เรื่อ รื่ ง สามัค มั คีเ คี ภทคำ ฉันท์ รายงาน จัดทำ โดย เสนอ นางสาวกัลชุมา คำ อนุกูล กู เลขที่ ๑๖ นางสาววธัญญา ทุน ทุ ทวี เลขที่ ๓๒ นางสาวสริต ริ า หอมแดง เลขที่ ๓๓ คุณ คุ ครูณัฐยา อาจมัง มั กร รายงานเล่มนี้เ นี้ป็นส่ว ส่ นหนึ่งของการศึก ศึ ษา รายวิชาภาษาไทย (ท ๓๓๑๐๑) ภาคเรีย รี นที่ ๑ ปีการศึก ศึ ษา ๒๕๖๖ โรงเรีย รี นมัธ มั ยมวัดหนองแขม สำ นักงานพื้น พื้ ที่ก ที่ ารศึก ศึ ษามัธ มั ยมศึก ศึ ษา กรุงเทพมหานคร เขต ๑
เรื่อ รื่ ง สามัค มั คีเ คี ภทคำ ฉันท์ รายงาน จัดทำ โดย เสนอ นางสาวกัลชุมา คำ อนุกูล กู เลขที่ ๑๖ นางสาววธัญญา ทุน ทุ ทวี เลขที่ ๓๒ นางสาวสริต ริ า หอมแดง เลขที่ ๓๓ คุณ คุ ครูณัฐยา อาจมัง มั กร รายงานเล่มนี้เ นี้ป็นส่ว ส่ นหนึ่งของการศึก ศึ ษา รายวิชาภาษาไทย (ท ๓๓๑๐๑) ภาคเรีย รี นที่ ๑ ปีการศึก ศึ ษา ๒๕๖๖ โรงเรีย รี นมัธ มั ยมวัดหนองแขม สำ นักงานพื้น พื้ ที่ก ที่ ารศึก ศึ ษามัธ มั ยมศึก ศึ ษา กรุงเทพมหานคร เขต ๑
คำ นำ รายงานเล่มนี้จั นี้จั ดทำ ขึ้น ขึ้ เพื่อ พื่ เป็น ป็ ส่วส่นหนึ่งของวิชาภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ระดับชั้น ชั้ มัธ มั ยมศึก ศึ ษาปีที่ ปี ที่๖ จัดขึ้นเพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาความรู้ เรื่อ รื่ ง สามัค มั คีเภทคำ ฉัน ฉั ท์ โดยมีจุ มี จุ ดประสงค์เพื่อ พื่ เป็นแหล่งเรียนรู้ ตามความสนใจของผู้อ่ผู้ อ่าน ซึ่ง ซึ่ เนื้อ นื้ หาเป็นการนำ เอาแนวคิด ทฤษฎี ผลงานที่เกี่ยวข้อ ข้ งกับเรื่อ รื่ ง สามัค มั คีเภทคำ ฉันท์ มาสรุป เป็น ป็ องค์ความรู้เ รู้ พื่อ พื่ ความเข้า ข้ใจที่มากยิ่งขึ้น ขึ้ ผู้จัผู้ จั ดทำ หวังว่ารายงานเล่มนี้จ นี้ ะเป็นประโยชน์กั น์ กั บผู้อ่าน ไม่มม่ากก็น้อ น้ ยหากมีข้ มี อ ข้ ผิดผิพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ คณะผู้จัผู้ จั ดทำ ๑๑/๐๖/๖๖
สารบัญ บั คำ นำ สารบัญ บั เนื้อ นื้ หา ผู้แผู้ ต่ง จุดประสงค์ในการแต่ง ที่มาของเรื่อ รื่ ง ลักษณะคำ ประพัน พั ธ์ เรื่อ รื่ งย่อย่ก่อนบทเรียน ถอดคำ ประพัน พั ธ์ อธิบธิายคำ ศัพ ศั ท์ยาก คุณค่าวรรณคดี บรรณานุก นุ รม เรื่อ รื่ ง หน้า ก ข 5 6 7 13 14 38 41 43
ผู้แผู้ ต่ง เนื้อหา นายชิต ชิ บุรทัต ชิตชิบุรทัต นามสกุล กุ เดิม ชวางกูร กู เกิดเมื่อ มื่ วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ มีผ มี ลงานเป็น ป็ จำ นวนมาก เช่นช่สามัคมัคีเภทคำ ฉันฉัท์ นิรนิาศแมวคราว ฯลฯ นามปากกาในการสร้า ร้ งสรรค์ผลงาน เช่นช่เอกชน แมวคราว เจ้าเงาะ ฯลฯ และต่อมาได้รับรัพระราชทานนามสกุล กุ จาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎกุ เกล้าเจ้าอยู่หัยู่วหั “บุรทัต” ถึงแก่กรรมด้วยโรคลำ ไส้พิ ส้ กพิาร เมื่อ มื่ วันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๕ อายุ ๔๙ ปี
เนื้อหา “สามัค มั คีเภทคำ ฉัน ฉั ท์” เกิดจากวิกฤตการณ์ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในสมัย มั รัช รั กาลที่ ๖ เช่นช่สงครามโลกครั้ง รั้ ที่ ๑ กบฏ ร.ศ.๑๓๐ ประกอบกับคนไทย ในสมัย มั นั้น นั้ ได้รับ รั การศึก ศึ ษามากขึ้น ขึ้ ทำ ให้เ ห้ กิดแนวความคิด เกี่ยวกับกิจการบ้า บ้ นเมือ มื งที่หลากหลาย จึงส่งส่ผลกระทบต่อ ความมั่น มั่ คงของบ้า บ้ นเมือ มื ง ทำ ให้ให้ นช่วช่งดังกล่าวมัก มั เกิดความนิยนิม แต่งวรรณคดีปลุก ลุ ใจ ให้รั ห้ ก รั ชาติ สามัค มั คีเภทคำ ฉันท์ก็เป็น ป็ วรรณคดี ที่มุ่ง มุ่ ชี้ใชี้ ห้เ ห้ ห็น ห็ ความสำ คัญของความสามัค มั คีการรวมเป็น ป็ หมู่ค มู่ ณะ เป็น ป็ น้ำ หนึ่ง นึ่ใจเดียวกัน สามัค มั คีเภทคำ ฉัน ฉั ท์จึงถือเป็น ป็ วรรณคดีที่มี เนื้อ นื้ หาเป็น ป็ คติสอนใจ ที่ม ที่ าของเรื่อ รื่ ง จุดประสงค์ในการแต่ง เพื่อ พื่ มุ่ง มุ่ สรรเสริญ ริ ธรรม แห่ง ห่ ความสามัค มั คีเป็น ป็ แก่นของเรื่อ รื่ ง และหลักธรรม
เนื้อหา ๑. สัท สั ทุล ทุ วิกกีฬิ กี ต ฬิ ฉันท์ ๑๙ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีลีลาการอ่านสง่างาม เคร่งร่ขรึม รึ มีอำ มี อำนาจดุจ ดุ เสือ สื ผยอง ใช้แ ช้ ต่งสำ หรับ รั บทไหว้ครู บทสดุดี ดุ ดี ยอพระเกียรติ ๒. วสัน สั ตดิลกฉันท์ ๑๔ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีลี มีลี ลาไพเราะ งดงาม เยือ ยื กเย็น ย็ ดุจ ดุ เม็ด ม็ ฝน ใช้สำ ช้ สำหรับ รั บรรยายหรือ รื พรรณนาชื่น ชื่ ชมสิ่งสิ่ ที่สวยงาม ๓. อุปชาติฉันท์ ๑๑ นิยนิมแต่งสำ หรับ รั บทเจรจาหรือ รื บรรยาย ความเรีย รี บ ๆ ๔. อีทิ อี ทิ สัง สั ฉันท์ ๒๑ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีจั มีจั งหวะกระแทกกระทั้น เกรี้ย รี้ วกราด โกรธแค้น และอารมณ์รุนแรง เช่นช่รัก รั มาก โกรธ มาก ตื่นเต้น คึกคะนอง หรือพรรณนาความสับสน ๕. อินทรวิเชีย ชี รฉันท์ ๑๑ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีลี มีลี ลาสวยงามดุจสายฟ้า ฟ้ พระอินทร์ มีลี มีลี ลาอ่อนหวาน ใช้บ ช้ รรยายความหรือ รื พรรณนา เพื่อ พื่ โน้ม น้ น้า น้ วใจให้อ่ ห้ อ่นโยน เมตตาสงสาร เอ็นดู ให้อ ห้ ารมณ์เหงาและเศร้า ร้ งามสง่าดุจ ดุ งูเ งู ลื้อย นิยนิมใช้แ ช้ ต่งบทที่ ดำ เนินนิเรื่อ รื่ งอย่าย่งรวดเร็ว ร็ และคึกคัก ลักษณะคำ ประพัน พั ธ์ ฉัน ฉั ท์ ๑๙ ชนิดนิกาพย์ ๑ ชนิดนิ
เนื้อหา ๖. วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ หมายถึง ระเบีย บี บแห่ง ห่ สายฟ้า ฟ้ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่ใช้ในการบรรยายความ ๗. อินทรวงศ์ฉั ศ์ ฉั นท์ ๑๒ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีลี มีลี ลาตอนท้าย ไม่ร ม่ าบเรีย รี บคล้ายกลบทสะบัด บั สะบิ้ง บิ้ ใช้ในการบรรยายความหรือ รื พรรณนาความ ๘. วังสัฏ สั ฐฉันท์ ๑๒ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีสำ มี สำเนีย นี งอันไพเราะ เหมือ มื นเสียงปี่ ๙. มาลินีฉั นีฉั นท์ ๑๕ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่ใช้ในการแต่งกลบทหรือ รื บรรยายความที่เคร่ง ร่ ขรึม รึ เป็น ป็ สง่า ๑๐. ภุช ภุ งคประยาตฉันท์ ๑๒ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีลี มีลี ลางามสง่า ดุจ ดุ งูเ งู ลื้อย นิย นิ มใช้แต่งบทที่ดำ เนิน นิ เรื่อ รื่ งอย่า ย่ งรวดเร็ว ร็ และ คึกคัก ลักษณะคำ ประพัน พั ธ์ ฉัน ฉั ท์ ๑๙ ชนิดนิกาพย์ ๑ ชนิดนิ
เนื้อหา ๑๑. มาณวกฉันท์ ๘ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีลี มีลี ลาผาดโผน สนุก นุ สนาน ร่า ร่ เริง ริ และตื่นเต้นดุจ ดุ ชายหนุ่ม นุ่ ๑๒. อุเปนทรวิเชีย ชี รฉันท์ ๑๑ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีค มี วามไพเราะ ใช้ในการบรรยายบทเรีย รี บ ๆ ๑๓. สัท สั ธราฉันท์ ๒๑ มีค มี วามหมายว่า ฉัน ฉั ท์ยัง ยั ความเลื่อมใสให้เ ห้ กิดแก่ผู้ฟัง ฟั จึงเหมาะเป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ ที่ใช้สำ หรับ รั แต่งคำ นมัส มั การ อธิษ ธิ ฐาน ยอพระเกียรติ หรือ รื อัญเชิญเทวดา ใช้แต่งบทสั้น ๆ ๑๔. สาลินีฉั นีฉั นท์ ๑๑ เป็น ป็ บทที่มีคำ มี คำ ครุมาก ใช้บรรยาย บทที่เป็น ป็ เนื้อ นื้ หาสาระเรีย รี บ ๆ ๑๕. อุปัฏฐิต ฐิ าฉันท์ ๑๑ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่เหมาะสำ หรับ รั ใช้ บรรยายบทเรีย รี บ ๆ แต่ไม่ใม่ คร่มี ร่ ค มี นนิย นิ มแต่งมากนัก นั ลักษณะคำ ประพัน พั ธ์ ฉัน ฉั ท์ ๑๙ ชนิดนิกาพย์ ๑ ชนิดนิ
เนื้อหา ๑๖. โตฏกฉันท์ ๑๒ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่มีลี มีลี ลาสะบัด บั สะบิ้งบิ้ เหมือ มื นประตักแทงโค ใช้แ ช้ ต่งกับบทที่แสดงความโกรธเคือง ร้อ ร้ นรน หรือ รื สนุก นุ สนาน คึกคะนอง ตื่นเต้น และเร้า ร้ใจ ๑๗. กมลฉันท์ ๑๒ หมายถึง ฉัน ฉั ที่มีค มี วามไพเราะ เหมือ มื นดังดอกบัว บั ใช้กั ช้ กั บบทที่มีค มี วามตื่นเต้นเล็กน้อ น้ ยและใช้ บรรยายเรื่อ รื่ ง ๑๘. จิตรปทาฉันท์ ๘ เป็น ป็ ฉัน ฉั ท์ที่เหมาะสำ หรับ บทที่น่าน่กลัว เอะอะ เกรี้ย รี้ วกราด ตื่นเต้นตกใจและกลัว ๑๙. สุร สุ างคนางค์ฉันท์ ๒๘ มีลั มีลั กษณะการแต่งคล้าย กาพย์สุ ย์ ร สุ างคนางค์ ๒๘ แต่ต่างกันที่มีข้ มี ข้ อบัง บั คับ ครุ ลหุ เพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ มา ทำ ให้เ ห้ กิดความไพเราะมากยิ่งยิ่ขึ้น ขึ้ เหมาะสำ หรับข้อ ข้ ความที่คึกคัก สนุก นุ สนาน โลดโผน ตื่นเต้น ๒๐. กาพย์ฉ ย์ บัง บั ๑๖ เป็น ป็ กาพย์ที่มีลี มีลี ลาสง่างาม ใช้สำ ช้ สำหรับ รั บรรยาย ความงามหรือ รื ดำ เนินนิเรื่อ รื่ งอย่าย่งรวดเร็ว ร็ ลักษณะคำ ประพัน พั ธ์ ฉัน ฉั ท์ ๑๙ ชนิดนิกาพย์ ๑ ชนิดนิ
เนื้อหา แผนผัง ผั อินทรวิเชีย ชี รฉัน ฉั ท์ ตัวอย่าย่งคำ ประพันธ์
เนื้อหา แผนผัง ผั วิชชุมมาลาฉัน ฉั ท์ ตัวอย่าย่งคำ ประพัน พั ธ์
เนื้อหา สมัยมัก่อนที่พระพุทพุธเจ้าจะปรินิริพนิพานไม่นม่านนักนัพระเจ้าอชาตศัตศัรูทรงครองราชสมบัติบั ติที่ นครราชคฤห์ แคว้นมคธ พระองค์ทรงมีวัมีวัสสการพราหมณ์ผู้ณ์ฉผู้ ลาดและรอบรู้ศิรู้ลศิปศาสตร์เร์ป็น ป็ ที่ปรึกรึษาราชกิจทั่วไปขณะนั้นนั้ทรงปรารภจะแผ่พผ่ระราชอาณาเขตเข้าข้ไปถึงแคว้นวัชชีแชีต่ กริ่งริ่เกรงว่ามิอมิาจเอาชนะได้ด้วยการส่งส่กองทัพเข้าข้รุกราน เนื่อนื่งจากบรรดากษัตริย์ริลิย์ ลิจฉวีมี ความสามัคมัคีสูงและการปกครองอาณาประชาราษฎ์รด้วยธรรมอันนำ ความเจริญริ เข้มข้แข็ง ข็ มาสู่แสู่ว่นแคว้น พระเจ้าอชาตศัตศัรูทรงหารือรืเรื่อรื่งนี้เนี้ป็น ป็ การเฉพาะกับ วัสสการพราหมณ์ จึงเห็น ห็ แจ้งในอุบายจะเอาชนะด้วยปัญปัญาวันหนึ่งนึ่พระเจ้าอชาตศัตศัรูเสด็จ ออกว่าราชการ พร้อร้มพรั่งรั่ด้วยเสนาอำ มาตย์ชั้ย์ ชั้นชั้ผู้ใผู้หญ่เญ่มื่อมื่เสร็จ ร็ วาระเรื่อรื่งอื่น ๆ ลงแล้ว จึงตรัสรั ในเชิงชิหารือรืว่าหากพระองค์จะยกทัพไปปราบแคว้นวัชชีใชีครจะเห็น ห็ คัดค้าน ประการใด วัสสการพราหมณ์ฉณ์วยโอกาสเหมาะกับอุบายตนที่วางไว้ ก็กราบทูลทูท้วงว่า เห็น ห็ ทีจะเอาชนะไม่ไม่ด้เพราะกษัตริย์ริลิย์ ลิจฉวีทุกทุองค์ล้วนผูกผูพันพัเป็น ป็ กัลยาณมิตมิรอย่าย่งมั่นมั่คง มี ความสามารถในการศึกศึและกล้าหาญ อีกทั้งโลกจะติเตียน หากฝ่าฝ่ยมคธจงใจประทุษทุร้าร้ย รุกรานเมือมืงอื่น ขอให้ยัห้บยัยั้งยั้การทำ ศึกศึเอาไว้เพื่อพื่ความสงบของประชาราษฎร์ พระเจ้าอชาตศัตศัรูทรงแสร้งร้แสดงพระอาการพิโพิรธหนักนัถึงขั้นขั้รับรัสั่งสั่ให้ปห้ระหารชีวิชีวิตเสียสี แต่ทรงเห็น ห็ ว่าวัสสการพราหมณ์รัณ์บรัราชการมานานจึงลดโทษการดูหดูมิ่นมิ่พระบรมเดชานุภนุาพ ครั้งรั้นั้นนั้เพียพีงแค่ลงพระราชอาญาเฆี่ยฆี่นตีอย่าย่งแสนสาหัสหัจนสลบไสลโกนหัวหัประจานและ เนรเทศออกไปจากแคว้นมคธ เรื่อ รื่ งย่อ ย่
เนื้อหา วัสสการพราหมณ์ใช้ค ช้ วามไว้ใจเป็นอุบายทำ ลายความสามัคมัคี ฉันทลักษณ์ ภุช ภุ งคประยาตฉันท์ ๑๒ ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึง นึ การ กษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีวาร ระวังเหือ หื ดระแวงหาย เหมาะแก่การณ์จ ณ์ ะเสกสรร ปวัตน์วั น์ วัญจโนบาย มล้างเหตุพิตุเพิฉทสาย สมัคมัรสนธิ์สธิ์ โมสร ถอดความได้ว่า พราหมณ์ผู้ ณ์ ฉผู้ ลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีวางใจ คลายความหวาดระแวง เป็น ป็ โอกาสเหมาะที่จะเริ่มริ่ดำ เนินนิการตามกลอุบาย ทำ ลายความสามัคมัคี ณวันหนึ่ง นึ่ ลุถึลุถึ งกา ลศึก ศึ ษาพิชพิากร กุมกุารลิจฉวีวร เสด็จพร้อ ร้ มประชุมกัน ตระบัดบัวัสสการมา สถานราชเรีย รี นพลัน ธแกล้งเชิญชิกุมกุารฉันฉัสนิทนิหนึ่ง นึ่ พระองค์ไป ถอดความได้ว่า วันหนึ่ง นึ่ เมื่อ มื่ ถึงโอกาสที่จะสอนวิชา กุมกุารลิจฉวีก็เสด็จมาโดย พร้อ ร้ มเพรีย รี งกัน ทันใดวัสสการพราหมณ์ก็ ณ์ ก็ มาถึงและแกล้งเชิญชิพระกุมกุาร พระองค์ที่สนิทนิสนมเข้า ข้ไปพบ ลุห้ลุอ ห้ งหับหัรโหฐาน ก็ถามการณ์ ณ ทันใด มิลี้มิลี้ลับอะไรใน กถาเช่นช่ธปุจฉา จะถูกถูผิดผิกระไรอยู่ มนุษนุย์ผู้ ย์ กผู้ ระทำ นา และคู่โคู่คก็จูงมา ประเทียบไถมิใมิช่หช่รือ รื ถอดความได้ว่า เมื่อ มื่ เข้า ข้ไปในห้อ ห้ งส่วส่นตัวแล้วก็ทูลทูถามเรื่อ รื่ งที่ไม่ใม่ช่คช่วามลับ แต่ประการใด ดังเช่นช่ถามว่า ชาวนาจูงโคมาคู่หคู่นึ่ง นึ่ เพื่อ พื่ เทียมไถใช่หช่รือ รื ไม่ ถอดคำ ประพัน พั ธ์
เนื้อหา กุมกุารลิจฉวีขัตขัติย์ ก็รับรัอรรถอออือ กสิกสิเขากระทำ คือ ประดุจดุคำ พระอาจารย์ ก็เท่านั้นนั้ธเชิญชิ ให้ นิวันิวัตในมิช้มิา ช้ นาน ประสิทสิธิ์ศิธิ์ลศิป์ปป์ ระศาสน์ส น์ าร สมัยมัเลิกลุเลุวลา ถอดความได้ว่า พระกุมกุารลิจฉวีก็รับรัสั่งสั่เห็น ห็ ด้วยว่าชาวนาก็คงจะกระทำ ดัง คำ ของพระอาจารย์ถ ย์ ามเพีย พี งเท่านั้นนั้พราหมณ์ก็ ณ์ ก็ เชิญชิ ให้เ ห้ สด็จกลับออกไป ครั้นรั้ถึงเวลาเลิกเรีย รี น อุรสลิจฉวีสรร พชวนกันเสด็จมา และต่างซักซักุมกุารรา ชองค์นั้นนั้จะเอาความ พระอาจารย์สิ ย์ เสิรีย รี กไป ณข้า ข้ งในธไต่ถาม อะไรเธอเสนอตาม วจีสัตสัย์ก ย์ ะส่ำ เรา ถอดความได้ว่า เหล่าโอรสลิจฉวีก็พากันมาซักซั ไซ้พ ซ้ ระกุมกุารว่าพระอาจารย์ เรีย รี กเข้า ข้ไปข้า ข้ งใน ได้ไต่ถามอะไรบ้า บ้ ง ขอให้ บอกมาตามความจริงริ กุมกุารนั้นนั้สนองสา รวากย์ว ย์ าทตามเลา เฉลยพจน์ก น์ ะครูเสา วภาพโดยคดีมา กุมกุารอื่นก็สงสัยสัมิเมิชื่อ ชื่ ในพระวาจา สหายราชธพรรณนา และต่างองค์ก็พาที ถอดความได้ว่า พระกุมกุารพระองค์นั้นนั้ก็เล่าเรื่อ รื่ งราวที่พระอาจารย์เ ย์ รีย รี กไป ถามแต่เหล่ากุมกุารสงสัยสั ไม่เม่ชื่อ ชื่ คำ พูดพูของ พระสหาย ต่างองค์ก็วิจารณ์ ไฉนเลยพระครูเรา จะพูดพูเปล่าประโยชน์มี น์ มี เลอะเหลวนักนัละล้วนนี รผลเห็น ห็ บเป็น ป็ ไป เถอะถึงถ้าจะจริงริแม้ ธพูดพูแท้ก็ทำ ไม แนะชวนเข้า ข้ ณข้า ข้ งใน จะถามนอกบยากเย็น ย็ ถอดความได้ว่า วิจารณ์ว่ ณ์ ว่าพระอาจารย์จ ย์ ะพูดพูเรื่อ รื่ งเหลวไหลไร้ส ร้ าระเช่นช่นี้ เป็น ป็ ไปไม่ไม่ด้ และหากว่าจะพูดพูจริงริเหตุใตุด จะต้องเรีย รี กเข้า ข้ไปถามข้า ข้ งในห้อ ห้ ง ถามข้า ข้ งนอกห้อ ห้ งก็ได้
เนื้อหา ชะรอยว่าทิชาจารย์ ธคิดอ่านกะท่านเป็น ป็ รหัสหัเหตุปตุระเภทเห็น ห็ ละแน่ชัน่ดชัถนัดนัความ และท่านมามุสมุาวาท มิกมิล้าอาจจะบอกตา พจีจริงริพยายาม ไถลแสร้ง ร้ แถลงสาร ถอดความได้ว่า สงสัยสัว่าท่านอาจารย์กั ย์ กับพระกุมกุารต้องมีค มี วามลัอย่าย่งแน่นน่อน แล้วก็มาพูดพูโกหกไม่กม่ล้าบอกตาม ความเป็น ป็ จริงริ แกล้งพูดพูไปต่าง ๆ นานา กุมกุารราชมิตมิรผอง ก็สอดคล้องและแคลงดาล พิโพิรธกาจวิวาทการณ์ อุบัติบั ติขึ้น ขึ้ เพราะขุ่นขุ่เคือง พิพิพิธพิพันพัธไมตรี ประดามีนิ มี รันินรัดร์เ ร์ นือ นื ง กะองค์นั้นนั้ก็พลันเปลือง มลายปลาตพินพิาศปลง ถอดความได้ว่า กุมกุารลิจฉวีทั้งหลายเห็น ห็ สอดคล้องกันก็เกิดความโกรธเคือง การทะเลาะวิวาทก็เกิดขึ้น ขึ้ เพราะความขุ่นขุ่เคืองใจ ความสัมสัพันพัธ์อั ธ์ อันดีที่เคยมี มาตลอดก็ถูกถูทำ ลายย่อย่ยยับยัลง ฉันทลักษณ์ มาณวกฉันท์ ๘ ล่วงลุปลุระมาณ กาลอนุกนุรม หนึ่ง นึ่ ณนิยนิม ท่านทวิชงค์ เมื่อ มื่ จะประสิทสิธิ์ วิทยะยง เชิญชิวรองค์ เอกกุมกุาร ถอดความได้ว่า เวลาผ่าผ่นไปตามลำ ดับ เมื่อ มื่ ถึงคราวที่จะสอนวิชาก็จะเชิญชิ พระกุมกุารพระองค์หนึ่ง นึ่
เนื้อหา เธอจรตาม พราหมณไป โดยเฉพาะใน ห้อ ห้ งรหุฐหุานน จึ่งพฤฒิถฒิาม ความพิสพิดา ขอธประทาน โทษะและไข ถอดความได้ว่า พระกุมกุารก็ตามพราหมณ์เ ณ์ ข้า ข้ไปในห้อ ห้ งเฉพาะพราหมณ์ จึงถามเนื้อ นื้ ความแปลก ๆ ว่า ขออภัย ช่วช่ยตอบด้วย อย่าย่ติและหลู่ ครูจะเฉลย เธอน่ะน่เสวย ภัตกะอะไร ในทินนี่ ดีฤไฉน พอหฤทัย ยิ่งยิ่ละกระมังมั ถอดความได้ว่า อย่าย่หาว่าตำ หนิหนิรือ รื ลบหลู่ ครูขอถามว่าวันนี้พ นี้ ระกุมกุาร เสวยพระกระยาหารอะไรรสชาติดีหรือ รื ไม่พม่อพระทัยมากหรือ รื ไม่ ราชธก็เล่า เค้าณประโยค ตนบริโริภค แล้วขณะหลัง วาทะประเทือง เรื่อ รื่ งสิปสิระทัง อาคมยังยัสิกสิขสภา ถอดความได้ว่า พระกุมกุารก็เล่าเรื่อ รื่ งเกี่ยวกับพระกระยาหารที่เสวยหลังจาก นั้นนั้ก็สนทนาเรื่อ รื่ งทั่วไป แล้วก็เสด็จกลับออกมายังยัห้อ ห้ งเรีย รี น
เนื้อหา เสร็จ ร็ อนุศนุาสน์ ราชอุรส ลิจฉวิหมด ต่างธก็มา ถามนยมาน ท่านพฤฒิอฒิา จารยปรา รภกระไร ถอดความได้ว่า แล้วก็เสด็จกลับออกมายังยัห้อ ห้ งเรีย รี น เมื่อ มื่ เสร็จ ร็ สิ้นสิ้การสอน ราชกุมกุารลิจฉวีทั้งหมดก็มาถามเรื่อ รื่ งราวที่มีม มี าว่าท่านอาจารย์ ได้พูดพูเรื่อ รื่ งอะไรบ้า บ้ ง เธอก็แถลง แจ้งระบุมวล ความเฉพาะล้วน จริงริหฤทัย ต่างบมิเมิชื่อ ชื่ เมื่อ มื่ ตริไริฉน จึ่งผลใน เหตุบตุมิสมิม ถอดความได้ว่า พระกุมกุารก็ตอบตามความจริงริแต่เหล่ากุมกุารต่างไม่เม่ชื่อ ชื่ เพราะคิดแล้วไม่สม่มเหตุสตุมผล ขุ่นขุ่มนเคือง เรื่อ รื่ งนฤสาร เช่นช่กะกุมกุาร ก่อนก็ระ เลิกสละแยก แตกคณะกล เกลียวบนิยนิม คบดุจดุเดิม ถอดความได้ว่า ต่างขุ่นขุ่เคืองใจด้วยเรื่อ รื่ งไร้ส ร้ าระเช่นช่เดียวกับ พระกุมกุารพระองค์ก่อนและเกิดความแตกแยกไม่คม่บกันอย่าย่งกลมเกลียว เหมือ มื นเดิม
เนื้อหา ฉันทลักษณ์ อุเปนทรวิเชีย ชี รฉันท์ ๑๑ ทิชงค์เจาะจงเจตน์ กลห์เ ห์ หตุยุตุ ยุงเสริมริ กระหน่ำ และซ้ำ เติม นฤพัทพัธก่อการณ์ ละครั้งรั้ระหว่างครา ทินวารนานนาน เหมาะท่าทิชาจารย์ ธก็เชิญชิเสด็จไป ถอดความได้ว่า พราหมณ์เ ณ์ จตนาหาเหตุยุตุ ยุแหย่ซ้ำย่ซ้ำเติมอยู่เยู่สมอ ๆ แต่ละครั้งรั้ แต่ละวัน นานนานครั้งรั้เห็น ห็ โอกาสเหมาะก็จะเชิญชิพระกุมกุารเสด็จไป บห่อห่นจะมีส มี า รฤหาประโยชน์ไน์ ร กระนั้นนั้เสมอนัยนัเสาะแสดงธแสร้ง ร้ ถาม และบ้า บ้ งก็พูดพูว่า น่ะน่แน่ะน่ข้า ข้ สดับตาม ยุบลระบิลบิความ พจแจ้งกระจายมา ถอดความได้ว่า ไม่มีม่ส มี ารประโยชน์อั น์ อันใดแล้วก็แกล้งทูลทูถาม บางครั้งรั้ก็พูดพูว่า นี่แ นี่ น่ะน่ข้า ข้ พระองค์ได้ยินยิข่าข่วเล่าลือกันทั่วไป ละเมิดมิติเตียนท่าน ก็เพราะท่านสิแสิสนสา รพัดพัทลิทภา วและสุดสุจะขัดขัสน จะแน่มิน่แมิน่เน่หลือ พิเพิคราะห์เ ห์ ชื่อ ชื่ เพราะยากยล ณที่บมีค มี น ธก็ควรขยายความ ถอดความได้ว่า เขานินนิทาพระกุมกุารว่าพระองค์แสนจะยากจนและขัดขัสน จะเป็น ป็ เช่นช่นั้นนั้แน่หน่รือ รื พิเพิคราะห์แ ห์ ล้วไม่น่ม่าน่เชื่อ ชื่ ณ ที่นี้ไนี้ ม่มีม่ มี ผู้ใผู้ดขอให้ท ห้ รงเล่ามาเถิด
เนื้อหา และบ้า บ้ งก็กล่าวว่า น่ะน่แน่ะน่ข้า ข้ จะขอถาม เพราะทราบคดีตาม วจลือระบือ บื มา ติฉินฉิเยาะหมิ่นมิ่ท่าน ก็เพราะท่านสิแสิสนสา รพันพัพิกพิลกา ยพิลึพิลึ กประหลาดเป็น ป็ ถอดความได้ว่า บางครั้งรั้ก็พูดพูว่าข้า ข้ พระองค์ขอทูลทูถามพระกุมกุาร เพราะได้ยินยิ เขาเล่าลือกันทั่วไปเยาะเย้ย ย้ ดูหดูมิ่นมิ่ท่านว่าท่านนี้มี นี้ ร่ มี าร่งกายผิดผิประหลาดต่าง ๆ นานาจะเป็น ป็ จริงริหรือ รื ไม่ จะจริงริมิจมิริงริเหลือ มนเชื่อ ชื่ เพราะไป่เป่ห็น ห็ ผิข้ผิอ ข้ บลำ เค็ญ ธก็ควรขยายความ กุมกุารองค์เสา วนเค้าคดีตาม กระทู้พทู้ระครูถาม นยสุดสุจะสงสัยสั ถอดความได้ว่า ใจไม่อม่ยากเชื่อ ชื่ เลยเพราะไม่เม่ห็น ห็ ถ้าหากมีสิ่ มี งสิ่ใดที่ลำ บากยาก แค้นก็ตรัสรัมาเถิดพระกุมกุารได้ทรงฟังฟัเรื่อ รื่ งที่พระอาจารย์ ถามก็ตรัสรัถามกลับว่า สงสัยสัเหลือเกิน ก็คำ มิคมิวรการณ์ คุรุคุ รุท่านจะถามไย ธซักซัเสาะสืบ สื ใคร ระบุแจ้งกะอาจารย์ ทวิชแถลงว่า พระกุมกุารโน้น น้ ขาน ยุบลกะตูกตูาล เฉพาะอยู่กยู่ะกันสอง ถอดความได้ว่า เรื่อ รื่ งไม่สม่มควรเช่นช่นี้ท่ นี้ ท่านอาจารย์จ ย์ ะถามทำ ไม แล้วก็ซักซั ไซ้ ว่าใครเป็น ป็ ผู้มผู้ าบอกกับอาจารย์พ ย์ ราหมณ์ก็ ณ์ ก็ ตอบว่าพระกุมกุารพระองค์ โน้น น้ ตรัสรับอกเมื่อ มื่ อยู่กัยู่ กันเพีย พี งสองต่อสอง
เนื้อหา กุมกุารพระองค์นั้นนั้ธมิทัมิ ทันจะไตร่ตร่รอง ก็เชื่อ ชื่ ณคำ ของ พฤฒิคฒิรูและวู่วาม พิโพิรธกุมกุารองค์ เหมาะเจาะจงพยายาม ยุครูเพราะเอาความ บมิดีมิ ดีประเดตน ถอดความได้ว่า กุมกุารพระองค์นั้นนั้ ไม่ทัม่ ทันได้ไตร่ตร่รอง ก็ทรงเชื่อ ชื่ ในคำ พูดพู ของอาจารย์ด้ ย์ ด้วยความวู่วามก็กริ้วริ้พระกุมกุารที่ยุพระอาจารย์ใย์ ส่คส่วามตน ก็พ้อพ้และต่อพิษพิทุรทุทิฐิมฐิานจน ลุโลุทสะสืบ สื สน ธิพิธิพพิาทเสมอมา และฝ่าฝ่ยกุมกุารผู้ ทิชครูมิเมิรีย รี กหา ก็แหนงประดารา ชกุมกุารทิชงค์เชิญชิ ถอดความได้ว่า จึงตัดพ้อพ้ต่อว่ากันขึ้น ขึ้ เกิดความโกรธเคืองทะเลาะวิวาทกันอยู่ เสมอฝ่าฝ่ยพระกุมกุารที่พราหมณ์ไณ์ ม่เม่คยเรีย รี กเข้าข้ไปหาก็ไม่พม่อพระทัยพระกุมกุาร ที่พราหมณ์เ ณ์ ชิญชิ ไปพบ พระราชบุตรลิจ ฉวิมิตมิรจิตเมินมิ ณกันและกันเหินหิคณะห่าห่งก็ต่างถือ ทะนงชนกตน พลล้นเถลิงลือ ก็หาญกระเหิมหิฮือ มนฮึกบนึก นึ ขาม ถอดความได้ว่า พระกุมกุารลิจฉวีหมางใจและเหินหิห่าห่งกัน ต่างองค์ทะนงว่า พระบิดบิาของตนมีอำ มี อำนาจล้นเหลือจึงมีใมี จกำ เริบริ ไม่เม่กรงกลัวกัน
เนื้อหา ฉันทลักษณ์ สัทสัธราฉันท์ ๒๑ ลำ ดับนั้นนั้วัสสการพราหมณ์ ธก็ยุศิษศิยตาม แต่งอุบายงาม ฉงนงำ ปวงโอรสลิจฉวีดำ ริณริวิรุธก็สำ คัญประดุจดุคำ ธเสกสรร ถอดความได้ว่า ในขณะนั้นนั้วัสสการพราหมณ์ก็ ณ์ ก็ คอยยุลูกลูศิษศิย์ แต่งกลอุบาย ให้เ ห้ กิดความแคลงใจพระโอรสกษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีทั้งหลายไตร่ตร่รอง ในอาการน่าน่สงสัยสัก็เข้า ข้ใจว่าเป็น ป็ จริงริดังถ้อยคำ ที่อาจารย์ปั้ย์ ปั้นปั้เรื่อ รื่ งขึ้น ขึ้ ไป่เป่หลือเลยสักสัพระองค์อัน มิลมิะปิยปิะสหฉันฉัท์ ขาดสมัคมัรพันพัธ์ ก็อาดูรดู ต่างองค์นำ ความมิงมิามทูลทูพระชนกอดิศูรศู แห่งห่ธโดยมูลมูปวัตติ์ควา ถอดความได้ว่า ไม่มีม่เ มี หลือเลยสักสัพระองค์เดียวที่จะมีค มี วามรักรั ใคร่กร่ลมเกลียว ต่างขาดความสัมสัพันพัธ์เ ธ์ กิดความเดือดร้อ ร้ นใจ แต่ละองค์นำ เรื่อ รื่ งไม่ดีม่ ดี ที่เกิดขึ้น ขึ้ ไปทูลทูพระบิดบิาของตน แตกร้า ร้ วก้าวร้า ร้ ยก็ป้า ป้ ยปาม ลุวลุรบิดบิรลาม ทีละน้อ น้ ยตาม ณเหตุผตุล ฟั่นฟั่เฝือ ฝื เชื่อ ชื่ นัยนัดนัยนัตน นฤวิเคราะหเสาะสน สืบ สื จะหมองมล เพราะหมายใด ถอดความได้ว่า ความแตกแยกก็ค่อย ๆ ลุกลุลามไปสู่พสู่ระบิดบิาเนื่อ นื่ งจากความหลงเชื่อ ชื่ โอรสของตนปราศจากการใคร่คร่รวญเกิดความผิดผิพ้อ พ้ งหมองใจกันขึ้น ขึ้
เนื้อหา แท้ท่านวัสสการใน กษณะตริเริหมาะไฉน เสริมริเสมอไป สะดวกดาย หลายอย่าย่งต่างกลธขวนขวาย พจนยุปริยริาย วัญจโนบาย บเว้นครา ถอดความได้ว่า ฝ่าฝ่ยวัสสการพราหมณ์ค ณ์ รั้นรั้เห็น ห็ โอกาสเหมาะสมก็คอยยุแหย่ อย่าย่งง่ายดายทำ กลอุบายต่าง ๆ พูดพูยุยงตามกลอุบายตลอดเวลา ครั้นรั้ล่วงสามปีปปี ระมาณมา สหกรณประดา ลิจฉวีรา ชทั้งหลาย สามัคมัคีธรรมทำ ลาย มิตมิรภิทนะกระจาย สรรพเสื่อ สื่ มหายน์ ก็เป็น ป็ ไป ถอดความได้ว่า เวลาผ่าผ่นไปประมาณ ๓ ปี ความร่วร่มมือ มื กันระหว่าง กษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีทั้งหลายและความสามัคมัคีถูกถูทำ ลายลงสิ้นสิ้ความเป็น ป็ มิตมิร แตกแยก ความเสื่อ สื่ ม ความหายนะก็บังบัเกิดขึ้น ขึ้ ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน พระราชหฤทยวิสัยสั ผู้พิผู้ โพิรธใจ ระวังกัน ถอดความได้ว่า กษัตริย์ริต่ ย์ ต่างองค์ระแวงแคลงใจมีค มี วามขุ่นขุ่เคืองใจซึ่ง ซึ่ กันและกัน
เนื้อหา ฉันทลักษณ์ สาลินีฉั นีฉันท์ ๑๑ พราหมณ์ค ณ์ รูรู้สั รู้ งสัเกต ตระหนักนัเหตุถตุนัดนัครันรั ราชาวัชชีส ชี รร พจักสู่พิสู่นพิาศสม ยินยิดีบัดบันี้กิ นี้กิจ จะสัมสัฤทธิ์มธิ์นารมณ์ เริ่มริ่มาด้วยปรากรม และอุตสาหแห่งห่ตน ถอดความได้ว่า พราหมณ์ผู้ ณ์ เผู้ป็น ป็ ครูสังสัเกตเห็น ห็ ดังนั้นนั้ก็รู้ว่ รู้ว่าเหล่ากษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวี กำ ลังจะประสบความพินพิาศจึงยินยิดีมากที่ภารกิจประสบผลสำ เร็จ ร็ สมดังใจ หลังจากเริ่มริ่ต้นด้วยความบากบั่นบั่และความอดทนของตน ให้ล ห้ องตีกลองนัดนั ประชุมขัตขัติย์ม ย์ ณฑล เชิญชิซึ่ง ซึ่ ส่ำ สากล กษัตริย์ริสู่ ย์ สสู่ภาคาร วัชชีภู ชี มีภูผ มี อง สดับกลองกระหึม หึ ขาน ทุกทุไท้ไป่เป่อาภาร ณกิจเพื่อ พื่ เสด็จไป ถอดความได้ว่า จึงให้ล ห้ องตีกลองนัดนัประชุมกษัตริย์ริฉ ย์ วี เชิญชิทุกทุพระองค์เสด็จ มายังยัที่ประชุม ฝ่าฝ่ยกษัตริย์ริวั ย์ วัชชีทั้ ชีทั้งหลายทรงสดับเสีย สี งกลองดังกึกก้อง ทุกทุพระองค์ไม่ทม่รงเป็น ป็ ธุระในการเสด็จไป ต่างทรงรับรัสั่งสั่ว่า จะเรีย รี กหาประชุมไย เราใช่เช่ ป็น ป็ ใหญ่ใญ่จ ก็ขลาดกลัวบกล้าหาญ ท่านใดที่เป็น ป็ ใหญ่ และกล้าใครมิเมิปรีย รี บปาน พอใจใคร่ใร่นการ ประชุมชอบก็เชิญชิเขา ถอดความได้ว่า ต่างองค์รับรัสั่งสั่ว่าจะเรีย รี กประชุมด้วยเหตุใตุด เราไม่ไม่ด้เป็น ป็ ใหญ่ ใจก็ขลาด ไม่กม่ล้าหาญผู้ใผู้ดเป็น ป็ ใหญ่ มีค มี วามกล้าหาญไม่มีม่ผู้ มี ใผู้ดเปรีย รี บได้ พอใจจะเสด็จไปร่วร่มประชุมก็เชิญชิเขาเถิด
เนื้อหา ปรึก รึ ษาหารือ รื กัน ไฉนนั้นนั้ก็ทำ เนา จักเรีย รี กประชุมเรา บแลเห็น ห็ ประโยชน์เ น์ ลย รับรัสั่งสั่ผลักไสส่งส่และทุกทุองค์ธเพิกพิเฉย ไป่ไป่ด้ไปดั่งเคย สมัคมัรเข้า ข้ สมาคม ถอดความได้ว่า จะปรึก รึ ษาหารือ รื กันประการใดก็ช่าช่งเถิด จะเรีย รี กเราไปประชุม มองไม่เม่ห็น ห็ ประโยชน์ปน์ ระการใด เลยรับรัสั่งสั่ให้พ้ ห้ น พ้ ตัวไป และทุกทุพระองค์ ก็ทรงเพิกพิเฉยไม่เม่สด็จไปเข้า ข้ ร่วร่มการประชุมเหมือ มื นเคย ฉันทลักษณ์ อุปัฏฐิตฐิาฉันท์ ๑๑ เห็น ห็ เชิงชิพิเพิคราะห์ช่ ห์ อช่ง ชนะคล่องประสบสม พราหมณ์เ ณ์ วทอุดม ธก็ลอบแถลงการณ์ ให้วั ห้ วัลลภชน คมดลประเทศฐาน กราบทูลทูนฤบาล ภิเผ้า ผ้ มคธไกร ถอดความได้ว่า เมื่อ มื่ พิจพิารณาเห็น ห็ ช่อช่งทางที่จะได้ชัยชัชนะอย่าย่งง่ายดาย พราหมณ์ผู้ ณ์ รผู้อบรู้พ รู้ ระเวทก็ลอบส่งส่ข่าข่วให้ค ห้ นสนิทนิเดินทางกลับไปยังยับ้า บ้ นเมือ มื ง กราบทูลทูกษัตริย์ริแ ย์ ห่งห่แคว้นมคธอันยิ่งยิ่ใหญ่ แจ้งลักษณสา สนว่ากษัตริย์ริ ใย์ น วัชชีบุ ชีบุรไกร วลหล้าตลอดกัน บัดบันี้สิ นี้ ก็สิก็ แตก คณะแผกและแยกพรรค์ ไป่เป่ ป็น ป็ สหฉันฉัทเสมือ มื นเสมอมา ถอดความได้ว่า ยิ่งยิ่ใหญ่ ในสาสน์แ น์ จ้งว่ากษัตริย์ริวั ย์ วัชชีทุ ชี กทุพระองค์ขณะนี้ เกิดความแตกแยกแบ่งบ่พรรคแบ่งบ่พวกไม่สม่ามัคมัคีกันเหมือ มื นแต่เดิม
เนื้อหา โอกาสเหมาะสมัยมัขณะไหนประหนึ่ง นึ่ ครา นี้ห นี้ ากผิจผิะหา ก็บได้สะดวกดี ขอเชิญชิวรบาท พยุห์ย ห์ าตรเสด็จกรี ธาทัพพลพี ริยริยุทธโดยไว ถอดความได้ว่า จะหาโอกาสอันเหมาะสมครั้งรั้ใดเหมือ มื นดังครั้งรั้นี้ค นี้ งจะไม่มีม่ มี อีกแล้วขอทูลทูเชิญชิพระองค์ยกกองทัพอันยิ่งยิ่ใหญ่มญ่าทำ สงครามโดยเร็ว ร็ เถิด กษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีแ วี ตกสามัคมัคี ฉันทลักษณ์ วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ข่าข่วเศิกศิเอิกอึง ทราบถึงบัดบัดล ในหมู่ผู้มู่คผู้ น ชาวเวสาลี แทบทุกทุถิ่นหมด ชนบทบูรี อกสั่นสั่ขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป ถอดความได้ว่า ข่าข่วศึก ศึ แพร่ไร่ ปจนรู้ถึ รู้ ถึ งชาวเมือ มื งเวสาลีแทบทุกทุคนในเมือ มื ง ต่างตกใจและหวาดกลัวกันไปทั่ว ตื่นตาหน้า น้ เผือ ผื ด หมดเลือดสั่นสั่กาย หลบลี้หนีต นี าย วุ่นหวั่นพรั่นรั่ ใจ ซุกครอกซอกครัวรัซ่อซ่นตัวแตกภัย เข้า ข้ ดงพงไพร ทิ้งย่าย่นบ้า บ้ นตน ถอดความได้ว่า หน้า น้ ตาตื่น หน้า น้ ซีด ซี ไม่มีม่สี มี เ สี ลือด ตัวสั่นสั่พากันหนีต นี ายวุ่นวาย พากันอพยพครอบครัวรัหนีภั นี ภัย ทิ้งบ้า บ้ นเรือ รื นไปซุ่มซุ่ซ่อซ่นตัวเสีย สี ในป่าป่
เนื้อหา เหลือจักห้าห้มปราม ชาวคามล่าลาด พันพัหัวหัหน้าน้ราษฎร์ ขุนด่านตำ บล หารือ รื แก่กัน คิดผันผัผ่อผ่นปรน จักไม่ใม่ห้พห้ล มาคธข้าข้มมา ถอดความได้ว่า ไม่สม่ามารถห้าห้มปรามชาวบ้าบ้นได้ หัวหัหน้าน้ราษฎรและนายด่าน ตำ บลต่าง ๆ ปรึก รึ ษากันคิดจะยับยัยั้งยั้ไม่ใม่ห้กห้องทัพมคธข้าข้มมาได้ จึ่งให้ตีห้ ตี กลอง ป่าป่วร้อร้งทันที แจ้งข่าข่วไพรี รุกเบีย บี นบีฑ บี า เพื่อ พื่ หมู่ภูมู่มีภูมี วัชชีอ ชี าณา ชุมนุมนุบัญบัชา ป้อป้งกันฉันฉั ใด ถอดความได้ว่า จึงตีกลองป่าป่วร้อร้งแจ้งข่าข่วข้าข้ศึก ศึ เข้าข้รุกรานเพื่อ พื่ ให้เห้หล่ากษัตริย์ริ ย์ แห่งห่วัชชีเ ชี สด็จมาประชุมหาหนทางป้อป้งกันประการใด ราชาลิจฉวี ไป่มีป่สั มี กสัองค์ อันนึก นึ จำ นง เพื่อ พื่ จักเสด็จไป ต่างองค์ดำ รัสรัเรีย รี กนัดนัทำ ไมม ใครเป็น ป็ ใหญ่ใญ่คร กล้าหาญเห็น ห็ ดี ถอดความได้ว่า ไม่มีม่ก มี ษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีแม้แม้ต่พระองค์เดียวคิดจะเสด็จไปแต่ละ พระองค์ทรงดำ รัสรัว่าจะเรีย รี กประชุมด้วยเหตุใตุด ผู้ใผู้ดเป็น ป็ ใหญ่ผู้ญ่ ใผู้ดกล้าหาญ เชิญชิเทอญท่านต้อง ขัดขัข้อข้งข้อข้ ไหน ปรึก รึ ษาปราศรัยรัตามเรื่อ รื่ งตามที ส่วส่นเราเล่าใช่ เป็น ป็ ใหญ่ยัญ่งยัมี ใจอย่าย่งผู้ภีผู้ ภี รุกปราศอาจหาญ ถอดความได้ว่า เห็น ห็ ดีประการใดก็เชิญชิเถิด จะปรึก รึ ษาหารือ รื อย่าย่งไรก็ตาม แต่ใจ ตัวของเรานั้นนั้ ไม่ไม่ด้มีอำ มี อำนาจยิ่งยิ่ใหญ่ จิตใจก็ขี้ข ขี้ ลาด ไม่อม่งอาจกล้าหาญ
เนื้อหา ต่างทรงสำ แดง ความแขงอำ นาจ สามัคมัคีขาด แก่งแย่งย่ โดยมาน ภูมิภูศมิลิจฉวี วัชชีรั ชี ฐรับาล บ่ชุบ่ชุมนุมนุสมาน แม้แ ม้ ต่สักสัองค์ ถอดความได้ว่า แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพิกพิเฉยปราศจากความสามัคมัคี ปรองดองในจิตใจ กษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีแห่งห่วัชชีไชี ม่เม่สด็จ มาประชุมกันแม้แ ม้ ต่พระองค์เดียว ฉันทลักษณ์ อินทรวิเชีย ชี รฉันท์ ๑๑ ปิ่นปิ่เขตมคธขัตขัติยรัชรัธำ รง ยั้งยั้ทัพประทับตรง นคเรศวิสาลี ภูธภูรธสังสัเกต พิเพิคราะห์เ ห์ หตุณตุธานี แห่งห่ราชวัชชี ขณะเศิกศิประชิดชิแดน ถอดความได้ว่า จอมกษัตริย์ริแ ย์ ห่งห่แคว้นมคธหยุดทัพตรงหน้า น้ เมือ มื งเวสาลี พระองค์ทรงสังสัเกตวิเคราะห์เ ห์ หตุกตุารณ์ท ณ์ างเมือ มื งวัชชีใชี นขณะที่ข้า ข้ ศึก ศึ มาประชิดชิเมือ มื ง เฉยดูบดูรู้สึ รู้ ก สึ และมินึมิก นึ จะเกรงแกลน ฤๅคิดจะตอบแทน รณทัพระงับภัย นิ่งนิ่เงียบสงบงำ บมิทำมิ ทำ ประการใด ปรากฏประหนึ่ง นึ่ใน บุรว่างและร้า ร้ งคน ถอดความได้ว่า ดูนิ่ดูงนิ่เฉยไม่รู้ม่รู้สึ รู้ ก สึ เกรงกลัว หรือ รื คิดจะทำ สิ่งสิ่ใดโต้ตอบระงับ เหตุร้ตุา ร้ ย กลับอยู่อยู่ย่าย่งสงบเงียบไม่ทำม่ ทำการสิ่งสิ่ใด มองดูรดูาวกับเป็น ป็ เมือ มื งร้า ร้ ง ปราศจากผู้คผู้ น
เนื้อหา แน่โน่ดยมิพัมิกพัสง สยคงกระทบกล ท่านวัสสการจน ลุกลุระนี้ถ นี้ นัดนัตา ภินท์พัทพัธสามัคมัคิยพรรคพระราชา ชาวลิจฉวีวา รจะพ้อ พ้ งอนัตนัถ์ภัย ถอดความได้ว่า แน่นน่อนไม่ต้ม่ ต้ องสงสัยสัเลยว่าคงจะถูกถูกลอุบายของ วัสสการพราหมณ์จ ณ์ นเป็น ป็ เช่นช่นี้ค นี้ วามสามัคมัคีผูกผูพันพัแห่งห่กษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวี ถูกถูทำ ลายลงและจะประสบกับภัยพิบัพิติบั ติ ลูกลูข่าข่งประดาทา รกกาลขว้างไป หมุนมุเล่นสนุกนุไฉน ดุจดุกันฉะนั้นนั้หนอ ครูวัสสการแส่ กลแหย่ยุย่ยุดีพอ ปั่นปั่ ป่วป่นบเหลือหลอ จะมิร้มิา ร้ วมิรมิานกัน ถอดความได้ว่า ลูกลูข่าข่งที่เด็กขว้างเล่นได้สนุกนุฉันฉั ใด วัสสการพราหมณ์ก็ ณ์ ก็ สามารถยุแหย่ใย่ห้เ ห้ หล่ากษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีแตกความสามัคมัคีได้ตามใจชอบ และคิดที่จะสนุกนุฉันฉันั้นนั้ ครั้นรั้ทรงพระปรารภ ธุระจบธจึ่งบัญบั ชานายนิกนิายสรร พทแกล้วทหารหาญ เร่งร่ทำ อุฬุมฬุป์เ ป์ ว ฬุคฬุะเนกะเกณฑ์การ เพื่อ พื่ ข้า ข้ มนทีธาร จรเข้า ข้ นครบร ถอดความได้ว่า ครั้นรั้ทรงคิดได้ดังนั้นนั้จึงมีพ มี ระราชบัญบัชาแก่เหล่าทหารหาญ ให้รี ห้ บ รี สร้า ร้ งแพไม้ไม้ ผ่เผ่พื่อ พื่ ข้า ข้ มแม่น้ำม่น้ำจะเข้า ข้ เมือ มื งของฝ่าฝ่ยศัตศัรู พวกทหารรับรั ราชโองการแล้วก็ปฏิบัติบั ติภารกิจที่ได้รับรั
เนื้อหา เขารับรัพระบัณบัฑูรฑูอดิศูรศูบดีศร ภาโรปกรณ์ต ณ์ อน ทิวรุ่งรุ่สฤษฎ์พลัน จอมนาถพระยาตรา พยุหาธิทัธิ ทัพขันขัธ์ โดยแพและพ่วพ่งปันปัพลข้า ข้ มณคงคา ถอดความได้ว่า ในตอนเช้า ช้ งานนั้นนั้ก็เสร็จ ร็ ทันที จอมกษัตริย์ริเ ย์ คลื่อนกองทัพ อันมีกำ มีกำลังพลมากมายลงในแพที่ติดกันนำ กำ ลังข้า ข้ มแม่น้ำม่น้ำ จนหมดพหลเนื่อ นื่ ง พิศพิเนือ นื งขนัดนัคลา ขึ้น ขึ้ฝั่งฝั่ลุเลุวสา ลิบุเรศสะดวกดาย ถอดความได้ว่า จนกองทัพหมดสิ้นสิ้มองดูแดูน่นน่ขนัดนัขึ้น ขึ้ฝั่งฝั่เมือ มื งเวสาลี อย่าย่งสะดวกสบาย ฉันทลักษณ์ จิตรปทาฉันท์ ๘ นาครธา นิวินิวิสาลี เห็น ห็ ริปุริปุมี พลมากมาย ข้า ข้ มติรชล ก็ลุพ้ลุน พ้ หมาย มุ่งมุ่จะทลาย พระนครตน ถอดความได้ว่า ฝ่าฝ่ยเมือ มื งเวสาลีมองเห็น ห็ ข้า ข้ ศึก ศึ จำ นวนมากข้า ข้ มแม่น้ำม่น้ำมาเพื่อ พื่ จะทำ ลายล้างบ้า บ้ นเมือ มื งของตน ต่างก็ตระหนก มนอกเต้น ตื่นบมิเมิว้น ตะละผู้คผู้ น ทั่วบุรคา มจลาจล เสีย สี งอลวน อลเวงไป ถอดความได้ว่า ต่างก็ตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า น้ ในเมือ มื งเกิดจลาจลวุ่นวายไป ทั่วเมือ มื ง
เนื้อหา สรรพสกล มุขมุมนตรี ตรอมมนภี รุกเภทภัย บางคณะอา ทรปราศรัยรั ยังยัมิกมิระไร ขณะนี้ห นี้ นอ ถอดความได้ว่า ข้า ข้ ราชการชั้นชั้ผู้ใผู้หญ่ต่ญ่ ต่างหวาดกลัวภัย บางพวกก็พูดพูว่าขณะนี้ ยังยัไม่เม่ ป็น ป็ ไรหรอก ควรบริบริาล พระทวารมั่นมั่ ต้านปะทะกัน อริก่ริก่อนพอ ขัตขัติยรา ชสภารอ ดำ ริจริะขอ วรโองการ ถอดความได้ว่า ควรจะป้อ ป้ งกันประตูเตูมือ มื งเอาไว้ให้มั่ ห้มั่นมั่คง ต้านทานข้า ข้ ศึก ศึ เอาไว้ก่อนรอให้ที่ ห้ที่ประชุมเหล่ากษัตริย์ริมี ย์ ค มี วามเห็น ห็ ว่าจะทรงทำ ประการใด ทรงตริไริฉน ก็จะได้ทำ โดยนยดำ รัสรัภูบภูาล เสวกผอง ก็เคาะกลองขาน อาณัติณั ติปาน ดุจดุกลองพังพั ถอดความได้ว่า ก็จะได้ดำ เนินนิการตามพระบัญบัชาของพระองคเหล่าข้า ข้ ราชการ ทั้งหลายก็ตีกลองสัญสัญาณขึ้น ขึ้ ราวกับกลองจะพังพั ศัพศัทอุโฆษ ประลุโลุสตท้าว ลิจฉวีด้าว ขณะทรงฟังฟั ต่างธก็เฉย และละเลยดัง ไท้มิอิมิ อินังนัธุระกับใคร ถอดความได้ว่า เสีย สี งดังกึกก้องไปถึงพระกรรณกษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวีต่างองค์ทรง เพิกพิเฉยราวกับไม่เม่อาใจใส่ใส่นเรื่อ รื่ งราวของผู้ใผู้ด
เนื้อหา ต่างก็บคลา ณสภาคา แม้พ ม้ ระทวาร บุรทั่วไป รอบทิศด้าน และทวารใด เห็น ห็ นรไหน สิจสิะปิดปิมี ถอดความได้ว่า ต่างองค์ไม่เม่สด็จไปที่ประชุม แม้แ ม้ ต่ประตูเตูมือ มื งรอบทิศทุกทุบาน ก็ไม่มีม่ผู้ มี ใผู้ดปิดปิ พระเจ้าอชาตศัตศัรูยึด ยึ ครองแคว้นวัชชีไชี ด้สำ เร็จ ร็ ฉันทลักษณ์ สัทสัทูล ทู วิกกีฬิ กี ตฬิฉันท์ ๑๙ จอมทัพมาคธราษฎร์ธ ร์ ยาตรพยุหกรี ธาสู่วิสู่วิสาลี นคร โดยทางอันพระทวารเปิดปินรนิกนิร ฤๅรอต่อรอน อะไร ถอดความได้ว่า จอมทัพแห่งห่แคว้นมคธกรีธ รี าทัพเข้า ข้ เมือ มื งเวสาลีทางประตู เมือ มื งที่เปิดปิอยู่โยู่ดยไม่มีม่ผู้ มี คผู้ นหรือ รื ทหารต่อสู้ปสู้ ระการใด เบื้อ บื้ งนั้นนั้ท่านคุรุคุ รุวัสสการทิชก็ไป นำ ทัพชเนนทร์ไร์ ท มคธ เข้า ข้ปราบลิจฉวิขัตขัติย์รั ย์ ฐรัชนบท สู่เสู่งื้อมพระหัตหัถ์หมด และโดย ถอดความได้ว่า ขณะนั้นนั้วัสสการพราหมณ์ผู้ ณ์ เผู้ป็น ป็ อาจารย์ก็ ย์ ก็ไปนำ ทัพของ กษัตริย์ริแ ย์ ห่งห่มคธเข้า ข้ มาปราบกษัตริย์ริลิ ย์ ลิจฉวี อาณาจักรทั้งหมด ก็ตกอยู่ใยู่นเงื้อมพระหัตหัถ์
เนื้อหา ไป่พัป่กพัต้องจะกะเกณฑ์นิกนิายพหลโรย แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์ ราบคาบเสร็จ ร็ ธเสด็จลุรลุาชคฤหอุต คมเขตบุเรศดุจดุณเดิม ถอดความได้ว่า โดยที่กองทัพไม่ต้ม่ ต้ องเปลืองแรงในการต่อสู้ปสู้ ราบราบคาบ แล้วเสด็จยังยัราชคฤห์เ ห์ มือ มื งยิ่งยิ่ใหญ่ดัญ่ ดังเดิม เรื่อ รื่ งต้นยุกติก็แต่จะต่อพจนเติม ภาษิตลิขิตขิเสริมริ ประสงค์ ปรุงโสตเป็น ป็ คติสุนสุทราภรณจง จับข้อ ข้ ประโยชน์ต น์ รง ตริดูริดู ถอดความได้ว่า เนื้อ นื้ เรื่อ รื่ งแต่เดิมจบลงเพีย พี งนี้ แต่ประสงค์จะแต่งสุภสุาษิต เพิ่มพิ่เติมให้ไห้ ด้รับรั ฟังฟัเพื่อ พื่ เป็น ป็ คติอันทรงคุณคุค่านำ ไปคิดไตร่ตร่รอง อุทาหรณ์สอนใจให้คิ ห้ คิด ฉันทลักษณ์ อินทรวิเชีย ชี รฉันท์ ๑๑ อันภูบภูดีรา ชอชาตศัตศัรู ได้ลิจฉวีภู วประเทศสะดวกดี แลสรรพบรรดา วรราชวัชชี ถึงซึ่ง ซึ่ พิบัพิติบั ติบี ฑอนัตนัถ์พินพิาศหนา ถอดความได้ว่า พระเจ้าอชาตศัตศัรูได้แผ่นผ่ดินวัชชีอ ชี ย่าย่งสะดวก และกษัตริย์ริ ย์ ลิจฉวีทั้งหลายก็ถึงซึ่ง ซึ่ ความพินพิาศล่มจม
เนื้อหา เหี้ย หี้ มนั้นนั้เพราะผันผัแผก คณะแตกและต่างมา ถือทิฐิมฐิานสา หสโทษพิโพิรธจอง แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิ้นสิ้บปรองดอง ขาดญาณพิจพิารณ์ต ณ์ รอง ตริมริลักประจักษ์เจือ ถอดความได้ว่า เหตุเตุพราะความแตกแยกกันต่างก็มีค มี วามยึด ยึ มั่นมั่ ในความคิด ของตน ผูกผูโกรธซึ่ง ซึ่ กันและกัน ต่างแยกพรรคแตกสามัคมัคีกัน ไม่ปม่รองดองกัน ขาดปัญปัญาที่จะพิจพิารณาไตร่ตร่รอง เชื่อ ชื่ อรรถยุบลเอา รสเล่าก็ง่ายเหลือ เหตุหตุากธมากเมือ มื คติโมหเป็น ป็ มูลมู จึ่งดาลประการหา ยนภาวอาดูรดู เสีย สี แดนไผทสูญสูยศศักศัดิเสื่อ สื่ มนาม ถอดความได้ว่า เชื่อ ชื่ ถ้อยความของบรรดาพระโอรสอย่าย่งง่ายดาย เหตุที่ตุที่เป็น ป็ เช่นช่นั้นนั้เพราะกษัตริย์ริแ ย์ ต่ละพระองค์ทรงมากไปด้วยความหลง จึงทำ ให้ถึ ห้ ถึ งซึ่ง ซึ่ ความฉิบฉิหายมีภ มี าวะความเป็น ป็ อยู่อัยู่ อันทุกทุข์ร ข์ ะทม เสีย สี ทั้งแผ่นผ่ดิน เกียรติยศและ ชื่อ ชื่ เสีย สี งที่เคยมีอ มี ยู่ ควรชมนิยนิมจัด คุรุคุ รุวัสสการพราหมณ์ เป็น ป็ เอกอุบายงาม กลงำ กระทำ มา พุทพุธาทิบัณบัฑิต พิเพิคราะห์คิ ห์ คิดพินิพิจนิปรา รภสรรเสริญริสา ธุสมัคมัรภาพผล ถอดความได้ว่า ส่วส่นวัสสการพราหมณ์นั้ ณ์ นั้นั้น่าน่ชื่น ชื่ ชมอย่าย่งยิ่งยิ่เพราะเป็น ป็ เลิศ ในการกระทำ กลอุบายผู้รู้ผู้รู้ทั้ รู้ทั้งหลายมีพ มี ระพุทพุธเจ้าเป็น ป็ ต้นได้ใคร่คร่รวญพิจพิารณา กล่าวสรรเสริญริว่าชอบแล้วในเรื่อ รื่ งผลแห่งห่ความพร้อ ร้ มเพรีย รี งกัน
เนื้อหา ว่าอาจจะอวยผา สุกสุภาวมาดล ดีสู่ณสู่หมู่ตมู่น บนิรนิาศนิรันินรัดร หมู่ใมู่ดผิสผิามัคมัคยพรรคสโมสร ไป่ปป่ราศนิรนิาศรอน คุณคุไร้ไร้ ฉนดล ถอดความได้ว่า ความสามัคมัคีอาจอำ นวยให้ถึ ห้ ถึ งซึ่ง ซึ่ สภาพแห่งห่ความผาสุกสุ ณ หมู่ขมู่องตนไม่เม่สื่อ สื่ มคลายตลอดไป หากหมู่ใมู่ดมีค มี วามสามัคมัคีร่วร่มชุมนุมนุกัน ไม่ห่ม่าห่งเหินหิกัน สิ่งสิ่ที่ไร้ปร้ ระโยชน์จ น์ ะมาสู่ไสู่ด้อย่าย่งไร พร้อ ร้ มเพรีย รี งประเสริฐริครันรัเพราะฉะนั้นนั้แหละบุคคล ผู้หผู้ วังเจริญริตน ธุระเกี่ยวกะหมู่เมู่ขา พึง พึ หมายสมัคมัรเป็น ป็ มุขมุเป็น ป็ ประธานเอา ธูรทั่วณตัวเรา บมิเมิห็น ห็ ณฝ่าฝ่ยเดียว ถอดความได้ว่า ความพร้อ ร้ มเพรีย รี งนั้นนั้ ประเสริฐริยิ่งยิ่นักนัเพราะฉะนั้นนั้บุคคลใด หวังที่จะได้รับรัความเจริญริแห่งห่ตนและมีกิ มีกิจธุระอันเป็น ป็ ส่วส่นรวมก็พึง พึ ตั้งใจเป็น ป็ หัวหัหน้า น้ เอาเป็น ป็ ธุระด้วยตัวของเราเองโดยมิเมิห็น ห็ ประโยชน์ต น์ นแต่ฝ่าฝ่ยเดียว ควรยกประโยชน์ยื่ น์ยื่น ยื่ นรอื่นก็แลเหลียว ดูบ้ดูา บ้ งและกลมเกลียว มิตมิรภาพผดุงดุครอง ยั้งยั้ทิฐิมฐิานหย่อย่น ทมผ่อผ่นผจงจอง อารีมิ รี มีมิห มี มอง มนเมื่อ มื่ จะทำ ใด ถอดความได้ว่า ควรยกประโยชน์ใน์ ห้บุ ห้บุคคลอื่นบ้า บ้ ง นึก นึ ถึงผู้อื่ผู้อื่นบ้า บ้ งต้อง กลมเกลียวมีค มี วามเป็น ป็ มิตมิรกันไว้ ต้องลดทิฐิมฐิานะ รู้จั รู้ จักข่มข่ ใจจะทำ สิ่งสิ่ใดก็ เอื้อเฟื้อ ฟื้ กันไม่มีม่ค มี วามบาดหมางใจ
เนื้อหา ลาภผลสกลบรร ลุก็ลุก็ปันปัก็แบ่งบ่ ไป ตามน้อ น้ ยและมากใจ สุจสุริตรินิยนิมธรรม์ พึง พึ มรรยาทยึด ยึ สุปสุระพฤติสงวนพรรค์ รื้อ รื้ ริษริยาอัน อุปเฉทไมตรี ถอดความได้ว่า ผลประโยชน์ทั้ น์ ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ขึ้ ก็แบ่งบ่ ปันปักันไป มากบ้า บ้ งน้อ น้ ย บ้า บ้ งอย่าย่งเป็น ป็ ธรรม ควรยึด ยึ มั่นมั่ ในมารยาทและความประพฤติที่ดีงามรักรัษาหมู่ คณะโดยไม่มีม่ค มี วามริษริยากันอันจะตัดรอนไมตรี ดั่งนั้นนั้ณหมู่ใมู่ด ผิบผิ ไร้ส ร้ มัคมัรมี พร้อ ร้ มเพรีย รี งนิพันิทพัธ์นี ธ์ นี รวิวาทระแวงกัน หวังเทอญมิต้มิ ต้ องสง สยคงประสบพลัน ซึ่ง ซึ่ สุขสุเกษมสันสัต์ หิตหิะกอบทวิการ ถอดความได้ว่า ดังนั้นนั้ถ้าหมู่คมู่ณะใดไม่ขม่าดซึ่ง ซึ่ ความสามัคมัคีมีค มี วามพร้อ ร้ มเพรีย รี ง กันอยู่เยู่สมอ ไม่มีม่ก มี ารวิวาท และระแวงกัน ก็หวังได้โดยไม่ต้ม่ ต้ องสงสัยสัว่า คงจะพบซึ่ง ซึ่ ความสุขสุความสงบ และประกอบด้วย ประโยชน์ม น์ ากมาย ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ หักหัล้างบแหลกลาญ ก็เพราะพร้อ ร้ มเพราะเพรีย รี งกัน ป่วป่ยกล่าวอะไรฝูงฝูนรสูงสูประเสริฐริครันรั ฤๅสรรพสัตสัว์อัน เฉพาะมีชี มี วี ชีวี ครอง ถอดความได้ว่า ใครเล่าจะมีใมี จกล้าคิดทำ สงครามด้วย หวังจะทำ ลายล้างก็ไม่ไม่ด้ ทั้งนี้เ นี้ พราะความพร้อ ร้ มเพรีย รี งกันนั่นนั่เอง กล่าวไปไยกับมนุษนุย์ ผู้ปผู้ ระเสริฐริหรือ รื สรรพสัตสัว์ที่มีชี มี วิ ชีวิต
เนื้อหา แม้ม ม้ ากผิกิ่ผิกิ่งไม้ ผิวผิใครจะใคร่ลร่อ มัดมักำ กระนั้นนั้ ปอง พลหักหัก็เต็มทน เหล่าไหนผิไผิมตรี สละลี้ณหมู่ตมู่น กิจใดจะขวายขวน บมิพมิร้อ ร้ มมิเมิพรีย รี งกัน ถอดความได้ว่า แม้แ ม้ ต่กิ่งไม้ห ม้ ากใครจะใคร่ลร่องเอามามัดมัเป็น ป็ กำ ตั้งใจใช้กำ ช้กำลัง หักหัก็ยากเต็มทน หากหมู่ใมู่ดไม่มีม่ค มี วามสามัคมัคีในหมู่คมู่ณะของตน และกิจการอันใดที่จะต้องขวนขวายทำ ก็มิพมิร้อ ร้ มเพรีย รี งกัน อย่าย่ ปรารถนาหวัง สุขสุทั้งเจริญริอัน มวลมาอุบัติบั ติบรร ลุไลุฉนบได้มี ปวงทุกทุข์พิ ข์ บัพิติบั ติสรร พภยันยัตรายกลี แม้ปม้ ราศนิยนิมปรี ติประสงค์ก็คงสม ถอดความได้ว่า ก็อย่าย่ ได้หวังเลยความสุขสุความเจริญริจะเกิดขึ้น ขึ้ ได้อย่าย่งไร ความทุกทุข์พิ ข์ บัพิติบั ติอันตรายและความชั่วชั่ร้า ร้ ยทั้งปวง ถึงแม้จ ม้ ะไม่ต้ม่ ต้ องการก็จะต้อง ได้รับรัเป็น ป็ แน่แน่ท้ ควรชนประชุมเช่นช่คณะเป็น ป็ สมาคม สามัคมัคิปรารม ภนิพันิทพัธรำ พึง พึ ไป่มีป่ก็ มีก็ให้มี ห้ มี ผิวผิมีก็ มีก็ คำ นึง นึ เนื่อ นื่ งเพื่อ พื่ ภิยโยจึง จะประสบสุขสุาลัยฯ ถอดความได้ว่า ผู้ที่ผู้ที่อยู่รยู่วมกันเป็น ป็ หมู่คมู่ณะหรือ รื สมาคม ควรคำ นึง นึ ถึงความสามัคมัคีอยู่เยู่ ป็น ป็ นิจนิถ้ายังยัไม่มีม่ก็ มีก็ ควรจะมีขึ้ มีขึ้น ขึ้ ถ้ามีอ มี ยู่แยู่ล้ว ก็ควรให้เ ห้ จริญริรุ่งรุ่เรือ รื งยิ่งยิ่ขึ้น ขึ้ ไปจึงจะถึงซึ่ง ซึ่ ความสุขสุความสบาย
อธิบายคำ ศัพ ศั ท์ยาก เนื้อหา
อธิบายคำ ศัพ ศั ท์ยาก เนื้อหา
อธิบายคำ ศัพ ศั ท์ยาก เนื้อหา
เรื่อรื่งนี้เนี้ป็น ป็ เรื่อรื่งที่ได้รับรัยกย่อย่งว่าเป็น ป็ หนังนัสือสืคำ ฉันฉัท์ที่มีคุมีณคุค่ายิ่งยิ่ โดยเฉพาะทางด้านความไพเราะ เพราะสาเหตุดัตุดังต่อไปนี้ ๑ แต่งเป็น ป็ คำ ประพันพั ธ์ประเภทฉันฉัท์ โดยลีลาของฉันฉัท์แต่ละชนิดนิมาแต่ง ล้วนเหมาะสมกับเนื้อนื้เรื่อรื่ง ตัวอย่าย่ง วิชชุมมาลาฉันฉัท์ ๘ ข่าข่วเศิกศิเอิกอึง ทราบถึงบัดบัดล ในหมู่ผู้มู่คผู้ น ชาวเวสาลี แทบทุกทุถิ่นหมด ชนบทบูรี อกสั่นสั่ขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป ๒ การสรรคำ เป็น ป็ การเลือกใช้คำช้ คำที่สื่อสื่ความคิดและอารมณ์ไณ์ด้อย่าย่งงดงาม ๑) การเลือกใช้คำช้ คำ ได้ถูกถูต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ เช่นช่เฉยดูบดูรู้สึรู้กสึและมินึมิกนึจะเกรงแกลน แปลว่านิ่งนิ่เฉยไม่รู้ม่รู้สึรู้กสึเกรงกลัว ๒) การเลือกใช้คำช้ คำ ได้เหมาะแก่ลักษณะคำ ประพันพัธ์ กวีมีคมีวามสามารถ ในการประพันพั ธ์อย่าย่งยิ่งยิ่ โดยเลือกสรรคำ ฉันฉัท์ชนิดนิต่างๆ มาใช้สช้ลับกันอย่าย่งเหมาะสมกับเนื้อนื้เรื่อรื่งแต่ละตอน ตัวอย่าย่ง ฉันฉัทลักษณ์ ภุชภุงคประยาตฉันฉัท์ ๑๒ ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงนึการ กษัตริย์ริลิย์ ลิจฉวีวาร ระวังเหือหืดระแวงหาย เหมาะแก่การณ์จณ์ะเสกสรร ปวัตน์วัน์ วัญจโนบาย มล้างเหตุพิตุเพิฉทสาย สมัคมัรสนธิ์สธิ์ โมสร ๓) การเลือกใช้คำช้ คำ โดยคำ นึงนึถึงเสียสีง ๑) การใช้คำช้ คำเพื่อพื่ ให้เห้กิดเสียสีงเสนาะ โดยการหลากคำ เช่นช่ขุนคอคชคุมคุกุมกุอัง กุสกุกรายท้ายยังยัขุนควาญประจําดํารี แปลว่า ช้าช้ง เนื้อเรื่อ รื่ ง คุณคุค่าด้านวรรณศิลศิป์
๓) การเลือกใช้คำช้ คำ โดยคำ นึงนึถึงเสียสีง ๒) การเล่นเสียสีงสัมสัผัสผัทั้งในและนอก เช่นช่ณวันหนึ่งนึ่ลุถึลุถึงกา ลศึกศึษาพิชพิากร กุมกุารลิจฉวีวร เสด็จพร้อมประชุมกัน ๓) มีกมีารเล่นเสียสีงพยัญชนะ เช่นช่เหมาะแก่การณ์จณ์ะเสกสรร ปวัตน์วัน์ วัญจโนบาย มล้างเหตุพิตุเพิฉทสาย สมัคมัรสนธิ์สธิ์ โมสร ๔) การใช้โช้วหาร สามัคมัคีเภทคำ ฉันฉัท์มีคมีวามไพเราะงดงามอันเกิดจากสาร ที่กวีใช้ศิช้ลศิปะในการถ่ายทอดความหมายของเนื้อนื้หา โดยการใช้สำช้สำนวนโวหาร และ การใช้ภช้าพพจน์ เพื่อพื่ ให้ผู้อ่ผู้ อ่านจินตนาการเห็นภาพชัดชัเจน เข้าข้ใจและ เกิดอารมณ์คณ์ล้อยตาม ๑) การใช้พช้รรณนาโวหาร เป็น ป็ การสร้าร้งมโนภาพให้ผู้อ่ผู้ อ่านเกิดภาพขึ้นขึ้ ในใจ เช่นช่กุมกุารนั้นนั้สนองสา รวากย์วย์าทตามเลา เฉลยพจน์กน์ะครูเสา วภาพโดยคดีมา กุมกุารอื่นก็สงสัยสัมิเมิชื่อชื่ ในพระวาจา สหายราชธพรรณนา และต่างองค์ก็พาที ๒) การใช้อุช้อุปมาโวหาร เป็น ป็ การกล่าวเปรียรีบเทียบเพื่อพื่ ให้ผู้อ่ผู้ อ่านเห็นภาพ เช่นช่ลูกลูข่าข่งประดาทา รกกาลขว้างไป หมุนมุเล่นสนุกนุไฉน ดุจกันฉะนั้นนั้หนอ ๓) การใช้เช้ทศนาโวหาร เช่นช่ควรชนประชุมเช่นช่คณะเป็นป็สมาคม สามัคมัคิปรารม ภนิพันิทพัธรำ พึงพึ ไป่มีป่ก็มีก็ให้มีห้ มีผิวผิมีก็มีก็คำ นึงนึ เนื่อนื่งเพื่อพื่ภิยโยจึง จะประสบสุขสุาลัยฯ ๔) การใช้คำช้ คำถามเชิงชิวาทศิลศิป์ เช่นช่ ใครเป็นป็ ใหญ่ใญ่คร กล้าหาญเห็นห็ดี เนื้อเรื่อ รื่ ง คุณคุค่าด้านวรรณศิลศิป์
สะท้อนให้เห้ห็น ห็ ถึงความสามัคมัคี โดยการสะท้อนการภาพการปกครองโดยระบอบ สามัคมัคีธรรม และการประพฤติตามวัฒนธรรม ๗ ประการ ได้แก่ ๑. หมั่นมั่ ประชุมกันอยู่เยู่นือนืงนิตนิ ย์ ๒. เมื่อมื่มีภมีารกิจก็ประชุมปรึกรึษาหารือรืกัน โดยไม่เม่บื่อบื่หน่าน่ย การประชุม ๓. ยึดมั่นมั่ ในจารีตรีประเพณีอัณี อันดีงาม ประพฤติดีปฏิบัติบั ติามโดยไม่ดัม่ ดัแปลง ๔. เมื่อมื่ผู้ใผู้หญ่ใญ่ห้โห้อวาทสั่งสั่สอน ผู้น้ผู้ อน้ยย่อย่มปฏิบัติบั ติามด้วยความเคารพ ๕. ไม่ทำม่ ทำร้าร้ยข่มข่เหงบุตรและภรรยาผู้อื่ผู้อื่น ๖. ไม่ลม่บหลู่ดูลู่แดูคลนเจดียสถานที่ตนเคารพสักสัการะและทำ พิธีพิบธีวงสรวง ตามประเพณี ๗. ให้คห้วามคุ้มคุ้ครองป้อป้งกันพระอรหันหัต์ในแคว้นวัชชี เนื้อเรื่อ รื่ ง ๑) สะท้อนวัฒนธรรมในสังสัคม : มีกมีารพิพพิากษาคดี การลงโทษ การเนรเทศ มีกมีารประจาน มีกมีารปฏิบัติบั ติามคำ สอนด้วยความเคารพนับนัถือ ๒) สะท้อนแนวคิดของคนในสังสัคม : ต้องมีคมีวามสามัคมัคีถึงจะอยู่รยู่อดเมื่อมื่ ใดที่ ความเป็น ป็ ปึกปึแผ่นผ่ของคนในชาติถูกถูทำ ลาย เมื่อมื่นั้นนั้บ้าบ้นเมือมืงก็จะระส่ำ ระส่าส่ย ขาดความไว้ใจกัน ต่างคนต่างระแวง ทำ ให้ต่ห้ ต่างชาติเข้าข้มาโจมตีได้ การใช้สช้ติปัญปัญาในการพิจพิารณาไตร่ตร่รองในการตัดสินสิ ใจแต่ละครั้งรั้ มองถึงเหตุแตุละผลที่จะเกิดขึ้นขึ้เพื่อพื่ประโยชน์ส่น์วส่นตนและส่วส่นรวม ความสามัคมัคีที่จะนำ พาให้ตห้นเองและสังสัคมไปสู่คสู่วามเจริญริความก้าวหน้าน้ และ ความแข่งข่เแกร่งร่ของชาติ คุณ คุ ค่าด้านเนื้อหา คุณ คุ ค่าด้านสัง สั คม คุณ คุ ค่าด้านการนำ ไปใช้
บรรณานุกรม จรรยาวรรณ ศรีฉ รี ายา. (๒๕๖๔). วรรณคดีและวรรณกรรม (พิมพิครั้งรั้ที่ ๑). กรุงเทพฯ: บริษัริ ษัท คุรุคุ รุมีเ มี ดีย จำ กัด บ้าบ้นกลอนน้อน้ย. (๒๕๕๙). ห้อห้งเรีย รี นฉันฉัท์. สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ ๑๑ มิถุมินถุายน ๒๕๖๖, จาก https://www.homelittlegirl.com/index.php? board=32.0 ครูบ้าบ้นนอก.com. (๒๕๕๒). แนะนำ วรรณคดีน่าน่อ่าน........สามัคมัคีเภทคำ ฉันฉัท์ ประวัติ เรื่อ รื่ งย่อย่ตัวละคร. สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ ๙ มิถุมินถุายน ๒๕๖๖,จาก https://www.kroobannok.com/16875 สามัคมัคีเภทคำ ฉันฉัท์. (๒๕๕๖). วิเคราะห์เ ห์ รื่อ รื่ งสามัคมัคีเภทคำ ฉันฉัท์. สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ ๙ มิถุมินถุายน ๒๕๖๖, จาก https://samakkeepeatchant.blogspot.com/? fbclid=IwAR3RHOLapJDIQEcCwpDbTj0PEp8s9fcQ6 lY2HSaxfo2NjwHhRSBWSgGq5Q Krunatchaya. (๒๕๕๒). ใบความรู้เรู้รื่อ รื่ งสามัคมัคีเภทคำ ฉันฉัท์. สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ ๗ มิถุมินถุายน ๒๕๖๖, จาก https://sites.google.com/a/watpa.ac.th/krunatchaya/ bi-khwam-ru-reuxng-samakhkhi-pheth-kha-chanth? fbclid=IwAR1tIogFL3CU0kT1UuFTkEC7kj89D7HqOc TNCeQx2aONLwRtna9FBtAE-w