The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Rungnapha Sivayavirote, 2021-01-28 05:31:53

โครงงาน เรื่อง การศึกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

โครงงานภาษาไทย







เรือง การศึกษากลวิธีการตัชือและความหมาย





ของชือนักเรียนชัมัยมศึกษาปีที /

โรงเรียนทีปราษฎร์ิทยา






คณะผู้ัทํ



นาย ถิรพล กาบปิน๊ะ เลขที ชั ม. /

นางสาว รันาวดี ทองเหลือ เลขที ชั ม. /






นางสาว ศุภิสรา แพกุล เลขที ชั ม. /


ครูผู้อน



นาย ธิรพงษ์คงด้ง







รายงานโครงงานฉบันีเป็นส่นหนึงของรายวิชา


ภาษาไทย (ท )

ภาคเรียนที ปีการศึกษา


โรงเรียนทีปราษฎร์ิทยา จัหวัสุราษฎร์านี





โครงงานภาษาไทย


เรื่อง การศึกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1



โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา











คณะผู้จัดท า



นาย ถิรพล กาบปิน๊ะ เลขที่ 1 ชั้น ม.6/1


นางสาว รัตนาวดี ทองเหลือ เลขที่ 16 ชั้น ม.6/1


นางสาว ศุภิสรา แพกุล เลขที่ 21 ชั้น ม.6/1












ครูผู้สอน


นาย ธิรพงษ์ คงด้วง






รายงานโครงงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ภาษาไทย (ท 33102)


ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563


โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ค ำน ำ


รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสาระภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรายงานเล่มนี้จะมีเนื้อหา

เกี่ยวกับการจัดท าโครงงงานภาษาไทย เรื่อง กลวิธีการตั้งชื่อและการหาความหมายของชื่อนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่

6/1 ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับกลวิธีการตั้งชื่อโดยการวิเคราะห์ภาษาบาลีและภาษาสันสฤต และการหาความหมาย

ของชื่อเป็นหมวดๆ ขั้นตอนในการท าโครงงานเล่มนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ที่สนใจกลวิธีการตั้งชื่อและการหา

ความหมายของชื่อนักเรียนให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น


การจัดท าโครงงานรายวิชาภาษาไทยเรื่อง กลวิธีการตั้งชื่อและการหาความหมายของชื่อนักเรียน

มัธยมศึกษาปีที่6/1 ในครั้งนี้ คณะผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดท าเอกสารฉบับนี้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ
ผู้อ่าน และผู้ก าลังศึกษาเรื่องกลวิธีการตั้งชื่ออยู่ หากมีข้อผิดพลาดประการใดทางคณะผู้จัดท าขออภัยมา ณ ที่นี้





คณะผู้จัดท า

สารบัญ


เรื่อง หน้า



บทที่ 1 บทน ำ 1

ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญ 1


วัตถุประสงค์ 1


ขอบเขตของกำรศึกษำค้นคว้ำ 1


ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ 2


นิยำมศัทพ์เฉพำะ 2


บทที่ 2 เอกสำรงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3


ภำษำบำลี 3

ภำสันสกฤต 5


ควำมหมำยของกำรตั้งชื่อ 8


รำยชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่6/1จำกโรงเรียนทีปรำษฎร์พิทยำ 9


บทที่ 3 วิธีกำรด ำเนินงำนกำรท ำโครงงำน 11


แหล่งข้อมูล 11


เกณฑ์ในกำรวิเครำะห์ 13


กำรเก็บรวบรวมข้อมูล 13


ระยะเวลำในกำรด ำเนินงำน 13


บทที่ 4 กำรวิเครำะห์ข้อมูล 15

โครงสร้ำงของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปี่ที่ 6/1 15


ลักษณะกำรใช้ค ำภำษำบำลี และภำษำสันสกฤตใน 17

กำรตั้งชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6/1


ควำมหมำยของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6/1 18


บทที่ 5 สรุป อภิปรำยผล และข้อเสนอแนะ 20


กำรสรุปผลข้อมูล 20


อภิปรำยผล 21

ข้อเสนอแนะในกำรศึกำค้นคว้ำ 21


บรรณำนุกรม 22

สารบัญตาราง


เรื่อง หน้า



ตารางที่ 1 ตารางแสดงหน่วยเสียงในภาษาบาลี 4

ตารางที่ 2 ตารางแสดงเสียงสระในบาลี 5


ตารางที่ 3 ตารางพยัญชนะวรรค 8


ตารางที่ 4 ตารางรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 9


ตารางที่ 5 ตารางรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 11


ตารางที่ 6 ระยะเวลาในการด าเนินการ 14


ตารางที่ 7 โครงสร้างชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 15


ตารางที่ 8 ความหมายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 18

1


บทที่ 1 บทน ำ


ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญของกำรศึกษำค้นคว้ำ

การตั้งชื่อ เป็นวัฒนธรรมการใช้ภาษาของมนุษย์อย่างหนึ่ง เนื่องจากชื่อเป็นเครื่องสื่อความคิด แสดง

ลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้นๆ ท าให้คนเรียกขานกันได้อย่างถูกต้องและสื่อความหมายได้ตรงกันระหว่างผู้ส่งสาร
และผู้รับสาร ชื่อจึงเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกก าหนดขึ้นโดยผู้ใช้ภาษาหรือคนในสังคมซึ่งจะเกิดขึ้นตามข้อตกลงของ

สังคม ดังที่ ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย กล่าวถึงความส าคัญของชื่อว่า ชื่อ ไม่ว่าชื่อบุคคล บ้านเรือน สถานที่ วัตถุ

ื่
สิ่งของ ล้วนมีคุณค่าในการบ่งบอกและจ าแนกเอกลักษณ์ของคนนั้นๆหรือสิ่งนั้นให้แตกต่างจากสิ่งอนรวมถึงชื่อ
บุคคล เป็นหลักฐานที่เล่าและยืนยันถึงประวัติความเป็นมาและยังเป็นเครื่องมือง่ายๆที่ช่วยจดจารึกและสืบ

ทอดความเป็นมาเหล่านั้นไปยังยุคสมัยต่อไปเป็นอย่างดี

ซึ่งในปัจจุบันคนไทยนิยมตั้งชื่อตามหลักทักษา โดยเน้นความหมายและภาษาที่ใช้ การเลือกใช้
ตัวอักษรที่เหมาะสมกับวันเดือนปีเกิด และหลีกเลี่ยงอักษรกาลกิณีหรืออักษรที่ไม่เป็นมงคลต่างๆ นอกจากนี้ยัง

นิยมเลือกชื่อที่มีความหมายดีและเป็นมงคลแก่เจ้าของชื่ออีกด้วย และการตั้งชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ได้มีการ

น าค าภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตมาใช้ในการตั้งชื่อด้วยท าให้เกิดความผสมผสานระหว่างค าบาลีและ
สันสกฤตท าให้ค านั้นเกิดเป็นความหมายที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งภาษาบาลีเเละภาษาสันสกฤตนั้นก็จะมีที่มาและ

วิธีการสังเกตุทแตกต่างกัน
ี่
ดังนั้นคณะผู้จัดท าจึงคิดที่จะท าการวิเคราะห์ภาษาบาลีเเละภาษาสันสกฤต และหาความหมายของชื่อ
เพื่อมาคัดเเยกเป็นหมวดหมู่ต่างๆจากชื่อนักเรียนโดยเริ่มจากกลุ่มคนจ านวนน้อย ก็คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 6/1 ซึ่งมีจ านวน33คนและน าจ านวนของหมวดหมุ่ต่างๆที่ได้มาคดเป็นร้อยละ



วัตถุประสงค์ในกำรค้นคว้ำ
1. เพื่อศึกษาโครงสร้างของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6/1

2. เพื่อศึกษาลักษณะการใช้ค าภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตในการตั้งชื่อนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 6/1
3. เพื่อศึกษาความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1


ขอบเขตของกำรศึกษำค้นคว้ำ

คณะผู้จัดท าได้ท าการคิดวิเคราะห์และส ารวจค าภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และความหมายของชื่อ
จากรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 มี

จ านวน 33 คน

2




ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
1. ได้รู้จักโครงสร้างของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

2. ได้รู้จักลักษณะการใช้ค าภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตในการตั้งชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปี

ที่ 6/1
3. ได้รู้จักความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1


นิยำมศัพท์เฉพำะ

1. ภาษาบาลีหมายถึงภาษาตระกูลวิภัตติปัจจัยเป็นภาษาตระกูลเดียวกับภาษาสันสกฤตจึงมี
ลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ข้อสังเกตและตัวอย่างค าภาษาบาลี นิยมใช้ ฬ เช่น กีฬา จุฬา ครุฬ

นาฬิกา วิฬาร์ อาสาฬห เป็นต้น ประสมด้วยสระ อะ อิ อุ แทน ฤ ในภาษาสันสกฤต เช่น

อิทธิ อิสิ เป็นต้น
2. ภาษาสันสกฤต หมายถึง ภาษาตระกูลวิภัตติปัจจัย มีรูปค าสละสลวย ไพเราะ นิยมใช้เป็นค า

ราชาศัพท์ ภาษาในวรรณคดี ชื่อบุคคล และสถานที่ เป็นต้น

3. วิธีการตั้งชื่อ หมายถึงในทางโหราศาสตร์ไทยจะต้องตั้งให้ถูกต้องตรงกับวันเกิด ตั้งชื่อให้
ถูกต้องกับดวงชะตาจะต้องพิจารณาถึงวิถีชีวิตความเป็นไปของเจ้าชะตา

4. ชื่อ หมายถึง ค าที่ตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกคน สัตว์สิ่งของ และสถานที่ ทั้งโดยทั่วไปและโดย

เฉพาะเจาะจง

3


บทที่ 2

เอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง


ในการท าโครงงานภาษาไทยเรื่อง การศึกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของชื่อนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 6/1โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา คณะผู้จัดท าได้รวบรวมข้อมูล และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษา

บาลีภาษาสันสกฤต และความหมาย ในการตั้งรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 และวิธีการหาร้อยละ
ในทางคณิตศาสตร์มาใช้ เพื่อให้ทราบถึงภาษาบาลีเเละภาษาสันสกฤตของชื่อนักเรียนต่อจ านวนทั้งหมดว่ามี

การน ามาใช้ร้อยละเท่าใด ซึ่งมีข้อมูลดังนี้

1. ภาษาบาลี
1.1 ที่มาของภาษาบาลี

1.2 ความหมายของภาษาบาลี

1.3 หน่วยเสียงในภาษาบาลี
2. ภาษาสันสกฤต

2.1 ที่มาของภาษาสันสกฤต

2.2 ความหมายของภาษาสันสกฤต
2.3 วิธีสังเกตค าสันสกฤต

3. ความหมายของการตั้งชื่อ

4. รายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6/1 จากโรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา


1.ภำษำบำลี

1.1 ที่มำของภำษำบำลี

ผู้ที่เข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรมนี้ ส่วนใหญ่เป็นพระภิกษุสามเณรผู้มีศรัทธาที่ได้เข้ามา
บรรพชาอุปสมบทในพระพทธศาสนา บุคคลที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาแล้วมีภารกิจที่ต้องท าสองประการ

คือ ประการแรก ได้แก่ คันถธุระ การศึกษาพระธรรมวินัยซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้ การศึกษาชนิดนี้เน้น

ภาคทฤษฎี และประการที่สอง คือ วิปัสสนาธุระ การเรียนพระกรรมฐานโดยเน้นลงไปที่การปฏิบัติทางกาย
วาจาและใจ

ส าหรับการศึกษาที่เรียกว่า “คันถธุระ” นั้น ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่นั้น

พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนสาวกเป็นประจ าทุกวันด้วยการแสดงพระธรรมเทศนา ค าสั่งสอนที่พระพุทธเจ้าทรง
แสดงนั้น ทรงแสดงด้วยพระโอฐตามที่พระองค์จะทรงโปรดประทานพระสัทธรรมเทศนาแกพุทธบริษัทซึ่งมีเป็น

ประจ าทุกวัน ผู้ที่ฟังก็มีทั้งพระภิกษุสงฆ์และคฤหัสถ์ ส าหรับพระภิกษุสงฆ์นั้น เมื่อได้ฟังพระสัทธรรมเทศนา

ของพระพุทธเจ้าแล้วก็น ามาถ่ายทอดแก่สัทธิวิหาริกและอันเตวาสิกต่อกันไป การศึกษาค าสอนของ
พระพุทธเจ้านี้เรียกว่า คันถธุระ หรือการศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งมี 9 ประการ

4


เรียกว่า “นวังคสัตถุศาสน์” แปลว่า ค าสอนของพระศาสดามีองค์เก้า ซึ่งได้แก่ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ

คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม และเวทัลละ
1.1 ควำมหมำยของภำษำบำลี

ค าว่า “บาลี” ที่ใช้ในภาษาไทย ตรงกับภาษาบาลีค าว่า “ปาลี” (อักษรโรมัน: Pali) “ปาลี"

ส าเร็จรูปมาจากศัพท์ว่า “ปาล” ธาตุ แปลว่า “รักษา” ลง ณี ปัจจัยในนามกิตก์ ปัจจัยที่เนื่องด้วย ณ ให้ลบ ณ
ทิ้งเสีย เมื่อประกอบกันจึงมีรูปเป็น "ปาลี หรือค าไทย เรียกว่า บาลี" หมายถึง ภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์

เอาไว้ ซึ่งมีรูปวิเคราะห์ว่า “พุทฺธวจน ปาเลตีติ ปาลี” แปลว่า “ภาษาใด ย่อมรักษาไว้ ซึ่งพระพุทธพจน์ เหตุนั้น

ภาษานั้นชื่อว่า ปาลี ๆ แปลว่า ภาษาที่รักษาไว้ซึ่งพระพุทธพจน์”
1.3 หน่วยเสียงในภำษำบำลี

- หน่วยเสียงสระ มีด้วยกัน 8 ตัวหรือ 8 หน่วยเสียงได้แก่ อะ อา อิ อี เอ อุ โอ

- หน่วยเสียงพยัญชนะ มีด้วยกัน 33 ตัว หรือ 33 หน่วยเสียง (ในภาษาสันสกฤต มี 34 หน่วย
เสียง) โดยแบ่งเป็นพยัญชนะวรรค 25 ตัว และพยัญชนะอวรรค 8 ตัว

ตารางแสดงหน่วยเสียงในภาษาบาลีตามแหล่งเสียง(วรรค)เขียนด้วยอักษรไทยและอักษร

โรมัน





















(ตารางที่ 1 ตารางแสดงหน่วยเสียงในภาษาบาลี)

5



















(ตารางที่ 2 ตารางแสดงเสียงสระในบาลี)

สรุปโดย ภาษาบาลี หมายถึง เส้น หรือหนังสือ และชื่อของภาษานี้มาจากค าว่า ปาลี เดิมยังเป็นภาษา

ของชนชั้นต ่า ซึ่งจัดเป็นภาษาปรากฤตภาษาหนึ่ง ที่เป็นที่รู้จักกันในภาษาที่ใช้บันทึกคัมภีร์ในพระพุทธศาสนา
นิกายเถรวาท รวมถงพระไตรปิฎก เป็นจ านวนมาก......ภาษาบาลีในพระไตรปิฎกสามารถแบ่งได้4ยุคตาม

ลักษณะที่ใช้ดังนี้

-ยุคคาถามีลักษณะการใช้ค าที่ยังเกี่ยวพันกับภาษาไวทิ
-ยุคร้อยแก้ว เป็นภาษาอินโดอารยันสมัยกลางแตกต่างจากสันสกฤตแบบพระเวท

-ยุคร้อยกรองระยะหลัง

ที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

2. ภำษำสันสกฤต

2.1 ที่มำของภำษำสันสกฤต

ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาในตระกูลอินโด-ยุโรเปียน รูปลักษณะภาษาเป็นภาษา มีวิภัตดิปัจจัย
เช่นเดียวกับภาษาบาลี ชาวอินเดียถือว่าภาษาสันสกฤตเป็นภาษาชั้นสูง คัมภีร์ และบทสวด ต่าง ๆ มักจะจารึก

เป็นภาษาสันสกฤต ภาษาสันสกฤตเข้ามาปะปนอยู่ใน ภาษาไทยเพราะคนไทย เคยยอมรับนับถือศาสนา

พราหมณ์ ซึ่งบันทึกค าสอนด้วย ภาษาสันสกฤตมากอน แม้จะยอมรับนับถือศาสนาพทธเป็นศาสนาประจ าชาติ


แล้วก็ตาม แต่คนไทยก็ยังยึดถือปฏิบัติในพิธีกรรมบางอย่าง ของศาสนาพราหมณ์มาจนถึงปัจจุบันคนไทยจึง
ศึกษาภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตควบคู่กันไป

2.2 ควำมหมำยของภำษำสันสกฤต
ภาษาสันสกฤตแปลว่า “กลั่นกรองแล้ว” ซึ่งเป็นภาษาของชนชั้นพราหมณ์ภาษาสันสกฤต

เป็นภาษาที่รับอิทธิพลมาจากอินเดีย และส่งผลมาถึงอาณาจักรในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาษาสันสกฤต

6


เป็นภาษาเก่าแก่ การใช้ภาษาและลักษณะของภาษาแตกต่างไปตามท้องถิ่นและยุคสมัยหากพิจารณาตาม

ลักษณะทางค าศัพท์และไวยากรณ์ อาจแบ่งเป็น 3 ยุค อย่างคร่าวๆ คือ
1. ภาษาพระเวท (Vedic Sanskrit) น่าจะอยู่ราว 500-1000 ปีก่อนคริสตกาล

เป็นภาษาที่พบได้ในคัมภีร์ฤคเวท สังหิตา, มันตระในพระเวทต่างๆ รูปไวยากรณ์มีความหลากหลาย ตามส านัก

และท้องถิ่น มีลักษณะเด่นคือการเน้นเสียง (accent) ของค า และมาลา (Mood) บางอย่างที่ไม่ปรากฏในยุค
หลัง ภาษาพระเวท ซึ่งเก่าแก่มาก เป็นภาษาที่ใช้ในวรรณคดีพระเวทรุ่นเก่าที่สุด และภาษาแบบแผน คือช่วง

หลังพระเวท สมัยพุทธกาลลงมา ปรากฏในวรรณคดีส่วนใหญ่ที่เรารู้จัก รามายณะและมหาภารตะก็อยู่ในกลุ่ม

หลังนี้ อย่างไรก็ตามยังมีการแบ่งกลุ่มภาษาสันสกฤตผสม หรือสันสกฤตในพุทธศาสนาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งปรากฏ

ในสมัยหลัง ภาษาแต่ละแบบนั้นมีคาศัพท์และไวยากรณ์ในแนวทางเดียวกัน แต่แตกต่างในส่วนปลีกย่อย ต ารา
ภาษาสันสกฤตเบื้องต้นจึงเริ่มที่ภาษาสันสกฤตแบบแผน ซึ่งมีไวยากรณ์ค่อนข้างแน่นอนตายตัว

2. ภาษาสันสกฤตแบบแผน (Classical Sanskrit) อยู่ในช่วงปลายสมัยพระเวทลงมา
ไวยากรณ์มีแบบแผน รัดกุม มีการแต่งไวยากรณ์ภาษาสันสกฤตแบบแผนมากมาย ส่วนหนึ่งก็เพื่อจัดระเบียบ

หรือหารูปแบบที่ชัดเจน คัมภีร์ไวยากรณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด น่าจะเป็นต าราแปดเล่มของปาณินิ

ด้วยความเป็นระบบระเบียบนี้เอง ภาษาสันสกฤตแบบแผนจึงอาจจะศึกษาเรียนรู้ได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจาก
ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกา (พร้อมกับข้อยกเว้น) ท าให้มีการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือสังเคราะห์

ไวยากรณ์อย่างหลากหลาย (การเขียนกฎไวยากรณ์ของภาษายุคอื่นท าได้ยาก และยุ่งยากกว่ามาก)ส านักเรียน

ส่วนใหญ่จึงให้เรียนภาษาสันสกฤตแบบแผน ก่อนจะไปเรียนภาษาสันสกฤตแบบอื่น เอกสาร ต าราไวยากรณ์
และพจนานุกรม ภาษาสันสกฤตส่วนใหญ่จะใช้ภาษาสันสกฤตแบบแผนเป็นหลัก

ภาษาสันสกฤตแบบแผน เกิดขึ้นจากการวางกฎเกณฑ์ของภาษาสันสกฤตให้มีแบบแผนที่แน่นอนในสมัยต่อมา

โดยนักปราชญ์ชื่อปาณินิตามประวัติเล่าว่าเป็นผู้เกิดในตระกูลพราหมณ์แคว้นคันธาระราว 57 ปีก่อนพุทธ
ปรินิพพานบางกระแสว่าเกิดราวพ.ศ.๑๔๓ปาณินิได้ศึกษาภาษาในคัมภีร์พระเวทจนสามารถหาหลักเกณฑ์ของ

ภาษานั้นได้ จึงจัดรวบรวมขึ้นเป็นหมวดหมู่ เรียบเรียงเป็นต าราไวยากรณ์ขึ้น 8 บทให้ชื่อว่าอัษฏาธยายีมีสูตร

เป็นกฎเกณฑ์อธิบายโครงสร้างของค าอย่างชัดเจน นักวิชาการสมัยใหม่มีความเห็นว่า วิธีการศึกษาและอธิบาย
ภาษาของปาณินิเป็นวิธีวรรณนา คือศึกษาและอธิบายตามที่ได้สังเกตเห็นจริง มิได้เรียบเรียงขึ้นตามความเชื่อ

ส่วนตัว มิได้เรียบเรียงขึ้นตามหลักปรัชญา คัมภีร์อัษฏาธยายี จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นต าราไวยากรณ์เล่มแรก

ที่ศึกษาภาษาในแนววิทยาศาสตร์และวิเคราะห์ภาษาได้สมบูรณ์ที่สุด]ความสมบูรณ์ของต าราเล่มนี้ท าให้เกิด
ความเชื่อในหมู่พราหมณ์ว่า ต าราไวยากรณ์สันสกฤตหรือปาณินิรจนานี้ ส าเร็จได้ด้วยอ านาจพระศิวะอย่างไรก็

ตาม นักภาษาศาสตร์เชื่อว่าการวางแบบแผนอย่างเคร่งครัดของปาณินิ ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท าให้ภาษา

สันสกฤตต้องกลายเป็นภาษาตายอย่างรวดเร็วก่อนเวลาอันควร เพราะท าให้สันสกฤตกลายเป็นภาษาที่ถูก
จ ากัดขอบเขต (a fettered language) ด้วยกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ที่เคร่งครัดและสลับซับซ้อน ภาษา

สันสกฤตที่ได้ร้บการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ให้ดีขึ้นโดยปาณินินี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เลากิกภาษา” หมายถึง

ภาษาที่ใช้กับสิ่งที่เป็นไปในทางโลก

7


3. ภาษาสันสกฤตผสม (Buddhist Hybrid Sanskrit หรือ Mixed Sanskrit)พบในราว 4

ศตวรรษก่อนคริสตกาล โดยมากใช้บันทึกคัมภีร์พุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน มีลักษณะโครงสร้างหลักแบบ
เดียวกับภาษาสันสกฤตแบบแผน แต่มีรูปแบบปลีกย่อยเพิ่มเติม มีรูปศัพท์หลายรูปที่คล้ายกับบาลี และ

แตกต่างจากสันสกฤตแบบแผน จนบางครั้งเรียกว่าภาษาสันสกฤตแบบไม่สมบูรณ์ (Broken) เช่น ภิกฺโษสฺ (ของ

ภิกษุรูปหนึ่ง) ในภาษาสันสกฤตแบบแผน (อุ การานต์), แต่ภาษาสันสกฤตผสมอาจใช้ ภิกฺษุสฺย (โดยใช้แนว

เทียบกับอะการานต์) เป็นต้น. ภาษาสันสกฤตผสมจึงไม่มีแบบแผนที่ตายตัว วรรณคดีในพทธศาสนาที่ใช้ภาษา
สันสกฤตแบบแผนก็มี เช่น งานเขียนอัศวโฆษ หรือนาคารชุน

ภาษาสันสกฤตผสม(Buddhist Hybrid Sanskrit or Mixed Sanskrit) เป็นภาษาสันสกฤตที่
นักวิชาการบางกลุ่มได้จัดไว้เป็นพิเศษ เนื่องจากมีความแตกต่างจากภาษาพระเวทและภาษาสันสกฤตแบบแผน

(ตันติสันสกฤต) ภาษาสันสกฤตแบบผสมนี้คือภาษาที่ใช้บันทึกวรรณคดีสันสกฤตทางพระพุทธศาสนาทั้งใน

นิกายสรรวาสติวาทและมหายานภาษาสันสกฤตชนิดนี้คาดว่าเกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๓-๔ นักปราชญ์บาง
ท่านถือว่าเกิดขึ้นร่วมสมัยกับตันติสันสกฤต คือในปลายสมัยพระเวทและต้นของยุคตันติสันสกฤต โดยปรากฏ

อยู่โดยส่วนมากในวรรณกรรมของพระพุทธศาสนามหายาน อาทิ พระสูตรเช่นลลิตวิสฺตรลงฺกาวตาร

สูตฺรปฺรชฺญาปารมิตา สทฺธรฺมปุณฺฑรีกสูตฺรและศาสตร์อันเป็นค าอธิบายหลักพทธปรัชญาและตรรกวิทยาเช่น มธฺ

ยมิกการิกา อภิธรฺมโกศ มหาปฺรชฺญาปารมิตาศาสฺตฺรมธฺยานฺตานุคมศาสฺตฺร เป็นต้น

2.3 วิธีสังเกตค ำสันสกฤต

1. พยัญชนะสันกฤต มี 35 ตัว คือ พยัญชนะบาลี 33ตัว + 2 ตัว คือ ศ, ษ ฉะนั้นจึงสังเกต
จากตัว ศ, ษ มัก จะเป็นภาษาสันสกฤต เช่น กษัตริย์ ศึกษา เกษียร พฤกษ์ ศีรษะ เป็นต้น

ยกเว้นค าไทยบางค าที่ใช้เขียนด้วย พยัญชนะทั้ง 2 ตัวนี้ เช่น ศอก ศึก ศอ เศร้า ศก ดาษ กระดาษ

ฝรั่งเศส ฝีดาษ ฯลฯ
2. ไม่มีหลักการสะกดแน่นอน ภาษาสันสกฤต ตัวสะกดตัวตามจะอยู่ข้ามวรรคกันได้ ไม่

ก าหนดตายตัว เช่น อัปสร เกษตร ปรัชญา อักษร เป็นต้น

3. สังเกตจากสระ สระในภาษาบาลี มี 8 ตัว คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ส่วน
สันสกฤต คือ สระภาษาบาลี 8 ตัว + เพิ่มอีก 6 ตัว คือ สระ ฤ ฤา ภ ภา ไอ เอา ถ้ามีสระเหล่านี้อยู่และ

สะกดไม่ตรงตามมาตราจะเป็นภาษาสันสกฤต เช่น ตฤณมัย ไอศวรรย์ เสาร์ ไปรษณีย์ ฤาษี คฤหาสน์ เป็นต้น

4.สังเกตจากพยัญชนะควบกล ้า ภาษาสันสกฤตมักจะมีค าควบกล ้าข้างท้าย เช่น จักร อัคร
บุตร สตรี ศาสตร์ อาทิตย์ จันทร์ เป็นต้น

5.สังเกตจากค าที่มีค าว่า “เคราะห์” มักจะเป็นภาษาสันสกฤต เช่น เคราะห์ พิเคราะห์

สังเคราะห์ อนุเคราะห์ เป็นต้น
6. สังเกตจากค าที่มี “ฑ” อยู่ เช่น จุฑา กรีฑา ครุฑ มณเทียร จัณฑาล เป็นต้น

7.สังเกตจากค าที่มี “รร” อยู่ เช่น สรรค์ ธรรม์ วรรณ บรรพต ภรรยา บรรณารักษ์

มรรยาท กรรม ทรรศนะ สรรพ เป็นต้น

8


ตารางพยัญชนะวรรคพยัญชนะในภาษาสันสกฤต มี 35 ตัวดังนี้

ฐำนที่เกิด แถวที่1 แถวที่2 แถวที่3 แถวที่4 แถวที่5
วรรค กะ (เกิดที่คอ) ก ข ค ฆ ง

วรรค จะ (เกิดที่เพดำน) จ ฉ ช ฌ ญ

วรรค ฎะ (เกิดที่ปมเหงือก) ฎ ฐ ฑ ฒ ณ
ุ่
วรรค ตะ (เกิดที่ฟัน) ต ถ ท ธ น
วรรค ปะ (เกกิดที่ริมฝีปำก) ป ผ พ ภ ม

เศษวรรค 10 ตัว คือ ย ร ล ว ศ ษ ส ห ฬ


(ตารางที่ 3 ตารางพยัญชนะวรรค)


สรุปได้ว่า สันสกฤต หมายถึง"ภาษาที่กลั่นกรองแล้ว"ซึ่งเป็นภาษาของพราหมณ์ภาษา
ี่
สันสกฤตเป็นภาษาทได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียแล้วส่งผลมาจะราชอาณาจักรในประเทศเอเชียตะวันออกเชียง
ใต้เป็นภาษาที่เก่าแก่ที่สุดภาษาหนึ่งโดยมีวิวัฒนาการไม่เราใกล้เคียงกับภาษาละตินและภาษาอังกฤษโดยทั่วไป

ถือว่าเป็นภาษาที่ตายแล้ว
การใช้ภาษา ลักษณะของภาษาไปฟังไปตามท้องถิ่นและยุคสมัยพิจารณาตามลักษณะทางค าศัพท์และ

ไวยากรณ์อาจแบ่งได้ 3 ยุค

1. ภาษาพระเวท มีลักษณะเด่นคือการเน้นเสียงของค า แบะมาลา
2. สันสกฤตแบบแผน ไวยากรณ์มีแบบแผน รัดกุม รูปแบบชัดเจน

3. ภาษาสันสกฤตแบบผสม มีรูปศัพท์คล้ายบาลีแลพแตกต่างจากสันสกฤตแบบแผน

ที่มา : ครูวิกานดา นทศรีแก้ว

3. ควำมหมำยของกำรตั้งชื่อ

ในการตั้งชื่อของให้มีความหมายส่วนใหญ่คนไทยมักตั้งชื่อตามโหราศาสตร์ไทย โดยในการตั้งชื่อใน

สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและมีรูปแบบที่หลากหลายซึ่งในแต่ละรูปแบบก็มีหลักยึด
ปฏิบัติที่แตกต่างกันตามถิ่นฐานที่อยู่และการด าาเนินชีวิตตลอดจนความเชื่อปฏิบัติสืบต่อกันมาโดยทั้งหมดต่าง

ต้องการให้เกิดความเป็นสิริมงคงแก่ชีวิตเป็นที่นิยมยกย่องและความเจริญรุ่งเรืองกับชีวิตของเจ้าของชื่อเป็น

หลักถึงแม้ว่าศาสตร์แห่งการตั้งชื่อจะได้รับการศึกษาและสั่งสอนสืบทอดกันมาแต่โบราณหากแต่ไม่มีการก าา
หนดชื่อเรียกอย่างเป็นมาตรฐานบ้างเรียก “ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ” บ้างก็เรียก “วิชานามลักษณ์” บ้างก็เรียก

“นามศาสตร์” แล้วแต่ผู้ศึกษาและได้รับการประสิทธิประสาทวิทยาในที่นี้ผู้เขียนขอเรียกว่า “ศาสตร์แห่งการ

ตั้งชื่อ” บทความพิเศษที่ท่านผู้อ่านก าาลังอ่านอยู่ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงการตั้งชื่อจากทักษะซึ่งหมายถึงอัฏฐ
เคราะห์หรือพระเคราะห์ทั้ง 8 ได้แก่พระอาทิตย์พระจันทร์พระอังคารพระพุธพระเสาร์พระพฤหัสบดีพระราหู

และพระศุกร์ที่นับว่าเป็นสิริมงคล

9


มีอยู่8 อย่างด้วยกันคือ

1. บริวารหมายถึงบุตรสามีภรรยาข้าทาสบริวารชายหญิงคนในบ้านผู้ที่อยู่ในอุปการะผู้ใต้บังคับบัญชา

รวมไปถึงเพื่อนและมตรสหายของตน
2. อายุหมายถึงอายุความเป็นอยู่การด าาเนินชีวิตที่ต้องการเพื่อให้มีอายุยืนยาวหรือมีอายุมั่นขวัญยืน



หากน าาอกษรที่มีทกษาอายุมาตั้งเชื่อกันว่ามีอายุยืนยาว 124 125
3. เดชหมายถึงอ าานาจวาสนาบารมีเกียรติยศและชื่อเสียงต าาแหน่งหน้าที่การงานอานุภาพอิทธิพล
ที่ท าาให้คนเคารพย าาเกรงมีความสามารถในการควบคุมบังคับบัญชาคนเหล่านี้

4. ศรีหมายถึงสิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตหลักทรัพย์โชคลาภเสน่ห์ที่ท าาให้คนรักใคร่เมตตาและศรัทธา
ในตัวเรา

5. มูละหมายถึงทุนทรัพย์หรือมรดกราคาและคุณค่าที่จะเพมพูนให้กับตนเองในปัจจุบันและภายภาค
ิ่
หน้า
6. อุตสาหะหมายถึงความขยันหมั่นเพียรการประกอบกิจการค้าหรือการเกษตรกรรมอุตสาหกรรมให้

เกิดผลส าาเร็จจากความมีมานะอุตสาหะและความพยายามของตนเอง 7. มนตรีหมายถึงความเป็นใหญ่หรือ

ประสบความส าาเร็จที่ได้รับความอุปถัมภ์ค ้าาชูได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ได้รับการส่งเสริมใน
การด าาเนินชีวิตและหน้าที่การงาน 8. กาลกิณีหมายถึงโชคร้ายอัปมงคลความเป็นเสนียดศัตรูคู่แข่งอุปสรรคใน

การด าาเนินชีวิต

ที่มา : คุณสหไทยไชยพันธุ์
4.รำยชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6/1 จำกโรงเรียนทีปรำษฎร์พิทยำ


ล ำดับที่ ชื่อ

1
นาย ถิรพล กาบปิน๊ะ
2 นาย ธนพล เขาบาท

3 นาย รณกร พันชั่ง
4 นาย ภูริภัทร วัชรสินธุ
5 นางสาว กนกพร ชูนวลศรี

6 นางสาว จรรยพร แสงสว่าง

7 นางสาว จิดาภา ขวัญเมือง

10


ล ำดับที่ ชื่อ
8 นางสาว ชนานันท์ ณ นคร

9 นางสาว ณัฐธิดา พงษ์พานิช
10 นางสาว ธัญรัตน์ วงศ์ทองดี


11 นางสาว ธิติมา ทองรอด
12 นางสาว นนทรียฺ ค าวันสา
13 นางสาว เนตรชนก ทองเมือง

14 นางสาว ประภัสสร สมสนอง
15 นางสาว พิชชาภา บุญศรี
16 นางสาว รัตนาวดี ทองเหลือ


17 นางสาว รุ่งนภา สิวายะวิโรจน์
18 นางสาว ศิลารัตน์ รามคล้าย

19 นางสาว ศศิวิมล สุติราช
20 นางสาว ศุภนุช ศรีสงคราม
21 นางสาว ศุภิสรา แพกุล

22 นางสาว สุคนธา เสทิน

23 นางสาว อริสรา หวลคนึงคิด

24 นางสาว กัณฐิการ์ เกตุสุวรรณ์
25 นางสาว ธัญญามาศ จินดามาณี
26 นาวสาว ปริศนา โปศรี

27 นางสาว พรพัฒน์ สัตถาภรณ์
28 นางสาว พรไพลิน แข่งขัน


29 นางสาว ภัทรดา สมเชื้อ
30 นางสาว ลักษมณ เลิศศิลา
31 นางสาว กุลปริยา ศรีเมือง

32 นางสาว ชัชชญาภัควลัญด์ ดิษฐราชา
33 นางสาว รวิสา เจริญชัย



(ตารางที่ 4 ตารางรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6/1)


ที่มา : ห้องวิชาการ ณ โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

11



บทที่ 3
วิธีด ำเนินกำรวิจัย


การศึกษาเรื่อง การศึกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาโครงสร้างของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1และศึกษา
ลักษณะการใช้ค าภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตในการตั้งรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 และ

ความหมายของชื่อ โดยมีขั้นตอนการด าเนินการวิจัยดังนี้

1. เลือกหัวข้อศึกษาค้นคว้าที่ทางกลุ่มสนใจ
2. ศึกษาเอกสาร ต ารา ที่เกี่ยวข้องกับภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต

3. วางแผนขอบเขตของข้อมูลและขอบเขตของหัวข้อที่ศึกษา

4. รวบรวมข้อมุล ราชชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา แล้วบันทึก
ตามหมวดหมู่ที่ได้จัดไว้

5. ด าเนินการวิฌคราะห์ข้อมูลตามหัวข้อที่ศึกษาค้นคว้า

6. สรุปและอภิบายผลข้อมูลการศึกษาค้นคว้า

7. จัดท ารูปเล่มรายงานการศกษาค้นคว้า
8. น าเสนอผลการศึกษาค้นคว้า


แหล่งข้อมูล
แหล่งข้อมูลที่ใชในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ กลวิธีการสังเกตุค าภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต และชื่อ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 และความหมายของชื่อตามหมวดต่างๆซึ้งมีจ านวน 33 คน จากโรงเรียนทีป

ราษฎร์พิทยา ซึ่งมีรายชื่อดังนี้


ล ำดับที่ ชื่อ


1 นาย ถิรพล กาบปิน๊ะ
2 นาย ธนพล เขาบาท
3 นาย รณกร พันชั่ง

4 นาย ภูริภัทร วัชรสินธุ

5 นางสาว กนกพร ชูนวลศรี

6 นางสาว จรรยพร แสงสว่าง

7 นางสาว จิดาภา ขวัญเมือง

12




ล ำดับที่ ชื่อ
8 นางสาว ชนานันท์ ณ นคร


9 นางสาว ณัฐธิดา พงษพานิช
10 นางสาว ธัญรัตน์ วงศ์ทองดี
11 นางสาว ธิติมา ทองรอด

12 นางสาว นนทรียฺ ค าวันสา

13 นางสาว เนตรชนก ทองเมือง
14 นางสาว ประภัสสร สมสนอง

15 นางสาว พิชชาภา บุญศรี

16 นางสาว รัตนาวดี ทองเหลือ
17 นางสาว รุ่งนภา สิวายะวิโรจน์

18 นางสาว ศิลารัตน์ รามคล้าย

19 นางสาว ศศิวิมล สุติราช
20 นางสาว ศุภนุช ศรีสงคราม

21 นางสาว ศุภิสรา แพกุล

22 นางสาว สุคนธา เสทิน
23 นางสาว อริสรา หวลคนึงคิด

24 นางสาว กัณฐิการ์ เกตุสุวรรณ์

25 นางสาว ธัญญามาศ จินดามาณี
26 นาวสาว ปริศนา โปศรี

27 นางสาว พรพัฒน์ สัตถาภรณ์

28 นางสาว พรไพลิน แข่งขัน

29 นางสาว ภัทรดา สมเชื้อ

30 นางสาว ลักษมณ เลิศศิลา
31 นางสาว กุลปริยา ศรีเมือง
32 นางสาว ชัชชญาภัควลัญด์ ดิษฐราชา


33 นางสาว รวิสา เจริญชัย

(ตารางที่ 5 ตารางรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1)

13


เกณฑ์ในกำรวิเครำะห ์


เกณฑ์การวิเคราะห์การน าเสนอเรื่อง เรื่อง กลวิธีการตั้งชื่อของนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6 โรงเรียน
ทีปราษฎร์พิทยา ได้แบ่งออกเป็น 4 เกณฑ์ ดังนี้

1. เกณฑ์การวิเคราะห์ค าภาษาบาลี จากชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6/1

2. เกณฑ์การวิเคราะห์ค าภาษาสันสกฤต จากชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
3. เกณฑ์การวิเคราะห์ค าที่ไม่ใช่ภาษาสันสกฤต จากชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

4. เกณฑ์การวิเคราะห์ความหมายของชื่อ จากชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1


กำรเก็บรวบรวมข้อมูล
ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คณะผู้จัดท าได้รวบรวมข้อมูลที่ใช้การวิเคราะห์จากรายชื่อนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 6/1โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา และเว็บไซต์ต่างๆบนอินเทอร์เน็ต

ซึ่งมีขั้นตอนการด าเนินการดังต่อไปนี้
1. รวบรวมรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

2. ศึกษาค าภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต จากเว็บไซต์ต่างๆบนอินเทอร์เน็ต

3. วิเคราะห์ค าภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตจากรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

3.1 วิเคราะห์ค าภาษาบาลี มีจ านวณกี่ค า

3.2 วิเคราะห์ค าภาษาสันสกฤต มีจ านวณกี่ค า
3.3 วิเคราะห์ค าที่ไม่ใช่ภาษาบาลี หรือสันสกฤต มีจ านวนกี่ค า

4. วิเคราะห์ความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

4.1 วิเคราะห์ความหมายของชื่อ จากรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียน
ทีปราษฎร์พิทยาและแยกเป็นหมวดต่างๆ


ระยะเวลำในกำรด ำเนินกำร

ในการศึกษาเรื่อง การศึกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6/1

โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

มีระยะเวลาในการด าเนินการซึ่งแบ่งได้ ดังนี้

14




ล ำดับที่ ขั้นตอนกำรศึกษำ ช่วงเวลำ ผู้รับผิดชอบ

รวบรวมข้อมูลเอกสารและ คณะผู้จัดท า
1 วันที่ 10-15 เดือนธันวาคม พ.ศ.2563
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง


รวบรวมรายชื่อของนักเรียน คณะผู้จัดท า
2 วันที่ 16-18 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2563
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

วิเคราะห์ข้อมูล คณะผู้จัดท า
3 วันที่ 25-30 เดือนธันวาคม พ.ศ.2563


สรุปและอภิปรายผลข้อมูล คณะผู้จัดท า
4 วันที่ 10-15 เดือนมกราคม พ.ศ.2564

ตรวจทานและแก้ไขข้อมูลจัดท า คณะผู้จัดท า
5 วันที่ 18-20 เดือนมกราคม พ.ศ.2564
รูปเล่มรายงานศึกษาค้นคว้า
น าเสนอผลการศึกษาค้นคว้า คณะผู้จัดท า
6 วันที่ 26 เดือนมกราคม พ.ศ.2564


ส่งรายงานการศึกษาค้นคว้าฉบับ วันที่ 26-29 เดือนมกราคม พ.ศ.2564 คณะผู้จัดท า
7
สมบูรณ์

(ตารางที่ 6 ระยะเวลาในการด าเนินการ)

15


บทที่ 4

กำรวิเครำะห์ข้อมูล


การศึกษาค้นคว้าเรื่อง การศกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พทยา คณะผู้จัดท าได้แบ่งการวิเคราะห์ขอมูลออกเป็น 3 ประเด็น


ตามวัตถุประสงค์ในการศกษาค้นคว้า ได้แก่ เพอศึกษาโครงสร้างของชื่อ เพื่อศึกษาลักษณะการใช้ค าภาษาบาลี
ื่

และภาษาสันสกฤตในการตั้งชื่อ และเพื่อศึกษาความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 ซึ่งมี
รายละเอียดการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้


1. โครงสร้ำงของชอนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท 6/1
ื่
ี่
การวิเคราะห์โครงสร้างของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 นี้ คณะผู้จัดท าได้ใช้เกณฑ์
การวิเคราะห์ของการแยกค าและที่มาของค า ซึ่งวิเคราะห์มาจากค าในภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต ดัง9

ตาราง


กำรแยกค ำที่ 1 กำรแยกค ำที่ 2

ล ำดับ ชื่อ มำจำก ภำษำบำลี ควำมหมำย มำจำก ภำษำบำลี ควำมหมำย

ที่ ค ำว่ำ หรือสันสกฤต ค ำว่ำ หรือสันสกฤต

1 ถิรพล ถิระ ภาษาบาลี มั่นคง,แข็งแรง พล ภาษาบาลี ก าลัง

2 ธนพล ธนะ ภาษาบาลี ทรัพย์สิน พล ภาษาบาลี ก าลัง

3 รณกร รณณะ ภาษาบาลี รบ,สงคราม กร ภาษาบาลี ผู้ท า

4 ภูริภัทร ภูริ ภาษาบาลี ปัญญาฉลาด ภัทระ ภาษาสันสกฤต ดี,เจริญ,ประเสริฐ

5 กนกพร กนก ภาษาบาลี ทองค า วร ภาษาบาลี ประเสริฐ

6 จรรยพร จรรยา ภาษาสันสกฤต ความประพฤติ วร ภาษาบาลี ประเสริฐ


7 จิดาภา จิดา ไม่ใช่ภาษาบาลี ไม่มความหมาย ภา ภาษาบาลี แสงสว่าง, รัศมี

หรือสันสกฤต

8 ชนานันท์ ชนนะ ภาษาบาลี ผู้คน นันทะ ภาษาบาลี ความยินดี

9 ณัฐธิดา ณัฏฐ์ ภาษาบาลี นักปราชญ์ ธีตา ภาษาบาลี ลูกสาว

10 ธัญรัตน์ ธัญ ภาษาบาลี รุ่งเรือง,มีโชค รัตน์ ภาษาบาลี แก้วอันประเสริฐ

11 ธิติมา ธิติมา ภาษาบาลี ผู้มีปัญญา

16


กำรแยกค ำที่ 1 กำรแยกค ำที่ 2

ล ำดับ ชื่อ มำจำก ภำษำบำลี ควำมหมำย มำจำก ภำษำบำลี ควำมหมำย
ที่ ค ำว่ำ หรือสันสกฤต ค ำว่ำ หรือสันสกฤต


12 นนทรีย์ นนทรี ไม่ใช่ภาษาบาลี ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งใบเล็กๆดอกสีเหลือง
หรือสันสกฤต

13 เนตรชนก เนตร ภาษาสันสกฤต ดวงตา,ผู้น าทาง ชนก ภาษาบาลี พ่อ

14 ประภัสสร ประภัสสร ภาษาบาลี มีแสงพราว ๆ เหมือนแสงพระอาทิตย์แรกขึ้น


15 พิชชาภา พิชญ์ ภาษาสันสกฤต คนมีความรู้สูง ชาภา ไม่ใช่ภาษาบาลี ไม่มความหมาย

หรือสันสกฤต

16 รัตนาวดี รัตนา ภาษาสันสกฤต แก้ว วดี ภาษาบาลี เพศหญิง

17 รุ่งนภา รุ่ง ไม่ใช่ภาษาบาลี สว่าง นภา ภาษาบาลี ฟ้า

หรือสันสกฤต

18 ศิลารัตน์ ศิลา ภาษาสันสกฤต หิน รัตน์ ภาษาบาลี แก้วอันประเสริฐ

19 ศศิวิมล ศศิ ภาษาสันสกฤต ดวงจันทร์ วิมล ภาษาบาลี บริสุทธิ์,กระจ่าง
,งาม

20 ศุภนุช ศุภะ ภาษาสันสกฤต ความดีงาม อนุช ภาษาบาลี น้องสาว

21 ศุภิสรา ศุภะ ภาษาสันสกฤต ความดีงาม อิสระ ภาษาบาลี เป็นใหญ่

22 สุคนธา สุคนธ์ ภาษาบาลี กลิ่นหอม

23 อริสรา อะริ ภาษาบาลี ศัตรู,ผู้ที่ไม่ถูกกัน อิสระ ภาษาบาลี เป็นใหญ่


24 กัณฐิการ์ กัณฐี ไม่ใช่ภาษาบาลี เครื่องประดับคอ การ์ ไม่ใช่ภาษาบาลี เป็นค าประกอบ
หรือสันสกฤต หรือสันสกฤต ท้าย

25 ธัญญา ธัญ ภาษาบาลี รุ่งเรือง,มีโชค มาศ ไม่ใช่ภาษาบาลี ทอง

มาศ หรือสันสกฤต

26 ปริศนา ปริศนา ภาษาสันสกฤต สิ่งหรือถ้อยค าที่เป็นเงื่อนง า

27 พรพัฒน์ วร ภาษาบาลี ประเสริฐ พัฒนะ ภาษาบาลี ความเจริญ

28 พรไพลิน วร ภาษาบาลี ประเสริฐ ไพลิน ไม่ใช่ภาษาบาลี พลอย
หรือสันสกฤต

17


กำรแยกค ำที่ 1 กำรแยกค ำที่ 2

ล ำดับ ชื่อ มำจำก ภำษำบำลี ควำมหมำย มำจำก ภำษำบำลี ควำมหมำย
ที่ ค ำว่ำ หรือสันสกฤต ค ำว่ำ หรือสันสกฤต


29 ภัทรดา ภัทระ ภาษาสันสกฤต ดี,เจริญ,ประเสริฐ ดา ไม่ใช่ภาษาบาลี เป็นค า
หรือสันสกฤต ประกอบท้าย

30 ลักษมณ ลักษณะ ภาษาสันสกฤต สมบัติเฉพาะตัว มณ ไม่ใช่ภาษาบาลี เป็นค า

หรือสันสกฤต ประกอบท้าย

31 กุลปริยา กุละ ภาษาบาลี ตระกูล,สกุล ปรียา ภาษาสันสกฤต ที่รัก

32 ชัชชญา ชัชชญา ไม่ใช่ภาษาบาลี รู้รวดเร็ว,รอบรู้ ภัควลัญชญ์ ไม่ใช่ภาษาบาลี ลักษณะผู้มีโชค
ภัควลัญด์ หรือสันสกฤต หรือสันสกฤต

33 รวิสรา รวิ ภาษาบาลี พระอาทิตย์ อิสระ ภาษาบาลี เป็นใหญ่


(ตารางที่ 7 โครงสร้างชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1)


จากการวิเคราะห์พบว่า โครงสร้างของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 สามารถแบ่งได้ดังนี้
1. ส่วนใหญ่เป็นค าที่มาจากตัวสระกด ได้แก่ค าว่า พล พล กร กนก วร วร ณัฏฐ์ รัตน์ เนตร

ชนก ประภัสสร พิชญ์ รุ่ง รัตน์ วิมล อนุช สุคนธ์ ธัญ การ์ มาศ วร วร ไพลิน มณ ภัควลัญชญ์

2. เป็นค าที่มาจากสระ อะ ได้แกค าว่า ถิระ ธนะ รณณะ ชนนะ ภัทระ นันทะ ศุภะ ศุภะ

อิสระ อิสระ ภัทระ พัฒนะ ลักษณะ กุละ อิสระ

3. เป็นค าที่มาจากสระ อา ได้แก่ค าว่า จรรยา จิดา ภา ธีตา ธิติมา ชาภา รัตนา นภา ศิลา

ปริศนา ดา ชัชชญา
4. ส่วนน้อยเป็นค าที่มาจากสระอิ สระอี ได้แก่ค าว่า ภูริ นนทรี วดี ศศิ อะริ กัญฐี รวิ


2. ลักษณะกำรใช้ค ำภำษำบำลี และภำษำสันสกฤตในกำรตั้งชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6/1

การวิเคราะห์ลักษณะการใช้ค าภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตในการตั้งชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
6/1 นี้ คณะผู้จัดท าได้ใช้เกณฑ์การวิเคราะห์ของภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตจากค าที่มีตัวสะกด

สระอะ อา อิ อี ฤ ฤา ฦ ฦๅ ไอ เอา ค าควบกล ้าและอักษรน า ค าที่มี ศ ษ ตามตารางที่ 7 โครงสร้างชื่อ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จากรายชื่อในการแยกค าที่ 1 มีจ านวน 33 ค า และในการแยกค าที่ 2 มี
จ านวน 28 ค า รวม 61 ค า

จากการวิเคราะห์พบว่า ค าที่ใช้ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และไม่ใช่ค าภาษาบาลีหรือภาษาสันสกฤต

ในการตั้งชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 นี้ สามารถแบ่งได้ดังนี้

18


1. ค าภาษาบาลี ได้แก่ค าว่า ถิระ ธนะ รณณะ ภูริ กนก ชนนะ ณัฏฐ์ ธัญ ธิติมา ประภัสสร

สุคนธ์ อะริ ธัญ วร วร กุละ รวิ พล พล กร วร วร ภา นันทะ ธีตา รัตน์ ชนก วดี นภา รัตน์ วิมล อนุช อิสระ
อิสระ พัฒนะ อิสระ

2. ค าภาษาสันสกฤต ได้แก่ค าว่า ภัทระ จรรยา เนตร พิชญ์ รัตนา ศิลา ศศิ ศุภะ ศุภะ

ปริศนา ภัทระ ลักษณะ ปรียา
3. ไม่ใช่ค าภาษาบาลี หรือสันสกฤษ ได้แก่ค าว่า จิดา นนทรี ชาภา รุ่ง กัณฐี การ์ มาศ ไพลิน

ดา มณ ชัชชญา ภัควลัญชญ์


ื่
3. ควำมหมำยของชอนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6/1
การวิเคราะห์ความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6/1 นี้ คณะผู้จัดท าได้ใช้เกณฑ์การ

วิเคราะห์ของการแยกค าที่มาจากภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต และน าไปหาความหมายของชื่อ ดังตาราง


ล ำดับที่ ชื่อ ควำมหมำย
1 ถิรพล มีก าลังมั่นคง


2 ธนพล ผู้ที่มีทรัพย์อันประเสริฐ

3 รณกร นักรบ

4 ภูริภัทร ปัญญาอันประเสริฐ
5 กนกพร ทองประเสริฐ
6 จรรยพร มีความประพฤติดี ประเสริฐ


7 จิดาภา รัศมีอันสะสมไว้แล้ว,รุ่งเรืองมาก
8 ชนานันท์ ยินดีในหมู่คน


9 ณัฐธิดา ธิดาของนักปราชญ์

10 ธัญรัตน์ แก้วอันประเสริฐ
11 ธิติมา ผู้มีปัญญา

12 นนทรี ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งใบเล็กๆ ดอกเหลือง
13 เนตรชนก ดวงตาของพอ


14 ประภัสสร มีแสงพราว ๆ เหมือนแสงพระอาทิตย์แรกขึ้น

15 พิชชาภา มีความรู้รุ่งเรืองด้วยความรู้


16 รัตนาวดี นางแก้ว
17 รุ่งนภา ท้องฟ้ายามเช้า
18 ศิลารัตน์ แก้วหินอันประเสริฐ

19


ล ำดับที่ ชื่อ ควำมหมำย

19 ศศิวิมล จันทร์กระจ่าง,บริสุทธิ์เพียงจันทร์

20 ศุภนุช หญิงสาวผู้ดีงาม
21 ศุภิสรา ผู้ดีงามและยิ่งใหญ่

22 สุคนธา ผู้มีกลิ่นหอม

23 อริสรา เจ้าแห่งศัตรู เป็นใหญ่เหนือศัตรู

24 กัณฐิการ์ สร้อยคอ

25 ธัญญามาศ โชคลาภยิ่งทองค า
26 ปริศนา ค าถาม

27 พรพัฒน์ ความเจริญอันประเสริฐ

28 พรไพลิน พลอยไพลินอันประเสริฐ

29 ภัทรดา ความเจริญรุ่งเรือง
30 ลักษมณ ผู้ที่มีลักษณะดี

31 กุลปรียา หญิงที่เป็นที่รักของครอบครัว

32 ชัชชญาภัควลัญด์ ผู้ที่มีความรู้และได้ความรู้อย่างรวดเร็ว
33 รวิสรา เป็นใหญ่ดุจพระอาทิตย์

(ตารางที่ 8 ความหมายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1)


จากการวิเคราะห์พบว่า ความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

สามารถแบ่งหมวดหมู่ได้ดังนี้


1. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับธรรมชาติ ได้แก่ นนทรีย์ ประภัสสร รุ่งนภา ศศิวิมล รวิสรา

2. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน เงินทอง ได้แก่ ธนพล กนกพร ธัญรัตน์ รัตนาวดี ศิลารัตน์

กัณฐิการ์ ธัญญามาศ พรไพลิน

3. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับลักษณะคน ได้แก่ ถิรพล รณกร จรรยพร ชนานันท์ ณัฐธิดา เนตร

ชนก ศุภนุช ศุภิสรา สุคนธา อริสรา ลักษมณ กุลปรียา

4. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับผู้ที่มีความรู้ ความเจริญรุ่งเรือง ได้แก่ ภูริภัทร จิดาภา ธิติมา พิชชา

ภา พรพัฒน์ ภัทรดา ชัชชญาภัควลัญด์

5. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับอื่นๆ ได้แก่ ปริศนา

20



บทที่ 5

สรุป อภิปรำย และข้อเสนอแนะ


การศึกษาค้นคว้าเรื่อง เรื่อง การศึกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พทยา มีวัตถุประสงค์ในการศกษาค้นคว้า เพื่อศึกษาโครงสร้างของชื่อ เพื่อศึกษา

ื่
ลักษณะการใช้ค าภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตในการตั้งชื่อ และเพอศึกษาความหมายของชื่อนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โดยแหล่งข้อมูลหรือกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ รายชื่อนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา ซึ่งได้ก าหนดวิธีการศึกษา ตามขั้นตอนดังนี้ คือ การวิเคราะห์

โครงสร้างของชื่อ การวิเคราหะห์ค าภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พทยา

กำรสรุปผลข้อมูล

คณะผู้จัดท าได้สรุปผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์ในการศึกษาค้นคว้า ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ผลการศึกษาการวิเคราะห์โครงสร้างของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์

พิทยา คณะผู้จัดท า พบว่า สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่ม ได้แก่

1. ส่วนใหญ่เป็นค าที่มาจากตัวสระกด มีจ านวน 25 ค า
2. เป็นค าที่มาจากสระ อะ มีจ านวน 15 ค า

3. เป็นค าที่มาจากสระ อา มีจ านวน 12 ค า

4. ส่วนน้อยเป็นค าที่มาจากสระอิ สระอี มีจ านวน 7 ค า
2. ผลการศึกษาการวิเคราะห์ค าภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต จากรายชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา คณะผู้จัดท า พบว่า มีค าที่มาจากภาษาบาลีจ านวน 36 ค า มีค าที่มาจากภาษา

สันสกฤตจ านวน 13 ค า และค าที่ไม่ใช่ค าภาษาบาลี หรือสันสกฤษ มีจ านวน 12 ค า
3. ผลการศึกษาการวิเคราะห์ความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์

พิทยา คณะผู้จัดท า พบว่า สามารถแบ่งหมวดหมู่ได้ 5 หมวดหมู่ ได้แก่

1. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับธรรมชาติ มีจ านวน 5 ชื่อ
2. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน เงินทอง มีจ านวน 8 ชื่อ

3. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับลักษณะคน มีจ านวน 12 ชื่อ

4. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับผู้ที่มีความรู้ ความเจริญรุ่งเรือง มีจ านวน 7 ชื่อ
5. หมวดหมู่ชื่อที่เกี่ยวกับอื่นๆ มีจ านวน 1 ชื่อ

21




อภิปรำยผล
ในการศึกษาค้นคว้าเรื่อง การศึกษากลวิธีการตั้งชื่อและความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่


6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พทยา ท าให้คณะผู้จัดท าได้ทราบถึงโครงสร้างของชื่อ ลักษณะค าภาษาบลี ภาษา

สันสกฤต และความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6/1
โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคณะผู้จัดท าที่วางไว้ ได้แก่

1. ได้รู้จักโครงสร้างของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

2. ได้รู้จักลักษณะการใช้ค าภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตในการตั้งชื่อนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

3. ได้รู้จักความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1

ซึ่งท าให้คณะผู้จัดท าได้รู้จักโครงสร้างของการตั้งชื่อ ลักษณะ และความหมายของการใช้ค าภาษาบาลี
และภาษาสันสกฤตในการตั้งชื่อว่าเป็นอย่างไร และได้น าความรู้ที่ได้จากเรื่องที่ศกษาไปประยุกต์ใช้กับการ

เรียนการสอนภาษาไทย และน ามาใช้เป็นองค์ความรู้ในชีวิตประจ าวันได้สืบต่อไป


ข้อเสนอแนะในกำรศึกษำค้นคว้ำครั้งต่อไป
1. ควรศึกษาโครงสร้างการแยกค าของภาษาอื่นๆเพิ่มเติม


2. ควรศึกษาคาภาษาอื่นๆเพิ่มเติมที่ไม่ใช่ค าภาษาบาลื และภาษาสันสกฤต เช่น ค าภาษาเขมร ค าลหุ
ครุ ค าไทยแท้
3. ควรศึกษาความหมายของชื่อนักเรียนชั้นมัธยมศกษาปีที่ 6 ห้องอื่นๆเพิ่มเติม


22




บรรณำนุกรม



วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี./(2563).//ภำษำบำลี./สืบค้นเมื่อ 13 ธันวาคม 2563./



จาก/https://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาบาลี


ครูวิกานดา นทศรีแก้ว./().//ภำษำสันสกฤต./สืบค้นเมื่อ 13 ธันวาคม 2563./


จาก/https://sites.google.com/site/pzinziiwikanda/2-phasa-sanskvt-1


คุณสหไทย ไชยพันธุ์./(2537).//ควำมหมำยของกำรตั้งชื่อ./สืบค้นเมื่อ 13 ธันวาคม 2563./



จาก/https://www.myhora.com/


Click to View FlipBook Version