แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ นายเอกภพ มูลทองจันทร์ นางสาวชลธิชา แซดกระโทก โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน สาขางานการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปีการศึกษา 2565 วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี
ก ชื่อโครงงาน แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ คณะผู้จัดทำ นายเอกภพ มูลทองจันทร์ นางสาวชลธิชา แซดกระโทก สาขาวิชา การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน สาขางาน การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปีการศึกษา 2565 คณะกรรมการที่ปรึกษา นายสาธิต มั่งมี นายสมเกียรติ เกิดบุญเรือง นางสาวอัจฉา ทองไพบูรณ์ บทคัดย่อ โครงงานโมเดลรูปแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการ ทำงานในการขนส่งสินค้าทางน้ำ เพื่อศึกษารูปแบบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางน้ำและศึกษาการขนส่ง ด้านโลจิสติกส์และเพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขในการขนส่งทางน้ำ คณะผู้จัดทำ โครงงานได้ดำเนินการสอบถามข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน โดยใช้แบบประเมินความพึง พอใจและได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติได้แก่ ค่าเฉลี่ย (̅) ค่าร้อยละ (Percentage) และค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ทดลองใช้งานโมเดลรูปแบบแบบจำลองการขนส่ง ทางน้ำ จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน พบว่าผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจเป็นเพศชายจำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40 และเพศหญิง จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60 มีช่วงอายุ 16-18 จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และผู้ตอบแบบสอบถามมีช่วงอายุ 19-21 จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 ระดับการศึกษาอยู่ในระดับ ปวช. จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และระดับ ปวส. จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 ผลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งานโมเดลรูปแบบจำลองการ ขนส่งทางน้ำ ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นภาพรวมอยู่ในระดับมาก (̅) = 4.28 (S.D.) = 0.79 เมื่อ พิจารณาเป็นด้านต่างๆ พบว่าด้านการออกแบบ มีค่าเฉลี่ย (̅) = 4.60 (S.D.) = 0.48 รองลงมาคือ ด้านการเลือกวัสดุอยู่ในระดับมากที่สุด
ข กิตติกรรมประกาศ โครงการ แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ สำเร็จได้ด้วยดี เนื่องจากได้รับความอนุเคราะห์และ ช่วยเหลืออย่างดียิ่งจาก ครูที่ปรึกษารายวิชา นายสาธิต มั่งมี ประธานกรรมการที่ปรึกษาโครงงาน นายสมเกียรติเกิดบุญเรือง ที่ได้กรุณาให้คำแนะนำแนวทางในการทำวิจัยและข้อคิดเห็นต่าง ๆ คณะ ผู้จัดทำวิจัยขอขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ ขอกราบขอบพระคุณ บิดา มารดา ผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มตัวอย่าง รวมทั้งผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ที่คอยให้กำลังใจแก่คณะผู้จัดทำวิจัยด้วยดีตลอดมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิจัยนี้จะมีคุณค่าและ ประโยชน์ต่อวงการศึกษาของไทย คุณค่าและประโยชน์อันเกิดจากวิจัยนี้ คณะผู้จัดทำวิจัยขอมอบเป็น กตัญญูกตเวทิตาแด่บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่าน คณะผู้จัดทำ นายเอกภพ มูลทองจันทร์ นางสาวชลธิชา แซดกระโทก
ค คำนำ โครงการ แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาวิธีการทำงานในการขนส่งสินค้า ทางน้ำ เพื่อศึกษารูปแบบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางน้ำและศึกษาการขนส่งด้านโลจิสติกส์ และเพื่อ ศึกษาปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขในการขนส่งทางน้ำโดยคณะผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับการขนส่งทางน้ำ จัดทำขึ้นเพื่อฝึกทักษะด้านการออกแบบ กระบวนการคิด การรวบรวม ข้อมูลและทักษะการทำงานเป็นกลุ่มของคณะผู้จัดทำ ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างมาก โครงการ แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ ที่สนใจศึกษา และเป็นข้อมูลในการศึกษาต่อไป คณะผู้จัดทำ นายเอกภพ มูลทองจันทร์ นางสาวชลธิชา แซดกระโทก
ง สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข คำนำ ค สารบัญ ง สารบัญ (ต่อ) จ สารบัญตาราง ฉ สารบัญภาพ ช บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาของโครงงาน 1 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 1.5 นิยามศัพท์ 2 1.6 งบประมาณในการดำเนินงาน 2 บทที่ 2 ทฤษฎีและเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 2.1 การขนส่งโลจิสติกส์ 3 2.2 ประวัติความเป็นมาของการขนส่งทางน้ำ 4 2.3 ขั้นตอนการนำเข้า ส่งออกสินค้าทางเรือ 6 2.4 ประเภทของเรือบรรทุกสินค้า 7 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 11 บทที่ 3 วิธีดำเนินงานโครงงาน 3.1 วิธีการดำเนินงานโครงงาน 14 3.2 อุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน 14 3.3 ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน 16 3.4 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 19 3.5 เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน 19 3.6 การเก็บรวบรวมข้อมูล 19 3.7 การวิเคราะห์ข้อมูล..................................................................................................20
จ สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ 4 ผลการทดลอง 4.1 ผลการดำเนินงาน 21 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ทดลองใช้งานโมเดลแบบจำลอง การขนส่งทางน้ำ 22 4.3 ผลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งานโมเดล แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ 23 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลโครงงาน 24 5.2 อภิปรายผล 24 5.3 ข้อเสนอแนะ 25 บรรณานุกรม ภาคผนวก ประวัติผู้จัดทำโครงงาน
ฉ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 4.1 ตารางแสดงข้อมูลเพศของผู้ทุดลองใช้งาน 22 4.2 แสดงข้อมูลช่วงอายุของผู้ทดลองใช้งาน 22 4.3 แสดงข้อมูลด้านช่วงอายุของผู้ทดลองใช้งาน 22 4.4 แสดงข้อมูลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งาน 23
ช สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 2.1 เรือบรรทุกสินค้าเทกอง (Bulk Carrier) 8 2.2 เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo Ship) 8 2.3 เรือคอนเทนเนอร์ (Container Ship) 9 2.4 เรือบรรทุกรถยนต์ (RORO) 9 2.5 เรือบรรทุกสินค้าแช่เย็น/แช่แข็ง (Reefer Cargo Ship) 10 2.6 เรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของเหลว (Tankers) 10 2.7 เรือบรรทุกคนโดยสาร (Passenger Ship) 11 3.1 แสดงผังการดำเนินโครงงาน 14 3.2 แผ่นไม้อัดขนาด 40*60 15 3.3 กรรไกร คัตเตอร์ ไม้บรรทัด 15 3.4 กาวลาเท็กซ์ กาวร้อน 16 3.5 สีกระป๋อง 16 3.6 ตัดแผ่นไม้อัด 17 3.7 ฐานท่าเรือโมเดล 17 3.8 พ่นสีฐานท่าเรือ 17 3.9 ประกอบเรือบรรทุกสินค้า 18 3.10 ประกอบตู้คอนเทรนเนอร์ 18 3.11 ออกแบบเครนเคลื่อนย้ายสินค้า 18 3.12 ประกอบโมเดลและตกแต่งความสวยงาม 19
บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาของโครงงาน การขนส่งทางน้ำ เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของระบอบการค้าระหว่างประเทศ ตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบัน เพราะเป็นพียงการขนส่งชนิดเดียวที่ขนสินค้าได้มีปริมาณน้ำหนักที่มาก ค่าระวางมีราคาถูก กว่าการขนส่งชนิดอื่น และการขนส่งทางเรือยังเป็นที่นิยมสำหรับการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้า และขาออกของไทย ซึ่งปัจจุบันการขนส่งทางน้ำได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูก และ เหมาะสมกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขนส่งได้ปริมาณมากเป็นสินค้าที่ยากแก่การเสียหาย เช่น ทราย แร่ ข้าวเปลือก เครื่องจักร ยางพารา เป็นต้น ซึ่งการขนส่งทางน้ำอัตราค่าขนส่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับการ ขนส่งทางอื่น ทั้งยังขนส่งได้ปริมาณมาก สามารถส่งได้ระยะไกล ๆ ได้ แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาที่ แน่นอนในการขนส่งได้ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ และภูมิประเทศ ดังนั้นในการจัดทำโครงงานเล่มนี้ ทางคณะผู้จัดทำได้ทำการจัดเลือกหัวข้อคือ การขนส่งสินค้า ทางเรือ เพื่อให้ผู้ที่ได้ศึกษาได้ทราบถึงความสำคัญ บทบาท และความสะดวกของการใช้บริการการ ขนส่งสินค้าทางเรือได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1.2.1 เพื่อศึกษาวิธีการทำงานในการขนส่งสินค้าทางน้ำ 1.2.2 เพื่อศึกษารูปแบบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางน้ำและศึกษาการขนส่งด้านโลจิสติกส์ 1.2.3เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขในการขนส่งทางน้ำ 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1.3.1 ขอบเขตของพื้นที่การศึกษา การศึกษาครั้งนี้คณะผู้จัดทำโครงงานดำเนินการศึกษาข้อมูล และรูปแบบของโมเดล แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต และห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี 1.3.2 ขอบเขตด้านเนื้อหา เนื้อหาที่ใช้ในการจัดทำโครงการ แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ ประกอบด้วย 3 ส่วนได้แก่ 1.3.2.1 โมเดลแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ 1.3.2.2 การจัดทำโบวชัวร์ 1.3.2.3 การจัดทำแบบสอบถามความพึงพอใจ
2 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.4.1 ได้ทราบถึงกระบวนการขั้นตอนในการทำงานของการขนส่งทางน้ำ 1.4.2 ได้ทราบถึงรูปแบบของธุรกิจและด้านการขนส่งโลจิสติกส์ 1.4.3 ได้นำไปใช้เป็นกรณีศึกษา เรื่องการขนส่งทางน้ำ 1.5 นิยามศัพท์ 1.5.1 Break Bulk Ship หมายถึง เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะให้เครน บนเรือเพื่อให้สามารถทำการโหลดสินค้าที่มีขนาดใหญ่มากๆ ได้ทีละชิ้นหรือทีละหีบห่อ ซึ่งขนาดของ เรือขึ้นอยู่กับสมรรถนะและจำนวนของเครน รวมทั้งระวางด้วย 1.5.2 Berth หมายถึง สถานที่ที่กำหนดไว้ในท่าเรือที่ใช้สำหรับจอดเรือเมื่อไม่ได้อยู่ในทะเล ท่าเทียบเรือในแนวดิ่งซึ่งช่วยให้จอดเรือได้อย่างปลอดภัยและสามารถอำนวยความสะดวกในการขน ถ่ายสินค้าหรือคนจากเรือ 1.5.3 Bill of lading หมายถึง ใบรับรองสินค้าที่ออกให้โดยสายเรือหรือ Agent Forwarding ที่มีรายละเอียดของสินค้าที่จะทำการขนส่ง และเป็นสัญญาการขนส่งระหว่าง shipper & consignee ว่า shipper จะส่งสินค้าไปยังเมืองท่าปลายทางและจะส่งมอบให้กับ consignee ที่ระบุไว้ใน B/L เท่านั้น 1.6 งบประมาณในการดำเนินงาน 1.6.1 ค่าวัสดุอุปกรณ์ในการดำเนินการสร้าง โมเดลแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ 3000 บาท 1.6.2 ค่าจัดทำรูปเล่มโครงงาน 500 บาท
บทที่2 ทฤษฎีและเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง โครงงาน แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการทำงานในการขนส่งสินค้า ทางน้ำ ศึกษารูปแบบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางน้ำ และศึกษาการขนส่งด้านโลจิสติกส์ศึกษาปัญหา อุปสรรค์และแนวทางการแก้ไขในการขนส่งทางน้ำ เพื่อให้โครงงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามของเขตที่กำหนดไว้คณะผู้จัดทำได้ทำการศึกษาทฤษฎีและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องดังนี้ 2.1 การขนส่งโลจิสติกส์ 2.2 ประวัติความเป็นมาของการขนส่งทางน้ำ 2.3 ขั้นตอนการนำเข้า ส่งออกสินค้าทางเรือ 2.4 ประเภทของเรือบรรทุกสินค้า 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 การขนส่งโลจิสติกส์ การขนส่งนั้นสามารถแยกได้เป็น 5 ประเภท 2.1.1 การขนส่งทางบก (Road or Motor Transportation) จำแนกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 2.1.1.1 การขนส่งทางรถไฟ (Railroads) เป็นเส้นทางการลำเลียงที่สำคัญที่สุดของ ประเทศ เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าหนัก ๆ ปริมาณมากและในระยะทางไกล รวดเร็ว อัตรา ค่าบริการไม่แพง และขนส่งสินค้าได้จำนวนมากหลายชนิด ทันตามกำหนดเวลาที่ต้องการ แต่ความ ยืดหยุ่นมีน้อย เพราะมีเส้นทางตายตัว 2.1.1.2 การขนส่งทางรถยนต์ (Motor Transportation) หรือรถบรรทุก (Truck Transportation) เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เหมาะสำหรับของขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ซึ่งสะดวก รวดเร็วขนส่งสินค้าได้ตลอดเวลาตามความต้องการของลูกค้า เหมาะกับการขนส่งระยะสั้นและระยะ กลาง แต่ค่าขนส่งสูงเมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถไฟ มีความปลอดภัยต่ำ เกิดอุบัติเหตุบ่อย กำหนดเวลาแน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรและดินฟ้าอากาศ 2.1.1.3 การขนส่งทางจักรยานยนต์ เหมาะสำหรับของขนาดเล็ก และขนาดกลาง ระยะ การขนส่งสั้น ไม่สามารถส่งในระยะไกลได้ ราคาไม่แพงมาก การขนส่งทางจักรยานยนต์เหมาะกับของ ที่ต้องการความรวดเร็วในระยะการขนส่งระยะสั้น
4 2.1.2 การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation) คือ การขนส่งโดยการใช้แม่น้ำลำคลอง เส้นทางทางทะเลเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้า ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเหมาะสมกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ขนส่งได้ ปริมาณมากเป็นสินค้าที่ยากแก่การเสียหาย เช่น ทราย แร่ ข้าวเปลือก เครื่องจักร ยางพารา เป็นต้น ซึ่งการขนส่งทางน้ำอัตราค่าขนส่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอื่น ทั้งยังขนส่งได้ปริมาณมาก สามารถส่งได้ระยะไกล ๆ ได้ แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนในการขนส่งได้ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ และภูมิประเทศ 2.1.3 การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation) เหมาะกับการขนส่งระหว่างประเทศ หรือการขนส่งที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกและ ปลอดภัย เหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภทที่เปราะบาง เช่น ผัก ผลไม้ เป็นต้น ไม่เหมาะกับสินค้าที่ มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากและสินค้าราคาถูกๆ ไม่รีบร้อนในการขนส่ง แต่ค่าใช้จ่ายแพงกว่าการขนส่ง ประเภทอื่น 2.1.4 การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ (Container System) เป็นการขนส่งโดยบรรจุสินค้าที่จะขนส่งลงในตู้หรือกล่องเหล็กขนาดใหญ่ แล้วทำการ ขนส่งโดยรถบรรทุก รถไฟ หรือเครื่องบิน ไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่มีการขนถ่ายสินค้าออกจากตู้ ระหว่างทำการขนส่งเที่ยวนั้น ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศ สามารถวางไว้ กลางแจ้ง ตู้คอนเทนเนอร์ จึงสามารถป้องกันสินค้าชำรุดเสียหายได้เป็นอย่างดี 2.2.5 การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation) เป็นการขนส่งสิ่งของประเภทของเหลวและก๊าซผ่านสายท่อ เช่น น้ำประปา น้ำมัน ก๊าซ ธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งการขนส่งทางท่อจะแตกต่างกับการขนส่งประเภทอื่น คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการ ขนส่งไม่ต้องเคลื่อนที่ โดยเส้นทางขนส่งทางท่ออาจจะอยู่บนดิน ใต้ดินหรือใต้น้ำ ขึ้นอยู่กับสภาพ ภูมิอากาศ ทำให้กำหนดเวลาการขนส่งได้แน่นอนชัดเจน ประหยัดต้นทุน เวลาในการขนย้ายสินค้า และมีความปลอดภัยสูงจากการสูญหายหรือลักขโมย ใช้กำลังคนน้อย ซึ่งข้อเสีย คือ ขนส่งได้เฉพาะ สินค้าที่เป็นของเหลวหรือก๊าซเท่านั้นค่าใช้จ่ายในการลงทุนครั้งแรกสูง ไม่เหมาะกับการขนส่งในภูมิ ประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อย 2.2 ประวัติความเป็นมาของการขนส่งทางน้ำ การขนส่งทางน้ำ เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล ชาวกรีกเป็นชนชาติที่เดินเรือค้าขายระหว่าง เมืองต่างๆ ในทะเลอิเจียน รอบๆ ประเภทกรีซในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเดินเรือติดต่อกับอาณาจักร โรมันและเมืองอื่นๆ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาเหนือ ชาวโรมันก็เป็นอีกชนชาติหนึ่ง ที่เดินเรือค้าขายติดต่อกับประเทศต่างๆ ในดินแดนดังกล่าวมาแล้ว ทะเลเมดิเตอร์ เรเนียนเป็น ศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญของชาวโรมัน ในประวัติศาสตร์ก่อนค.ศ. 500 – ค.ศ.500 ชนชาติกรีก
5 โรมันและโรมันเป็นนักเดินเรือค้าขายทั้งภายในและระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุด ในระหว่าง คริสต์ศตวรรษที่ 6-10 ซึ่งเป็นระยะเวลาตอนต้นของสมัยกลาง การค้าขายทั้งทางบกและทางเรือ หยุดชะงักลงระยะหนึ่ง เพราะมีโจรผู้ร้ายชุกชุม จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 การค้าขายได้ เริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง ชนชาติอาหรับเป็นนักเดินเรือค้าขายที่สำคัญแถบทะเลอาหรับและทะเลแดง ใน คริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 16 ชนชาติที่เดินเรือค้าขายและ สำรวจแผ่นดินใหม่เพื่อแสวงหาอาณานิคม ได้เปลี่ยนจาก ชนชาติอาหรับแถบทะเลอาหรับและทะเล แดงเปลี่ยนไปสู่ โปรตุเกสและสเปน ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาในปลาย คริสต์ศตวรรษที่ 15 และ คริสต์ศตวรรษที่ 16 ได้เกิดการเดินเรือเพื่อแสวงหาอาณานิคมและการค้า ขาย โปรตุเกสและสเปนได้กลายเป็นนักเดินเรือที่สำคัญ ศูนย์กลางทางทะเลได้เปลี่ยนจากทะเล อาหรับและทะเลแดง เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางด้านตะวันตก หลังจากนั้นก็เปลี่ยนศูนย์กลาง ไปสู่ทะเลเหนือ เมื่อเนเธอร์แลนด์และอังกฤษ เริ่มมีอำนาจในการเดินเรือทางทะเล ตั้งแต่ คริสต์ศตวรรษที่ 17 การเดินเรือในสมัยดังกล่าวแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าขาย การสำรวจดินแดน การขนส่งผู้โดยสาร สำหรับการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก การเดินเรือยังอาศัย แรงลมธรรมชาติและแรงคน จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 18 นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ 2 คน คือ แพทริค มิลเลอร์ (Patrick Miller , ค.ศ.1731 –1815) และวิลเลียม ซิมมิงตัว (William Symington , ค.ศ. 1763-1831) ได้ร่วมกันประดิษฐ์เรือโดยใช้เครื่องจักรไอน้ำเป็นพลังในการขับเคลื่อน ใน ค.ศ.1807 โร เบิร์ต ฟุลตัน (Robert Fullton , ค.ศ.1765-1815) ได้ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ในระหว่างคริสต์วรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หรือก่อนการพัฒนาการคมนาคมทาง อากาศ การขนส่งทางเรือ มีบทบาทสำคัญทั้งด้านการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เรือเดินสมุทรได้พัฒนาในด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและเปลี่ยนวัตถุประสงค์ใหม่ในการ เดินทาง คือ เน้นการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ประมาณปี ค.ศ.1844 ได้เริ่มจัดเรือท่องเที่ยว (Cruise Ship) เป็นครั้งแรกในระหว่างทศวรรษที่ 1920 ได้จัดเรือนำเที่ยวรอบโลก การเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ได้รับความนิยมมากในทศวรรษที่1960 จาก การสำรวจพบว่า มีการเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ระหว่าง ค.ศ.1964 -1976 ทั้งหมด 26 บริษัท (Lundberg , 1985 :56) ในปี ค.ศ.1969 อังกฤษได้จัดสร้างเรือท่องเที่ยว ชื่อควีน เอลิซาเบธที่ 2 (The Queen Elizabeth 2) นับเป็นเรือท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดของเรือยาว 296.57 เมตร หรือยาวกว่าสนามฟุตบอล 3 เท่า กว้าง 32.31 เมตร ในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานบันเทิง เช่น โรงแรม โรงภาพยนตร์บ่อนการพนัน (Casino) ร้านค้า ภัตตาคาร สามารถบรรจุคนได้ 882 ที่นั่ง ฯลฯ เรือลำนี้บรรจุผู้โดยสาร 1,740 คน ลูกเรือและพนักงานโรงแรม ในเรือ 900 คน (Lundberg , 1985 :59) เรือท่องเที่ยวในปัจจุบัน มีลักษณะเหมือนที่พักผ่อนลอยน้ำ (Floating Resort) เพราะมี การจัดบริการต่างๆ เหมือนโรงแรม เช่น ที่พัก ภัตตาคาร สถานบันเทิง พนักงานต้อนรับ นอกจากนี้ยัง
6 มีสถานที่ออกกำลังกาย และเลือกซื้อสินค้าในเรือ ในเรื่องอาหาร เรือจัดเตรียมอาหารให้แก่ผู้โดยสาร 3 เวลา คือ อาหารเช้า จัดให้เลือก 2 รายการระหว่าง 7.00 หรือ 8.30 น. นอกจากนี้ก็มีอาหาร กลางวันและอาหารเย็น เรือท่องเที่ยวบางบริษัทจะจัดงานรื่นเริงเพื่อเลี้ยงขอบคุณผู้โดยสาร ในวัน สุดท้ายของการเดินทาง (Mancini , 190 :55) จำนวนวันในการจัดรายการนำเที่ยวทางเรือขึ้นอยู่กับ วัย หนุ่มสาวชอบเดินทางระหว่าง 3-7 วัน ผู้สูงอายุชอบเดินทางระหว่าง 2-3 สัปดาห์ หรือเดินทาง รอบโลกเพราะมีเวลาว่างมาก นอกจากเรือท่องเที่ยวทางทะเลแล้ว ในปัจจุบันยังมีเรือท่องเที่ยวแล่น ระหว่างชายฝั่งกับหมู่เกาะ หรือแล่นข้ามฝั่งในระยะใกล้ๆ เช่น เรือ เฟอร์รี่ (Ferry) ซึ่งสามารถบรรทุก ผู้โดยสาร สินค้าและรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีเรือเร็วที่สามารถลอยตัวอยู่ฝั่งผิวน้ำจึงทำให้การเดินทาง สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับในแม่น้ำ ลำคลองหรือการสัญจรทางเรือในแผ่นดิน (Inland Waterways) ก็มีเรือหลาย ประเภท แล่นรับส่งสินค้า ผู้โดยสาร รวมทั้งนักท่องเที่ยว เรือบางประเภทจัดเป็นเรือนำเที่ยว โดยเฉพาะ โดยมีเจ้าหน้าที่ของเรือเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว มีบริการอาหาร เครื่องดื่ม และรายการบันเทิงอื่นๆ ตลอดเวลาที่เรือแล่นไปตามสายน้ำ เช่น เรือท่องเที่ยวของอังกฤษในแม่น้ำ เทมส์ (Thames River) เรือท่องเที่ยวของฮังการีในแม่น้ำดานูบ (Danube River) หรือเรือท่องเที่ยว ของไทยในแม่น้ำเจ้าพระยา ในปัจจุบันแม้ว่ามีการพัฒนาการคมนาคมทางบก ทางอากาศ แต่นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งก็นิยม เดินทางโดยเรือ เพราะมีความสะดวกสบาย สามารถพักผ่อน ชื่นชมกับธรรมชาติ สามารถแวะพักและ ท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ ที่เรือจอดพัก หลังจากท่องเที่ยวแล้วก็สามารถกลับมานอนที่เรือได้ ด้วย เหตุผลดังกล่าวแล้วเรือจึงยังมีความสำคัญต่อการท่องเที่ยว รวมทั้งขนส่งผู้โดยสารและสินค้า 2.3 ขั้นตอนการนำเข้า ส่งออกสินค้าทางเรือ 2.3.1 Exporter (ผู้ส่งออก) จากโรงงานของผู้ผลิตสินค้า หรือสถานที่ของผู้ส่งออกสินค้า (Exporter) เมื่อทำการผลิตสินค้าและจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าเรียบร้อย และ พร้อมที่จะทำการส่งออกแล้ว จะทำการติดต่อบริษัทตัวแทนผู้ขนส่งสินค้า (Freight Forwarder Company) หรือสายการเดินเรือ (Shipping Line) โดยตรงเพื่อทำการจองระวางเรือ (Freight) จาก เมืองท่าต้นทางไปยังท่าปลายทาง 2.3.2 Trucking เมื่อได้รับใบยืนยันการจองระวางเรือ (Booking Confirmation) จากตัวแทนผู้ ขนส่งสินค้า หรือสายเรือเรียบร้อยแล้ว ผู้ส่งออกจะทำการขนส่งสินค้าจากสถานที่ของผู้ส่งออกไปยัง ท่าเรือต้นทาง ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในใบยืนยันการจองระวางเรือ 2.3.3 Customs Clearance ในกรณีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ผู้ส่งออกมีหน้าที่ต้อง ดำเนินการผ่านพิธีทางกรมศุลกากรขาออก (Export) ทุกครั้ง โดยสามารถดำเนินการด้วยตนเอง
7 หรือว่าจ้างบริษัทตัวแทนออกของ (Customs Broker) เพื่อให้ดำเนินการผ่านพิธีการแทน โดยบริษัท ตัวแทนออกของจะเป็นผู้ติดต่อขอรับเอกสาร เพื่อดำเนินการในการยื่นใบขนสินค้าขาออก เอกสารที่ผู้ส่งออกควรจัดเตรียมในการยื่นต่อกรมศุลกากร 2.3.3.1 ใบขนสินค้าขาออกแบบต้นฉบับ และสำเนา จำนวน 1 ฉบับ 2.3.3.2 บัญชีราคาสินค้า (Invoice) จำนวน 2 ฉบับ 2.3.3.3 แบบธุรกิจต่างประเทศ (Foreign Transaction Form) ได้แก่ ธต.1 จำนวน 2 ฉบับ ในกรณีสินค้าส่งออกมีราคา FOB เกิน 500,000 บาท 2.3.3.4 ใบอนุญาตส่งออกหรือเอกสารอื่นใด สำหรับสินค้าควบคุมการส่งออก 2.3.3.5 เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) 2.3.4 Port of Loading เมื่อสินค้ามาถึงที่ท่าเรือต้นทาง (Port of Loading) ทางสายการ เดินเรือจะทำการยกตู้สินค้าขึ้นไปบนเรือ และออกเอกสารใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / BL or BoL) ให้กับผู้ส่งออกเพื่อเป็นการยืนยันว่าได้รับสินค้านั้นไว้แล้ว พร้อมทั้งเรียกเก็บค่าบริการ (Freight & Local Charges) กับผู้ส่งออกที่ต้นทาง 2.3.5 Port of Discharge เมื่อเรือเดินทางไปถึงท่าเรือปลายทาง (Port of Discharge) ทางสาย การเดินเรือจะทำการยกตู้สินค้าลงจากเรือ จากนั้นผู้นำเข้า (Importer) จะทำการติดต่อสายการ เดินเรือเพื่อชำระค่าใช้จ่ายที่ปลายทาง (Local Charges) พร้อมทั้งนำใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / BL or BoL) ที่ได้รับจาก Shipper เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นใบปล่อยสินค้า (Dilivery Order / DO) กับ สายการเดินเรือที่ปลายทางเพื่อนำไปออกสินค้า 2.3.6 Customs Clearance ผู้นำเข้าจะต้องดำเนินการผ่านพิธีศุลกากรขาเข้า (Import) และชำระภาษีอากรขาเข้า พร้อมทั้งนำใบปล่อยสินค้า (Dilivery Order / DO) ไปออกสินค้าที่ทางเรือ ปลายทาง 2.3.7 Trucking เมื่อผ่านพิธีการศุลกากรขาเข้าเรียบร้อยแล้ว ผู้นำเข้าจะต้องจัดเตรียมรถเพื่อมา รับสินค้าที่ท่าเรือปลายทางไปยังสถานที่ของผู้นำเข้า (Importer) 2.3.8 Importer เมื่อสินค้าส่งถึงสถานที่ของผู้นำเข้าปลายทาง ผู้นำเข้าจะต้องทำการตรวจสอบ สภาพสินค้าว่าครบถ้วยสมบูรณ์ และมีความเสียหายหรือไม่ก่อนเซ็นรับสินค้า 2.4 ประเภทของเรือบรรทุกสินค้า เรือขนส่งสินค้านั้น มีหลากหลายประเภทแบ่งออกไป ตามลักษณะการใช้งานต่างๆ เรือขนส่ง สินค้าในแต่ละประเภทนั้นใช้งานอย่างไร ขนส่งสินค้าประเภทไหนเป็นหลัก ซึ่งเรือขนส่งสินค้านั้น เป็นเรือที่ใช้สำหรับการบรรทุกสินค้าทั่วไป ไม่จำเป็นที่จะต้องมีสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะบรรทุก สินค้าที่เป็นหีบห่อ หรือ ไม่เป็นหีบห่อก็ได้ จำแนกสินค้าตามลักษณะที่ขนส่งได้ดังต่อไปนี้
8 2.4.1 เรือบรรทุกสินค้าเทกอง (Bulk Carrier) ภาพที่2.1 เรือบรรทุกสินค้าเทกอง (Bulk Carrier) เป็นเรือชั้นเดียวที่มีขนาดใหญ่มาก สามารถบรรทุกได้ทั้งสินค้าเทกองแห้งและสินค้าเทกองเหลว อาทิเช่น ถ่านหิน แร่เหล็ก เมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ โดยสินค้าจะถูกวางหรือเทกองในห้องระวางสินค้า จนเต็ม 2.4.2 เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo Ship) ภาพที่ 2.2 เรือบรรทุกสินค้าทั่วไป (General Cargo Ship) เป็นเรือที่ใช้บรรทุกสินค้าได้หลากหลายชนิดรวมกัน ซึ่งมีระวางบรรทุกสินค้าที่เป็นพื้นที่โล่งและ ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ แต่จะถูกออกแบบมาให้มีลักษณะเป็นชั้นๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการวางสินค้าให้ มากยิ่งขึ้น โดยมีฝาระวางบนดาดฟ้าและระวางชั้นเพื่อขนถ่ายสินค้าขึ้นลงเรือ มีความสะดวกในการ เข้า-ออก เมื่อเทียบกับท่าต่างๆได้เป็นอย่างดี
9 2.4.3 เรือคอนเทนเนอร์ (Container Ship) ภาพที่ 2.3 เรือคอนเทนเนอร์ (Container Ship) เป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่บรรทุกสินค้าในลักษณะของตู้คอนเทนเนอร์ สินค้าที่บรรจุในตู้นั้นอาจจะ เป็นสินค้าแห้ง สินค้าเหลว สินค้าประเภทอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ ปลา เนื้อสัตว์ สารเคมี ปุ๋ย สุรา เครื่องจักร เป็นต้น 2.4.4 เรือบรรทุกรถยนต์ (RORO) ภาพที่ 2.4 เรือบรรทุกรถยนต์ (RORO) RO-RO เป็นคำย่อมาจาก Roll-On/Roll-Off เป็นเรือที่ใช้ในการบรรทุกสินค้าประเภทที่มี “ล้อ” เรือ ro-ro จะแตกต่างจากเรือลำเลียงสินค้าแบบ LO-LO (Lift-On/Lift-Off) ซึ่งจะใช้เครนเพื่อยก สินค้าขึ้นหรือลงจากเรือ ส่วนเรือยานบรรทุกพาหนะประเภท RO-RO จะขนถ่ายพาหนะโดยใช้ ทางลาก (Ramp) ที่ติดตั้งมาจากเรือ โดยปกติแล้วทางลาดเหล่านี้จะติดตั้งอยู่ทางด้านท้ายเรือ แต่ในเรือบางลำอาจจะมีการติดตั้งทางลาดที่บริเวณหัวเรือ และด้านข้างเรือด้วย เรือประเภทนี้ สามารถเป็นได้ทั้งเรือเพื่อการพาณิชย์ และ เป็นเรือทางทหารก็ได้
10 2.4.5 เรือบรรทุกสินค้าแช่เย็น/แช่แข็ง (Reefer Cargo Ship) ภาพที่ 2.5 เรือบรรทุกสินค้าแช่เย็น/แช่แข็ง (Reefer Cargo Ship) เป็นเรือบรรทุกสินค้าแช่เย็น โดยปกติจะใช้เพื่อขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่าย ซึ่งต้องใช้การขนส่งที่ ควบคุมอุณหภูมิได้ เช่น ผักสดและผลไม้ สัตว์น้ำ เช่น กุ้ง ปลา 2.4.6 เรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของเหลว (Tankers) ภาพที่ 2.6 เรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของเหลว (Tankers) เป็นเรือที่ใช้บรรจุของเหลวทุกชนิด ซึ่งออกแบบมาอย่างพิเศษเพื่อสำหรับสินค้าจำพวก น้ำมัน สารเคมี หรือบรรทุกแก๊ส จึงเป็นเรือที่ค่อนข้างอันตราย และ ต้องการการดูแลความปลอดภัยในการ ขนส่งสูง
11 2.4.7 เรือบรรทุกคนโดยสาร (Passenger Ship) ภาพที่ 2.7 เรือบรรทุกคนโดยสาร (Passenger Ship) เป็นเรือที่โดยสารที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกในตัวเรือมาก จึงมีค่าใช้จ่าย ในการดูแลและรักษาสูง โดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่กว่าเรือประเภทอื่นๆ ภายในเรือจะมีห้องอาหาร ห้องพักผู้โดยสาร ห้องดูภาพยนตร์ ห้องโถงสำหรับเต้นรำ สระว่ายน้ำ สถานที่ออกกำลังกาย และ สิ่ง บันเทิงต่างๆ ในเรือประเภทนี้ถ้าแบ่งออกตามลักษณะการใช้งานอาจจะแบ่งเป็น เรือโดยสารที่วิ่ง ระยะใกล้ เช่น เรือเฟอรี่ และ เรือโดยสายที่วิ่งระยะไกล เช่น เรือเดินสมุทร เรือสตาร์ครูส เป็นต้น 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สันติรัฐ นันสะอางและคณะ (2552) ได้ทำการศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิด อุบัติเหตุจาก การปฏิบัติงานขนถ่ายสินค้าของพนักงานในเขตการท่าเรือแห่งประเทศไทยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อ การเกิดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงานขนถ่ายสินค้าของพนักงานในเขตการท่าเรือ แห่งประเทศไทย โดย ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 325 คนจากประชากรทั้งหมด 2,095 คนด้วยวิธีการสุ่ม ตัวอย่างแบบมีชั้นภูมิ ประกอบด้วย 3 หน่วยงาน ได้แก่ พนักงานการท่าเรือภูมิภาค พนักงานการท่าเรือกรุงเทพ และพนักงานการท่าเรือแหลมฉบัง ผลการศึกษาวิจัยพบว่า เพศ อายุ ประสบการณ์ ทำงาน รายได้ต่อ เดือน และการจัดการความปลอดภัย เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดความรุนแรงของ อุบัติเหตุ และความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงานมากที่สุด คือ อุบัติเหตุที่ทำให้พนักงาน หยุดงานเกิน 3 วัน รองลงมาคือ อุบัติเหตุที่ทำให้พนักงานตาย สำหรับความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ จากการปฏิบัติน้อยที่สุด คือ อุบัติเหตุที่ทำให้พนักงานสูญเสียอวัยวะบางส่วน ปาลีรัฐ บุญก่อน (2554) ได้ทำการศึกษาเรื่องแนวทางการพัฒนาการจัดเส้นทางเดินรถ ขนส่ง สินค้าพบว่าการพัฒนาระบบการจัดเส้นทางเดินรถขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าตามจุดต่าง ๆ เพื่อช่วย สนับสนุนการตัดสินใจผู้ใช้ระบบโดยมีศูนย์กระจายสินค้าแห่งเดียว และ มีรูปแบบปัญหาการจัด เส้นทางการเดินรถแบบมีข้อจำกัดเรื่อความสามารถในการบรรทุกโดยพิจารณาเรื่องน้ำหนัก และ ปริมาตรสินค้าให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและความจุรถโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ระยะทางที่สั้นที่สุด
12 วิธีที่ใช้ในการจัดเส้นทางการเดินรถขนส่งสินค้าในงานวิจัยนี้คือวิธีฮิวริสติกส์แบบ Saving Algorithm ของ Clark and Wright โดยใช้วิธี 2-opt ปรับปรุงเส้นทางและมีการประยุกต์ใช้ระบบ สารสนเทศ ภูมิศาสตร์ร่วมด้วยโดยจัดทำโปรแกรมจัดรถลงบน Visual Basic for Application (VBA) ใน Microsoft Excel ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาสามารถระบุตำแหน่งจุดส่งสินค้า ปริมาตรและ น้ำหนัก สินค้าที่รถบรรทุกแต่ละคันบรรทุกไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ อรรถประโยชน์การใช้ รถมากขึ้นภายในระยะทางที่สั้นลงและสามารถลดเวลาที่ใช้ในการจัดรถได้ดี เมื่อเทียบกับข้อมูล ตัวอย่าง ศักรธร บุญทวียุวัฒน์(2553) ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของเส้นทางการขนส่งทางน้ำแทน การขนส่งทางถนนทั้งหมดหรือบางส่วนของสินค้าส่งออก ข้าว มันสำปะหลัง และน้ำตาล และเพื่อเป้น ข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์หาตำแหน่งศูนย์กลางการขนส่งสินค้าดังกล่าวในอนาคต วัตถุประสงค์ จำเพาะ 1. ศึกษาเส้นทางขนส่งสินค้า ข้าว มันสำปะหลัง และน้ำตาล ในปัจจุบันโดยเน้นในแถบพื้นที่ ภาคกลางจากแหล่งผลิตสู่ ท่าเรือ และคำนวณคุณภาพของเส้นทางการขนส่ง 2. ศึกษาการใช้เส้นทาง ของการขนส่งทางน้ำสำหรับสินค้า มันสำปะหลัง ข้าว และน้ำตาลโดยเน้นในแถบพื้นที่ภาคกลาง 2.1 ศึกษาช่วงของเส้นทางลำน้ำ และร่องน้ำชายฝั่งสำหรับการเดินเรือได้ 2.2 เลือกเส้นทางลำน้ำเพื่อการ ขนส่งแทนการขนส่งทางถนนทั้งหมดหรือบางส่วน จากข้อ 1 และคำนวณคุณภาพของเส้นทางการ ขนส่ง 3 เปรียบเทียบคุณภาพเส้นทางขนส่งจากข้อ 1 และข้อ 2.2 เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญในการคำนวณ ตำแหน่งที่เหมาะสมของศูนย์กลางการขนส่งสำหรับสินค้าเกษตรในการวิจัยในอนาคต สรพงษ์ ชวรางพงษ์(2559) ศึกษาและสำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลในเขตท่าเรือที่ต้องใช้ นำร่อง กรณีศึกษาเขตท่าเรือกรุงเทพเพื่อศึกษาและสำรวจเส้นทางการขนส่งสินค้าทางทะเลในเขต ท่าเรือกรุงเทพในสภาวะปัจจุบัน และปัจจัยที่มีผลต่อการเดินเรือในเขตท่าเรือกรุงเทพ ใช้การเก็บ ข้อมูลจากเอกสาร แบบสอบถาม และการสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือในการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า บริเวณเขตท่าเรือ กรุงเทพมีความยาวร่องน้ำจากทุ่นไฟปากร่องถึงท่าเรือกรุงเทพระยะทาง 46 กิโลเมตร มีความกว้าง 150 เมตรในทางตรงและ 250 เมตรในทางโค้ง คงความลึกไว้ที่ 8.5 เมตร จากระดับน้ำทะเลปาน กลาง เรือที่ผ่านเข้าออกร่องน้ำมีความยาวตลอดลำไม่เกิน 172 เมตร และกิน น้ำลึกไม่เกิน 8.2 เมตร มีสัญลักษณ์และเครื่องหมายเดินเรือเพื่อช่วยให้การเดินเรือในร่องน้ำเป็นไป ด้วยความปลอดภัย จุฑามาศ ทองทวี(2564) ศึกษาเรื่อง การวิเคราะห์และหาแนวทางในการลดต้นทุนการขนส่ง กรณีศึกษาได้ทำ การวัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลดต้นทุนการขนส่ง เนื่องจากปัญหาอัตรา ค่าบริการ ของผู้รับจ้างขนส่งที่บริษัทกรณีศึกษาใช้อยู่ในปัจจุบันมีอัตราราค่าขนส่งที่สูงเมื่อ เปรียบเทียบกับผู้รับจ้างขนส่งรายอื่นในเครือเดียวกนั พบสาเหตุจากปัญหาเรื่องของเชื่อเพลิงที่ใช้ใน
13 การขนส่งเพราะบริษัทผู้รับจ้างขนส่งใชน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับการใช้ ระบบ NGV อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ (2554) ศึกษาเรื่อง การศึกษาพัฒนาการด้านโลจิสติกส์และการ ขนส่งทางน้ำ กรณีศึกษา : บริษัทชาวจีนโพ้นทะเลในไทย ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในสังคมไทย ที่เริ่มเข้ามากุมอำนาจทางเศรษฐกิจและการค้า จนนำไปสู่ การขยายขอบเขตการทำธุรกิจด้านการ ขนส่งทางน้ำ ทั้งนี้เพื่อแข่งขันกับบริษัทขนส่งของชาวต่างประเทศ จากผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อการพัฒนาธุรกิจทางด้านโลจิสติกส์และการขนส่งทางน้ำของ บริษัท ได้แก่ ประการแรก การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม จะมี อิทธิพลสำคัญต่อการพัฒนา ธุรกิจทางด้านโลจิสติกส์และการขนส่งทางน้ำของบริษัทในแต่ละยุคสมัย ประการที่สอง ความวิริยะ อุตสาหะ พากเพียรพยายาม อดทนและอดออมของชาวจีนโพ้นทะเลในไทย ที่เริ่มต้นธุรกิจจากจุด เล็กๆ จนประสบความสำเร็จทำให้บริษัทมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง มีชื่อเสียงทั้งใน ระดับประเทศและ นานาประเทศ ประการที่สาม การที่บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงและ ประสบความสำเร็จได้นั้นเกิดจากการสะสมประสบการณ์ที่ยาวนานรวมทั้ง วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ ผู้บริหาร และประการสุดท้าย ความสำเร็จของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากการมี เครือข่ายทางธุรกิจทั้ง ภายในและต่างประเทศเป็นผลทำให้ขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัทขยายตัว ออกไปอย่าง กว้างขวาง
บทที่3 วิธีดำเนินงานโครงงาน ในการจัดทำโครงงาน แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ เป็นโครงงานประเภท สิ่งประดิษฐ์เพื่อ การประกอบการเรียนรู้ โดยคณะผู้จัดทำได้ดำเนินงานตามขั้นตอนดังนี้ 3.1 วิธีการดำเนินงาน ภาพที่ 3.1 แสดงผังการดำเนินโครงงาน 3.2 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน 3.1 แผ่นไม้อัดขนาด 40*60 3.2 กรรไกร 3.3 คัตเตอร์ เริ่ม จบ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการขนส่งทางน้ำ ออกแบบโครงสร้างโครงงาน บันทึกผลการทดสอบ ทดสอบการทำงาน ประกอบโครงงานตามแบบ จัดทำรูปเล่มรายงาน ไม่ผ่าน ผ่าน แก้ไข
15 3.4 ไม้บรรทัด 3.5 กาวลาเท็กซ์ 3.6 กาวร้อน 37. สีกระป๋อง ภาพที่ 3.2 แผ่นไม้อัดขนาด 40*60 ภาพที่ 3.3 กรรไกร คัตเตอร์ ไม้บรรทัด
16 ภาพที่ 3.4 กาวลาเท็กซ์ กาวร้อน ภาพที่ 3.5 สีกระป๋อง 3.3 ขั้นตอนการดำเนินงานโครงงาน วิธีและขั้นตอนการทำโมเดล แบบจำลองการขนส่งสินค้าทางน้ำ มีดังนี้ 3.3.1 ตัดแผ่นไม้อัดเพื่อทำเป็นฐานท่าเรือของโมเดล
17 ภาพที่ 3.6 ตัดแผ่นไม้อัด 3.3.2 นำแผ่นไม้อัดที่ตัดไว้มาประกอบเป็นฐานท่าเรือ ภาพที่ 3.7 ฐานท่าเรือโมเดล 3.3.3 นำฐานที่ประกอบเสร็จแล้วมาพ่นสีทิ้งไว้ ภาพที่ 3.8 พ่นสีฐานท่าเรือ
18 3.3.4 นำแผ่นกระดาษไม้อัดที่ตัดไว้มาประกอบเป็นเรือบรรทุกสินค้า ภาพที่ 3.8 ประกอบเรือบรรทุกสินค้า 3.3.5 นำแผ่นกระดาษไม้อัดที่ตัดไว้มาประกอบเป็นตู้คอนเทรนเนอร์ ภาพที่ 3.9 ประกอบตู้คอนเทรนเนอร์ 3.3.6 นำแผ่นไม้อัดที่เหลือมาออกแบบและประกอบเป็นเครนยกสินค้า ภาพที่ 3.10 ออกแบบเครนเคลื่อนย้ายสินค้า
19 3.3.7 นำอุปกรณ์ทั้งหมดที่ทำมาประกอบรวมกันบนฐานและตกแต่งโมเดล ภาพที่ 3.11 ประกอบโมเดลและตกแต่งความสวยงาม 3.4 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ทดลองใช้งานโมเดลแบบจำลองการขนส่งสินค้าทางน้ำ ซึ่งเป็นนักเรียน – นักศึกษา แผนกการจัดการโลจิสติกส์ จำนวน 30 คน 3.5 เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานโครงงานครั้งนี้ มีรายละเอียดดังนี้ 3.5.1 แบบสอบถาม ส่วนที่ 1 แบบสอบถามตรวจสอบข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เพศ 2. อายุ 3. ระดับการศึกษา ส่วนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจที่มีต่อโมเดล แบบจำลองการขนส่ง ทางน้ำ โดยประกอบด้วย 4 ด้าน 1) ด้านการออกแบบ 2) ด้านความทนทาน 3) ด้านประโยชน์และ ความพึงพอใจในภาพรวม 3.6 การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้จัดทำโครงการได้นำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียน – นักศึกษา แผนกการจัดการโลจิสติกส์ จำนวน 30 คน มีรายละเอียดดังนี้ 3.6.1 ตรวจสอบความพร้อมการใช้งานแบบสอบถามของโมเดล แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ 3.6.2 ผู้จัดทำโครงงานดำเนินการติดต่อกับกลุ่มตัวอย่างเพื่อขอเก็บรวบรวมข้อมูล
20 3.7 การวิเคราะห์ข้อมูล การดำเนินงานโครงงานครั้งนี้ ผู้จัดทำโครงการได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยนำแบบสอบถามที่ ตรวจสอบความสมบูรณ์แล้วมาทำการวิเคราะห์ประมวลผลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ และใช้ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้ 3.7.1 การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตาม เพศ อายุ และวุฒิการศึกษา วิเคราะห์โดยแจกแจงความถี่ (Frequency) และหาค่าร้อยละ (Percentage) 3.7.2 การวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจที่มีต่อ แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ โดยคำนวณหา ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation หรือ SD) จำแนกเป็นรายข้อ รายด้าน และในภาพรวมทุกด้าน ผู้จัดทำโครงงานได้ใช้มาตราส่วนประเมินค่า และกำหนดความหมายของค่าเฉลี่ย ดังนี้ คะแนนเฉลี่ย 4.50 – 5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 3.50 – 4.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย 2.50 – 3.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 1.50 – 2.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย คะแนนเฉลี่ย 1.50 – 1.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด
บทที่ 4 ผลการทดลอง ในการทำโครงงานครั้งนี้ คณะผู้จัดทำได้ทำแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ เพื่อศึกษาวิธีการ ทำงานในการขนส่งสินค้าทางน้ำ เพื่อศึกษารูปแบบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางน้ำและศึกษาการขนส่ง ด้านโลจิสติกส์และเพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขในการขนส่งทางน้ำ โดยมีการ สร้างแบบสอบถามประเมินความคิดเห็น จากผู้ใช้งานโมเดลแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ จำนวน 30 คน โดยได้ผลการประเมินมา ดังนี้ 4.1 ผลการดำเนินงาน 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ทดลองใช้งานโมเดลแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ 4.3 ผลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งานโมเดลแบบจำลอง การขนส่งทางน้ำ 4.1 ผลการดำเนินงาน จากการดำเนินโครงงานโมเดลแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ ได้ทำโมเดลด้วยวัสดุจากแผ่นไม้ อัดออกมานั้น ผลปรากฏว่าสามารถสร้างขึ้นใช้งานในขนาด 40*60 เซนติเมตร สามารถนำไปศึกษา เบื้องต้นเกี่ยวกับการขนส่งทางน้ำ เพื่อเป็นการสื่อการเรียนรู้ในการขนส่งได้อีกด้วย ภาพที่ 4.1 โมเดลแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ
22 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ทดลองใช้งานโมเดลแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ ตารางที่ 4.1 ข้อมูลเพศของผู้ทดลองใช้งาน เพศ จำนวน (คน) ร้อยละ ชาย 12 40 หญิง 18 60 รวม 30 100 จากตารางที่ 4.1 ข้อมูลเพศของผู้ใช้งาน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชาย จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40 และเพศหญิง จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ตารางที่ 4.2 ช่วงอายุของผู้ทดลองใช้งาน อายุ จำนวน (คน) ร้อยละ 16-18 15 50 19-21 15 50 รวม 30 100 จากตารางที่ 4.2 ช่วงอายุของผู้ใช้งาน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีช่วงอายุ 16-18 จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และผู้ตอบแบบสอบถามมีช่วงอายุ 19-21 จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 ตารางที่ 4.3 ระดับการศึกษาของผู้ทดลองใช้งาน ระดับการศึกษา จำนวน (คน) ร้อยละ ปวช. 15 50 ปวส. 15 50 รวม 30 100 จากตารางที่ 4.3 ระดับการศึกษาของผู้ใช้งาน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามอยู่ในระดับ ปวช. จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และระดับ ปวส. จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50
23 4.3 ผลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งานโมเดลแบบจำลองการ ขนส่งทางน้ำ ตารางที่ 4.4 แสดงข้อมูลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งาน ความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม ̅ ร้อยละ S.D. ความหมาย ด้านการออกแบบ 1.โมเดลมีขนาดเหมาะสม 4.73 95 0.44 มากที่สุด 2.โมเดลมีความคงทนและแข็งแรง 4.53 90.67 0.50 มากที่สุด 3.โมเดลมีขนาดที่สมบูรณ์แบบ 4.53 90.67 0.50 มากที่สุด ด้านการเลือกวัสดุ 1.ความแข็งแรงของวัสดุ 4.47 89.33 0.50 มากที่สุด 2.ความแข็งแรงของโมเดลโดยรวม 4.47 89 0.50 มากที่สุด ด้านการนำไปใช้ประโยชน์ 1.โมเดลสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน 4.70 94 0.46 มากที่สุด 2.โมเดลสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก 3.97 79.33 1.40 มาก 3.โมเดลสามารถผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายได้ 2.87 57.33 2.06 ปานกลาง รวม 4.28 85.67 0.79 มาก จากตารางที่ 4.4 พบว่ากลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความคิดเห็นด้านการ ออกแบบ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.60) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อคำถามพบว่าข้อที่มี ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ โมเดลมีขนาดเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.73) รองลงมาคือ โมเดลมี ความคงทนและแข็งแรง อยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.53) และโมเดลมีขนาดที่สมบูรณ์แบบ อยู่ใน ระดับมากที่สุด (̅= 4.53) จากตารางที่ 4.4 พบว่ากลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความคิดเห็นด้านการเลือก วัสดุ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.47) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อคำถามพบว่าข้อที่มี ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ความแข็งแรงของวัสดุอยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.47) และความแข็งแรงของ โมเดลโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.47) จากตารางที่ 4.4 พบว่ากลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความคิดเห็นด้านการนำไปใช้ ประโยชน์โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (̅= 3.85) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อคำถามพบว่าข้อที่มี ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ โมเดลสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน อยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.70) โมเดลสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก อยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 3.97) และโมเดล สามารถผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายได้อยู่ในระดับมาก (̅= 2.87)
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ จากการที่คณะผู้จัดทำดำเนินการทำโครงงานและสร้างโมเดลรูปแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ ทั้งการศึกษาค้นคว้าข้อมูล การวางแผนในขั้นตอนการทำ การระดมทุนในการทำโครงงาน จนกระทั้ง ดำเนินโครงงานจนเสร็จสิ้น โดยทำการรวบรวมผลความพึงพอใจและข้อเสนอแนะ โดยคณะผู้จัดทำ โครงงานสามารถสรุปผลการดำเนินโครงงาน การอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ดังนี้ 5.1 สรุปผลโครงงาน ในการดำเนินงานการทำโครงงานของคณะผู้จัดทำสามารถสรุปได้ ดังนี้ ผลประเมินข้อมูล ความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งานโมเดลรูปแบบแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ มีผลเฉลี่ยออกมา คือ ดี ทั้งนี้คณะผู้จัดทำพบอุปสรรคในบางครั้งแต่คณะผู้จัดทำก็ได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่าง ราบรื่นโดยการสอบถามจากผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ ทำให้การดำเนินงานในครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จ การที่ได้ทำโครงงานในครั้งนี้ทำให้คณะผู้จัดทำมีความรู้ความสามารถและ ประสบการณ์มากขึ้น ซึ่งโครงงานที่ทำนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และสามารถผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายได้ 5.2 อภิปรายผล โครงงานโมเดลรูปแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการ ทำงานในการขนส่งสินค้าทางน้ำ เพื่อศึกษารูปแบบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางน้ำและศึกษาการขนส่ง ด้านโลจิสติกส์และเพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขในการขนส่งทางน้ำคณะผู้จัดทำ โครงานได้ดำเนินการสอบถามข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน โดยใช้แบบประเมินความพึง พอใจและได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติได้แก่ ค่าเฉลี่ย (̅) ค่าร้อยละ และค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน การวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ทดลองใช้งานโมเดลรูปแบบแบบจำลองการขนส่ง ทางน้ำ จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน พบว่าผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจเป็นเพศชายจำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40 และเพศหญิง จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60 มีช่วงอายุ 16-18 จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และผู้ตอบแบบสอบถามมีช่วงอายุ 19-21 จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 ระดับการศึกษาอยู่ในระดับ ปวช. จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และระดับ ปวส. จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50
25 ผลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้งานโมเดลรูปแบบจำลองการ ขนส่งทางน้ำ ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (̅) = 4.28 (S.D.) = 0.79 เมื่อ พิจารณาเป็นด้านต่างๆ พบว่าด้านการออกแบบ มีค่าเฉลี่ย (̅) = 4.60 (S.D.) = 0.48 รองลงมาคือ ด้านการเลือกวัสดุอยู่ในระดับมากที่สุด 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 สามารถนำไปใช้งานได้จริงต่อการเรียนรู้การขนส่งทางน้ำ 5.3.2 นำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์โมเดลจำลองการขนส่งทางน้ำ 5.3.3 สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งทางน้ำ
บรรณานุกรม สันติรัฐ นันสะอาง. (2552). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงานขนถ่ายสินค้าของ พนักงานในเขตการท่าเรือแห่งประเทศไทย. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ปาลีรัฐ บุญก่อน. (2554). แนวทางการพัฒนาการจัดเส้นทางเดินรถขนส่งสินค้า.มหาวิทยาลัยราช ภัฏกำแพงเพชร. ศักรธร บุญทวียุวัฒน์. (2553). ความเป็นไปได้ของเส้นทางการขนส่งทางน้ำแทนการขนส่งทางถนน. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สรพงษ์ ชวรางพงษ์. (2559). การศึกษาและสำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลในเขตท่าเรือที่ต้อง ใช้นำร่อง. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยบูรพา. จุฑามาศ ทองทวี. (2564). การวิเคราะห์และหาแนวทางในการลดต้นทุนการขนส่ง: กรณีศึกษา. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยบูรพา. อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์. (2554). การศึกษาพัฒนาการด้านโลจิสติกส์และการขนส่งทางน้ำ กรณีศึกษา : บริษัทชาวจีนโพ้นทะเลในไทย. มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ.
ภาคผนวก
แบบประเมินความพึงพอใจ โครงงาน แบบจำลองการขนส่งทางน้ำ คำชี้แจง แบบประเมินฉบับนี้เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นและความพึงพอใจของผู้ตอบ แบบสอบถามที่มีต่อ โครงงานแบบจำลองการขนส่งทางน้ำโดยผู้ตอบแบบสอบถามทำเครื่องหมาย หน้า คำตอบที่เป็นจริง ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เพศ ชาย หญิง 2. อายุ 16-18 ปี 19-21 ปี 3. ระดับการศึกษาปวช.ปวส. ตอนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อโครงงานแบบจำลองการขนส่งทางน้ำ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด 5 4 3 2 1 ด้านการออกแบบ 1.โมเดลมีขนาดเหมาะสม 2.โมเดลมีความคงทนและแข็งแรง 3.โมเดลมีขนาดที่สมบูรณ์แบบ ด้านความทนทาน 1.ความแข็งแรงของวัสดุ 2.ความแข็งแรงของโมเดลโดยรวม ด้านประโยชน์และความพึงพอใจในภาพรวม 1.โมเดลสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ใน ชีวิตประจำวัน 2.โมเดลสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก 3.โมเดลสามารถผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายได้ ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ประวัติผู้จัดทำโครงงาน ชื่อ นายเอกภพ มูลทองจันทร์ ที่อยู่ 32/4 หมู่ 3 ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160 หมายเลขโทรศัพท์ 063-768-0113 E-Mail: [email protected] ประวัติการศึกษา ชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนวัดเชิงท่า ชั้นมัธยมศึกษา จากโรงเรียนวัดป่าคาเจริญวิทยา ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี
ประวัติผู้จัดทำโครงงาน ชื่อ นางสาวชลธิชา แซดกระโทก ที่อยู่ 23/199 หมู่ 6 ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 12000 หมายเลขโทรศัพท์ 097-221-7129 E-Mail: [email protected] ประวัติการศึกษา ชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนวัดบางเดื่อ ชั้นมัธยมศึกษา จากโรงเรียนปทุมวิไล ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี