The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยาศาสตร์ขัดแย้งกับข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินสวรรค์หรือไม่ เขียนโดย กึนเธอร์ แบร์วังเงอ
ISBN : 978-616-339-147-6
ราคา 250 บาท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tbsbookshop, 2020-07-24 17:42:05

ใครอยู่เบื้องหลังบิกแบง

วิทยาศาสตร์ขัดแย้งกับข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินสวรรค์หรือไม่ เขียนโดย กึนเธอร์ แบร์วังเงอ
ISBN : 978-616-339-147-6
ราคา 250 บาท

Keywords: ใครอยู่เบื้องหลังบิกแบง

วทิ ยาศาสตรข์ ดั แยง้ กบั ขา่ วประเสรฐิ เรอ่ื งแผน่ ดนิ สวรรคห์ รอื ไม่

ใครอยเู่ บอ้ื งหลงั
บกิ แบง?

กนึ เธอร์ แบรว์ งั เงอ



ขออทุ ศิ หนงั สอื เลม่ น้ี
แด่ ลกู ๆ ของผม ตลอดจนบตุ รบญุ ธรรม

ครอบครวั และบรรดาญาตมิ ติ ร
ขอหนงั สอื เลม่ น้ี ชว่ ยใหพ้ วกเขาคน้ พบความหมายของชวี ติ

1

2

ใครอยเู่ บอ้ื งหลงั บกิ แบง?

วทิ ยาศาสตรข์ ดั แยง้ กบั ขา่ วประเสรฐิ เรอ่ื งแผน่ ดนิ สวรรคห์ รอื ไม่

กนึ เธอร์ แบรว์ งั เงอ

3

4

เจา้ จะแสวงหาเราและพบเรา
เมอ่ื เจา้ แสวงหาเราดว้ ยสน้ิ สดุ ใจของเจา้
เพอ่ื จะใหอ้ นาคตและความหวงั แกเ่ จา้

เรยี บเรยี งจาก เยเรมยี ์ 29:11,13-14

5

ใครอยเู่ บอ้ื งหลงั บกิ แบง?

สงวนลิขสิทธ์ ิ : 2020 สมาคมพระครสิ ตธรรมไทย
เขยี นโดย : ศาสตราจารย์ ดร.กนึ เธอร์ แบรว์ งั เงอ
แปลโดย : คณุ อญั ชลี โตพงึ่ พงศ์
เรยี บเรยี งโดย : สมาคมพระคริสตธรรมไทย
พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1 : กรกฎาคม 2020
จำ�นวนพมิ พ์ : 1,000 เล่ม
ISBN : 978-616-339-147-6

จัดพิมพ์และเผยแพร่โดย
สมาคมพระครสิ ตธรรมไทย
319/52-55 ถนนวภิ าวดรี ังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรงุ เทพฯ 10400
โทรศพั ท์ 0-2279-8341 โทรสาร 0-2616-0517 E-mail:[email protected]

6

สารบญั 13
17
บทน�ำ 17
1. วทิ ยาศาสตรก์ บั ความเชอ่ื 22
1.1 ความตกต�ำ่ ทางความเชอ่ื ในโลกศวิ ไิ ลซ ์ 24
1.2 การแบง่ แยกระหวา่ งวทิ ยาศาสตรก์ บั ความเชอ่ื 26
1.3 มลู เหตจุ ากกาลเิ ลโอ 28
2. ความเชอ่ื กบั โลกทศั นท์ างวทิ ยาศาสตร ์ 29
2.1 ภพนแ้ี ละภพหนา้ 32
2.2 ววิ ฒั นาการ: เหตบุ งั เอญิ ของชารล์ ส์ ดารว์ นิ หรอื 36
ผลลพั ธจ์ ากขอ้ มลู ทางสภาพแวดลอ้ ม 38
2.2.1 ขอ้ โตแ้ ยง้ ทฤษฎวี วิ ฒั นาการของชารล์ ส์ ดารว์ นิ 39
2.3 ความบงั เอญิ ของฟสิ กิ สค์ วอนตมั 41
2.4 ความเชอ่ื ในเหตบุ งั เอญิ ของกลมุ่ อเทวนยิ ม 42
2.5 ววิ ฒั นาการ จติ วญิ ญาณ และสสาร 46
2.5.1 วทิ ยาศาสตรก์ บั จติ วญิ ญาณของมนษุ ย ์ 50
2.5.2 อทิ ธพิ ลของจติ วญิ ญาณมนษุ ยต์ อ่ การพฒั นามนษุ ย ์ 57
2.5.3 กฎของจติ วญิ ญาณทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ในกฎธรรมชาต ิ 60
2.6 ความหมายของ “สจั จะ” ในพระคมั ภรี แ์ ละทางฟสิ กิ ส ์ 63
2.7 ความเชอ่ื มโยงระหวา่ งชวี ติ และความสวา่ ง 67
ในพระคมั ภรี แ์ ละทางฟสิ กิ ส ์ 71
2.7.1 แสงคอื อะไร 74
2.8 สาเหตแุ ละผลกระทบ: หว่ งโซต่ รรกะแหง่ จกั รวาล 75
2.9 การนยิ ามค�ำ วา่ ขอ้ มลู และชวี ติ ในเชงิ ฟสิ กิ สค์ วอนตมั 77
2.10 ขอ้ มลู และจติ วญิ ญาณ 81
2.11 ขอ้ มลู -แกน่ มวลสาร (materia prima)-การฟน้ื คนื พระชนม ์ 86
2.12 เรอ่ื งอศั จรรยข์ ดั แยง้ กบั กฎธรรมชาตหิ รอื ไม ่
2.13 มนษุ ยจ์ ะพบพระเจา้ ไดห้ รอื
2.14 ค�ำ พยานจากนกั วทิ ยาศาสตรช์ อ่ื กอ้ งโลก
2.15 สง่ิ จ�ำ เปน็ ส�ำ หรบั มนษุ ย์ : ขอ้ สนบั สนนุ เพอ่ื ยนื ยนั ความเชอ่ื

7

3. พระเจา้ มอี ยจู่ รงิ : เหตผุ ลงา่ ยๆ ทางวทิ ยาศาสตร ์ 89
3.1 จากสมมตฐิ านสทู่ ฤษฎที พ่ี สิ จู นแ์ ลว้ วา่ จรงิ และใชไ้ ดใ้ นทกุ กรณ ี 92
3.2 ขอ้ โตแ้ ยง้ เรอ่ื งการไมส่ ามารถมองเหน็ และจบั ตอ้ งพระเจา้ ได้ 93
3.3 ความแนใ่ จในกระบวนการยตุ ธิ รรมทางโลกกบั ความแนใ่ จในความเชอ่ื 95
3.4 กฎธรรมชาตทิ ม่ี ตี ง้ั แตแ่ รกเรม่ิ 95
3.4.1 คา่ คงทท่ี างธรรมชาตสิ ะทอ้ นการมอี ยขู่ องพระเจา้ 96
3.4.2 ความสอดคลอ้ งของแรงระเบดิ ในปรากฏการณ ์
บกิ แบงกบั แรงโนม้ ถว่ ง 98
3.4.3 การแผร่ งั สพี น้ื หลงั ของจกั รวาล 99
3.5 กฎเอนโทรปที างฟสิ กิ ส์ : ขอ้ สนบั สนนุ เรอ่ื งพระเจา้ 99
3.5.1 กฎเอนโทรปกี บั การก�ำ เนดิ จกั รวาล 101
3.5.2 ความเปน็ กฎระเบยี บกบั แผนการ 101
3.5.3 การจดั วางมนษุ ยภ์ ายใตก้ ฎระเบยี บแหง่ จกั รวาล 104
3.6 ดเี อน็ เอ 107
3.7 ความจ�ำ กดั ในทกุ สง่ิ 108
3.8 ขอ้ สนบั สนนุ วา่ มพี ระเจา้ ตามหลกั ตรรกะ 109

4. เหตผุ ลสนบั สนนุ เรอ่ื งพระเยซชู าวนาซาเรธ็ พระบตุ รของพระเจา้ 112

5. ศตั รทู างความเชอ่ื 119
5.1 ผเู้ ชอ่ื เทวนยิ มและผเู้ ชอ่ื อเทวนยิ ม 119
5.2 ศาสตรแ์ หง่ อเทวนยิ ม 121
5.3 ความคดิ เหน็ เชงิ อเทวนยิ มวา่ ดว้ ยก�ำ เนดิ จกั รวาล 123
5.4 ความเชอ่ื อยา่ งมดื บอด และพระเจา้ ทน่ี �ำ มาใชช้ ว่ั คราว 125
ของ รชิ ารด์ ดอวก์ นิ ส์ (Richard Dawkins) 127
5.5 ทรรศนะของดอวก์ นิ สว์ า่ ดว้ ยววิ ฒั นาการ

6. วา่ ดว้ ยความเชอ่ื ทางครสิ ตศ์ าสนา 131
6.1 วญิ ญาณมนษุ ย์ จากทรรศนะความเชอ่ื ทางครสิ ตศ์ าสนา 136
6.2 พระวญิ ญาณบรสิ ทุ ธ ์ิ 142

8

7. หลกั ขอ้ เชอ่ื ทย่ี ากจะอธบิ าย 146
7.1 บาปก�ำ เนดิ คอื อะไร 146
7.2 พระเจา้ เปน็ ผสู้ รา้ งความชว่ั รา้ ยขน้ึ หรอื 150
7.2.1 นรกมจี รงิ หรอื เราตอ้ งเชอ่ื เรอ่ื งการมอี ยขู่ องนรกหรอื ไม ่ 153
7.3 ตรเี อกภาพหมายถงึ อะไร 154
7.4 ท�ำ ไมพระเจา้ ผแู้ สนดี จงึ ยอมใหค้ วามทกุ ขเ์ กดิ ขน้ึ 157

8. วา่ ดว้ ยครสิ ตศ์ าสนา 166
8.1 ความเชอ่ื ทางครสิ ตศ์ าสนา 166
8.2 ครสิ ตจกั ร 170
ภาคผนวก 175
ประสบการณก์ ลบั ใจใหมข่ องผเู้ ขยี น 176
ประวตั ผิ เู้ ขยี น 180
ประวตั ผิ แู้ ปล 181
เอกสารอา้ งองิ 182

9

Credits: en.wikipedia.org

ภาพดาราจกั รแอนดรอมดิ า
ดาราจกั รแอนดรอมดิ า อยใู่ กลก้ บั ทางชา้ งเผอื กมากทส่ี ดุ

ดว้ ยระยะทาง 2.6 ลา้ นปแี สง

10

หนงั สอื “ใครอยเู่ บอ้ื งหลงั บกิ แบง?”เลม่ นท้ี รงคณุ คา่ มเี นอ้ื หาเหมาะ
ส�ำ หรบั การประกาศขา่ วประเสรฐิ และส�ำ หรบั ทกุ คนทก่ี �ำ ลงั คน้ หาความ
หมายของชวี ติ

ขอบคณุ ส�ำ หรบั เหตผุ ลเรอ่ื งการมตี วั ตนอยขู่ ององคพ์ ระผเู้ ปน็ เจา้
คณุ พอ่ แบรน์ ฮารท์ วอซคิ กิ
31 สงิ หาคม 2015

(ศาสนาจารย์ ดร.แบรน์ ฮารท์ วอซคิ กิ ท�ำ หนา้ ทร่ี องอธกิ ารวดั ฮายลเิ กน ครอยซ์ และ
ศาสนาจารยด์ า้ นศาสนพธิ ี ณ มหาวทิ ยาลยั ปรชั ญศาสนศาสตร์ เมอื งฮายลเิ กนครอยซ์ รฐั
โลเวอรอ์ อสเตรยี ประเทศออสเตรยี )

11

12

บทน�ำ

หนงั สอื เลม่ น้ี ไมใ่ ชห่ นงั สอื ค�ำ สอนในเชงิ ศาสตรเ์ พอ่ื ปกปอ้ งความเชอ่ื ทาง
ครสิ ตศ์ าสนา (apologetic) เพยี งแตผ่ เู้ ขยี นในฐานะนกั ฟสิ กิ สร์ สู้ กึ ไมส่ บายใจท่ี
ผคู้ นสว่ นใหญล่ ว้ นแตเ่ หน็ วา่ วทิ ยาศาสตรก์ บั ความเชอ่ื เปน็ สองสง่ิ ทไ่ี ปดว้ ยกนั
ไมไ่ ด้ อกี ทง้ั ถอ้ ยค�ำ จากพระคมั ภรี ส์ องตอนยงั เปน็ แรงผลกั ดนั ใหเ้ ขยี นหนงั สอื
เลม่ น้ี พระเยซคู รสิ ตไ์ ดต้ รสั วา่ “ ผใู้ ดทร่ี บั เราตอ่ หนา้ มนษุ ย์ เราจะรบั เขาตอ่ หนา้
พระบดิ า” (มทั ธวิ 10:32) และในพระธรรมอกี ตอนหนง่ึ อคั รทตู เปโตรกลา่ ววา่
“จงเตรยี มตวั ไวใ้ หพ้ รอ้ มเสมอ เพอ่ื ทา่ นจะสามารถตอบทกุ คนทถ่ี ามทา่ นวา่ ทา่ น
มคี วามหวงั ใจเชน่ นด้ี ว้ ยเหตผุ ลประการใด” (1 เปโตร 3:15) ถอ้ ยค�ำ แรกนน้ั ตรา
ตรงึ อยใู่ นใจผเู้ ขยี น ขณะเดนิ ทางไปแสวงบญุ ณ เมอื งเมดจกู อเรจ์ (Medju-
gorje) สว่ นถอ้ ยค�ำ ของทา่ นอคั รทตู เปโตร ผเู้ ขยี นกร็ สู้ กึ ประทบั ใจมากเชน่ กนั
เพราะเป็นหัวข้อศึกษาหลักของหลักสูตรศาสนศาสตร์ ท่ผี ้เู ขียนใช้เวลาเรียน
สามปี จนกระทง่ั ส�ำ เรจ็ การศกึ ษาจากสถาบนั เพอ่ื การภาวนาและพระค�ำ (Gebet
& Wort)

13

หนงั สอื เลม่ นม้ี ีจดุ ม่งุ หมายเพ่อื ลบลา้ งค�ำ กลา่ วอ้างท่วี ่า วทิ ยาศาสตร์กบั
ความเชอ่ื เปน็ สองสง่ิ ทข่ี ดั แยง้ กนั ในฐานะนกั ฟสิ กิ ส์ ผเู้ ขยี นตอ้ งการไขขอ้ สงสยั
เกย่ี วกบั ความเชอ่ื และจากมมุ มองทางวทิ ยาศาสตร์ โดยพยายามอธบิ ายให้
เขา้ ใจง่าย ใหผ้ อู้ ่านสามารถเชอ่ื มโยงความร้ทู างวิทยาศาสตรใ์ ห้เขา้ กบั ความ
เชอ่ื ทางครสิ ตศ์ าสนาได้ งานเขยี นชน้ิ นย้ี งั ตอ้ งการแสดงใหเ้ หน็ เปน็ ตวั อยา่ งวา่
โลกทศั นห์ รอื มมุ มองทเ่ี ราไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากศาสตรส์ มยั ใหมท่ ง้ั หลายนน้ั ไมไ่ ด้
ขดั แยง้ กบั โลกทศั นห์ รอื มมุ มองทถ่ี า่ ยทอดจากความเชอ่ื ทางครสิ ตศ์ าสนาเลย
เรอ่ื งของหลกั เหตผุ ลและความเชอ่ื ไมไ่ ดแ้ ยกจากกนั เปน็ ขว้ั ตรงขา้ ม ทวา่ เตมิ
เตม็ กนั และกนั อยา่ งนา่ อศั จรรย์

พระสนั ตะปาปา จอหน์ ปอล ทส่ี อง ไดก้ ลา่ วไวใ้ นสารสนั ตะปาปา ภายใต้
หวั ขอ้ “ความเชอ่ื กบั เหตผุ ล” (Fides et Ratio) วา่ “ความเชอ่ื กบั เหตผุ ลเปรยี บ
เสมอื นปกี ของวหิ คทช่ี ว่ ยยกระดบั สตปิ ญั ญาของมนษุ ยใ์ หเ้ พง่ พนิ จิ สจั จะได”้ 1

กลา่ วไดว้ า่ ความเชอ่ื กบั เหตผุ ล คอื ความสามารถทางสตปิ ญั ญาของมนษุ ย์
ทเ่ี ตมิ เตม็ กนั และกนั สง่ิ มชี วี ติ ใดกต็ ามทม่ี ปี กี หรอื แมแ้ ตเ่ ครอ่ื งยนตก์ ลไกทต่ี อ้ ง
ใช้ปีก ย่อมไม่สามารถบินด้วยปีกเพียงข้างเดียวได้ และจะต้องร่วงลงมาแน่
มนษุ ยก์ เ็ ชน่ กนั หากพยายามแกป้ ญั หาดว้ ยความสามารถเพยี งดา้ นเดยี ว กจ็ ะ
พบกบั ความลม้ เหลวในทส่ี ดุ ไมเคลิ โพแลนยิ (Michael Polanyi) นกั เคมฟี สิ กิ ส์
ลงความเห็นว่า รฐั ท่ใี ช้อ�ำ นาจแบบเบ็ดเสร็จ และพยายามแทนทอ่ี �ำ นาจทาง
ศาสนา ดว้ ยอ�ำ นาจรฐั ทพ่ี ง่ึ พงิ เพยี งหลกั เหตผุ ลและประสบการณน์ น้ั จะบบี คน้ั
มนษุ ยใ์ หล้ ดตวั ลงรบั ใชท้ รราชยท์ ค่ี อยลา้ งผลาญจติ วญิ ญาณของมนษุ ย2์ การ
ยึดถือเหตุผลเพียงประการเดียว ย่อมไม่ใช่หนทางท่ดี ีแน่นอน ในอีกแง่หน่งึ
หากเราจะหกั ลา้ งโดยยกขอ้ พระคมั ภรี เ์ พยี งอยา่ งเดยี ว กค็ งโนม้ นา้ วใจผฟู้ งั หรอื
ผ้รู ่วมสัมมนาท่ไี ม่ได้เช่อื ในพระคำ�ของพระเจ้าไม่สำ�เร็จ ผ้เู ขียนจึงต้องอาศัย
หลกั เหตผุ ลเชงิ ตรรกะเพม่ิ เขา้ มา เพอ่ื ใหพ้ วกเขาเชอ่ื ในสง่ิ ทผ่ี เู้ ขยี นพดู หนงั สอื

1Papst Johannes Paul II. Enzyklika Fides et Ratio, 1998
2Polanyi, Michael. Personal Knowledge: Towards a Post-Critical Philosophy; University of Chicago
Press, 1962

14

เลม่ นจ้ี งึ เปน็ ความพยายามทจ่ี ะน�ำ เสนอทง้ั สองแงม่ มุ นอกจากเนอ้ื ความในพระ
คมั ภรี แ์ ลว้ ผเู้ ขยี นยงั ไดห้ ยบิ ยกขอ้ โตแ้ ยง้ ทางวทิ ยาศาสตรท์ ก่ี ลา่ วถงึ การด�ำ รง
อยู่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และความเช่ือในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซ่ึงในทาง
วทิ ยาศาสตร์ เรายงั คงไมม่ คี �ำ ตอบส�ำ หรบั ค�ำ ถามหลายๆ ขอ้ และในฟสิ กิ สส์ มยั
ใหม่ ยงั คงมปี รศิ นาอกี มากมายทเ่ี ฝา้ รอการไขใหก้ ระจา่ ง ส�ำ หรบั วทิ ยาศาสตร์
แลว้ ไมม่ คี �ำ ตอบใดทถ่ี อื วา่ สน้ิ สดุ และยตุ โิ ดยสน้ิ เชงิ เพราะวา่ วทิ ยาศาสตรค์ อื
การเอาชนะความรเู้ ดมิ โดยอาศยั ความรใู้ หมๆ่ (ไฮเซนแบรก์ ) ดงั นน้ั ผเู้ ขยี นจงึ
อยากเนน้ ย�ำ้ ใหเ้ หน็ วา่ ตวั อยา่ งทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละประเดน็ ขอ้ โตแ้ ยง้ ทห่ี ยบิ ยก
ในหนงั สอื เลม่ น้ี สอดคลอ้ งตรงกบั องคค์ วามรปู้ จั จบุ นั และความรทู้ ท่ี วขี น้ึ ในยคุ
นก้ี ลบั สนบั สนนุ ความเชอ่ื ของเราเสยี เอง ในวชิ าฟสิ กิ สห์ ลายแขนง มกี ารบญั ญตั ิ
ศพั ทแ์ ละคดิ คน้ รปู แบบการอธบิ ายเพม่ิ ขน้ึ เปน็ จ�ำ นวนมาก ซง่ึ ชว่ ยใหเ้ ราเขา้ ใจ
ข้อพระคัมภีร์ได้ดีย่ิงข้ึน หนังสือเล่มน้ีได้คัดสรรตัวอย่างและความรู้ท่ีเราจะ
สามารถน�ำ มาใชใ้ นการเผยแพรพ่ ระกติ ตคิ ณุ ได้ กระทง่ั นกั เทววทิ ยาเองกย็ งั เหน็
พอ้ งมากขน้ึ เรอ่ื ยๆ วา่ ความรพู้ น้ื ฐานวา่ ดว้ ยความเชอ่ื มโยงทางวทิ ยาศาสตรต์ อ่
การประกาศพระกิตติคุณ เปน็ ส่งิ จ�ำ เปน็ อันขาดเสียมิได้ หนำ�ซ�ำ้ ผ้ทู ่อี อกไป
ประกาศข่าวประเสริฐก็ต้องเผชิญกับข้อถกเถียงและวิธีโต้แย้งของคนท่ีไม่มี
ศาสนา ผเู้ ขยี นจงึ ไดเ้ รยี บเรยี งขอ้ ความทถ่ี อื วา่ ส�ำ คญั ทส่ี ดุ จากผไู้ มเ่ ชอ่ื รวมถงึ
แนวทางการโตแ้ ยง้ ของพวกเขาโดยอาศยั หลกั การทางวทิ ยาศาสตรไ์ วใ้ นหนงั สอื
เลม่ นด้ี ว้ ยเชน่ กนั

ในตอนทา้ ย ผเู้ ขยี นยงั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ขอ้ ความบางตอนจากพระคมั ภรี ์ ซง่ึ
แมแ้ ตช่ าวครสิ ตบ์ างคนเหน็ วา่ เปน็ เรอ่ื ง “เขา้ ใจยาก” นน้ั ทจ่ี รงิ แลว้ สามารถ
อธบิ ายไดอ้ ยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลดว้ ยซ�ำ้

ขอขอบคณุ ศาสตราจารย์ ดร.โทมสิ ลาฟ อวิ านซคิ (Tomislav Ivancic)
เปน็ อยา่ งสงู ทไ่ี ดใ้ หข้ อ้ คดิ อนั เปน็ ประโยชนใ์ นการเขยี นหนงั สอื เลม่ น้ี ขอ้ ความ
ท้ังหมดจากพระคัมภีร์หรือจากคำ�เทศนาล้วนมีท่ีมาจากการศึกษาและ
ช้ันเรียนสัมมนาท่ีท่านเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ และขอขอบคุณศาสตราจารย์

15

ดร.นอร์แบร์ท พุคเคอร์ (Norbert Pucker) ท่ชี ่วยต้งั ข้อสังเกตและวิจารณ์
ขอ้ ความทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ศาสตรท์ างฟสิ กิ สใ์ นหนงั สอื เลม่ น ้ี เปน็ ผลใหก้ ารเขยี น
หนงั สอื เลม่ นส้ี าำ เรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยด ี

16

1

วทิ ยาศาสตรก์ บั ความเชอ่ื

1.1 ความตกต�ำ่ ทางความเชอ่ื ในโลกศวิ ไิ ลซ์

หลายทศวรรษท่ีผ่านมา ผู้คนบนโลกอันเต็มไปด้วยความศิวิไลซ์และ
เทคโนโลยกี า้ วหนา้ พากนั เสอ่ื มศรทั ธาในศาสนามากขน้ึ เรอ่ื ยๆ หากเรายอ้ น
กลบั ไปดยู คุ ฟน้ื ฟศู ลิ ปวทิ ยา (ยคุ Renaissance ค.ศ. 1450-1600) จะเขา้ ใจ
ไดว้ า่ เพราะเหตใุ ดผคู้ นในปจั จบุ นั จงึ ลม้ ลงทางความเชอ่ื เพม่ิ มากขน้ึ ในศตวรรษ
ท่ี 18 และ 19 ซง่ึ เปน็ ยคุ ทว่ี ทิ ยาศาสตรเ์ ฟอ่ื งฟขู น้ึ อยา่ งมาก ไดเ้ กดิ กระแสการ
ไมน่ บั ถอื ศาสนาใดๆ ขน้ึ (เวน้ แตใ่ นหมนู่ กั ฟสิ กิ ส)์ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ไดท้ �ำ ให้
นกั ปรชั ญาทง้ั หลายเกดิ ความคดิ ผดิ ๆ ทว่ี า่ มนษุ ยส์ ามารถคดิ ค�ำ นวณทกุ สง่ิ ออก
มาเปน็ ตวั เลข และอธบิ ายปรากฏการณท์ กุ ชนดิ ได้ แมก้ ระทง่ั สามารถไขความ
ลบั ของจกั รวาลและชวี ติ เนอ่ื งจากทกุ สง่ิ เปน็ เรอ่ื งของเวลาเทา่ นน้ั แนวคดิ เชงิ
วตั ถนุ ยิ ม (Materialism) และแนวนยิ ตั นิ ยิ ม (Determinism) น้ี ไมเ่ หลอื พน้ื ท่ี
ไวส้ �ำ หรบั พระเจา้ อกี ตอ่ ไป สง่ิ เดยี วทม่ี คี วามหมาย คอื สง่ิ ทม่ี นษุ ยม์ องเหน็ ดว้ ย
ตาและจับต้องได้ ส่งิ อ่นื ๆ นอกเหนือจากน้นั เป็นเพียงมโนภาพ ผลลัพธ์คือ

17

ความเปน็ ปฏปิ กั ษท์ างความเชอ่ื โดยทว่ั ไปในแวดวงชน้ั สงู การตดั สนิ ใจผดิ พลาด
ของศาสนจกั รในกรณขี องกาลเิ ลโอกก็ อ่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ ปฏปิ กั ษท์ างความเชอ่ื
เชน่ กนั กาลเิ ลโอกลา่ ววา่ ดวงอาทติ ยค์ อื ศนู ยก์ ลางของโลก และโลกหมนุ รอบ
ดวงอาทติ ย์ ทวา่ ศาสนจกั รไดโ้ ตแ้ ยง้ และยนื ยนั ความเชอ่ื ทเ่ี คยมแี ตเ่ ดมิ นน่ั คอื
โลกเป็นศูนย์กลางของทุกส่งิ กาลิเลโอถูกส่งั ห้ามไม่ให้สอนและต้องใช้ชีวิตท่ี
เหลอื อยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ สอดสอ่ งของคณะสงฆแ์ หง่ วาตกิ นั ในคฤหาสนใ์ กล้
นครฟลอเรนซ์ ส�ำ หรบั กรณขี องกาลเิ ลโอ จะไดก้ ลา่ วถงึ อยา่ งละเอยี ดในบทตอ่
ไป

ยง่ิ กวา่ นน้ั กลมุ่ คนทเ่ี ปน็ ปฏปิ กั ษท์ างความเชอ่ื ยงั น�ำ ทฤษฎวี วิ ฒั นาการของ
ดารว์ นิ มาตคี วามอยา่ งผดิ ๆ จนผคู้ นพากนั เชอ่ื วา่ พระเปน็ เจา้ ไมม่ ตี วั ตนอยจู่ รงิ
ดาร์วินเพียงต้องการแสดงให้เห็นว่า วิวัฒนาการของชีวิต ซ่ึงก็รวมถึง
ววิ ฒั นาการของมนษุ ยน์ น้ั ตง้ั อยบู่ นพน้ื ฐานของเหตบุ งั เอญิ การตคี วามผดิ ยงั
น�ำ ไปสคู่ วามคดิ ทว่ี า่ หากบางสง่ิ บางอยา่ งเกดิ ขน้ึ อยา่ งบงั เอญิ แลว้ กย็ อ่ มไมม่ ี
แผนการอะไรอยเู่ บอ้ื งหลงั และไมม่ อี งคพ์ ระเปน็ เจา้ ผวู้ างแผนการนน้ั ดว้ ยเชน่
กนั ส�ำ หรบั เรอ่ื งววิ ฒั นาการ จะกลา่ วถงึ อยา่ งละเอยี ดในบทท่ี 2

วธิ กี ารคดิ แบบเครอ่ื งจกั รกลของศตวรรษท่ี 19 ไดส้ ง่ ผลตอ่ มนษุ ยใ์ นยคุ น้ี
มนษุ ยก์ ลายเปน็ เครอ่ื งจกั รทส่ี รา้ งขน้ึ จากสว่ นประกอบงา่ ยๆ ไดแ้ ก่ อะตอมกบั
โมเลกุลท่เี อามาประกอบเข้าด้วยกันให้ถูกท่ถี ูกทาง เพ่อื ให้เคร่อื งจักรทำ�งาน
และตามหลกั ปรชั ญาของยคุ ฟน้ื ฟศู ลิ ปวทิ ยาแลว้ จติ วญิ ญาณกถ็ อื เปน็ ผลติ ผล
ของสมองดว้ ย คอื เปน็ ผลผลติ ทางวตั ถุ แตค่ �ำ สอนในครสิ ตศ์ าสนาระบวุ า่ จติ
วญิ ญาณอยเู่ หนอื วตั ถุ

ในยคุ ฟน้ื ฟศู ลิ ปวทิ ยา นกั คดิ จ�ำ นวนมากมองวา่ ลทั ธอิ เทวนยิ มเปน็ เงอ่ื นไข
จ�ำ เปน็ ทช่ี ว่ ยขบั เคลอ่ื นความเปน็ วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งแทจ้ รงิ นกั คดิ เหลา่ นเ้ี หน็ วา่
หากน�ำ พระเจา้ เขา้ มาขอ้ งเกย่ี ว วทิ ยาศาสตรค์ งตอ้ งพบจดุ จบเปน็ แน่ เวน้ เสยี
แตจ่ ะถอื วา่ พระเจา้ ไมม่ อี ยจู่ รงิ จงึ จะสามารถคน้ ควา้ เรอ่ื งกลไกในธรรมชาตโิ ดย
วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ งอสิ ระ แตจ่ ากประวตั ศิ าสตรท์ ผ่ี า่ นมา กลบั แสดง

18

ใหเ้ หน็ สง่ิ ตรงขา้ ม นกั คน้ พบผยู้ ง่ิ ใหญแ่ ทบทกุ คนผวู้ างหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์
อยา่ งมรี ะบบ ลว้ นแตศ่ รทั ธาในองคพ์ ระเปน็ เจา้ นกั วทิ ยาศาสตรเ์ หลา่ นน้ั ไมไ่ ด้
จ�ำ ใจท�ำ การคน้ ควา้ ทดลอง แมว้ า่ จะเชอ่ื ในพระเจา้ แตท่ พ่ี วกเขาท�ำ การคน้ ควา้
ทดลอง กเ็ พราะเชอ่ื ในพระเจา้ ตา่ งหาก นกั วทิ ยาศาสตรเ์ หลา่ นน้ั คน้ ควา้ ทดลอง
เพราะเช่อื ว่าสามารถสัมผัสถึงแผนการขององค์พระผ้เู ป็นเจ้าซ่งึ ซ่อนอย่เู บ้อื ง
หลงั สจั จะอนั งดงามยง่ิ ใหญโ่ ดยอาศยั ประสาทสมั ผสั ทง้ั หา้ ได้ ซง่ึ นน่ั เปน็ แผนการ
ทส่ี �ำ คญั กวา่ ยง่ิ ใหญก่ วา่ และสงู สง่ กวา่ เมอ่ื เทยี บกบั ความจรงิ ทเ่ี ปน็ เพยี งเปลอื ก
นอก ส�ำ หรบั นกั วทิ ยาศาสตรเ์ หลา่ น้ี โลกทเ่ี กดิ จากเหตบุ งั เอญิ โดยปราศจากจดุ
ประสงคแ์ ละความหมาย อยา่ งทพ่ี วกอเทวนยิ มพยายามโฆษณาชวนเชอ่ื คง
เปน็ สง่ิ ทไ่ี มค่ วรคกู่ บั การคน้ ควา้ วจิ ยั แมแ้ ตน่ อ้ ย

ถงึ แมท้ ฤษฎสี มั พนั ธภาพ ฟสิ กิ สค์ วอนตมั และจกั รวาลวทิ ยาของศตวรรษ
ท่ี 20 จะท�ำ ใหล้ ทั ธวิ ตั ถนุ ยิ มเชงิ วทิ ยาศาสตร์ {ลทั ธวิ ตั ถนุ ยิ มเชงิ วทิ ยาศาสตร์
แสดงถงึ หลกั ปรชั ญาในศตวรรษ 19 ทม่ี จี ดุ ยนื ตรงขา้ มกบั โลกทศั นท์ างครสิ ต์
ศาสนา ผนู้ ยิ มลทั ธทิ ม่ี ชี อ่ื เสยี ง ไดแ้ ก่ ลดุ วคิ บคึ ชเ์ นอร์ (Ludwig B chner)
คารล์ โฟกท์ (Carl Vogt) และยาคอ็ บ โมเลชอ็ ท (Jakob Moleschott)} กบั
ลทั ธนิ ยิ ตั นิ ยิ มทางวตั ถขุ องยคุ ฟน้ื ฟศู ลิ ปวทิ ยา กลายเปน็ เรอ่ื งเหลวไหลไรส้ าระ
กจ็ รงิ แตท่ กุ วนั น้ี มใี ครรเู้ รอ่ื งเกย่ี วกบั ฟสิ กิ สส์ มยั ใหมด่ พี อบา้ ง

แวรเ์ นอร์ ไฮเซนแบรก์ (Werner Heisenberg) นกั ฟสิ กิ สค์ วอนตมั เจา้ ของ
รางวลั โนเบลปี 1932 ไดก้ ลา่ วถงึ ทม่ี าของกระแสอเทวนยิ มในหมชู่ นชน้ั ผมู้ กี าร
ศึกษาของยุคฟ้ืนฟูศิลปวิทยาอย่างตรงประเด็นว่า “จิบแรกจากถ้วยของ
วทิ ยาศาสตรท์ �ำ ใหเ้ รากลายเปน็ ผไู้ มเ่ ชอ่ื พระเจา้ ทวา่ พระองคท์ รงรอเราอยทู่ ก่ี น้
ถว้ ย”3

ตามความเหน็ ของผเู้ ขยี น การจบิ น�ำ้ จากถว้ ยของวทิ ยาศาสตร์ เปน็ เหตผุ ล
หนง่ึ ทท่ี �ำ ใหค้ วามเชอ่ื ของมนษุ ยป์ จั จบุ นั ในโลกศวิ ไิ ลซต์ กต�ำ่ ลง คนทม่ี กี ารศกึ ษา

3Zit. in Dr. Herbert Madinge, Wunder der Schӧpfung, Seite 26/27. Kath. Glaubensinformation 2008,
Erydiӧzese Wien

19

ในยคุ นไ้ี ดร้ บั การปลกู ถา่ ยความรทู้ างวทิ ยาศาสตรจ์ ากยคุ ศตวรรษท่ี 18 และ
19 และกำ�ลังตกอย่ใู นสถานการณ์เดียวกันกับชนช้นั สูงผ้มู ีการศึกษาแห่งยุค
ฟน้ื ฟศู ลิ ปวทิ ยา ความรขู้ องพวกเขามพี อถงึ ระดบั ทว่ี า่ จะเชอ่ื วา่ โลกเปน็ จรงิ
อยา่ งนน้ั หรอื อยา่ งนไ้ี ด้ กเ็ ฉพาะทต่ี ามองเหน็ เทา่ นน้ั และยงั กงั ขาในเรอ่ื งความ
เชอ่ื ตอ่ องคพ์ ระเปน็ เจา้ ดว้ ย

คนกลมุ่ นม้ี กั คดิ เหน็ วา่ ทกุ สง่ิ ลว้ นสรา้ งขน้ึ มาได้ และคาดคะเนได้ พวกเขา
มน่ั ใจกบั เครอ่ื งยนตก์ ลไกทน่ี �ำ มาใชง้ าน แตก่ ลบั ไมร่ วู้ า่ มนั ท�ำ งานไดอ้ ยา่ งไร
และเพราะเหตใุ ด (เชน่ ผเู้ ขยี นจะดใี จมากถา้ รวู้ า่ ตอ้ งกดปมุ่ ไหนบนคอมพวิ เตอร์
เพอ่ื ใหม้ นั ท�ำ งาน แตผ่ เู้ ขยี นกไ็ มร่ วู้ า่ มนั ท�ำ งานไดอ้ ยา่ งไร หรอื เพราะเหตใุ ด)
ในโลกอนั ศวิ ไิ ลซ์ เราใชง้ านเครอ่ื งยนตก์ ลไกทม่ี คี วามกา้ วหนา้ ล�ำ้ ยคุ ถงึ ประมาณ
80-90 เปอรเ์ ซนต์ โดยไมร่ จู้ รงิ ๆ เลยวา่ เครอ่ื งยนตเ์ หลา่ นน้ั ท�ำ งานไดอ้ ยา่ งไร
และเพราะเหตใุ ด ทกุ วนั น้ี คนทว่ั ไปมกั ใหค้ วามไวใ้ จเครอ่ื งยนตก์ ลไกมากกวา่
สว่ นการไวว้ างใจในพระเจา้ เปน็ สง่ิ ทเ่ี กนิ ความจ�ำ เปน็

ลกู หลานและเยาวชนของเรา สว่ นใหญเ่ ตบิ โตในครอบครวั ทข่ี าดการอบรม
บม่ เพาะทางความเชอ่ื ผเู้ ปน็ พอ่ แมม่ กั อา้ งวา่ ตอ้ งการใหล้ กู ตดั สนิ ใจเลอื กทจ่ี ะ
เชอ่ื ดว้ ยตวั เอง เมอ่ื เขาโตเปน็ ผใู้ หญ่ แตว่ ยั รนุ่ จะตดั สนิ ใจเชอ่ื พระเจา้ ไดอ้ ยา่ งไร
หากเขายงั ไมเ่ คยเรยี นรเู้ รอ่ื งความเชอ่ื นน้ั มากอ่ น และไมเ่ คยประสบกบั สง่ิ นน้ั
ในครอบครวั ของตวั เอง วยั รนุ่ ทกุ วนั นถ้ี กู บบี ใหต้ อ้ งปรบั ตวั เขา้ กบั เครอ่ื งจกั รกล
ทพ่ี ฒั นารดุ หนา้ อยา่ งรวดเรว็ โดยพระเจา้ ไมม่ บี ทบาทส�ำ คญั เลย สง่ิ ทว่ี ยั รนุ่ จะ
ตอ้ งเรยี นรู้ เพอ่ื ใหม้ ศี รทั ธาในพระเจา้ กค็ อื ขอ้ สนบั สนนุ ในเรอ่ื งหลกั ขอ้ เชอ่ื และ
การทรงพระชนมอ์ ยขู่ ององคพ์ ระเปน็ เจา้ รวมทง้ั ในชน้ั เรยี นจรยิ ธรรม กต็ อ้ งช้ี
ใหเ้ หน็ ความสอดคลอ้ งระหวา่ งวทิ ยาศาสตรแ์ ละความเชอ่ื ดว้ ยเชน่ กนั

ส�ำ หรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษา เราอาจใชว้ ธิ เี ชอ่ื มโยงการเรยี นวชิ าเฉพาะ
ดา้ นเขา้ กบั วชิ าจรยิ ธรรมได้ เพราะระดบั ความรขู้ องนกั เรยี นมมี ากพอทจ่ี ะเชอ่ื
และเข้าใจข้อสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ท่อี ธิบายถึงการมีอย่ขู องพระเป็นเจ้า
แลว้ แตน่ า่ เสยี ดายทไ่ี มม่ กี ารสอนเรอ่ื งเหลา่ นใ้ี นโรงเรยี น ในแผนการเรยี นการ

20

สอนวิชาจริยธรรมเชิงคริสต์ศาสนา – อย่างน้อยเท่าท่ีผู้เขียนพบเห็นตาม
โรงเรยี นมธั ยมในประเทศออสเตรยี – มเี งอ่ื นไขวา่ เยาวชนจะตอ้ งเปน็ ผเู้ ชอ่ื
แตพ่ อ่ แมผ่ ปู้ กครองกไ็ มไ่ ดส้ นบั สนนุ ครผู สู้ อนจรยิ ธรรมตามโรงเรยี นรฐั บาลใน
เรอ่ื งความเชอ่ื หน�ำ ซ�ำ้ สว่ นใหญก่ ม็ กั จะมคี วามเหน็ ขดั แยง้ กบั ค�ำ สอนของครทู ่ี
สอนจรยิ ธรรมเสยี อกี แมแ้ ตก่ ารเทศนาสง่ั สอนในวนั อาทติ ยท์ โ่ี บสถ์ กไ็ มไ่ ดก้ ลา่ ว
ถงึ ขอ้ สนบั สนนุ ทางความเชอ่ื ถงึ แมก้ ารเทศนาสง่ั สอนจะตอ้ งอาศยั ความเชอ่ื
เปน็ พน้ื ฐานเชน่ กนั อกี ทง้ั ผทู้ ไ่ี ปโบสถใ์ นวนั อาทติ ยส์ ว่ นใหญม่ กั เปน็ ชาวครสิ ต์
ตามประเพณี แตก่ ม็ คี นอกี ไมน่ อ้ ยทแ่ี สวงหาค�ำ ตอบ และมกั เปดิ ใจยอมรบั ขอ้
สนบั สนนุ ใหมๆ่ ทจ่ี ะชว่ ยยนื ยนั ความถกู ตอ้ งในหลกั ขอ้ เชอ่ื

ปจั จบุ นั เราพบเหน็ สถานการณท์ ว่ี า่ ผทู้ ไ่ี มไ่ ดเ้ ปน็ บาทหลวงหรอื อาจารย์
ก็มีส่วนร่วมในการประกาศความเช่ือเช่นกัน บาทหลวงปฏิบัติหน้าท่ีทาง
พธิ กี รรมในโบสถแ์ ละปรนนบิ ตั ผิ เู้ ชอ่ื และพวกเราผเู้ ชอ่ื กม็ หี นา้ ทต่ี อ่ โลก คอื น�ำ
พระเยซคู รสิ ตเ์ ขา้ มาในโลก มาสสู่ งั คมและทท่ี �ำ งานของเรา อยา่ งไรกด็ ี เพอ่ื ให้
สามารถปฏิบัติหน้าท่ดี ังกล่าวได้ครบถ้วน ผ้เู ช่อื จะต้องมีข้อสนับสนุนสำ�หรับ
ความเชอ่ื ซง่ึ ผเู้ ขยี นไดบ้ รรยายไวใ้ นหนงั สอื เลม่ นแ้ี ลว้

Credits: Miguel Claro

ทางชา้ งเผอื ก
รปู ถา่ ยพาโนรามา 360 องศา ถา่ ยจากอทุ ยานแหง่ ชาติ เดธ วลั เลย์

21

1.2 การแบง่ แยกระหวา่ งวทิ ยาศาสตรก์ บั ความเชอ่ื

ในช่วงศตวรรษท่ี 19 และ ศตวรรษท่ี 20 มีการเรียกร้องให้แบ่งแยก
วทิ ยาศาสตรก์ บั ความเชอ่ื ถอื ศรทั ธาจากกนั อยา่ งชดั เจน เพอ่ื หลกี เลย่ี งปญั หา
การเลือกขา้ ง ขอ้ เสนอดังกลา่ วส่งผลอันเลวร้าย อีกทง้ั การแบ่งแยกคร้งั น้ยี ัง
กลายเป็นเคร่ืองมือสนับสนุนฝ่ายอเทวนิยมท่ียืนกรานในทรรศนะของตนว่า
ความเชอ่ื ถอื ศรทั ธา กค็ อื ความงมงายและเปน็ ปฎปิ กั ษต์ อ่ การใชเ้ หตผุ ล

ในการประชุมโซลเวย์อันเล่ืองช่ือ (การประชุมพบปะระหว่างนักวิทยา
ศาสตร์ระดับแนวหน้าในยุคน้ัน) เม่ือปี 1927 โวล์ฟกัง เพาลี (Wolfgang
Pauli) นกั ฟสิ กิ สค์ วอนตมั เจา้ ของรางวลั โนเบลไดแ้ สดงความเหน็ ระหวา่ งการ
ปราศรยั กบั แวรเ์ นอร์ ไฮเซนแบรก์ (Werner Heisenberg) นกั ฟสิ กิ สค์ วอนตมั
เจา้ ของรางวลั โนเบลอกี ทา่ นหนง่ึ ดงั น้ี

“ทจ่ี รงิ แลว้ การแบง่ แยกระหวา่ งความรกู้ บั ความเชอ่ื เปน็ เรอ่ื ง
ฉกุ เฉนิ ทก่ี ระท�ำ ในเวลากระชน้ั ชดิ ในอนาคตอนั ใกล้ สง่ิ ทจ่ี ะเกดิ
ขน้ึ กบั วถิ วี ฒั นธรรมตะวนั ตก อยา่ งเชน่ หลกั ค�ำ สอนและการอบรม
ตามแนวทางศาสนาในอดตี เหลา่ นจ้ี ะเสอ่ื มความนยิ มเลอ่ื มใสลง
รวมทง้ั ในกลมุ่ ชาวบา้ นทว่ั ๆ ไปดว้ ย ซง่ึ ผมเกรงวา่ จะท�ำ ใหห้ ลกั
คณุ ธรรมจรยิ ธรรมในอดตี พลอยเสอ่ื มทรามไปดว้ ย และน�ำ มาซง่ึ
ความเลวรา้ ยชนดิ คาดไมถ่ งึ เลยทเี ดยี ว”4
แวรน์ แฮร์ ฟอรน์ เบราน์ (Wernher von Braun) นกั ฟสิ กิ สแ์ ละผเู้ ชย่ี วชาญ
ดา้ นขปี นาวธุ กลา่ ววา่ “การหนั มาศรทั ธาในพระเจา้ เทา่ นน้ั จะชว่ ยใหเ้ กดิ การ
เปล่ียนแปลงในทางท่ีดี คือช่วยกู้โลกเราให้รอดพ้นหายนะ เพราะท่ีจริง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละความเชอ่ื มคี วามเปน็ ภราดรภาพมากกวา่ จะเปน็ ปฏปิ กั ษก์ นั ”5

4Pauli, Wolfgang im Gespräch mit Heiselberg anlässlich der Solvay-Konferenz in Brüssel (1927); Aus
Physikalische Blätter, Juli 1970, Heft 7
5Zit. in www.gott.es/bekenntnisse.htm und www.priesternetzwerk.net;

22

ทกุ วนั นเ้ี หน็ ไดช้ ดั วา่ ถอ้ ยค�ำ ดงั กลา่ วท�ำ นายไวอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง การขดี เสน้
แบง่ ระหวา่ งวทิ ยาศาสตรแ์ ละความเชอ่ื ไดน้ �ำ ไปสกู่ ารกระท�ำ ทก่ี า้ วพน้ ขอบเขต
ทางจรยิ ธรรมอยา่ งตอ่ เนอ่ื งในนามของวทิ ยาศาสตร์ ความเจรญิ กา้ วหนา้ และ
เสรภี าพในการคน้ ควา้ เราทราบดวี า่ สง่ิ ใดบา้ งทเ่ี ปน็ ภยั ตอ่ ทารกทง้ั ในดา้ นพนั ธุ
วศิ วกรรม ชวี วทิ ยาของเซลล์ และอณชู วี วทิ ยา ความเสอ่ื มทรามทางสงั คมยงั
น�ำ ไปสกู่ ารท�ำ แทง้ สว่ นการครา่ ชวี ติ ทไ่ี มส่ รา้ งความเจบ็ ปวด ไดก้ ลายเปน็ การ
กระท�ำ ทถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมาย การเหน็ คณุ คา่ ของชวี ติ เรม่ิ เสอ่ื มถอยลง ผคู้ น
หนั ไปใหค้ ณุ คา่ กบั วตั ถแุ ละสง่ิ ทใ่ี ชใ้ นการทดลองมากขน้ึ หากวา่ การทดลองทาง
วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื เพม่ิ พนู ความมง่ั คง่ั และคณุ ภาพชวี ติ เปน็ เรอ่ื งส�ำ คญั แลว้ เรา
กย็ ง่ิ ตอ้ งรบี น�ำ วทิ ยาศาสตรก์ บั การทดลองกลบั เขา้ สบู่ รบิ ททางศลี ธรรมอยา่ งเรง่
ดว่ น เราควรรบี ยตุ คิ วามไมล่ งรอยกนั ระหวา่ งวทิ ยาศาสตรก์ บั ความศรทั ธา โดย
ใหข้ อ้ มลู ทเ่ี ปน็ ผลลพั ธจ์ ากฟสิ กิ ส์ ประสาทวทิ ยา การวจิ ยั เกย่ี วกบั สมอง ชวี วทิ ยา
แขนงตา่ งๆ ตลอดจนจติ วทิ ยายคุ ใหมเ่ หลา่ นแ้ี กผ่ คู้ น เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจใน
สงั คมวงกวา้ ง จติ วทิ ยาในยคุ ศตวรรษท่ี 20 และ 21 น้ี คงจะเดนิ ตอ่ ไปไมไ่ ด้
หากปราศจากมโนคตเิ กย่ี วกบั พระเจา้ ตลอดจนการแบง่ ออกเปน็ รา่ งกาย จติ ใจ
และวญิ ญาณ ในการทดลองทางสมองยคุ ใหม่ กม็ กี ารใชค้ �ำ ศพั ทส์ ามค�ำ นเ้ี ชน่
กนั แมแ้ ตฟ่ สิ กิ สค์ วอนตมั กม็ กี ารใชค้ �ำ วา่ วญิ ญาณเปน็ ค�ำ พน้ื ฐาน อนั บง่ บอก
ถงึ พลงั อ�ำ นาจแหง่ การสรา้ งสรรจกั รวาลนน่ั เอง (ดเู พม่ิ เตมิ บทท่ี 2.8 จนถงึ บท
ท่ี 2.10)

พระเจา้ ไมไ่ ดส้ รา้ งโลกสองใบทแ่ี ตกตา่ งกนั เพอ่ื ใหเ้ ปน็ โลกของศาสนาอนั
เครง่ ครดั ใบหนง่ึ กบั โลกทางวทิ ยาศาสตรอ์ กี ใบ โดยทง้ั สองไมอ่ าจรวมเขา้ ดว้ ย
กันได้ น่ันคล้ายคลึงกับการท่ีผู้เขียนจะปฏิบัติตนเป็นคริสตศาสนิกชนท่ีดี
เครง่ ครดั ในหลกั ค�ำ สอนเฉพาะวนั อาทติ ย์ แตพ่ อถงึ วนั จนั ทร์ ผเู้ ขยี นกจ็ ะผละ
จากความเชอ่ื เพอ่ื ไปท�ำ งานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ ซง่ึ กท็ �ำ ไมไ่ ดเ้ หมอื นกนั จี มาร-์
โคนี (G. Marconi) นกั ฟสิ กิ ส์ เจา้ ของรางวลั โนเบลชาวอติ าลี (1874-1937)
หนง่ึ ในนกั วทิ ยาศาสตรค์ นแรกๆ ทก่ี ลา้ ออกมาปฏเิ สธการแบง่ เปน็ สองขว้ั และ

23

ไดป้ ระกาศในทส่ี าธารณะวา่ “ผมขอประกาศตนอยา่ งภาคภมู วิ า่ ผมเปน็ ผเู้ ชอ่ื
และมศี รทั ธา ผมเชอ่ื ในพลงั อ�ำ นาจของการอธษิ ฐาน ผมไมไ่ ดศ้ รทั ธาในฐานะ
ทเ่ี ปน็ คาทอลกิ เทา่ นน้ั แตย่ งั ศรทั ธาในฐานะทเ่ี ปน็ นกั วทิ ยาศาสตรด์ ว้ ย”6

หนา้ ทข่ี องเราคอื คน้ หาจดุ เชอ่ื มโยงระหวา่ งความเชอ่ื ศรทั ธากบั หลกั เหตผุ ล
ในทางกลบั กนั กต็ อ้ งคน้ หาวา่ องคค์ วามรทู้ กุ ชนดิ ทไ่ี ดจ้ ากวทิ ยาศาสตร์ มคี วาม
สมั พนั ธก์ บั ความเชอ่ื ความศรทั ธาอยา่ งไร วทิ ยาศาสตรไ์ มเ่ พยี งเปดิ เผยถงึ ความ
ยง่ิ ใหญแ่ ละวจิ ติ รตระการตาของพระผสู้ รา้ งเทา่ นน้ั แตย่ งั แสดงถงึ ความยง่ิ ใหญ่
และสงา่ ราศขี องพระผสู้ รา้ งอยา่ งชดั แจง้ ในพระธรรมโรม 1 : 20 ระบวุ า่ ตง้ั แต่
เรม่ิ สรา้ งโลกมานน้ั สภาพของพระเจา้ ซง่ึ ตามนษุ ยม์ องไมเ่ หน็ คอื ฤทธานภุ าพ
อนั ถาวรและเทวสภาพของพระองค์ กไ็ ดป้ รากฏชดั ในสรรพสง่ิ ทพ่ี ระองคไ์ ดท้ รง
สรา้ ง ซง่ึ วทิ ยาศาสตรย์ คุ ใหมไ่ ดย้ นื ยนั แลว้ วา่ ค�ำ กลา่ วของอคั รทตู เปาโลถกู ตอ้ ง
(ดบู ทท่ี 3)

1.3 มลู เหตจุ ากกาลเิ ลโอ

คดีพิพาทของกาลเิ ลโอ ไม่ใช่การทำ�สงครามระหว่างศาสนจักรกับวิทยา
ศาสตร์ อยา่ งทฝ่ี า่ ยผวู้ จิ ารณศ์ าสนจกั รมกั น�ำ เสนอ แตเ่ ปน็ สงครามระหวา่ งนกั
ปรชั ญาส�ำ นกั อรสิ โตเตลิ กบั กาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี (Galileo Galilei,1564-1642)
ตัวแทนของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากกว่า กาลิเลโอถูกศาสนจักรตามไล่ล่า
สาเหตสุ �ำ คญั เพราะเขาบงั อาจตง้ั ขอ้ สงสยั ในค�ำ สอนของอรสิ โตเตลิ และสานศุ ษิ ย์
โดยใชข้ อ้ โตแ้ ยง้ ทางวทิ ยาศาสตร์ ส�ำ หรบั อรสิ โตเตลิ แลว้ โลกคอื จดุ ศนู ยก์ ลาง
แหง่ จกั รวาล ซง่ึ ศาสนจกั รกร็ บั เอาโลกทศั นน์ ไ้ี ว้ ขณะทก่ี าลเิ ลโอน�ำ เสนอโลก
ทศั นแ์ บบใหม่ ซง่ึ ขดั แยง้ กบั ของศาสนจกั รอยา่ งสดุ ขว้ั ทวา่ กาลเิ ลโอไมใ่ ชค่ น
แรกทเ่ี หน็ วา่ โลกมรี ะเบยี บแบบแผน นโิ คเลาส์ โคเปอรน์ คิ สั (Nikolaus Koper-
nikus, 1473-1543) สตั บรุ ษุ และผรู้ กั ษาพระธรรมวนิ ยั แหง่ เมอื งเฟราเอนบวรก์
(หรอื ฟรอมบอร์ค ปจั จุบนั อย่ใู นประเทศโปแลนด์) ตลอดจนผเู้ ชย่ี วชาญด้าน

6Zitatensammlung von Reinhard Frisch: www.moeff.de

24

กฎหมาย แพทย ์ คณติ ศาสตร ์ และดาราศาสตร ์ โคเปอรน์ คิ สั ไดแ้ สดงโลกทศั น์
ทส่ี นบั สนนุ วา่ ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ศนู ยก์ ลางของจกั รวาล แตเ่ ขานาำ เสนอสมมตฐิ าน
อยา่ งระมดั ระวงั ไมไ่ ดเ้ รยี กรอ้ งใหค้ นยอมรบั วา่ เปน็ เรอ่ื งจรงิ รอ้ ยเปอรเ์ ซนต ์ ซง่ึ
ตรงข้ามกับกาลิเลโอ ท่าทีหย่ิงผยองกับความไม่ยอมประนีประนอมของ
กาลเิ ลโอ บวกกบั ความรษิ ยาของเพอ่ื นรว่ มงาน และศาสตราจารยท์ างปรชั ญา
อกี หลายคน ไดน้ าำ ไปสกู่ ารไลล่ า่ ตวั เขาในทส่ี ดุ กาลเิ ลโอตอ้ งการเพยี งใหว้ ทิ ยา
ศาสตรเ์ ปน็ ทเ่ี ขา้ ใจมากขน้ึ เขาจงึ ไดบ้ นั ทกึ ผลงานไวเ้ ปน็ ภาษาอติ าเลยี น ไมใ่ ช่
ภาษาละติน ซ่ึงทำาให้เหล่านักปราชญ์ในยุคของเขาพากันดูถูก ไม่ยอมรับ
กาลเิ ลโอมกั จะเยาะเยย้ ผไู้ มค่ ดิ เหน็ คลอ้ ยตามดว้ ยคาำ พดู เจบ็ แสบ แมเ้ ขาจะได้
รบั การหนนุ หลงั จากพระสนั ตะปาปาเออรบ์ นั ทแ่ี ปด และรจู้ กั สนทิ สนมกบั ทา่ น
เปน็ อยา่ งด ี เขากต็ แี ผค่ วามเหน็ ของสนั ตะปาปาผา่ นตวั ละครชายหนมุ่ โงท่ ม่ึ นาม
วา่ ซมิ พลซิ สิ สมิ สั (ปญั ญาทบึ ) ไวใ้ นหนงั สอื “บทสนทนาวา่ ดว้ ยโลกสองระบบ”
แรงกดดันจากฝ่ังคาทอลิก บวกกับคำาเย้ยหยันจากฝ่ังอีแวนเจลิก ทำาให้
สนั ตะปาปาตดั สนิ ใจใชอ้ าำ นาจในการทาำ ปพั พาชนยี กรรม (หมายถงึ การลงโทษ
พระนักบวชท่ีกระทำาผิด โดยขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ – ผู้แปล) เพ่ือให้
กาลเิ ลโอหบุ ปากเสยี อยา่ งไรกต็ าม เขาไมเ่ คยถกู เขา้ เครอ่ื งทรมาน เพยี งแตถ่ กู
กกั บรเิ วณใหใ้ ชช้ วี ติ สว่ นทเ่ี หลอื ในคฤหาสนแ์ ละบา้ นพกั หรหู ราของเพอ่ื นฝงู

ทกุ วนั น ้ี เราไมจ่ าำ เปน็ ตอ้ งถกเถยี งวา่ โลกหรอื ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ จดุ ศนู ยก์ ลาง
ของจกั รวาลอกี เพราะหวั ขอ้ นล้ี า้ สมยั ไปนานแลว้ วทิ ยาศาสตรส์ มยั ใหมเ่ หน็
พอ้ งกบั แนวคดิ ทง้ั สองวา่ ถกู ตอ้ ง ในทางดาราศาสตรย์ นื ยนั วา่ ระบบดาวเคราะห์
ของเรามดี วงอาทติ ย์เปน็ ศนู ย์กลาง แต่ในทางจักรวาลวิทยาแลว้ โลก (และ
ตาำ แหนง่ อ่นื ใดกต็ ามในจกั รวาล) ถอื เปน็ ศูนย์กลางของจักรวาล แนวคดิ ทาง
จกั รวาลวทิ ยาชใ้ี หเ้ หน็ วา่ ตาำ แหนง่ ทกุ ๆ ตาำ แหนง่ ในอวกาศจะอยหู่ า่ งไกลกนั
ตามลกั ษณะการขยายตวั ออก เชน่ เดยี วกบั ตาำ แหนง่ บนลกู บอลลนู ทพ่ี องออก
ทุกตำาแหน่งก็คือศูนย์กลางของการขยายตัว และถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของ
ระบบสรุ ยิ จกั รวาล ซง่ึ รวมถงึ โลกของเราดว้ ย

25

เจา้ จะแสวงหาเราและพบเรา
เมอ่ื เจา้ แสวงหาเราดว้ ยสน�ิ สดุ ใจของเจา้
เพอ่ื จะใหอ้ นาคตและความหวงั แกเ่ จา้

เรย� บเรย� งจาก เยเรมยี ์ 29:11;13-14

ชวนตดิ ตามเเละตอกยาํ้ ความเชอ่ื เรอ่ื งพระเจา
เเมจ ะถา ยทอดดว ยขอ มลู วทิ ยาศาสตร เเตไ มย าก
เกนิ ความเขา ใจ เเนะนาํ อยา งยง�ิ คะ โดยเฉพาะใน
ยุคท่เี ทคโนโลยีดึงความสนใจของเราจากศาสนา
ไดง า ยดายเเบบน้�

คณุ ชน่ื จติ เจรญิ พงศช ยั
ผปู ระกาศขา ว PPTVHD36

thai.bible ÃÒ¤Ò 250 ºÒ·

ISBN : 978-616-339-147-6

ÊÁÒ¤Á¾ÃФÃÊÔ µ¸ÃÃÁä·Â

319/52-55 ถ.วภิ าวดีรังสิต สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท 0-2279-8341 โทรสาร 0-2616-0517 www.thai.bible
Email : [email protected] Line : @thaibible.line


Click to View FlipBook Version