กบฏ ร.ศ.๑๓๐
การปฏิวตั ิคร้ังแรกของไทย
ความเป็ นมา
ในต้นรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู ัว หลังจากพระองค์ข้ึน
ครองราชยไ์ ด้ราวปเี ศษ ทางการสืบทราบวา่ มีคณะนายทหารและพลเรอื นกลุ่มหนึง่
จดั ต้งั สมาคม "อานาคชิ " (Anarchist) หรอื คณะ ร.ศ. 130 โดยมเี ปา้ หมายหลักในการท่ี
จะตอ้ งการเปลยี่ นแปลงการปกครองจากระบอ[สมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเปน็ ระบอบ
ประชาธปิ ไตย โดยใหพ้ ระมหากษัตรยิ ์พระราชทานรัฐธรรมนญู และใหอ้ ยภู่ ายใต้
กฎหมายเหมอื นพระมหากษัตริยข์ องประเทศองั กฤษหรอื พระมหาจกั รพรรดิของ
ประเทศญี่ปุน่ แตก่ ารลงมอื กระทำไม่สำเรจ็ เนอื่ งจากทางการได้เขา้ จบั กุมผู้รว่ มก่อการ
สำคัญในวนั ศกุ ร์ท่ี 1 มีนาคม พ.ศ. 2454 (ร.ศ. 130) จำนวนสองคนคอื รอ้ ยตรเี หรียญ
ศรจี ันทร์ กับรอ้ ยตรจี รญู ษตะเมษ ซงึ่ เปน็ นายทหารกรมทหารราบท่ี 12 รักษา
พระองค์และได้จับกุมตัว ร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ (หมอเหล็ง ศรีจนั ทร์) ผูบ้ ังคบั
กองพยาบาลโรงเรียนนายร้อยทหารบก ซงึ่ เป็นหัวหนา้ ผกู้ ่อการ รวมทงั้ นายทหารผู้ร่วม
ขบวนการท่สี ำคัญหลายคน เชน่ ร้อยโทจรญู ณ บางช้าง สงั กดั กรมพระธรรมนูญ
ทหารบก ร้อยตรีเนตร พนู วิวฒั น์ สงั กดั กองปนื กลท่ี 1 และรอ้ ยตรีเจือ ศลิ าอาสน์
สงั กัดกรมทหาร ปืนใหญท่ ี่ 2 เป็นตน้
ความเป็ นมา
ในเวลาต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว ได้มีพระราชวินิจฉัยและ
พระบรมราชโองการพระราชทานอภัยโทษ โดยละเวน้ โทษประหารชีวติ แกผูก้ ่อการ
ดว้ ย ทรงไม่มีจิตพยาบาทต่อผ้คู ิดประทษุ ร้ายแกพ่ ระองคแ์ ละทรงเหน็ ว่าปัจจัยที่เปน็
เหตใุ หน้ ายทหารกลมุ่ นคี้ บคดิ เปลย่ี นแปลงระบอบการปกครองคือ สภาพการเกิด
ปญั หาการอุดตนั ในตำแหนง่ ทม่ี ีอยู่อยา่ งจำกัดภายในกองทพั และกรณกี ารววิ าท
ระหว่างทหารกบั มหาดเลก็ ทำให้ทหารที่รบั การลงโทษเกิดความไม่พอใจ ประกอบกับ
ความคดิ เรือ่ งประชาธิปไตยและการจำกดั อำนาจของพระมหากษัตริย์เริ่มแพรห่ ลายใน
หมคู่ นที่มีการศึกษาและนำไปสกู่ ารรวมกลุม่ และการคบคิดลม้ ล้างระบอบการปกครอง
ในทส่ี ุดสาเหตตุ า่ งๆเหลา่ นี้ จึงเกดิ เหตกุ ารณ์ ร.ศ. 130 ขน้ึ ต่อมาเม่ือรชั กาลที่ 6 ทรง
หวัน่ วติ กวา่ อาจเกดิ เหตกุ ารณล์ ักษณะดงั กลา่ วขึ้นอกี จงึ ได้มีกระแสพระราชดำรสั
เกีย่ วกบั การเมอื งการปกครองหลายประการ โดยพยายามชีใ้ ห้เห็นว่าการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยน้ันยงั ไม่เหมาะสมทีจ่ ะนำมาใช้ในประเทศไทย
สาเหตุและเหตุการณท์ ่ีเกิดข้ึน
เมอื่ นายทหารหน่มุ หรอื เรียกกันวา่ ยังเตริ ก์ และพลเรือนกลมุ่ หนึง่ ได้วางแผนที่
จะเปล่ยี นแปลงรูปแบบการปกครอง ให้เหมอื นกบั ประเทศองั กฤษและประเทศญี่ปนุ่
โดยการใชล้ ัทธิชาตนิ ยิ มหรอื อุดมการณ์ชาตนิ ยิ ม เป็นเคร่ืองมือในการสรา้ งความ
เจริญกา้ วหน้าใหแ้ กป่ ระเทศ มีการเน้นถึงความรักชาติ จงรกั ภักดตี อ่ พระมหากษตั ริย์
และยึดมนั่ ในคำสอนของศาสนา ซึง่ การใชอ้ ุดมการณช์ าตนิ ิยม กเ็ พื่อเปา้ หมายในการ
สรา้ งความเจริญกา้ วหน้าของชาติ แตแ่ นวทางดังกลา่ ว กลบั ไมเ่ ปน็ ผลสำเรจ็ เท่าทค่ี วร
สาเหตเุ ป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่มีคติความเชือ่ ที่ยอมรบั ในสิ่งท่ีเปน็ อยหู่ รอื พอใจใน
ส่งิ ท่ตี นเองกำลงั ประสบ ประกอบกบั ประเทศไทยไม่เคยตกเปน็ อาณานคิ มของชาติ
มหาอำนาจตะวันตก การปลกุ เรา้ ให้รกั ชาตแิ บบชาตนิ ิยมจงึ ไม่ได้ผลเทา่ ท่คี วร จวบจน
เกิดขบวนการ ร.ศ. 130 ทมี่ ีการเคล่ือนไหวทางการเมืองซ่ึง มาจากความคดิ ทจี่ ะ
เปลีย่ นการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธริ าชย์มาเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย
โดยมคี วามเช่อื ว่าการปกครองระบอบใหม่จะนำความเจริญมาสูป่ ระเทศชาติ
สาเหตแุ ละเหตกุ ารณท์ ี่เกิดข้ึน
คณะนายทหารบก นายทหารเรอื และพลเรือน (คณะ ร.ศ. 130) ได้รวมกล่มุ วางแผน
เพอื่ เปลี่ยนแปลงการปกครองบ้านเมอื ง สาเหตขุ องการคิดเปลีย่ นแปลงการปกครอง
คือในปลายปี พ.ศ.2452 ได้มีการโบยหลังนายทหารสญั ญาบัตรกลางสนามหญ้า
ภายในกระทรวงกลาโหมท่ามกลางวงลอ้ มของนายทหารกองทัพบกด้วยการบัญชาการ
ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว ซงึ่ ขณะน้ันดำรงตำแหน่งเปน็ สมเด็จพระ
บรมโอรสาธริ าช สยามมกุฎราชกมุ าร ทัง้ นเ้ี พราะนายร้อยเอกโสมได้ตามไปตมี หาดเล็ก
ของสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช ทเ่ี กิดการทะเลาะวิวาทกบั ทหารบกท่ีหนา้ กรมทหาร
การโบยหลงั นายรอ้ ยเอกโสม ทำให้เกิดปฏกิ ิริยาในหมทู่ หารบกและโดยเฉพาะนักเรียน
นายร้อยทหารบก ครั้นตอ่ มา ใน พ.ศ. 2453 – 2454 นายทหารรุ่นทจ่ี บจากโรงเรียน
นายทหารบกในปลายปี ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) ไดเ้ ขา้ รบั ราชการประจำกรมกองต่าง ๆ
ท่ัวพระราชอาณาจกั รแลว้ มหี ลายคนท่เี กดิ ความรสู้ ึกสะเทือนใจอย่างแรงกลา้ จากการ
ตัง้ "กองเสอื ปา่ " ด้วยคิดว่าพระเจา้ แผน่ ดนิ ไม่ทรงสนับสนนุ กจิ การทหารบก และคิด
ต่อไปวา่ การที่ประเทศไทยไมเ่ จรญิ กา้ วหน้าเทา่ ทคี่ วรเปน็ เพราะการปกครองด้วยคน
คนเดียว นายทหารบกกล่มุ นคี้ ดิ เปรยี บเทียบประเทศไทยกบั ประเทศญีป่ นุ่ ซ่ึงเริ่มการ
ปฏิรปู ประเทศพรอ้ ม ๆ กัน
สาเหตแุ ละเหตกุ ารณท์ ่ีเกิดข้ึน
แต่เหตุใดประเทศญี่ปุ่นจงึ เจรญิ เกินหน้าประเทศไทยไปไกลคำตอบทีน่ ายทหารบกกลุ่ม
ร.ศ. 130 คดิ ไดค้ ือ ประเทศทญ่ี ีป่ นุ่ ไดเ้ ปล่ยี นการปกครองระบอบสมบูณาญาสิทธิ์ราชย์
มาเป็นระบอบประชาธิปไตยภายใต้กฎหมาย ท้งั ยังปลกู ฝังให้พลเมืองร้จู ักรักชาติ
รักวฒั นธรรม รัฐบาลรู้จักประหยดั การใชจ้ ่ายในไมช่ ้ากม็ ีการค้าไปทั่วโลก มีผลติ ผลจาก
โรงงานอตุ สาหกรรมของตนเอง มีการคมนาคมท้ังทางน้ำและทางบกภายในประเทศ
และนอกประเทศและได้แผอ่ ทิ ธพิ ลทางการเมือง การทหาร การสังคมและวัฒนธรรม
ไปทั่วโลกได้อีกด้วย แตเ่ หตุใดประเทศไทยจงึ ไม่สามารถเทียบเคยี งกับประเทศญี่ปุ่นได้
เมอื่ คณะผู้กอ่ การไดค้ ำนึงถึงความลา้ หลังของประเทศ และคิดวา่ อำนาจการปกครอง
ประเทศชาตไิ มค่ วรท่ีจะอยใู่ นมือของคนคนเดยี วจงึ ทำใหน้ ายทหารบกคิดปฏิวตั ิ โดย
เริ่มประชมุ หารือกันคร้ังแรกเมอื่ วนั ที่ 13 มกราคม ร.ศ. 130 (พ.ศ. 2454 ตามศักราช
เก่า) และประชมุ ตอ่ มาอีก 7 ครั้งรวมเปน็ 8 ครงั้ ตามสถานท่ดี งั ตอ่ ไปน้ี
สาเหตแุ ละเหตกุ ารณท์ ี่เกิดข้ึน
00000
สองครั้งแรก เมือ่ วนั ท่ี 13 มกราคม และ 21 มกราคม ร.ศ. 130 ทบ่ี ้านนาย
ร้อยเอก ขนุ ทวยหาญพทิ ักษ์ ตำบลสาทร
• ครงั้ ที่ 3 วนั ท่ี 28 มกราคม ร.ศ. 130 ทีโ่ บสถร์ า้ งวดั ชอ่ งลม ช่องนนทรี
• ครัง้ ที่ 4 วนั ที่ 4 กมุ ภาพันธ์ ร.ศ. 130 ทที่ ุ่งนาหา่ งจากสถานีรถไฟคลองเตย
ประมาณ 600 เมตร
• ครัง้ ท่ี 5 วนั ท่ี 11 กมุ ภาพนั ธ์ ร.ศ. 130 ที่สวนผักของพระสรุ ทัณฑ์พิทกั ษ์ บิดา
ของ นายอทุ ัย เทพหสั ดนิ ณ อยธุ ยา ทตี่ ำบลศาลาแดง
สว่ นอกี สามครง้ั หลงั คือวนั ที่ 15 กมุ ภาพันธ์, วนั ที่ 28 กมุ ภาพนั ธ์ และวันที่ 29
กุมภาพันธ์ ร.ศ. 130 ประชุมท่ีอนกุ ูลคดีกิจสถาน แถววงั บรู พาภริ มย์ ซงึ่ เปน็ สถานทีว่ ่า
ความของร้อยโทจรูญ ณ บางชา้ ง สำนกั งานอนกุ ลู คดีกิจสถานใชเ้ ป็นทีส่ มาชกิ พบปะ
กนั และเป็นสถานท่ีรับสมาชิกใหมด่ ้วย
สาเหตุและเหตุการณท์ ี่เกิดข้ึน
การประชุมครัง้ แรกทบ่ี ้านร้อยเอกขุนทวยหาญพทิ กั ษน์ ั้น
สมาชิกผู้เรม่ิ กอ่ การมอี ยู่ด้วยกันท้ังส้นิ 7 คน กล่าวคือ
1. นายรอ้ ยเอกขนุ ทวยหาญพิทักษ์ สังกดั กรมแพทยท์ หารบก เป็นหวั หน้า
2. นายรอ้ ยตรีเหรยี ญ ศรจี ันทร์ สังกัดกรมทหารราบที่ 12 มหาดเลก็ รกั ษาพระองค์
3. นายร้อยตรี ม.ร.ว. แช่ รชั นกิ ร สังกัดกองโรงเรยี นนายสิบ กองพลท่ี 1 รกั ษาพระองค์
4. นายร้อยตรเี ขียน อทุ ยั กลุ สังกัดกองโรงเรียนนายสบิ กองพลท่ี 1 รกั ษาพระองค์
5. นายร้อยตรปี ล่ัง ปรู ณโชติ สังกดั กองปนื กลท่ี 1 รกั ษาพระองค์
6. นายรอ้ ยตรเี นตร พนู วิวฒั น์ สงั กดั กองปนื กลที่ 1 รักษาพระองค์
7. นายร้อยตรีจรูญ ษตะเมษ สังกดั กองปืนกลท่ี 1 รักษาพระองค์
สาเหตแุ ละเหตกุ ารณท์ ่ีเกิดข้ึน
คณะผู้ก่อการไดม้ อบหมายให้ ร.อ.ยทุ ธ คงอยู่ (หลวงสินาดโยธารกั ษ์) เป็นผ้ลู งมอื
ลอบปลงพระชนม์ แตเ่ กดิ เกรงกลัวความผดิ จงึ นำความไปแจ้งหมอ่ มเจ้าพันธุป์ ระวตั ิผู้
บังคบั การ กรมทหารชา่ งท่ี 1 รักษาพระองค์ และพากันนำความไปแจง้ สมเดจ็ พระ
อนชุ าธริ าชเจา้ ฟ้าจกั รพงษ์ ภวู นาถ กรมหลวงพิษณโุ ลกประชานาถ ความทราบไปถึง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ที่ประทบั อย่ทู ี่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัด
นครปฐม คณะท้งั หมดจงึ ถูกจบั กุมเมื่อวนั ท่ี 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2454 และถกู ส่งตวั ไป
คมุ ขงั ทค่ี กุ กองมหันตโทษและได้รบั พระราชทานอภยั โทษในพระราชพธิ ีฉัตรมงคล ใน
เดอื นพฤศจกิ ายน 2467
สาเหตุและเหตุการณท์ ่ีเกิดข้ึน
คณะ ร.ศ. 130 เป็นกลมุ่ ปัญญาชนในยุคใหมท่ ีจ่ บจากโรงเรียนนายรอ้ ยทหารบก ได้
สงั่ สมประสบการณ์และมโี อกาสได้รบั การถา่ ยทอดความรจู้ ากเจา้ ฟา้ จักรพงษภ์ วู นาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทำให้มีพื้นฐานการศึกษาดี มโี อกาสไดเ้ รยี นร้จู ากตำรา
และประสบการณจ์ รงิ ในช่วงเวลาท่ีเหตกุ ารณต์ า่ งๆในบา้ นเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง
ทำใหอ้ ุดมการณช์ าตินิยมของทหารมอื อาชีพทีป่ ลกู ฝงั จากการศึกษาด้วยการสอนใหร้ กั
ชาตบิ ้านเมือง ทหารทเ่ี ขา้ โรงเรยี นนายรอ้ ยทหารบก จงึ มมี าตรฐานสงู นายทหารบางนาย
ทถี่ ูกจบั กมุ ยงั อย่ใู นระหวา่ งศกึ ษาเพิ่มเติม เชน่ นายทหารบก 10 นาย กำลงั ศกึ ษาใน
โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
สาเหตุและเหตุการณท์ ่ีเกิดข้ึน
สว่ นผ้ไู ม่ไดจ้ บจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกกเ็ ปน็ ผมู้ พี ้ืนฐานการศกึ ษาสงู เชน่ ร.อ. ขุน
ทวยหาญพทิ ักษ์ และ พ.ต. หลวงวิฆเนศร์ประสทิ ธว์ิ ิทย์ จบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์
และเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนนายรอ้ ยทหารบก ร.ท. จรญู ณ บางช้าง จบเนติบณั ฑติ ย์ รับ
ราชการเปน็ นายทหารประจำกรมพระธรรมนญู และเปน็ ครูสอนวิชาปืนกล ทง้ั ยงั มี
ขา้ ราชการพลเรอื นอีกหลายคนทม่ี ีการศึกษาในระดับสงู เชน่ นายอุทยั เทพหสั ดิน ณ
อยธุ ยา นายเซ้ียง สวุ งศ์ (พระยารามบณั ฑิตสทิ ธิเ์ ศรณ)ี นายนว่ ม ทองอนิ ทร์ (พระนิจ
พจนาตก์) นายเปลง่ ดษิ ยบุตร (หลวงนยั วิจารณ)์ มาจากกระทรวงยุตธิ รรมและสำเรจ็
การศกึ ษาจากโรงเรียนกฎหมาย
แผนการปฏิวตั ิของคณะ ร.ศ. 130
เป้าหมายของแผนการปฏวิ ตั ิของคณะ ร.ศ. 130 นน้ั เพ่อื ต้องการใหพ้ ระบาทสมเด็จพระ
มงกุฎเกล้าเจา้ อย่หู วั ทรงยอมอยู่ภายใตก้ ฎหมายสงู สดุ คอื รัฐธรรมนูญ เช่นเดยี วกับ
ประเทศญ่ีป่นุ โดยไดว้ างแผนกันอีกว่า หากพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ไม่ทรงยินยอม
กจ็ ะดำเนินการทลู เชิญเจ้านายในพระราชวงศ์จักรีขึ้นเป็นประธานาธิบดคี นแรกแห่ง
สาธารณรัฐไทย บรรดานายทหารบกคิดจะทลู เชิญสมเดจ็ เจ้าฟ้ากรมหลวงพษิ ณุโลก
ประชานาถเปน็ ประธานาธิบดี พวกทหารเรอื กค็ ิดวา่ ควรจะทูลเชิญพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ
กรมหลวงราชบรุ ีดิเรกฤทธิ์ เปน็ ตน้ ท้ังนก้ี ารดำเนนิ งานตามแผนจะต้องใช้เวลาถงึ 10 ปี
เพ่อื จะได้มเี วลาปลูกฝงั ทหารเกณฑ์ในแตล่ ะรุ่นในช่วงเวลาน้ัน เม่ือทหารเกณฑ์เหลา่ นัน้ ได้
แยกย้ายกันไปประกอบอาชพี ตามภูมลิ ำเนาทวั่ และได้มวี ยั วุฒิ และคุณวุฒเิ พิ่มขนึ้ มี
ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงข้ึน มีความสามารถและความสุจริตซึ่งจะไดเ้ ป็นหลกั ประกัน
ความมน่ั คงของชาตใิ ห้มหาชนเชือ่ ถือได้
แผนการปฏิวตั ิของคณะ ร.ศ. 130
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะ ร.ศ. 130 มกี ารวางสายบังคับบญั ชามี
หัวหน้า 3 คน คอื นายร้อยเอกขนุ ทวยหาญพิทกั ษ์ หวั หนา้ คนที่ 1 นายร้อยโทจรญู ณ บาง
ชา้ ง หัวหน้าคนที่ 2 และนายร้อยโทเจือ ควกลุ หวั หน้าคนท่ี 3 ได้ประชุมปรกึ ษาหารือและ
แบง่ แยกหน้าท่ใี หก้ บั สมาชิกต่างๆ ตามสายงานดังนี้
1. หน้าท่ปี กครอง : นายร้อยโทจรูญ ณ บางชา้ ง
2. หน้าท่ีเสนาธกิ าร : นายรอ้ ยโทเจือ ควกลุ โดยมีนายรอ้ ยโททองดำ คลา้ ยโอภาส เปน็
ผู้ชว่ ย
3. หนา้ ที่การเงนิ : นายรอ้ ยเอกขนุ ทวยหาญพทิ กั ษ์ โดยมีนายร้อยโทจรญู ณ บางชา้ ง เปน็
ผ้ชู ่วย
4. หน้าท่กี ฎหมาย : นายร้อยโทจรญู ณ บางชา้ ง โดยมีนายรอ้ ยโททองดำ คลา้ ยโอภาส
เป็นผู้ช่วย
5. หน้าท่ีต่างประเทศ : นายพนั ตรีหลวงวิฆเนศรป์ ระสิทธ์ิวิทย์
แผนการปฏิวตั ิของคณะ ร.ศ. 130
6. หนา้ ทบ่ี ญั ชพี ล : นายร้อยตรเี ขยี น อทุ ยั กุล นายร้อยตรีโกย วรรณกลุ และนายรอ้ ยตรี
ปลัง่ ปูรณโชติ
7. หนา้ ทจ่ี ัดการเลย้ี งดู : นายร้อยเอกขนุ ทวยหาญพทิ ักษ์
8. หนา้ ท่สี บื ขา่ วส่งขา่ ว : นายรอ้ ยตรี ม.ร.ว. แช่ รชั นกิ ร นายรอ้ ยตรบี ว๋ ย บุณยรัตพนั ธ์ุนาย
ร้อยตรเี นตร พนู ววิ ฒั นแ์ ละนายรอ้ ยตรสี อน วงษ์โต
9. หน้าที่แพทย์ : นายร้อยเอกขนุ ทวยหาญพทิ ักษ์
10. ทีป่ รึกษาทว่ั ไป : นายร้อยโทจรญู ณ บางช้าง
แผนการปฏิวตั ิของคณะ ร.ศ. 130
มีการวางแนวทางการเปลยี่ นแปลงการปกครองออกเปน็ 2 แบบคือ
1. "ลมิ เิ ตดมอนาก"ี (Limited Monarchy) การปกครองประเทศตามวิธนี ก้ี ษตั รยิ ์ต้องอยู่
ภายใต้กฎหมาย โดยจะมีการดำเนนิ การ 2 อย่าง คือ[7]
1.1 ทำหนงั สอื กราบบงั คมทลู พระกรุณาโดยละม่อม
1.2 ยกกำลงั เขา้ ลอ้ มวงั แล้วบงั คบั ให้ทรงสละพระราชอำนาจมาอยใู่ ตก้ ฎหมาย หรือ
เปลย่ี นพระเจา้ แผน่ ดินโดยจะทลู เชิญสมเดจ็ พระเจา้ น้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวง
นครสวรรคว์ รพินติ หรือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟา้ กรมหลวงพษิ ณุโลกประชานาถ
ขึน้ เปน็ พระมหากษัตริยอ์ ยใู่ ตก้ ฎหมาย
2. "รปี ับลคิ " (Republic) การปกครองประเทศตามวธิ นี เ้ี ปน็ แบบประธานาธบิ ดี โดยจะทูล
เชิญเสดจ็ พระเจา้ พ่ยี าเธอกรมหมนื่ ราชบุรีดิเรกฤทธิ์ขึน้ เป็นประธานาธิบดี
ผลสืบเน่ืองจากการก่อกบฏ
การกอ่ กบฏดงั กล่าว ได้มหี นังสือพิมพ์ท่ีออกในต่างประเทศ เช่น อังกฤษและอเมรกิ า
เสนอข่าวทหารก่อการปฏวิ ตั ิ ได้พาดหวั ข่าวและเนือ้ หาของขา่ วแต่เพียงว่ามนี ายทหาร
กล่มุ หน่ึงพร้อมดว้ ยพลเรอื นคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองในเมอื งสยาม แตถ่ กู ทางการ
จบั กมุ ตวั ไวไ้ ดห้ มด หนังสือพิมพ์ตา่ งประเทศท่ลี งขา่ ว เชน่ หนงั สอื พิมพ์ เดอะนวิ ยอรค์
เฮรัลด์ (The New York Herald) เดอะอฟี นิงก์ สตาร์ (The Evening Star) เดอะวอชิงตนั
ไทม์ (The Washington Time) เดอะนวิ ยอร์ค ซนั (The New York Sun) เดอะวอชิงตัน
โพสต์ (The Washington Post) และเดอะไทมส์ (The Times) ทงั้ น้ีกระทรวงการ
ตา่ งประเทศของสยามดไู มค่ ่อยสบายใจนกั ท่ีปรากฏขา่ วเร่อื งกบฏตามหนา้ หนังสือพิมพ์ใน
ตา่ งประเทศ สมเดจ็ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการตา่ งประเทศ จึงทรง
มีคำสั่งไปยงั สถานทตู ในตา่ งประเทศ นายทหารกลุ่มน้จี ะใช้วธิ กี ารรุนแรงถงึ ขน้ั ทำลาย
สถาบันพระมหากษัตริย์
ผลสืบเนื่องจากการก่อกบฏ
โดยเฉพาะทก่ี รงุ วอชงิ ตันสหรัฐอเมริกาว่า ถา้ มผี ู้สอบถามเรือ่ งทหารก่อการกบฏใน
กรงุ เทพฯ กใ็ หช้ แ้ี จงวา่ ได้มผี ้วู างแผนจะปลงพระชนม์พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้
เจา้ อยหู่ ัว เพ่อื จะสถาปนาระบอบการปกครองเปน็ แบบสาธารณรฐั ขึน้ มา แต่กลุ่มผกู้ อ่ การ
ถูกจบั กมุ เสยี กอ่ น มีผถู้ ูกจบั กมุ ประมาณ 60 คน ส่วนใหญ่เป็นพวกนายทหารหนมุ่ แต่
ขณะน้ีเหตกุ ารณส์ งบเรยี บร้อยแล้ว ไม่มอี ะไรนา่ หว่นั วิตก อนึ่งขอให้ทำความเขา้ ใจด้วยวา่
การจับกมุ คร้งั น้ีไมใ่ ชเ่ พราะนายทหารหนุ่มมีความผดิ เรื่องเรียกร้องรฐั ธรรมนูญ องค์
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวทรงเป็นผมู้ นี ้ำพระหทยั กวา้ งและทรงรักเสรภี าพดีพอ ทรง
เข้าพระหทยั ในเรื่องประชาธปิ ไตย แต่ท่ีต้องจับกมุ เพราะนายทหารกลุม่ น้ีจะใช้วธิ ีการ
รุนแรงถงึ ขัน้ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
ผลสืบเนื่องจากการก่อกบฏ
คณะผกู้ ่อการ ร.ศ. 130 เร่ิมประชมุ กันกลางเดอื นมกราคม และหลงั จากน้ันเพียง 6
สปั ดาห์ก็ถกู จับกมุ แม้สมาชกิ แทบทกุ คนลงความเห็นวา่ เป็นเพราะนายร้อยเอกยทุ ธ หรอื
ร.อ. หลวงสินาดโยธารักษ์ (แต้ม คงอย)ู่ ซึ่งกำลังจะไปรับตำแหนง่ ผบู้ ังคับกรมทหารปนื
ใหญ่ที่ 7 พษิ ณุโลก เขา้ มาเป็นสมาชิกในการประชมุ 2 คร้ังหลงั และนำเรอ่ื งทง้ั หมดไปทูล
หม่อมเจ้าพันธปุ์ ระวัติเกษมสนั ต์ ผบู้ ังคับการกรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ เพอ่ื นำ
ความขึน้ กราบบังคมทูลสมเดจ็ พระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
นายร้อยเอกยุทธ ยงั เปน็ คนเดยี วในคณะท่ีไม่ถกู ลงโทษ และทางราชการยงั ได้ปูนบำเหน็จ
ด้วยการส่งไปศกึ ษาตอ่ ต่างประเทศ ท่ีกรงุ ปารสี เพ่ือหลีกหนีภยั ท่ีอาจเกดิ ขน้ึ จาก
นายทหารท่ีถกู จับกมุ ซง่ึ อาจจะเจบ็ แค้นและส่งั ใหพ้ รรคพวกท่ีอยูน่ อกคุกตาม "เกบ็ "
อยา่ งไรก็ตาม คณะ ร.ศ. 130 กย็ ังมขี อ้ บกพรอ่ งในการดำเนินการอกี หลายประการจนทำ
ใหถ้ ูกจับกุมดังต่อไปน้ี
ผลสืบเน่ืองจากการก่อกบฏ
1. ขาดแผนการ ไม่ว่าจะเปน็ แผนเล็กหรอื แผนใหญ่ การประชมุ ขาดระเบยี บ ไมม่ ีวาระการ
ประชมุ มกี ารพูดจาทมุ่ เถียงอึกทึก ดูแล้วเหมอื นวงเหล้าเสวนานินทาเจ้านาย นอกจากนี้ยงั
ไมม่ ีการกำหนดตวั วา่ ใครเปน็ หัวหนา้ กลุม่ ชัดเจน เมอ่ื มกี ารจับกมุ ทางการยงั หาหลักฐาน
ไม่ไดว้ ่าหัวหนา้ ขบวนการคือใคร ในทสี่ ุดกต็ ้องสรุปเอาว่า นายรอ้ ยเอกขนุ ทวยหาญพทิ กั ษ์
และนายร้อยโทจรญู ณ บางชา้ ง เปน็ หวั หนา้ กลมุ่ เพราะเป็นผูท้ ีพ่ ดู มากทสี่ ุดในการประชมุ
แตล่ ะครง้ั
2. ต้ังอยูใ่ นความประมาท การจับกล่มุ ชมุ นมุ แต่ละครง้ั มกี ารวิพากษ์วจิ ารณ์การ
บรหิ ารงานของราชการ ตลอดจนตำหนติ เิ ตียนองค์พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว โดยมไิ ด้
ระมัดระวังและไม่สนใจว่าเป็นการกระทำที่มีโทษมหนั ต์ ไม่มกี ารระแวดระวงั สอดแนม
ตดิ ตามดูการเคล่ือนไหวของทางการ เช่น นายร้อยเอกยุทธ เข้าร่วมประชุมในคืนวันที่ 28
กุมภาพันธ์ แล้ววันรุ่งขนึ้ กเ็ ขา้ เฝา้ ถวายรายงานต่อสมเด็จพระเจ้านอ้ งยาเธอเจา้ ฟ้ากรม
หลวงพษิ ณุโลกประชานาถ และในคนื น้ันเองก็ยงั กลบั เขา้ รว่ มการประชมุ เพ่ือแสวงหา
ความลับอกี นอกจากนน้ี ายร้อยเอกขนุ ทวยหาญพทิ ักษ์ ยังขาดความระมดั ระวังพกรายชื่อ
สมาชิกผู้เข้ารว่ มกอ่ การตดิ ตัวไวโ้ ดยไม่จำเป็น เมื่อถกู จับกุมเจา้ หน้าที่สามารถคน้ รายชื่อ
สมาชิกจากรายช่ือดังกล่าวได้ถึง 58 ชื่อ ไม่รวมรายชื่อที่ถูกรายงานโดยนายรอ้ ยเอกยทุ ธ
อกี 26 ชอื่
ผลสืบเน่ืองจากการก่อกบฏ
3. การซดั ทอดกันเองในกลุ่ม เมื่อแรกถกู จับกุมทางการไมม่ ีหลักฐานใดมากไปกว่ารายชอ่ื
ของนายร้อยเอกขุนทวยหาญพิทักษ์ และรายงานราชการลับของนายรอ้ ยเอกยุทธ แต่
ภายหลังเมือ่ มีการไต่สวน บคุ คลทถ่ี ูกจบั ต่างซดั ทอดกนั เองบานปลายไปเกีย่ วข้องกบั คน
อกี จำนวนมาก แตก่ เ็ ป็นไปได้วา่ การไต่สวนน้ันอาจมีการข่มขูห่ รือผูถ้ กู สอบสวนขาด
ปฏิภาณไหวพริบและการตอ่ สกู้ บั วิธกี ารสอบสวน นอกจากผเู้ ป็นทนายและนกั เรียน
กฎหมายบางคน เชน่ นายอุทยั เทพหสั ดนิ ณ อยุธยา ซงึ่ พอมีชน้ั เชงิ ตอบโตก้ บั การไต่สวน
ได้บ้าง
4. การดำเนินการ โดยเฉพาะการเสาะแสวงหาสมาชกิ เปน็ ไปอย่างหละหลวม ไมร่ ัดกุม ไม่
มกี ารกลัน่ กรองวา่ ให้ผใู้ ดชักชวนใครเขา้ รว่ ม ไม่มีมาตรการกำหนดคณุ สมบตั ผิ ู้เข้ารว่ มเป็น
สมาชกิ โดยสมาชกิ แตล่ ะคนตา่ งใชด้ ุลยพินจิ ส่วนตวั ในการชกั ชวนสมาชกิ พอเหน็ หนา้ ใคร
ทพ่ี อรู้จักและเปน็ ทหาร ก็ชักชวนกันง่ายๆ ดว้ ยคำถามทำนองเช่น "อยากเป็นคนหวั เก่า
หรอื หัวใหม"่ "อยากเปน็ คนโง่หรอื คนฉลาด" ถา้ อยากเป็นคนหัวใหม่ หรือเป็นคนฉลาดกใ็ ห้
ไปประชมุ ทน่ี ่นั ท่นี ี่ มีเร่ืองสำคญั จะเล่าให้ฟัง นอกจากนีย้ ังเชอื่ ว่าการดม่ื นำ้ ร่วมสาบานจะ
เปน็ เคร่ืองผกู มัดให้คนซื่อสตั ย์และมีความภักดีต่อการกอ่ การประชุมขาดความจรงิ จงั ราว
กับเป็นการชมุ นุมสังสรรคเ์ พ่อื นมากกวา่ จะเป็นการประชุมเพ่อื การกอ่ การปฏวิ ตั ิล้มล้าง
อำนาจทางปกครอง
ผลสืบเน่ืองจากการก่อกบฏ
กล่าวโดยสรปุ คณะ ร.ศ. 130 ถูกจบั กุมเนือ่ งจากขาดการวางแผน ตง้ั อยู่ใน
ความประมาท รูเ้ ทา่ ไม่ถงึ การณ์ ตลอดจนมีการทรยศและซัดทอดผู้รว่ มก่อการ นายรอ้ ยโท
กินสุน แพทยท์ หาร ซ่งึ เคยเข้ารว่ มประชมุ และให้การเป็นพยานโจทก์ก็ให้ความเห็นว่า
"พวกทีค่ ดิ ๆ โดยมากเปน็ เด็ก ๆ มทุ ะลุ ตึงตงั ทำอะไรเหน็ เป็นการสำเร็จทงั้ นนั้ " แต่ในความ
เป็นจริง ทางการไดล้ งความเหน็ มาตงั้ แตร่ าวกลางเดอื นเมษายนแล้ววา่ พวกกอ่ การกำเริบ
มคี วามผิดฐานพยายามจะประทุษร้ายตอ่ องคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ วั
ตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 97 และฐานพยายามกบฏตามมาตรา 102
ตา่ งมีโทษประหารชวี ิตทกุ คน ในทีส่ ุดคณะพจิ ารณาคดีกต็ ดั สนิ โทษโดยพจิ ารณาถงึ การมี
ส่วนรว่ มกระทำความผดิ มากน้อยเพียงใด โดยมีโทษหนกั ท่สี ดุ คือประหารชวี ิต จนมาถึง
เบาท่ีสดุ คอื จำคกุ 12 ปี มีผู้ถูกตดั สินประหารชวี ติ 3 นายคือ นายรอ้ ยเอกขุนทวยหาญ
พทิ ักษ์ ในฐานะ "เป็นคนตน้ คดิ และหวั หน้าคณะแหง่ คนพวกนท้ี ่ปี รากฏวา่ คิดเปลีย่ นแปลง
การปกครองบา้ นเมืองและคิดกระทำการถึงประทษุ รา้ ยต่อประชาชนและพระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อยหู่ วั ", นายรอ้ ยโทจรญู ณ บางช้าง ซง่ึ คณะกรรมการเห็นว่า "คงเกี่ยวกับการ
จดั หาอาวธุ " และ นายรอ้ ยตรเี จือ ศลิ าอาสน์ "ซง่ึ เขา้ ร่วมประชมุ สามคร้ัง ภายหลงั คดิ เกลย้ี
กลอ่ มคนจะเข้าแย่งพรรคพวกที่ถูกขังในเวลาใดเวลาหนึ่ง สดุ แต่จะมีโอกาสกบั พยายาม
ประทษุ ร้ายพระเจ้าแผน่ ดนิ "
ผลสืบเนื่องจากการก่อกบฏ
ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ได้ทรงมพี ระบรมราชวนิ ิจฉยั ความ
ว่า "เหน็ ว่า กรรมการพิพากษาลงโทษพวกเหล่านี้ ชอบดว้ ยพระราชกำหนดกฎหมายทกุ
ประการแล้ว แต่ว่าความผิดของพวกเหลา่ น้มี ขี ้อสำคัญทจี่ ะกระทำรา้ ยตอ่ ตัวเรา เราไมไ่ ดม้ ี
จติ พยาบาทอาฆาต มาดรา้ ยต่อพวกน้ี เห็นควรท่จี ะลดหยอ่ นผ่อนโทษโดยฐานกรุณา ซ่ึง
เปน็ อำนาจของพระเจ้าแผน่ ดนิ จะยกใหไ้ ด้ เพราะฉะนัน้ บรรดาผู้ท่ีมีชอื่ 3 คน ซงึ่ วางโทษไว้
ในคดพี พิ ากษาของกรรมการวา่ เป็นโทษชัน้ ที่ 1 ใหป้ ระหารชวี ิตน้นั ใหล้ ดลงเป็นโทษช้ันที่
2 ใหจ้ ำคกุ ตลอดชีวิต แลบรรดาผ้มู ีช่ือ 20 คน ซ่งึ วางโทษไว้เป็นชั้นที่ 2 ให้จำคุกตลอดชีวิต
นั้น ให้ลดลงเปน็ โทษชน้ั ท่ี 3 คอื ให้จำคกุ มีกำหนด 20 ปี ตั้งแตว่ นั นส้ี บื ไป แต่บรรดาผู้ท่ีมี
ชื่ออีก 68 คน ซึ่งวางโทษไวช้ ั้นท่ี 3 ให้จำคุก 20 ปี 32 คน และวางโทษชนั้ ท่ี 4 ให้จำคกุ
15 ปี 6 คน และวางโทษชนั้ ที่ 5 ให้จำคุก 12 ปี 30 คนน้นั ให้รอการลงอาญาไว้ ทำนอง
อย่างเช่นไดก้ ล่าวในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 41 และ 42 ซึ่งว่าดว้ ยการรอลงอาญา
ในโทษอย่างน้อยนั้น และอยา่ เพอ่ ให้ออกจากตำแหน่งยศก่อน แตฝ่ า่ ยผู้มชี ่ือ 3 คน ทไี่ ด้
ลงโทษชน้ั ท่ี 2 กับผ้ทู ่มี ชี ือ่ 20 คน ที่ได้ลงโทษชั้นที่ 3 รวม 23 คน ดงั กลา่ วมาขา้ งต้นนั้น
ให้ถอดจากยศบรรดาศักดติ์ ามอยา่ งธรรมเนียม ซ่ึงเคยมีกบั โทษเชน่ นั้น..."
ผลสืบเน่ืองจากการก่อกบฏ
คณะ ร.ศ. 130 จึงถูกจำคุกจริงๆ 25 คน โดยถกู คมุ ขงั ในคกุ มหนั ตโทษ
(คกุ ตา่ งประเทศ) 23 คน และเรอื นจำนครสวรรค์ 2 คน ทั้งหมดต้องโทษถูกคุกขงั อยู่ 12 ปี
6 เดือน 6 วัน จงึ ไดร้ บั พระราชทานอภยั โทษ ในพระราชพิธฉี ตั รมงคล เดือนพฤศจิกายน
พ.ศ. 2467 ในวโรกาสครบรอบปีที่ 15 ของการครองราชย์ ระหว่างต้องโทษมีผู้เสียชีวิต 2
คนคอื นายรอ้ ยตรีวาส วาสนา หลังจากต้องโทษ 4 ปี ถงึ แกก่ รรมดว้ ยวัณโรค และ หลังจาก
นัน้ อีก 2 ปี นายร้อยตรี ม.ร.ว. แช่ รชั นกิ ร ถึงแก่กรรมด้วยโรคลำไส้
ท้งั นเ้ี หตุการณ์ ร.ศ. 130 เปน็ แรงผลักดนั ให้คณะราษฎร ก่อการปฏวิ ัติเปล่ยี นแปลง
การปกครอง โดยภายหลงั การยดึ อำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยหุ เสนาได้เชญิ ผู้นำการ
กบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับ ขุนทวยหาญพทิ ักษ์ (เหล็ง ศรจี ันทร)์ วา่ "ถ้าไมม่ ีคณะ
คุณ ก็เหน็ จะไมม่ คี ณะผม" และหลวงประดิษฐม์ นูธรรมกไ็ ดก้ ล่าวในโอกาสเดยี วกนั ว่า
"พวกผมถอื วา่ การปฏิวัติคร้ังนีเ้ ป็นการกระทำตอ่ เน่ืองจากการกระทำเมอื่ ร.ศ. 130 ซ่ึง
วรี กรรมของคณะปฏิวตั ิร.ศ. 130 จะต้องเป็นเครอื่ งเตือนใจให้อนชุ นคนไทย ทั้งในวนั นี้
และวันหน้าไดร้ ำลกึ ว่า สทิ ธขิ องการเป็นพลเมอื งเจา้ ของชาติ เป็นสทิ ธทิ เี่ ราจะตอ้ งหวง
แหนและรกั ษาไวด้ ้วยชีวติ