The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สาขาวิชาการประเมินผลและวิจัยทางการศึกษา
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wichian Intarasompun, 2020-07-13 05:21:31

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

สาขาวิชาการประเมินผลและวิจัยทางการศึกษา
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

Keywords: การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้

การกวาัดรวแดั ลแะลปะรปะรเะมเินมผนิ ลผลกการารเรเรียียนนรรู้ ู้ 9393

4.1.2 เกณฑ์แบบแยกองค์ประกอบ (Analytic Rubrics) เป็นแนวทางการให้คะแนน
ผลงานท่ีกาหนดคุณลกั ษณะของรายการพิจารณาเป็นด้านๆ นิยมกาหนดไม่เกิน 4 - 6 ด้าน โดยในแต่ละด้าน
จะกาหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนโดยมีคาอธบิ ายคณุ ภาพของผลงานไว้เป็นระดบั อย่างชดั เจน

ตวั อยา่ งท่ี 5 การประเมนิ ผลงาน การวาดภาพระบายสี

รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพและความหมาย
1. การจดั วาง เหรียญทอง (3) เหรียญเงนิ (2) เหรียญทองแดง (1)
องค์ประกอบของภาพ 1. ตรงตามความเป็นจรงิ - มีขอ้ 1 แตข่ นาดภาพ - บกพร่องท้ัง 2 ข้อ
2. การใหส้ แี ละแสงเงา 2. มีความเหมาะสมกบั หนา้ กระดาษ ใหญห่ รอื เลก็ เกินไป - บกพร่องท้ัง 2 ข้อ
1. ใหส้ ีตรงตามความเป็นจริง - มแี ต่ข้อ 1 แตไ่ มม่ ี - บกพรอ่ งมากกวา่ 1
3. ความสวยงาม 2. ให้แสงและเงาตรงตามธรรมชาติ การใหแ้ สงเงา ข้อ
1. ระบายสเี รียบ - บกพร่องขอ้ ใดข้อ
2. สีกลมกลืนเป็นธรรมชาติ หน่งึ
3. ระบายอย่ใู นกรอบ

การสร้างรูบริคส์ น้ันครูผู้สอนสามารถกาหนดตารางระดับคะแนนรูบริคส์ ด้วยตนเอง หรือให้
ผู้เรียนมีสว่ นร่วมในการสร้าง ทง้ั น้ีการใหผ้ ู้เรยี นมสี ่วนร่วมในการสร้างเกณฑ์การให้คะแนนแบบรูบรคิ ส์นั้น เป็น
สิ่งที่ดี สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน สามารถประเมินผลตามศักยภาพของผู้เรียนอย่างแท้จริง การ
สร้างรูบริคส์โดยให้ผู้เรียนมสี ว่ นร่วม สามารถทาได้โดยมีข้นั ตอนดงั ภาพ (สมศักด์ิ ภวู่ ิภาดาวรรธน์, 2544, น. 140)

1. นาชน้ิ งานท่ีดี และไม่ดมี าเปรยี บเทยี บกัน
2. ร่วมกันกาหนดคณุ ลักษณะของชน้ิ งานท่ีแตกต่างกัน
3. รว่ มกันเขยี นคาอธิบายระดบั คณุ ภาพของแต่ละรายการ
4. รว่ มกันทดลองใช้ Rubrics กับช้ินงานท่ดี ี และปรับปรงุ Rubrics
5. ผเู้ รียนประเมนิ ตนเองและเพอ่ื นร่วมประเมินผลงานตามเกณฑท์ ก่ี าหนด

ระหวา่ งปฏบิ ตั ิงาน ผลผลติ

6. ผ้เู รียนปรับปรงุ ผลงานโดยใช้รบู รคิ ส์เปน็ แนวทางชว่ ยประเมนิ

94 การวัดกแาลระวปัดรแะลเะมปินผระลเกมานิรเผรลียกนารรู้ เรียนรู้ 94
ตวั อย่างท่ี 6 เกณฑก์ ารประเมนิ ความสามารถในการอ่านจบั ใจความทผ่ี ู้เรียนร่วมกบั ครูกาหนด

เกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพของผลงานการปฏบิ ตั จิ รงิ
ระดับคณุ ภาพและความหมาย
รายการประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
1.ฉันสามารถตอบ ฉนั ทาถกู ตอ้ งทกุ ข้อ ฉนั ตอบผิดไม่เกนิ 3 ข้อ ฉนั ตอบผิดมากกว่า 3
คาถามจากเรือ่ งทอ่ี ่าน ใน 5 ขอ้ ข้อ ใน 5 ขอ้
2.ฉนั สามารถบอก ฉันบอกไดถ้ กู ต้อง ได้ ฉนั บอกไดถ้ กู ต้อง แต่ ฉนั บอกไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่ได้
ความสาคัญจากเรื่องที่ ใจความต่อเนอ่ื ง ใจความไม่ต่อเนอ่ื ง ใจความและสบั สนไม่
อ่าน ตอ่ เนือ่ ง
3.ฉนั สามารถบอก ฉนั เสนอความคดิ เห็น ฉันเสนอความคดิ เห็น ฉนั เสนอความคิดเห็น
ข้อคดิ เหน็ จากเรื่องท่ี ด้วยเหตุผลและเปน็ ด้วยเหตุผล แตไ่ มม่ ี แตไ่ มแ่ สดงเหตุผลและ
อา่ น ประโยชน์ ประโยชน์ ไม่มปี ระโยชน์

เกณฑ์การพจิ ารณาตดั สนิ ระดบั คณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ
คะแนน ปรบั ปรุง
3 พอใช้
4-6 ดี
7-9

4.2 ออกแบบเคร่ืองมือท่ีเป็นแบบบันทึกคะแนนหรือแบบประเมินผลงาน สาหรับให้ผู้ประเมิน
โดยกรอกคะแนนท่ไี ดจ้ ากการตรวจผลงาน แบบบันทกึ หรอื แบบประเมนิ ผลงานมีส่วนประกอบหลักๆ ดงั นี้

- ส่วนต้น ประกอบด้วย ช่ือแบบประเมิน กลุ่มสารการเรียนรู้ช้ันเรียน ภาคเรียนปีการศึกษา
เปน็ ต้น

- ส่วนคาช้ีแจง ประกอบด้วย คาอธิบายสาหรับผู้ใช้เพื่อช้ีแจงรายละเอียดเกี่ยวกับ แบบ
ประเมินนัน้ ประกอบด้วยอะไรบ้าง รายการที่ประเมินมีอะไรบ้าง ใหค้ ะแนนอยา่ งไร เปน็ ตน้

- สว่ นตาราง ประกอบด้วยคอลัมน์ต่างๆ เชน่ เลขท่ี หรือเลขประจาตวั ชอ่ื และนามสกลุ รายการ
ประเมนิ รวมคะแนน สรุป เป็นต้น

- ส่วนท้าย ประกอบด้วย เกณฑ์การตัดสิน หรือการสรุปคะแนนท่ีได้ และลงช่ือผู้ประเมินพร้อม
วัน เดือน ปี

การกวาดั รแวดัลแะลปะรปะรเมะเนิ มผินลผกลากราเรรเียรนียนรู้รู้ 9595
ตัวอยา่ งท่ี 7 แบบบนั ทกึ คะแนนการตรวจผลงาน “การวาดภาพระบายสี”

แบบบนั ทกึ คะแนนการตรวจผลงาน “การวาดภาพระบายสี”
กล่มุ สาระการเรียนร้ศู ิลปะ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2556

****************************************************

คาชี้แจง 1. การประเมนิ ผลวาดภาพระบายสี กาหนดองคป์ ระกอบการประเมิน ดังนี้

- การจดั วางองค์ประกอบของภาพ คะแนนเต็ม 3 คะแนน
- การใหส้ ีและแสงเงา คะแนนเตม็ 3 คะแนน
- ความสวยงาม คะแนนเตม็ 3 คะแนน
2. เขียนคะแนนท่ีนกั เรยี นไดล้ งในช่องให้ตรงกับหวั ข้อการประเมนิ ทก่ี าหนด
3. สรุปผลการประเมนิ ดงั นี้
ดี หมายถึง ผลงานมีระดับคะแนน 7-9 คะแนน
พอใช้ หมายถึง ผลงานมีระดบั คะแนน 4-6 คะแนน
ปรบั ปรงุ หมายถึง ผลงานมรี ะดบั คะแนน 3 คะแนน

องค์ประกอบท่ีประเมิน รวม
(9 คะแนน)
ที่ ช่ือ – สกุล การจดั วาง การให้สี ความ สรุปผล
องค์ประกอบ (3 คะแนน) สวยงาม
(3 คะแนน) (3 คะแนน)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
รวม
ลงชอ่ื .............................................................ผู้ประเมิน
................/..................../...................

96 การวัดกแาลระวปดั รแะลเมะปนิ ผรละเกมาินรเผรลียกนารู้รเรียนรู้ 96

การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามสภาพจรงิ โดยใช้แฟ้มสะสมงาน (Portfolio)

แนวคิดการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงที่ได้ถูกนามาเผยแพร่และประยุกต์ใช้ในการ
ประเมินการจัดการศึกษาของไทยมาไม่นานนัก การประเมินผลโดยใช้แฟ้มสะสมงานเป็นรูปแบบหนึ่งที่นามาใช้
รว่ มกบั การประเมินตามสภาพจริงในรูปแบบอ่ืน ดังนั้นจึงควรได้รู้จักการนาแฟ้มสะสมงานไปใช้ในชั้นเรียน
ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการประเมินให้มากที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดการประเมินผล
การเรียนรู้ตามสภาพจริงโดยใช้แฟ้มสะสมงาน ดังนี้ (Ward and Murray - Ward, 1999, p. 193 - 194 ;
Salvia and Ysseldyke, 1998, p. 272)

1. ความหมายของการประเมินผลโดยใชแ้ ฟม้ สะสมงาน
การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงานหมายถึง การประเมินผลโดยใช้ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ สาหรับ

การประเมินความก้าวหนา้ และผลสาเร็จของการเรียนรู้ โดยเชื่อมโยงการมสี ว่ นรว่ มในการให้ขอ้ มูลระหวา่ งครู
นักเรียน และผ้ปู กครอง มีการสะทอ้ นตนเองโดยการประเมนิ ตนเอง และเชอื่ มโยงการประเมินผลการเรยี นกับ
การเรยี นรขู้ องผูเ้ รียน

2. จดุ หมายของการประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ดว้ ยแฟม้ สะสมงาน
การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงานมีจุดหมายเพอื่ ศึกษาผลการเรียนรขู้ องผู้เรียนโดยพจิ ารณาจุดมุ่งหมายในการ
ประเมนิ 2 ประการดังน้ี

2.1 การประเมินท่ีมุ่งกระบวนการ (Process Oriented) เป็นการประเมินความก้าวหน้าของ
ผ้เู รียน กระบวนการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ รวมถึงอุปสรรคระหว่างการดาเนินการของผู้เรยี น โดยพิจารณาถึง
ผูเ้ รยี นว่า ไดพ้ ฒั นาทักษะ กระบวนการ ความรู้ความเข้าใจระดบั ใด

2.2 การประเมินที่มุ่งผลผลิต (Product Oriented) เป็นการประเมินผลงานชิ้นท่ีดีท่ีสุดของ
ผู้เรียนทไ่ี ด้รวบรวมไว้ โดยสะท้อนถึงคณุ ภาพและความสาเร็จของผลงาน โดยผู้เรยี นสะสมงานท่ีได้ทาไว้ต้ังแต่
เร่มิ ตน้ จนถงึ สิ้นสดุ การเรยี นรู้ โดยครจู ะเปน็ ผกู้ าหนดถึงสิ่งทต่ี ้องแสดงในแฟม้ สะสมงานวา่ จะตอ้ งประกอบด้วย
อะไรบ้าง และมีคุณภาพระดบั ใด โดยใช้เกณฑ์การประเมินแบบรบู ริคส์ ช่วยในการประเมิน

3. การพฒั นาแฟ้มสะสมงานเพ่ือการประเมินผลตามสภาพจริง
การพฒั นาแฟม้ สะสมงานโดยทวั่ ไปมีกระบวนการอยู่ 4 ขน้ั ตอนคือ
3.1 สะสมช้ินงาน (Collection) หมายถึง การสะสมงาน เอกสารหรือหลักฐานอื่น ๆ เท่าท่ี

เป็นไปได้ ท่ีเก่ียวข้องกับผู้เรยี น ผปู้ กครอง ในการเรยี นรู้ตามหลักสูตร โดยกาหนดจดุ หมายของการจดั ทาแฟ้ม
สะสมผลงานร่วมกนั ระหว่างครู ผเู้ รียน และผปู้ กครอง เป็นเชงิ พฤตกิ รรมหรอื เป็นรูปธรรมให้มากท่สี ุด

3.2 การเลือกช้ินงาน (Selection) หมายถึง การเลือกช้ินงานที่ต้องการ โดยศึกษาจุดเด่น จุด
ด้อยของแต่ละชิ้นงาน แล้วเลือกช้ินงานที่เป็นจุดเด่น โดยพิจารณาตามวัตถุประสงค์ของการประเมินว่า เป็นการ
ประเมินการพฒั นาความก้าวหนา้ หรือผลผลติ ของผเู้ รยี น

การกวาดั รแวดัลแะลปะรปะรเมะเนิ มผินลผกลากราเรรเยีรนียนรู้รู้ 9797

3.3 การสะท้อนถึงตัวผู้เรียน (Reflection) โดยการใหผ้ ู้เรียนไดป้ ระเมินตนเอง โดยการอธบิ าย
หรือพรรณนาถงึ งานที่ตนเองเลอื กในแฟ้มสะสมงาน

3.4 เชื่อมโยงกับชีวิตจริง (Connection) โดยการแสดงแฟ้มผลงานให้กับเพื่อน ครู ผู้ปกครอง
และชุมชน ได้พิจารณาถงึ กระบวนการหรอื ผลผลิตของผู้เรยี นในการเรียนรตู้ ามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูท้ ่ีกาหนดไว้

4. แฟ้มสะสมผลงานดีเด่น
แฟ้มสะสมผลงานดีเด่น เป็นแฟ้มสะสมผลงานหรือช้ินงานทผี่ ู้เรยี นได้คัดเลือกนาเสนอผลงานท่ีมี

ความโดดเด่นมานาเสนอไว้ในแฟ้มสะสมงาน ชัยฤทธ์ิ ศิลาเดช (2545, น. 82 - 84) ได้เสนอไว้ว่าแฟ้มสะสม
ผลงานดเี ด่นควรมสี ่วนประกอบดงั น้ี

ส่วนทีห่ นึ่ง ส่วนนาของแฟ้ม ประกอบด้วยสองส่วนย่อย คอื การแนะนาแฟ้มสะสมงานและการ
แนะนาเจา้ ของแฟม้ สะสมงาน ซ่งึ ประกอบดว้ ย

1) ปกแฟ้มสะสมงาน
2) สารบญั แฟ้มสะสมงาน
3) คานา
4) จุดประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน เชน่

จดุ ประสงค์แฟ้มสะสมงานวชิ าคณติ ศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1
1.เพื่อบอกความสามารถและความกา้ วหนา้ ทางการเรยี นในด้านต่อไปนี้

1.1 การคิดคานวณ
1.2 การสอ่ื สารทางคณิตศาสตร์
1.3 การแกป้ ัญหาโดยใช้ความรู้
2.เพ่ือประเมินผลตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ่ี 14 นกั เรยี นสามารถนาความรไู้ ปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้
3. เพือ่ ใช้เป็นเครือ่ งมอื ในการส่อื สารกบั ผปู้ กครอง

ส่วนท่ีสอง ส่วนเนื้อหา คือการท่ีนาเสนอผลงานที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าเป็นผลงานดีเด่น มัก
ประกอบดว้ ย

1) ทะเบียนคุมผลงาน เป็นตารางแสดงถงึ ชิน้ งาน เก็บสะสมอย่างไร และเมอื่ ไหร่
2) ผลงานดีเด่นทผี่ ่านการพัฒนาและคดั เลอื กมาแลว้ ซ่ึงอาจประกอบด้วย

- ชน้ิ งานจริง หรือภาพถา่ ย หรือส่ิงที่เปน็ หลักฐานแทนชน้ิ งาน
- การเขียนประวตั กิ ารพัฒนางานอย่างย่อๆ วา่ เร่ิมตน้ ทางานเมื่อไร ทาอย่างไร พฒั นาอยา่ งไร เปน็ ตน้
- หลักฐานประกอบท่จี าเป็น เชน่ ใบงาน บันทึกการปฏบิ ตั จิ รงิ แบบประเมนิ งาน เป็นต้น

98 การวัดกแาลระวปัดรแะลเมะปินผรละเกมาินรเผรลียกนารู้รเรยี นรู้ 98
สว่ นท่ีสาม ส่วนสรปุ ประเมิน เป็นการประเมินแฟม้ สะสมงาน ซ่ึงโดยปกติมักจะสรุปผลการประเมิน

โดยการบรรยายเกยี่ วกบั คุณลักษณะทสี่ าคัญของผู้เรยี น เช่น ลักษณะเด่น ความสามารถที่โดดเดน่ ความสามารถท่ี
บกพร่องหรือควรปรับปรุง นอกจากนี้อาจให้ผเู้ กีย่ วข้อง เช่น ผปู้ กครองประเมินแฟ้มสะสมงานโดยใช้แนวทางการ
ประเมนิ แบบรูบริคส์ ดงั ตัวอยา่ ง

ตัวอยา่ งท่ี 8 เกณฑก์ ารประเมนิ แฟ้มสะสมงาน (Portfolio Rubrics)

รายการ เกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ 4(ดเี ลศิ ) 3(ดี) 2(พอใช้) 1(ปรบั ปรุง)
1. ลกั ษณะ 1. สะอาด 1. สะดวกต่อการใช้ 1. สะดวกต่อการใช้ 1. ไมส่ ะดวกต่อการใช้
เชงิ 2. ชดั เจน 2. สะอาดชัดเจน 2. ความสะอาด 2. งานมขี อ้ บกพรอ่ ง
กายภาพ 3. สวยงาม สวยงามบกพรอ่ ง 1 ชดั เจน สวยงาม 1. จดั เรียงไม่เปน็
ของแฟ้ม 4. สะดวกตอ่ การใช้ อย่าง บกพร่อง 2 อย่าง ระเบยี บ
2. เอกสาร 1. จัดเรียงเป็น 1. จัดเรียงเป็น 1. จดั เรยี งเป็น 2. อา่ นเข้าใจยาก
ในแฟ้ม ระเบียบ ระเบียบ ระเบียบ 3. เขียนไมช่ ดั เจน มี
2. อ่านเข้าใจง่าย 2. อ่านเข้าใจง่าย 2. อา่ นเข้าใจงา่ ย สะกดผิด
3.เขยี นชัดเจน ไม่ 3. เขยี นไม่ชดั เจน มี 3. เขียนไม่ชดั เจน มี 4. ไมค่ ่อยไดส้ าระ
สะกดผิด สะกดผิด สะกดผดิ ตรงประเด็น
4. ได้สาระตรง 4. ไดส้ าระตรง 4. ได้สาระตรง 5. ไม่สะทอ้ นการ
ประเดน็ ประเด็น ประเด็น พัฒนา
5. สะท้อนการพัฒนา 5. สะท้อนการพัฒนา 5. สะทอ้ นการพัฒนา 1. ไม่สมบรู ณ์
ครบถว้ น
3. 1. สมบรู ณ์ครบถว้ น 1. ขาดความสมบูรณ์ 1. ขาดความสมบรู ณ์ 2. ไม่มีความถูกตอ้ ง
หลักฐาน 2. มีความถูกต้อง ครบถ้วน ครบถว้ น ทั้งหมด
สนบั สนุน ทัง้ หมด 2. มีความถกู ต้อง 2. ขาดความถกู ต้อง 3. เชือ่ ถอื ได้บางสว่ น
3. เชื่อถือไดเ้ ป็นส่วน 3. เชื่อถือได้เปน็ สว่ น บางสว่ น 4. ตรงตามหน้าที่
ใหญ่ ใหญ่ 3. เชอ่ื ถือได้เป็นส่วน รับผดิ ชอบบางส่วน
4. ตรงตามหนา้ ท่ี 4. ตรงตามหน้าท่ี ใหญ่
รบั ผิดชอบ รับผิดชอบ 4. ตรงตามหนา้ ที่
รบั ผดิ ชอบ

การกวาดัรวแัดลแะลปะรปะรเะมเนิ มผนิ ลผกลากราเรรเียรยีนนรรู้ ู้ 9999

ส่วนที่สี่ ภาคผนวกของแฟ้มสะสมงาน เป็นการนาเสนอข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติมเก่ียวกับ
ความสามารถด้านอน่ื ๆ ของเจา้ ของแฟ้มสะสมงาน นอกเหนอื ไปจากจดุ ประสงคข์ องแฟ้มสะสมงาน เช่น แฟม้
สะสมงานมีจุดประสงค์เพื่อบอกความสามารถเกี่ยวกับความรู้ทางพลศึกษาท่ีนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน แต่
นักศึกษามีความโดดเด่นทางด้านการกีฬา เขาสามารถนาประกาศนียบัตรทางด้านกีฬามานาเสนอไว้ใน
ภาคผนวก แต่ถ้าจุดมุ่งหมายของแฟ้มสะสมงานเพ่ือบอกความสามารถทางด้านกีฬา เขาสามารถนาหลักฐาน
ดงั กลา่ วมาไวใ้ นสว่ นทเี่ ปน็ เน้ือหาได้

5. แฟม้ สะสมงานเฉพาะเรอ่ื ง
แฟ้มสะสมงานเฉพาะเรื่อง มีเน้ือหาเพียงเร่ืองเดียวหรือผลงานเดียวเท่าน้ัน ซ่ึงโดยท่ัวไปจะอยู่ใน

ลกั ษณะของการรายงานผลการปฏิบัติงาน หรือการปฏิบัติจรงิ ของโครงงาน ส่วนประกอบของแฟ้มสะสมงาน
เฉพาะเรอื่ งจะคล้ายกับแฟ้มสะสมงานดีเด่น คือ มสี ่วนนา ส่วนเน้ือหา ส่วนสรุป และภาคผนวก จะมแี ต่ความ
แตกตา่ งไปเฉพาะส่วนของเน้อื หา ซึ่งควรมรี ายละเอียดดังนี้

4.1 ความเป็นมา ระบุความจาเป็น ประโยชน์ คณุ คา่ งานท่ีศกึ ษา
4.2 วิธีการดาเนินการ/ตารางการปฏิบัติงานจริง นาเสนอปฏิทินการปฏิบัติงานอ้างถึงเอกสารใบ
งานหรอื งานท่ีไดร้ บั มอบ
4.3 การปฏิบัติจริง ระบุถึงกระบวนงานทั้งหมด แสดงรายละเอียดหรือร่องรอยการปฏิบัติจริง
ประกอบ
4.4 ผลการศึกษาหรือผลงาน แสดงข้อมูลทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ อ้างอิงหลักฐาน ผลงานที่
ปรากฏ รวมท้ังแสดงช้ินงานหรือช้ินงานหรอื สง่ิ ท่ีเป็นตัวแทนของชน้ิ งานนน้ั
4.5 ปัญหา อุปสรรคและการแกไ้ ข สรุปพอสังเขปเฉพาะรายการที่ปรากฏเดน่ ชัด
4.6 ความรสู้ ึกตอ่ การปฏบิ ตั งิ าน แสดงความรสู้ กึ เกีย่ วกับส่งิ ทภ่ี าคภูมใิ จ จุดเด่น จุดดอ้ ยของงาน
4.7 ภาคผนวก จะแสดงหลักฐานประกอบเพอื่ สนบั สนุนการปฏบิ ตั ิจรงิ เช่น ภาพถ่าย สาเนาคาสั่ง
บนั ทกึ การประชุม หรือประกาศเกียรติบัตร เป็นต้น

หลากหลายเทคนคิ วธิ กี ารประเมนิ ผลตามสภาพจริง

การประเมินตามสภาพจริงน้ัน จะต้องใชเ้ ทคนคิ การประเมินท่หี ลากหลาย ในที่นข้ี อเสนอไวพ้ อสังเขป
ดงั ต่อไปน้ี (ชัยวฒั น์ สทุ ธิรัตน์, 2553, น. 216 - 225)

1. การสังเกต เป็นการวัดและประเมนิ กิจกรรมการเรียนรู้แบบบรู ณาการจริยธรรมของผเู้ รียนแต่ละ
คนได้ การสงั เกตจะขน้ึ อย่กู บั สถานการณว์ า่ จะใชก้ ารสังเกตแบบมโี ครงสร้างหรือไม่มีโครงสร้าง

100 การวดั กแาลระวปดั รแะลเมะนิปผรละกเมานิรเผรยีลนกราู้รเรียนรู้ 100
2. การสัมภาษณ์ เป็นวิธีที่ใช้เก็บข้อมูลตามพฤติกรรมด้านต่างๆ เช่น ความคิด ความรู้สึก

กระบวนการ ขั้นตอนในการทางาน วิธีการแก้ปัญหา ฯลฯ อาจใช้ประกอบในการสังเกตเพื่อให้ได้ข้อมูลที่
มั่นใจในความถูกต้องมากยิ่งข้ึน

3. การรายงานตนเอง เป็นการให้ผู้เขียนบรรยายหรือตอบคาถามสั้นๆ หรือตอบแบบสอบถามที่
ครูผู้สอนสร้างขึ้น เพื่อสะท้อนถึงการเรียนรู้ของผู้เรียน ทั้งด้านความรู้ วิธีคิด วิธีทา ความพอใจในผลงาน ความ
ตอ้ งการพัฒนาตนเอง ฯลฯ

4. การบนั ทึกจากผู้ทีเ่ กี่ยวข้อง เป็นการรวบรวมข้อมูลความคดิ เห็นที่เก่ียวข้องกับตัวผ้เู รยี น ผลงาน
ผู้เรียน โดยเฉพาะความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียนจากแหล่งต่างๆ เช่น จากครู จากเพ่ือนผู้เรียน หรือ
ผปู้ กครอง

5. การใชแ้ บบทดสอบแบบเน้นการปฏิบัตจิ รงิ ในกรณที ค่ี รผู สู้ อนตอ้ งการใชแ้ บบทดสอบ ควรเป็น
ปัญหาท่ีต้องมีความหมายต่อผู้เรียน และมีความสาคัญเพียงพอท่ีจะแสดงถึงความรู้ของผู้เรียนในระดับต่างๆ
แบบสอบถามควรมีความคลอบคลุมท้ังความสามารถและเน้ือหาตามหลักสูตร ผู้เรียนต้องใช้ความรู้
ความสามารถ ความคดิ หลายๆ ดา้ น มาผสมผสานและแสดงวิธีคิดได้อย่างเปน็ ขนั้ ตอนและชดั เจน ท้งั น้ีการให้
คะแนนควรมเี กณฑ์ให้มีคะแนนทมี่ ีความสมบูรณ์ของคาตอบอยา่ งชัดเจน

6. การประเมินผลโดยใช้แฟ้มผลงาน ซึ่งเป็นส่วนสาคัญของการประเมินตามสภาพจริง โดยการ
ประเมินผลผลิตที่ผู้เรียนได้รวบรวมและจัดระบบข้อมูลเก็บไว้ในแฟ้มสะสมงาน ดังน้ัน แฟ้มสะสมงานมี
ความหมาย 2 ประการ คือ เป็นส่ิงที่เก็บหลักฐานท่ีแสดงถึงทักษะของผู้เรียน และเป็นสิ่งท่ีแสดงถึงพัฒนาการ
ผ้เู รียน การประเมินผลโดยใช้แฟ้มสะสมผลงานจึงเป็นการประเมินความสาเร็จของผู้เรียนจากผลงานที่เป็นชิ้นงาน
ที่ดีที่สุด หรืองานท่ีแสดงความก้าวหน้าท่ี ผู้เรียนเก็บสะสมไว้ โดยอาจจะเก็บไว้ในแฟ้ม กล่อง กระเป๋า แผ่นดิสก์
อัลบ้มั ฯลฯ ขนึ้ อยกู่ ับลกั ษณะของงาน

การกวาัดรแวดัลแะลปะรปะรเมะเนิ มผนิ ลผกลากราเรรเียรยีนนรรู้ ู้ 101101

ตวั อย่างเครือ่ งมอื การประเมินผลการเรียนรตู้ ามสภาพจริง

ในส่วนต่อไปนี้ จะนาเสนอตัวอย่างของเคร่ืองมือการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง เพื่อเป็น
ตวั อย่างในการสร้างเคร่ืองมอื ประเมนิ ผลตามสภาพจริง

ตัวอย่างที่ 9 แบบประเมนิ ความรับผดิ ชอบกลมุ่

แบบประเมนิ ความรบั ผิดชอบกล่มุ

ประเมนิ วนั ที่ ………..……..เดอื น……...................……พ.ศ.255......
หน่วยการเรียนร้/ู แผนการเรยี นร้ทู ี่….....……..เรอ่ื ง…………...........................….…
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท.่ี …../..…ชือ่ ผปู้ ระเมิน…………...............…………...
คาช้ีแจง โปรดทาเครื่องหมาย / เม่ือพบว่ามีการปฏบิ ัติ และ Xเม่อื พบวา่ ไม่มกี ารปฏบิ ตั ิ
รายการประเมิน กลุ่มที่
1234567 8

1. การวางแผนล่วงหน้ากอ่ นปฏบิ ัติ
2. การมอบหมายหนา้ ทป่ี ฏบิ ัติงาน
3. ปฏิบัตงิ านตามทีก่ าหนด
4. ทางานตามเวลาทก่ี าหนด
5. สง่ งานตามกาหนดเวลา
6. ความละเอียดอรอบคอบในการทางาน
7. ความผกู พนั มุง่ มั่นเพื่อให้ผลงานสาเร็จ
8. ความเพียรพยายามในการทางานให้สาเร็จ
9. การร่วมมอื กันทางาน
10. การนาเสนอผลงานไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม
รวม
ผลการประเมนิ
ความหมายของการใหค้ ะแนน
ระดบั การปฏิบตั ิ ระดับคุณภาพ
ปฏบิ ัติได้ 1 -5 รายการ หมายถงึ ปรับปรงุ (0)
ปฏิบัตไิ ด้ 6 - 7 รายการ หมายถงึ พอใช้ (1)
ปฏิบตั ไิ ด้ 8 - 10 รายการ หมายถงึ ดี (2)
เกณฑ์การพจิ ารณาตัดสนิ
ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ ะดบั คณุ ภาพ “พอใช้ ข้นึ ไปถอื ว่าผา่ นการประเมนิ ”

102 การวัดกแาลระวปัดรแะลเะมปนิ รผะลเกมาินรเผรลยี กนารรู้ เรียนรู้ 102
ตวั อย่างที่ 10 แบบประเมนิ ผู้เรยี นอยู่ในสังคมอยา่ งมคี วามสขุ

แบบประเมินผเู้ รียนอยูใ่ นสังคมอย่างมคี วามสขุ

ชือ่ ผูไ้ ดร้ ับการะประเมิน..........................……..……..นามสกลุ ………..........................…
เลขท่ี………..ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่…...……/……......…
ภาคเรียนที่…........… ปีการศึกษา 2559
คาช้แี จง 1. โปรดทาเครือ่ งหมาย √ ลงในช่องทีต่ รงกับความเป็นจรงิ มากทส่ี ุด
2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน คือ 3 = ด,ี 2 = พอใช้, 1 = ปรบั ปรุง
3. ผลการประเมนิ ใชค้ ะแนนเฉล่ยี รวมของผูร้ ว่ มประเมินทัง้ หมด
ผปู้ ระเมนิ
รายการประเมนิ ตนเอง เพอ่ื น ครู ผู้ปกครอง
3 2132 1 3 2 1 3 2 1
1. ปรบั ตัวเข้ากบั เพือ่ นๆ ไดด้ ี
2. ปรับตวั เขา้ กบั สถานการณ์ได้
3. เป็นทย่ี อมรับของเพอื่ นและบุคคลอื่น
4. ส้กู บั ภาระงานท่หี นัก
5. ไม่มภี าวะซึมเศร้า
6. สุขใจกบั การทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
7. มองโลกในแงด่ ี
8. แสดงความยินดีเม่อื เห็นผู้อ่ืนได้ดี
9. มคี วามมนั่ คงทางอารมณ์
10.มีเมตตากรณุ าตอ่ ผอู้ ืน่
รวม
รวมทกุ รายการ

ลงชื่อ........................................................ (ตนเอง) ลงชื่อ...................................................(เพ่ือน)
ผ้ปู ระเมิน ผ้ปู ระเมิน
ลงชื่อ........................................................ (ครู) ลงช่ือ....................................................(ผ้ปู กครอง)
ผปู้ ระเมิน ผ้ปู ระเมิน

การกวาดัรวแัดลแะลปะรปะรเะมเินมผนิ ลผกลการารเรเรียยี นนรรู้ ู้ 101303

ตัวอย่างท่ี 11 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเขียนเรื่องจากภาพ

องค์ประกอบ ดมี าก ดี คาอธบิ ายคะแนน ปรับปรุง แก้ไข
ท่ีประเมนิ (4 คะแนน) (3 คะแนน) พอใช้ (1 คะแนน) (0 คะแนน)
มี 3 – 4
1. เน้ือเรอื่ ง - น่าสนใจ รายการ (2 คะแนน) มี 1 รายการใน ไม่มงี านเขียน
- สอดคลอ้ งกับ อธบิ าย 4 มี 2 รายการ คาอธบิ าย 4
ภาพ คะแนน อธบิ าย 4 คะแนน
- เป็นลาดบั ไม่ เขยี นถูกต้อง คะแนน
วกวน ทกุ คาเลือกใช้ เขียนผดิ เป็นสว่ น
- มแี นวคิด ภาษาได้อย่าง น้อย การเลือกใช้
- มสี ่วนนาเนื้อ เหมาะสม คาเหมาะสมหรอื
เรอื่ งและสรุป เขียนถกู ตอ้ งทุก
2. การใช้ คา แต่ใช้ภาษาไม่ เขียนผดิ เป็น ไม่มีงานเขียน
ภาษา เหมาะสม ส่วนใหญ่และ
ผลงานสะอาดไม่ เลือกใชภ้ าษา
มรี อยลบ ไม่เหมาสม

3. ความ ผลงานสะอาด ไมม่ งี านเขียน
สะอาด มีรอยลบบ้าง เขียนเกนิ เวลา
4. เวลา เขียนเสร็จ หรอื ไม่มีเวลา
ทนั เวลาท่ี เขยี น
กาหนด

ความหมายของการใหค้ ะแนน ระดบั คุณภาพ
คะแนน ดี
8 - 10 พอใช้
5-7
0-4 ปรบั ปรงุ

ผู้เรยี นตอ้ งผ่านระดับคุณภาพ “พอใช้” ขึ้นไปถือว่าผ่านการประเมิน

การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 104
104 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

ตวั อยา่ งท่ี 12 แบบบันทึกคะแนนการตรวจผลงานการเขยี นเร่ืองจากภาพ

แบบบนั ทกึ คะแนนการตรวจงาน “การเขยี นเรื่องจากภาพ”
กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2546
*************************************************

คาชแี้ จง
1. การประเมินผลการเขียนเรือ่ งจากภาพ กาหนดองค์ประกอบการประเมิน ดังน้ี
- ด้านเนอ้ื เรือ่ ง คะแนนเตม็ 4 คะแนน
- ดา้ นการใช้ภาษา คะแนนเต็ม 3 คะแนน
- ดา้ นความสะอาด คะแนนเตม็ 2 คะแนน
- ด้านเวลา คะแนนเตม็ 1 คะแนน
2. เขยี นคะแนนทนี่ ักเรียนไดล้ งในชอ่ งใหต้ รงกับหัวขอ้ การประเมินท่ีกาหนด
3. สรปุ ผลการประเมนิ ดังน้ี
ดี หมายถึง ผลงานมีระดบั คะแนน 8 - 10 คะแนน
พอใช้ หมายถึง ผลงานมีระดบั คะแนน 5 - 7 คะแนน
ปรบั ปรงุ หมายถึง ผลงานมีระดบั คะแนน 0 - 4 คะแนน

ท่ี ชือ่ -สกลุ องคป์ ระกอบทปี่ ระเมนิ เวลา รวม สรุปผล
เน้อื เรอ่ื ง ภาษา สะอาด (1) (10 คะแนน)

1 (4) (3) (2)

2
3
4
5
...

รวม

ลงชือ่ ...........................................ผู้ประเมิน
................../............... /...............

การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 105
การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 105

ตวั อยา่ งท่ี 13 เกณฑก์ ารประเมินผลงาน “การปัน้ แกะสลัก”

รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพและความหมาย

เหรียญทอง(3) เหรียญเงนิ (2) เหรยี ญทองแดง(1)
1.การวางแผนการ 1. มหี ลักฐานการ - มีเฉพาะขอ้ 1 กับขอ้ - ไมม่ ีข้อ 1
ทางาน(ออกแบบ วางแผนงาน อ่นื อีก 1 ข้อ
ชน้ิ งาน) 2. แสดงรอ่ งรอยการ
ตรวจสอบของครู
3. เตรยี มวสั ดุ/อปุ กรณ์
พร้อมกอ่ นทางาน
2. ช้ินงาน 1. ตรงจดุ ประสงค์ - มีเฉพาะข้อ 1 กบั ขอ้ - ไมม่ ีข้อ 1
2. สวยงาม สะอาด อ่ืนอีก 1 ข้อ
3. ใชป้ ระโยชน์
3. ความคิดสรา้ งสรรค์ 1. แปลกใหมไ่ มซ่ ้าใคร 1. แปลกใหม่ 1. เลียนแบบ
2. ประยกุ ตว์ ธิ กี ารท้ัง 2 2. เนน้ วิธีการใดวธิ หี นึง่ 2. เนน้ วิธีการใดวธิ ีการ
วิธไี ด้อยา่ งกลมกลนื ไม่ มากเกนิ ไป หนง่ึ
เนน้ วิธีการใดวิธีการหนงึ่
รวมคะแนน....................คะแนน
เกณฑ์การติดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
3 - 5 ปรบั ปรุง (0)
6 - 7 พอใช้ (1)
8 - 9 ดี (2)

ผู้เรยี นต้องผ่านระดับคุณภาพ “พอใช้”ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ นการประเมิน

106 การวัดกแาลระวปดั รแะลเมะปนิ ผรละเกมาินรเผรลียกนารู้รเรียนรู้ 106

บรรณานกุ รม

โกวิท ประวาลพฤกษ์ และสมศกั ด์ิ สนิ ธุระเวชญ์. (2527). การประเมนิ ในชน้ั เรยี น (พมิ พ์ครง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ :
วัฒนาพานชิ

ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์. (2539). การพัฒนาหลกั สูตร : หลกั การแนวปฏบิ ตั ิ. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พอ์ สีนเพรส.
ชวาล แพรตั กลุ . (2552). เทคนคิ การวดั ผล (พมิ พค์ รั้งท่ี 7). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พว์ ิฑูรย์การปก.
ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช. (2540). การพฒั นาแฟม้ สะสมงานในการประเมนิ ผลการเรียนวชิ าภาษาอังกฤษ ชน้ั

มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3. ปรญิ ญานิพนธ์ การศกึ ษาดุษฎบี ัณฑิต กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ
ชยั ฤทธ์ิ ศลิ าเดช. (2545). คูมือการเขียนแผนการสอนท่ีเนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญ. กรุงเทพฯ : แม็ค.
ชยั วฒั น์ สุทธิรตั น์. (2553). สอนประวตั ศิ าสตร์ ให้เด็กมีความสขุ สนกุ คิด (พมิ พ์คร้งั ท่ี 2). นนทบรุ ี :

สหมติ รพร้นิ ติง้ แอนด์พบั ลิสช่งิ .
ชศู รี วงศ์รตั นะ. (2541). เทคนคิ การใชส้ ถติ เิ พอ่ื การวจิ ยั (พิมพค์ ร้งั ท่ี 7). กรุงเทพฯ : ศูนย์หนงั สือจฬุ าลงกรณ์

มหาวิทยาลยั .
ตา่ ย เซ่ยี งฉี. (2526). ทฤษฎกี ารทดสอบและวดั ผลการศึกษา. เชยี งใหม่ : ภาควชิ าประเมนิ ผลและวจิ ยั

การศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่.
ทิวัตถ์ มณีโชต.ิ (2549). การวัดและประเมินผลการเรยี นร้ตู ามหลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน. กรงุ เทพฯ :

ศนู ยส์ ่งเสรมิ วชิ าการ.
นงลักษณ์ วิรชั ชยั . (2546). การตัดสนิ ผลการเรยี นรู้ : เกรดและการตัดเกรด ในการประเมนิ ผลการเรียนรู้

แนวใหม.่ กรุงเทพฯ : โรงพิมพจ์ ุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
นิรนั ดร์ จลุ ทรพั ย์. (2539) เอกสารคาสอนวชิ าการแนะแนวเบอื้ งตน้ . โครงการบริการวิชาการ มหาวทิ ยาลัย

ศรนี ครินทรวิโรฒ.
บุญชม ศรสี ะอาด. (2540). การวจิ ยั ทางการวดั ผลและประเมนิ ผล. กรงุ เทพฯ: สุวรี ิยาสาสน์.
บุญเชดิ ภิญโญอนนั ตพงษ.์ (2526). การทดสอบแบบอิงเกณฑ์ : แนวคดิ และวิธกี าร. กรงุ เทพฯ : คณะ

ศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
บญุ ธรรม กิจปรีดาบรสิ ุทธ.์ิ (2524). คู่มืออาจารยก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นการสอน. กรุงเทพฯ : การ

พิมพพ์ ระนคร.
พนติ เข็มทอง. (2541). วัตถปุ ระสงคท์ างการศกึ ษา : การเขยี นและการจาแนก. เอกสารประกอบการ

ฝึกอบรมหลกั สูตรกลยุทธก์ ารฝกึ อบรมแนวใหม่แนวคดิ ส่กู ารปฏบิ ัติ. กรงุ เทพฯ : สานักสง่ เสริมและ
ฝกึ อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์
พิชติ ฤทธจิ์ รญู . (2545). หลักการวัดและประเมนิ ผลทางการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : เฮาส์ออฟเคอร์มสี .
พิชิต ฤทธ์จิ รญู . (2554). การวิจยั เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ : ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั ในชนั้ เรยี น (พิมพ์คร้ังที่ 3).
กรงุ เทพฯ : คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
เพชราวดี จงประดับเกียรต.ิ (2555). การวดั ผลประเมนิ ผลการศกึ ษา (ออนไลน)์ . สืบคน้ จาก
http://petcharawadee1.blogspot.com/
ภัทรา นิคมานนท์. (2543). การประเมนิ ผลการเรียน. กรงุ เทพฯ : ทิพยวสิ ุทธ.ิ์
เยาวดี วิบูลยศ์ ร.ี (2542). การวดั และการสร้างแบบสอบผลสมั ฤทธิ์ (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 2). กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั .

การกวาดั รแวลัดะแปละระปเรมะนิเมผนิ ลผกลากราเรรเียรนยี รนู้ รู้ 101707

เยาวดี วิบูลย์ศรี. (2545). การวัดผลและการสร้างแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์จฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลยั .
เยาวเรศ จันทะแสน. (2553). ความรู้เบือ้ งต้นเกยี่ วกบั การวดั ผลและประเมนิ ผล (ออนไลน์). สืบคน้ จาก

http://reg.ksu.ac.th/teacher/yahvaret/lession1.html.
ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ. (2543). เทคนคิ การวดั ผลการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สวุ ีริยาสาสน์.
วรรณี แกมเกตุ. (2551). วิธีวิทยาการวจิ ัยทางสังคมศาสตร์ (พิมพค์ รั้งท่ี 2). กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์แหง่

จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
วิเชียร เกตสุ งิ ห์. (2515). การวัดผลการศกึ ษาและสถติ เิ บอื้ งตน้ (พมิ พค์ รั้งที่ 2). กรงุ เทพฯ : การพมิ พ์

ไชยวฒั น.์
วเิ ชียร อินทรสมพันธ.์ (2556). เอกสารประกอบการสอนวิชา เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู เพอื่
การวิจยั . กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา.

ศริ ชิ ัย กาญจนวาสี. (2548). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม (พมิ พ์คร้ังที่ 5). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพแ์ ห่ง
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2548.
ศิรชิ ัย กาญจนวาส.ี (2556). ทฤษฎกี ารทดสอบแบบด้ังเดิม (พมิ พ์ครั้งท่ี 7). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พแ์ ห่ง
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.

ส. วาสนา ประวาลพฤกษ (2544). หลกั การและเทคนิคการประเมินทางการศกึ ษา. กรุงเทพฯ :
มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒประสานมิตร.
สมนกึ ภทั ทิยธน.ี (2551). การวัดผลการศกึ ษา (พิมพ์ครั้งท่ี 5). กาฬสินธ์ุ : ประสานการพิมพ์.
สมบูรณ์ ตันยะ. (2545). การประเมนิ ทางการศึกษา. กรงุ เทพฯ : สุวรี ิยาสาสน์ .
สมพร เชือ้ พนั ธ์. (2547). การเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นคณิตศาสตร์ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษา

ปีที่ 3 โดยใช้วธิ ีการจัดการเรียนการสอนแบบสร้างองค์ ความรูด้ ้วยตนเองกับการจดั การเรยี นการ
สอนตามปกติ. (วทิ ยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑิต (หลักสูตรและการสอน), สถาบนั ราชภัฏ
พระนครศรีอยุธยา).
สมศกั ดิ์ ภ่วู ิภาดาวรรธน์. (2544). การยึดผ้เู รียนเป็นศูนยก์ ลางและการประเมินตามสภาพจรงิ (พมิ พ์ครง้ั ที่ 4).
เชียงใหม:่ โรงพมิ พแ์ สงศิลป์.
สมหวัง พิธยิ านวุ ฒั น์. (2544). วิธีวทิ ยาการประเมนิ ศาสตรแ์ ห่งคณุ คา่ (พิมพค์ รัง้ ที่ 2). กรงุ เทพฯ :
จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย.

สริ ิพร ทพิ ย์คง. (2545). หลักสตู รและการสอนคณิตศาสตร์. กรงุ เทพฯ : พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ.
สริ ิพร ทพิ ยค์ ง. (2545). หลกั สตู รและการสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ.
สภุ รณ์ ลม้ิ บริบูรณ.์ (2535). การประเมินผลการเรียน. กรุงเทพฯ : ภาควิชาทดสอบและวิจัยการศกึ ษา คณะ
ครศุ าสตร์ วิทยาลยั ครูบา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยา.
สุภางค์ จนั ทวานชิ . (2549). วิธีการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ (พมิ พ์ครง้ั ท่ี 14). กรุงเทพฯ : สานักพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั .
สมุ าลี จนั ทรช์ ะลอ. (2542). การวัดและการประเมินผล (Measurement and Evaluation). กรุงเทพฯ :
บรษิ ัทพิมพ์ดี.

สรุ ชยั มชี าญ. (2540). เอกสารการสอนการวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2. กรุงเทพฯ :
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี
อนันต์ ศรีโสภา. (2522). แนวการตอบแบบฝึกหดั การวดั และการประเมนิ ผลการศกึ ษา. กรุงเทพฯ : คณะ
ศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร.

108 การวกดั าแรลวะดั ปแรละเะมปนิ รผะลเมกานิ รผเรลยี กนารรู้ เรียนรู้ 108
อวยพร เรืองตระกูล. (2541). สถิตกิ ารศึกษาข้ันนา. กรุงเทพฯ : ศนู ยต์ าราและเอกสารทางวชิ าการ คณะครุ

ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
อุทุมพร จามรมาน. (2544). แบบสอบถาม : การสร้างและการใช้ (พิมพค์ รงั้ ที่ 6). กรงุ เทพฯ: ฟนั นพ่ี ลบั บชิ

ชง่ิ .

Anastasi, A. (1968). Psychological Testing. (3rd ed). London : Macmillan.
Cox, R.C. and Vargas, J.S. (1966). A comfarision of item Selection Techniques for Norm –

referenced and Criterion – referenced test. Paper Presentation at the Annual
meeting of the National Council on Measurement in Education
Crocker, L. and J. Algina. (1986). Introduction to Classical and Modern Test Theory.
Florida : Rinchart and Winston.
Gulliksen, H. (1950). Theory of Mental Tests. New York : John Wiley and Sons.
Kuder, G. F., & Richardson, M. W. (1937). The theory of the estimation of test reliability.
Psychometrika. 2(3), 151–160.
Medhi, J. (1992). Statistical Methods: An Introductory Text. New York: Wiley.
Mehrens, W.A. and Lehman, I.J. (1984). Measurement and Evaluation in Education and
Psychology (3rd ed.) Tokyo : Holt Rinehart and Winston.
Salvia, J. and Ysseldyke, J.E. (1998). Assessment. Boston : Houghton - Mifflin.
Spearman, C. (1913). “Correlations of Sums and Differences”, British Journal of Psychology.
5, 417 - 426.
Wainer, H., & Thissen, D. (2001). True score theory: The traditional method. In H. Wainer
and D. Thissen, (Eds.), Test Scoring. Mahwah, NJ : Lawrence Erlbaum.
Ward, A. W. and Murray - Ward, M. (1999). Assessment in the classroom. London :
Wadsworth.

การกวาัดรแวัดลแะลปะรปะรเะมเนิ มผนิ ลผกลากราเรรเยีรียนนรรู้ ู้ 101909

ภาคผนวก

110 การวดั กแาลระวปดั รแะลเะมปนิ ผระลเกมานิรเผรลยี กนารรู้ เรียนรู้ 110

เอกสารหลักฐานการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน 2551

เอกสารหลักฐานการศึกษาถือเป็นเอกสารสาคัญที่สถานศึกษาต้องจัดทาขึ้นเพื่อใช้ในการดาเนินงาน
ด้านตา่ ง ๆ ตามจุดมุ่งหมายของการจดั การศึกษา ดังน้ี

1. เพ่ือบันทึกข้อมูลในการดาเนินการจัดการเรียนการสอนและประเมินผลการเรียน ได้แก่ แบบ
บันทึกผลการเรียนประจารายวิชา

2. เพ่ือติดต่อส่ือสาร รายงานข้อมูล และผลการเรียนของผู้เรียน ได้แก่ แบบรายงานประจาตัว
นกั เรยี น ระเบียนสะสม

3. เพ่ือจัดทาและออกหลักฐานแสดงวุฒิและหรือรับรองผลการเรียนของผู้เรียน ได้แก่ ระเบียน
แสดงผลการเรยี น ประกาศนยี บัตร แบบรายงานผสู้ าเร็จการศกึ ษา และใบรับรองผลการเรยี น

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดเอกสารหลักฐานการศึกษาท่ี
สถานศึกษาจะต้องดาเนินการเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการ
กาหนดและเอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากาหนด ซึ่งเอกสารแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์และ
รายละเอียดดังต่อไปน้ี

ประเภทแรก เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนด
เป็นเอกสารหลักฐานการศึกษาประเภทที่กระทรวงศึกษาธิการควบคุมและบังคับรูปแบบ แนวทาง
วิธีการกรอก และควบคุมให้รับผิดชอบในการพิมพ์ การสั่งซื้อ และการเก็บรักษาอย่างมีระบบ ประกอบด้วย
3 แบบ คือ ปพ. 1 ปพ. 2 และ ปพ. 3 ดังน้ี
ปพ. 1 คือ ระเบียนแสดงผลการเรียน หรือ Transcript เป็นสิ่งจาเป็นอย่างยิ่งที่โรงเรียนจะต้อง
จัดหา หรือจัดซื้อไว้ เอกสารชุดนี้เป็นเอกสารหลักฐานแสดงผลการเรียนจบในแต่ละช่วงชั้น (จบชั้น ป. 3, ป.
6, ม.3 และ ม.6) มีไว้สาหรับแจกให้นักเรียนหลังจากจบแต่ละช่วงชั้น เพื่อนาไปใช้เป็นหลักฐาน
ประกอบการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงาน หรือเมื่อนักเรียนย้ายโรงเรียน
ปพ.2 คือ แบบแสดงวุฒิการศึกษา หรือประกาศนียบัตร เป็นหลักฐานแสดงการจบหลักสูตร
การศึกษาภาคบังคับ (ม.3) และเม่ือจบหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน (ม.6) ของนักเรียนเป็นรายบุคคล
ปพ.3 คือ แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา เป็นหลักฐานแสดงผลการตัดสินและอนุมัติให้ผู้เรียนจบ
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานในแต่ละช่วงช้ัน (จบชั้น ป.3 , ป.6 , ม.3 และ ม.6)

การกวาัดรวแดัลแะลปะรปะรเะมเินมผนิ ลผกลการาเรรเรยี ียนนรรู้ ู้ 111111

ประเภทท่ีสอง เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากาหนด
เป็นเอกสารหลักฐานการศึกษาประเภทที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาออกแบบเองตามความเหมาะสม
สอดคลอ้ งกับลักษณะการดาเนนิ งานของแต่ละโรงเรียน ประกอบด้วย ปพ.4, ปพ.5, ปพ.6, 7, 8 หรือ 9 ดังน้ี
ปพ.4 คือ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นหลักฐานรายงานพัฒนาการด้าน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนเป็นรายบุคคลตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน เพ่ือใช้ประกอบการสมัครเข้า
ศึกษาต่อ สมัครเข้าทางาน หรือมีกรณีอื่นใดที่นักเรียนต้องแสดงคุณสมบัติเกี่ยวกับประวัติความประพฤติ
หรือคุณความดตี ่างๆ
ปพ.5 คือ แบบบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น เป็นเอกสารทีโ่ รงเรียนจัดทาขึ้นเพื่อให้ผสู้ อนใช้
บนั ทกึ ขอ้ มูลการวดั และการประเมนิ ผลการเรียนของนักเรียน ได้แก่ การบันทึกข้อมูลผลการประเมินการเรียน
สรุปผลการประเมินผล สรุปเวลาเรียน รายงานระดับผลการเรียนของนักเรียนแต่ละคนที่เรียนในห้อง หรือ
กลุม่ เดยี วกัน
ปพ.6 คือ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล (สมุดพก) เป็นการบันทึกข้อมูล
การประเมินผลการเรียนรู้และพัฒนาการดา้ นต่าง ๆ เพื่อรายงานผลการเรยี น ความประพฤติ และพัฒนาการ
ของนักเรียนให้ผูป้ กครองทราบ เป็นเอกสารส่ือสาร ประสานงาน เพอ่ื ความรว่ มมือในการพัฒนาและปรบั ปรุง
แก้ไขนักเรียน และเป็นเอกสารสาหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองผลการเรียนและพัฒนาการต่างๆ ของ
นักเรียน
ปพ.7 คือ ใบรับรองผลการศึกษา เป็นเอกสารรับรองสถานภาพนักเรียนหรือผลการเรียนเป็นการ
ช่ัวคราวโดยโรงเรียนจะออกให้เม่ือนักเรียนมีความต้องการใช้ นั่นหมายถึง เมื่อนักเรียนต้องการรับรองว่า
ตนเองเป็นนกั เรียนโรงเรยี นน้ันจรงิ ๆ หรือใช้เปน็ หลักฐานแสดงคณุ สมบัติของนกั เรยี นในการสมคั รเข้าศึกษาต่อ
สมัครเข้าทางาน ก่อนได้รับ ปพ.1 ฉบับจริง ซ่ึง ปพ.1จะออกให้เมื่อถึงวันที่ 31 มีนาคม ในแต่ละปี หรือครบ
กาหนดตามหลกั สตู ร
ปพ.8 คอื ระเบียนสะสม เป็นเอกสารบันทึกขอ้ มูลเกยี่ วกบั พัฒนาการของนักเรยี นในด้านตา่ งๆ เป็น
รายบุคคล อาทิ ข้อมูลในการแนะแนวทางการศึกษา การประกอบอาชีพ การพัฒนาปรับปรุงบุคลิกภาพ ผล
การเรียนและการปรับตัวของนักเรียน เป็นต้น ใช้เมื่อนักเรียนย้าย หรือเม่ือจบตามปีการศึกษา เพื่อให้
ผปู้ กครองทราบเกยี่ วกับตวั นักเรยี นท้งั หมด
ปพ.9 คือ สมุดบันทึกผลการเรียนรู้ เป็นเอกสารแสดงรายวิชาทั้งหมดตามหลักสูตรของโรงเรียน
พร้อมด้วยรายละเอียดของแต่ละรายวิชา ประกอบด้วย ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังสาระการเรียนรู้ คาอธิบาย
รายวิชา และผลการประเมินผลการเรียนของนักเรียน รวมทั้งใช้เป็นข้อมูลในการเทียบโอนผลการเรียน ใน
กรณีทน่ี ักเรยี นยา้ ยโรงเรียน

112 การวดั กแาลระวปัดรแะเลมะนิ ปผรละกเามรนิ เรผยี ลนกราู้ รเรียนรู้ 112

แบบฝึกหดั
วชิ า การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การวกดั าแรลวัดะแปลระะปเมระินเผมลินกผาลรกเารรยี เนรียรนู้ รู้ 113113

แบบฝกึ หดั ท่ี 1

คาช้ีแจง จงพจิ ารณาข้อความตอ่ ไปน้ี วา่ เป็นการวัดผลหรือการประเมนิ ผล
1. วิจารณ์ ชกมวยเก่ง
2. รัตนาสอบวดั จดุ ประสงค์ท่ี 1 ผา่ น
3. อารยามีเพชรหนัก 10 กะรตั
4. สนุ ิสาไดเ้ กรด A วิชาภาษาไทย
5. สมัครไดค้ ะแนนเสียงเกา้ แสนคะแนน
6. อรวีรอ้ งเพลงไพเราะ
7. วชั ราทาแบบทดสอบได้ 80 คะแนน
8. สทุ ินขับรถดว้ ยความเร็ว 120 กม./ชม.
9. บา้ นของบุษบาอย่หู า่ งจากบา้ นของยุรนนั ท์ 3 กิโลเมตร
10. นางสาวไทยปีนส้ี วยมาก

แบบฝึกหดั ท่ี 2

คาชีแ้ จง จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ถา้ ต้องการทราบข้อมลู ตอ่ ไปนี้ ครตู ้องทาการวัดผลเพื่อจุดมุ่งหมายใด
1. นักเรียนคนใดเกง่ เปน็ ที่ 1 ของหอ้ ง
2. ผูเ้ ข้ารบั การอบรมได้รบั ความร้เู พมิ่ ขึ้นไหม
3. พชั รจี บ ม.6 แลว้ ควรเรียนต่อสาขาใด
4. วิธกี ารสอนแบบใหมข่ องครูทิพยด์ หี รอื ไม่
5. เหตุใด ด.ญ.นอ้ ยจึงอ่านหนังสือไม่ออก
6. โสรยาสอบวา่ ยน้าผ่านหรอื ไม่
7. อนชุ าไดร้ ะดับผลการเรียนเทา่ ใด
8. อนาคตเพชรสดุ าจะเปน็ ครไู ด้หรือไม่
9. วิวัฒนค์ วรเขา้ เรยี นในห้องเกง่ หรือออ่ นดี
10. ผลการเรียนของจนิ ตนาพฒั นาข้ึนหรอื ไม่

114 การวดักแาลระวปดั รแะลเะมปินรผะลเกมานิ รเผรลยี กนารรู้ เรียนรู้ 114

แบบฝึกหดั ท่ี 3

คาช้แี จง จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้วา่ ต้องทาการประเมนิ ผลในระยะใด
1. นกั เรยี นควรได้ผลการเรียนระดบั ใด
2. ครูควรปรับปรุงการสอนหรือไม่
3. นกั เรียนมีความรู้เดมิ อยูเ่ พยี งใด
4. นักเรียนเขา้ ใจแตล่ ะบทเรยี นหรอื ไม่
5. จัดกิจกรรมอย่างไรจึงเหมาะกบั น.ร.
6. นักเรยี นสมั ฤทธ์ผิ ลในเนอ้ื หาทงั้ หมดหรือไม่
7. นกั เรยี นบกพร่องในเน้อื เรื่องใด
8. นกั เรียนควรซ้าช้ันหรือควรเลื่อนช้ัน

แบบฝกึ หัดท่ี 4

คาชแ้ี จง จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้วา่ เป็นการรายงานผลแบบองิ กลุม่ หรอื องิ เกณฑ์
1. รตั นาวดี สอบไดล้ าดบั ท่ี 1
2. พินทิพย์สอบบทที่ 1 ไมผ่ า่ น
3. รงั ษเี กง่ กวา่ เพอื่ นๆ อย่รู ้อยละ 70
4. มีคนได้คะแนนสงู กวา่ อาทรรอ้ ยละ 60
5. มนตรา ได้ E เพราะทาคะแนนไมถ่ งึ รอ้ ยละ 50
6. ทพิ ยล์ ดาทาขอ้ สอบวดั จดุ ประสงค์ท่ี 1 ผ่านรอ้ ยละ 80
7. เปยี ทิพย์ได้คะแนนสงู กว่าคะแนนเฉล่ยี ของห้องเลก็ นอ้ ย

แบบฝึกหดั ที่ 5

คาช้ีแจง จงขีด  หนา้ ขอ้ ท่ีเป็นจดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม และขดี  หนา้ ข้อทไี่ มเ่ ป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
..............1) เม่อื เรยี นเร่อื งการวัดแลว้ น.ร. เขา้ ใจวธิ ีการเลือกใชเ้ ครอ่ื งมอื วัดอยา่ งถูกต้อง
..............2) หลงั จากเรียนเร่ืองเวลาแลว้ น.ร. สามารถ อา่ นเวลาจากนาฬกิ าจรงิ ได้
..............3) น.ร. สามารถนาคาท่ีกาหนดให้มาแต่งเปน็ ประโยคสน้ั ๆ ได้ อยา่ งน้อย 5 ประโยค
..............4) เมือ่ เรยี นเรอ่ื งการหาพน้ื ทจี่ บแลว้ น.ร.สามารถจาสตู รการหาพ้ืนท่สี เี่ หล่ียมจัตรุ สั ได้
..............5) น.ร. สามารถรอ้ ยมาลยั ดอกไม้สดได้
..............6) ครสู ามารถอธิบายให้ น.ร. เข้าใจเรื่องคณุ คา่ ของสารอาหารประเภทตา่ งๆ ได้
..............7) เมื่อกาหนดชอ่ื สารเสพติดให้ น.ร.สามารถรถู้ งึ โทษจากการใชส้ ารเสพตดิ ชนดิ นน้ั อย่างถกู ตอ้ ง
..............8) น.ร.สามารถจาแนกประเภทสตั ว์บก สตั ว์นา้ ได้

การวกัดารแวลัดะแปลระะปเรมะนิ เมผินลผกลากรเารรยี เรนียรนู้ รู้ 115115

แบบฝกึ หัดที่ 6

คาช้ีแจง จงวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงคต์ อ่ ไปน้ี วา่ เป็นพฤตกิ รรมด้านพทุ ธิพสิ ัยขน้ั ใด
1. เพื่อให้นักเรียนบรรยายเรอื่ งราวจากภาพได้
2. เพ่ือให้นกั เรียนระบุใจความสาคญั ของเร่อื งท่ีอา่ นได้
3. เพอื่ ให้นกั เรยี นแต่โคลงสสี่ ุภาพได้
4. เพ่อื ให้นกั เรยี นบรรยายเหตุการณส์ าคญั ในวนั วสิ าขะบชู าได้
5. เพื่อให้นักเรยี นบอกวิธกี ารหาพื้นทส่ี ีเหลีย่ มผืนผา้ ได้
6. เพื่อให้นกั เรยี นเขียนประโยคสญั ลักษณจ์ ากโจทยป์ ญั หาท่ีกาหนดใหไ้ ด้
7. เพอ่ื ให้นกั เรียนยกตวั อยา่ งอาหาร 1 มือ้ ท่ีเหมาะกบั คนเป็นโรคคอหอยพอกได้
8. เพ่อื ใหน้ กั เรียนวิจารณ์ข่าวและเหตกุ ารณ์ได้
9. เพื่อให้นักเรยี นเขียนคาขวญั ต่อตา้ นการสบู บหุ รี่ได้
10. เพ่อื ให้นักเรียนแยกแยะคาโฆษณาท่ีกาหนดให้ได้ว่า เช่ือถือได้หรือไม่

แบบฝกึ หัดที่ 7

คาช้ีแจง จงพจิ ารณาจดุ ประสงค์ต่อไปน้วี ่าเป็นพฤติกรรมทางการศกึ ษาด้านใด ต้องวดั โดยใช้วิธกี าร/เครื่องมือใด
1. เพือ่ ให้นักเรยี นบอกขั้นตอนการกรองน้าได้
2. เพ่ือให้นักเรียนสามารถวาดภาพระบายสไี ด้
3. เพ่อื ให้นักเรียนนาศัพทท์ ี่กาหนดให้มาแต่งประโยคได้
4. เพื่อให้นกั เรียนมีเจตคติทดี่ ีตอ่ วชิ าคณิตศาสตร์
5. เพอื่ ให้นักเรยี นวางแผนการจดั แสดงละครได้
6. เพ่อื ให้นักเรียนทาขนมไทยโดยการต้มได้
7. เพอ่ื ให้นักเรียนจับใจความสาคัญของเรื่องได้
8. เพ่ือให้นกั เรยี นมคี วามรับผิดชอบในการทางาน
9. เพอื่ ให้นักเรียนอา่ นออกเสยี งได้
10. เพื่อให้นกั เรียนอา่ นแผนภมู แิ ทง่ ได

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 116 116 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

แบบฝกึ หัดท่ี 8
คาชแี้ จง จงวเิ คราะหค์ ุณภาพข้อสอบรายข้อ โดยใช้ขอ้ มูลจากตารางแจกแจงความถ่ีคาตอบของนกั เรยี นกลมุ่ สูง และกลุม่ ต่า ต่อไปน้ี
ตารางแจกแจงความถี่ของคาตอบของกลุ่มสูง (H) ตารางแจกแจงความถี่ของคาตอบของกล่มุ ตา่ (L)
ตัวเลอื ก ตัวเลอื ก
ขอ้ (เฉลย) ก ข ค งจ รวม ขอ้ (เฉลย) ก ข ค ง จ รวม
/// //// //// // 20
1 (ข) //// //// 20 1 (ข) ////
//// //// 20
2 (ง) / // /// //// //// //// 20 2 (ง) // /// //// //// / //// 20
3 (ก) //// //// /// / / 20 3 (ก) //// //// //// / //
//// 20 // 20

4 (ค) //// /// //// //// / // 4 (ค) //// / /// //// // //// 20
5 (จ) /// //// /// //// //// 5 (จ) / //// / /// //// //// 20

6 (ค) //// //// 20 6 (ค) / // //// //// / /// 20
//// //// /// 20
7 (ก) //// //// // //// // 7 (ก) //// / /// //// // ////
// 20

8 (จ) / /// /// //// //// 20 8 (จ) / // //// //// // //// 20
///
9 (ข) /// //// //// /// 9 (ข) //// // //// /// //// /
//// 20 20

10 (ง) //// // //// //// //// 20 10 (ง) //// //// 20
//// ////

กากราวรัดวแัดลแะลปะรปะรเะมเมินินผผลลกกาารรเรเรียยี นนรรู้ ู้ 111717
สรปุ ผล
ตารางวเิ คราะห์ขอ้ สอบรายขอ้
จานวนนักเรยี น
ขอ้ ตวั เลอื ก กลมุ่ สูง(H) กลมุ่ ตา่ (L) ความยาก อานาจ
(p) จาแนก(r)
1ก





2ก




3ก




4ก






5ก







การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 118
118 การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
สรุปผล
ขอ้ ตัวเลอื ก จานวนนกั เรยี น ความยาก อานาจ
กลุ่มสงู (H) กลุ่มต่า(L) (p) จาแนก(r)
6ก





7ก





8ก





9ก





10 ก






การวกดั าแรลวะดั ปแลระะปเมรนิะผเมลินกผาลรกเราียรเนรรียู้นรู้ 119119

แบบฝึกหดั ที่ 9

คาชี้แจง จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี โดยใชข้ ้อมลู ท่ีกาหนดให้ พรอ้ มแสดงวธิ ีคานวณ
คะแนนผลการสอบวชิ าภาษาไทยเปน็ ดังน้ี
6 4 6 3 87 5 7 9 8
7 1 5 2 66 8 7 6 5
7 5 4 4 66 3 9 28

1. จงแจกแจงความถ่ขี องขอ้ มลู
2. จงหาคะแนนเฉลีย่
3. จงหาสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน
4. จงหาความแปรปรวน

แบบฝึกหดั ท่ี 10

คาชีแ้ จง จงตอบคาถามต่อไปนี้ โดยใช้ข้อมูลท่กี าหนดให้ พรอ้ มแสดงวธิ คี านวณ
แบบทดสอบภาษาไทยฉบบั หน่ึงมีจานวนข้อสอบ 10 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน นาไปทดสอบกับนกั เรียน

ได้คะแนนตามขอ้ มูลในแบบฝึกหดั ท่ี 9 จงหาคา่ ความเชื่อมนั่ ของแบบทดสอบ แบบ KR - 21 โดยแสดงวธิ ี
คานวณตามขน้ั ตอน ดงั นี้

1. สูตร KR-21 rtt =
2. k =
3. X =
4. S t2=
5. แทนค่าสตู ร

แบบฝกี หัดท่ี 11

คาชแี้ จง จงตอบคาถามต่อไปนี้ โดยใชข้ ้อมลู ทก่ี าหนดให้ พร้อมแสดงวิธีคานวณ
ผลการสอบวชิ าภาษาไทยของนกั เรียนชัน้ ม.6 มคี ะแนนเฉลีย่ 30 คะแนน มีสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน

เท่ากับ 5 รัตนาภรณส์ อบได้ 30 คะแนน คดิ เป็นคะแนนที (T – Score) เท่าไร

120 การวดั กแาลระวปดั รแะลเมะนิปผรละกเมารนิ เผรียลนกราู้รเรยี นรู้ 120
T-Score
แบบฝกี หดั ท่ี 12
คาช้แี จง จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี โดยใชข้ ้อมูลจากแบบฝกึ หัดท่ี 9
1. จงแปลงใหเ้ ปน็ เปอร์เซ็นไทล์
2. ด.ญ. ลลิตา สอบได้ 6 คะแนน แปลความหมายในรูปเปอรเ์ ซ็นไทลไ์ ดว้ า่ อยา่ งไร
3. จงแปลงให้เป็นคะแนนที – ปกติ
4.
(1) (2) (3) (4) (5) (1)
X f cf 1 f cf - 1 f 100(cf – 1 f)
n2
22

9
8
7
6
5
4
3
2
1

การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 121


Click to View FlipBook Version