The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanokon.mau001, 2022-10-13 05:41:16

คำประสม

คำประสม

1

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ เร่อื ง การสรา้ งคำและเพมิ่ คำในภาษาไทย

ใบความรเู้ รอื่ ง คำประสม

การสร้างคำ

คำ คือ พยางค์ที่มคี วามหมาย เริ่มต้นทคี่ ำ 1 พยางค์ เชน่ พ่อ แม่ พ่ี นอ้ ง ลุง ป้า นา้ อา
พยางค์เปิด คอื คำทไี่ มม่ ีตวั สะกด มี 3 ส่วน คอื พยญั ชนะตน้ สระ และวรรณยุกต์
พยางคป์ ดิ คือ คำท่ีมตี วั สะกด มี 4 ส่วน คอื พยัญชนะตน้ สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกด
ตวั การันต์ คือ พยางคท์ ไ่ี ม่ออกเสียงจะนับเป็นสว่ นประสมพิเศษในพยางค์น้ัน
ตัวอย่างพยางค์ทม่ี สี ่วนประกอบเสียงแบบตา่ งๆ
ส่วนประสม 3 ส่วน (พยญั ชนะตน้ + สระ + วรรณยุกต)์ เชน่ งู มา้ ลา ไก่
ส่วนประสม 4 สว่ น (พยัญชนะตน้ + สระ + วรรณยกุ ต์ + ตวั สะกด) เช่น มด ยุง หุง ข้าว
ส่วนประสม 4 สว่ นพิเศษ (พยญั ชนะตน้ + สระ + วรรณยุกต์ + ตวั การันต์) เชน่ เล่ห์ เสน่ห์
สว่ นประสม 5 ส่วน (พยัญชนะตน้ + สระ + วรรณยกุ ต์ + ตัวสะกด + ตวั การนั ต์) เชน่ จนั ทร์ เทศน์ ทุกข์

คำมลู

มลู มคี วามหมายวา่ “โคน รากเหง้า” หรือ สว่ นลา่ งสุดของต้นไมท้ ี่อยูใ่ นดิน คำมูล จึงหมายถงึ คำพื้นฐาน
ที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง เป็นคำที่จะนำไปใชส้ ร้างเปน็ คำประสม คำซ้ำ และคำซ้อน ที่เราจะได้เรียนร้กู ัน
ตอ่ ไป

คำมูล เป็นคำที่มีความหมายเดียว เช่น ทำ บ้าน พ่อ แม่ หรือหลายความหมายก็ได้ เช่น สาว พาย ชาย
แก่ ปาน กา รา ดำ

คำมลู อาจมพี ยางค์เดียว หรือหลายพยางค์กไ็ ด้ เช่น กระจอก สนกุ สบั ปะรด บนั ได ลเิ ก นโิ คติน เปน็ ตน้
หากคำมูลมีหลายพยางค์ เมื่อแยกพยางค์ออกแล้ว แต่ละพยางค์จะต้องไม่มีความหมาย หากมีพยางค์ใดพยางค์
หนงึ่ หรือทกุ พยางคม์ ีความหมาย ความหมายนั้นจะต้องไมเ่ หมือนกบั ความหมายของคำมลู เดมิ
ตวั อย่างการแยกคำมูลหลายพยางค์

กระต่าย แยกเปน็ “กระ” มีความหมายว่า เต่าชนิดหน่งึ หรอื จดุ ดำๆ ส่วน “ตา่ ย” ไม่มคี วามหมาย เม่ือ
รวมกันหมายถึง “กระตา่ ย” ซึง่ ไม่เกี่ยวข้องกนั

ตัวอย่างคำที่ไม่ใช่คำมูลเช่น “สู้รบ” เมื่อแยกพยางค์ออก ทั้งคำว่า “สู้” และ “รบ” มีความหมายไป
ในทางเดียวกับคำว่า “สูร้ บ”

2

การสร้างคำในภาษาไทยจากคำมลู

มีอยู่ 3 แบบ คอื คำประสม คำซ้อน และคำซำ้
คำประสม

คำประสม คอื คำท่ีมาจากคำมูลตงั้ แต่ 2 คำขึ้นไป ท่มี ีความหมายตา่ งกนั มารวมกัน แลว้ มีความหมายใหม่
แต่ตอ้ งมีความหมายใกลเ้ คยี งกับคำมูลเดมิ คำใดคำหน่งึ ที่นำมาประสมกัน หรือมคี วามหมายไปในเชงิ เปรียบเทียบ
ตัวอย่างคำประสม เชน่ แมบ่ ้าน พอ่ ครัว รถบรรทกุ ปลาเสอื ละครลิง น้ำปลา ผงซกั ฟอก เป็นตน้
คำซอ้ น

คำซ้อนเป็นการประสมกันของคำที่มีความหมายเหมือนกนั คล้ายกัน หรือ ตรงข้ามกันมารวมกันเป็นคำ
ใหม่ เพื่อให้มีความหมายชัดเจน หนักแน่นมากขึน้ ให้รายละเอียดมากขึน้ ในคำที่เกิดใหม่ เช่น เสียดสี เกียจคร้าน
รงุ่ เรอื ง มงุ่ หมาย ผลัดเปล่ยี น เป็นตน้
คำซ้ำ

คำซ้ำมีรูปแบบคล้ายกับคำซ้อน คือ เป็นคำที่เกิดจากคำมูลตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมาประสมกัน แต่คำมูลท่ี
นำมาประสมกันน้นั ต้องเปน็ คำเดยี วกนั จึงจะเกิดเปน็ คำซำ้ โดยคำทเี่ กดิ ขึ้นใหม่ จะมีความหมายคล้ายเดิม แต่เน้น
น้ำหนักของความหมายให้หนักขึ้นหรือเบาลง หรืออาจเปลี่ยนความหมายเป็นอย่างอื่นก็ได้ เช่น ร้อนๆ หนาวๆ
เด็กๆ งูๆปลาๆ เปน็ ต้น

คำสมาสและสนธิ
การสรา้ งคำในภาษาไทยของเรา นอกจากเรานำคำภาษาไทยของเราท่เี ปน็ คำมูลมาสรา้ งเป็นคำประสม ทำ

ให้เกิดคำในความหมายใหม่แล้ว ภาษาไทยของเรายังมีภาษาอื่นที่เรารับเข้ามาใช้ ร่วมกับภาษาไทย เป็น
ภาษาต่างประเทศมากมาย อันเกิดจากการรับเอาเข้ามา ผ่าน ศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การ
ตดิ ต่อค้าขาย การทตู การเมอื งการปกครองและอกี มากมาย

ภาษาบาลแี ละสนั สกฤต กเ็ ป็นภาษาท่ีเรารับเอาเข้ามาใชใ้ นภาษาไทยแต่โบราณ นกั ภาษาศาสตร์ของไทย
เราก็นำคำในภาษาบาลสี ันสกฤต มาสร้างคำใชใ้ หม่ๆ มากมาย ในรปู แบบของคำสมาสและคำสนธิ
คำสมาส

คำสมาสเป็นวิธีสร้างคำในภาษาบาลีและสันสกฤต โดยนำคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมาประกอบกันคล้ายคำ
ประสม เชน่ ราชฤทธิ์ กิจวัตร อุทกภยั ทันตกรรม เปน็ ต้น
คำสนธิ

การสนธิ คอื การเชือ่ มคำที่มาจากบาลแี ละสันสกฤต โดยเชือ่ มให้เสียงกลมกลนื กนั ตามหลกั ไวยากรณ์บาลี
สันสกฤต เป็นการเชื่อมอักษรให้ต่อเนื่องกัน เพื่อตัดตัวอักษรให้น้อยลง ทำให้คำใหม่มีความสละสลวย นำไปใช้
ประโยชน์ในการแต่งคำประพันธห์ รือตงั้ ชือ่ ตา่ ง

3

คำประสม

การประสมคำเป็นการสร้างคำโดยนำคำมูลตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมาเรียงต่อกัน ทำให้เกิดเป็นคำที่มี
ความหมายใหม่ โดยอาจมเี ค้าความหมายเดมิ หรือความหมายเปลีย่ นไปก็ได้

ลกั ษณะของคำประสม

๑. คำประสมเกิดจากคำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปมาประสมกัน แล้วเกิดความหมายใหม่ แต่ยังมีเค้า
ความหมายเดมิ อยู่ เช่น

พอ่ หมายถงึ สามีของแม่
ตา หมายถงึ พอ่ ของแม่
พ่อตา หมายถงึ พอ่ ของภรรยา
๒. คำประสมสามารถแยกเป็นคำ ๆ ได้ และคำทีแ่ ยกไดแ้ ต่ละคำมีความหมายต่างกัน เมอ่ื นำมารวมกัน
ความหมายต่างจากคำเดมิ เชน่
ปาก หมายถงึ อวยั วะของคนและสตั ว์สำหรบั กินอาหาร และใช้ออกเสยี ง
กา หมายถงึ นกชนิดหนง่ึ หรอื ภาชนะสำหรับใส่นำ้ หรือต้มน้ำ
ปากกา หมายถึง เครือ่ งสำหรับขีดเขียน
๓. คำที่มาประสมกันจะเปน็ คำมูลในภาษาใดก็ได้ เชน่
เขม็ ทศิ (ไทย + สนั สกฤต)
รถเกง๋ (บาลี + จนี )
ตูโ้ ชว์ (จนี + อังกฤษ)
๔. คำประสมที่เกดิ จากคำมูล ซง่ึ มีลักษณะเปน็ การย่อคำหลาย ๆ คำ ส่วนมากมกั จะขึ้นตน้ ดว้ ย คำว่า นัก
ชาว ชา่ ง หมอ การ ความ ผู้ ของ เครื่อง ท่ี เชน่
นัก นกั ร้อง นกั เขยี น นกั เรยี น นักสู้
ชาว ชาวบ้าน ชาวเมอื ง ชาวนา ชาววงั
ช่าง ช่างไม้ ชา่ งเสรมิ สวย ชา่ งไฟฟา้
หมอ หมอดู หมอความ หมอผี หมอนวด
การ การบ้าน การเมือง การไฟฟา้ การคลงั
ความ ความดี ความชัว่ ความสขุ ความทกุ ข์
ผู้ ผู้ใหญ่ ผู้ดี ผูอ้ ำนวยการ ผู้น้อย ผ้รู ้าย

4

ของ ของใช้ ของไหว้ ของเลน่ ของชำร่วย
เครือ่ ง เครอ่ื งหมาย เคร่อื งบิน เครื่องมอื
ที่ ทน่ี อน ที่ดนิ ท่เี ขี่ยบุหรี่ ท่เี ที่ยว ที่พัก
๕. คำประสม เป็นคำชนดิ ใดประสมกนั กไ็ ด้ เชน่
นาม + นาม เช่น แม่น้ำ พ่อบ้าน แปรงสีฟัน
นาม + กริยา เชน่ แบบเรยี น เข็มกลดั ยาดม
กรยิ า + นาม เชน่ กนิ ใจ เล่นตวั เขา้ ใจ ได้
นาม + วิเศษณ์ เช่น นำ้ แขง็ ถั่วเขยี ว หวั หอม
กริยา + กรยิ า เช่น ตม้ ยำ พิมพด์ ดี จดจำ
บุพบท + นาม เชน่ ขา้ งถนน นอกคอก ต่อหน้า
วเิ ศษณ์ + วิเศษณ์ เช่น อ่อนหวาน หวานเยน็
วเิ ศษณ์ + คำนาม เช่น ออ่ นขอ้ สองหวั

วิธกี ารประสมคำ

๑. วิธีการประสมคำ สามารถนำคำชนิดใดก็ได้ทั้ง ๗ ชนดิ มาประสมกนั เมอ่ื ประสมแลว้ จะเกดิ เปน็ คำ

ชนดิ ใดน้นั ขึ้นอยู่กบั ความหมายและการใช้คำ หรือขนึ้ อยกู่ บั หน้าที่ของคำ เช่น

คน (นาม) + ใช้ (กรยิ า) คนใช้ (นาม)

ตา (นาม) + ขวาง (กรยิ า) ตาขวาง (กรยิ า)

หอ่ (กรยิ า) + หมก (กริยา) ห่อหมก (นาม)

น้ำ (นาม) + แขง็ (วิเศษณ์) น้ำแข็ง (นาม)

๑.๑ คำประสมทเ่ี กดิ จากคำไทยประสมคำไทย เช่น

กล้วยไม้ ยางลบ ลูกสบู ข้าวแช่

พอ่ ตา แมย่ าย ทรี่ าบ อมยิ้ม

ของสงู หมอความ หมดตวั ขายหนา้

กินที่ ต้มยำ แกงสม้ เบ้ยี ลา่ ง

๑.๒ คำประสมทเี่ กิดจากคำไทยประสมกบั คำยมื จากตา่ งประเทศ เชน่

ไทย + เขมร = ของขลัง นายตรวจ ของโปรด ปอ้ มตำรวจ

ไทย + จีน = กนิ โตะ๊ นายห้าง ตีตั๋ว หงายเกง๋ บะหมแ่ี ห้ง

ไทย + อังกฤษ = เรยี งเบอร์ แทงก์น้ำ นำ้ กอ๊ แผ่นดิสก์ เตาไมโครเวฟ

ไทย + บาลีสนั สกฤ = ผลไม้ ตกั บาตร พระพทุ ธเจ้า

5

๑.๓ คำประสมที่เกิดจากคำยืมภาษาต่างประเทศมาประสมกัน เช่น

คำประสมทีเ่ กิดจากภาษา บาลี + องั กฤษ รถเมล์ รถทวั ร์ รถบัส

คำประสมทีเ่ กิดจากภาษา อังกฤษ + องั กฤษ แทก็ ซมี่ เิ ตอร์ เครดิตการ์ด

คำประสมที่เกิดจากภาษา บาลี + บาลี ผลผลิต กลยุทธ์ วัตถโุ บราณ

๒. ความหมายของคำประสม มีความหมาย ๒ ลกั ษณะ คอื

๒.๑ ความหมายใหม่ แตย่ งั คงมีเค้าความหมายเดิม เชน่

เตา + แก๊ส = เตาแก๊ส หมายถึง เตาหงุ ต้มที่ใช้แก๊สเป็นเช้อื เพลิง

เตา + ผงิ = เตาท่ีทำด้วยอฐิ สำหรับก่อไฟผิงในหน้าหนาว

รถ + ไฟ = รถท่ใี ช้ไฟเปน็ พลงั งานขับเคลอ่ื น

นำ้ + แข็ง = นำ้ ท่แี ขง็ เปน็ ก้อนด้วยกรรมวิธอี ย่างหนงึ่

๒.๒ ความหมายเปล่ียนไปจากเดมิ เชน่

ขาย + หนา้ = ขายหนา้ หมายถึง รู้สกึ อับอาย

แขง็ + ขอ้ = แขง็ ข้อ หมายถึง คดิ และกระทำการตอ่ ต้าน

นาย + ท่า = นายทา่ หมายถงึ ผูม้ ีหนา้ ทคี่ วบคุมดูแลกิจการที่ท่าเรอื ทา่ รถ

ปาก + มาก = ปากมาก หมายถึง ชอบวา่ คนอ่นื ซ้ำ ๆ ซาก ๆ หรอื พดู มาก

๓. ข้อสงั เกตเกีย่ วกับคำประสม

๓.๑ คำประสมมักจะทำหนา้ ท่ีเปน็ คำนาม คำกริยา และคำวเิ ศษณ์ เช่น

คำนาม

แม่ แม่ครวั แมม่ ด แมน่ ้ำ แม่สือ่ แม่นม แม่พระ แมเ่ หลก็

ลูก ลูกน้ำ ลกู เสอื ลูกเล่น ลกู ไม้ ลูกน้อง ลกู ไล่ ลูกหิน

คำกรยิ า

ติด ตดิ ดิน ติดตัว ติดตา ติดใจ ติดลม ติดปาก

วาง วางเฉย วางทา่ วางตวั วางใจ วางยา วางหน้า

กิน กินแรง กินใจ กนิ ที่ กนิ โต๊ะ กนิ เปล่า กินดอง

คำวิเศษณ์

ใจ ใจจดื ใจหาย ใจดำ ใจลอย ใจดี ใจร้าย ใจแข็ง

คอ คอออ่ น คอแขง็ คอตก

ปาก ปากหวาน ปากตลาด ปากปลาร้า ปากรา้ ย

6

๓.๒ คำประสมท่เี ปน็ คำนาม คำกริยา คำวิเศษณ์ ไม่จำเป็นวา่ คำแรกจะต้องเป็น
คำนาม คำกริยา และวิเศษณ์เสมอไป เช่น
คำนาม

คำแรกเปน็ คำกรยิ า คำตามเป็นคำนาม รองเท้า บงั ตา ยกทรง
คำแรกเปน็ คำกริยา คำตามเป็นคำกรยิ า ต้มยำ กันสาด หอ่ หมก
๓.๓ คำประสมจำนวนมากมีคำแรกซำ้ กนั ถอื เป็นคำสง่ั คำต้งั เหล่านมี้ ีคำต่าง ๆ มาช่วยเสริม
ความหมาย เช่น
อาหาร
ขนม ขนมหวาน ขนมถ้วยฟู ขนมครก ขนมไข่
แกง แกงส้ม แกงเผ็ด แกงเขยี วหวาน
ไข่ ไข่เค็ม ไข่ดาว ไขย่ ดั ไส้ ไข่กระทะ
กิจกรรม
ทำ ทำครัว ทำบุญ ทำการบา้ น ทำเวร ทำงาน
วงิ่ ว่งิ เปรยี้ ว วิ่งผลัด ว่งิ เรว็ วงิ่ ทน ว่ิงวบิ าก
จัด จดั ซ้อื จัดการ จัดสรร จดั จา้ ง จดั ทำ
อุปนิสยั หรอื ลักษณะ
หวั หัวหมอ หวั ข้ีเล่ือย หัวขโมย หวั กา้ วหนา้
ข้ี ข้กี ลวั ขขี้ ลาด ข้ีคยุ ขข้ี โมย ขี้โมโห
ใจ ใจแคบ ใจใหญ่ ใจรอ้ น ใจซอ่ื ใจร้าย
๓.๔ คำประสมจำนวนมากมกั มีความหมายในเชิงอุปมา เชน่
หวั ออ่ น หมายถึง ว่างา่ ย สอนงา่ ย
ปากมาก หมายถึง ชอบว่าคนอืน่ ซำ้ ๆ ซาก ๆ
หักหน้า หมายถึง ทำหรือพูดโดยเจตนาใหอ้ กี ฝา่ ยหนึ่งไดร้ บั ความอับอาย
ไกอ่ ่อน หมายถึง คนทมี่ ีประสบการณน์ ้อย ยงั รู้ไม่เท่าทนั เลหเ์ หลีย่ มของคน
ตนี แมว หมายถึง ผู้ร้าย ขโมยที่ยอ่ งไดเ้ บาราวกับแมว
หัวเรอื ใหญ่ หมายถึง ผู้จดั การทุกอย่างให้ผ้อู ่นื ด้วยตนเอง
หนา้ บาง หมายถึง มคี วามรู้สึกไวตอ่ ส่ิงทีน่ า่ ละอาย
ตาขาว หมายถึง แสดงอาการขลาดกลัว
ปากตลาด หมายถึง ถ้วยคำท่ีโจษ หรอื เล่าลือกนั

7

๓.๕ คำประสมบางคำเปน็ ไดท้ ั้งคำและกลมุ่ คำ ขึ้นอยู่กบั บริบทแวดลอ้ ม
กลมุ่ คำ แสงอาทติ ยส์ ่องสว่างในตอนเช้า
คำประสม แสงอาทติ ยเ์ ปน็ ชอื่ ของงูทม่ี ีอันตรายมาก
กลมุ่ คำ ลูกเสอื ท่ีตัวเล็กท่ีสุดในฝงู มกั จะถูกรงั แกมากท่ีสดุ
คำประสม ลูกเสือทกุ ตัวจะตอ้ งร่วมกจิ กรรมรอบกองไฟ

หลักการสงั เกตคำประสม

▶ คำมูลตัง้ แต่สองคำขึน้ ไปรวมกัน เกดิ คำใหม่ มคี วามหมายใหม่ เปน็ คำประสม
พดั ลม หมายถึง เครอื่ งพัดให้เย็นด้วยแรงไฟฟา้
มือแขง็ หมายถงึ ไม่คอ่ ยไหว้คนงา่ ยๆ
เส้อื กล้าม หมายถึง เส้อื ชน้ั ในชาย
ลกู นอ้ ง หมายถงึ ผูท้ ่คี อยตดิ สอยห้อยตาม

▶ คำมลู ต้ังแต่สองคำขึน้ ไปรวมกนั ไมเ่ กดิ ความหมายใหม่ ไม่ใช่คำประสม
ลมพดั หมายถึง ลมโชยมา
มือขาด หมายถงึ มอื ถกู สง่ิ ใดสง่ิ หนงึ่ ตดั ขาด
คอเจ็บ หมายถงึ คออักเสบ
เส้อื เป้ือน หมายถงึ เสือ้ ตดิ สิง่ ท่ที ำใหเ้ กดิ ความสกปรก

8

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑ เรื่อง การสรา้ งคำและเพิ่มคำในภาษาไทย

ใบกิจกรรมเร่ือง คำประสม

แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๑ เรื่อง รอบรูค้ ำประสม

คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความร้เู รื่องคำประสมในรปู แบบแผนผังความคดิ

9

แบบฝึกทกั ษะที่ ๒ เรือ่ งประสมคำใหม่

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนคำมูลต้ังแต่สองคำข้นึ ไปมาประสมกนั แลว้ เกิดความหมายใหม่

ตวั อย่าง คอ หมายถึง สว่ นของรา่ งกายท่ตี อ่ ศรี ษะกับตัว
หา่ น หมายถึง ช่ือนกจำพวกเปด็ คอยาว
คอหา่ น หมายถงึ สว่ นของโถส้วม

๑ .....................................หมายถึง..............................................................................................................................
...........................................หมายถึง.............................................................................................................................
...........................................หมายถึง.............................................................................................................................

๒ .....................................หมายถึง..............................................................................................................................
...........................................หมายถงึ .............................................................................................................................
...........................................หมายถึง.............................................................................................................................

๓ .....................................หมายถงึ ..............................................................................................................................
...........................................หมายถงึ .............................................................................................................................
...........................................หมายถงึ .............................................................................................................................

๔ .....................................หมายถึง..............................................................................................................................
...........................................หมายถงึ .............................................................................................................................
...........................................หมายถงึ .............................................................................................................................

๕ .....................................หมายถงึ ..............................................................................................................................
...........................................หมายถึง.............................................................................................................................
...........................................หมายถงึ .............................................................................................................................

10

แบบฝึกทกั ษะที่ ๓ เร่ืองรอบรู้บทประพันธ์

คำช้แี จง ให้นกั เรียนอา่ นคำประพนั ธต์ อ่ ไปน้แี ละเลอื กคำประสมเติมลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ต้อง

รู้อะไรไมส่ รู้ ู้วิชา

มคี วามรู้มวี ชิ ามคี วามหมาย ไม่มลายสูญหายด่ังทรพั ยส์ ิน
แมน้ มีเงินและทองกองทัว่ ดนิ กห็ มดสน้ิ เหือดไปเยี่ยงสายชล
อนั จุดหมายหลายอย่างที่ค้างติด จะสมหวังดังคดิ ประสิทธผิ์ ล
อยูท่ ีค่ วามต้งั ใจไมว่ กวน อยู่ท่ตี ัวของตนจะกระทำ
ผูม้ านะอดทนพร้อมคน้ คว้า มีวิชาแถมพกไม่ตกต่ำ
เปน็ คนพดู จริงใจไมก่ ลับคำ มีศีลนำหนนุ ดว้ ยช่วยรุง่ เรือง
หม่ันศึกษาหาทรพั ย์ประดับเสรมิ เลา่ เรยี นเพมิ่ เตมิ ไปให้ต่อเน่อื ง
ตง้ั ใจเรยี นเถิดหนาอย่าขนุ่ เคอื ง มิสนิ้ เปลืองเรอื่ งใดในวชิ า

๑ .................................... ๒ .................................... ๓ ....................................
๔ .................................... ๕ .................................... ๖ ....................................
๗ .................................... ๘ .................................... ๙ ....................................

๑๐ .................................... ๑๑ ....................................


Click to View FlipBook Version