ระบำ โบราณคดี
ผู้จัดทำ คำ นำ นางสาวนภสร พุทธเมฆ หนัง นั สือ สื เล่มล่นี้มีเ มี นื้อหาเกี่ยกี่วกับ กั การพัฒ พั นาหนัง นั สือ สื อิเ อิ ล็ก ล็ ทรอนิกส์ (E-Book) เรื่อรื่งระบำ โบราณคดี เพื่อพื่นำ ไปใช้ใช้ นการเรีย รี นรู้ เพื่อพื่ที่จที่ะได้ ทราบวิธี วิ ก ธี ารเรีย รี นรู้ การศึก ศึ ษาค้น ค้ คว้า ว้ เกี่ยกี่วกับ กั รำ วงมาตรฐาน การจัด จั ทำ หนัง นั สือ สื เล่มล่นี้ เพื่อพื่ศึก ศึ ษาความพึง พึ พอใจ ของการใช้ห ช้ นัง นั สือ สื อิเ อิ ล็ก ล็ ทรอนิกส์ (E-Book) เรื่อรื่ง ระบำ โบราณคดี เพื่อพื่ ให้เ ห้ กิด กิ ความรู้ ความเข้า ข้ใจ สามารถนำ ไป ประยุก ยุ ต์ใต์ ช้ไช้ ด้ใด้ นการเรีย รี นสอนต่อไป ผู้จั ผู้ ด จั ทำ หวัง วั ว่าว่รายงานเล่มล่นี้จะเป็นประโยชน์กับ กั ผู้อ่ ผู้ าอ่น หรือ รื นัก นั เรีย รี น นัก นั ศึก ศึ ษา ที่สที่นใจในเรื่อรื่งนี้อยู่ หากมีข้ มี อ ข้ แนะนำ หรือ รื ข้อ ข้ ผิด ผิ พลาด ประการใด ผู้จั ผู้ ด จั ทำ ขอน้อมรับ รัไว้แ ว้ ละขออภัย ภั มา ณ ที่นี้ที่ นี้ ด้ว ด้ ย ก
สารบัญ คำ นำ สารบัญบั ประวัติวัติความเป็นมาระบำ โบราณคดี ระบำ ทวารวดี ระบำ ศรีวิชัยชั ระบำ ลพบุรีบุรี ระบำ เชียงเเสน ระบำ สุโสุขทัยทั หน้า สรุปรุ อ้างอิง ข ก ข 1 2 5 8 11 14 17 18
ระบำ โบราณคดีเ ดี กิดกิจากแนวคิดคิของ นายธนิต อยู่โยู่พธิ์ อดีต ดี อธิบธิดีก ดี รมศิลศิปากร ซึ่งซึ่ ได้พด้บภาพเขีย ขี น ภาพปั้นปั้และภาพจำ หลักลัตามโบราณสถาน และโบราณวัตวัถุสมัยมัต่างๆ ทั้งทั้ที่พที่บในประเทศไทย และประเทศใกล้เล้คีย คี ง จึง จึได้นำด้ นำมาประกอบแนวคิดคิประดิษดิฐ์ สร้าร้ง เครื่อรื่งดนตรี และท่าท่นาฏศิลศิป์แต่ละสมัยมัขึ้นขึ้เมื่อมื่ปี พ.ศ. 2510 โดยขอให้นห้ายมนตรี ตรา โมท ผู้เ ผู้ ชี่ยชี่วชาญดนตรีไรี ทย และศิลศิปินแห่งห่ชาติ แต่งทำ นองขึ้นขึ้ตามแนวคิดคินั้นนั้ โดยมอบ ให้คห้รูล รู มุล มุ ยมะคุป คุ ต์ ครูเ รู ฉลย ศุขะวณิชณิและท่าท่นผู้ห ผู้ ญิงญิแผ้วผ้สนิทวงศ์เ ศ์ สนี ผู้เ ผู้ ชี่ยชี่วชาญการ สอน นาฏศิลศิป์ไทย และศิลศิปินแห่งห่ชาติ เป็นผู้ป ผู้ ระดิษดิฐ์ท่ ฐ์ าท่รำ สร้าร้งเป็น ระบำ โบราณคดี 5 ชุด ชุ ดังดันี้ ชุด ชุ ที่ 1 ระบำ ทวาราวดี ชุด ชุ ที่ 2 ระบำ ศรีวิ รี ชัวิยชั ชุด ชุ ที่ 3 ระบำ ลพบุรี ชุด ชุ ที่ 4 ระบำ เชีย ชี งแสน ชุด ชุ ที่ 5 ระบำ สุโ สุ ขทัยทั ประวัติความเป็นมา ระบำ โบราณคดี 1
เป็นระบำ โบราณคดีที่ ดี ปที่ระดิษดิฐ์ขึ้ ฐ์ นขึ้จากการสอบ สวนค้น ค้ คว้า ว้ หลักลัฐาน ทางโบราณคดี สมัยมัทวารวดี ท่าท่รำ เครื่อรื่งดนตรี เครื่อรื่งแต่งกาย ได้แ ด้ นวคิดคิจาก ภาพปั้นปั้จำ หลักลัที่ ขุด ขุ ค้น ค้ พบ ณ โบราณสถาน ที่ตำที่ตำบลคูบั คู วบัอำ เภอ อู่ทอู่อง จังจัหวัดวันครปฐม และที่ตำที่ตำบลโคกไม้เ ม้ ดน จังจัหวัดวันครสวรรค์ ฯลฯ นักนัโบราณคดี สันสันิฐานว่าว่ชาวทวารวดีเ ดีป็นต้น ต้ เชื้อชื้สาย พวกมอญ ดังดันั้นนั้ลีล ลี าท่าท่รำ รวมทั้งทั้สำ เนียงทำ นองเพลง จึง จึ เป็นแบบมอญ ท่าท่รำ บาง ท่าท่ ได้ค ด้ วามคิดคิมาจากภาพสลักลัและภาพปูน ปู ปั้นปั้ที่ค้ที่น ค้ พบโบราณสถานที่ สำ คัญคัการแสดงจะไม่มีม่เ มี นื้อร้อ ร้ ง จะรำ ตามจังจัหวะดนตรี ระบำ ทวาราวดี 2
เครื่อรื่งแต่งกายชุด ชุ ระบำ ทวารวดีไดี ด้แ ด้ บบอย่าย่งมาจากภาพปูน ปู ปั้นปั้ที่ค้ที่น ค้ พบตาม สถานที่ สำ คัญคัต่างๆสมัยมัทวารวดีแ ดี ละได้นำ ด้ นำมาประดิษดิฐ์ใฐ์ ห้เ ห้ หมาะสมกับกัการแสดง ซึ่งซึ่มีดั มี งดันี้ 1.ผมเกล้า ล้ สูง สู กลางศีร ศี ษะในลักลัษณะคล้า ล้ ยลูก ลู จันจัแบนสวมเกี้ยกี้วรัดรัผม 2.สวมกระบังบัหน้า 3.สวมต่างหูเ หู ป็นห่วห่งกลมใหญ่ 4.สวมเสื้อสื้ ในสีเ สี นื้อ(แทนการเปลือ ลื ยอกตามภาพปั้นปั้ ) 5.นุ่งผ้า ผ้ ลักลัษณะคล้า ล้ ยจีบ จี หน้านางสีน้ำ สีน้ำตาลแถวหนึ่ง และสีเ สี หลือ ลื งอ่ออ่นแถวหนึ่งมี ตาลสีท สี องตกแต่งเป็นลาย พาดขวางลำ ตัวตั 6.ห่มห่สไบเฉีย ฉี งปล่อล่ยชายไว้ด้ ว้ า ด้ นหน้าและด้า ด้ นหลังลั 7.สวมกำ ไลข้อ ข้ มือ มื ต้น ต้ แขนโลหะและแผงข้อ ข้ เท้า ท้ ผ้า ผ้ ติดติลูก ลู กระพรวน 8.สวมจี้นจี้าง 9.คาดเข็ม ข็ ขัดขัผ้า ผ้ ตาดเงินงิหรือ รื เข็ม ข็ ขัดขัโลหะ การแต่งกาย 3
เครื่อ รื่ งดนตรีที่ใช้ ประกอบการแสดง พิณ 5 สาย จะเข้ ระนาดตัด ตะโพนมอญ ฉิ่ง ฉาบ กรับ 4
ระบำ ศรีวิชัย ระบำบำบำบำศรีรีวิรีวิรีชัวิชัวิยชัชัเป็ป็ป็ป็นระบำบำบำบำโบราณคดีดีเดีดีกิกิดกิกิขึ้ขึ้นขึ้ขึ้เมื่มื่อมื่ มื่กลางปีปีปีปีพ.ศ.22550099 โดยได้ด้รัด้รัด้บรัรัแจ้จ้งจ้จ้จากเอกอัอัคอัอัรราชทูทูตทูทูไทยประจำจำจำจำกรุรุงรุรุกักัวกักัลาลัลัมลัลัเปอร์ร์ ร์ร์ประเทศมาเลเซีซียซีซี นายกรัรัฐรัรัมนตรีรีแรีรีห่ห่งห่ ห่มาเลเซีซียซีซีต้ต้อต้ต้งการจะได้ด้ด้ด้ นาฏศิศิลศิศิป์ป์ป์ป์ จากประเทศไทย ไปถ่ถ่ถ่าถ่ยทำทำทำทำเป็ป็ป็ป็นภาพยนต์ต์ ต์ต์ เรื่รื่อรื่ รื่ง Raja Bersiyong ซึ่ซึ่งซึ่ ซึ่เป็ป็ป็ป็นเรื่รื่อรื่ รื่งราวเกี่กี่ยกี่ กี่วกักับกักัอาณาจัจักจัจัรศรีรีวิรีวิรีชัวิชัวิยชัชัที่ที่ท่ที่ท่ที่าท่ ท่นตนกูกูแกูกูต่ต่ต่งต่ขึ้ขึ้นขึ้ขึ้ ระบำบำบำบำศรีรีวิรีวิรีชัวิชัวิยชัชัเป็ป็ป็ป็นการศึศึก ศึ ก ศึ ษาค้ค้นค้ค้คว้ว้าว้ว้ขึ้ขึ้นขึ้ขึ้ ใหม่ม่ โดยหาแบบอย่าย่งเครื่อรื่งดนตรี เช่นช่ ม่ โดยหาแบบอย่าย่งเครื่อรื่งดนตรี เช่นช่ เครื่รื่อรื่ รื่งดีดีดดีดีเครื่รื่อรื่ รื่งสีสีสีสีเครื่รื่อรื่ รื่งตีตีตีตีเครื่รื่อรื่ รื่งเป่ป่ป่ ป่าจากภาพจำจำจำจำหลัลักลัลัที่ที่พที่ ที่ระสถูถูปถูถูบุบุบุโบุรพุพุทพุพุโธ ในเกาะ ชวา และมอบให้ห้ศห้ห้าสตราจารย์ย์ม ย์ ม ย์ นตรีรีรีรีตราโมท เลืลือลืลืกเครื่รื่อรื่ รื่งดนตรีรีรีรีของไทยที่ที่มีที่มีที่ลัมีลัมีกลัลัษณะ ใกล้ล้เล้ล้คีคียคีคีงกักันกักันำนำนำนำ มาผสม ปรัรับรัรัปรุรุงรุรุเล่ล่นล่ ล่เพลงประกอบจัจังจัจัหวะระบำบำบำบำขึ้ขึ้นขึ้ขึ้ 5
1.เสื้อสื้ ในนาง 2.ผ้าผ้นุ่งเป็นผ้าผ้โสร่งร่บาติคติเย็บย็เป็นจีบจีหน้านางเล็กล็ๆอยู่ตยู่รงกลางด้าด้นหน้าไม่มีม่ชมีายพก 3.ผ้าผ้คาดรอบสะโพกใช้ผ้ช้าผ้แพรเนื้อบางมี 2 สีคืสีอคืสีเสีขียขีวและสีแสีดง 4.เข็มข็ขัดขัทำ ด้วด้ยโลหะชุบ ชุ ทองลายโปร่งร่เป็นข้อข้ๆต่อกันกัหัวหัเข็มข็ขัดขัทำ ด้วด้ยหนังนัลงรักรัปิดทอง ประดับดัพลอยสี 5.ต่างหูเ หู ป็นต่างหูแ หู บบห้อห้ยตรงส่วส่นแป้นหูทำ หู ทำด้วด้ยหนังนัลงรักรัปิดทองประดับดัด้วด้ยพลอยสี 6.สร้อร้ยคอเป็นห่วห่งๆต่อกันกัประดับดัด้วด้ยพลอยสีแสีดงและสีเสีขียขีว 7.สร้อร้ยสะโพกเป็นห่วห่งๆต่อกันกัทำ ด้วด้ยหนังนัลงรักรัปิดทองประดับดัด้วด้ยพลอยสีเสีขียขีวหรือรืสีแสีดง 8.กำ ไลต้นต้แขนมีลัมีกลัษณะโปร่งร่ตรงกลางด้าด้นหน้าของกำ ไลเป็นรูป รู กลมเรียรีงสูง สู ขึ้นขึ้ ไป๓ชั้นชั้ 9.กำ ไลมือมืมีลัมีกลัษณะกลมประดับดัด้วด้ยพลอยสีขสีาว 10.กำ ไลข้อข้เท้าท้ลักลัษณะกลมแต่ด้าด้นในทึบ ทึ ตัวตักำ ไลสลับลัลวดลายทำ ด้วด้ยหนังนัลงรักรัปิดทองประดับดั พลอย 11.โบโบเส้นส้เล็กล็ๆสำ หรับรัสอดใต้เต้ข็มข็ขัดขั 12.ผ้าผ้สไบมีแมีผ่นผ่ โค้งค้เหนือไหล่ตล่อดสร้อร้ยตัวตั๒เส้นส้ ประกอบด้วด้ยผ้าผ้แพรบางความยาวเท่าท่กับกัสร้อร้ย ชายผ้าผ้และสร้อร้ยตัวตัทั้งทั้สองข้าข้งติดติอยู่กัยู่บกัเครื่อรื่งประดับดัสีทสีองที่ใที่ช้คช้ล้อล้งไว้บว้นไหล่เล่ครื่อรื่งประดับดันี้ ทำ ด้วด้ยหนังนัลงรักรัปิดทองประดับดัด้วด้ยพลอยสีเสีขียขีวสีแสีดงส่วส่นสร้อร้ยตัวตัเป็นโซ่ห่วห่ง ทองเล็กล็ๆต่อให้ติห้ดติกันกัทำ ด้วด้ยโลหะชุบ ชุ ทอง 13.กะบังบัหน้ามีลัมีกลัษณะคล้าล้ยกะบังบัหน้าธรรมดาตรงกลางด้าด้นหน้าเป็นรูป รู กลมและต่อยอดกลมให้ แหลมถึง ถึ ตรงปลายประดับดัด้วด้ยพลอยสีขสีาว 14.ปิ่นปักผมตรงโคนที่ใที่ช้ปัช้ปักผมนั้นนั้เรียรีวแหลมส่วส่นตอนปลายกลึง ลึ จนมีลัมีกลัษณะกลมประดิษดิฐ์ขึ้ ฐ์ นขึ้ ด้วด้ยไม้ การแต่งกาย 6
เครื่อ รื่ งดนตรีที่ใช้ ประกอบการแสดง พิณ 4 สาย ซอสามสาย ตะโพน กลองแขก ม้อง๓ลูก ฉิ่ง กรับ ฉาบ ขลุ่ย 7
ระบำ ลพบุรี เป็นระบำ โบราณคดีเ ดี พลงหนึ่ง เกิดกิขึ้นขึ้ โดยเลีย ลี นแบบ ลักลัษณะท่าท่ทางของเทวรูป รู ภาพเขีย ขี น ภาพแกะสลักลัรูป รู ปั้นปั้รูป รู หล่อล่ โลหะและภาพศิลศิาจำ หลักลั-ทับทัหลังลัประตู ตามโบราณสถาน ที่ขุที่ด ขุ พบใน สมัยมัลพบุรี ระหว่าว่งพุท พุ ธศตวรรษที่ 16-19 ความเก่าก่แก่ขก่องโบราณ สถานและโบราณวัตวัถุ แล้ว ล้ มาสร้า ร้ งเป็น ระบำ สมัยมันั้นนั้ขึ้นขึ้ลีล ลี าท่าท่ทางของศิลศิปวัตวัถุเป็นภาพนิ่ง (ท่าท่ตาย) เหมาะ เป็นท่าท่เทวรูป รู มากกว่าว่เมื่อมื่อาศัยศัหลักลัทางด้า ด้ นนาฎศิลศิป์เข้า ข้ มาดัดดัแปลง เป็นท่าท่รำ ทำ ให้มี ห้ ค มี วามอ่ออ่นช้อ ช้ ย สวยงาม ผู้ป ผู้ ระดิษดิฐ์ท่ ฐ์ าท่รำ คือ คื ครูล รู มุล มุ ยมะคุป คุ ต์ ร่วร่มด้ว ด้ ยครูเ รู ฉลย ศุขะวณิชณิ ผู้เ ผู้ ชี่ยชี่วชาญนาฎศิลศิป์ไทย กรมศิลศิปากร ระบำ ลพบุรี 8
1.เสื้อสื้ ใชผ้ชาผ้ยืดยืสีเสีนื้อ คอกลม แขนสั้นสั้เหนือศอก ติดติแถบสีทสีองโอบรอบคอตลอด หว่าว่งอกและ รอบเอว ตัวตัเอกปักดิ้นดิ้เป็นลายดอกประจำ ยามหนึ่งดอกตรงระหว่าว่งอก 2.ผ้นุ่ผ้นุ่ ง เย็บย็สำ เร็จร็แบบซ้อซ้นหน้า ชายล่าล่งโค้งค้มน ยาวคลุม ลุ เข่าข่ ปักดิ้นดิ้ลาย ประจำ ยาม 3.ระปราย มีผ้มีาผ้ตาลสีทสีองทาบชายกระโปรง ตัวตัเอกนุ่งผ้าผ้สีส้สีมส้แสด หมู่รมู่ะบำ สีฟ้สีฟ้าอมม่วม่ง 4. ผ้าผ้กลุม ลุ สะโพก สีม่สีวม่งอ่ออ่น ชายแหลมนแยกเป็น 6 ชิ้นชิ้หมู่รมู่ะบำ ริมริผ้าผ้ทาบ ด้วด้ยผ้าผ้ตาดสีทสีอง ตัวตัเอกทาบริมริด้วด้ยผ้าผ้ 5.ศีรศีษะของระบำ ชุด ชุ นี้ ประกอบด้วด้ย -กระบังบัหน้า หมู่รมู่ะบำ ใช้กช้ระบังบัหน้าประดับดัดอกไม้ไม้หว ตัวตัเอกกระบังบัหน้ารูป รู ดอกดาว กระจาย 6 ดอก -เกี้ยกี้ว -พู่ไพู่หมแซมเงินงิ - ที่คที่รอบผม 6.รัดรัต้นต้แขน ประดับดักระจกสีต่สีต่าง ๆ 7.สร้อร้ยคอ ประดับดัด้วด้ยแก้วก้หรือรืพลอย 8.เข็มข็ขัดขั 9.กำ ไลข้อข้มือมื ประดับดัด้วด้ยแก้วก้หรือรืพลอย 10.กำ ไลข้อข้เท้าท้ประดับดักระจกต่างๆ การแต่งกาย 9
เครื่อ รื่ งดนตรีที่ใช้ ประกอบการแสดง ซอสามสาย พิณน้ำ เต้า ปี่ใน กระจับปี่ 1 กระจับปี่ 2 โทน 2 ลูก ฉิ่ง ฉาบ กรับคู่ 1 กรับคู่ 2 10
เป็นระบำ โบราณคดีที่ ดี สที่ร้า ร้ งขึ้นขึ้ตามแบบศิลศิปะและโบราณสถาน สมัยมัเชีย ชี งแสน และได้แ ด้ พร่หร่ลายไปทั่วทั่ดินดิแดนภาคเหนือของ ไทย ซึ่งซึ่ ในสมัยมัโบราณเรีย รี กว่าว่ "อาณาจักจัรล้า ล้ นนา" และต่อมามี นครเชีย ชี งใหม่ เป็นเมือ มื งหลวง ของอาณาจักจัรนั้นนั้ ศิลศิปะแบบเชีย ชี งแสนได้แ ด้ พร่หร่ลาย ลงมาตามลุ่ม ลุ่ แม่น้ำม่น้ำโขง เข้า ข้ไป ในสาธารณรัฐรัประชาธิปธิไตย ประชาชนลาว ที่เที่รีย รี กว่าว่ "ลานช้า ช้ ง" หรือ รื "กรุง รุ ศรีสั รี ตสันาคนหุต หุ" แล้ว ล้ แพร่หร่ลายเข้า ข้ มา ในประเทศไทยทางจังจัหวัดวัภาคตะวันวัออกเฉีย ฉี งเหนือตอนบนด้ว ด้ ย โดยเหตุนี้ระบำ เชีย ชี งแสน ตลอดจนดนตรีที่ รี สที่ร้า ร้ งจังจัหวะ ของ ระบำ ชุด ชุ นี้จึง จึ มีลี มี ล ลี า และสำ เนียงพื้นพื้เมือ มื งเป็นไทย ชาวเหนือ แบบพื้นพื้เมือ มื ง คละเคล้า ล้ไปด้ว ด้ ยลีล ลี าและสำ เนียงพื้นพื้เมือ มื ง ของชาวไทยทางภาคตะวันวัออกเฉีย ฉี งเหนือปะปนอยู่ด้ยู่ว ด้ ย ระบำ เชียงแสน 11
การแต่งกาย 1.เสื้อสื้รัดรัอกสีเ สี นื้อ 2.เสื้อสื้ลูก ลู ไม้สี ม้ เ สี หลือ ลื งติดติริมริด้ว ด้ ยแถบผ้า ผ้ ตาดสีท สี อง 3.ซิ่น ซิ่ เชิงชิแบบป้ายข้า ข้ งแถวหนึ่งสีแ สี ดงอีก อี แถวหนึ่งสีต สี อง 4.เครื่อรื่งประดับดัประกอบด้ว ด้ ยเข็ม ข็ ขัดขัมีเ มี ชือ ชื กห้อ ห้ ยทิ้งทิ้ชายพู่ลพู่งมาด้า ด้ นหน้าทั้งทั้สองข้า ข้ ง สร้อ ร้ ยคอต่างหูกำ หู กำไลข้อ ข้ มือ มื และกำ ไลข้อ ข้ เท้า ท้ 5.แต่งทรงผมตั้งตั้กระบังบัหน้าประดับดัขดโลหะสีเ สี งินงิเกล้า ล้ ผมมวยไว้ด้ ว้ า ด้ นหลังลัติดติดอก กล้ว ล้ ยไม้ข้ ม้ า ข้ งหูซ้ หู า ซ้ ย 12
เครื่อ รื่ งดนตรีที่ใช้ ประกอบการแสดง ปี่จุ่ม 1 ปี่จุ่ม2 ปี่จุ่ม3 แคน สะล้อ ซึง ตะโพน ฉิ่ง ฉาบใหญ่ ฆ้องหุ่ย 13
ระบำ สุโ สุ ขทัยทัเป็นระบำ ชุด ชุ ที่ 5 อยู่ใยู่นระหว่าว่งพุท พุ ธศตวรรษที่ 19-20 นับนัเป็นยุค ยุ สมัยมัที่ ชนชาติไติทยเริ่ม ริ่ สร้าร้งสรรค์ศิ ค์ ลศิปะด้าด้นนาฏศิลศิป์และดนตรีใรี นเป็น สมบัติบัปติระจำ ชาติโติดยอาศัยศัหลักลัฐานอ้าอ้งอิงอิที่กที่ล่าล่วไว้ใว้นเอกสารและหลักลัศิลศิา จารึก รึประกอบศิลศิปกรรมอื่นอื่ๆการแต่ง ทำ นองกระบวนท่าท่รำ และเครื่อรื่งแต่งกาย ประดิษดิฐ์ขึ้ ฐ์ นขึ้ ให้มีห้ลั มี กลัษณะที่อ่ที่ออ่นช้อช้ยงดงามตามแบบอย่าย่งของศิลศิปะสมัยมัสุโ สุ ขทัยทั ระบำ ชุด ชุ สุโ สุ ขทัยทัจัดจัแสดงครั้งรั้แรกเมื่อมื่วันวัที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 และ ภายหลังลัได้นำด้ นำออกแสดงในโรงละครแห่งห่ชาติแติละที่อื่ที่นอื่ๆเพื่อพื่ ให้ปห้ระชาชนชม นายมนตรีต รี ราโมทผู้เ ผู้ ชี่ยชี่วชาญดุริ ดุ ยริางค์ไค์ ทยกรมศิลศิปากรศิลศิปินแห่งห่ชาติสติาขา ศิลศิปะการแสดง(ดนตรีไรี ทย)ปีพุท พุ ธศักศัราช 2528 เป็นผู้แ ผู้ ต่งทำ นองเพลงโดยนำ ทำ นองเพลงเก่าก่ของสุโ สุ ขทัยทัมาดัดดัแปลง ท่าท่นผู้ห ผู้ ญิงญิแผ้วผ้สนิทวงศ์เ ศ์ สนีผู้เ ผู้ ชี่ยชี่วชาญนาฏศิลศิป์ไทยกรมศิลศิปากรศิลศิปิน แห่งห่ชาติสติาจาศิลศิปะการแสดง(นาฏศิลศิป์ไทย)ปีพุท พุ ธศักศัราช๒๕๒๘เป็นผู้ ประดิษดิฐ์ท่ ฐ์ าท่รำ นายสนิทดิษดิฐพันพัธ์อ ธ์ อกแบบเครื่อรื่งแต่งกายนางชนานั้นนั้ท์ช่ ท์ าช่งเรีย รี นสร้าร้ง เครื่อรื่งแต่งกายนายชิตชิแก้วก้ดวงใหญ่สร้าร้งศิรศิาภร ระบำ สุโขทัย 14
1.ศีร ศี ษะทรงยอดรัศรัมีสำ มี สำหรับรัตัวตัเอกและทรงระฆังฆัคว่ำ สำ หรับรัตัวตัรอง 2.ต่างหูเ หู ป็นดอกกลม 3.เสื้อสื้ ในนางสีช สี มพูอ่ พู ออ่น 4.กรองคอสีดำ สี ดำปักดิ้นดิ้และเลื่อลื่ม 5.ต้น ต้ แขนตัวตัรองพื้นพื้สีดำ สี ดำปักดิ้นดิ้และเลื่อลื่มตัวตัเอกทำ ด้ว ด้ ยหนังนัลงรักรัปิดทอง 6.กำ ไลข้อ ข้ มือ มื ตัวตัรองพื้นพื้สีดำ สี ดำปักดิ้นดิ้และเลื่อลื่มตัวตัเอกทำ ด้ว ด้ ยหนังนัลงรักรัปิดทอง 7.ข้อ ข้ เท้า ท้ ตัวตัรองพื้นพื้สีดำ สี ดำปักดิ้นดิ้และเลื่อลื่มตัวตัเอกทำ ด้ว ด้ ยหนังนัลงรักรัปิดทอง 8.ผ้า ผ้ รัดรัเอวทำ ด้ว ด้ ยผ้า ผ้ สีดำ สี ดำมีล มี วดลายเป็นดอกไม้ปม้ ระดับดัและห้อ ห้ ยที่ชที่ายเป็นรูป รู สี่เสี่หลี่ยลี่ม ขนมเปียกปูน ปู มีริ มี บริบิ้นบิ้สีเ สี ขีย ขี วห้อ ห้ ยมาทั้งทั้สองข้า ข้ ง 9.ผ้า ผ้ นุ่งเป็นกระโปรงบานจีบ จี หน้าสีส้ สี ม ส้ มีลู มี ก ลู ไม้สี ม้ ข สี าวระบายเป็นชั้นชั้ๆ 10.ทรงผมเกล้า ล้ ผมครอบด้ว ด้ ยที่รัที่ดรัผม การแต่งกาย 15
ปี่ใน กระจับปี่ 1 กระจับปี่ 2 ฆ้องวงใหญ่ ซอสามสาย ตะโพน ฉิ่ง กรับคู่ 1 กรับคู่ 2 โหม่ง เครื่อ รื่ งดนตรีที่ใช้ ประกอบการแสดง 16
สรุป 17 ระบำ โบราณคดี เป็นผลงานชิ้นชิ้เอกประเภทระบำ ที่กที่รมศิลศิปากรได้ส ด้ ร้า ร้ งสรรค์ ขึ้นขึ้ โดยมีค มี วามมุ่ง มุ่ หมายในการบอกเล่าล่เรื่อรื่งราวโบราณคดีจำ ดี จำนวน 5 ยุค ยุ สมัยมั ได้แ ด้ ก่ ทวารวดี ศรีวิ รี ชัวิยชัลพบุรี เชีย ชี งแสนและสุโ สุ ขทัยทัผ่าผ่นรูป รู แบบการแสดงระบำ โดยอ้า อ้ งอิงอิหลักลัฐานทางโบราณคดีแ ดี ละประวัติวัศติาสตร์เ ร์ป็นพื้นพื้ฐานในการสร้า ร้ งสรรค์ ระบำ โบราณคดีเ ดีป็นระบำ ที่มีที่สุ มี น สุ ทรีย รี ภาพในการแสดงอย่าย่งยิ่ง ยิ่ ด้ว ด้ ยความ งดงามลงตัวตัที่ปที่รากฏแก่สก่ายตาและโสตประสาทของผู้ช ผู้ ม สุน สุ ทรีย รี ภาพในการ แสดงของระบำ โบราณคดีส ดี ามารถวิเวิคราะห์ไห์ ด้จ ด้ าก 5 ด้า ด้ น ได้แ ด้ ก่ 1) กระบวนท่าท่รำ ที่มีที่ค มี วามงดงามและได้ต้ ด้ น ต้ แบบจากภาพจำ หลักลัรูป รู ปั้นปั้ทางโบราณคดีต ดี ามยุค ยุ สมัยมั ต่าง ๆ 2) รูป รู แบบการแปรแถวที่มีที่ค มี วามสวยงามหลากหลาย 3) ความงามของผู้ แสดงที่ผ่ที่าผ่นการคัดคัเลือ ลื กให้ให้ กล้เ ล้ คีย คี งกับกัเชื้อชื้ชาติแติละบุคคล ในยุค ยุ โบราณ 4) บทเพลงดนตรีที่ รี มีที่ท่ มี วท่งทำ นองอันอัไพเราะรวมทั้งทั้สร้า ร้ งบรรยากาศให้รำ ห้ รำลึก ลึ ถึง ถึ ยุค ยุ สมัยมัทางประวัติวัศติาสตร์ และ 5) เครื่อรื่งแต่งกายที่จำที่จำลองมาจากเครื่อรื่งแต่งกายสตรี ที่พที่บตาม ศิลศิปโบราณวัตวัถุยุค ยุ ต่าง ๆ ปัจจัยจัทั้งทั้ห้า ห้ประการล้ว ล้ นแล้ว ล้ แต่ส่งส่เสริมริให้ เกิดกิความงดงามให้แ ห้ ก่รก่ะบำ โบราณคดี เป็นชุด ชุ ระบำ สำ คัญคัที่บที่รรจุล จุ งในหลักลัสูต สู ร การศึก ศึ ษา และเป็นต้น ต้ แบบงานสร้า ร้ งสรรค์ ในรูป รู แบบระบำ เชิงชิประวัติวัศติาสตร์ท ร์ าง นาฏศิลศิป์ไทยอีก อี ด้ว ด้ ย
อ้อ้าอ้ าอ้งอิอิง อิ ง อิ ระบำ โบราณคดี ( ที่มา : https://prezi.com/p/e3we8-e4sym1/presentation/) ระบำ โบราณคดี ( ที่มา : https://www.slideshare.net/Songsak1/ss-45305958) 18
ขอขอบคุคุคุคุ ณ นางสาวนภสร พุทธเมฆ รหัสนักศึกษา 66121050112 สาขานาฏศิลป์