สาระการเรียนรู้ ๔. ตวั อยา่ งการปลูกพืช
๕. ศตั รูพืช
๑. ความหมายของพชื
๒. ประเภทของพชื
๓. ปัจจยั สาคญั ในการเจริญเติบโตของพืช ๖. การเกบ็ เกี่ยวพชื
ความหมายของพืช
พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ใหค้ วามหมายวา่
พืช หมายถงึ เมลด็ พนั ธ์ุไม้ ส่ิงทจ่ี ะเป็ นพนั ธ์ุต่อไป พรรณไม้ทงี่ อกอยู่ตามทตี่ ่าง
พืชสวน ป่ าไม้
พืชไร่
๑. พืชสวน ประเภทของพืช
๑. พืชไม้ผล พชื สวน คือ พืชท่ีปลูกในที่แน่นอน มีข้นั ตอนและความพิถีพิถนั เอาใจใส่ในการปลูก แบ่งเป็น
๒. พืชไม้ดอก หมายถึง พชื ที่ใชป้ ระโยชน์จากดอก
เช่น กลว้ ยไม้ ดาวเรือง กหุ ลาบ
หมายถึง พืชที่ใชป้ ระโยชน์จากผลส่วน จาปี บานชื่น เบญจมาศ
ใหญเ่ ป็นไมย้ นื ตน้ มีอายยุ นื ลาตน้ แขง็ แรง
เช่น ทุเรียน มงั คุด ส้ม เงาะ ลาไย
๓. พืชไม้ประดบั ๔. พืชผกั ๕. พืชสมุนไพร
หมายถึง พืชที่ใชป้ ระโยชน์จากรูปร่างมีความ หมายถึง พืชท่ีใชป้ ระโยชนจ์ ากส่วนต่าง ๆ หมายถึง พืชท่ีใชป้ ระโยชน์จากส่วนต่าง ๆ หรือ
สวยงาม ใชป้ ระดบั ตกแต่งอาคารสถานที่หรือ เช่น ลาตน้ ใบ ราก เมลด็ เป็นอาหาร เช่น คะนา้ นาส่วนต่าง ๆ มาเป็นยา เช่น ขิง ข่า ตะไคร้
บา้ นเรือน เช่น สน ปาลม์ แตงกวา พริก ถวั่ พู แคร์รอต กวางตุง้ กยุ ช่าย ฟ้าทะลายโจร
๒. พืชไร่ ประเภทของพืช
พืชไร่ คือ พชื ท่ีปลูกโดยใชพ้ ้นื ท่ีกวา้ ง ๆ ไม่ตอ้ งการการดูแลรักษามาก ส่วนใหญ่เป็นพชื ที่มีอายกุ ารเกบ็
เก่ียวส้นั เกบ็ เกี่ยวผลผลิตเพียงคร้ังเดียว เป็นท้งั พชื ลม้ ลุกปี เดียว หรือนานหลายปี แบ่งเป็น
๑. พืชล้มลกุ ๒. พืชค้างปี ๓. พืชคลุมดิน
คือ พชื ท่ีมีอายสุ ้นั ส่วนใหญ่ใหผ้ ลคร้ังแรกแลว้ คือ พืชท่ีมีอายอุ ยู่ ๒ ฤดู หรือ ๒ ปี ออกดอก คือ พืชที่มีอายมุ ากกวา่ ๒ ปี ข้ึนไป ปลูกเพื่อ
จะกต็ าย เช่น ขา้ ว ขา้ วโพด ทานตะวนั และใหผ้ ลเป็นเมลด็ และตายหลงั จากใหเ้ มลด็ คลุมหนา้ ดิน เช่น หญา้ ถว่ั
ถว่ั เหลือง ฝ้าย ปอ แลว้ เช่น หอม กระเทียม
๓. พืชป่ า ประเภทของพืช
พชื ไร่ คือป่ าไม้ คือ ท่ีท่ีมีตน้ ไมต้ า่ ง ๆ ข้ึนมา ถา้ มีพรรณไมช้ นิดใดข้ึนอยมู่ ากกเ็ รียกตามพรรณไมน้ ้นั เช่น
ป่ าสัก ป่ าไผ่ ป่ ารัง มีหลายชนิด การปลูกป่ าข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมของภูมิประเทศภูมิอากาศและ
ประโยชน์ใชส้ อย แบ่งเป็น
๑. ป่ าไม้ไม่ผลดั ใบ ๒. ป่ าไม้ผลดั ใบ
คือ ป่ าที่เขียวชอุม่ ตลอดปี เป็นส่วนใหญ่ เช่น ไมต้ ระกลู ยาง คือ ป่ าที่ผลดั ใบตามฤดูกาล
ไมโ้ กงกาง อินทนิล หมาก เช่น สัก ไผ่
ปัจจยั สาคญั ในการเจริญเตบิ โตของพืช
ปัจจัยสาคัญในการเจริญเตบิ โตของพืช หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่พชื นามาใชใ้ นการดารงชีวติ และทาใหพ้ ืชเจริญเติบโต
แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
ปัจจยั ทางพนั ธุกรรม ปัจจยั ทเี่ กยี่ วกบั สภาพแวดล้อม
เป็นปัจจยั ภายในท่ีควบคุมการแสดง อากาศ แสง
ลกั ษณะและพฤติกรรมที่พชื ไดร้ ับการถ่ายทอด นา้ อณุ หภูมิ
ดนิ
จากบรรพบุรุษและลกั ษณะอื่น ๆ ของราก ลาตน้ ป๋ ยุ และธาตุอาหารพืช
ใบ ดอก ผล เมลด็ ซ่ึงลกั ษณะดงั กล่าวน้นั จะถูก
ควบคุมโดยยนี (Gene) ซ่ึงเป็นหน่วยพนั ธุกรรม
ของสิ่งมีชีวติ อยใู่ นรูปของสารเคมีท่ีเรียกวา่ ดี
เอน็ เอ (DNA) มีหนา้ ท่ีกาหนดลกั ษณะของ
สิ่งมีชีวติ ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นไปตามสายพนั ธุ์
๑. ดนิ
ดินเป็นทรัพยากรที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เพราะเป็นแหลง่ ธาตุอาหารของพืช และเป็นปัจจยั สาคญั ที่ทา
ใหพ้ ชื ดารงชีวิตอยไู่ ด้ คุณสมบตั ิของดนิ ทเ่ี กย่ี วข้องกบั การปลูกพืช
๑. เนื้อดนิ หยาบ ๒. เนื้อดนิ ละเอยี ด ๓. เนื้อดนิ ปานกลาง
หรือดนิ ทราย หรือดนิ เหนียว หรือดนิ ร่วน
ส่วนที่เป็นของแขง็ จะมีขนาดใหญ่ ช่องวา่ ง ช่องวา่ งระหวา่ งเมด็ ดินมีขนาดเลก็ มาก สามารถ มีเน้ือดินหยาบ และเน้ือดินละเอียดผสมอยู่
อุม้ น้าและธาตุอาหารพชื ไวไ้ ดม้ าก แต่การ อตั ราส่วนเท่า ๆ กนั ทาใหเ้ น้ือดินมีการอุม้ น้า
ระหวา่ งเมด็ ดินกวา้ ง เน้ือดินหยาบไม่ค่อย ระบายน้าและอากาศไม่ดี เมื่อดินเปี ยกช้ืนจะ ไวไ้ ดม้ ากพอควร การระบายน้าและอากาศ
เกาะยดึ กนั กกั เกบ็ น้าไดน้ อ้ ย น้าซึมผา่ นเร็ว เหนียว เม่ือแหง้ จะแขง็ เหมาะสาหรับปลูกพชื ดีเหมาะกบั การปลูกพชื จึงจดั เป็นดินท่ีเหมาะ
มีธาตุอาหารต่า ส่วนใหญ่ใชป้ ลูกพืชหวั ท่ีตอ้ งการน้าขงั
ต่อการปลูกพืชมากท่ีสุด
๑. ดิน
๑. เพม่ิ อนิ ทรียวตั ถุให้กบั ดนิ โดยการใส่ วธิ ีการเพาะปลูก ๔. บริเวณโคนต้นไม้ผลหรือระหว่างแถว
ป๋ ยุ คอก ป๋ ยุ หมกั และป๋ ยุ พืชสด แบบอนุรักษ์ดนิ ควรคลมุ ดนิ ด้วยใบไม้หรือซากพืชต่าง
อยา่ งสม่าเสมออีกท้งั ควรไถกลบเศษซากพืชจาพวก เพ่ือลดการระเหยของน้าและรักษาความชุ่มช้ืน
ตอซงั ที่อยใู่ นพชื ที่เพาะปลูกดว้ ย ดินไว้
๒.พืน้ ทเี่ พาะปลกู ทเี่ ป็ นดนิ ร่วนให้ปลูก ๕. หลงั จากฝนตกควรพรวนดนิ
พืชได้เลยโดยไม่ต้องไถพรวนดนิ
เพือ่ ช่วยใหด้ ินสามารถซึมซบั น้าไดม้ ากที่สุด
ทาใหป้ ลูกพชื ไดเ้ ร็วข้ึน และช่วยระงบั การระเหย
ของน้าใตด้ ินอีกดว้ ย ๖. การใส่ป๋ ยุ ให้กบั พืชควรใส่เป็ นแถวโดย
ใส่ให้ใกล้กบั แถวพืช
๓. หลงั จากการเกบ็ เกยี่ วพืชผลเสร็จแล้ว
ให้ไถพืน้ ท่ีทงิ้ ไว้ และไม่ควรหวา่ นป๋ ุย ยกเวน้ การหวา่ นป๋ ุยให้
กบั ขา้ วนาปี
เพอื่ เป็นการลดการระเหยของน้าจากดิน และเพิ่ม
ความสามารถในการซึมซบั น้าใหก้ บั ดินในตน้ ฤดู
ฝนทาใหป้ ลูกพชื ไดเ้ ร็วยงิ่ ข้ึน
๒. นา้
น้าเป็นปัจจยั อยา่ งหน่ึงท่ีจาเป็นต่อการเพาะปลูกพืช ถา้ เกษตรกรใชน้ ้าไม่ถูกวิธี
หรือไม่รู้จกั อนุรักษน์ ้าไวใ้ ชจ้ ะก่อใหเ้ กิดปัญหาต่อการเพาะปลูกดงั ต่อไปน้ี
๒. ภาวะนา้ ท่วม เกดิ จากสาเหตุ
๒ ประการคือ ปรากฏการณ์
ธรรมชาตแิ ละป่ าไม้ถูกทาลาย
๑. ขาดแคลนนา้ ทใ่ี ช้ในการ ๓. คุณสมบัตขิ องนา้
เพาะปลูก เปลยี่ นแปลงไปทาให้ไม่
เหมาะสมต่อการเพาะปลกู
๒. นา้
๑. การเคล่ือนย้ายนา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ
๒. การใช้ระบบการปลูกพืชให้เหมาะสม
๓. การปลกู ป่ ารักษาต้นนา้ ลาธารช่วยอนุรักษ์ดนิ และนา้ ไปพร้อม กนั
๔. การปลูกพืชคลมุ ดนิ เพ่ือป้องกนั การสูญเสียนา้ ในระหว่างต้นพืช
๕. การปลกู พืชให้เหมาะสมกบั ปริมาณนา้ ทมี่ อี ยู่ในพืน้ ทเ่ี พาะปลูก
๖. การปลกู พืชหมุนเวยี นเพ่ือลดการสูญเสียนา้ ในพืน้ ท่ที าการเกษตร
๗. การจดั หาแหล่งเกบ็ นา้ เพื่อรักษานา้ ไว้ใช้กบั พืชในฤดูทขี่ าดนา้
๗. การปรับปรุงระบบการให้นา้ กบั พืช
วธิ ีการอนุรักษ์น้า
๓. อณุ หภูมิ
อณุ หภูมิ มีส่วนช่วยในการงอกและเจริญเติบโตของพชื ซ่ึงพืชบางชนิดชอบ
ข้ึนในท่ีมีอากาศหนาวเยน็ พืชบางชนิดชอบข้ึนในที่มีอากาศร้อน ดงั น้นั การนาพชื มา
ปลูกจึงควรเลือกชนิดของพืชใหเ้ หมาะสมกบั อุณหภูมิท่ีเปลี่ยนไปตามฤดูกาลในแต่
ละทอ้ งถ่ิน
๔. อากาศ
อากาศ คือ กลุ่มก๊าซชนิดต่าง ๆ ท่ีอยใู่ นบรรยากาศและในดิน พืชตอ้ งการก๊าซ
ออกซิเจนในกระบวนการหายใจ และพชื ตอ้ งการก๊าซคาร์บอนไดออกไซดใ์ น
กระบวนการสงั เคราะห์แสง
๕. แสงสว่าง
แสงสว่าง มีท้งั แสงแดดที่เกิดจากธรรมชาติ และแสงที่มาจากหลอดไฟ แสง
สวา่ งมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยพืชจะนามาใชใ้ นการสงั เคราะห์แสง
ทาใหเ้ กิดห่วงโซ่อาหารของส่ิงมีชีวติ ต่าง ๆ ท้งั มนุษย์ สตั ว์ พืช และจุลินทรีย์
๕. แสงสว่าง
พชื แต่ละชนิดมีความตอ้ งการแสงสวา่ งในการสร้างการเจริญเติบโตแตกต่างกนั ซ่ึงแบ่งออกเป็นหลายประเภท ไดแ้ ก่
พชื กลางแจง้ พชื ในร่ม และพชื ที่ตอ้ งการแสงแดดราไร ลกั ษณะการตอบสนองของพชื ต่อแสงสวา่ ง แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทคือ
๑. พืชวนั ส้ัน ๒. พืชวนั ยาว ๓. พืชสะเทินแสง
หมายถึง พืชที่ออกดอกไดด้ ีเมื่อไดร้ ับ หมายถึง พืชที่มีการตอบสนองต่อแสง หมายถึง พืชท่ีเจริญเติบโต ออกดอกไดโ้ ดย
แสงไม่เกินวนั ละ ๑๕ ชวั่ โมง เช่น ยาสูบ ยาวนาน ตอ้ งการแสงสวา่ งมากกวา่ วนั ละ
เบญจมาศ ถวั่ เหลือง ๑๕ ชวั่ โมง เช่น ขา้ วสาลี ผกั โขม ขา้ วโอต๊ ไม่ข้ึนกบั ช่วงแสง เช่น ขา้ วโพด ขา้ วฟ่ าง
มนั สาปะหลงั
๖. ป๋ ุยและธาตุอาหารพืช
ป๋ ุย หมายถึง สารที่อาจเกิดข้ึนโดยธรรมชาติหรือเกิดจากการสังเคราะห์จาก
สารเคมีที่มีธาตุอาหารท่ีจาเป็น และเป็นประโยชน์ต่อพชื กล่าวคือ เมื่อใส่ป๋ ุย
ลงในดินแลว้ จะช่วยเพ่ิมธาตุอาหารท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโตและช่วย
ปรับปรุงคุณภาพของดินใหด้ ีข้ึน
ธาตุอาหารพืช หมายถึง แร่ธาตุท่ีพืชจาเป็นตอ้ งใชใ้ นการสร้างความเจริญ
เติบโตใหแ้ ก่พืชถา้ พืชไดร้ ับธาตุอาหารไม่เพยี งพอกจ็ ะชะงกั การเจริญเติบโต
ปัจจุบนั ธาตุอาหารที่พืชตอ้ งการมีอยู่ ๑๗ ชนิด คือ คาร์บอน ไฮโดรเจน
ออกซิเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กามะถนั แคลเซียม
แมกนีเซียม เหลก็ แมงกานีส โบรอน โมลิบดีนมั ทองแดง สงั กะสี คลอรีน
และนิกเกิล
๖. ป๋ ุยและธาตุอาหารพืช ชนิดของป๋ ยุ
ป๋ ุยแบ่งออกเป็น ๒ ชนิดใหญ่ ๆ คือ ป๋ ุยอินทรีย์ และป๋ ุยเคมีหรือป๋ ุยวทิ ยาศาสตร์ ดงั น้ี
ป๋ ยุ อนิ ทรีย์ ป๋ ุยเคมี ป๋ ุยวทิ ยาศาสตร์
คือ ป๋ ุยที่ไดจ้ ากการสลายตวั เน่าเปื่ อย ผพุ งั ของ คือ ป๋ ุยท่ีเกิดจากการผลิตหรือสงั เคราะห์ข้ึนตาม
กระบวนการทางเคมีเพ่อื ใหธ้ าตุอาหารท่ีพชื จาเป็ นตอ้ งใช้
ส่ิงมีชีวติ เช่นซากสัตวเ์ ศษเหลือของพืช รวมท้งั มูล และมกั ขาดแคลนในดิน ใหอ้ ยใู่ นรูปของสารประกอบ
สัตวต์ ่าง ๆ ส่วนใหญ่ป๋ ุยชนิดน้ีจะมีคุณสมบตั ิในการ
ปรับปรุงคุณภาพของดินใหด้ ีข้ึนเหมาะสมต่อการ เคมีที่พืชสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดท้ นั ที
ปลูกพืช แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด ไดแ้ ก่
๖. ป๋ ุยและธาตุอาหารพืช
ป๋ ุยอนิ ทรีย์
๑. ป๋ ุยคอก ๒. ป๋ ุยพืชสด ๓. ป๋ ุยหมกั
เป็นป๋ ุยที่ไดม้ ูลสตั วต์ ่าง ๆ มีธาตุอาหารท่ีพชื เป็นป๋ ุยท่ีไดจ้ ากการไถกลบหรือฝังกลบพืช เป็นป๋ ุยท่ีเกิดจากการหมกั โดยธรรมชาติหรือเกิด
ตอ้ งการ คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ชนิดต่าง ๆ ที่เหลือทิ้งจากการเกบ็ เกี่ยวลงใน จากการหมกั โดยฝีมือมนุษยด์ ว้ ยการนาเศษ
โพแทสเซียม ซ่ึงเป็นธาตุอาหารที่จะช่วยให้ ดินแลว้ ทิ้งใหเ้ น่าเป่ื อย พืชท่ีนิยมปลูกทาป๋ ุยพชื อินทรียวตั ถุ เศษพืช แบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ป๋ ุย
พชื เจริญเติบโต สด หมกั ทีไ่ ด้จากเศษพืชต่าง และป๋ ยุ หมักท่ีได้จาก
การหมักจุลนิ ทรีย์
ประโยชน์ ประโยชน์
• ช่วยใหด้ ินร่วนซุย อุม้ น้าไวไ้ ดม้ าก ถา่ ยเทน้า และ ประโยชน์
อากาศไดด้ ี • ช่วยเพ่ิมปริมาณอินทรียวตั ถุและเพ่ิมธาตุ • ใส่ลงในดินแลว้ สามารถคงอยไู่ ดน้ าน
• ใหธ้ าตุอาหารพืชที่พชื ตอ้ งการ ไนโตรเจนใหก้ บั ดินมากข้ึน • ใชส้ ะดวกและไม่ใหโ้ ทษแก่พืช ไม่วา่ จะใส่มาก
• มีวติ ามินและฮอร์โมนหลายชนิดที่ช่วยกระตุน้ • ช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน และช่วย นอ้ ยอยา่ งไร
การเจริญเติบโตของพืช • ทาใหด้ ินอมุ้ น้าไดด้ ี
ละลายธาตุอาหารในดิน • ทาใหไ้ ร่นาสะอาดปราศจากเศษซากพชื
• ช่วยใหพ้ ืชงอกงามเร็วและใหผ้ ลผลิตสูง
• ช่วยปรับปรุงสภาพดิน
๖. ป๋ ุยและธาตุอาหารพืช
ป๋ ุยเคมี หรือป๋ ุยวทิ ยาศาสตร์
๑. ป๋ ุยไนโตรเจน N ๒. ป๋ ุยฟอสฟอรัส P ๓. ป๋ ุยโพแทสเซียม K
คือ ป๋ ุยท่ีใหธ้ าตุอาหารพวกไนโตรเจนแก่ คือ ป๋ ุยที่ใหธ้ าตุฟอสฟอรัสแก่พืช ส่วน คือ ป๋ ุยท่ีใหธ้ าตุอาหารโพแทสเซียมแก่พืช
พืช ไดแ้ ก่ ยเู รียและแอมโมเนียมซลั เฟต ใหญม่ กั ใชร้ ่วมกบั ป๋ ุยไนโตรเจนและป๋ ุย เช่น ป๋ ุยโพแทสเซียมคลอไรด์ ป๋ ุย
โดยป๋ ุยแอมโมเนียมซลั เฟต เรียกโดยทว่ั ไป โพแทสเซียม ป๋ ุยที่ใหธ้ าตุฟอสฟอรัสจะ โพแทสเซียมไนเตรท และป๋ ุยโพแทสเซียม
วา่ ป๋ ุยน้าตาลทราย มีลกั ษณะคลา้ ยน้าตาล เกี่ยวขอ้ งกบั การเจริญเติบโตของดอก ซลั เฟต ป๋ ุยดงั กล่าวน้ีจะเก่ียวขอ้ งกบั การ
ทราย ส่วนป๋ ุยยเู รียจะมีลกั ษณะเป็นผลึกสี ดงั น้นั จึงเหมาะกบั ไมด้ อกต่าง ๆ โดยเราจะ เจริญเติบโตของผลและรากทาใหผ้ ลไม้
ซ้ือไดใ้ นรูปของป๋ ุยผสมสูตรต่าง ๆ ที่มีขาย และพืชหวั ต่าง ๆ มีรสชาติดี เช่น ฝรั่ง มนั
ขาว ละลายน้าง่าย ป๋ ุยท่ีใหธ้ าตุไนโตรเจน ทว่ั ไป เช่น ป๋ ุยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ หมายถึง สาปะหลงั
น้ีจะเก่ียวขอ้ งกบั การเจริญเติบโตของพืช มีฟอสฟอรัสอยู่ ๑๕%
ในส่วนที่เป็นลาตน้ และใบ ดงั น้นั จึงเหมาะ
กบั พืชผกั กินใบและไมป้ ระดบั
๖. ป๋ ุยและธาตุอาหารพืช
ป๋ ุยเคมี หรือป๋ ุยวทิ ยาศาสตร์
การใส่ป๋ ยุ ทางดนิ แบ่งเป็น ๒ ระยะ คือ
๑. ใส่ก่อนปลกู พืชในช่วงเตรียมดนิ ๒. ใส่หลงั ปลูกพืชแล้ว
โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ปรับปรุงคุณสมบตั ิทางกายภาพของดิน เป็นการใส่ป๋ ุยบนผวิ หนา้ ดินเพื่อเสริมใหพ้ ืชไดร้ ับธาตุ
เพ่ิมความอุดมสมบูรณ์ของดินและชดเชยธาตุอาหารท่ีตอ้ ง อาหารตามระยะท่ีตอ้ งการอยา่ งต่อเน่ืองและเพียงพอตลอด
สูญเสียไปใหแ้ ก่ดิน ฤดูปลูก
วธิ ีการใส่ป๋ ยุ ทางดนิ มี ๓ วิธี คือ
๑. หว่านป๋ ุยในแปลงให้ป๋ ุย ๒. โรยป๋ ุยเป็ นแนวในร่องเลก็ ที่ ๓. โรยป๋ ุยรอบต้นพืช
กระจายอย่างทวั่ ถงึ เตรียมไว้แล้วกลบดิน
จะหวา่ นก่อนไถหรือหลงั กไ็ ด้ วธิ ีน้ีเหมาะ ควรทาร่องโรยป๋ ุยใหอ้ ยใู่ นแนวที่รากพืชแผไ่ ป ใหห้ ่างจากลาตน้ พอสมควร พรวนดินกลบแลว้
กบั การใชป้ ๋ ุยในอตั ราค่อนขา้ งสูงในแปลงที่ ถึงได้ รดน้า วธิ ีน้ีควรใชห้ ลงั การปลูกพชื แลว้
ปลูกพืชชิดกนั มาก
ตวั อย่างการปลูกพืช
ไม้ผล
ไม้ผล วธิ ีปลกู การดูแลรักษา การเกบ็ เกย่ี ว
แบ่งตามขนาดของพมุ่ ดงั น้ี ๑. ควรปลูกตน้ ฤดูฝน ๑. ควรรดน้าใหช้ ุ่มและมีความช้ืน การเกบ็ เก่ียวไมผ้ ลน้นั
๑. ไมผ้ ลที่มีขนาดทรง ๒. ควรขดุ หลุมใหม้ ีขนาดกวา้ งและลึกประมาณ อยเู่ สมอ ข้ึนอยกู่ บั ชนิดของไมผ้ ล
พมุ่ ใหญ่ ๕๐ ซม. ๒. ป้องกนั กาจดั โรคและแมลง เพราะวา่ ไมผ้ ลแต่ละ
๒. ไมผ้ ลที่มีขนาดทรงพมุ่ ๓. ผสมดิน ป๋ ุยคอก และป๋ ุยร็อกฟอสเฟตเขา้ ดว้ ยกนั โดยวธิ ีการใชส้ ารเคมีฉีดพน่ ชนิดมีอายกุ ารเกบ็ เกี่ยว
ปานกลาง ๔. เพาะเมลด็ และยา้ ยตน้ กลา้ วางในหลุม หรือใชว้ ธิ ีธรรมชาติกาจดั แตกต่างกนั ดงั น้นั การ
๓. ไมผ้ ลที่มีขนาดทรงพมุ่ ๕. กลบดินลงในหลุม บริเวณโคนตน้ ใหแ้ น่น ๓. ป้องกนั กาจดั วชั พชื เกบ็ เกี่ยวจะตอ้ งดูวา่ ไม้
คงตวั ๖. นาไมม้ าปักและผกู เชือกยดึ ตน้ ไวเ้ พอื่ ป้องกนั ลม ๔. ตดั แต่งก่ิงที่ไม่ตอ้ งการออก ผลแก่เตม็ ท่ีหรือยงั
พดั จะทาใหต้ น้ กลา้ ลม้ หรือหกั ได้ เพ่ือใหพ้ ชื เจริญเติบโตได้ ตลอดจนตอ้ งคานึงถึง
๗. นาวสั ดุคลุมดินบริเวณโคนตน้ เพือ่ ดูดซบั รวดเร็วและมีทรงพมุ่ ท่ีดีและ ตลาดดว้ ยวา่ เป็นที่
ความช้ืน แตกก่ิงใหม่เสมอ ตอ้ งการของตลาด และ
๘. ทาร่มเงาป้องกนั แสงแดดใหก้ บั ตน้ กลา้ ก่อนใน ๕. ใส่ป๋ ุยหลงั จากการตดั แต่งกิ่ง ผบู้ ริโภคมากนอ้ ยขนาด
ช่วงแรกของการปลูก และกาจดั วชั พืช โดยใส่รอบ ๆ ไหน สามารถนามาแปร
๙. หลงั การปลูกจะตอ้ งรดน้าใหช้ ุ่ม บริเวณใตท้ รงพมุ่ ห่างจากโคน รูปและถนอมอาหารได้
ตน้ พอสมควร
ไม้ดอกไม้ประดบั ตวั อย่างการปลูกพืช การเกบ็ เกยี่ ว
ไม้ดอกไม้ประดับ
วธิ ีปลูก การดูแลรักษา
ไม้ดอก คือ พืชท่ีปลูกข้ึน ๑. การปลูกบนพ้ืนดิน ๑. ใหน้ ้าบ่อย ๆ แต่ข้ึนอยกู่ บั ชนิดของตน้ ไม้ การเกบ็ เก่ียวไมด้ อก
เพือ่ ใชป้ ระโยชนจ์ ากดอก ๑.๑ การปลูกเป็นตน้ เด่ียว ความช้ืนในดิน ฤดูกาลและอุณหภูมิ ไมป้ ระดบั น้นั ข้ึนอยกู่ บั
เช่น กหุ ลาบ กลว้ ยไม้ ๑.๒ การปลูกเป็นกลุ่ม เป็ นตน้ ชนิด และประเภทของ
แพงพวย บวั สาย ไมด้ อกไมป้ ระดบั
ดาวเรือง ๒. การปลูกในอากาศ ไดแ้ ก่ พวก ๒. การใส่ป๋ ุย จะตอ้ งพจิ ารณาดูวา่ ไมด้ อกไม้ เพราะอายกุ ารเกบ็ เก่ียว
กลว้ ยไมต้ ่าง ๆ จะแตกต่างกนั
ไม้ประดบั คือ พืชที่ปลูกไว้ ประดบั ชนิดไหนที่จะตอ้ งใหป้ ๋ ุยทางใบ
เพื่อความสวยงาม เพื่อ ๓. การปลูกในน้า เช่น บวั สาย บวั หลวง
ใชป้ ระโยชน์จากรูปร่าง ราชินีหินอ่อน เงินไหลมาทองไหล หรือทางราก
รูปทรง สีของลาตน้ หรือใบ
เช่น ปาลม์ วาสนา กวกั มา ๓. การปลูกไมด้ อกไมป้ ระดบั น้นั จะตอ้ ง
มรกต แววมยรุ า ดูแลกาจดั วชั พชื เป็นพิเศษ
๔. ตดั แต่งเอาก่ิงที่ไม่ตอ้ งการออก เพ่ือเป็น
การประหยดั ป๋ ุยและความสวยงาม
๕. การป้องกนั กาจดั ศตั รูแมลง ศตั รูแมลง
เป็นส่ิงสาคญั มากสาหรับการปลูกไม้
ดอกไมป้ ระดบั
ประเภทพืชผกั ตวั อย่างการปลูกพืช การเกบ็ เกยี่ ว
๑. พืชผกั ประเภทหวั พืชผกั
๒. พืชผกั กินตน้
๓. พืชผกั กินใบ วธิ ีปลกู การดูแลรักษา
๔. พืชผกั กินตน้ และใบ
๕. พชื ผกั กินดอก ๑. การหยอดหรือหวา่ นเมลด็ โดยตรงใน การดูแลรักษาผกั หลงั ปลูกหรือยา้ ย หลกั การเกบ็ เก่ียวพืช
๖. พชื ผกั กินผล แปลง เช่น พริก มะเขือ ผกั กาด คะนา้
ผกั บุง้ เป็นตน้ ปลูก จะตอ้ งทาใหผ้ กั เจริญเติบโตได้ ผกั ควรทาเมื่อพชื ผกั อายแุ ก่
๒. การเพาะกลา้ ก่อนแลว้ จึงยา้ ยปลูก อยา่ งดีท่ีสุดและต่อเนื่องจนถึงอายุ พอเหมาะ ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ชนิด
เช่น หอมหวั ใหญ่ กระเทียม พืช เกบ็ เก่ียว ไดแ้ ก่ การใหน้ ้าการใหป้ ๋ ุย ของผกั เพื่อใหไ้ ดผ้ กั ท่ีมีคุณค่า
ตระกลู กะหล่า เป็นตน้ การคลุมดิน รวมถึงอาจมีการใช้ ทางอาหารดีท่ีสุดเมื่อถึงมือ
สารเคมี แต่ปัจจุบนั การใชส้ ารเคมี ผบู้ ริโภค แต่ปัจจยั หน่ึงท่ี
ลดนอ้ ยลง เกษตรกรผปู้ ลูกผกั นิยม สาคญั ท่ีตอ้ งคานึงถึงคือการ
ปลูกผกั โดยไม่ใชส้ ารเคมีหรือท่ี ตลาด เมื่อผลิตออกมาแลว้ ไม่
เรียกวา่ ผกั ปลอดสารพษิ เพอื่ สามารถจดั จาหน่ายไดท้ าให้
ประโยชน์ต่อผบู้ ริโภคและ ผผู้ ลิตขาดทุน แต่ถา้ จะปลูกพชื
สิ่งแวดลอ้ ม เพ่ือบริโภคภายในครอบครัว
จะตอ้ งศึกษาดูวา่ ผกั ท่ีเราปลูก
มีอายกุ ารเกบ็ เก่ียวเท่าไร
ตวั อย่างการปลูกพืช
ลกั ษณะการเกบ็ เกย่ี วไม้ดอกไม้ประดบั
ช่ือพืช ลกั ษณะพืชทเ่ี กบ็ เกย่ี วได้ วธิ ีการเกบ็ เกย่ี ว
๑. กหุ ลาบ นบั อายพุ ชื หลงั จากปลูกประมาณ ๖ เดือน ดูจาก • ใชม้ ีดหรือกรรไกรตดั
๒. เยอบีร่า ลกั ษณะของกลีบดอกแรกตูม เร่ิมแยม้ และกลีบเล้ียง • ควรตดั ตอนเชา้ ตรู่
• การตดั ควรตดั ใหก้ า้ นช่อยาวที่สุดจะทา
๓. หนา้ ววั ท่ีหุม้ ดอกคล่ีออกเลก็ นอ้ ย
ใหด้ ูดน้าไดม้ ากเวลานาไปใส่แจกนั หรือ
ประดบั
• สาหรับการเพาะเล้ียงเน้ือเยอ่ื ใชเ้ วลา ๔-๕ เดือน การเกบ็ ดอกโดยการใชม้ ือจบั ที่กา้ นดอกเหนือ
ในการออกดอก ผวิ ดินประมาณ ๒๐ ซม. ดึงกา้ นดอกเฉียงๆ
• การแยกหน่อใชเ้ วลา ๒-๓ เดือน ดอกจะหลุดออกมาโดยง่าย
อายุ ๑๒-๑๔ เดือนหนา้ ววั จะเริ่มบานดอกแรก ใชม้ ีดตดั กา้ นใหย้ าวถึงโคน ตดั ตอนเชา้ ตรู่ดี
ที่สุด
ตวั อย่างการปลูกพืช
ลกั ษณะการเกบ็ เกย่ี วไม้ดอกไม้ประดบั
ช่ือพืช ลกั ษณะพืชทเ่ี กบ็ เกย่ี วได้ วธิ ีการเกบ็ เกยี่ ว
๔. ดาวเรือง อายุ ๖๐-๗๐ วนั สามารถตดั ดอกขายได้ • การตดั ตอ้ งตดั กา้ นดอกใหช้ ิดโคนตน้ มากท่ีสุด
• ตดั ดอกที่ยงั มีกลีบดอกตรงกลางดอกเป็นสีเขียวอยู่
๕. มะลิ
อายุ ๑-๓ ปี จะใหผ้ ลผลิตสูงสุด วธิ ีเกบ็ ใหใ้ ชม้ ือเดด็ ตรงกา้ นดอกใตก้ ลีบเล้ียง เกบ็ ขณะ
๖. วาสนา ดอกตูม
๗. กลว้ ยไม้ (พนั ธุห์ วายและ ดูขนาด ๘-๑๐ นิ้ว จะมีราคาแพง โดยการปลูกในกระถางจาหน่าย ควรตดั แต่งเอาใบแก่
มาดาม) ออกไป
โดยทวั่ ไปกลว้ ยไมแ้ ต่ละช่อจะมีดอกประมาณ • ใชก้ รรไกรหรือมีดตดั ท่ีโคนช่อ ส่วนที่เหนือจาก
๗-๑๔ ดอกดอกจะค่อยๆ บานจากโคนช่อไปยงั ตน้ เลก็ นอ้ ย
ปลายช่อ เม่ือเหลือดอกตูมที่ปลาย ๒-๓ ดอก เริ่ม • ควรเกบ็ เก่ียวในเวลาเชา้ ตรู่
เกบ็ เก่ียวได้
ศัตรูพืช
ศัตรูพืช คือ สิ่งที่ทาลายพชื ทาใหพ้ ืชมีความผิดปกติหรือเสียหาย เป็นอุปสรรคต่อการเพาะปลูก ทาให้
เกษตรกรไดร้ ับความเดือดร้อน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศได้
๑. วชั พืช ศัตรูพืช ๓. โรคพืช
แบ่งไดเ้ ป็น ๔
คือ พืชทเี่ กดิ ขนึ้ ในพืน้ ที่เพาะปลูกที่ คือ สิ่งทท่ี าให้พืชมลี กั ษณะผดิ ปกติ
ไม่ต้องการให้ขนึ้ คอยแย่งนา้ แย่ง ประเภท อาจเกดิ จากเชื้อจุลนิ ทรีย์ เช่น เชื้อรา
อาหารพืชทาให้พืชแคระแกร็น ไม่ แบคทเี รีย หรือจากสภาพแวดล้อมใน
เจริญเตบิ โตและอาจตายได้ ดงั น้ี การปลูกทไี่ ม่เหมาะสม เช่น ร้อน
เกนิ ไป
๒. แมลงศัตรูพืช
๔. สัตว์ศัตรูพืช
คือ แมลงทเี่ กดิ ขนึ้ ในพืน้ ท่ีเพาะปลูก
มที ้งั ทกี่ นิ ลาต้น ใบ ราก ผล แมลงบาง คือ สัตว์ทช่ี อบกดั กนิ และทาลาย
ประเภททาให้ต้นพืชแคระแกร็น ส่วนต่าง ของพืช
เพราะไปกดั กนิ ทาลายส่วนต่าง ของ
พืชน้ัน
การเกบ็ เกยี่ วพืช
การเกบ็ เก่ียวพืชตอ้ งคานึงถึงปัจจยั หลายอยา่ งประกอบกนั เพอื่ ใหผ้ ลิตผลที่เกบ็ เก่ียวมาน้นั เป็นท่ีตอ้ งการ
ของตลาดและผบู้ ริโภค
หลกั ในการเกบ็ เกย่ี วพืช การเกบ็ เก่ียวพืชที่ถูกตอ้ งและเหมาะสมมีหลกั การดงั น้ี
๑. ๒. ๓. ๔.
การเกบ็ ตามอายขุ องพืช การสังเกตลกั ษณะ การฟังเสียง พืชผล ช่วงเวลาในการเกบ็ เกี่ยว
พืชแตล่ ะชนิดแต่ละพนั ธุ์จะมี ภายนอกของผลผลิต เช่น หลายอยา่ ง เช่น บวบ ฟัก พืชบางอยา่ งจะเกบ็ ในตอนที่
อายกุ ารเกบ็ เก่ียวท่ีเหมาะสม การดูรูปร่าง สี ขนาด หรือ สับปะรด ทุเรียน ขนุน อากาศไม่ร้อน ไม่มีแดด เช่น
ของตนเองอยเู่ สมอ ผปู้ ลูก หลาย ๆ อยา่ งประกอบกนั แตงโม นอกจากจะสงั เกต ดอกไม้ ผกั ต่าง ๆ ส่วนผกั ท่ี
ตอ้ งเกบ็ เกี่ยวในเวลาท่ีกาหนด ลกั ษณะของผลเมื่อโตได้ กา้ นเปราะหกั ง่าย ควรเกบ็
ไวน้ ้นั อยา่ เกบ็ ก่อนหรือหลงั ขนาดแลว้ ยงั สามารถดีดผล ตอนมีแดด เพ่อื ใหพ้ ืชได้
นาน ๆ เพราะจะทาให้ เพอื่ ฟังเสียงบอกไดว้ า่ มี คายน้าออกไปถา้ เกบ็ ตอน
ความออ่ นแก่เพียงใด เชา้ ๆ กา้ นใบอาจจะหกั ง่าย
คุณภาพของผลผลิตเสียไป
การปลูกผกั สวนครัวไว้บริโภคตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง
พชื ผกั สวนครัวโดยทว่ั ไปจะตอ้ งทาแปลงปลูกเฉพาะ แตผ่ กั สวนครัวบางชนิดน้ีสามารถปลูกไดต้ ามริมร้ัวบา้ นลง
กระถาง หรือกระบะขนาดเลก็ ได้ ดูแลง่าย เกบ็ ทานไดเ้ ร่ือย ๆ เป็นการประหยดั รายจ่ายอีกทางหน่ึง ตวั อยา่ งพชื ผกั สวน
ครัวที่สามารถปลูกไดด้ ว้ ยตนเอง ไดแ้ ก่
กะเพรา บวบ โหระพาและแมงลกั พริก ตะไคร้ มะระ ตาลงึ