The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Rungnapha Sivayavirote, 2021-01-28 17:59:01

โครงงาน เรื่อง การศึกษาความแตกต่างของภาษาไทโย้ยกับภาษาถิ่นอีสาน

โครงงานภาษาไทย



เรื่อง การศึกษาความแตกต่างของภาษาไทโยยกับภาษาถิ่นอีสาน



คณะผู้จัดท า



1. นางสาวกัณฐิการ์ เกตุสุวรรณ์ เลขที่ 24


2. นางสาวกุลปริยา ศรีเมือง เลขที่ 31



3. นางสาวรวิสรา เจริญชัย เลขที่ 33


นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1




เสนอ


อาจารย์ธิรพงษ์ คงด้วง





รายงานโครงงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ท33102 ภาษาไทย

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย


โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

กิตติกรรมประกาศ



โครงงานเรื่องนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของภาษาไทโย้ยกับภาษาถนอีสาน โดยค้นคว้าหา
ิ่


ความรู้จากในอนเทอร์เน็ต และผู้รู้ การจัดท าโครงงานครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากพอแม่พน้องและเพอน
ื่
ี่
ที่รู้ภาษาอสานและให้ความร่วมมอในการรวบรวมหาค าศัพท์ภาษาอีสานได้เป็นอย่างดี และขอขอบคุณคุณครูที่


ปรึกษาโครงงาน คุณครูธิรพงษ์ คงด้วง ที่ให้ค าแนะน าช่วยเหลือและแก้ไขการท าโครงงานครั้งนี้จนโครงงาน
เล่มนี้ส าเร็จตามความมุ่งหมาย

คณะผู้จัดท าโครงงาน จึงใคร่ขอขอบพระคุณทุกท่านดังกล่าวข้างต้นไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง



คณะผู้จัดท า

สารบัญ

หน้า

กิตติกรรมประกาศ

สารบัญ
สารบัญตาราง

บทที่ 1 บทน า

1.1ที่มาและความส าคัญของโครงงาน 1
1.2 วัตถุประสงค์ในการศกษา 1

1.3 ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า 1
2
1.4นิยามศัพท์เฉพาะ

1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.1ความส าคัญของภาษาถิ่น 3

2.2ภาษาท้องถิ่นภาคอีสาน 4
2.3ภาษาไทโย้ย 6

2.4 ภาษาตระกูลขร้า-ไท 7

บทที่ 3 วิธีด าเนินโครงงาน
3.1แหล่งข้อมูล 8

3.2เกณฑ์ในการวิเคราะห์ 8

3.3การเก็บรวมรวบข้อมูล 8
3.4การวิเคราะห์ข้อมูล 8

3.5 ตารางการด าเนินงาน 8

บทที่ 4ผลการด าเนินงานโครงงาน
4.1ตารางการเปรียบเทียบภาษไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่นอีสาน และ 10

ภาษาไทโย้ย
4.2ตารางเปรียบเทียบลักษณะการเปลี่ยนแปลงของค าภาษาไทย 13

มาตรฐานกับภาษาถิ่นอีสานและภาษาไทโย้ย

บทที่ 5สรุปและอภิปรายผล และ ข้อเสนอแนะ
5.1สรุปผลการศึกษา 16

5.2ผลอภิปราย 16
5.3ข้อเสนอแนะ 17

บรรณานุกรม 18

สารบัญตาราง




หน้า
ตารางที่ 3.1ตารางการด าเนินงาน 9

ตารางที่ 4.1ตารางการเปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐาน 10

ภาษาถิ่นอีสานและภาษาไทโย้ย
ตารางที่4.2 ตารางเปรียบเทียบลักษณะการเปลี่ยนแปลง 13

ของค าภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่นอีสาน

และภาษาไทโย้ย

บทที่ 1

บทน า

ที่มาและความส าคัญของการศึกษา

ภาษาถิ่น หรือ ส าเนียง ซึ่งถ้าอ้างอิงในความหมายของสารานุกรมเสรี คือ ภาษาเฉพาะของท้องถิ่นใด

ท้องถิ่นหนึ่งที่มีรูปลักษณะเฉพาะตัวทั้งถ้อยค าและส าเนียง เป็นต้น ในยุคปัจจุบันภาษาถิ่นถือเป็นภาษาที่จะใช้

เฉพาะกับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดที่สนิทชิดเชื้อเท่านั้นน้อยมากที่จะน ามาใช้ในที่สาธารณะแม้ว่าใน

ิ่
สถานที่นั้นจะมีผู้คนที่ใช้ภาษาถิ่นด้วยก็ตาม เพราะคนไทยในปัจจุบันมีค่านิยมใหม่ๆเพมขึ้นทุกวันท าให้หลาย
คนมองว่าภาษาถิ่นเป็นค่านิยมที่ผิดแปลกล้าหลัง และเกิดเป็นประโยคที่ว่า “มันเป็นเรื่องน่าอายที่จะให้ฉันพด


ื่

ภาษาถิ่น” หรือ “ฉันพดไม่เป็น” เมื่อถูกถาม เพราะกลัวคนอนจะคิดว่าตนเองแปลกประหลาด บ้านนอก บาง
คนอาจจะโดนเหยียดด้วยสายตา แต่บางคนอาจไม่คิดแบบนั้นเพราะเมื่อเข้ามาอยู่ในสังคมเมืองกรุง คนส่วน


ื่
ใหญ่ก็มาจากต่างจังหวัดทั้งนั้น ก็อาจจะคิดว่าคนอนอาจจะฟงภาษาบ้านเรา หรือภาษาถิ่นของเราไม่รู้เรื่อง ดัง
ส านวนที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการไม่กล้าพด เพราะกลัวคนอื่นมองว่าแปลก

ื่
ประหลาด หรือจะคิดว่าคนอนจะฟงไม่รู้เรื่อง ปัญหาเหล่านี้ล้วนมีส่วนท าให้ภาษาถิ่น อาจสูญหายไปได้

เนื่องจากไม่มีใครพูด และเด็กรุ่นใหม่ก็ไม่มีการปลูกฝังให้พูด

ที่กล่าวมาท าให้คณะผู้จัดท าได้เล็งเห็นถึงปัญหาและค่านิยมผิดๆมากมาย จึงจัดท าโครงงานนี้ขึ้นมา

ื่
เพอเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมทางภาษาที่น่าภาคภูมิในของคนในจังหวัดสกลนครนั่นก็คือภาษาไทโย้ยและ
ภาษาถิ่นอีสาน



วัตถุประสงค์ในการศึกษา

1.เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างทางภาษาและส าเนียงของภาษาไทโย้ยและภาษาถิ่นอีสาน

2.เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่เข้าใจตรงกัน

3.เพื่อให้เห็นคุณค่าและความส าคัญของภาษาอีสาน



ขอบเขตของการศึกษา

1.พื้นที่ส ารวจ หาข้อมูลและรวบรวมข้อมูล ณ อ าเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

2.ผู้ให้สัมภาษณ์

นางสาวลักษมณ เลิศศิลา อายุ 18 ปีเกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2545 บ้านเลขที่73หมู่10 ต าบลวังสามัคคี

อ าเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด (คนร้อยเอ็ด)

นางขวัญฤดี เจริญชัย อายุ 45 ปี เกิดวันที่23 พฤษภาคม พ.ศ. 2519 บ้านเลขที่76 หมู่6 ต าบลสามัคคีพฒนา

อ าเภออากาศอ านวย จังหวัดสกลนคร (คนสกลนคร)

นางบุญเรือง เกตุสุวรรณ์ อายุ 49 ปี เกิดวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2515 บ้านเลขที่3/2 หมู่3 ต าบลบ่อ

ผุด อ าเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี(คนกาฬสินธิ์)


นายอาพล นาโควง อายุ 49ปี เกิดเมื่อวันที่1 กันยายน พ.ศ. 2515 บ้านเลขที่221 หมู่3ต าบลสามัคคี
พัฒนา อ าเภออากาศอ านวย จังหวัดสกลนคร (สกลนคร)





นิยามศัพท์เฉพาะ

ภาษาถิ่นหมายถึง ภาษาเฉพาะของท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งที่มีรูปลักษณะเฉพาะตัวทั้งถ้อยค าและ

ส าเนียงเป็นต้น


ภาษาอสานหมายถึง ภาษาถนที่มีคนส่วนมากใช้พูดจากันในภาคตะวันออกเฉยงเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน

ิ่
นอกจากจะใช้พูดจากันในภาคตะวันออกเฉยงเหนือแล้ว ยังมีการพูดจากันในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย

ประชาชนลาวอีกด้วย


ภาษาไทโย้ยหมายถึงเป็นภาษาในตระกูลภาษาขร้า-ไท ผู้พดภาษานี้ตั้งถิ่นฐานในจังหวัดสกลนคร ประเทศ
ไทย และในประเทศลาว



ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.ได้ท าให้เห็นถึงความแตกต่างทางภาษาและส าเนียงของภาษาไทโย้ยและภาษาถิ่นอีสาน

2.ได้ท าให้เกิดการสื่อสารที่เข้าตรงกัน

3.ได้ท าให้เห็นคุณค่าและความส าคัญของภาษาอีสาน

บทที่ 2

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ความส าคัญของภาษาถิ่น

ภาษาถิ่น เป็นภาษาที่พดกันในท้องถิ่นต่างๆ ตามปกติ เป็นภาษาที่คนในถิ่นนั้นๆ ยังคงพดและใช้อยู่


จ านวนมาก ค าบางค าในภาษากลางได้เลิกใช้ไปแล้ว แต่ในภาษาถิ่นยังคงรักษาขนบธรรมเนียมไว้เป็นอย่างดี

ในการศึกษาภาษาถิ่นย่อมจะศึกษาท้องถิ่นในด้านที่อยู่อาศัย ความเป็นอยู่ ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม


ประเพณีและวัฒนธรรมได้ เพราะภาษาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ภาษาถิ่นจะรักษาค าเดิมได้ดีกว่าภาษา
มาตรฐาน เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงทางภาษาและวัฒนธรรมน้อยกว่า นอกจากนี้การศึกษาในท้องถิ่นมี


ประโยชน์ในการศึกษาด้านวรรณคดีอกด้วย เพราะวรรณคดีเก่าๆ นั้น ใช้ภาษาโบราณ ซึ่งเป็นภาษาถิ่นจ านวน

มาก เช่น วรรณคดีสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ถ้าเราไม่เข้าใจภาษาถิ่นที่ใช้ ก็จะ


ตีความไม่ออกและยากต่อการศึกษาวรรณคดีนั้นๆ ได้ ฉะนั้นเราจึงควรอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาภาษาถิ่นทุกถิ่น

จึงจะมีความรู้กว้างขวาง เช่น ในหลักศลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงหลักท 1 ว่า “เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สิบเก้าเข้า” ค า
ี่

ุ่
ว่า “เข้า” แปลว่า ปี สิบเก้าเข้า คือ อายุเต็ม 18 ย่าง 19 “ตนกูพงช้างขุนสามชนตัวชื่อมาสเมืองแพ้ขุนสามชน

พ่ายหนี” ค าว่า แพ ในที่นี้ เป็นภาษาถิ่นเหนือ แปลว่าชนะ ค าว่า พ่าย จึงแปลว่า แพ้ ถ้าเป็นภาษากลาง ค าว่า

พ่าย หรือค าว่าแพ้ แปลเหมือนกันคือไม่ชนะ

ข้อความนี้หมายถึงพอขุนรามค าแหงทรงไสช้างเข้าชนกับช้างของขุนสามชนตัวที่ชื่อมาสเมือง และ

พระองค์ทรงสามารถรบชนะขุนสามชนจนขุนสามชนแพแล้วไสช้างหนีไป (ระวีวรรณ อนทร์แหยม, 2542, หน้า


10)

นอกจากนี้ ฉันทัส ทองช่วย (2534, หน้า 13-15) กล่าวว่า ภาษาถิ่น เป็นภาษาของกลุ่มชาติที่อาศัยอยู่
ในท้องถิ่นต่างๆ เช่น ภาษาไทยถิ่นเป็นภาษาของกลุ่มชาวไทย ซึ่งอาศัยกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ภาษาถิ่น


ของชนกลุ่มใดย่อมเป็นภาษาที่มีความส าคัญต่อชนกลุ่มนั้นมากที่สุด เพราะเป็นภาษาที่ใช้พดติดต่อสื่อสาร

ร่วมกันมาตั้งแต่เกิด โดยสามารถพิจารณาจากเจ้าของภาษาและผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับภาษาได้ดังนี้


ภาษาถิ่นเป็นภาษาประจ าถิ่นของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นภาษาที่ต้องใช้ติดต่อสื่อสาร
กันในชีวิตประจ าวัน เป็นภาษาที่ใช้มาตั้งแต่แรกเกิด ได้เรียนรู้ จดจ า สืบทอดและร่วมรับในการปรับปรุง


เปลี่ยนแปลง เป็นภาษาที่มีความส าคัญในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ภาษาถิ่นจึงมีความส าคัญต่อกลุ่มชนผู้
เป็นเจ้าของภาษานั้นๆ มากที่สุด


ภาษาถิ่นเป็นวัฒนธรรมส่วนหนึ่งที่ควรศึกษา เพราะการศึกษาภาษาถิ่นจะช่วยให้เข้าใจสภาพสังคม
และวัฒนธรรมของกลุ่มชนได้ทางหนึ่ง ภูมิปัญญาของชาวบ้านด้านต่างๆ เช่น เพลงกล่อมเด็ก นิทาน ปริศนาค า


ทาย ชื่อบุคคล ชื่อพืชและชื่อสัตว์ ชื่อสิ่งของเครื่องใช้ ชื่ออาหารเครื่องดื่ม บทสวดในพธีกรรม และวรรณกรรม
ท้องถิ่นต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสารถ่ายทอดทั้งสิ้น

ภาษาถิ่นเป็นรากฐานทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชน เราอาจกล่าวได้ว่ากลุ่มระดับชาวบ้านที่ใช้ภาษา

เดียวกันในชีวิตประจ าวันสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนจะต้องมีประวัติความเป็นมาร่วมกัน เช่นชาวไทยถิ่นตาก



ใบกับชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอาเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งพดภาษาไทยถิ่นตากใบใน
ชีวิตประจ าวันอยู่ในขณะนี้ จะต้องมีประวัติศาสตร์ของกลุ่มชนร่วมกันมาในอดีต ปัจจุบันก็ต้องเกี่ยวข้องกันมา

เป็นเวลาหลายร้อยปี แสดงว่าเราสามารถใช้ภาษาถิ่นเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชนได้

ภาษาถิ่นเป็นบ่อเกิดของวรรณกรรมท้องถิ่น ผลการส ารวจวรรณกรรมท้องถิ่น ที่สืบทอดกันด้วยวาจา


หรือเป็นเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาปากต่อปาก (มุขปาฐะ) และวรรณกรรมที่ได้มีผู้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อกษร
เช่น วรรณกรรมสมุดข่อย วรรณกรรมใบลานและ ศิลาจารึก พบว่ามีจ านวนมหาศาล วรรณกรรมเหล่านี้มี

หลายประเภท เช่น วรรณกรรมเกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อ นิทานประโลมโลก ต านาน เป็นต้น วรรณกรรม

เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของชาวบ้านแต่ละท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี และที่ส าคัญคือ เป็น

วรรณกรรมที่ใช้ภาษาถิ่นเป็นสื่อในการถ่ายทอด ดังนั้นถ้าไม่มีภาษาถิ่นวรรณกรรมท้องถิ่นเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้

อย่างไร

ดังนั้น ภาษาถิ่นจึงมีความส าคัญคือ เป็นภาษาประจ าถิ่นของกลุ่มชนที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์และสืบ

ทอดต่อเนื่องมายังลูกหลาน โดยผ่านวัฒนธรรมทางภาษาที่เป็นรากฐานทางประวัติศาสตร์และเป็นบ่อเกิดของ

วรรณกรรมท้องถิ่น



ภาษาท้องถิ่นภาคอีสาน

ภาคอสาน เป็นเขตหรือภาคหนึ่ง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไทย อยู่บนที่ราบสูงโคราช มีแม่น้ า

โขงกั้นเขตทางตอนเหนือและตะวันออกของภาค ทางด้านใต้จรดชายแดนกัมพชา ทางตะวันตกมีเทือกเขา

เพชรบูรณ์และเทือกเขาดงพญาเย็นเป็นแนวกั้นแยกจากภาคเหนือและภาคกลาง

การเกษตรนับเป็นอาชีพหลักของภาค แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง รวมถึงปัจจัยอนๆ ทางด้าน
ื่
สังคมเศรษฐกิจ ท าให้มีผลผลิตที่น้อยกว่าภาคอื่นๆ

ภาษาหลักของ ภาคนี้ คือ ภาษาอสาน แต่ภาษาไทยกลางก็นิยมใช้กันแพร่หลายโดยเฉพาะในเมือง

ื่

ใหญ่ ขณะเดียวกันยังมีภาษาเขมร ที่ใช้กันมากในบริเวณอสานใต้ นอกจากนี้ยังมีภาษาถิ่นอนๆ อกมาก เช่น

ภาษาผู้ไท ภาษาโส้ ภาษาไทยโคราช เป็นต้น

ภาคอีสานมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น เช่น อาหาร ภาษา ดนตรีหมอล า และศิลปะการฟอน
ร าที่เรียกว่า เซิ้ง เป็นต้น


ภาคอสานมีเนื้อที่มากที่สุดของประเทศไทย ประมาณ 170,226 ตารางกิโลเมตร หรือมีเนื้อที่หนี่งใน

สาม ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศไทย มีเทือกเขาที่สูงที่สุดในภาคอสานคือ ยอดภูหลวง และภูกระดึง เป็นต้น

จุดก าเนิดของแม่น้ า เช่น ล าตะคอง แม่น้ าชี แม่น้ าพอง แม่น้ าเลย แม่น้ าพรม แม่น้ ามล เป็นต้น


ภาษาไทยถิ่นอสาน เป็นภาษาไทยถิ่นที่ใช้พดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้เคียงกับภาษาลาว ใน

อดีตเคยเขียนด้วยอกษรธรรมล้านช้างหรืออกษรไทยน้อย ปัจจุบันเขียนด้วยอกษรไทย มีพยัญชนะ 20 เสียง



สระเดี่ยว 18 เสียง สระประสม 2-3 เสียง บางท้องถิ่นไม่มีเสียงสระเออ
ภาษา ถิ่นอสาน หมายถึง ภาษาถิ่นที่มีคนส่วนมากใช้พดจากันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาษาถิ่น





อสาน นอกจากจะใช้พดจากันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ยังมีการพดจากันในประเทศสาธารณรัฐ
ประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกด้วย
ฟังไกว ลี ได้แบ่งกลุ่มภาษาตระกูลไทย ในสาขาตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งประกอบด้วยภาษาในประเทศไทย

ลาว อนเดีย และเวียดนาม ภาษาตระกูลไทนั้น ใช่ว่าจะใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ยังมีการใช้ภาษา


ตระกูลไท ในต่างประเทศอกหลายแห่ง แต่ละแห่งก็ได้ชื่อว่า เป็นภาษาถิ่นไททั้งนั้น เมื่อประมาณ 40 กว่าปีที่
แล้วมา ท่านรองอธิบดีกรมประชาสัมพนธ์ จากมณฑลยูนานกับคณะ ได้มาเยี่ยมวิทยาลัยครูมหาสารคาม ท่าน

ได้บรรยายต่อที่ประชุมอาจารย์ด้วยภาษาถิ่นไท มณฑลยูนนาน ท่านได้แสดงอักษรไทยยูนนาน ให้พวกเราได้ดู

ได้อ่าน คณะครูอาจารย์ และนักศึกษาในสมัยนั้น สามารถฟังและอ่านได้อย่างเข้าใจด้วย

ภาษาถิ่นไทย ยูนนาน มีความละมายคล้ายคลึงเหมือนกับภาษาถิ่นอีสานมาก โดยเฉพาะค าศัพท์ต่างๆ ส าหรับ




ตัวอกษรยูนนาน ก็คือ “อักษรไทลื้อ” นั่นเอง ลักษณะของอกษรไทลื้อ มีลักษณะใกล้เคียงกับอกษรไทยล้านนา
ี่
และอักษรธรรมอีสานมาก กล่าวได้ว่า ผู้ที่อ่านอักษรไทล้านนาและอ่านอักษรธรรมอีสานได้ ก็สามารถทจะอ่าน
อักษรไทลื้อได้

เป็นที่น่าสังเกตว่า คนไทยส่วนมาจะสามารถเข้าใจกัน ด้วยภาษาต่างถิ่นกันได้ เพราะ


ี่
1. มีศัพท์ร่วมตระกูลกัน (Cognate) เช่น ชื่อที่เรียกเครือญาติกัน พอ แม่ พ น้อง ศัพท์เกี่ยวกับ
ร่างกาย เช่น แขน ขา มือ ตา ปาก ศัพท์ที่เกี่ยวกับกิริยาอาการ เช่น กิน นอน ไป มา ค าที่เรียกชื่อสัตว์ต่างๆ

เช่น หมู หมา เป็ด ไก่ การเรียกชื่อของใช้ในบ้าน เช่น มีด พร้า คราด ไถ และค าที่เป็นจ านวนนับ เช่น หนึ่ง

สอง สาม เป็นต้น

2. มีเสียงปฏิภาค (Correspondence) ของระบบเสียงพยัญชนะ และเสียงวรรณยุกต์ จะออกเสียง

แตกต่างกันอย่างมีกฎเกณฑ์ และเงื่อนไข ระหว่างภาษาถนด้วยกัน เช่น ภาษาถิ่นไทยกลาง มีเสียง ช (ช้าง) แต่
ิ่
ภาษาถิ่นอีสาน มีเสียง ส หรือเสียง ซ แทน ช้าง ภาคกลาง จะออกเสียงเป็น ซ่าง ในภาษาถิ่นอีสาน เป็นต้น

ภาษาไทยถิ่นอสาน เป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้พดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นภาษา


ลาวส าเนียงหนึ่ง ในส าเนียงภาษาถิ่นของภาษาลาวซึ่งแบ่งเป็น 6 ส าเนียงใหญ่ คือ

1.ภาษาลาวเวียงจันทน์ ใช้ในท้องที่ เวียงจันทน์ บอลิค าไซ และในประเทศไทยท้องที่ จ.ชัยภูมิ



หนองบัวล าภู หนองคาย (อ.เมือง ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพสัย) ขอนแก่น (อ.ภูเวียง ชุมแพ สีชมพ ภูผาม่าน
หนองนาค า เวียงเก่า หนองเรือบางหมู่บ้าน) ยโสธร (อ.เมือง ทรายมูล กุดชุม บางหมู่บ้าน) อุดรธานี (อ.บ้านผือ

เพ็ญ บางหมู่บ้าน)

2.ภาษาลาวเหนือ ใช้กันในท้องที่ เมืองหลวงพระบาง ไซยะบูลี อดมไซ จ.เลย อตรดิตถ์ (อ.บ้านโคก


น้ าปาด ฟากท่า) เพชรบูรณ์ (อ.หล่มสัก หล่มเก่า น้ าหนาว) ขอนแก่น (อ.ภูผาม่าน และบางหมู่บ้านของ อ.สี



ชมพ ชุมแพ) ชัยภูมิ (อ.คอนสาร) พษณุโลก (อ.ชาติตระการ และนครไทยบางหมู่บ้าน) หนองคาย (อ.สังคม)
อุดรธานี (อ.น้ าโสม นายูง บางหมู่บ้าน)

3.ภาษาลาวตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้กันในท้องที่เมืองเซียงขวาง หัวพน ในประเทศไทยท้องที่บ้าน


เชียง อ.หนองหาน อ.บ้านผือ จ.อดรธานี และบางหมู่บ้าน ใน จ.สกลนคร หนองคาย และยังมีชุมชนลาวพวน
ในภาคเหนือบางแห่งในจังหวัด สุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ ไม่กี่หมู่บ้านเท่านั้น

4.ภาษาลาวกลาง แยกออกเป็นส าเนียงถิ่น 2 ส าเนียงใหญ่ คือ ภาษาลาวกลางถิ่นค าม่วน และถิ่น


สะหวันนะเขด ถิ่นค าม่วน จังหวัดที่พดในประเทศไทย เช่น จ.นครพนม สกลนคร หนองคาย (อ.เซกา บึงโขง
หลง บางหมู่บ้าน) ถิ่นสะหวันนะเขด จังหวัดที่พูดมีจังหวัดเดียว คือ จ.มุกดาหาร


5.ภาษาลาวใต้ ใช้กันในท้องที่แขวงจ าปาสัก สาละวัน เซกอง อัตตะปือ จังหวัดที่พดในประเทศไทย จ.
อุบลราชธานี อ านาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร

6.ภาษาลาวตะวันตก ไม่มีใช้ในประเทศลาว เป็นภาษาที่ใช้ในท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ

ประเทศไทย ต้องที่ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และบริเวณใกล้เคียงมลฑลร้อยเอ็ด ของประเทศสยาม


ในอดีตเคยเขียนด้วยอกษรธรรมล้านช้างส าหรับเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะหรือพระพทธศาสนา หรือเขียนด้วย



อกษรไทยน้อยส าหรับเรื่องราวทางโลก ปัจจุบันเขียนด้วยอกษรไทย มีพยัญชนะ 20 เสียง สระเดี่ยว 18 เสียง
สระประสม 2-3 เสียง บางท้องถิ่นไม่มีเสียงสระเอือ



ภาษาไทโย้ย


ภาษาไทโย้ยเป็นภาษาในตระกูลภาษาขร้า-ไท ผู้พดภาษานี้ตั้งถิ่นฐานในจังหวัดสกลนคร ประเทศ
ไทย และในประเทศลาว มีผู้พดในประเทศไทยประมาณ 50,000 คน (พ.ศ. 2547) ซึ่งคนไทยที่พดภาษาไทย


โย้ยสามารพูดภาษาไทยถิ่นอีสานได้ด้วย

ภาษาโย้ยมีไวยากรณ์คล้ายกับภาษาไทยถิ่นอสานแต่ใช้ค าศัพท์และไวยากรณ์ที่แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่เดิมใช้คู่

กับอักษรธรรมลาวและอักษรไทน้อยซึ่งเป็นตัวอักษรของอาณาจักรล้านช้าง

ภาษาตระกูลขร้า-ไท

ตระกูลภาษาขร้า-ไทหรือรู้จักกันในนาม ขร้าไท, ไท-กะไดหรือ กะไดเป็นตระกูลภาษาของภาษาที่มี

เสียงวรรณยุกต์ที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตอนใต้ของประเทศจีน ในช่วงแรก ตระกูลภาษาขร้า-ไท

เคยถูกกาหนดให้อยู่ในตระกูลภาษาจีน-ทิเบต แต่ปัจจุบันได้แยกมาเป็นอกตระกูลภาษาหนึ่ง และยังมีผู้เห็นว่า



ตระกูลภาษาขร้า-ไทนี้มีความสัมพนธ์กับตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน โดยอยู่ในกลุ่มภาษาที่เรียกว่า "ออสโตร-
ไท" หรือจัดเป็นตระกูลภาษาใหญ่ออสตริก

รอเจอร์ เบลนช์ได้กล่าวว่า ถ้าข้อจ ากัดของความเชื่อมต่อของตระกลภาษาออสโตร-ไทมีความส าคัญมาก แสดง

ี่

ว่าความสัมพนธ์ทั้งสองตระกูลอาจไม่ใช่ภาษาที่เป็นพน้องกัน กลุ่มภาษากะไดอาจเป็นสาขาของภาษาตระกูล

ออสโตรนีเซียนที่อพยพจากฟลิปปินส์ไปสู่เกาะไหหล า แล้วแพร่สู่จีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่สาขาไดของภาษา
กลุ่มกะไดมีการปรับโครงสร้างใหม่โดยได้รับอิทธิพลจากกลุ่มภาษาม้ง-เมี่ยนและภาษาจีน

โลร็อง ซาการ์ ได้เสนอว่า ภาษาขร้า-ไทดั้งเดิมได้เกิดขึ้นในยุคต้นของตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนที่อาจจะ

อพยพกลับจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของไต้หวันไปยังชายฝั่งตะวันออกเฉยงใต้ของจีน หรือจากจีนไปไต้หวัน


และเกิดการพฒนาของภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนบนเกาะนี้ ความสัมพนธ์ระหว่างภาษาตระกูลออสโตรนี

เซียนกับขร้า-ไทอาจจะอธิบายได้จากค าศัพท์ที่ใกล้เคียงกัน ค ายืมในยุคก่อนประวัติศาสตร์และอน ๆ ที่ยังไม่รู้
ื่

นอกจากนั้นภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนอาจจะมีความสัมพนธ์กับตระกูลภาษาจีน-ทิเบต ซึ่งมีจุดเริ่มต้นใน
บริเวณชายฝั่งของจีนภาคเหนือและภาคตะวันออก

ความหลากหลายของตระกูลภาษาขร้า-ไทในทางตอนใต้ของประเทศจีนบ่งบอกถึงมีความสัมพนธ์กับถิ่นก าเนิด


ของภาษา ผู้พดภาษาสาขาไทอพยพจากตอนใต้ของจีนลงทางใต้เข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ครั้งโบราณ
เข้าสู่ดินแดนที่เป็นประเทศไทยและลาวบริเวณนี้เป็นบริเวณที่พบผู้พูดภาษาในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก

ชื่อ "ไท-กะได" มาจากการจัดแบ่งตระกูลภาษาออกเป็นสองสาขาคือ "ไท" และ "กะได" ซึ่งเลิกใช้แล้ว เนื่องจาก

กะไดจะเป็นกลุ่มภาษาที่เป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีกลุ่มภาษาไทรวมอยู่ด้วย ในบางบริบทค าว่ากะไดจึงใช้เรียกตระกูล

ภาษาขร้า-ไททั้งตระกูล แต่บางบริบทก็จ ากัดการใช้ค านี้ให้แคบลง โดยหมายถึงกลุ่มภาษาขร้าที่เป็นส่วนหนึ่ง

ของตระกูลภาษานี้

บทที่ 3


วิธีการด าเนินงาน

ในการการด าเนินการจัดท าโครงงานภาษาไทย เรื่อง การศึกษาความแตกต่างของภาษาไทโย้ยกับภาษาถิ่น

อีสาน มีการด าเนินงานดังนี้



1. แหล่งข้อมูล

1. ศึกษาจากเอกสาร/อินเทอร์เน็ต

2. สัมภาษณ์ผู้รู้



2. เกณฑในการวิเคราะห ์

1.ค าพ้องความหมาย

2.ค าเพี้ยนเสียง

2.1 ค าเพี้ยนเสียงที่พยัญชนะ

2.2 ค าเพี้ยนเสียงที่สระ

2.3 ค าเพี้ยนเสียงที่วรรณยุกต์



3. การเก็บรวบรวมข้อมูล

1. ศึกษาจากเอกสาร/อินเทอร์เน็ต

2. สัมภาษณ์ผู้รู้



4. การวิเคราะห์ข้อมูล


น าข้อมูลที่ได้มาจัดเป็นหมวดหมู่ เพื่อสรุปเป็นรายงานโครงงาน



5. ตารางการด าเนินงาน

วัน/เดือน/ปี รายการปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ ระยะเวลา


27/11/63 เสนอหัวข้อโครงงาน (ครั้งที่1) สมาชิกทุกคน/คุณครู 1 วัน


04/12/63 ประชุมวางแผน/แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ/ท าปฏิทิน สมาชิกทุกคน 1 วัน

(ครั้งที่1)


08-13/12/63 รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (ครั้งที่1) สมาชิกทุกคน 6 วัน


14/12/63 เปลี่ยนหัวข้อโครงงาน/เสนอหัวข้อโครงงาน(ครั้งที่ สมาชิกทุกคน/คุณครู 1 วัน
2)


วัน/เดือน/ปี รายการปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ ระยะเวลา


18/12/63 ประชุมวางแผน/แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ/ท าปฏิทิน สมาชิกทุกคน 1 วัน

(ครั้งที่2)


19-22/12/63 รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (ครั้งที่2) สมาชิกทุกคน 4 วัน


ื้
29-30/12/63 สัมภาษณ์ผู้รู้เกี่ยวกับเพลงพนบ้านของหมู่บ้านดอน นางสาวรวิสรา เจริญ 2 วัน
ทอย ชัย


15/01/64 ปรึกษาโครงงานกับครูที่ปรึกษา สมาชิกทุกคน/คุณครู 1 วัน


16/01/64 ประชุมสมาชิก (ครั้งที่3) สมาชิกทุกคน 1 วัน


17/01/64 เปลี่ยนหัวข้อโครงงาน(ครั้งที่3) สมาชิกทุกคน 2 ชั่วโมง


17/01/64 สัมภาษณ์ผู้รู้เกี่ยวกับภาษาอีสานสกลนคร นางสาวกัณฐิการ์ เกตุ 1 ชั่วโมง
สุวรรณ์ และ นางสาว

รวิสรา เจริญชัย


17/01/64 รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สมาชิกทุกคน 4 ชั่วโมง


18/01/64 รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง/สรุปผล สมาชิกทุกคน 8 ชั่วโมง


18/01/64 เสนอหัวข้อโครงงาน (ครั้งที่3) สมาชิกทุกคน/คุณครู 1 ชั่วโมง


23/01/64 ตรวจทานและแก้ไขข้อมูล/จัดท ารูปเล่มรายงาน สมาชิกทุกคน 1 วัน
การศึกษาค้นคว้า


24-25/01/64 จัดเตรียมสื่อน าเสนอ สมาชิกทุกคน 1 วัน


26-29/01/64 น าเสนอโครงงาน สมาชิกทุกคน/คุณครู 4 วัน


ตารางที่ 3.1 ตารางการด าเนินงาน

บทที่ 4

ผลการด าเนินงาน

ื่

การจัดท าโครงงานการศึกษาความแตกต่างของภาษาไทโย้ยกับภาษาถิ่นอสานมีวัตถุประสงค์เพอ


เปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างทางภาษาและส าเนียงของภาษาไทโย้ยและภาษาถิ่นอสาน อนส่งเสริมให้
เกิดการสื่อสารที่เข้าใจตรงกันและเพื่อให้เห็นคุณค่าความส าคัญของภาษาถิ่นอีสานซึ่งมีผลการด าเนินงานดังนี้




ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาไทโย้ย



น่าสงสาร หลูโตน เป๋นต๋าอิโต๋น


แอบ ลี่ เสื้อง


เงียบสนิท มิดสีลี มิดจี่หลี่


ดึก เดิก เดิ้ก

ฟุ้งกระจาย ไหง่ มุนกุ๊บ



ขี่หลัง ขี้หลัง กะเต้

ครั้งแรก ต าก่อ เถื้อท้ าอด
ิ๋

คราบติดปาก เปื้อนปาก เกิ้ม


สาววัยรุ่น สาวส าน้อย สาวสะดิ๊ง


รถหาย ลดเสีย ลดเฮี่ย


รถเสีย ลดฮ่าง ลดฮ๊าง


น้ าหก น่ าเฮีย น้ าเฮี่ย


โกหก ขี้ตั๋ว ขี่ตั๊ว


ส่งสายตา เซียงตาน้อย ซิ่งต๋าน้อย


เหลือเชื่อ เป๋นต๋างึด เป๋นต๋างึ๋ด


ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาไทโย้ย

ไม่รู้อะไร จั๊กแม้นหยัง จั๊กแม้นเผียง


เปียก ซุม ซุ่ม


ไม่ถกต้อง บ่อเถอก บ่อถอง


บ้าน เฮียน เฮือน


กล่องใส่ข้าวเหนียวสุก กะติบข้าว กะติ๊บข่าว


ฟัง ฟั่ง พัง


นาน โดน เหิง


เหม่อ เมอ ซึง


ท าอะไร เฮ็ดอิหยัง เอ็ดเผียง


เอียงไปข้างนึง เดิง กะเดิ้ก


ไม่สบาย บ่อส่ าบ๋าย โซ


นั่นคืออะไร อิหยังหั่น ผิสังน่ะ


ค่อยยังชั่ว ไค ซ่วง


หน้าต่าง ป่องเยี้ยม ป่องเอี้ยม


ตาข่ายดักปลา กระป่อม มอง


ต าหนิ ฮิ ติ๊


เสมหะ ขี้กะเทอะ ขี้กะเทอ


กระอักกระอ่วน พอพักพอพ่วน ม๊กขิฮาก


กลิ้งหลุนๆ กลิ้งโค่โล่ กลิ้งคุ่มลุ่ม


เรียงราย ซาบลาบ ซ๊าบล้าบ


ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาไทโย้ย

ไหน ไส สิเหลอ


ไหม บ่อ เฮาะ


น้าชาย น่า อาว


คนซุ่มซ่าม คมบ่เคียม สะเงอะสะงะ


ท าดีๆ ฮ็ดดี้ดี๋ จบเจือ


ฟืน ฟืน พืน


พ่อ อีพอ อิโพะ


แม่ อีแม่ อิเมะ


ตา/ปู่ พอใย เพาะตู้


ยาย/ย่า แมใย แมะตู้


จริงๆ อีหลี ตะฮีด


ชะอม ผักขา พักเน่า


พี่ชาย อ้าย อ๊าย


พี่สาว เอ้ย เอ๊ย


จระเข้ แข ่ เเข๊


ใคร ไผ เผอ


เขา/หล่อน ข้าเจ้า ข่าเจ๋า


ลูกน้ า ญูงน่ า แมงง๊องแง๊ง


ผีเสื้อ แมงขี้ใหญ่ แมงกะเบื๊อ


ข้าวโพด เข่าโพด บักสาลี


มะเขือพวง บักแข้ง บักแข๊ง

กระท้อน หมักต้อง หมักต๊อง


โทงเทง บักแข้งโผ บักต๊องแล้ง


ตารางที่4.1ตารางการเปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานภาษาถิ่นอีสานและภาษาไทโย้ย
**หมายเหตุภาษาอีสานมาตรฐาน อ้างอิงมาจากอินเทอร์เน็ต




กลุ่มตัวอย่างค า
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของค า ภาษาไทย ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาไทโย้ย

มาตรฐาน

ค าพ้องความหมาย น่าสงสาร หลูโตน เป๋นต๋าอิโต๋น
(ค าไวพจน์) คือ ค ามูลที่มีรูปคาและออกเสียงต่างกัน แอบ ลี่ เสื้อง

แต่มีความหมายเหมือนกัน ฟุ้งกระจาย ไหง่ มุนกุ๊บ
ขี่หลัง ขี้หลัง กะเต้

ครั้งแรก ต าก่อ เถื้อท้ าอิ๋ด

คราบติดปาก เปื้อนปาก เกิ้ม

สาววัยรุ่น สาวส าน้อย สาวสะดิ๊ง
ไม่ถกต้อง บ่อเถอก บ่อถอง


ไม่รู้อะไร จั๊กแม้นหยัง จั๊กแม้นเผียง

นาน โดน เหิง
เหมอ เมอ ซึง

ท าอะไร เฮ็ดอิหยัง เอ็ดเผียง

เอียงไปข้างหนึ่ง เดิง กะเดิ้ก

ไม่สบาย บ่อส่ าบ๋าย โซ
นั่นคืออะไร อิหยังฮั่น ผิสังน่ะ

ค่อยยังชั่ว ไคแน ซ่วงแน้

ตะข่ายดักปลา กะป๋อม มอง
กระอักกระอ่วน พอพักพอพ่วน ม๊กขิฮาก

ต าหนิ ฮิ ติ๊

ท าดีๆ เอ็ดดี้ดี๋ จบเจือ
ไหน ไส สิเหลอ

ไหม บ่อ เฮาะ

น้าชาย น่า อาว

คนซุ่มซ่าม คมบ่อเคียม สะเงอะสะงะ
ตา/ปู่ พอใย เพาะตู้

ยาย/ย่า แมใย แมะตู้

จริงๆ อีหลี ตะฮีด
ชะอม ผักขา ผัดเน่า

ลูกน้ า ญูงน่ า แมงง๊องแง๊ง

ผีเสื้อ แมงขี้ใหญ่ แมงกะเบื๊อ
ข้าวโพด เข่าโพด บักสาลี

โทงเทง บักแข้งโผ บักต๊องแล้ง

ตัวอย่างประโยค
รถกะบะคันนั้น ลดกะบะคันนั้น ลดกะบะคันนั้น

ขับเร็วมากจน คือขับเล็วแท่จน คับเล็วแฮงจ๋น

ฝุ่นฟุ้งกระจาย ฝุ่นมันไหง่ ฝุ้นมุนกุ๊บ



ค าเพี้ยนเสียง เพี้ยนเสียงที่พยัญชนะ เงียบสนิท มิดสีลี มิดจี่หลี่

คือ ค าที่มีรูปคาและ คือ การเพี้ยนเสียงที่เกิด รถหาย ลดเสีย ลดเฮี่ย
ความหมายเหมือนกัน แต่ จากการได้ยิน ฟัง ฟั่ง พัง

มีการออกเสียงที่แตกต่าง หน้าต่าง ป่องเยี้ยม ป่องเอี้ยม
กัน ฟืน ฟืน พืน

ตัวอย่างประโยค

เขารถหายมา ข้าเจ้าลดเสีย ข่าเจ๋าลดเฮี่ย

สามวันแล้ว หลายวันแล้ว สามมื้อแล้ว
เพี้ยนเสียงที่สระ ส่งสายตา เซียงตาน้อย ซิ่งตาน้อย

คือ การเพี้ยนเสียงที่เกิด บ้าน เฮียน เฮือน
จากการพูด/ส าเนียง เสมหะ ขี้กะเทอะ ขี้กะเทอ

กลิ้งหลุนๆ กลิ้งโค่โล่ กลิ้งคุ่มลุ่ม


พ่อ อิพอ โพะ
แม่ อีแม่ อิเมะ
ใคร ไผ เผอ

ตัวอย่างประโยค

แทมแม่เรียก แท้มอีแม่เอิ้น แทมอิเมะเอิ๊น

กลับบ้าน เมือเฮียน เมือเฮือน
เพี้ยนเสียงที่วรรณยุกต์ ดึก เดิก เดิ้ก

คล้ายกับการเพี้ยนเสียง รถเสีย ลดฮ่าง ลดฮ๊าง

ที่สระ คือเป็นการเพี้ยน น้ าาหก น่ าเฮีย น้ าเฮี่ย
เสียงที่เกิดมาจากการ โกหก ขี้ตั๋ว ขี่ตั๊ว

พูด/ส าเนียง เหลือเชื่อ เป๋นต๋างึด เป๋นต๋างึ๋ด

ซุ่ม เปียก ซุม

กล่องใส่ข้าว กะติบข้าว กะติ๊บข่าว

เหนียวสุก
เรียงราย ซาบลาบ ซ๊าบล้าบ

พี่ชาย อ้าย อ๊าย

พี่สาว เอ้ย เอ๊ย
จระเข้ แข ่ แข ๊

มะเขือพวง บักแข้ง บักแข๊ง

กระท้อน หมักต้อง หมักต๊อง

เขา/หล่อน ข้าเจ้า ข่าเจ๋า
ตัวอย่างประโยค

เขารถหายมา ข้าเจ้าลดเสีย ข่าเจ๋าลดเฮี่ย

สามวันแล้ว หลายวันแล้ว สามมื้อแล้ว


ตารางที่ 4.2 ตารางเปรียบเทียบลักษณะการเปลี่ยนแปลงของค าภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่นอสานและ
ภาษาไทโย้ย

บทที่ 5

สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ


ื่
โครงงานการศึกษาความแตกต่างของภาษาโย้ยกับภาษาถิ่นอสานมีวัตถุประสงค์ เพอให้เกิดการ

ื่
สื่อสารที่เข้าใจตรงกันและเพอให้เห็นคุณค่าและความส าคัญของภาษาอสานต้องการให้ทราบถึงความแตกต่าง

ของส าเนียงและค าศัพท์บางค าในภาษาถิ่นอสานที่แม้ว่าจะเป็นคนอสานเหมือนกันแต่กลับมีภาษาส าเนียงที่

แตกต่างกันออกไปและต้องการให้คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นคนอสานหรือคนภาคอนๆได้ตระหนักถึงการอนุรักษ์ภาษา
ื่

ถิ่นของตนเองซึ่งปัจจุบันก าลังจะหายไปเพราะวัฒนธรรมของท้องถิ่นเปลี่ยนไปตามความทันสมัยและ

เทคโนโลยีที่เข้ามา ท าให้ผู้คนหันไปพูดภาษากลางซึ่งเป็นภาษาราชการของไทยแทน



วิธีการศึกษา การศึกษาโครงงานความแตกต่างของภาษาไทโย้ยกับภาษาถิ่นอสาน คณะผู้จัดท าได้
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาษาไทโย้ยที่ใช้กันในจังหวัดสกลนคร โดยการค้นข้อมูลในอนเทอร์เน็ตและสอบถาม


ี่
พ่อแม่พน้องที่เป็นคนในจังหวัดนี้เกี่ยวกับภาษาถิ่นอีสานของตนเองว่ามีส าเนียงและค าศัพท์นี้อย่างไรบ้าง และ
น าข้อมูลมาวิเคราะห์สังเคราะห์จัดท าเป็นรูปเล่มรายงาน



สรุปผลการศึกษา


ผลการศึกษาพบว่าภาษาไทโย้ยมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงของค า คือ เป็นค าพองความหมายหรือค า

มูลที่มีรูปค าและออกเสียงแตกต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกัน และเป็นค าเพยนเสียงหรือค าที่มีรูปค าและ
ี้
ี้

ความหมายเหมือนกันแต่มีการออกเสียงที่แตกต่างกัน ซึ่งคาเพยนเสียงสามารถแบ่งได้ 3 ชนิด คือ เพี้ยนเสียงที่
ี้

ี้
พยัญชนะ คือ การเพยนเสียงที่เกิดจากการได้ยิน เพยนเสียงที่สระ คือ การเพยนเสียงที่เกิดจากการพด/
ี้
ี้
ี้
ี้
ส าเนียง และสุดท้ายคือเพยนเสียงที่วรรณยุกต์ เหมือนกับการเพยนเสียงที่สระคือเป็นการเพยนเสียงที่เกิดมา
จากการพูด/ส าเนียง

ผลอภิปราย

จากการท าโครงงานเรื่องความแตกต่างของภาษาไทโย้ยกับภาษาถิ่นอีสาน อภิปรายผลได้ดังนี้

การที่เราสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของภาษาไทโย้ยกับภาษาถิ่นอสานนั้นท าให้เราได้ทราบ

เกี่ยวกับภาษาท้องถิ่นของคนในจังหวัดสกลนครและจะได้เข้าใจศัพท์ส าเนียงที่แตกต่างกัน สามารถสื่อสารกับ

คนสกลนครได้อย่างรู้เรื่อง และท าให้คนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าทางภาษาของตนและกล้าที่จะสื่อสารกัน

ด้วยภาษาถิ่น

ผลการศึกษาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ คือ เพอเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างทางภาษา
ื่

ื่
และส าเนียงของภาษาอสานที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่กับภาษาอสานสกลนคร เพอให้เห็นคุณค่าและความส าคัญ

ของภาษาอีสานและเพื่ออนุรักษ์ภาษาอีสานให้คงอยู่ตลอดไป
โครงงานนี้ได้รับค าแนะน าจากอาจารย์ ธิรพงษ์ คงด้วง เป็นโครงงานที่มีประโยชน์ต่อนักเรียนที่

จะน าไปศึกษาค้นคว้าต่อและผู้ที่อ่านโครงงานนี้ ซึ่งโครงงานนี้ส าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีตามแบบแผนที่ได้วางไว้



ข้อเสนอแนะ

1.ควรหาโอกาสในการไปสอบถามผู้รู้อื่นๆที่อยู่ในจังหวัดที่ศึกษา

2.ควรเพิ่มค าศัพท์หรือรากศัพท์ให้มากกว่านี้เพื่อท าให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น

บรรณานุกรม



นายสุรัช งันปัญญา.(2548).กลุ่มชาติพันธ์โย้ย.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก

https://sites.google.com/site/thiyoy/phasa?fbclid=IwAR1xaHbdAiPs9L67AMyv9YFcm7o

EOzIdrpfHLUuv2e6g-UcBXodE7eIjhrs/.(วันที่ค้นข้อมูล: 23 มกราคม 2564).




อาจารย์พีระเสกบริสุทธิ์บัวทิพย์.(ไม่ปรากฏปีที่พิมพ). ภาษาไทยม.6.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
file:///C:/Users/User/Downloads/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%992%20(1).pdf.


(วันที่ค้นข้อมูล:23 มกราคม 2564).



สุวิไล เปรมศรีรัตน์.(2547). แผนที่ภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆในประเทศไทย.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0


%B9%82%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%A2?fbclid=IwAR1exH8FIsa4PPFsiiQTDhJYCnD_tG
zofg0cwrvStgY8d1jC5W53OSpOEno/.(วันที่ค้นข้อมูล :23มกราคม 2564).




ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.(ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์).นิทรรศการถาวร กลุ่มชาติพันธุ์ และโบราณคดี.[ออนไลน์].

เข้าถึงได้จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/.(วันที่ค้นข้อมูล : 23 มกราคม 2564).



Anonymous.(2556).ภาษาถิ่นอีสาน.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก

http://naruebetd.blogspot.com/2013/02/blog-post.html?m=1/.(วันที่ค้นข้อมูล : 18 มกราคม

2564).



Campus.(2562).รวมค าศัพท์ภาษาอีสานน่ารู้.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก

https://mthai.com/campus/46218.html/.(วันที่ค้นข้อมูล : 18 มกราคม 2564).

Wordy Guru.(2562).ภาษาอีสานที่ใช้บ่อยที่ค้นหาบ่อย100ค า.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก

https://www.wordyguru.com/a/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%

E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99/hit100/.(วันที่ค้นข้อมูล : 18

มกราคม 2564).



Wordy Guru.(2562).ภาษาอีสานที่ใช้บ่อยที่ค้นหาบ่อย200ค า.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก

https://www.wordyguru.com/a/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%

E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99/hit200/.(วันที่ค้นข้อมูล : 18

มกราคม 2564).


Click to View FlipBook Version