเฉพำะแนวคิดใหม่ๆในกำรพฒั นำนวตกรรม ควำมคิดรวบยอด Model
ใหม่ๆ ท่ีใชภ้ ำษำและคำศพั ทเ์ ฉพำะทำงที่ผอู้ ่ำนอำจไม่คุน้ เคยหรือไม่เขำ้ ใจ
แนะนำเรื่องทเ่ี ขยี นผ่ำนเร่ืองรำว หรือคำพูดอ้ำงองิ
ถำ้ เป็นงำนวจิ ยั เกี่ยวกบั มนุษยศำสตร์หรือสังคมศำสตร์ กำรเขียนสำมำรถเขียนในแนวงำนประพนั ธ์เพื่อ
เริ่มบทนำ และเกร่ินใหท้ รำบถึงหวั ขอ้ ของงำนเขียน สำหรับบทควำมทำงมนุษยศำสตร์จะเร่ิมดว้ ยเร่ืองรำวหรือ
คำพดู อำ้ งอิงประกอบท่ีช้ีใหเ้ ห็นถึงหวั ขอ้ เร่ืองของงำนวจิ ยั น่ีเป็นอีกหน่ึงรูปแบบควำมหลำกหลำยของเทคนิค “
สำมเหล่ียมควำ่ ” และสำมำรถที่จะสร้ำงควำมสนใจใหแ้ ก่งำนวจิ ยั ใหด้ ูมีจินตนำกำรมำกข้ึน และแสดงสไตลง์ ำน
เขียนที่น่ำคน้ หำ
•ตวั อยำ่ งเช่น ถำ้ จะทำงำนวจิ ยั เกี่ยวกบั สังคมวทิ ยำ เร่ือง อตั รำกำรทำผดิ ซ้ำในกลุ่มผกู้ ระทำผดิ วยั รุ่น คุณอำจจะเลำ่
เรื่องส้ันๆ เก่ียวกบั คนๆ หน่ึงที่สะทอ้ นและแนะนำไปสู่เร่ืองท่ีคุณเขียน
โดยปกติแลว้ วธิ ีกำรน้ีจะไม่เหมำะสำหรับบทนำของงำนเขียนท่ีเก่ียวกบั ธรรมชำติหรือวทิ ยำศำสตร์กำยภำพ
มำกนกั ซ่ึงงำนเขียนเหล่ำน้ีจะมีวธิ ีกำรเขียนที่ต่ำงออกไป
02
สร้ำงเนื้อเรื่องให้กบั งำนเขียน
เขียนจำกปัญหำทพี่ บ
ปัญหำท่ีพบมำจำก Data (ขอ้ มูล), ขอ้ มูลที่ไม่เป็นไปตำม KPI, อุบตั ิกำรณ์
- ขอ้ มูลจำกรำยงำน เช่น จำกกำรรำยงำนของกรรมกำรควบคุมและป้องกนั กำรติดเช้ือในหอ
ผปู้ ่ วย.....โรงพยำบำล ในเดือนมีนำคม พ.ศ. 2565 พบวำ่ กำรลำ้ งมือหลงั ทำแผลปฏิบตั ิไม่ถูกตอ้ ง
ร้อยละ 22.2
- ขอ้ มูลจำกกำรสอบถำม เช่น บุคลำกรบอกวำ่ ภำระงำนมีมำก ไม่มีเวลำทำควำมสะอำดมือ
อุปกรณ์ลำ้ งมือไม่เพยี งพอ ไม่มีใครมำแนะนำกำรปฎิบตั ิตวั เป็นตน้
- ขอ้ มูลจำกกำรสงั เกต เช่น จำกกำรสังเกตบริเวณท่ีใส่สำยสวนหลอดเลือดดำ ในผปู้ ่ วยที่ติดเช้ือ
พบวำ่ ปี กของสำยคำหลอดเลือดดำหลุด มีกำรเล่ือนของสำยดึงร้ัง พลำสเตอร์เปี ยก เป็นตน้
นำส่ิงทพ่ี บมำวเิ ครำะห์หำสำเหตุ เพรำะอะไร? จำกคน เป้ำหมำย/ข้อมูล กระบวนกำรกำร
ทำงำนหรืออื่นๆ
กำรเขยี น Gap of knowledge และ Gap ต่ำงๆ
ช่องว่ำงของควำมรู้ (Gap of knowledge)
ผลกหำมรวำจิยถยั ทึงี่เกคำยรทขำำไดมค่เปว็ำนมใรนู้ ใทนิศเรทื่อำงงนท้ี่คนั วๆรใจนะเสปำ็นขำเทรำ่ีกตำอ้ลงงั แทสำดวจิงใยั หหเ้ หรือ็น
วำ่ ไดค้ น้ งำนวจิ ยั ในช่วงปี ใด พ4บเรง่ือำงนทวี่ทจิ ำยั ใกน่ีเเรรื่อื่องงนแ้ีตแ่ไตม่ผ่พลบกใำนรวเรจิ ่ือยั งขทดั ่ี
กกำบั ลทงั ฤจษะทฎีำอหะไรืรอ อพยบำ่ งงำไนรวจิ ยั
ของตพวั ยอำยบำ่ ำงลเชก่นำร“รจับำกรูก้จรำริยทธรบรทมวขนองงำพนยวำิจบยั ำเรลื่องกำกรำมรีจพรฒัิยนธรำรจมริยขธอรงรม
พยำบำลในประเทศไทย พบวำ่ งำนวจิ ยั มิไดศ้ ึกษำเรื่อง ทศั นคติและ
พฤติกรรมจริยธรรมของพยำบำล” เป็นตน้ (ใชก้ ำรอำ้ งงำนวจิ ยั ที่ได้
ทบทวน)
ช่องว่ำงเกย่ี วกบั กำรปฏิบัติ (knowledge in practices ) ของผู้ปฏบิ ัติ ( practical gap )
งำนวจิ ยั พบวำ่ มีผลกำรวจิ ยั ท่ีตำ่ งกนั เรำสำมำรถทำวจิ ยั เพอื่ พรรณณำลกั ษณะที่
แตกต่ำงและอธิบำยวำ่ ทำไมควำมแตกต่ำงจึงเกิดข้ึน
ตวั อยำ่ งเช่น " จำกกำรทบทวนงำนวจิ ยั พบวำ่ งำนวจิ ยั ที่ศึกษำเกี่ยวกบั กำรพฒั นำ
จริยธรรมเป็นกำรสำรวจผลสมั ฤทธ์ิดำ้ นกำรเรียน/กำรอบรม (อำ้ งงำนวจิ ยั ) ทศั นคติของ
พยำบำลตอ่ จริยธรรมทำงกำรพยำบำล ( อำ้ งงำนวิจยั ) .. ยงั ขำดงำนวจิ ยั กำรพยำบำลดำ้ น
พฤติกรรมจริยธรรม ซ่ึงมีควำมสำคญั ตอ้ งกำรพฒั นำเพอ่ื นำไปสู่โรงพยำบำลในดวงใจ
ดงั น้นั ผวู้ จิ ยั จึงทำกำรศึกษำเรื่อง .....
ช่องว่ำงของระเบยี บวิธีวจิ ยั ( methodology gap ) หมำยถึง งำนวจิ ยั ในอดีตใชว้ ธิ ีวจิ ยั
เพยี งแบบเดียวและมีผลต่อควำมรู้ท่ีเป็นผลจำกกำรวจิ ยั เรำตอ้ งแสดงหลกั ฐำนของกำร
ใชว้ ธิ ีวจิ ยั ในอดีต และเเสดงเหตุผลวำ่ ถำ้ วธิ ีวจิ ยั อื่นนำมำใชจ้ ะเพ่ิมหรือสร้ำงควำมรู้ท่ี
แตกต่ำงอยำ่ งไร
ตวั อยำ่ งเช่น " กำรใหค้ วำมรู้ผปู้ ่ วยท่ีผำ่ นมำไดใ้ ชส้ ื่อกำรสอนในรูปแบบวดี ีทศั น์
แผน่ พบั และคู่มือ พบวำ่ เม่ือกลบั บำ้ นสื่อกำร สอนต่ำงๆ บำงคร้ังสูญหำยเม่ือตอ้ งกำรดู
ซ้ำและไม่สำมำรถจะหำขอ้ มูลได้ ดงั น้นั ผวู้ จิ ยั จึงสนใจในกำรจดั ทำส่ือกำรสอนใน
รูปแบบ Application Line เพ่อื ใหผ้ ปู้ ่ วยสำมำรถ ทบทวนควำมรู้เองเป็นส่วนตวั ไดท้ ุก
เวลำท่ีตอ้ งกำร”
ช่องว่ำงของหลกั ฐำน ( evidence gap ) หมำยถึง ผลของกำรวิจยั ในอดีตหลำยเรื่อง
สำมำรถสร้ำงขอ้ สรุปได้ แต่ยงั มีประเดน็ ที่ยงั มีควำมขดั แยง้ กนั ดำ้ นหลกั ฐำนหรือยงั
ไม่พบหลกั ฐำน ยงั ตอ้ งกำรใหท้ ำวจิ ยั ตอ่ ไป
ตวั อยำ่ งเช่น " จำกกำรทบทวนงำนวจิ ยั CBT ท่ีส่งผลต่อกำรบรรเทำควำมวติ ก
กงั วล พบวำ่ กำรใหก้ ำรปรึกษำในเวลำ 4 สัปดำห์ ที่มีผลกำรวจิ ยั ที่เป็ นทำงท่ีดี แต่
เม่ือถอนกำรใหค้ ำปรึกษำยงั มีหลกั ฐำนที่ไม่ชดั เจนวำ่ จะมีผลยงั่ ยนื ไดอ้ ยำ่ งไร ดงั น้นั
ผวู้ จิ ยั จึงศึกษำผลของ CBT ท่ีส่งผลตอ่ กำรบรรเทำควำมวิตกกงั วล ที่ศึกษำผลใน
สัปดำห์ที่ 4 และสปั ดำห์ที่ 6 เป็นตน้ ” ( อำ้ งงำนวิจยั 2-3 เร่ือง )
ช่องว่ำงทข่ี ำดกำรประเมนิ ด้วยข้อมูล (empirical gap)
ตวั อยำ่ งเช่น "จำกกำรทบทวนงำนวจิ ยั ดำ้ นกำรประชำสมั พนั ธ์ พบวำ่ ผทู้ ่ี
ทำงำนดำ้ นประชำสมั พนั ธ์จำนวนมำกท่ีไม่สำมำรถดำเนินกำรประชำสัมพนั ธ์ให้
ครบกระบวนกำรหรือข้นั ตอนได้ โดยเฉพำะข้นั ตอน กำรประเมินผลซ่ึงส่งผลให้
องคก์ รไม่สามารถทราบขอ้ มูลจาก ผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย ซ่ึงจะไดน้ า มาวางแผน
การประชาสัมพนั ธ์ในคร้ังต่อๆ นกั ประชำสมั พนั ธ์ที่ดี ควร ... (อำ้ งงำนวจิ ยั 2-3
เรื่อง ) ดงั น้นั กำรพฒั นำนกั ประชำสัมพนั ธ์ใหเ้ ห็นควำมสำคญั ของกำร
ประเมินผลจึงมีควำมสำคญั ผวู้ จิ ยั จึงทำกำรวจิ ยั เร่ือง.....”
ช่องว่ำงทำงทฤษฎี ( theoretical gap )
งำนวจิ ยั ในประเดน็ หน่ึงๆ เม่ืออธิบำยดว้ ยทฤษฎีหน่ึงท่ีมีควำมสำคญั ในอดีต
กลบั มีผลท่ีแตกต่ำงกนั กำรวจิ ยั เพอ่ื พฒั นำควำมเที่ยงตรงของทฤษฎี จึงมี
ควำมสำคญั เพ่ือสร้ำงทฤษฎีใหเ้ ขม้ แขง็ ข้ึน "จำกกำรทบทวนงำนวจิ ยั ทฤษฎีกำร
กระทำดว้ ยเหตุผล ( theory of reasoned action ) เมื่อนำมำใชใ้ นกำรอธิบำย
พฤติกรรมกำรติดเกม พบวำ่ มีค่ำอำนำจในกำรทำนำย อยใู่ นช่วง 30-35 เปอร์เซ็นต์
(อำ้ งงำนวิจยั 2-3 เรื่อง ) นอกจำกน้ีทฤษฎี ... ในสำขำ .. มีกำรใชต้ วั แปรดำ้ นกำร
รับรู้ควำมสำมำรถของตนในกำรควบคุมพฤติกรรม (อำ้ งอิง ) .. งำนวจิ ยั น้ี จึง
ตอ้ งกำรทดสอบอำนำจในกำรทำนำยและอธิบำยพฤติกรรมกำรติดเกม"
ช่องว่ำงเชิงประชำกร (population gap)
กำรวจิ ยั ในอดีต ยงั ทำในกลุ่มตวั อยำ่ งที่เหมือนๆ กนั ยงั ไม่มกี ำรศึกษำในกลุ่ม
เฉพำะที่มีควำมสำคญั บำงกลุม่
เช่น “กำรศึกษำที่ผำ่ นมำส่วนใหญ่จะทำกำรศึกษำในผปู้ ่ วยโรคควำมดนั โลหิต
สูงทวั่ ไปโดยไม่ไดม้ ุ่งเป้ำไปยงั กลุม่ ท่ียงั ไม่มีภำวะแทรกซอ้ นซ่ึงเป็นระยะท่ีโรคไม่
รุนแรงและไม่มีอำกำรท้งั จำกภำวะโรคและภำวะแทรกซอ้ น ซ่ึงลกั ษณะดงั กลำ่ ว
อำจส่งผลใหผ้ ปู้ ่ วยมีกำรรับรู้หรือควำมเช่ือเก่ียวกบั โรคและยำในลกั ษณะที่แตกต่ำง
ออกไป ดงั น้นั ผวู้ จิ ยั จึงสนใจศึกษำ ปัจจยั ที่มีอิทธิพลตอ่ ควำมร่วมมือใน กำร
รับประทำนยำในผปู้ ่ วยโรคควำมดนั โลหิตสูงที่ยงั ไม่มีภำวะแทรกซอ้ น”
กำรร่ำงโครงร่ำงของรำยงำน
กำรเขียนภำพรวมของโครงสร้ำงส่วนเน้ือหำของงำนเขียนท่ีมำและควำมสำคญั
ของปัญหำ จะช่วยใหเ้ ขียนงำนไดค้ รอบคลุม เป็นสัดส่วน ตรงประเดน็ และน่ำสนใจ
ตวั อยำ่ ง
- ขนำดของปญหำ 3 ยอ่ หนำ้ ประมำณคร่ึงหนำ้
- ผลกระทบ สองยอ่ หนำ้ ประมำณคร่ึงหนำ้
- หลกั กำรแกไ้ ข 1 ยอ่ หนำ้ ประมำณ 5 บรรทดั
- วรรณกรรมระบุวำ่ ไดท้ ำอะไรบำ้ ง หน่ึงยอ่ หนำ้ 10 บรรทดั
- ปัญหำในหน่วยงำน หน่ึงยอ่ หนำ้ 10 บรรทดั
- แนวทำงในกำรศึกษำคร้ังน้ี หน่ึงยอ่ หนำ้ 10 บรรทดั
Link VDO ทเ่ี กย่ี วข้อง : https://www.youtube.com/watch?v=a_NbNCenrGw
เคลด็ ลบั -การร่างโครงร่างของรายงาน เพอ่ื ช่วยตดั สินใจ
วา่ จะเขียนขอ้ มูลอะไรบา้ งเมื่อเขียนบทนา
-ลองร่างบทนาของคุณหลงั จากที่คุณเขียน
งานวจิ ยั ท้งั หมดเสร็จ การเขียนบทนาเป็นอยา่ ง
สุดทา้ ยจะช่วยรับรองไดว้ า่ คุณไม่ไดล้ ืมประเดน็
สาคญั ใดไป
คำเตือน
▪ หลีกเล่ียงการเขียนบทความท่ีสะเทือนอารมณ์หรือทาใหเ้ ร้าใจ; มนั อาจจะทาใหผ้ อู้ า่ นไม่เช่ือถือได้
▪ หลีกเลี่ยงการใชส้ รรพนามในบทนาของคุณ เช่น “ฉนั ”, “เรา”, “พวกเรา”, “ของฉนั ” หรือ “ของ
พวกเรา”
▪ ไม่ควรการใชข้ อ้ มูลท่ีมากเกินความจาเป็น พยายามทาใหบ้ ทนาส้ันกระชบั เท่าที่ทาได้ โดยการเกบ็
ขอ้ มูลบางอยา่ งไวส้ าหรับเขียนในส่วนเน้ือหาของงานเขียนของคุณ
จบแลว้ คะ่
ขอบคณุ คะ่ !