์
โครงงานวิทยาศาสตร
การเปรียบเทียบประสิทธิทธิภาพ
การละลายนําของบาธบอม
ู้
ํ
คณะผจัดทา
นางสาว จรรยพร แสงสว่าง เลขท 6
ี
นางสาว จิดาภา ขวัญเมือง เลขท 7
ี
นางสาว ณฐธิดา พงษพานช เลขท 9
ั
ี
ิ
์
นางสาว เนตรชนก ทองเมือง เลขท 13
ี
นางสาว ศภนช ศรีสงคราม เลขท 20 Bomb
ุ
ี
ุ
Bath
ม.6/1
ู
ครผสอน
ู้
คุณคร นพวรรณ แกวโกสุม
้
ู
รายงานโครงงานฉบับนี เป นส่วนหนึง
ของรายวิชาเคมี (ว30226)
ภาคเรียนท 2 ป การศกษา 2563
ี
ึ
โรงเรียนทปราษฎร์พิทยา
ี
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
การเปรียบเทียบประสิทธิทธิภาพการละลายน้ำของบาธบอม
คณะผู้จัดทำ
นางสาว จรรยพร แสงสว่าง เลขที่ 6 ม.6/1
นางสาว จิดาภา ขวัญเมือง เลขที่ 7 ม.6/1
นางสาว ณัฐธิดา พงษ์พานิช เลขที่ 9 ม.6/1
นางสาว เนตรชนก ทองเมือง เลขที่ 13 ม.6/1
นางสาว ศุภนุช ศรีสงคราม เลขที่ 20 ม.6/1
ครผู้สอน
ู
ู
คุณคร นพวรรณ แก้วโกสุม
รายงานโครงงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา (ว 30226) เคมี
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563
โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ก
ชื่อโครงงาน : การเปรียบเทียบประสิทธิทธิภาพการละลายน้ำของบาธบอม
ผู้จัดทำ : นางสาว จรรยพร แสงสว่าง
นางสาว จิดาภา ขวัญเมือง
นางสาว ณัฐธิดา พงษ์พานิช
นางสาว เนตรชนก ทองเมือง
นางสาว ศุภนุช ศรีสงคราม
ครูที่ปรึกษา : นางสาว นพวรรณ แก้วโกสุม
ปีการศึกษา : 2563
บทคัดย่อ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปรียบเทียบประสิทธิทธิภาพการละลายน้ำของบาธบอม
มีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้าเพื่อผลิตบาธบอมโดยการใช้ครีมออฟทาร์ทาร์แทนผงกรดซิตริก,
เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการละลายของบาธบอมที่มีส่วนผสมจากกรดซิตริกและบาธบอมที่มีส่วนผสม
จากครีมออฟทาร์ทาร์ และ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการละลายของบาธบอมในน้ำที่อุณหภูมิแตกต่างกัน
ผลการทดลองพบว่า บาธบอมสูตรที่มีส่วนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์ละลายไดดีกว่าบาธบอมทมีสวนผสมของ
่
้
ี่
้
ี
กรดซิตริกและ บาธบอมสูตรทมีส่วนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์ละลายไดดในน้ำที่มีอุณหภูมิ 40°C มากกว่าใน
ี่
น้ำทมีอุณหภูมิ 30°C
ี่
ข
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานเคมี เรื่อง การเปรียบเทียบประสิทธิภาพการละลายน้ำของบาธบอมเป็นโครงงานที่จัดทำขึ้น
เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการละลายน้ำของบาธบอมที่มีส่วนผสมต่างกันระหว่างกรดซิตริกกับครีมออฟ
ทาร์ทาร์ และเปรียบเทียบประสิทธิภาพการละลายน้ำในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
การจัดทำโครงงานนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาจากอาจารย์นพวรรณ แก้วโกสุม อาจารย์ทปรึกษา
ี่
โครงงานที่ได้ให้คำแนะนำ แนวคิด รวมถึงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆให้ถูกต้องตามหลักการมาตลอด จนโครงงาน
ู้
เล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ คณะผจัดจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ขอกราบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่และผู้ปกครองที่ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆและเป็นกำลังใจที่ดีเสมอมา
ั
ี่
ุ
สุดท้ายนี้ขอขอบคณเพื่อนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยาทุกคนทให้กำลงใจมาโดย
ตลอด
ั
คณะผู้จดทำ
ค
สารบัญ
เรื่อง หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
สารบัญตาราง จ
สารบัญภาพ ฉ
บทที่ 1 บทนำ 1
ที่มาและความสำคัญ 1
วัตถุประสงค ์ 1
สมมติฐาน 1
ขอบเขตการศึกษา 2
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง 2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
นิยามศัพท์เฉพาะ 2
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3
โซเดียมไบคาร์บอเนต 3
แป้งข้าวโพด 4
กรดซิตริก/กรดมะนาว 5
น้ำมันหอมระเหย 8
น้ำมันมะพร้าว 10
โพแทสเซียมไบทาร์เทรต 11
ดีเกลือ 12
บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน 14
ระเบียบวิธีการที่ใช้ในการศึกษา 14
อุปกรณ์และเครื่องมือ 14
วัสดุและสารเคมี 14
วิธีการทดลอง 15
บทที่ 4 ผลการทดลอง 16
ตารางสรุปผลการทดลอง ตอนที่ 1 16
ตารางสรุปผลการทดลอง ตอนที่ 2 16
ง
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 17
การสรุปผลการทดลอง 17
อภิปรายผล 17
ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าครั้งต่อไป 18
บรรณานุกรม 19
ภาคผนวก 22
จ
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
่
ตารางที่ 1 เวลาในการละลายของบาธบอมแตละสูตร 16
ตารางที่ 2 เวลาในการละลายของบาธบอมในอุณหภูมิที่ต่างกัน 16
ฉ
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
ภาพที่ 1 โซเดียมไบคาร์บอเนต 4
ภาพที่ 2 แป้งข้าวโพด 5
ภาพที่ 3 กรดซิตริก/กรดมะนาว 6
ภาพที่ 4 น้ำมันหอมระเหย 9
ภาพที่ 5 น้ำมันมะพร้าว 10
ภาพท 6 ครีมออฟทาร์ทาร์ 11
ี่
ภาพที่ 7 ดีเกลือ 12
ภาพที่ 8 โครงสร้างทางเคมีของผงกรดซิตริก 17
ภาพที่ 9 โครงสร้างทางเคมีของครีมออฟทาร์ทาร์ 17
ู
ภาคผนวก ภาพที่ 1 ส่วนผสมของบาธบอมที่เข้ากันและหมาดเหมือนทรายเปียก (สตรครีมออฟทาร์ทาร์) 23
ี่
ี่
ู
ภาคผนวก ภาพท 2 ส่วนผสมของบาธบอมทเข้ากันและหมาดเหมือนทรายเปียก (สตรกรดซิตริก) 23
ภาคผนวก ภาพที่ 3 บาธบอมทั้งหมด 6 ลูก 24
ี่
ภาคผนวก ภาพที่ 4 บาธบอมสูตรทใช้ผงกรดซิตริก 24
ภาคผนวก ภาพที่ 5 วัดอุณหภูมิของน้ำก่อนเริ่มทำการทดลอง 25
ภาคผนวก ภาพที่ 6 ทดลองนำบาธบอมสตรที่ผสมกรดซิตริกไปละลายน้ำ 25
ู
ู
ภาคผนวก ภาพที่ 7 ทดลองนำบาธบอมสตรที่ผสมครีมออฟทาร์ทาร์ไปละลายน้ำ 26
ั
ภาคผนวก ภาพที่ 8 นำบาธบอมไปละลายพร้อมกับทำการคนไปเรื่อยๆ และจบเวลา 26
1
บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
ุ่
่
ุ
ี่
ในปัจจบันปัญหามลภาวะทเราพบเจอมีมากมาย เชน ปัญหาฝนละอองก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับ
ิ
่
ผวหนัง เกิดสว และอาจสงผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดนหายใจ เปนตน การออกจากบ้านในแตละ
ิ
ิ
่
้
็
ี่
ครั้งทำให้เราเจอมลภาวะทกลาวมาข้างตน การอาบน้ำเพื่อชำระลางร่างกายจึงเปนเรื่องทสำคัญสำหรับทุกคน
้
้
ี่
็
่
้
นอกจากปัญหามลภาวะแล้วการใชชีวิตประจำวันของเราก็ก่อให้เกิดความกังวล ความเครียดสะสม การอาบน้ำ
่
่
ี
ี
แช่น้ำอุ่นๆจึงชวยให้เราผอนคลายจากการใชชวิตทั้งวันได้ดขึ้น การอาบน้ำให้สะอาดนั้นตองใช้สบู่ ครีมอาบน้ำ
้
้
่
ิ
ี่
ิ
ุ
ี่
ี่
หรืออย่างทเราเห็นในปัจจบันทมีผลตภัณฑ์อย่างบาธบอมทถูกผลตออกมาเพื่อชวยให้การอาบน้ำของเรา
่
มีความผอนคลาย ชวยให้เราสามารถชำระร่างกายไดอย่างสะอาดมากยิ่งขึ้นและสวนผสมในบาธบอมยังชวย
่
่
้
่
้
ิ
ื
้
่
่
บำรุงผวของเราให้นุ่มชมชนมากยิ่งขึ้นไดดวยจดเดนของบาธบอมนั้นคอ เมื่อนำไปแชในอ่างน้ำแล้วจะแตกตว
ุ
ื้
ั
ุ่
ิ่
ั
ี
กลายเป็นฟองฟู่คลายยาลดกรดในกระเพาะ มีกลนหอม สสนสดใส ชวยบำรุงผวและชวยชำระร่างกายให้
่
้
่
ิ
สะอาดมากยิ่งขึ้น
ึ
ู้
คณะผจดทำจงตองการทจะผลตบาธบอมขึ้นมาแตในการผลตบาธบอมนั้นตองใชผงกรดซิตริกท ี่
้
้
ิ
ี่
ิ
ั
่
้
สามารถหาซื้อไดยาก จงไดปรับเปลี่ยนมาใชครีมออฟทาร์ทาร์เพื่อเปรียบเทียบว่าหากเราเปลยนไปใช้สวนผสม
้
้
้
่
ี่
ึ
ี
ี่
่
ทสามารถหาซื้อไดง่ายกว่านั้นเพื่อนำมาทำบาธบอมมีประสทธิภาพเทยบเทากับบาธบอมทมีสวนผสมของผง
่
ี่
ิ
้
ี่
ี
้
ี
้
ึ
ิ
กรดซิตริกหรือไม่ เมื่อนำไปเปรียบเทยบและไดบาธบอมทมีประสทธิภาพดกว่าแลวจงจะนำบาธบอมนั้นไป
ทดสอบการละลายในน้ำที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันว่า น้ำที่อุณหภูมิที่เท่าไหร่สามารถละลายบาธบอมได้ดีที่สุด
วัตถุประสงค์
1. เพื่อผลิตบาธบอมโดยการใช้ครีมออฟทาร์ทาร์แทนผงกรดซิตริก
่
2. เพื่อเปรียบเทยบประสิทธิภาพการละลายของบาธบอมทมีสวนผสมจากผงกรดซิตริกและบาธบอม
ี่
ี
ที่มีส่วนผสมจากครีมออฟทาร์ทาร์
3. เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการละลายของบาธบอมในน้ำที่อุณหภูมิแตกต่างกัน
สมมติฐาน
ตอนที่ 1 บาธบอมที่มีส่วนผสมของผงกรดซิตริกสามารถละลายน้ำได้ดีกว่า
ตอนที่ 2 บาธบอมละลายได้ดีที่สุดในน้ำที่มีอุณหภูมิ 40°C
ขอบเขตการศึกษา
ู้
้
ั
ึ
ี่
ี่
้
คณะผจดทำไดศกษาและคนคว้าข้อมูลทใชในโครงงานครั้งนี้ คอ บาธบอมทมีสวนผสมของผงกรด
้
่
ื
2
่
ี่
ิ
ี
ซิตริกและบาธบอมทมีสวนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์เพื่อนำมาเปรียบเทยบประสทธิภาพการละลายว่า
ี
ึ
ู
้
ี่
บาธบอมสตรไหนสามารถละลายไดดกว่ากันจากนั้นจงนำบาธบอมทมีประสทธิภาพในการละลายดกว่า
ี
ิ
ไปทดสอบว่าสามารถละลายในน้ำอุณหภูมิใดได้ดีที่สุด
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ตอนที่ 1 เปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างบาธบอมที่มีส่วนผสมของกรดซิตริกกับบาธบอมที่มี
ส่วนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์
ตัวแปรต้น : ผงกรดซิตริก ครีมออฟทาร์ทาร์
ตัวแปรตาม : การละลายของบาธบอม
ตัวแปรควบคุม : ปริมาณของส่วนผสมทุกอย่าง, ขนาดของบาธบอม, ปริมาณของน้ำ
ที่ใชละลาย, อ่างน้ำที่เดียวกัน, ผู้ทำการทดลอง
้
ตอนที่ 2 อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการละลายของบาธบอม
ตัวแปรต้น : อุณหภูมิน้ำ
ตัวแปรตาม : เวลาที่ใชในการละลายของบาธบอม
้
ตัวแปรควบคุม : ปริมาณของส่วนผสมทุกอย่าง, ขนาดของบาธบอม, ปริมาณของน้ำ
้
ที่ใชละลาย, อ่างน้ำที่เดียวกัน, ผู้ทำการทดลอง
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้สร้างบาธบอมที่มีส่วนผสมจากผงกรดซิตริกและบาธบอมที่มีส่วนผสมจากครีมออฟทาร์ทาร์
ี
่
ิ
ี่
2. ได้เปรียบเทยบประสทธิภาพของบาธบอมทมีสวนผสมจากผงกรดซิตริกและบาธบอมทมีสวนผสม
ี่
่
จากครีมออฟทาร์ทาร์
3. ได้ทดสอบประสิทธิภาพการละลายของบาธบอมในน้ำที่อุณหภูมิแตกต่างกัน
นิยามศัพท์เฉพาะ
่
่
่
ื
ี่
้
1. บาธบอม คอ สวนผสมทอัดแน่นของสวนผสมเปียกและแห้งทปั้นเป็นรูปทรงตางๆแลวทำให้แห้ง
ี่
หย่อนลงไปในอ่างน้ำแช่อยู่ในนั้นจนมีการกระจายตัวของส่วนผสม เช่น น้ำมันหอมระเหย , ครีมบำรุงผิว
ิ
้
2. ผงกรดซิตริก คอ จดเป็นกรดอินทรีย์ทมีรสเปรี้ยว สามารถผลตไดจากน้ำผลไม้หรือการหมักแป้ง
ั
ี่
ื
้
และน้ำตาล นิยมใชประโยชน์ในดานอาหาร ยา เครื่องสำอาง และการเกษตร รวมถึงอุตสาหกรรมบางชนิด
้
3. ครีมออฟทาร์ทาร์ คือ เป็นเกลือกรดโพแทสเซียมของกรดทาร์ทาริก ลักษณะเป็นของแข็งสขาวหรือ
ี
ผลึกไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย
4. ประสทธิภาพการละลายของบาธบอม วัดโดยจบเวลาทใชในการละลาย หากใชเวลาน้อยแปลว่า
ิ
้
ี่
้
ั
มีประสิทธิภาพในการละลายด ี
3
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ั
ในการจดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปรียบเทียบประสิทธิทธิภาพการละลายน้ำของบาธบอม
ผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. โซเดียมไบคาร์บอเนต
1.1 ประโยชน์ของโซเดียมไบคาร์บอเนต
2. แป้งข้าวโพด
2.1 ประโยชน์ของแป้งข้าวโพด
3. กรดซิตริก/กรดมะนาว
3.1 คุณสมบัตทางกายภาพ และ เคมี
ิ
3.2 แหล่งของกรดซิตริก
ิ
3.3 การผลตกรดซิตริก
3.4 ความเป็นพิษของกรดซิตริก
3.5 ประโยชน์ของกรดซิตริก
4. น้ำมันหอมระเหย
4.1 ลักษณะของน้ำมันหอมระเหย
4.2 วิธีการผลิต
5. น้ำมันมะพร้าว
5.1 ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
6. โพแทสเซียมไบทาร์เทรต
6.1 ลักษณะของโพแทสเซียมไบทาร์เทรต
7. ดีเกลือ
7.1 ประโยชน์ของดีเกลือ
1. โซเดียมไบคาร์บอเนต
ี
ี
ื่
โซเดยมไบคาร์บอเนต (อังกฤษ: sodium bicarbonate; ชอตาม IUPAC: โซเดยมไฮโดรเจนคาร์บอเนต) หรือ
โซดาทำขนม (baking soda) มีลกษณะเป็นผลกสขาวทละลายน้ำไดด มีความเป็นดาง เมื่อทำปฏิกิริยา
ี
ี่
้
ั
่
ี
ึ
กับส่วนผสมทเป็นกรดในสวนผสมของเหลวก็จะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO ) จนทำให้เกิดฟองก๊าซ
ี่
่
2
เป็นสิ่งที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ โดยนำมาประยุกต์ใช้ในหลายธุรกิจ
4
ภาพที่ 1 โซเดียมไบคาร์บอเนต
( ที่มา : http://tuinuisirinthip.blogspot.com/2017/04/blog-post.html )
1.1 ประโยชน์ของโซเดียมไบคาร์บอเนต
1.1.1 ใช้บรรเทาอาการผิวไหม้แดด
ั
1.1.2 ช่วยผลดเซลลผิวทำให้ผิวเนียน สดใส
์
1.1.3 ช่วยทำให้ขนมปังฟู
1.1.4 ใช้เป็นส่วนผสมในสารทำความสะอาด
1.1.5 ใช้ปรับความเป็นกรดด่างของบ่อน้ำ
1.1.6 ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงชนิดเคมีแห้ง
2. แป้งข้าวโพด
้
แป้งข้าวโพด (อังกฤษ: corn starch, cornflour หรือ maize starch) แป้งข้าวโพดไดจาก
็
้
เอนโดสเปร์มในเมล็ด แปงทได้จากการโม่เมลดข้าวโพดแบบแหง เรียกว่า คอร์นมีล (cornmeal) เมื่อร่อนแยก
้
ี่
ิ
ี
ุ
ี่
ู
ขนาดและแยกเอ็มบริโอออก เรียกว่า คอร์นฟลาวร์ (corn flour) มีโปรตน และแร่ธาตสง เหมาะทจะใช ้
้
้
่
ี่
ประกอบอาหาร คอร์นสตาร์ช (cornstarch) ไดจากการโม่เปียก โดยตองแชเมลดข้าวโพดในน้ำทมีสวนผสม
่
็
ื
ของกำมะถันเผา ทอุณหภูมิ 50 °C เป็นเวลา 36-50 ชวโมง เพื่อให้เปลอกนุ่ม แลวนำเมลดไปบดหยาบเพื่อ
ี่
็
ั่
้
้
ู
ี
้
่
่
ื
้
็
แยกเปลอกชั้นนอกออก แลวผานไปยังถังแชน้ำเพื่อแยกเอ็มบริโอออก จะไดแปงและโปรตนกลเตน (gluten)
้
เป็นเม็ดขนาดเล็ก จากนั้นนำไปผ่านเครื่องเหวี่ยง จะได้แปงในรูปสารแขวนลอยเข้มข้นที่มีโปรตีนกลูเต็นปนอยู่
้
้
เลกน้อย เมื่อนำสารแขวนลอยมาปั่นแยกอีกครั้งดวยเครื่องเหวี่ยงแรงสง ลางแป้ง แลวทำให้แห้งจะไดคอร์น
็
้
้
ู
สตาร์ช
5
ภาพที่ 2 แป้งข้าวโพด
( ที่มา : https://women.mthai.com/beauty/beautytipandtrick/220521.html )
ิ
่
้
้
้
คอร์นสตาร์ชชวยทำให้อาหารข้น (thickener) ใชในอุตสาหกรรมการผลตเบียร์ ซอส ใชเป็นแป้งรีดผาและ
ิ
ใชในอุตสาหกรรมการทอผา และผลตเดกซ์ตริน คอร์นไซรัป (corn syrup) เป็นฟรักโทสไซรัป (fructose
้
้
็
็
ี่
ี่
้
้
syrup) ไดจากการเปลยนคอร์นสตาร์ชเป็นน้ำตาลฟรักโทสดวยกรดและเอนไซม์ เปนน้ำตาลทมีความหวาน
ั
มากกว่าน้ำตาลจากอ้อย ไม่ให้พลงงาน และมีราคาแพง ใช้ผสมในอาหารพวกเนยถั่ว ซอสมะเขอเทศ น้ำอัดลม
ื
ิ
ั
น้ำผลไม้ และเครื่องดมตางๆ นอกจากผลตจากคอร์นสตาร์ชแล้ว ฟรักโทสไซรัปอาจผลิตจากแป้งมันสำปะหลง
ื่
่
ได้เช่นกัน
2.1 ประโยชน์ของแป้งข้าวโพด
2.1.1 ใช้ในการเพิ่มความข้นของซอสหรือซุป
2.1.2 ใช้ขัดเงาเครื่องเงินได ้
2.1.3 ใช้ทำความสะอาดหน้าต่าง
2.1.4 ใช้ทำความสะอาดพรม
2.1.5 ขจัดคราบมันบนหนัง โซฟา รองเท้าบู๊ธ เสื้อโค้ช และของอื่น ๆ ที่ทำจากหนังได ้
2.1.6 อัดแข็งผ้าหรือเสื้อ ที่ต้องการความเรียบเนี้ยบเป็นพิเศษ
3. กรดซิตริก/กรดมะนาว
้
ิ
ั
กรดซิตริก หรือ กรดมะนาว (Citric acid) จดเป็นกรดอินทรีย์ทมีรสเปรี้ยว สามารถผลตไดจากน้ำ
ี่
ผลไม้หรือการหมักแป้ง และน้ำตาล นิยมใชประโยชน์ในดานอาหาร ยา เครื่องสำอาง และการเกษตร รวมถึง
้
้
อุตสาหกรรมบางชนิด
6
ภาพที่ 3 กรดซิตริก/กรดมะนาว
( ที่มา : https://htgetrid.com/th/limonnaya-kislota-dlya-volos-polza-i-primeneniya/ )
3.1 คุณสมบัติทางกายภาพ และ เคม ี
3.1.1 สถานะ ผงสีขาวใส ไม่มีกลิ่น มีรสเปรี้ยว และมีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว
3.1.2 ชื่อทางเคมี 2-ไฮดรอกซี่-1,2,3-โพรเพนไตรคาร์บอกซิลิก แอซิด
(2-hydroxy-1,2,3-propanetricarboxylic acid)
3.1.3 สูตรโมเลกุล C H O
6 8 7
3.1.4 รูปผลึกที่พบในปัจจุบัน Monohydrate (C H O . H O)
2
6 8 7
3.1.5 ธาตุประกอบ C 37.51%, H 4.20% และ O 58.29%
3.1.6 น้ำหนักโมเลกุล 192.12 กรัม/โมล
3.1.7 ความหนาแน่นที่ 20 ºC : 1.665 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
3.1.8 จุดหลอมเหลว : 153 °C
3.1.9 การละลายน้ำ ที่ 0 ºC : 54.0% (w/w)
ที่ 20 ºC : 59.2% (w/w) หรือ 133 กรัม/100 มิลลลิตร
ิ
ที่ 30 ºC : 73.5% (w/w)
3.2 แหล่งของกรดซิตริก
3.2.1 ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาว มะขาม สับปะรด และส้ม เป็นต้น
3.2.2 ในกิจกรรมการย่อยของจุลินทรีย์บางชนิด
3.2.3 ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งใช้เป็นตัวกลางในกระบวนการ Kreb’s cycle
7
3.3 การผลิตกรดซิตริก
ั้
้
ี่
ในระยะแรก การผลตกรดซิตริกทำโดยการคนมะนาวโดยตรง ซึ่งจะไดน้ำมะนาวทมีความ
ิ
้
้
เข้มขนของกรดซิตริก ประมาณ 7-9% ปัจจุบัน การผลิตกรดซิตริก นิยมใชกระบวนการหมักน้ำตาล
่
่
ั
้
ุ
ู
กลโคสกับจลินทรีย์ ผานกระบวนการไกลโคไลซีส (Glycolysis Pathway) ดงแผนภูมิดานลาง จนได ้
ุ
็
สารออกซาโลอะซิเตท (Oxaloacetate) ก่อนสะสม และเปลี่ยนเปนกรดซิตริก โดยจลินทรีย์ที่นิยมใช ้
ได้แก่ เชื้อรา Aspergillus niger , ยีสต์ Candida Lypolitica
3.4 ความเป็นพิษของกรดซิตริก
่
้
กรดชตริก เป็นกรดอินทรีย์มนุษย์สามารถรับประทานหรือใชเป็นสวนผสมของอาหารได
ิ
้
้
ู
ื
ื่
่
ี
แตหากรับประทานมากเกินไปหรือมีความเขมข้นสงจะทำให้เกิดอาการข้างเคยง คอ เกิดการคลนไส ้
้
ี
้
อาเจยน และทองอืด เนื่องจาก เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร และลำไสมาก รวมถึงความเป็นกรดอาจ
้
ิ
้
ทำให้เกิดอาการทองร่วงไดง่าย การหายใจเอาไอของกรดซิตริกเข้าไปจะทำให้ระบบทางเดนหายใจ
ั
ระคายเคอง มีอาการแสบคอ คนคอ และไอตามมา สำหรับความเป็นพิษเรื้อรังจากการรับประทาน
ื
กรดซิตริกต่อเนื่องจะทำให้ฟันสึกกร่อน เพราะกรดจะเข้าทำลายสารเคลือบฟัน
3.5 ประโยชน์กรดซิตริก
3.5.1 ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร
็
่
ี่
3.5.1.1 ชวยเพิ่มรสเปรี้ยวของอาหารและชวยป้องกันการเปลยนเปนสน้ำตาลของ
่
ี
ี
ี่
ั
้
ี
ผกหรือผลไม้แปรรูป เนื่องจาก สามารถยับยั้งการเกิดสน้ำตาลไดด โดยทำหน้าทเป็น
สารคเลท (chelating agent) เข้าจบกับทองแดงทเป็นองคประกอบของเอนไซม์ PPO
์
ี่
ั
ี
้
(Polyphenols oxydase) ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ชวยให้เอนไซม์ทำงานไดชาลง
่
้
ิ
รวมถึงช่วยปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่าง ช่วยให้แอนโธไซยานินในผลตภัณฑ์คงสภาพได้นาน
รวมถึงช่วยป้องกัน และชะลอการเกิดกระบวนการ auto-oxidation ของกรดแอสคอร์บิคได ้
ิ
ั้
้
ี่
้
ดวย ทงนี้ อาหารทมีการเตมกรดซิตริก ไดแก่ แยม เยลล อาหารกระป๋อง อาหารดอง และ
ี่
เครื่องดื่ม เป็นต้น
3.5.1.2 ใช้ผสมในอาหารประเภทเนื้อเพื่อปรับปรุงรสสัมผัสให้เกิดความนุ่มมากขึ้น
3.5.2 อุตสาหกรรมยา
ยาบางชนิดจำเป็นต้องใช้กรดซิตริกเป็นส่วนผสมเพื่อควบคุมความเป็นกรด-ด่าง หรือ
ี
ั
ั
ั
่
ั
ใช้เป็นตวทำละลาย ชวยให้ยามีการแตกตว และกระจายตวได้ดขึ้น และใช้ป้องกันการจับตว
เป็นก้อนของยา นอกจากนี้ ยังใช้ผสมในยาบางชนิดเพื่อให้เกิดฟองฟู่ และช่วยเพิ่มรสให้ทาน
ง่าย โดยอาจใช้ร่วมกับคาร์บอเนต
8
3.5.3 อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
ในอุตสาหกรรมการผลตเครื่องสำอาง กรดซิตริกจะถูกใช้เพื่อป้องกันการออกซิไดซ์
ิ
็
ปรับความเป็นกรด-ด่าง หรือเปนบัฟเฟอร์ (Buffer) ในเครื่องสำอาง เช่น ใช้เปนส่วนผสมของ
็
ิ
้
ี
น้ำยาเซทผม ครีมบำรุงผม และครีมทาผว ทำหน้าทชวยให้สวนผสมผสานกันไดด และทำให้
่
ี่
่
เกิดความแวววาว
3.5.4 อุตสาหกรรมอื่นๆ
3.5.4.1 กรดซิตริกในรูปของโซเดยมซิเตรทถูกใช้ในอุตสาหกรรมการผลตผงซักฟอก
ิ
ี
เพื่อใช้แทนสารฟอสเฟต
3.5.4.2 กรดซิตริกถูกใช้เป็นสารบัฟเฟอร์ในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพ
่
็
้
3.5.4.3 กรดซิตริกถูกใชเปนสวนผสมของสารทำความสะอาด น้ำยาเตมหม้อต้มน้ำ
ิ
้
้
ี
้
(Boiler) รวมถึงใชทำความสะอาดโลหะ ลางสนิม ลางหมึกพิมพ์ น้ำและส รวมถึง
นำไปใช้ในการบำบัดน้ำเสีย
3.5.5 ด้านการเกษตร
่
ื
3.5.5.1 ใช้เป็นสวนผสมของปุ๋ยน้ำหรือฮอร์โมนพืช ทำหน้าที่ละลายไขที่เคลอบผิวใบ
ช่วยให้สารถูกดูดซึมผ่านใบมากขึ้น
ี
3.5.5.2 ใช้เป็นสวนผสมของน้ำหมักชวภาพสำหรับการฉีดพ่น เพื่อยับยั้งการเตบโต
ิ
่
ของเชื้อราหรือเชื้อจุลินทรีย์ในพืช
4. น้ำมันหอมระเหย
น้ำมันหอมระเหย (อังกฤษ: essential oil) เป็นน้ำมันทสกัดได้มาจากพืชเช่น สวนดอก ใบ ผล ลำตน
ี่
้
่
้
้
มาใชในการบำบัดตามศาสตร์สุคนธบำบัด (Aromatherapy) ซึ่งหมายถึง การบำบัดรักษา โดยการใชกลิ่นหอม
ของสารหอมในพืช
ั่
ั่
โดยทวไปน้ำมันหอมระเหยจะถูกสกัดไดหลายรูปแบบ เชน การกลน (Distillation) การสกัดโดยใช ้
้
่
ั
ไขมัน (Enfleurage) การสกัดดวยตวทำละลาย (Solvent extraction) การบีบอัด (Expression)
้
ั่
้
์
้
การใชคาร์บอนไดออกไซดเหลวภายใตความดนสง (Supercritical fluid extraction) ซึ่งการกลนหลาย
ู
ั
ประเภทนี้ ถูกนำมาใชในอุตสาหกรรมน้ำหอม เครื่องสำอาง สบู่ ธูปและผลตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความหอม
้
ิ
และบางครั้งทำให้คนผ่อนคลายได้ด้วย
9
ภาพที่ 4 น้ำมันหอมระเหย
( ที่มา:https://www.aiofresh.com/335/?=มาทำความรู้จัก-น้ำมันหอมระเหย-คืออะไร-มีสรรพคุณอย่างไร
บ้าง/ )
4.1 ลักษณะของน้ำมันหอมระเหย
ี
ั
้
ิ่
น้ำมันหอมระเหย มีลกษณะเป็นน้ำมันของเหลวสใส ซึ่งมีกลนหอม ซึ่งสามารถระเหยไดท ี่
อุณหภูมิห้อง สามารถสกัดจากพืชหอมซึ่งพืชเหล่านี้จะมีต่อมหรือท่อที่เก็บสะสมน้ำมันหอมระเหยไว้
4.2 วิธีการผลิต
การกลั่น
่
ุ
ปัจจบัน น้ำมันหอมระเหยสวนใหญ่ เชน ลาเวนเดอร์ เปปเปอร์มินต น้ำมันตนชา
์
้
่
ั่
่
ิ
้
ื
และ ยูคาลปตส มาจากการกลน โดยใสวัตถุดบพืช ซึ่งประกอบดวยดอก ใบ ไม้ เปลอกไม้
ิ
ั
้
่
ั่
ื
็
ราก เมลดหรือเปลอกใสถ้วยกลนเหนือน้ำ เมื่อน้ำร้อนแลว ไอน้ำจะผานวัตถุดิบพืช เกิดเป็น
่
ั
่
็
ไอสารประกอบระเหยง่าย ไอไหลผานขด ทซึ่งจะควบแน่นกลบเปนของเหลว แล้วมีการเก็บ
ี่
รวบรวมในภาชนะบรรจ ุ
รูปแบบการกลั่น มี 3 วิธีย่อย
ี่
1. การกลั่นโดยใช้ไอน้ำ (steam distillation) โดยการนำพืชทตองการน้ำมันหอมระเหย
้
ั่
วางไว้ในหม้อกลนทดานลางมีน้ำ จากนั้นตมน้ำ ไอทเกิดขึ้นจะวิ่งผานพืชทวางไว้ดานบน
ี่
้
้
้
ี่
่
ี่
่
่
่
ทำให้น้ำมันหอมระเหยในพืช ระเหยออกมารวมกับไอน้ำ จากนั้นให้ไอน้ำวิ่งผานทอ จนถึง
ั
ั่
เครื่องควบแน่น (condenser) เพื่อทำให้เย็นลง แลวกลนตวลงมา ตกลงในภาชนะกักเก็บ
้
จะได้ส่วนน้ำมันหอมระเหยที่แยกชั้นกับน้ำ
10
2. การกลั่นโดยใช้พืชแช่ในน้ำ (Water or Hydro-Distillation) โดย การนำพืชแชในน้ำ
่
ั่
แล้วต้มน้ำจนเดอด เซล์พืชจะแตกออก และน้ำมันหอมระเหยจะแยกลอยตัวขึ้นมา พืชที่กลน
ื
ี
ี่
็
่
้
วิธีนี้จะตองเปนพืชททนความร้อนสงไดด แตควรระวังในการกลน เพราะเนื่องจากสวนของ
ั่
ู
่
้
พืชโดนความร้อนโดยตรง อาจทำให้เกิดการไหม้ได้ กลิ่นไหม้ปนไปกับน้ำมันหอมระเหย และ
มีสารที่ไม่ต้องการปะปนไปด้วย
ั
้
้
3. การกลั่นดวยไอน้ำภายใตแรงดนสูง (Vacuum Steam Distillation) วิธีนี้
้
ั่
่
ู
จะเหมือนกับ การกลนดวยไอน้ำ แตจะกลนภายใตแรงดนสง เพื่อลดจดเดอดของน้ำและ
ื
ุ
ั่
้
ั
ี่
ู
้
น้ำมันหอมระเหย ทำให้ไดน้ำมันทไม่โดนทำลายดวยอุณหภูมิสง และน้ำมันหอมระเหยนี้
้
ยังมีประสิทธิภาพ คุณภาพดีกว่า การกลั่นแบบ 2 วิธีแรกอีกด้วย
5. น้ำมันมะพร้าว
้
น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) คอ น้ำมันทไดจากการสกัดแยกน้ำมันจากเนื้อผลของมะพร้าว
ี่
ื
ื
ั
ั
์
(Cocos nucifera L.) โดยองคประกอบหลกของน้ำมันมะพร้าวคอกรดไขมันอิ่มตว (เกิน 90% ของปริมาณ
ั้
่
กรดไขมันทงหมด) ซึ่งกรดไขมันเหลานี้จะมีขนาดโมเลกุลปานกลาง (Medium chain fatty acid) อย่างเชน
่
้
กรดลอริก (Lauric acid) เมื่อรับประทานเข้าไปแลวจะถูกเผาผลาญไดด จงถูกสะสมในเนื้อเยอไขมันไดน้อย
ื่
ี
้
้
ึ
กว่ากรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลยาว
ภาพที่ 5 น้ำมันมะพร้าว
( ที่มา : https://www.sanook.com/health/12573/ )
5.1 ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
5.1.1 น้ำมันมะพร้าวใช้ทาผิวเพื่อบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสไม่แห้งกร้าน
11
่
5.1.2 ชวยในการชะลอวัย ชะลอความเสอมของร่างกาย เพราะน้ำมันมะพร้าวมีบทบาทใน
ื่
การช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างด ี
5.1.3 ไม่ทำให้อ้วน เป็นตัวช่วยเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน เนื่องจากน้ำมันมะพร้าว
มีโมเลกุลขนาดกลางจึงถูกย่อยได้เร็วไม่มีการสะสมในร่างกาย
5.1.4 ชวยลดน้ำหนักแบบทางอ้อม ดวยการเพิ่มเมตาบอลซึมทำให้เกิดความร้อน
ิ
้
่
ทำให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดน้ำหนักได ้
5.1.5 ชวยทำให้รับประทานอาหารมื้อตอไปไดน้อยลง ชวยยืดและชะลอความหิวออกไปให้
่
่
่
้
นานขึ้น จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
5.1.6 ช่วยล้างพิษ ขับพิษของเสียออกจากร่างกายหรือช่วยดีท็อกซ์
5.1.7 ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
5.1.8 ช่วยบำรุงกำลัง
5.1.9 เป็นอาหารให้แก่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
5.1.10 ช่วยทำให้ร่างกายปลอดเชื้อโรค
6. โพแทสเซียมไบทาร์เทรต
โพแทสเซียมไบทาร์เทรต (อังกฤษ: potassium bitartrate) หรือ ครีมทาร์ทาร์ (cream of tartar)
เป็นเกลือกรดโพแทสเซียมของกรดทาร์ทาริก มีสูตรเคมีคือ KC H O ลักษณะเป็นของแข็งสีขาวหรือผลึกไม่มีส ี
4 5 6
ิ
ไม่มีกลน มีรสเปรี้ยวเลกน้อย โพแทสเซียมไบทาร์เทรตเป็นผลตผลพลอยไดจากการหมักน้ำองุ่นเพื่อทำไวน์
็
้
ิ่
็
็
่
็
ั
ในทางอาหารใชเปนสารให้ความคงตว สารป้องกันการจบเปนก้อน สารให้ความข้นเหนียวและเปนสวนผสม
้
ั
ในผงฟู นอกจากนี้ยังสามารถผสมกับน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว ใช้เป็นสารทำความสะอาดเครื่องโลหะได ้
ภาพที่ 6 ครีมออฟทาร์ทาร์
( ที่มา : https://promotions.co.th/บทความ/what-is-the-cream-of-tartar.html )
12
6.1 ลักษณะของโพแทสเซียมไบทาร์เทรต
เป็นผงสขาว อาจเป็นผลพลอยไดจากการผลตไวน์ (wine) ใชเป็นสวนผสมของผงฟู (baking
้
้
ิ
ี
่
ิ
ั
powderประเภ ทผงฟู กำลงห นึ่ง (single acting baking powder) ซึ่งเป็ น ผงฟู ท จะผลตก๊าซ
ี่
์
ั
คาร์บอนไดออกไซดออกมาทนท อย่างรวดเร็ว ขณะทผสมและระหว่างที่รอเข้าอบ ทำให้ไข่ขาว (egg white)
ี่
ี
ที่ตีให้ขึ้นฟูแล้วมีความคงตัว ไม่ยุบตัว และมีเนื้อเนียนเป็นครีม ทำให้เนื้อเค้ก (cake) เบา เช่น ชิฟฟ่อน
7. ดีเกลือ
ดีเกลือ คือสารประกอบเกลือซัลเฟตของโซเดียมหรือแมกนีเซียม แบ่งออกเป็นสองชนิดคือ ดีเกลือไทย
และดีเกลือฝรั่ง ดังนี้
ภาพที่ 7 ดีเกลือ
( ที่มา : https://www.fillgood.co/products/epsom-salts-30oz)
ี
1. ดีเกลือไทย มีสูตรทางเคมีว่า Na SO ดเกลือชนิดที่เป็นเกลือซัลเฟตของโซเดียม หรือเรียกง่ายๆว่า
4
2
ุ
ั
"โซเดียมซัลเฟต" มีลักษณะเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น มีรสเค็มจดจนขม มีคณสมบัติเป็นยาถ่ายพิษเสมหะ
และโลหิต ถ่ายอุจจาระ ถ่ายพรรดึก (อ่านว่า พัน-ระ-ดึก คือชื่อทใช้เรียกโรคทางแผนโบราณชนิดหนึ่ง
ี่
ที่เกิดจากการที่มีอาหารคั่งค้างอยู่ภายในท้อง ทำให้เกิด อาการท้องผูกอย่างแรง ผู้ป่วยจะมีอุจจาระท ี่
แข็งมาก และมีลักษณะเป็นเม็ดๆ คล้ายกันกับมูลแพะ) ทำให้เส้นเอ็นหย่อน
ู
2. ดีเกลือฝรั่ง มีสตรทางเคมีว่า MgSO ดีเกลือชนิดที่เป็นเกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม หรือเรียกว่า
4
"แมกนีเซียมซัลเฟต" เรียกเป็นภาษาสามัญแบบฝรั่งว่า Epsom salts มีลักษณะเป็นผลึกสีขาวหรือใส
คล้ายผงชูรส ไม่มีกลิ่น ละลายน้ำได้ รสเค็ม มีคณสมบัติเป็นยาระบายถายอุจจาระ ถ่ายพิษเสมหะและ
ุ
่
้
โลหิต นิยมนำเอามาใชในการรักษาปลา และยังมีการนำไปใช้ในการเกษตรช่วยรักษาดินที่ขาด
แมกนีเซียม นอกจากนี้สาวๆ ยังนิยมนำไปเป็นส่วนผสมในการรักษาสิวแบบประหยัดอีกด้วย
13
ดีเกลือทั้งสองแบบมีคุณประโยชน์คล้ายกัน แต่โดยส่วนมากดีเกลือที่มีในท้องตลาดจะเป็นแมกนีเซียม
ซัลเฟต (ดีเกลือฝรั่ง) สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายสารเคมีทั่วไป หรือร้านขายยาแผนโบราณ
7.1 ประโยชน์ของดีเกลือ
ี
้
- ใชเพื่อกินเป็นยาระบาย โดยผสมน้ำ 3 ถ้วยต่อดเกลือ 4 ช้อนโต๊ะ
- ใชในบ่อกุ้ง เพื่อเพิ่มปริมาณแมกนีเซียม ช่วยกุ้งสร้างเปลือกใหม่ ในช่วงลอกคราบ
้
- ใชประกอบอาหาร อาท เต้าหู้ ดีเกลือจะช่วยแยกชั้นเนื้อและชั้นน้ำของถั่วเหลืองปั่น
้
ิ
- ใชในการขับไล่สารพิษในไต
้
้
- ใชเพื่อปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืชประเภทผล เช่น มะเขือเทศ มันฝรั่ง
14
บทที่ 3
วิธการดำเนินงาน
ี
ี
ึ
ิ
ึ
ในการศกษาครั้งนี้ ผจดทำไดทำการศกษาเรื่อง การเปรียบเทยบประสทธิทธิภาพการละลายน้ำของ
ั
้
ู้
บาธบอม ซึ่งมีวิธีการดังนี้
1. ระเบียบวิธีการที่ใช้ในการศึกษา
้
ู
ึ
้
ึ
ื
ในการศกษาใชวิธีการสบคนข้อมูล จากหนังสอ อินเตอร์เน็ต และการสอบถาม จากนั้นจงพิสจน์
ื
สมมติฐานที่ตั้งขึ้นด้วยการทดลอง และหาข้อสรุปผลการศึกษา
2. อุปกรณ์และเครื่องมือ
1. พิมพ์บาธบอม
2. ชามผสม
3. ถ้วยตวง
4. ไม้พาย
5. เทอร์โมมิเตอร์
3. วัสดุและสารเคม ี
สูตรที่1
เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย
ผงกรดซิตริก 1/4 ถ้วย
ดีเกลือ 1/4 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่าผสมสีผสมอาหาร 2 ช้อนชา
น้ำมันมะพร้าว 4 ช้อนชา
น้ำมันหอมระเหย 3 หยด
สูตรที่2
เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ถ้วย
ดีเกลือ 1/4 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่าผสมสีผสมอาหาร 2 ช้อนชา
15
น้ำมันมะพร้าว 4 ช้อนชา
น้ำมันหอมระเหย 3 หยด
4. วิธีการทดลอง
ตอนที่ 1
4.1 ผสมเบคกิ้งโซดา ผงกรดซิตริก ดีเกลือและแผ้งข้าวโพดเข้าด้วยกัน
4.2 คลุกเคล้าจนส่วนผสมเข้ากัน
4.3 จากนั้นจึงเติมน้ำมันมะพร้าว 4 ช้อนชา พร้อมกับน้ำมันหอมระเหย 3 หยด
4.4 คลุกเคล้าจนส่วนผสมเข้ากันแล้วจึงค่อยๆเติมน้ำที่ผสมสีอาหารเรียบร้อยแล้วลงไปเรื่อย ๆ จน
บาธบอมมีลักษณะเหมือนทรายเปียก
4.5 ตักใส่พิมพ์ทั้งสองฝาแล้วประกบให้พิมพ์ติดกัน ทิ้งไว้ 30 นาท ี
4.6 เมื่อครบ 30 นาทีแกะบาธบอมออกจากพิมพ์แล้วพักบาธบอมทิ้งไว้ 1-2 วัน
4.7 ทำเช่นเดียวกันกับข้อ 1-6 แต่เปลี่ยนส่วนผสมจากผงกรดซิตริกเป็นครีมออฟทาร์ทาร์
4.8 เมื่อได้พักบาธบอมครบตามระยะเวลาแล้วให้นำไปละลายน้ำที่อุณหภูมิเดียวกันพร้อมกับจับเวลา
ตอนที่ 2
ี
ิ
ึ
ู
ี่
4.7 หลงจากไดบาธบอมทมีประสทธิภาพการละลายดกว่า จงนำบาธบอมสตรนั้นมาทดสอบการ
ั
้
ละลายในน้ำที่มีอุณหภูมิ
4.8 นำไปละลายน้ำพร้อมกับจับเวลาแล้วจดบันทึก
16
บทที่ 4
ผลการทดลอง
ั
ู้
ในการศกษาครั้งนี้ ผจดทำไดทำการศกษาเรื่อง การเปรียบเทยบประสทธิทธิภาพการละลายน้ำของ
ึ
ี
ิ
้
ึ
บาธบอม ได้แบ่งการทดลองออกเป็นสองตอนซึ่งมีผลการดำเนินการศึกษาค้นคว้า ดังนี้
ผลการทดลองตอนที่ 1
นำบาธบอมทมีสวนผสมจากกรดซิตริกและครีมออฟทาร์ทาร์ มาละลายในน้ำอุณหภูมิห้อง ปริมาตร
ี่
่
11 ลิตร คนจนละลายและจับเวลา ได้ผลดังตาราง
บาธบอม เวลาในการละลาย (วินาที)
สูตรผสทกรดซิตริก 60
สูตรผสมครีมออฟทาร์ทาร์ 49
ตารางที่ 1 เวลาในการละลายของบาธบอมแต่ละสูตร
ี่
ี่
ู
่
จากตารางสรุปได้ว่า บาธบอมสตรทมีสวนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์สามารถละลายในน้ำทมีอุณหภูมิ
ี
29°C ปริมาตร 11 ลตร ไดดกว่าบาธบอมทมีสวนผสมของกรดซิตริก ซึ่งละลายน้ำไดไวกว่า 12 วินาท คณะ
้
่
ี่
ี
้
ิ
ผู้จัดทำจึงได้นำเอาบาธบอมที่มีส่วนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์ไปทำการทดลองต่อในตอนที่ 2
ผลการทดลองตอนที่ 2
่
ี่
นำบาธบอมทมีสวนผสมจากครีมออฟทาร์ทาร์ มาละลายในน้ำทมีอุณหภูมิ 30°C และ 40°C ปริมาตร
ี่
11 ลิตร คนจนละลายและจับเวลา ได้ผลดังตาราง
อุณหภูมิของน้ำ เวลาในการละลาย (วินาที)
30°C 47
40°C 27
ตารางที่ 2 เวลาในการละลายของบาธบอมในอุณหภูมิที่ต่างกัน
ี
้
จากตารางสรุปไดว่า บาธบอมสตรทมีสวนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์สามารถละลายไดดในน้ำทมี
ี่
ู
้
ี่
่
อุณหภูมิ 40°C ซึ่งละลายได้ไวกว่าน้ำที่มีอุณหภูมิ 30°C ถึง 20 วินาท ี
17
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผล
ี่
่
บาธบอมสตรทมีสวนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์ละลายไดดกว่าบาธบอมทมีสวนผสมของกรดซิตริก
้
่
ี่
ี
ู
่
ี่
ี่
ี่
้
ี
ู
และ บาธบอมสตรทมีสวนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์ละลายไดดในน้ำทมีอุณหภูมิ 40°C มากกว่าในน้ำทมี
อุณหภูมิ 30°C
อภิปรายผล
1. บาธบอมสูตรที่มีส่วนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์ละลายได้ดีกว่าบาธบอมที่มีส่วนผสมของกรดซิตริก
2. บาธบอมสูตรที่มีส่วนผสมของครีมออฟทาร์ทาร์ละลายได้ดีในน้ำที่มีอุณหภูมิ 40°C มากกว่าในน้ำท ี่
มีอุณหภูมิ 30°C
ิ้
้
ี่
เมื่อทำการทดลองบาธบอมไปทงสนสครั้ง ทำให้เราทราบไดว่า ยิ่งน้ำมีอุณหภูมิสงขึ้นยิ่งทำให้
ู
ั้
บาธบอมละลายได้ดีมากยิ่งขึ้น อ้างอิงจากคุณสมบัติการละลายน้ำของผงกรดซิตริก คือ การละลายน้ำที่ 0 ºC :
54.0% (w/w) ,ท 20 ºC : 59.2% (w/w) หรือ 133 กรัม/100 มิลลลตร ,ท 30 ºC : 73.5% (w/w) และ
ิ
ิ
ี่
ี่
ื
ี่
ท 70 ºC : 84.0% (w/w) ซึ่งครีมออฟทาร์ทาร์หรือเกลอโพแทสเซียมของกรดทาร์ทาริกมีคณสมบัต ิ
ุ
เช่นเดียวกันกับผงกรดซิตริก โดยผงกรดซิตริกมีสูตรโครงสร้าง คือ C6H8O7
ภาพที่ 8 โครงสร้างทางเคมีของผงกรดซิตริก
และครีมออฟทาร์ทาร์มีสูตรโครงสร้าง คือ KC4H5O6
ภาพที่ 9 โครงสร้างทางเคมีของครีมออฟทาร์ทาร์
18
ในการจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง การเปรียบเทียบประสิทธิทธิภาพการละลายน้ำของบาธบอม
ี่
้
ู
ื
ทำให้เราไดลองทำบาธบอมสตรใหม่ๆคอบาธบอมทใชครีมออฟทาร์ทาร์ เนื่องจากบาธบอมสตรทวไปจะใช ้
้
ั่
ู
้
่
ี
ิ
ี่
่
กรดซิตริกเป็นสวนผสม และไดเปรียบเทยบประสทธิภาพการละลายของบาธบอมทมีสวนผสมจากกรดซิตริก
ี่
้
กับบาธบอมทมีส่วนผสมจากครีมออฟทาร์ทาร์ จนทำให้ทราบว่าบาธบอมสตรทใชครีมออฟทาร์ทาร์ละลายได ้
ี่
ู
้
ี่
ี
ดกว่า สรุปว่านอกจากจะไดสตรใหม่แลวยังมีประสทธิภาพทดกว่าสตรทใชกันทวไปอีกดวย ซึ่งเป็นไปตาม
ี่
้
ู
ั่
ี
ู
้
ิ
้
วัตถุประสงค์ของคณะผู้จัดทำที่วางไว้ ได้แก่
้
1. ไดผลิตบาธบอมโดยการใช้ครีมออฟทาร์ทาร์แทนผงกรดซิตริก
2. ไดเปรียบเทียบประสิทธิภาพการละลายของบาธบอมที่มีส่วนผสมจากกรดซิตริกและบาธบอมที่มี
้
ส่วนผสมจากครีมออฟทาร์ทาร์
3. ไดทดสอบประสิทธิภาพการละลายของบาธบอมในน้ำที่อุณหภูมิแตกต่างกัน
้
ข้อเสนอแนะ
1. ทดสอบการละลายน้ำของบาธบอมในอุณหภูมิที่แตกต่างกันให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
2. ใช้สารอื่นที่มีคุณสมบัติเหมือนผงกรดซิตริกมาทดลองทำบาธบอม
19
บรรรณานุกรม
ิ
ิ
กรดซตริก/กรดมะนาว (Citric acid) ประโยชน์ และความเป็นพิษของกรดซิตรก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.siamchemi.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%8B%E
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
ครีมออฟทาร์ทาร์ (cream of tartar). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.bakerstreet.co.th/cream-of-tartar-110-g.html?fbc
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
ชลธิชา จันทร์วิบูลย์. (2563). แป้งข้าวโพด มีประโยชน์หรือว่าโทษต่อสุขภาพกันแน่. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก https://hellokhunmor.com/%e0%b9%82%e0%b8%a0%e0%b8%8a%e0%
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
ทีมงานวิกิฮาว. วิธีการ ทำบาธบอม (Bath Bomb) แบบไม่ผสมกรดซิตรก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
ิ
https://th.wikihow.com/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
น้ำมันหอมระเหย – ความรู้เบื้องต้น. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.botanicessence.com/essential-oil/home/knowledge.jsp
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
น้ำมันมะพร้าว กับประโยชน์ทางสุขภาพและความงาม. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.pobpad.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
บ้านสบู่ช่อผกา PAKAsoap. (19 มีนาคม 2560). ทำบาธบอม Bath Bomb (EP23) ฟองเยอะมาก ! ! !.
[Video file]. เข้าถึงได้จาก
https://www.youtube.com/watch?fbclid=IwAR2byH9pTi2D74mBBI4VQpL2RswuGeTSP
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
แป้งข้าวโพด ( Corn Starch). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://sites.google.com/site/cerealflour1/home/corn-starch
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
20
ผู้หญิงกับสุขภาพ. (2559). ดีเกลือ คืออะไร. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.facebook.com/1097813523608843/posts/1107656132624582/
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
วิกีพิเดีย สารานุกรมเสรี. น้ำมันหอมระเหย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/น้ำมันหอมระเหย
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
วิกีพิเดีย สารานุกรมเสรี. แมกนีเซียมซัลเฟต. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/แมกนีเซียมซัลเฟต
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
วิกีพิเดีย สารานุกรมเสรี. โพแทสเซียมไบทาร์เทรต. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/โพแทสเซียมไบทาร์เทรต
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
Citric Acid. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.whatsinsidescjohnson.com/th/th/ingredients/citric_acid?fbclid=
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
ั่
ู้
INSH. (2560). 10 ประโยชน์ของดีเกลือฝรง (Epsom salts) ที่มีต่อความงาม เรื่องที่สาวๆต้องร.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://sistacafe.com/summaries/21536
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
MedThai. (2560). น้ำมันมะพร้าว สรรพคุณและประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว 52 ข้อ !. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
MedThai. (2560). เบคกิ้งโซดา (Baking Soda) ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา 63 ข้อ !. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
MedThai. (2560). โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) สรรพคุณ วิธีใช้ ผลข้างเคียง ฯลฯ.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จากhttps://medthai.com/%E0%B9%82%E0%B
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
21
Myhome. (2563). ประโยชน์ของ เบกกิ้งโซดา ที่ไม่ใช่แค่การทำขนม. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.baanlaesuan.com/56440/diy/easy-tips/baking-soda-2
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
Porraphat Jutrakul. (2561). ข้อควรระวงการใช้น้ำมันหอมระเหย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
ั
https://www.thaihealth.or.th/Content/43984%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
Samarin. (2553). ครีมออฟทาร์ทาร์คืออะไร (Cream of Tartar). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://yv3lin3.blogspot.com/2010/06/cream-of-tartar.html?m=1&fbclid=
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
Union Science จำหน่ายสารเคมี เครื่องแก้ว เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ปลีก-ส่ง. (2556). ดีเกลือทำมาจากอะไร
และ มีประโยชน์อย่างไร?. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/138046906
248086/posts/546704245382348/
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
16 ประโยชน์แป้งข้าวโพด ที่เป็นได้มากกว่าแป้งทำอาหาร. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
https://www.sanook.com/home/11481/?fbclid=IwAR1B4FK4XWFmC0D6z9sHc-YXPZR-
สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564
22
ภาคผนวก
23
ี่
ี่
ภาพท 1 ส่วนผสมของบาธบอมทเข้ากันและหมาดเหมือนทรายเปียก (สูตรครีมออฟทาร์ทาร์)
ภาพท 2 ส่วนผสมของบาธบอมทเข้ากันและหมาดเหมือนทรายเปียก (สูตรกรดซิตริก)
ี่
ี่
24
ั้
ภาพที่ 3 บาธบอมทงหมด 6 ลูก
ภาพที่ 4 บาธบอมสูตรทใชผงกรดซิตริก
ี่
้
25
ภาพที่ 5 วัดอุณหภูมิของน้ำก่อนเริ่มทำการทดลอง
ภาพที่ 6 ทดลองนำบาธบอมสตรที่ผสมกรดซิตริกไปละลายน้ำ
ู
26
ู
ภาพที่ 7 ทดลองนำบาธบอมสตรที่ผสมครีมออฟทาร์ทาร์ไปละลายน้ำ
ภาพท 8 นำบาธบอมไปละลายพร้อมกับทำการคนไปเรื่อยๆ และจับเวลา
ี่