The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ลำดับชั้นหิน (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-09 08:41:55

ลำดับชั้นหิน (2)

ลำดับชั้นหิน (2)

หน่วยที่ 4

ลำดับชั้นหิน

การลำดับชั้นหินคืออะไร? 1.การลำดับชั้นหิน

คือ การจัดระเบียบหินที่มีอยู่ภายในประเทศให้เป็นระบบเพื่อนำ
ไปใช้อ้างอิงในงานธรณีวิทยาและสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เรียกว่า
การลำดับชั้นหิน (stratigraphy)

1.1 การจำแนกหน่วยหิน

จัดลำดับหินจากหน่วยใหญ่ไปยังหน่วยย่อย ได้แก่ กลุ่มหิน (group)
หมวดหิน (formation) หมู่หิน (member) และหินชั้น (bed)

กลุ่มหิน (group)

คือ หน่วยของหินที่มีอายุอยู่ในยุคหรือมหายุคเดียวกัน ซึ่งประกอบด้วย
หมวดหินตั้งแต่ 2 หมวดขึ้นไป

หมวดหิน (formation)

คือ หน่วยที่รองมาจากลุ่มหิน เป็นหน่วยหลักในการจำแนกชั้นหินโดยหมวด
หินหนึ่งๆ นั้นอาจประกอบไปด้วยหินชนิดใดก็ได้ที่มีความหนาน้อยกว่าหนึ่ง
เมตรจนถึงหลายพันเมตร

หมู่หิน (member)
คือ หน่วยที่รองมาจากหมวดหิน ซึ่งจะเน้นหินที่มีลักษณะโดดเด่นกว่า
ส่วนอื่นของหมวดหินนั้น

หินชั้น (bed)

คือ หน่วยที่รองมาจากหมวดหิน ซึ่งอาจมีความหนา
ตั้งแต่ 1 เซนตเมตร จนถึง 3 เมตร โดยมีลักษณะ
เด่นชัดที่แตกต่างไปจากส่วนอื่นขอหมู่หินนั้น

แผ่นฉาน-ไทย ที่ปรากฏในประเทศไทย
รองรับด้วยกลุ่มหินยุคพรีแคมเบรียน
มหายุคพาลีโอโซอิก มหายุคมีโซโซอิก และ
มหายุคซีโนโซอิก ส่วนแผ่นอินโดจีนที่
ปรากฏในประเทศไทยรองรับด้วยกลุ่มหิน
มหายุคพาลีโอโซอิก มหายุคมีโซโซอิก และ
มหายุคซีโนโซอิก

ข้อมูลจากการศึกษาสภาวะแม่เหล็ก
บรรพกาล ทำให้เชื่อได้ว่าแผ่นฉาน-ไทย
และแผ่นอินโดจีนแยกตัวออกจากมหาทวี
ปกอนด์วานา ในบริเวณแถบภาคตะวันตก
เฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลียใน
ปัจจุบัน ในช่วงกลางของมหายุคพาลีโอโซ
อิกหรือยุคดีโวเนียนตอนปลาย

**เพิ่มเติม**

รอยเลื่อนมีพลังงานในประเทศไทย

ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลัง 14 รอย ดังนี้

รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนแม่อิง
รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน รอยเลื่อนบัว
รอยเลื่อนแม่ทา
รอยเลื่อนเมย รอยเลื่อนพะเยา
รอยเลื่อนเถิน รอยเลื่อนอุตรดิตถ์
รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนเพรชบูรณ์
รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์
รอยเลื่อนระนอง
รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย

1.2 การลำดับชั้นและการกระจาย
ตัวของหิน

1. กลุ่มหินบรมยุคพรีแคมเบรียน

พบอยู่ในแผ่นฉาน-ไทยส่วนใหญ่ประกอบด้วยหินแปรสภาพสูง โดย
มักเกิดอยูู่ร่วมกับหินไนส์ หินชีสต์ หินควอร์ตไซต์ และหินอ่อน ซึ่ง
พบการกระจายตัวอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ เช่น
อำเภอเมืองเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอฮอด-ดอยอินทนนท์
จังหวัดเชียงใหม่ นำ้ตกลานสาง-เขื่อนภูมิพล จังหวัดตากเป็นต้น

กลุ่มหินบรมยุคพรีแคมเบรียนที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด คือ
กลุ่มทับศิลา และยังมีกลุ่มขนอม และกลุ่มลานสาง

2. กลุ่มหินมหายุคพาลีโฮโซอิก แบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

1) กลุ่มตะรุเตา
พบอยู่ในปผ่นฉาน-ไทย ลักษณะทั่วไปหินจะแตกต่างกันไป
เนื่องจากสภาพแวดล้อมแต่ละพื้นที่และการสะสมตัวที่ต่างกันโดย
ทางภาคใต้ เช่น ที่เกาะตะรุเตา จังหัดสตูล เป็นหินทรายมีไมกา
หินดินดานและหินดินดานเนื้อผสมปูน สีนำ้ตาลแดงมีความหนา
ประมาณ 200-300 เมตร
มีซากดึกดำบรรพ์ไทรโลไบต์
2) กลุ่มทุ่งสง
พบอยู่ในฉาน-ไทย ส่วนใหญ่เป็นหินปูนเนื้อโคลน สีเทา
เข้มถึงสีดำ มีเนื้อขรุขระคล้ายกับหนังช้าง มีความหนา
เฉลี่ยประมาณ 800 เมตร
โดยปกติจะเป็นหินปูนแสดงชั้นและอาจพบมลทินซิลิกา

3. กลุ่มหิมหายุคพาลีโอโซอิกตอนกลาง
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

1. กลุ่มทองผาภูมิ ประกอบด้วย
หินตะกอนและหินแปรชั้นตำ่โดยพบอยู่
ในแถบอำเภอทองผาภูมิ อำเภอสังขละบุรี
และอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
เรียกว่ากลุ่มทองผาภูมิ ที่พบทางใต้ของ
จังหวัดแม่ฮ่องสอน แถบเขื่อนผาบ่อง
เรียกว่า กลุ่มแม่ฮ่องสอน

2.กลุ่มปากชม พบอยู่ในแผ่นอินโดจีน ซึ่ง
เป็นหินเชิร์ตและหินดินดาน บริเวณ
ทางหลวงปากชม-เลย และหมวดหิน
หนองดอกบัว พบที่อำดภอเชียงคาน ใน
แถบภูจำปา บ้านหนงดอกบัว บ้านโคกนา-
ดอกคำ และภูบ่อบิด-ภูทองแดง
อำเภอเมือง จังหวัดเลย

4. กลุ่มหินมหายุคพาลีโอโซอิกตอนปลาย แบ่งย่อย
ออกเป็น 2 กลุ่ม

1) กลุ่มแก่งกระจาน
ประกอบด้วย
ตะกอนเนื้อประสมที่
ลักษณะเป็นชั้นระหว่างหิน
กับทรายกับดินดาน ซึ่งชั้น
บนของหินมี เนื้อปูนผสม
ด้วย ส่วนใหญ่พบอยู่ทาง
ภาคใต้

2) กลุ่มราชบุรีและกลุ่มสระบุรี
เป็นหินที่เกิดอยู่ในช่วงยุคเพอร์เมียนส่วน
ใหญ่เป็นหินปูน โดยกลุ่มหินปูนราชบุรี
กระจายตัวอยู่ทางภาคใต้และตะวันตก
ส่วนกลุ่มหินปูนสระบุรีกระจายตัวอยู่ทาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวัน
ออกของประเทศ โดยหิยทั้งสองกลุ่มนี้จะมี
หินตะกอนเนื้อประสมในส่วนบนของกลุ่ม

5. กลุ่มหินมหายุคมีโซโซอิก
แบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่ม

1) กลุ่มลำปาง ประกอบด้วยหินตะกอนที่
สะสมตัวในแอ่งซึ่งวางตัวในแนวเหนือ-ใต้
และพบสลับระหว่างหินเนื้อประสมกับหินปูน
พบซากดึกดำบรรพ์โดยเฉพาะหอย และ
โคโนดอนต์ ทำให้สรุปได้ว่าหินกลุ่มนี้มีอายุ
ประมาณยุคไทรแอสซิก พบกระจายตัวอยู่ใน
แทบทุกเปลือกโลก

2) กลุ่มโคราช
เป็นชั้นตะกอนที่มีความหนามากกว่า1
กิโลเมตร ประกอบด้วยหินตะกอนเนื้อ
ประสม ส่วนใหญ่ปกคลุมเกือบทั้งภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนในภาค
ใต้โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่และตรัง
ทำให้สรุปได้ว่ากลุ่มหินนี้สะสมตัวบนบก

ในแอ่งตะกอนขนาดใหญ่

6. กลุ่มหินมหายุคซีโนโซอิก แบ่งย่อย
ออกเป็น 2 กลุ่มหิน ดังนี้

1 ) กลุ่มแม่เมาะ ประกอบด้วยชั้นตะกอน
เนื้อประสมจับตัวกันไม่แข็ง โดยแสดงชั้น
ชัดเจนสลับกันระหว่างหินทรายถึงหินทรายแป้ง
กับหินโคลน(หินดินดาน) ส่วนใหญ่ชั้นตะกอน
จะวางตัวในแนวราบในแอ่งตะกอนโดดที่ถูก
ขนาบด้วยรอยเลื่อนปติ มีลักษณะเป็นแอ่งหุบเขา

2) กลุ่มกรุงเทพ เป็นชุดของหินตะกอน
ร่อน เกิดจากการสะสมตัวจากการกระทำ
ของกระแสนำ้และลม จนเป็นแหล่งสะสม
ขนาดเล็ก
ที่ประกอบไปด้วยตะกอนขนาดตั้งแต่ก้อน
กรวน ทราย ทรายแป้งและดิน ซึ่งสามารถ
จำแนกออกได้เป็นตะกอนนำ้พา ตะกอน
เชิงเขา
ตะกอนลาดตะพัก ศิลาแดง และตะกอน
ชายหาด พบในที่ราบลุ่มในแม่นำ้สายใหญ่

2. การหาอายุทางธรณีวิทยา

อายุทางธรณีวิทยา เป็นอายุของแร่ ตะกอน
หิน ซากดึกดำบรรพ์และเหตุการณ์ต่างๆ
การตรวจสอบอายุทางธรณีวิยาช่วยให้ระบุ
ได้ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหรือหลัง โดย
อายุทางธรณีวิทยาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
คือ อายุเปรียบเทียบและ อายุสัมบูรณ์

การหาอายุเปรียบเทียบ

เป็นการศึกษาจากการจัดลำดับชั้นหินวิธีนี้จะไม่สามารถระบุอายุเป็นปีที่
แน่ชัดได้แต่สามารถระบุได้แค่ว่าชั้นหิน ชั้นใดเกิดขึ้นก่อนหลังตาม
ลำดับ

การหาอายุเปรียบเทียบต้องอาศัยกฎเกี่ยวกับธรณีวิทยา ดังนี้

1 กฎการวางตัวซ้อนทับ (law of superposition)
เจมส์ ฮัตตัน อธิบายเกี่ยวกับการวางตัวของชั้นหิน
ได้ว่า ในลำดับชั้นหินที่ไม่ถูกรบกวนจากกระบวนการ
ต่างๆ ชั้นหินที่วางตัวอยู่ด้านบนจะมีอายุน้อยกว่าชั้น
หินที่วางตัวอยู่ด้านล่าง

2. กฎความสัมพันธ์ที่ตัดกัน
( law of cross-cutting relationship)
กล่าวว่า หากมีหินแทรกตัวตัดขวางชั้นหินดั้งเดิม
หินที่แทรกเข้ามานั้นต้องมีอายุน้อยกว่าชั้นหินเดิม

3. กฎการเทียบความสัมพันธ์ของหินตะกอน
(law of correlation of sedimentary rocks)

อาศัยการวิเคราะห์ความคล้ายกันของลักษณะตำแหน่ง
และลำดับชั้นหินตะกอนในพื้นที่ต่างๆ

4. กฎการเปลี่ยนแปลงทดแทนสัตวชาติ
(law of faunal succession)



กล่าวว่า ซากดึกดำบรรพ์นั้นเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้ลำดับ
ชั้นหินที่ต่อเนื่องกันมีซากดึกดำบรรพ์ต่างกัน

5. กฎการเป็นเอกภาพ(law of uniformitarianism)



การเกิดหินนั้นสามารถอธิบายได้โดยาศัยหลักของ
กระบวนการต่างๆ ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้เกิด
ประโยคสำคัญทางธรณีวิทยาที่ว่า
"ปัจจุบันเป็นกุญแจไขไปสู่อดีต"

การหาอายุสัมบูรณ์
ทำได้โดยการวิเคราะห์และ
คำนวณจากไอโซโทปของธาตุ
กัมมันตรังสี ซึ่งต้องอาศัยหลัก

การเกี่ยวกับครึ่งชีวิต

ธาตุต่างๆ บนโลกส่วนใหญ่มีไอโซโทปที่เสถียรและ
ไม่เปลี่ยนแปลง

ไปเป็นธาตุอื่น แต่ธาตุบางชนิดมีไอโซโทปที่ไม่
เสถียรโดยมีการสลาย

ตัวอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเกิดเป็นไอโซโทปที่เสถียร
เรียกการสลาย

ตัวลักษณะนี้ว่า การสลายตัวกัมมันตรังสี
เรียกอะตอมของธาตุที่มีการสลายตัวว่า อะตอมแม่

เรียกอะตอมที่ได้จากการสลายตัวว่า อะตอมลูก

ตตารางธรณีกาล

ตารางธรณี จัดทำขึ้นโดยคณะทำงานการลำดับ
ชั้นหินสากลซึ่งมีลักษณะเป็นตารางที่ประกอบ
ด้วยชื่อบรมยุค มหายุค ยุค อนุยุค(สมัย) อายุ

และรุ่น ตามลำดับ

บรมยุค

บรมยุค บรมยุค บรมยุค บรมยุค
ฮาเดียน อาร์เคียน
ฟาเนอโรโซอิก ไพรเทอโรโซอิก

พรีแคมเบรียนหรือฐานชีวิน

บรมยุคฟาเนอโรโซอิก

มหายุคพาลีโอโซอิก มหายุุคมีโซโซอิก มหายุคซีโนโซอิก

พรีแคมเบรียนหรือฐานชีวิน

เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 4,000ล้านปีก่อน จนถึประมาณ
541 ล้านปีก่อน พื้นผิวโลกร้อนระอุพื้นที่ส่วนใหญ่มีสภาพโล่ง
มีภูเขา ทะเลทราย และภูเขาไฟปะทุเป็นจำนวนมากจนเกิด
เป็นธารลาวา โดยนักธรณีวิทยาเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตชั้นตำ่เริ่ม
กำเนิดขึ้นในช่วงปลายพรีแคมเบรียน แต่ส่วนมากไม่ทิ้งร่อง
รอยหรือหลักฐานที่ชัดเจนมาจนถึงปัจจุบัน

บรมยุคอาร์เคียน สโตรมาโตไลต์
4,000-2,500 ล้านปีก่อนพื้นผิว
โลกมีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งเต็มไปด้วย
ภูเขาไฟและธารลาวาบรรยากาศ
ประกอบด้วยพิษ ไม่มีแก๊สออกซิเจน
จึงพบสิ่งมีชีวิตจำพวกที่ไม่อาศัย
ออกซิเจน ได้แก่ สโตรมาโตไลต์
โพรแคริโอต

บรมยุคโพรเทอโรโซอิก
2,500-541 ล้านปีก่อนโลกเย็นตัวลงจนมียุ
คนำ้แข็งเกิดขึ้น เปลือกโลกผุพังและรู้สึก
กร่อนจนเกิดตะกอนทำให้ชายฝั่ งทะเลตื้น
เขินและเริ่มมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวพวก
สาหร่ายซึ่งเป็นพวกยูแคริโอตและมีสิ่งมี spriggina floundersi
ชีวิตชั้นตำ่เกิดขึ้น

บรมยุคฟาเนอโรโซอิกหรือบรมยุคชีวินกาล



เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 541 ล้านปีก่อนจนถึงปจจุบัน
ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 3 มหายุคดังนี้

มหายุคพาลีโอโซอิกหรือบรมยุคปฐมชีวิน

ยุคแคมเบรียน
541-485 ล้านปีก่อน
เหตุการณ์สำคัญในยุค
นั้น คือนำ้ทะเลเริ่มรุกลำ้
เข้าไปในบริเวณผืนแผ่น

ดินมากขึ้น

ยุคไซลูเรียน
443-419 ล้านปีก่อน
หินที่พบส่วนใหญ่เป็น
พวกหินปูน หินทราย
และหินดินดาน
ซากดึกดำบรรพ์ที่พบ

ยุคออร์โดวิเชียน
485-443 ล้านปีก่อนหินที่พบ
ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหินปูน
หินโดโลไมต์ หินทรายและ
หินดินดาน ซากดึกดำบรรพ์ที่
พบเป็นสาหร่ายทะเล สัตว์ไม่มี
กระดูกสันหลัง

ยุคดีโวเนียน
419-358ล้านปีก่อน
หินที่พบส่วนใหญ่เป็นพวกดินดาน
หินปูนและหินทรายแดง เปลือโลก
มีการเคลื่อนตัวและมีการระเบิด
ของภูเขาไฟ ทำให้ทะเลบางส่วนยก
ตัวขึ้นกลายเป็นแผ่นดินสัตว์
จำพวกปลา

ยุคคาร์บอนิเฟอรัส
358-289 ล้านปีก่อน
หินที่พบส่วนใหญ่เป็นหินปูน
หินทราย หินดินดาน ถ่านหิน
เป็นยุคที่มีแพร่หลายซึ่ง
ส่วนใหญ่เป็นพวกไลโคพอด
เฟริน์มีเมล็ด สัตว์ที่พบมาก
เช่น หอยขม หอยสองฝา
ส่วนสัตว์ที่มีกระดุกสันหลัง
ได้แก่ สัตว์สะเทนนำ้สะเทินบก

ยุคเพอร์เมียน
298-257 ล้านปีก่อน
หินที่พบส่วนใหญ่เป็นหินปูน
หินเกลือหินดินดาน และ
หินทรายสีแดง เริ่มพบแมลง

มหายุคมีโซโซอิกหรือมหายุคมัชฌิมชีวัน

ยุคไทรแอสซิก

พ25ว7ก-ห2ิน
0ส1ีแล้ดางนแปีลก่ะอหินนหเิกนลทืี่อพทีบ่เกสิ่ดวนขึ้ในหใญน่เป็น

สภาวะที่มีความร้อนและแห้งแล้งหินปูน
และหินดินดานที่เกิดขึ้นในทะเลตื้นและ
นำ้อุ่น
ยุคนี้เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของสิ่งมีชีวิต

ทั้งบนบกและในทะเล

ยุคครีเทเชียส
145-66ล้านปีก่อน
หินที่พบส่วนใหญ่เป็นพวกหินชอล์กที่
ประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต
ของสาหร่าย คอดโคลิธปนอยู่กับเศษ
เปลือกหอยและฟิวซูลินิด
บนบกยังพบพืชพวกสน เฟิร์น และปรง
ส่วนในช่วงกลางยุคเริ่มมีพืชดอก

ยุคจูแรสซิก
201-145 ล้านปีก่อน
หินที่พบเป็นพวกหินปูนเม็ด
ปลา หินดินดาน และหินทราย
บนบกเริ่มมีพืชหลายชนิด
เรียกได้ว่าเป็น ยุคของปรง

มหายุคซีโนโซอิกหรือมหายุคนวชีวิน

โดยยุคนี้แบ่งย่อยออกเป็น 3 ยุค

1.ยุคพาลีโอจีน

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนำ้นมเริ่มพัฒนาจากที่มีขนาดเล็กไปเป็นสัตว์
ใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ แบ่งออกเป็น 3 สมัย

สมัยพาลีโอซีน สมัยโอลิโกซีน
- มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ - มีป่าไม้ผลัดใบพบสัตว์มี
กระดูกสันหลัง
สมัยอีโอซีน

- พบสัตว์เลี้ยงลูกด้วย
นำ้รก

2. ยุคนีโอจีน

พบสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่และมีลักษณะที่ซับซ้อนมากขึ้น
เริ่มพบลิงเอป ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์

สมัยไมโอซีน สมัยไพลโอซีน
พบพืชจำพวกหญ้า พบสัตว์เลื้อยคลานที่สำคัญ
ทนไฟ สัตว์ที่พบ คือจระเข้นำ้เค็ม และยังมีพืช
เช่น หมี กวาง บีเวอร์ ที่สำคัญคือสนและหญ้า

ยุคควอเมอร์นารี
เหตุการณ์สำคัญของยุคนี้คือ
" วิวัฒนาการของโฮโมนิด "

สมัยไพลสโตซีน
มีธารนำ้แข็งจำนวนมาก เรียกว่า
สมัยนำ้แข็ง พบสัตว์เลี้ยงด้วยนม
คือ แมมมอธ มาสโตดอน และ

มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล

สมัยโฮโลซีน
เป็นช่วงที่มนุษย์มี
การบันทึกข้อมูลใน
ประวัติศาสตร์จนมา
ถึงช่วงที่มีการปฏิบัติ
อุตสาหกรรม


Click to View FlipBook Version