โครงงานภาษาไทย
การศกษาภาษาลูจากสือ YOUTUBE
ึ
ู้
ค ณ ะ ผ จั ด ทํา
น า ง ส า ว จิ ด า ภ า ข วั ญ เ มื อ ง เ ล ข ที 7
น า ง ส า ว ช น า นั น ท์ ณ น ค ร เ ล ข ที 8
น า ง ส า ว ศ ภ นุ ช ศ รี ส ง ค ร า ม เ ล ข ที 2 0
ุ
ชั น ม . 6 / 1
้
ิ
ครผสอน : นายธรพงษ์ คงดวง
ู
ู้
ั
รายงานโครงงานฉบบนี เปนส่วนหนึ งของ
วิชา(ท33102)ภาษาไทย
ภาคเรียนที 2 ปการศึกษา 2563
ุ
โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา จังหวัดสราษฎร์ธานี
การศึกษาภาษาลูจากสื่อ Youtube
คณะผู้จัดท า
ิ
1.นางสาว จดาภา ขวัญเมือง เลขที่ 7 ชั้นม.6/1
ั
2.นางสาว ชนานนท์ ณ นคร เลขที่ 8 ชั้นม.6/1
3.นางสาว ศุภนุช ศรีสงคราม เลขที่ 20 ชั้นม.6/1
ผู้สอน : นายธิรพงษ์ คงด้วง
รายงานโครงงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา(ท33102)ภาษาไทย
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563
ี
โรงเรียนทีปราษฎร์พทยา จังหวัดสุราษฎร์ธาน
ิ
ก
ค ำน ำ
ปัจจุบันสังคมเป็นยุคสมัยของโลกาภิวัตน์ที่โลกออนไลน์ได้ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งและได้
กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจ าวันของผู้คนในสังคม มีการเข้าถึงสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว สะดวก
มีการแพร่หลายของสื่อที่มีบทบาทกับชีวิตประจ าวันของคนสมัยนี้มากๆ เช่น YouTube TikTok และ
อื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ในสังคมเรายังมีการใช้ภาษาที่หลากหลาย โผล่ขึ้นในกลุ่มคนต่างๆอยู่
เรื่อยๆ เช่น ภาษาลู ภาษาดอกไม้ ภาษาผลไม้ ภาษามะละกอ เป็นต้น ภาษาเหล่านี้มีอิทธิพลกับกลุ่ม
คนที่แตกต่างกันไป
เมื่อผู้ศึกษาต้องการที่จะศึกษาภาษาลู ซึ่งการหาแหล่งความรู้ของภาษาที่ไม่ได้เป็นทางการ
เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก หากหาอานหลักการวิธีใช้หรือขอมูลอื่นๆจากในหนังสือ จึงเกิดการศึกษารวบรวม
่
้
ข้อมูลเกี่ยวกับภาษาลู โดยเจาะจงถึงหลักการใช้ โครงสร้างลักษณะ บริบทของภาษาลู
ข้อมูลในโครงงานฉบับนี้ เป็นการรายงานผลการศึกษาค้นคว้า หลักการวิธีการใช้ โครงสร้าง
ลักษณะของภาษา บริบทต่างๆ อิทธิพลของภาษาลูหรือกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู ผู้ศึกษาได้รวบรวมไว้ทั้ง
จากสื่อ YouTube และการสรุปการศึกษา หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดท าต้องขออภัยไว้
ณ ที่นี้
คณะผู้จัดท า
ข
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานภาษาไทย เรื่อง การศึกษาภาษาลูจากสื่อ YouTube เป็นโครงงานที่ช่วยให้ผู้ที่สนใจ
้
ภาษาลู ได้ศึกษาขอมูลหลักการใช้หรือได้รับรู้ถึงอทธิพลของภาษาลูที่มีต่อคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ศึกษา
ิ
สามารถน าความรู้เหล่านี้มาปรับใช้เพื่อความสนุกในการใช้ภาษาลูกับคนกลุ่ม LGBT
การจัดท าโครงงานนี้ส าเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาจากอาจารย์ธิรพงษ์ คงด้วง อาจารย์ที่
ปรึกษาโครงงานที่ได้ให้ค าแนะน า แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆมาโดยตลอด จนโครงงาน
เล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ ผู้ศึกษาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
่
ขอกราบพระคุณคุณพอ คุณแม่และผู้ปกครองที่ให้คาปรึกษาในเรื่องต่างๆและเป็นก าลังใจที่ดี
ิ
ึ
เสมอมาสุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พทยาทุกคนที่
ให้ก าลังใจมาโดยตลอด
คณะผู้จัดท า
ค
สารบัญ
เรื่อง หน้า
ค าน า ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
สารบัญตาราง จ
สารบัญภาพ ฉ
บทที่ 1 บทน า 1
ความเป็นมาและความส าคัญ 1
วัตถุประสงค์ในการค้นคว้า 2
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
นิยามศัพท์เฉพาะ 2
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3
งานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับ YouTube 3
แนวคิดเรื่องภาษากับสังคมและวัฒนธรรม 4
ภาษาเป็นเครื่องกล่อมเกลาวัฒนธรรม 6
ภาษาเฉพาะ (Special Language) 7
อิทธิพลของสื่อออนไลน์ที่มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค 8
แนวคิดและทฤษฎีเรื่องกับการเปิดรับข่าวสาร 9
แนวคิดเกี่ยวกับภาษาลู 11
บทที่ 3 วิธีการด าเนินงาน 13
แหล่งข้อมูล 13
เกณฑ์ในการวิเคราะห์ 13
้
การเก็บรวบรวมขอมูล 14
ระยะเวลาในการด าเนินการ 14
บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล 15
โครงสร้างลักษณะของภาษาลู 15
วิธีการใช้ และ บริบทของภาษาลู 18
ง
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 21
การสรุปผล 21
อภิปรายผล 22
ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าครั้งต่อไป 22
บรรณานุกรม 23
จ
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
ภาพที่ 1 ลรั้งคู้งแซกรูก!! โล๋ตู๋เซียนรูนลาภูลาษูหลับกุบล๊อตกุ๊ดลิจุ 18
ภาพที่ 2 “ภาษาลู” กับการชุมนุมทางการเมือง 19
ภาพที่ 3 พูด-เข้าใจ "ภาษาลู" ง่ายๆ ไม่ต้องผวน! 19
ภาพที่ 4 เพลง MILLI – พักก่อน 20
ภาพที่ 5 เพลง MILLI – สุดปัง 20
ฉ
สารบัญตาราง
เรื่อง หน้า
ตารางที่ 1 ระยะเวลาในการด าเนินการ 14
ตารางที่ 2 การประสมสามส่วน 16
ตารางที่ 3 การประสมสี่ส่วน 16
ตารางที่ 4 การประสมสี่ส่วนพิเศษ 17
ตารางที่ 5 การประสมห้าส่วน 17
บทที่ 1
บทน ำ
ควำมเป็นมำและควำมควำมส ำคัญของกำรศึกษำค้นคว้ำ
ในปัจจุบันสังคมของเราเป็นสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์การเข้าถึงกันของประชาคมโลกเป็นไป
อย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ส่งผลให้สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจ าวัน
ของเราเป็นอย่างมากเนื่องจากระบบสื่อสารมีความสะดวกสบายและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่าง
รวดเร็ว นอกจากสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นเครื่องมือในการติดตามข่าวสารแล้วนั้นยังเป็น
เครื่องมือในการผ่อนคลายความเครียดได้อกด้วย ยกตัวอย่างแอปพลิเคชั่นที่ใช้คลายเครียด เช่น
ี
YouTube TikTok Vlive เป็นต้น และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอปพลิเคชั่น YouTube นั้นมีความนิยม
มากไปทั่วทุกมุมโลกเนื่องจากใครๆก็สามารถน าเสนอสื่อผ่านความถนัด ความสนใจและมุมมองของ
ตนเองได้อย่างง่ายดายนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ท าให้แอปพลิเคชั่นนี้มีความโดดเด่นและได้รับความนิยม
มาก ด้วยเหตุผลข้อนี้เองท าให้เนื้อหาของสื่อใน YouTube มีความทันสมัย ตามติดกระแสได้อย่าง
รวดเร็วจึงมักเห็นกระแสใหม่ ๆ อยู่ตลอดนอกจากนั้นแล้วยังพบการใช้ภาษาที่น่าสนใจและภาษานั้น
เรียกว่า ภาษาลู โดยก่อนที่ภาษาลูจะมาเป็นกระแสนั้นเดิมทีภาษาลูถูกใช้เป็นประจ าโดยกลุ่ม
ู
LGBTQ+ อยู่แล้วโดยกลุ่มคนเหล่านี้มักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าใช้ภาษานี้ในการพดคุยกันอย่างออกรส
ื่
ี่
ออกชาติและเป็นการสืบทอดการใช้ภาษาลูมากันแบบปากต่อปาก จากรุ่นพสู่รุ่นน้อง จากเพอนสู่
ื่
เพอนจึงท าให้ไม่สามารถทราบได้ว่าจุดก าเนิดของภาษานี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อใดเป็นภาษาที่เฉพาะกลุ่ม
จนกระทั่งเกิดกระแสขึ้นโดยอนุมานได้ว่าเกิดจากศิลปินหน้าใหม่อย่าง milli ได้เปิดตัวเพลงใหม่ของ
เธอชื่อเพลงคือ สุดปัง เธอได้น าภาษาลูมาใช้ในบทเพลงนี้จนท าให้เกิดเป็นกระแสและมีความน่าสนใจ
โดยภาษาลูที่พบในเนื้อเพลงคือ หลวยสุย ลายตุย ล่องพง อาริกาโตะ แปลความหมายได้ว่า สวยจน
ุ่
ิ่
พ่อตาย ขอบคุณค่ะ การใช้ภาษาลูนี้ท าให้เกิดอรรถรสและเพมสีสันให้เพลงนี้น่าสนใจขึ้นหลายเท่าตัว
ี
จนท าให้ภาษาลูเกิดเป็นกระแสส าหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่จนน าภาษาลูมาใช้กันในชีวิตประจ าวัน อ ก
ทั้งยังสามารถพบภาษาลูได้จาก YouTuber ท่านอื่นที่ใช้ภาษาลูสื่อสารกันอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ดังนั้นคณะผู้จัดท าจึงสนใจและต้องการศึกษาภาษาลูโดยประเด็นที่จะศึกษา ได้แก่ ภาษาลูคือ
ที่มาของภาษาลู ท าไมจึงเรียกว่าภาษาลู และความหมาย บริบทการน าไปใช้ สามารถใช้ในกรณีใดได้
บ้างและสะท้อนอะไรบ้าง เพอรวบรวมค าศัพท์ภาษาลู ได้ศึกษาลักษณะการใช้ของภาษาลูและได้
ื่
ศึกษาอิทธิพลของภาษาลูต่อคนในปัจจุบัน
2
วัตถุประสงค์ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
1.เพื่อศึกษาโครงสร้างลักษณะภาษาลูจากอินเทอร์เน็ต YouTube และกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู
2.เพื่อศึกษาวิธีการใช้ และบริบทของภาษาลูจาก YouTube
้
ขอบเขตของกำรศึกษำคนคว้ำ
คณะผู้จัดท าได้ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลของภาษาลูจากในสื่อ YouTube จากช่อง
GoodDayOfficial,TRAHERTV,WorkpointOfficail,Jz Oracle,ple nakorn CHANNEL และ
AMARIN TVHD โดยก าหนดระยะเวลาตั้งแต่ปีพ.ศ.2562-2563
ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
1.ได้ศึกษาโครงสร้างลักษณะภาษาลูจากอินเทอร์เน็ต YouTube และกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู
2.ได้ศึกษาวิธีการใช้ และบริบทของภาษาลูจาก YouTube
นิยำมศัพท์เฉพำะ
1.กำรใช้ภำษำ หมายถึง การติดต่อสื่อความหมายในสังคมให้เป็นที่เข้าใจกันด้วยการฟังผู้อื่น
พูดบ้างให้ผู้อื่นฟังบ้าง อ่านสิ่งที่ผู้อื่นเขียน และเขียนบางสิ่งบางอย่างให้ผู้อื่นอ่านบ้าง
2.ภำษำ หมายถึง กริยาอาการที่แสดงออกมาแล้วสามารถท าความเขาใจกันได้ ไม่ว่าจะเป็น
้
ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับสัตว์ หรือสัตว์กับสัตว์ ส่วนภาษาในความหมายอย่าง
แคบนั้น หมายถึง เสียงพูดที่มนุษย์ใช้สื่อสารกันเท่านั้น
ื่
3.ศึกษำ หมายถึง การเล่าเรียน ฝึกฝน และอบรมเพอให้เกิดความรู้และทักษะต่าง ๆ
4.ภำษำลู หมายถึง ภาษาที่นิยมใช้ในกลุ่มเพศทางเลือก
5.สื่อ หมายถึง ตัวกลางที่ช่วยในการถ่ายทอดเรื่องราว ข่าวสาร ความรู้ เหตุการณ์ แนวคิด
สถานการณ์ ฯลฯ ที่ผู้ส่งสารต้องการไปยังผู้รับสาร
6.YouTube หมายถึง เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ื่
้
ื่
ในการทาโครงงานเรอง การศึกษาการใชภาษาลูจากสอ YouTube
็
้
ี่
้
้
้
ี
้
ู
ี่
คณะผูจัดทาไดศึกษาเอกสารและงานวิจัยทเกยวของ โดยจาแนกเปนความรหลักๆไดดังน้
1.งานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับ YouTube
2.แนวคิดเรื่องภาษากับสังคมและวัฒนธรรม
3.ภาษาเฉพาะ
4.อิทธิพลของสื่อออนไลน์ที่มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค
5.แนวคิดเกี่ยวกับภาษาลู
งานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับ YouTube
จากการศึกษาของ (พัชรภรณ์ ไกรชุมพล, 2556) เรื่อง “ทัศนคติและพฤติกรรมการ
สื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ในการสร้างชื่อเสียง กรณีศึกษายูทูป (Youtube)” พบว่า ผู้คน
ส่วน ใหญ่มีทัศนคติต่อยูทูปในเชิงบวก โดยรู้สึกพงพอใจและชื่นชอบการสื่อสารผ่านเครือข่าย
ึ
สังคมออนไลน์ ยูทูป เนื่องจากมีพฤติกรรมการใช้และมีการรับรู้เข้าใจต่อยูทูปจึงส่งผลให้มี
ทัศนคติที่ดีอีกทั้งด้วยสภาพ สังคมที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงควบคู่ไปกับการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคม
ออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ผู้คนต่างหันมาให้ความสนใจเรียนรู้และมีการยอมรับยูทูปเพิ่มมากขึ้น โดย
คนส่วนใหญ่มีความคาดหวังต่อยูทูปว่าสามารถเป็นเครื่องมือที่เอื้อต่อผลส าเร็จในด้านต่างๆ เช่น
การสร้างชื่อเสียง เป็นต้น กล่าวได้ ว่าสภาพสังคมและประสบการณ์เป็นส่วนหนึ่งในการส่งผลต่อ
ทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อยูทูปและยังส่งผลให้มีความกล้าที่จะแสดงออกมาในรูปแบบของพฤติกรรม
มากขึ้นกล่าวได้ว่า กลุ่มผู้บริโภคที่มีทัศนคติที่ดีต่อยูทูปจะแสดงพฤติกรรมการสื่อสารผ่านยูทูปมาใน
เชิงสร้างสรรค์ ดังแนวคิดทัศนคติ (Attitude) ในเรื่องทัศนคติในทางบวก (Position Attitude) ของ
(Fishbein and Ajzen, 1975) กล่าวว่า ทัศนคติที่ชักน าให้บุคคลแสดงออกหรืออารมณ์ความรู้สึกใน
ด้านดีต่อเรื่องราวและสิ่งต่างๆ เป็นพนฐานที่ดีในการยอมรับความคิดข้อมูลใหม่ ซึ่งในบางกรณีมี
ื้
ทัศนคติต่อยูทูปถึงความสามารถในการสร้างผลลัพท์ตามความต้องการ เช่น ความต้องการในด้าน
ชื่อเสียงสะท้อนออกมาในรูปแบบของคลิปวิดีโอที่ต้องการเข้าถึงผู้บริโภค อีกทั้ง (พชรภรณ์ ไกรชุมพล,
ั
2556) กล่าวว่า กลุ่มผู้บริโภคมีความต้องการให้ผู้ใช้งานยูทูปมีพฤติกรรมการสื่อสารยูทูปในอนาคต
อย่างเหมาะสมมากขึ้น ไม่มีพฤติกรรมส่อไปในทางลามกอนาจารหรือสร้างความเสียหายต่อบุคคล
และสังคมและควรมีการสร้างแนวทางในการใช้ยูทูปอย่างถูกต้องและมีมาตรการที่เด็ดขาดส าหรับผู้ที่
ฝ่าฝืน สอดคล้องกับงานวิจัยของ (วราภรณ์วนาพทักษ์, 2550) กล่าวว่า อนเทอร์เน็ตเป็นระบบการ
ิ
ิ
4
ั
สื่อสารที่มีลักษณะความสัมพนธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่มมีการแพร่กระจายสูง รวมถึงลักษณะข้ามพรมแดน
ิ
และการควบคุมการใช้อนเทอร์เน็ตควรเป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายและต้องมีมาตรการจัดการการ
เผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนอินเทอร์เน็ต เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิต
ของผู้คนด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่เจริญก้าวหน้าส่งผลให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของคนในสังคม
เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในด้านของเทคโนโลยีกับการสื่อสารของผู้คนที่มีความสัมพนธ์กันอย่างมาก
ั
รูปแบบการสื่อสารจึงผ่านเครือข่ายออนไลน์เกือบทั้งสิ้น
ื่
อาจสรุปได้ว่าเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและเพอก้าวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง
ิ
ั
ท าให้คนในสังคมมีปฏิสัมพนธ์ด้วยภาษาและสัญลักษณ์ที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้น สื่ออนเทอร์เน็ต
เป็นสถาบันทางสังคมสถาบันหนึ่งที่มีบทบาทในการขัดเกลาทางสังคม เป็นช่องทางการสื่อสารที่มีการ
เผยแพร่ข่าวในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งยูทูปเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่มีส่วนประกอบทั้งภาพเคลื่อนไหว
และเสียงซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ที่ครบรูปแบบที่ส่งผลลัพท์ต่อสังคมอย่างมาก
แนวคิดเรื่องภาษากับสังคมและวัฒนธรรม
ในบรรดาวัฒนธรรมของมนุษย์นั้น อาจกล่าวได้ว่าภาษาเป็นสิ่งที่ส าคัญที่สุดและมีลักษณะ
เช่นเดียวกับวัฒนธรรม คือมีความเป็นระบบ เป็นสิ่งที่มนุษย์ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อกรุ่งหนึ่ง
ี
เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ได้มาโดยสัญชาตญาณ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่ยอมรับโดย
สมาชิกของสังคม (อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์, 2548 : 1 อ้างถึงใน กานต์รวี ชมเชย,2558)
จรัลวิไล จรูญโรจน์ (2559) กล่าวถึงภาษาว่าเป็นสิ่งที่จ าเป็นมากส าหรับการใช้ชีวิตในฐานะ
มนุษย์ เนื่องจากภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ถ่ายทอดอารยธรรมความรู้ต่าง ๆ รวมทั้งเป็นสื่อที่
มนษย์ใช้ในการคิดและการจ า ซึ่งกิจกรรมทางความคิดเหล่านี้แทรกอยู่ในการกระท าของมนุษย์แทบ
ั
ทุกการกระท า ระบบการสื่อสารแบบที่เรียกว่า “ ภาษา ” นี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเผ่าพนธุ์มนุษย์และ
ได้กล่าวถึงหน้าที่ของภาษาไว้ว่ามีหน้าที่ 6 ประการดังต่อไปนี้
1) ภาษาเป็นเครื่องมือที่ใช้สื่อสาร
การสื่อสารเป็นหน้าที่พนฐานที่เด่นชัดที่สุดของภาษา เพอที่จะด ารงตนเป็นส่วนหนึ่งของ
ื้
ื่
สังคมและเพอให้สังคมด ารงอยู่ได้ มนุษย์จ าเป็นที่จะต้องติดต่อสื่อสารกันไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก
ื่
ื่
ู
ื่
เช่น คณะรัฐมนตรีประชุมตกลงกันเพอแก้ปัญหาระดับชาติ เพอนร่วมงานในที่ท างานต้องพดคุยกัน
ื่
ื่
ู
เพอแบ่งงานกันท า สมาชิกในครอบครัวพดคุยกันว่าจะรับประทานอะไรเป็นอาหารเย็น กลุ่มเพอน
พดคุยวางแผนเกี่ยวกับการไปพกผ่อนวันหยุด คนไข้เอยปากขอร้องพยาบาลให้ช่วยท าแผล ต ารวจ
ู
่
ั
จราจรตักเตือนผู้ใช้ถนนให้ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม ฯลฯ
5
2) ภาษาเป็นเครื่องบ่งชี้ลักษณะบางประการของผู้ใช้ภาษา
ภาษาแต่ละภาษามีความหลากหลาย ความหลากหลายของภาษาเกิดขึ้นจากตัวแปรต่างๆ
มากมาย เช่น เพศ วัย การศึกษา ชนชั้น ถิ่นที่อยู่ การเป็นสมาชิกของกลุ่มสังคม ฯลฯ และความ
ู
หลากหลายนี้แสดงออกได้ในหลายแง่มุมของภาษา ไม่ว่าจะเป็นส าเนียงพด ไวยากรณ์ ส านวน การ
สะกดค า ค าศัพท์ โครงสร้างประโยค ฯลฯ ในเมื่อภาษาของคนแต่ละกลุ่มมีลักษณะเฉพาะตัว ภาษาที่
คนคนหนึ่งใช้จึงสามารถบ่งชี้ลักษณะบางประการเกี่ยวกับคนผู้นั้นได้
3) ภาษาเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดอารยธรรม
สาเหตุหนึ่งที่มนุษย์เรามีความเจริญก้าวหน้าเหนือกว่าสัตว์อนๆ เป็นเพราะมนุษย์สามารถ
ื่
ี
ถ่ายทอดความรู้และอารยธรรมจากคนหนึ่งไปอกคนหนึ่งหรือจากคนรุ่งหนึ่งไปอกรุ่นหนึ่งได้ ท าให้
ี
มนุษย์เราแต่ละคนไม่ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ทุกอย่างจากศูนย์ ความรู้ที่มีผู้คิดค้นไว้แล้วสามารถได้รับการ
ถ่ายทอดให้ผู้อื่นน าไปใช้หรือน าไปต่อยอดความรู้ต่อไปได้ การกระท าทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยภาษา
ถ้าเราพจารณาสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม เราจะพบว่าส่วนมากล้วน
ิ
แต่เป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากคนก่อนทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเราพจารณาบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเราจะ
ิ
ั
พบว่ากว่าที่มนุษย์เราจะรู้จักสร้างที่อยู่อาศัยแบบที่เราก าลังอาศัยอยู่ มนุษย์เราต้องสั่งสมพฒนา
ั
ความรู้ต่อกันมาเรื่อยๆเป็นพนๆปีเกี่ยวกับความรู้ด้านการก่อสร้าง การค านวณจ านวนแผ่นกระเบื้อง
การออกแบบ การตกแต่ง การผลิตอิฐ การผสมสี ฯลฯ เมื่อพิจารณาอาหารและยารักษาโรคเราจะเห็น
ว่ากว่าที่เราจะมีอาหารการกินและยารักษาโรคอย่างทุกวันนี้ได้ มนุษย์ในอดีตต้องถ่ายทอดความรู้
จ านวนมากสู่มนุษย์ในปัจจุบัน เช่น การน าพืชและสัตว์ตามธรรมชาติมาปลูกหรือเลี้ยงโดยมนุษย์ท าได้
อย่างไร สิ่งนี้รับประทานได้หรือไม่ได้ สิ่งไหนมีฤทธิ์ในการรักษาโรคอะไร ปริมาณที่เหมาะในการ
บริโภคคือเท่าไร การจัดเตรียมอาหารต้องท าอย่างไร ต้องรับประทานอะไรคู่กับอะไรจึงจะท าให้มี
รสชาติ ฯลฯ
4)ภาษาเป็นตัวแทนและตัวก าหนดความคิด
วิลเฮล์ม ฟอน ฮุมโบลต์ (Wilhelm von humbolt) เป็นนักปราชญาชาวเยอรมัน ใน
ุ
ิ
ศตวรรษ ทื่ 18-19 แนวคิดที่โด่งดังของฮมโบลต์ คือแนวคิดที่ว่าภาษาอทธิพลต่อความคิด มนุษย์เรา
จะคิดได้เมื่อมีมโนทัศน์ (concept) เกี่ยวกับสิ่งนั้น และมโนทัศน์ก็จะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีภาษา ดังนั้น
ู
ในเมื่อแจชต่บะภาษามีความแตกต่างกัน คนที่พดภาษาต่างกันก็ย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันด้วยแม้
แนวคิดนี้จะได้รับเผยแพร่โดยฮมโบลด์เป็นรายแรกๆแต่แนวคิดแนวนี้เป็นที่รู้จักโดยการน าเสนอของ
ุ
็
ี
เอดเวิร์ด ซาเฟยร์ (Edward Sapir) และลูกศิษย์ที่ชื่อเบนจามิน ลี วอร์ฟ (Benjamin Lee Whorf)
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และได้รับการตีความในระดับของความเข้มข้นว่าภาษาก าหนดความคิดของ
มนุษย์
6
5)ภาษาช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ทางสังคม
ื่
บางครั้งมนุษย์เราใช้ภาษาเพอสื่อความบางอย่างนอกเหนือไปจากความหมายตรงตามอกษร
ั
ั
ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้พภาษาองกฤษพบกันก็มักจะทักกันว่า “How are you?” โดยไม่ได้คาดหวัง
ู
ค าตอบที่แท้จริง (ผู้ที่ตอบก็มักตอบไปตามแบบแผนว่าตนสบายดีโดยไม่ได้เจาะจงว่าต้องให้ข้อมูล
ความเป็นอยู่ของตนตามจริงแก่ผู้ถาม) คนไทยมักจะถามว่า “ไปไหนมา” โดยไม่ได้คาดหวังว่าที่จะได้
ค าตอบอย่างจริงจังเช่นกัน หรือบางครั้งเมื่อเราก าลังรับประทานอาหารอยู่และมีผู้ที่เราแน่ใจว่า
รับประทานอาหารไปแล้วมาเยี่ยมเยือน เราก็ต้องเอยปากชวนผู้นั้นให้ร่สมรับประทานอาหารด้วยตาม
่
มารยาท ทั้งๆที่เราแน่ใจว่าคนนั้นจะตอบปฏิเสธ จะเห็นได้จากตัวอย่างข้างต้นว่าภาษามีหน้าที่มากไป
ั
กว่าการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลตามตัวอกษร (ใคร ท าอะไร ที่ไหน อย่างไร ฯลฯ) ภาษาสามารถใช้
เป็นเครื่องมือในการผูกติดและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกซึ่งกันและกันในสังคม
6)ภาษาสร้างความงาม
ื่
ี
มนุษย์เราจะไม่ได้กระท าสิ่งต่าง ๆ เพยงเพอใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันหนึ่ง ๆ แต่เรายังค านึงถึง
ี
ความงาม ความสะดวกสบายจากการกระท านั้น ๆ ด้วย เช่น ไม่เพยงแต่รับประทานอาหารให้มีชีวิต
รอด แต่เรายังค านึงถึงรสชาติและการจัดจานชามให้แลดูน่ารับประทาน การใช้ภาษาก็เช่นกัน มนุษย์
เราไม่ได้ค านึงถึงแค่การสื่อสาร แต่ยังตระหนักถึงความงามอนมาจากถ้อยค าและเสียงในภาษาด้วย
ั
ศิลปะอนเนื่องมาจากถ้อยค าเรียกกันว่า “วรรณศิลป์” หากเน้นไปที่การใช้ภาษาพดเรียกว่า
ั
ู
“วาทศิลป์” ความงามจากภาษาไม่จ าเป็นต้องปรากฏในภาษาที่มีความอลังการอย่างในวรรณคดีหรือ
สุนทรพจน์เท่านั้น การใช้ภาษาในชีวิตประจ าวันเราสามารถใช้ความงามของภาษาได้ เช่น การใช้
ภาษาที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน น่าติดตาม ท าให้ผู้อานหรือผู้ฟงเกิดอารมณ์ร่วมหรือ
่
ั
ความรู้สึกสบายใจ สิ่งนี้นับว่าเป็นความงามจากภาษาเช่นเดียวกัน (จรัลวิไล จรูญโรจน์, 2559)
กล่าวสรุปได้ว่า ภาษานั้นเป็นปัจจัยส าคัญที่ก่อให้เกิดความเป็นอนหนึ่งอนเดียวกันของสังคม
ั
ั
ก่อให้เกิดวัฒนธรรม อารยธรรมและเกิดการสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนั้นภาษายังเป็น
เครื่องมือสื่อสารที่ส าคัญของมนุษย์อีกด้วย
ภาษาเป็นเครื่องกล่อมเกลาวัฒนธรรม
ิ
โครงสร้างภาษาในสังคมหนึ่งๆ เช่น ศัพท์ ไวยากรณ์ ในภาษานั้นจะมีอทธิพลในการเรียนรู้
เกี่ยวกับโลกรอบตัวในสายตาของบุคคลผู้นั้น ภาษายังท าให้แต่ละคนได้สังเกตจดจ า ในขอบข่ายของ
ภาษานั้นๆ ที่วางแนวไว้ มีการตั้งสมมติฐานขึ้นมาว่าคนที่ใช้ภาษาต่างกันย่อมมองเห็นโลกในแง่ต่างกัน
ด้วย Whorf (1956) ได้สนับสนุนความคิดนี้โดยใช้ความรู้ทางภาษาศาสตร์ (linguistics) และความรู้
เกี่ยวกับภาษาประจ าแต่ละกลุ่ม ที่ว่าความแตกต่างในโครงสร้างภาษาแสดงให้เห็นวิธีการรับรู้
7
รวบรวมความจริงต่างๆ เช่น พวกเอสกิโมเห็นความแตกต่างของหิมะมาก เพราะชีวิตอยู่กับหิมะ
ตลอดเวลา จึงมีค าว่าหิมะหลายค า แต่อังกฤษเห็นว่าเป็นชนิดเดียว
ประเภททางไวยากรณ์ภาษาต่างกันออกไป ไวยากรณ์ของแต่ละภาษาแสดงถึงความรู้ความ
เชื่อสิ่งต่างๆ ของคนในภาษานั้น เช่น พวก Hopi แบ่งค ากริยา (Verb) เป็น 2 ชนิดเท่านั้น คือชนิดที่
บ่งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรก กับที่บ่งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นยาวนานติดต่อกันไป
ื่
Bernstein (1959) ได้ศึกษาภาษาของพวกรายได้น้อยเพอสนับสนุนข้อคิดที่ว่าภาษาเป็นสิ่ง
ส าคัญอย่างหนึ่งที่จะท าให้เกิดการริเริ่ม การสงเคราะห์ และการสนับสนุนความรู้สึกนึกคิด ตลอดจน
ู
พฤติกรรมมนุษย์พบว่าภาษาที่ใช้มักเป็นประโยคสั้นๆ บางทีผิดไวยากรณ์ พดไม่จบประโยค ภาษา
ู
ชนิดนี้ขัดขวางการสื่อความคิดและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ และท าให้พดถึงกระบวนการที่ลึกซึ้ง
ซับซ้อนได้ยากล าบากขึ้น
Brown และ Lennberg (1954) ได้โต้แย้งความคิดเห็นของ Worf โดยกล่าวว่าพวกคน
ั
องกฤษอาจจะเห็นความแตกต่างของหิมะหลายชนิด แต่ไม่มีภาษาส าหรับเรียกหิมะเหล่านั้นไปให้
ิ
ต่างกันด้วยเพราะอาจเห็นว่าหิมะไม่ได้มีอทธิพรากมายต่อตนเหมือนพวกเอสกิโม Brown และ
Lennberg
กล่าวคือภาษาไม่ได้จ ากัดให้คนรับรู้โลกเพยงบางด้านและรับรู้ต่างกัน แต่ภาษากับแบบแผน
ี
ทางวัฒนธรรมของแต่ละถิ่นจะน าให้คนในวัฒนธรรมนั้นรับรู้ในทางใดทางหนึ่งมากกว่าทางอื่น
ภาษาเฉพาะ (Special Language)
ภาษาเฉพาะ หมายถึงภาษาที่ใช้ในหมู่คนกลุ่มหนึ่ง ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ชนิดหนึ่งชนิดใด
โดยเฉพาะ เช่น ภาษากฎหมาย ภาษาแพทย์ ภาษาวิชาชีพ เป็นต้น ภาษาเฉพาะจะใช้และรู้เรื่องกันอยู่
ภายในกลุ่มเดียวกันที่มีประสบการณ์ในเรื่องเดียวกัน ภาษาเฉพาะที่ใช้จะแสดงถึงปัญหาและความ
สนใจของผู้ใช้ที่มีเหมือน ๆ กัน ภาษาแสลงทั้งหลายก็เป็นภาษาเฉพาะอย่างหนึ่ง กลุ่มคนในต าแหน่ง
สถานภาพต่าง ๆ เช่น นักเรียน ศิลปิน หรือแม้แต่ขโมย ต่างก็มีภาษาเฉพาะใช้กันในหมู่ของพวกตน
จากการศึกษาของ Lewis (1948) เรื่องภาษาเฉพาะ สรุปได้ว่าพฒนาการของภาษาเฉพาะ
ั
ภายในชุมนุมภาษาใหญ่โตส่วนรวมจะเกิดขึ้นเสมอทุกหมู่ชน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดต่างมีภาษาเฉพาะของตน
ใช้ทั้งสิ้น เมื่อใดก็ตามที่รวมกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนขึ้นมาหน้าที่หรือประโยชน์ของภาษาเฉพาะภาษา
เฉพาะก็เช่นเดียวกับภาษารวมของสังคม ที่ต่างก็เป็นผลิตผลมาจากประสบการณ์ร่วมกันของสมาชิก
ทั้งหลายภายในกลุ่ม และต่างก็สะท้อนให้เห็นปัญหาหรือความสัมพนธ์หลายอย่างของคนกลุ่มนั้น
ั
ภาษาเฉพาะกลุ่มช่วยท าให้การติดต่อสื่อความหมายของกลุ่มในเรื่องซึ่งเป็นความสนใจร่วมกันได้
สะดวกรวดเร็วและง่ายขึ้น ช่วยให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน เป็นพวกหนึ่งท าให้เกิดความ
สามัคคีขึ้นได้ภายในกลุ่ม และภาษาเฉพาะอาจเป็นเครื่องผูกมิตรได้อย่างหนึ่ง
8
ภาษาเป็นต้นก าเนิดของสังคม เพราะภาษาจะเป็นสิ่งบันทึกวัฒนธรรมและเป็นสื่อของ
วัฒนธรรม สิ่งที่น่าคิดก็คือว่าในการถ่ายทอดวัฒนธรรมจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนรุ่นใหม่ ๆ ความหมาย
หรือภาษาอาจถูกเปลี่ยนแปลงไปตามความรู้สึกนึกคิดของผู้ถ่ายทอดได้ (โสภา ชูพิกุลชัย, 2542)
กล่าวสรุปได้ว่าภาษาเฉพาะเกิดจากประสบการณ์ของผู้ใช้ภาษาเฉพาะนั้นๆ และอาจบอกได้
ั
ว่าความสนใจของผู้ที่ใช้ภาษาเฉพาะนั้นเป็นเกี่ยวกับเรื่องใด กลุ่มผู้ใช้มีความสัมพนธ์เป็นเช่นไรต่อกัน
โดยนอกจากภาษาเฉพาะที่รู้จักกันทั่วไป เช่น ภาษาเฉพาะแพทย์ เป็นต้นแล้วนั้นเรายังรวมว่าภาษา
แสลงเป็นภาษาเฉพาะเช่นกัน
อิทธิพลของสื่อออนไลน์ที่มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค
ี่
ิ
ปัจจัยทมีอทธิพลต่อการรับรู้
ในทางจิตวิทยาการรับรู้ได้อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการรับรู้ของผู้บริโภคไว้ว่า ใน
สิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้บริโภคประกอบไปด้วยสิ่งเร้าต่าง ๆ โดยผู้บริโภคสามารถเลือกตอบสนองต่อสิ่ง
เร้าบางอย่าง หรือเลือกไม่สนใจสิ่งเร้าบางอย่างก็ได้ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคและ
ี
สิ่งแวดล้อมมีความสัมพนธ์ซึ่งกันและกัน ผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้รับสิ่งเร้าจากธรรมชาติเพยงฝ่ายเดียว
ั
ิ
เพราะในความเป็นจริงทั้งสิ่งเร้า การรับรู้ ค่านิยม แรงจูงใจและทัศนคติ ต่างก็ล้วนมีอทธิพลซึ่งกันและ
กัน และส่งผลต่อไปยังพฤติกรรมในเรื่องกระบวนการคิด การสื่อสาร และการตัดสินใจ โดยผลของ
ึ
พฤติกรรมดังกล่าวสามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 ทิศทาง กล่าวคือ การได้ผลลัพธ์ที่พงปรารถนาและไม่พง
ึ
ึ
ปรารถนา โดยหากผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปในทางที่พงปรารถนา ก็มักจะส่งผลให้เกิดแนวโน้มการเกิด
ี
พฤติกรรมนั้นๆซ้ าอกครั้ง ซึ่งในทางกลับกัน หากผลของพฤติกรรมไม่เป็นไปตามที่ปรารถนา ผู้บริโภค
ก็มักจะมีแนวโน้มเลิกปฏิบัติและเลือกพฤติกรรมใหม่ ๆ ต่อไป
โดยโยธิน ศันสนยุทธ (2533) และจ าเนียร ช่วงโชติ (2516) ได้แบ่งปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้
ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. ปัจจัยอันเนื่องมากจากสิ่งเร้า คือ
- ลักษณะการเคลื่อนไหวของสิ่งเร้า (Movement of stimulus) ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติอก
ี
หนึ่งประการที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
- สิ่งเร้าที่มีแบบแผนกับสิ่งเร้าที่ไม่มีและแบบแผน ซึ่งในการรับรู้สิ่งนั้นเร้าที่มีโครงร่างและ
แบบแผนจะมีความชัดเจนและรับรู้ได้ง่ายกว่า (Perception in structured stimulus situation /
Perception in unstructured stimulus situation)
- ขนาดของสิ่งเร้า (Size of stimulus) โดยมีหลักการว่า สิ่งเร้าที่มีขนาดใหญ่มากหรือเล็ก
มากมักจะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้มากกว่าขนาดปกติ
9
- การเกิดซ้ าของสิ่งเร้า (Repetition of stimulus) กล่าวคือ สิ่งเร้าที่เกิดขึ้นซ้ าๆถือเป็น
กระตุ้นและตอกย้ าให้เกิดการเปิดรับ เพื่อจะน าไปสู่การสร้างความรับรู้ให้กับผู้บริโภค
- ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งเร้า (Change of stimulus) ซึ่งสามารถน ามาใช้เป็นสิ่งดึงดูด
ความสนใจของผู้บริโภคได้ เช่น เปลี่ยนความสว่างของไฟ
- ความเข้มข้นหรือหนักเบาของสิ่งเร้า (Intensity of stimulus) กล่าวคือ สิ่งเร้าที่มีความ
เข้มข้นสูงกว่าปกติย่อมท าให้ผู้บริโภคเกิดความใส่ใจ
2. ปัจจัยอันเนื่องมาจากบุคคลหรือผู้รับสาร
- บุคลิกภาพของบุคคล (Personality) หมายถึง เพศ อายุ อาชีพ การศึกษา รายได้ ทัศนคติ
และการปรับตัวส่วนบุคคล เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อการรับรู้ทั้งสิ้น
ิ่
- แรงขับ หรือ ความต้องการ (Drive or need) ซึ่งมีหน้าที่เหมือนพลังไปเพมในการ
ตอบสนองให้เข้มแข็งขึ้น
- ความใส่ใจ (Attention) คือสิ่งที่ช่วยให้คนเราสามารถเลือกสรรสิ่งเร้าที่อยู่ในความสนใจ
และมีความพร้อมที่จะสนองตอบได้ดี
- ความคาดหวัง (Expectation) คือการที่บุคคลสิ่งใดไว้ การรับรู้ก็มักจะเป็นไปในทิศทางที่
คาดหวัง
- การเห็นคุณค่า (Value) คือการที่ผู้บริโภคตีความคุณค่าของสิ่งเร้าต่างๆ ซึ่งเมื่อสิ่งเร้าแต่ละ
ชนิดมีคุณค่าแตกต่างกัน จึงก่อให้เกิดการรับรู้ที่แตกต่างกันในแต่ละรูปแบบ
จากแนวคิดเกี่ยวกับการรับรู้และการเปิดรับที่กล่าวมานั้นทั้งคู่ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อ
แนวโน้มการเกิดพฤติกรรม
แนวคิดและทฤษฎีเรื่องกับการเปิดรับข่าวสาร
การเปิดรับข่าวสารเป็นกระบวนการที่ส่งผลต่อการรับรู้ และยังเป็นกระบวนการส าคัญต่อการ
ตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งในชีวิตประจ าวันของมนุษย์นั้นจ าเป็นต้องอาศัยการแลกเปลี่ยน
ข่าวสาร ความรู้ และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เกิดเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้รับ
สาร ทั้งในระดับความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม (Atkin, 1973) โดยผู้รับสารแต่ละคนก็จะมีพฤติกรรม
การเปิดรับที่แตกต่างกันไป McCombs and Becker (1979) กล่าวว่า ผู้รับสารมักมีการ
เปิดรับข่าวสารหรือการเปิดรับสื่อเพื่อสนองความต้องการ 4 ประเด็น คือ
ื่
1) เพอเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ (Surveillance) กล่าวคือ ผู้รับสารสามารถสังเกตและ
ติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆรอบตัวจากการเปิดรับข่าวสาร ท าให้เป็นคนทันสมัยและทันเหตุการณ์
10
ื่
2) เพอการตัดสินใจ (Decision) กล่าวคือ ผู้รับสารสามารถก าหนดความคิดเห็นหรือ
ื่
เหตุการณ์ต่างๆรอบตัวเพอน ามาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดรับ
ข่าวสารนั้นๆ
ู
3) เพื่อพดคุยสนทนา (Discussion) กล่าวคือ ผู้รับสารสามารถน าข้อมูลที่ได้รับไปใช้เพอการ
ื่
สนทนา พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น
ื่
4) เพอการมีส่วนร่วม (Participation) กล่าวคือ การเปิดรับข่าวสารสามารถท าให้ผู้รับสาร
รู้สึกมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมรอบตัวได้
ดวงใจ พงศ์ไพฑูรย์(2544, อ้างถึงใน ชฏาภรณ์ สวนแสน, 2556, น. 33-34) ได้เสนอว่า ผู้รับ
สารสามารถเปิดรับข่าวสารจากแหล่งสาร 3 ลักษณะ คือ สื่อมวลชน (Mass media)
ื่
สื่อมวลชนเป็นสื่อที่เหมาะจะน ามาใช้เป็นเพอเสริมความเชื่อและเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ไม่ฝัง
แน่นได้แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทัศนคติเป็นจะกระบวนการที่ต้องใช้เวลานาน แต่สื่อมวลชนก็สามารถ
เปลี่ยนแปลงการรับรู้ได้ในขอบเขตที่จ ากัด โดยสิ่งที่สื่อมวลชนสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด คือ
อารมณ์ การเลือกเปิดรับจากสื่อมวลชนนั้นมักจะขึ้นอยู่กับความต้องการและแรงจูงใจของผู้รับสารเอง
เนื่องจากกลุ่มผู้รับสารของสื่อประเภทนี้คือกลุ่มคนขนาดใหญ่และหลากหลาย ไม่สามารถเจาะจงได้
มากนัก สามารถส่งสารถึงผู้รับได้อย่างรวดเร็ว สื่อบุคคล (Personal media) หมายถึง บุคคลที่น าสาร
ี
จากบุคคลหนึ่งไปสู่อกบุคคลหนึ่งโดยอาศัยการติดต่อระหว่างบุคคล(Interpersonal
communication) จัดเป็นช่องทางที่เกี่ยวโยงกับระบบสังคม ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ระหว่างกันที่
รวดเร็วมีลักษณะยืดหยุ่น สามารถปรับให้เหมาะกับผู้รับสารเฉพาะกลุ่มได้ โดยสื่อบุคคลจะมี
ประโยชน์อย่างมากในกรณีที่ผู้ส่งสารต้องการให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนและรับรู้ถึงความรู้สึก
ของผู้รับสารในทันที และสื่อเฉพาะกิจ (Specialized media) โดยธรรมชาติของสื่อเฉพาะกิจ มักจะ
ถูกผลิตขึ้นโดยมีเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม และกลุ่มเป้าหมายหลักในการส่งสารครั้งนั้นๆอย่างชัดเจน
ั
ตัวอย่างสื่อเฉพาะกิจ เช่น แผ่นพบ โปสเตอร์ คู่มือ เป็นต้น ท าให้การรับสารจากสื่อเฉพาะกิจนั้นผู้รับ
สารจะได้รับข้อมูลหรือความรู้ในลักษณะเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเจาะจง
ส่วนขวัญเรือน กิติวัฒน์ (2531) กล่าวว่า ปัจจัยที่ท าให้บุคคลมีการเปิดรับข่าวสารที่แตกต่าง
กัน แบ่งออกได้เป็น 3 ด้าน คือ
1) ปัจจัยด้านบุคลิกภาพและจิตวิทยาส่วนบุคคลที่มีความแตกต่างเฉพาะตัว ซึ่งเป็นผลมาจาก
ลักษณะภูมิหลังและวิถีการด ารงชีวิตที่แตกต่างกัน ส่งผลถึงระดับสติปัญญา ความคิด ทัศนคติ
ตลอดจนกระบวนการรับรู้ การจูงใจ
2) ปัจจัยด้านสภาพความสัมพนธ์ทางสังคม เนื่องจากบุคคลมักยึดติดกับกลุ่มสังคมหรือกลุ่ม
ั
อ้างอิงที่อยู่รอบตัวในการตัดสินใจที่จะแสดงออกซึ่งพฤติกรรมนั้นๆ กล่าวคือ บุคคลมักคล้อยตามกลุ่ม
ในแง่ความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ
11
3) ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมนอกระบบการสื่อสาร ได้แก่ เพศ อาชีพ รายได้ ระดับการศึกษา
ที่ท าให้เกิดความคล้ายคลึงของการเปิดรับและตอบสนองต่อเนื้อหาของการสื่อสารนั้น ๆ
จากแนวคิดเรื่องการเปิดรับข่าวสาร แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลของผู้บริโภค
ี
แต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป โดยจะเปิดรับหรือสนใจมากน้อยเพยงใดขึ้นอยู่กับความเกี่ยวข้อง
และการรับรู้ของผู้บริโภคเอง
แนวคิดเกี่ยวกับภาษาลู
ภาษาลูนั้นเปรียบได้เหมือนการเล่นค าในภาษาไทยชนิดหนึ่ง ในงานศึกษา การเล่นภาษาของ
คนไทย (2558) โดย ตามใจ อวิรุทธิโยธิน ภาควิชาภาษาไทยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ศึกษาถึงการเล่นทางภาษา (language game = LG) ของคนไทย ซึ่ง
เป็นการดัดแปลงภาษาที่ใช้ในชีวิตประจ าวันและน ามาใช้อย่างเป็นระบบ การวิจัยครั้งนี้พบการเล่น
ทางภาษาของคนไทย 8 ประเภท ได้แก่ ภาษาแส ภาษาส่อ ภาษาหล่อ ภาษาแหล่ ภาษาไหล ภาษา
คอคา ภาษามะละกอ และภาษาลู และการดัดแปลงภาษาในการเล่นภาษาของคนไทยใช้ 3 กลไก
ได้แก่ 1) การเติม ปรากฏในการเล่นทางภาษาทุกประเภท เสียงที่เติมอาจมีหรือไม่มีความหมายก็ได้
ต าแหน่งที่เติมมักเป็นหน้าค า 2) การจัดเรียงใหม่ ปรากฏในการเล่นทางภาษา 6 ประเภท ล้วนเป็น
การสลับเสียงส่วนหลังพร้อมกับเสียงวรรณยุกต์ 3) การแทนที่ ปรากฏในการเล่นทางภาษา 6 ประเภท
การแทนที่ส่งผลให้เสียงที่เกิดขึ้นไม่ซ้ ากับค าที่น ามาดัดแปลงหรือไม่ซ้ ากับเสียงที่เติม ในส่วนของ
ภาษาลูอยู่ในประเภทของการเติม การจัดเรียงใหม่ และการแทนที่
ี
อกงานวิจัยหนึ่งที่เกี่ยวกับภาษาลู เขียนโดย ตามใจ อวิรุทธิโยธิน ในเรื่อง การตั้งชื่อการเล่น
ทางภาษาของคนไทย (ม.ป.ป.) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการเล่นทางภาษาของคนไทย (language play of
the thai = LPT) ภาษาที่ปรากฏใน LPT แตกต่างจากภาษาที่ใช้ในชีวิตประจ าวันอย่างเป็นระบบ ผู้
ส่งสารและผู้รับสารจ าเป็นต้องเข้าใจการดัดแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องกลไกที่ใช้ในการดัดแปลงและ
รูปแบบที่เกิดขึ้นหลังการดัดแปลง จึงจะสามารถสื่อสารกันได้ LPT แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันทั้ง
เรื่องกลไกรูปแบบ รวมไปถึงชื่อที่ใช้เรียกกันด้วย หลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อนั้น ผู้ศึกษาได้แบ่งรูปแบบ
โครงสร้างของการตั้งชื่อออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 จะขึ้นอยู่กับความถี่ในการดัดแปลงในส่วนของ
ภาษาลูนั้นได้จัดอยู่ในหมวดของการดัดแปลงทุกพยางค์ คือการดัดแปลงภาษาที่ใช้ในชีวิตประจ าวัน
ทุกพยางค์ เช่น ค าว่า นักข่าว เมื่อมีการดัดแปลงเกิดขึ้นก็จะกลายเป็น ลักนูหล่าวคู โดย LPT ที่
ดัดแปลงทุกพยางค์จะมีค าว่า “ภาษา” ปรากฏเป็นส่วนที่ ในรูปแบบโครงสร้างชื่อ และรูปแบบ
โครงสร้างของการตั้งชื่อในส่วนที่ 2 นั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางด้านกลไก โดยภาษาลูนั้นจะใช้กลไกการ
เติมและการจัดเรียงใหม่ลักษณะเด่นคือการเติมกลุ่มเสียง “ลู” ดังนั้น ค านี้ปรากฏเป็นส่วนที่ 2 ใน
รูปแบบโครงสร้างชื่อ เมื่อน าโครงสร้างชื่อส่วนที่ 1 และ 2 มารวมกัน จึงกลายเป็น “ภาษาลู”
12
การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรม สามารถน ามาวิเคราะห์ให้เห็นถึง
โครงสร้างของสังคมในการใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ถ่ายทอดอารยธรรมความรู้ รวมทั้งเป็น
สื่อที่มนุษย์ใช้ในการคิดและการจ า ซึ่งกิจกรรมทางความคิดเหล่านี้แทรกอยู่ในการกระท าของมนุษย์
แทบทุกการกระท า อีกทั้งภาษายังเป็นเครื่องมือที่บ่งชี้ลักษณะบางประการของผู้ใช้ภาษานั้นๆ ได้ เช่น
บ่งบอกเพศ วัย การศึกษา ชนชั้น ถิ่นที่อยู่ หรือการเป็นสมาชิกของกลุ่มสังคม เป็นต้น ท าให้เห็นถึง
ความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะกลุ่มที่สามารถสะท้อนออกมาผ่านภาษาที่ใช้ในชีวิตประจ าวัน
ี
สรุปได้ว่าภาษาลูเปรียบเสมือนการเล่นค าอกชนิดหนึ่งของภาษาไทยโดยกลุ่มแรกที่ใช้ภาษาลู
คาดการณ์กันว่าเป็นกะเทยซึ่งจุดประสงค์ของการใช้ภาษานี้คือต้องการความเป็นส่วนตัวในการสื่อสาร
กันแต่ละครั้งและภาษานี้ก็ยังโดดเด่นและมีความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะกลุ่มค่อนข้างมากอีกด้วย
บทที่3
วิธีการด าเนินงาน
ื่
ึ
ในการศกษาเรื่อง การศึกษาภาษาลูจากสื่อ YouTube มีวัตถุประสงค์เพอศึกษาโครงสร้าง
ลักษณะภาษาลูจากอินเทอร์เน็ต YouTube และกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู รวมถึงศึกษาวิธีการใช้ และ
บริบทของภาษาลูจาก YouTube มีขั้นตอนการด าเนินการ ดังนี้
แหล่งข้อมูล
ศึกษาการใช้ภาษาลู ทั้งหมด 5 คลิป โดยมีชื่อคลิป ดังนี้
1.ลรั้งคู้งแซกรูก!! โล๋ตู๋เซียนรูนลาภูลาษูหลับกุบล๊อตกุ๊ดลิจุ
2.“ภาษาลู” กับการชุมนุมทางการเมือง
3.พูด-เข้าใจ "ภาษาลู" ง่ายๆ ไม่ต้องผวน!
4.เพลง MILLI – พักก่อน
5.เพลง MILLI – สุดปัง
ศึกษาการใช้ภาษาลูโดยการสอบถามจากเพื่อนชั้นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เป็น LGBTQ+
และสืบค้นจากอินเทอร์เน็ตร่วมด้วย
เกณฑ์การวิเคราะห์
ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คณะผู้จัดท าได้ใช้เกณฑ์ในการวิเคราะห์โดยใช้รูปแบบของการ
ั
ประสมอกษรในภาษาไทย ซึ่งแบ่งได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
1.การประสมสามส่วน คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์
้
2.การประสมสี่ส่วน คือ การประสมพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะทายพยางค์ หรือ
พยัญชนะสะกด และวรรณยุกต์
3.การประสมสี่ส่วนพิเศษ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้ายพยางค์ท ี่
ไม่ออกเสียงหรือตัวการันต์ และวรรณยุกต์ การประสมสี่ส่วนพิเศษเป็นการประสมอักษรแม่ ก กา
4.การประสมห้าส่วน คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้ายพยางค ์
หรือพยัญชนะสะกด พยัญชนะท้ายพยางค์ที่ไม่ออกเสียงหรือตัวการันต์ และวรรณยุกต์
14
การเก็บรวบรวมข้อมูล
ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ทางคณะผู้จัดท าได้รวบรวมข้อมูลต่างๆจากสื่อบน YouTube เพื่อ
น ามาศึกษาเกี่ยวกับภาษาลู ไม่ว่าจะเป็นหลักการต่างๆ กรณีที่หยิบภาษาลูมาใช้ หรือที่มาของภาษาลู
ซึ่งมีขั้นตอนการด าเนินงาน ดังนี้
1.หาสื่อบน YouTube ที่เกี่ยวข้องกับภาษาลู
2.เลือกสื่อที่เหมาะสม มีคุณภาพและน่าเชื่อถือมาประกอบการศึกษาภาษาลู
3.ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับภาษาลูเพิ่มเติม เพื่อน ามาประมวลข้อมูลต่างๆให้ได้ซึ่งข้อเท็จจริงที่
น่าเชื่อถือ ถูกต้องและเหมาะสม
ื่
4.สอบถามจากเพอนชั้นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เป็น LGBTQ+ และสืบค้นจากอินเทอร์เน็ต
ร่วมด้วย
ระยะเวลาในการด าเนินการ
ในการศึกษาเรื่องการศึกษาภาษาลูจากสื่อ youtube มีระยะเวลาในการด าเนินการซึ่งแบ่งได้
ดังนี้
ล าดับที่ ขั้นตอนการศึกษา ช่วงเวลา ผู้รับผิดชอบ
๑ รวบรวมข้อมูลและงานวิจัย
ที่เกี่ยวข้อง วันที่ ๒๐-๒๘ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ศุภนุช
๒ รวบรวมค าศัพท์จากละคร วันที่ ๓-๑๐ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จิดาภา
๓ วิเคราะห์ข้อมูล วันที่ ๑๑-๑๕ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๔ คณะผู้จัดท า
๔ สรุปและอภิปรายผลข้อมูล วันที่ ๑๖-๑๗ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๔ ชนานันท์
๕ ตรวจทานและแก้ไขข้อมูล
ผู้จัดท ารูปเล่มรายงาน วันที่ ๑๙-๒๒เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๔ คณะผู้จัดท า
การศึกษาค้นคว้า
๖ น าเสนอผลการศึกษาค้นคว้า วันที่๒๖เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๔ คณะผู้จัดท า
๗ ส่งรายงานการศึกษาค้นคว้า คณะผู้จัดท า
ฉบับสมบูรณ์ วันที่๒๖-๒๙เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๔
ตารางที่ 1 ระยะเวลาในการด าเนินการ
บทที่ 4
การวิเคราะห์ข้อมูล
ึ
การศึกษาค้นคว้าเรื่อง การศกษาภาษาลูจากสื่อ Youtube คณะผู้จัดท าได้แบ่งการวิเคราะห์
ึ
ข้อมูลออก เป็น 2 ประเด็น ตามวัตถุประสงค์ในการศกษาค้นคว้า ได้แก เพื่อศึกษาโครงสร้างลักษณะ
่
ื่
ภาษาลูจากอินเทอร์เน็ต YouTube และกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู เพอศึกษาวิธีการใช้ และบริบทของ
ภาษาลูจาก YouTube ซึ่งมีรายละเอียดการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้
1.โครงสร้างลักษณะของภาษาลู
โครงสร้างของภาษาลู ประกอบไปด้วยสองส่วนหลัก คือ
ส่วนแรก คือ ส่วนที่เติมเสียงล.ลิงแทนลงไปในแต่ละพยางค์
ส่วนที่ 2 คือ ส่วนที่เติมเสียงสระอูลงไปในแต่ละพยางค ์
ยกตัวอย่างเช่น
นักข่าว เมื่อพูดเป็นภาษาลูจะได้ว่า ลักนูหล่าวคู
ื่
ส่วนแรกคือ ค าว่า ลัก และ หล่าว ที่แทนที่พยัญชนะเดิมเพอให้ออกเสียงเป็นล.ลิง
ส่วนที่ 2 คือ ค าว่า นู และ คู ที่เติมลงไปหลังจากส่วนที่ 1 โดยน าพยัญชนะจากพยางค์เดิมมา
ื่
เติมเพอให้เกิดเป็นภาษาลู
ยกตัวอย่างเช่น
กินข้าว เมื่อพูดเป็นภาษาลูจะได้ว่า ลินกูนหล่าวขู้น
ส่วนแรกคือ ค าว่า ลิน และ หล่าว ที่แทนที่พยัญชนะเดิมเพอให้ออกเสียงเป็นล.ลิง
ื่
ส่วนที่ 2 คือ ค าว่า กูน และ ขู้น ที่เติมลงไปหลังจากส่วนที่ 1 โดยน าพยัญชนะจากพยางค์
ื่
เดิมมาเติมเพอให้เกิดเป็นภาษาลู
ยกตัวอย่างเช่น
ู
ขอบใจ เมื่อพดเป็นภาษาลูจะได้ว่า หลอบขูบใลจูย
ื่
ส่วนแรกคือ ค าว่า หลอบ และ ใล ที่แทนที่พยัญชนะเดิมเพอให้ออกเสียงเป็นล.ลิง
ส่วนที่ 2 คือ ค าว่า ขูบ และ จูย ที่เติมลงไปหลังจากส่วนที่ 1 โดยน าพยัญชนะจากพยางค์เดิม
มาเติมเพื่อให้เกิดเป็นภาษาลู
16
ยกตัวอย่างเช่น
ท าไรอยู่ เมื่อพูดเป็นภาษาจะได้ว่า ล าทูมไซรูหลู่หยี่
ส่วนแรก คือ ค าว่า ล า ไซ และ หลู่ ที่แทนที่พยัญชนะเดิมเพื่อให้ออกเสียงเป็นล.ลิง
ส่วนที่ 2 คือ ค าว่า ทุม รู และ หยี่ ที่เติมลงไปหลังจากส่วนที่ 1 โดยน าพยัญชนะจากพยางค์
ื่
เดิมมาเติมเพอให้เกิดเป็นภาษาลู
ยกตัวอย่างเช่น
ขี้โม้ เมื่อพูดเป็นภาษาลูจะได้ว่า ลี้คู่โล้มู้
ส่วนแรกคือ ค าว่า ลี้ และ โล้ ที่แทนที่พยัญชนะเดิมเพื่อให้ออกเสียงเป็นล.ลิง
ส่วนที่ 2 คือ ค าว่า คู่ และ มู้ ที่เติมลงไปหลังจากส่วนที่ 1 โดยน าพยัญชนะจากพยางค์เดิมมา
เติมเพอให้เกิดเป็นภาษาลู
ื่
จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่าภาษาลูแบ่งออกเป็น 2 ส่วนดังที่กล่าวไปข้างต้น โดย
จะมีกรณีพิเศษ คือ หากค าใดที่ออกเสียง รอ หรือ ลอ อยู่แล้วนั้นเราจะเปลี่ยนการเติมส่วนแรกจาก
ล.ลิงเป็นซ.โซ่ แล้วเติมร.เรือหรือล.ลิงตามที่ออกเสียงในส่วนที่ 2 แทนนั่นเอง
เมื่อแบ่งออกตามการประสม สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
1. การประสมสามส่วน เป็นการประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์
ภาษาไทย ภาษาลู
ผี หลีผู
มา ลามู
บ้า ล่าบู้
ซ่า ล่าซู่
จะ ละจู
ตารางที่ 2 การประสมสามส่วน
2. การประสมสี่ส่วน เป็นการประสมพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้ายพยางค์
หรือ พยัญชนะสะกด และวรรณยุกต์
ภาษาไทย ภาษาลู
กิน ลินกูน
ข่าว หล่าวขู้
ซีน ลีนซูน
ใจ ใลจูย
นม ลมนูม
ตารางที่ 3 การประสมสี่ส่วน
17
3.การประสมสี่ส่วนพิเศษ เป็นการประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้าย
พยางค์ที่ไม่ออกเสียงหรือตัวการันต์ และวรรณยุกต์ การประสมสี่ส่วนพิเศษเป็นการประสมอักษรแม่
ก กา
ภาษาไทย ภาษาลู
เล่ห์ เซ่ลู่
เคราะห์ เลาะครุ
พ่าห์ ล่าพู่
สีห์ หลีสู
โพธิ์ โลพู
ตารางที่ 4 การประสมสี่ส่วนพิเศษ
4.การประสมห้าส่วน เป็นการประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้ายพยางค์
หรือพยัญชนะสะกด พยัญชนะท้ายพยางค์ที่ไม่ออกเสียงหรือตัวการันต์ และวรรณยุกต์
ภาษาไทย ภาษาลู
ลักษณ ์ ซักลุก
ขันธ์ หลันขูน
สังข์ หลังสูง
จันทร์ ลันจูน
เกณฑ์ เลนกูน
ตารางที่ 5 การประสมห้าส่วน
ั
จากการวิเคราะห์ภาษาลูโดยแบ่งออกตามการประสมอกษรทั้ง 4 แบบ พบว่า ภาษาลูเมื่อ
ประสมอกษรแบบสามส่วนนั้นจะใช้หลักการเดียวกันกับการประสมอกษรแบบสี่ส่วนพเศษ และการ
ั
ิ
ั
ประสมแบบสี่ส่วนนั้นใช้หลักการเดียวกันกับการประสมอกษรแบบห้าส่วน เนื่องจากเราไม่ต้องผัน
ั
พยัญชนะท้ายพยางค์ที่ไม่ออกเสียงหรือตัวการันต์จึงท าให้การออกเสียงใช้หลักการเดียวกันนั่นเอง
ข้อสังเกต
1.หากค าใดขึ้นต้นด้วยล.ลิงหรือร.เรืออยู่แล้วนั้น จะแทนที่ด้วยซ.โซ่แทน เช่น รัก เป็น ซักรุก
2.สระ อา ไอ ใอ นับเป็นการประสมสี่ส่วน เพราะเมื่อออกเสียงจะมีเสียงพยัญชนะต่อท้าย
เช่น น า เป็น ลัมนูม ใคร เป็น ลัยคูย
3.ค าที่ขึ้นต้นด้วยอักษรเสียงสูงนั้น จะเติม หล ในพยางค์แรก เช่น ผี เป็น หลีผู สี เป็น หลีสู
18
2.วิธีการใช้ และ บริบทของภาษาลู
การศึกษาวิธีการใช้ และบริบทของภาษาลูนี้ คณะผู้จัดท าได้ท าการศึกษาโดยศึกษาจากสื่อ
ิ
YouTube อนเทอร์เน็ตและสอบถามเพอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เป็น LGBTQ+ สามารถ
ื่
สรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้
2.1 วิธีการใช้ภาษาลูสามารถกล่าวอย่างง่ายได้ว่า ภาษาลูเป็นภาษาที่เกิดจากการเติมค า การ
ื่
จัดเรียงใหม่ และการแทนที่ คือเติมค าที่มีเสียงล.ลิงลงไปเป็นพยางค์แรก การจัดเรียงใหม่เพอให้เกิด
เสียงเพมขึ้นและแทนที่สระลูลงไปจึงเกิดเป็นภาษาลู
ิ่
ื่
2.2 บริบทที่ใช้ภาษาลูนั้น จากการสอบถามเพอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เป็น
ี
LGBTQ+ พบว่าเมื่อก่อนการใช้ภาษาลูเป็นที่นิยมในกลุ่มของเกย์ กะเทยเพยงอย่างเดียว บริบทการใช้
ของภาษาลูเกิดจากการต้องการความเป็นส่วนตัวในการพูดคุยกัน ต้องการเพิ่ม อรรถรสให้กับบท
ื่
สนทนาและเพอความสนุกสนานและเป็นสังคมเดียวกันของคนกลุ่มนี้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ภาษาลู
แพร่หลายมากยิ่งขึ้นเมื่อศิลปิน ดารา นักร้อง ผู้ที่มีชื่อเสียงได้หยิบยืม ภาษานี้ไปใช้ในสื่อสาธารณะ
มากขึ้น ภาษาลูจึงเกิดความนิยมมากกว่าเดิมนั่นเอง
ภาพที่ 1 ลรั้งคู้งแซกรูก!! โล๋ตู๋เซียนรูนลาภูลาษูหลับกุบล๊อตกุ๊ดลิจุ
19
ภาพที่ 2 “ภาษาลู” กับการชุมนุมทางการเมือง
ภาพที่ 3 พูด-เข้าใจ "ภาษาลู" ง่ายๆ ไม่ต้องผวน!
20
ภาพที่ 4 เพลง MILLI – พักก่อน
ภาพที่ 5 เพลง MILLI – สุดปัง
บทที่ 5
สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
การศึกษาค้นคว้าเรื่อง การศึกษาภาษาลูจากสื่อ YouTube มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา
ื่
ิ
ค้นคว้าเพอศึกษาโครงสร้างลักษณะภาษาลูจากอนเทอร์เน็ต YouTube และกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู
และเพอศึกษาวิธีการใช้ และบริบทของภาษาลูจาก YouTube โดยแหล่งข้อมูลหรือกลุ่มตัวอย่างที่ใช้
ื่
ในการศึกษาครั้งนี้ คือ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างภาษาลูจากช่องทาง YouTube กลุ่มคนที่ใช้
ภาษาลู และเว็บไซต์ต่างๆบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้ก าหนดวิธีการศึกษา ตามขั้นตอนดังนี้
1. ศึกษาโครงสร้างลักษณะของภาษาลูจาก YouTube กลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู และเว็บไซต์ต่างๆ
บนอินเทอร์เน็ต
2.ศึกษาวิธีการใช้ และบริบทของภาษาลูจาก YouTube กลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู และเว็บไซต์
ต่างๆบนอินเทอร์เน็ต
3.สรุปเป็นโครงสร้างลักษณะของภาษาลูและวิธีการใช้ รวมถึงบริบทของภาษาลูประเด็น
ส าคัญและง่ายต่อการน าไปศึกษาต่อ
การสรุปผล
ึ
คณะผู้จัดท าได้สรุปผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ในการศกษาค้นคว้า ดังรายละเอียด
ดังต่อไปนี้
1.ภาษาลูนั้นเป็นภาษาที่เกิดจากการเติม การจัดเรียงใหม่และการแทนที่
2.ภาษาลูประกอบไปด้วยสองส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 คือ ส่วนที่เติมเสียงล.ลิงแทนลงไปในแต่ละพยางค์ซึ่งในส่วนนี้หากพยางค์ทต้องการ
ี่
พูดเป็นเสียงรอ หรือ ลออยู่แล้วจะใช้ซ.โซ่แทนที่ลงไปแทน
ส่วนที่ 2 คือ ส่วนที่เติมเสียงสระอูลงไปในแต่ละพยางค์ หากส่วนที่ 1 ขึ้นต้นด้วยเสียงซอ
ส่วนที่ 2 จะเติมเสียง ลอ หรือ รอ ลงไปแทนนั่นเอง
3.บริบทของภาษาลู คือ ใช้เพื่อพูดคุยกันในวงสนทนาที่ไม่ต้องการความเป็นทางการและ
ต้องการเพิ่มอรรถรสให้กับบทสนทนามากขึ้น อกทั้งยังสามารถแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม
ี
ี
LGBTQ+ ได้อกด้วย
22
อภิปรายผล
ในการศึกษาค้นคว้า การศึกษาภาษาลูจากสื่อ YouTube คณะผู้จัดท าพบว่า ภาษาลูนั้นเกิด
จากการแทนที่ การจัดเรียงใหม่ และการเติม โดยภาษาลูนั้นแบ่งเป็นสองส่วนดังที่กล่าวข้างต้นและ
บริบทการใช้คือ ต้องการพูดคุยกันแบบเป็นส่วนตัวและเพิ่มอรรถรสให้บทสนทนามากยิ่งขึ้น ซึ่งตรง
ตามวัตถุประสงค์ของคณะผู้จัดท าที่วางไว้ ได้แก ่
1.เพื่อศึกษาโครงสร้างลักษณะภาษาลูจากอินเทอร์เน็ต YouTube และกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลู
2.เพื่อศึกษาวิธีการใช้ และบริบทของภาษาลูจาก YouTube
ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าครั้งต่อไป
ื่
1.ควรท าสื่อเพอเผยแพร่ความรู้เรื่องภาษาลูในที่สาธารณะมากยิ่งขึ้น
2.ควรศึกษาหาความรู้จากงานวิจัยเกี่ยวกับภาษาลูเพื่อความชัดเจนแม่นย าของเนื้อหามาก
ยิ่งขึ้น
23
บรรณานุกรม
กานต์รวี ชมเชย. (2558). ภาษาไทยเน็ต : ภาษาสนทนาในโปรแกรมสนทนาในสมาร์ทโฟน.
ิ
สถาบัน วัฒนธรรมและศลปะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
จรัลวิไล จรูญโรจน์. (2559). ทัศนคติต่อคนไทยและคนจีนของชาวจีนที่เรียนภาษาไทยและชาวไทย
ที่เรียนภาษาจีน : การศึกษาด้วยกลวิธีพรางเสียงคู่.วารสารมนุษยศาสตร์ฉบับบัณฑิตศึกษา
มหาวิทยาลัยรามค าแห . ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 : 16-35.
ตามใจ อวิรุทธิโยธิน. (2558). การเล่นทางภาษาของคนไทย. ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์
และสั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยส ขลานครินทร์.
พักก่อน [วิดีทัศน์]. (2563). กรุ เทพฯ : YUPP!!
พัชรภรณ์ ไกรชุมพล. (2556). ทัศนคติและพฤติกรรมการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
ในการสร้างชื่อเสียงกรณีศึกษายูทูบ(Youtube). สาขาวิชาการบริหารสื่อสารมวลชน
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พูด-เข้าใจ "ภาษาลู" ง่ายๆ ไม่ต้องผวน! [วิดีทัศน์]. (2563). กรุ เทพฯ : immnana.
“ภาษาลู” กับการชุมนุมทางการเมือง [วิดีทัศน์]. (2563). กรุ เทพฯ : PPTV HD 36.
ลรั้งคู้งแซกรูก!! โล๋ตู๋เซียนรูนลาภูลาษูหลับกุบล๊อตกุ๊ดลิจุ [วิดีทัศน์]. (2563). กรุ เทพฯ :
GoodDayOfficail.
์
วราภรณ์ วนาพิทักษ. (2550). มาตรการการจัดการการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบน
อินเทอร์เน็ตของประเทศไทย. โคร การปริญญาเอกสหวิทยาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สุดปัง [วิดีทัศน์]. (2563). กรุ เทพฯ : YUPP!!
23