ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบตั ิของสารพันธุกรรม 1
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบตั ขิ องสารพันธุกรรม 2
คำนำ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรอ่ื ง ยนี และโครโมโซม จัดทาขึ้นเพ่ือใช้ประกอบกิจกรรมการจัดการ
เรยี นรู้รายวิชาชีววิทยา 2 รหัสวชิ า ว30242 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้
เล่มนี้ เป็นเอกสารที่เน้นผูเ้ รียนเปน็ สาคัญ ซ่งึ นกั เรียนสามารถศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ผู้จัดทา
ได้จัดทาข้ึนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เอกสารประกอบการ
เรียนเล่มนี้ ประกอบด้วย ใบความรู้ ใบกิจกรรม แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน และมี
ภาพประกอบที่ชัดเจน ตรงตามเน้ือหา ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ มจี านวน 6 เล่ม ประกอบด้วย
ชดุ กจิ กรรมที่ 1 การถา่ ยทอดยนี และโครโมโซม
ชดุ กจิ กรรมท่ี 2 การค้นพบสารพนั ธกุ รรม
ชุดกิจกรรมท่ี 3 โครโมโซม
ชุดกจิ กรรมท่ี 4 องค์ประกอบและโครงสรา้ งทางเคมีของ DNA
ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธุกรรม
ชดุ กจิ กรรมท่ี 6 มวิ เทชนั
ในชุดกิจกรรมเล่มน้ีเป็นชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพันธุกรรม โดยมีเนื้อหาเก่ียวกับ
กระบวนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ กระบวนการสังเคราะห์โปรตีน โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนเกิดการฝึกฝน
และพัฒนาความรู้ ความเข้าใจความสามารถในการอธิบายเก่ียวกับกระบวนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ
กระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตีน
ชุดกิจกรรมนี้ประกอบด้วยคาแนะนาในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้
ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้
ใบกิจกรรม แบบทดสอบหลังเรียน ใบเฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน ครูผู้สอนและ
ผู้สนใจโดยท่ัวไป ส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจ สนใจที่จะเรียนรู้ มีความมุ่งมั่นและมีความสุข
ในการศึกษาค้นควา้ ทางดา้ นวชิ าชีววทิ ยาต่อไป
วันชยั นราวงษ์
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบตั ขิ องสารพันธุกรรม 3
สำรบัญ
คานา……………………………………………………………………………………………………………………. หนา้
สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………… ก
สารบญั ตาราง...................................................................................................................... ข
สารบัญภาพ......................................................................................................................... ง
ผงั มโนทัศนช์ ุดกิจกรรมการเรยี นรเู้ ร่ือง ยนี และโครโมโซม…………………………………………… จ
ผงั มโนทศั นเ์ ร่ือง ยนี และโครโมโซม………………………………………………………………………….. 1
คาชแี้ จง……………………………………………………………………………………………………………….. 2
คาแนะนาในการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้………………………………………………………………… 3
มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้………………………………………. 4
แบบทดสอบก่อนเรยี น......................................................................................................... 5
กระดาษคาตอบ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น.............................................................................. 6
ใบความรู้ท่ี 5.1 การสังเคราะห์ดีเอน็ เอ.............................................................................. 9
ใบกิจกรรมที่ 5.1.1 การสังเคราะหด์ ีเอน็ เอ......................................................................... 10
ใบกจิ กรรมท่ี 5.1.2 โดมโิ นการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ.............................................................. 18
ใบกจิ กรรมที่ 5.1.3 รูปแบบการสังเคราะห์ดีเอน็ เอ............................................................ 19
ใบความร้ทู ี่ 5.2 การสังเคราะหโ์ ปรตีน................................................................................ 23
ใบกิจกรรมที่ 5.2.1 การสงั เคราะห์โปรตีน.......................................................................... 25
ใบกจิ กรรมท่ี 5.2.2 รปู แบบการสังเคราะหโ์ ปรตนี ............................................................. 35
แบบทดสอบหลงั เรยี น......................................................................................................... 36
กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรียน................................................................................ 38
บรรณานกุ รม....................................................................................................................... 41
แหลง่ ขอ้ มูลอ้างอิงภาพประกอบ.......................................................................................... 42
ภาคผนวก............................................................................................................................ 43
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน................................................................................................ 47
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น................................................................................................. 48
49
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธกุ รรม 4
สำรบญั (ต่อ)
เฉลยใบกิจกรรมท่ี 5.1.1 การสงั เคราะห์ดเี อ็นเอ................................................................ หนา้
เฉลยใบกิจกรรมที่ 5.1.2 โดมโิ นการสังเคราะหด์ ีเอน็ เอ....................................................... 50
เฉลยใบกิจกรรมที่ 5.2.1 การสงั เคราะหโ์ ปรตนี .................................................................. 51
53
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมที่ 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธกุ รรม 5
สำรบญั ตำรำง
ตารางท่ี หนา้
5-1 ข้อเปรียบเทยี บการสงั เคราะห์ DNA และ RNA…………………………………………… 29
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบตั ขิ องสารพันธุกรรม 6
สำรบัญภำพ
ภาพที่ หน้า
5.1 การแสดงออกของข้อมลู พนั ธกุ รรมผ่านแกนกลางของชวี วทิ ยาโมเลกุล…………… 11
5.2 กระบวนการถอดรหัส และกระบวนการแปลรหสั เพอื่ แปลผลเปน็ โปรตีน........... 12
5.3 สมมตฐิ านการจาลองตัวเองของ DNA................................................................. 13
5.4 การทดลองของ Matthew Meselson และ Franklin Stahl............................. 14
5.5 ลาดบั นวิ คลีโอไทดข์ องดเี อ็นเอสายแม่แบบ และดเี อน็ เอสายใหมท่ ีไ่ ด้จากการ
จาลองตวั ของดเี อ็นเอสายแมแ่ บบ……………………………………………………………… 15
5.6 เอนไซมเ์ ฮลเิ คส โปรตนี ท่ีไปจับกับดเี อนเอสายเด่ียว (SSB) และ
โทโปไอโซเมอเรส (topoisomerase)…………………………………………………………. 16
5.7 รปู แบบและองค์ประกอบตา่ ง ๆ ในการสงั เคราะหด์ เี อน็ เอ................................. 16
5.8 ลกั ษณะเซลล์เมด็ เลอื ดแดงของคนปกตกิ บั เซลลเ์ ม็ดเลือดแดงของคนทเี่ ปน็ โรค
โลหติ จางชนดิ ซกิ เคิลเซลล์................................................................................... 25
5.9 กระบวนการสังเคราะห์ RNA............................................................................... 26
5.10 RNA polymerase นาไรโบนวิ คลีโอไทดท์ ีเ่ หมาะสมมาจับทาให้สาย mRNA
ยาวขึ้น................................................................................................................ 27
5.11 สาย RNA ทสี่ งั เคราะห์เสร็จแล้ว ส่วนดเี อ็นเอจะจับค่กู ันและบิดเปน็ เกลยี ว
เหมือนเดิม………………………………………………………………………………………………. 27
5.12 RNA ชนิดต่างๆ................................................................................................... 28
5.13 รหัสทางพันธุกรรมของมนษุ ย์……………………………………………………………………. 30
5.14 กระบวนการสังเคราะห์ RNA.............................................................................. 31
5.15 tRNA นากรดอะมิโนทีเ่ หมาะสมมาจับบนเสน้ mRNA........................................ 32
5.16 กระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตีนเสร็จสน้ิ เม่ือเจอรหัสหยุด (UAA,UAG,UGA)....... 33
5.17 เปรยี บเทยี บการสังเคราะห์โปรตนี ของโพรคาริโอตกับยูคาริโอต......................... 34
ผงั มโนทศั นช์ ุดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้
เรอื่ งยีนและโครโมโซม
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพันธุกรรม 7
ชุดกจิ กรรมที่ 3 ชดุ กจิ กรรมที่ 4
โครโมโซม องคป์ ระกอบและ
โครงสรำ้ งทำงเคมีของ
DNA
ชดุ กิจกรรมที่ 2 ชุดกจิ กรรมกำร ชุดกิจกรรมท่ี 5
กำรคน้ พบสำร เรยี นรู้เรอื่ ง สมบัติของสำร
พนั ธกุ รรม ยีนและโครโมโซม พันธุกรรม
ชุดกิจกรรมท่ี 1 ชดุ กจิ กรรมท่ี 6
กำรถำ่ ยทอดยีน มวิ เทชัน
และโครโมโซม
ผงั มโนทศั น์
เร่อื งยีนและโครโมโซม
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมที่ 5 สมบัติของสารพันธุกรรม 8
ยีนและโครโมโซม
ควบคุม
กำรถำ่ ยทอดลักษณะทำงพันธกุ รรม
ผา่ นทาง
ดีเอน็ เอ
มี หากเปล่ียนแปลง
รหัสพันธกุ รรม เกิดมิวเทชัน
กำรสังเครำะหโ์ ปรตีน เพอื่ สง่ ผา่ นทาง เกิด
ได้ mRNA เฉพำะจุด
โปรตีนท่ีเป็น โปรตนี เอนไซม์ ประกอบดว้ ย ระดับโครโมโซม
องคป์ ระกอบ
ของเน้อื เย่ือ ควบคมุ พอลนิ ิวคลีโอไทด์ ประกอบดว้ ย
1 สำย
แสดง เมแทบอลซิ ึม พอลินิวคลโี อไทด์ 2 สำย
ประกอบด้วย
สง่ ผลต่อ ประกอบด้วย
ไรโบนิวคลีโอไทด์
ลักษณะสง่ิ มีชีวติ ดีออกซีไรโบนิวคลีโอไทด์
คำช้แี จง
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 สมบตั ิของสารพนั ธุกรรม 9
ชุดกจิ กรรมการเรียนรเู้ รอ่ื ง ยีนและโครโมโซม วิชา ว30242 ชีววทิ ยา 2 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ได้จัดทาขึ้นเพื่อใช้เป็นนวัตกรรมประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการแก้ไขปัญหา
การเรียนรู้วิชาชีววิทยา 2 ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบตามขั้นตอน
การเรียนรู้จากง่ายไปหายาก ซ่ึงนักเรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นผู้แนะนา และ
ใหค้ าปรกึ ษาแก่นกั เรียน
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้เร่อื ง ยนี และโครโมโซม วิชา ว30242 ชวี วทิ ยา 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
เล่มนี้ คอื ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพนั ธกุ รรม ประกอบด้วยสาระทค่ี วรรู้ ดังน้ี
ลำดบั ที่ เร่อื ง
1. ใบความรู้ที่ 5.1 การสังเคราะหด์ ีเอ็นเอ
2 ใบกจิ กรรมท่ี 5.1.1 การสงั เคราะหด์ ีเอน็ เอ
3. ใบกิจกรรมที่ 5.1.2 โดมโิ นการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ
4. ใบความร้ทู ี่ 5.2 การสงั เคราะหโ์ ปรตนี
5. ใบกิจกรรมท่ี 5.2.1 การสังเคราะห์โปรตีน
6 ใบกจิ กรรมที่ 5.2.2 รูปแบบการสงั เคราะห์โปรตีน
คำแนะนำในกำรใช้
ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพนั ธุกรรม 10
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้เรอื่ ง ยนี และโครโมโซม วิชา ว30242 ชีววทิ ยา 2 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
ชุดกจิ กรรมท่ี 5 สมบัตขิ องสารพันธุกรรมเลม่ นี้ มคี าแนะนาในการใช้ดังน้ี
1. ใหน้ ักเรยี นอา่ นคาแนะนาในการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรใู้ หเ้ ขา้ ใจ
2. นกั เรียนตอ้ งปฏบิ ัติตามคาแนะนาอยา่ งเครง่ ครัด
3. ขัน้ ตอนการศึกษาชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรียนควรปฏิบตั ดิ งั น้ี
3.1 ศึกษาผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้แู กนกลาง และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ของชดุ กจิ กรรมเลม่ นี้
3.2 ทาแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้แล้วตรวจคาตอบจากใบเฉลยคาตอบและ
รวมคะแนนการทดสอบไว้ เพ่ือเปรียบเทียบกับคะแนนท่ไี ด้จากการทดสอบหลงั การเรียนรู้
3.3 ศึกษาใบความรู้และปฏิบัติตามกิจกรรมที่ให้ไว้ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้
ทกุ ชดุ กจิ กรรมตามลาดบั หากไมเ่ ข้าใจใหท้ บทวนใหมห่ รอื ปรึกษาครผู สู้ อน
3.4 เม่ือนักเรียนปฏิบัติตามข้ันตอนดังกล่าวมาแล้ว นักเรียนสามารถประเมินผล
การเรยี นรูข้ องตนเองได้ โดยทาแบบทดสอบหลังเรยี นรู้แลว้ ตรวจคาตอบดว้ ยใบเฉลยคาตอบหลังเรียน
3.5 นักเรียนนาคะแนนที่ได้มาเปรียบเทียบกับคะแนนจากแบบทดสอบก่อน
การเรียนรู้ นักเรียนจะทราบความก้าวหน้าของตนเองในการเรียนชุดกิจกรรมการเรียนรู้น้ี และ
หากผลการศกึ ษาท่ไี ด้ยงั ไม่ดเี ท่าทค่ี วร นกั เรยี นสามารถศึกษาทบทวนบทเรียนอกี ครงั้ ได้
4. นักเรยี นควรศึกษาและทากจิ กรรมดว้ ยความต้ังใจ
5. นักเรยี นควรใหค้ วามรว่ มมือในการทากิจกรรมกลุ่มอยา่ งเต็มความสามารถ
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธกุ รรม 11
สำระท่ี 1 สิง่ มีชวี ิตกับกระบวนกำรดำรงชีวิต
มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่มีผลกระทบต่อ
มนุษยแ์ ละส่ิงแวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสาร สิ่งที่เรียนรู้ และ
นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ผลกำรเรียนรู้
สบื คน้ ข้อมูล อภิปราย อธบิ าย และสรปุ กระบวนการสงั เคราะหด์ เี อน็ เอ และกระบวนการ
สงั เคราะหโ์ ปรตีน
จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
ด้ำนควำมรู้ นกั เรียนสามารถ
1. อภปิ รายและสรุปเก่ียวกบั สมบัตขิ องสารพันธกุ รรม
2. สบื คน้ ขอ้ มูล อภิปราย และอธบิ ายกระบวนการจาลองดีเอน็ เอ
3. สบื ค้นขอ้ มูล อภิปราย และอธบิ ายกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน
4. สบื ค้นขอ้ มูล วเิ คราะห์ อภปิ ราย เปรยี บเทยี บและสรปุ เก่ยี วกับกระบวนการ
สงั เคราะห์ดเี อน็ เอกบั การสังเคราะห์ mRNA
5. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และเปรียบเทียบการสังเคราะหโ์ ปรตีนของโพรคารโิ อตและ
ยูคารโิ อต
ด้ำนทกั ษะ/กระบวนกำร นกั เรยี นสามารถ
6. สอ่ื สาร และแลกเปลยี่ นความรูก้ ับนกั เรียนคนอืน่
ด้ำนคุณลักษณะอันพึงประสงค์
7. มวี นิ ัย
8. มงุ่ มั่นในการทางาน
9. มจี ติ สาธารณะ
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
ชดุ กิจกรรมนกาำยรวเันรชียัยนรนู้ เรราอื่วงงษย์ นีโรแงเลระียโนคบร้าโนมนโาซ“มนายกพทิ ยากร”
วิชำ ว30242 ชวี วทิ ยำ 2 ชัน้ มัธยมศึกษำปที ี่ 4
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพนั ธกุ รรม 12
คำช้แี จง
1. แบบทดสอบฉบับนีเ้ ปน็ แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
2. ให้เลอื กคาตอบท่เี หมาะสมที่สุดเพยี งคาตอบเดยี ว แลว้ ทาเครื่องหมายกากบาท (×)
ลงในช่อง ก ข ค หรอื ง ในกระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ใดคอื ความหมายของรหสั พนั ธุกรรม
ก. ลาดับเบสของยนี
ข. ยีนทั้งหมดทอี่ ยู่บนโครโมโซม
ค. การแสดงออกทางพันธุกรรมหรือการแสดงออกของยีน
ง. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งลาดบั นวิ คลีโอไทด์กบั กรดอะมิโน
2. ลาดับกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตีนเป็นดงั ข้อใด ถา้
1. mRNA เคลอ่ื นท่ีจากนิวเคลียสส่ไู ซโทพลาซึม
2. กรดอะมิโนเช่อื มตอ่ กนั ดว้ ยพนั ธะเบปไทด์
3. RNA ถอดรหสั มาจาก DNA
4. mRNA พาดอยู่บนไรโบโซม
5. tRNA นากรดอะมิโนมาท่ี codon
6. หยุดสงั เคราะหเ์ ม่ือถึงรหัส UGA
ก. 1 2 3 4 5 6
ข. 3 4 1 2 5 6
ค. 3 4 5 2 6 1
ง. 3 1 4 5 2 6
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมที่ 5 สมบัตขิ องสารพันธุกรรม 13
3. ขอ้ ใดผดิ Transcription
DNA Replication ใช้ polynucleotide เป็นแม่แบบสายเดียว
ใชเ้ อนไซม์ RNA polymerase ในการ
ก. ใช้ polynucleotide เป็นแม่แบบ 2 สาย สงั เคราะห์
ข. ใช้เอนไซม์ DNA polymerase ในการ ใช้ ribonucleotide ประกอบด้วยเบส
AUCG
สังเคราะห์ สงั เคราะห์จากปลาย 3/ ไป 5/ ของสายใหม่
ค. ใช้ deoxyribonucleotide ประกอบดว้ ย
เบส A T C G
ง. สงั เคราะหจ์ ากปลาย 5/ ไป 3/ ของสายใหม่
4. กาหนดให้
1. RNA polymerase เข้าจบั กับ DNA ตรงบรเิ วณท่ีจะสังเคราะห์ RNA
2. RNA polymerase เชอื่ มไรโบนวิ คลีโอไทด์อสิ ระมาต่อกนั เป็นสายยาว
3. ไรโบนิวคลีโอไทดเ์ ข้าคูจ่ บั กบั นิวคลโี อไทดข์ อง DNA สายแมพ่ มิ พ์
4. DNA 2 สายจะจบั คกู่ ันและบดิ เปน็ เกลียวเหมือนเดมิ
5. พนั ธะไฮโดรเจนระหว่างคู่เบสสลาย พอลินิวคลีโอไทด์ 2 สายของ DNA คลายเกลียวออก
จากกนั
ลาดับขัน้ ตอนของการสังเคราะห์ RNA ในขอ้ ใดถูกต้อง
ก. 1 2 3 4 5 ข. 1 5 3 2 4
ค. 5 1 2 3 4 ง. 5 1 3 4 2
5. กาหนดให้
ข้อใดถูกต้องเกยี่ วกับกระบวนการสังเคราะห์โปรตนี ทเี่ กดิ ในพวกยูคารโิ อต
ตวั เลอื ก กระบวนกำร บรเิ วณทเี่ กิด
ก. 12 34
ข.
ค. transcription transalation ไซโทพลาซึม ไซโทพลาซมึ
ง.
transalation transcription ไซโทพลาซึม นวิ เคลียส
transcription transalation นวิ เคลยี ส ไซโทพลาซมึ
transalation transcription นิวเคลยี ส นิวเคลยี ส
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบตั ิของสารพนั ธุกรรม 14
6. ในการสังเคราะห์โปรตีนไดก้ รดอะมโิ นท้ัง 5 ชนิดเรยี งลาดบั การสังเคราะห์ดังแผนภาพ
1234253
และมรี หัส codon ในกระบวนการ translation ดงั นี้
ลาดบั เบสของ DNA ทคี่ วบคุมการสร้างโปรตีนชนดิ น้ีคอื ข้อใด
ก. ข.
ค. ง.
7. หากมกี ารถอดรหัสจากโมเลกุล DNA ข้างล่างน้ี RNA ท่สี ร้างไดจ้ ะมีลาดับเบสเป็นอยา่ งไร
5/… ATGACGA…3/ (template strand)
3/… TACTGCT... 5/ (coding strand)
ก. 5/....AUGACGA...3/ ข. 5/….AGCAGUA....3/
ค. 5/....UACUGCU...3/ ง. 5/...UCGUCAU...3/
8. กาหนดให้ DNA สายหนงึ่ มีลาดบั เบส ดงั นี้
ลาดับเบสของ mRNA ทสี่ งั เคราะหไ์ ด้ในขอ้ ใดถูกต้อง
ก. 5/ AAGCTCGTTAGCCGAT 3/ ข. 5/ AAGCUCGUUAGCCGAU 3/
ค. 5/ UAGCCGAUUGCUCGAA 3/ ง. 5/ UUCGAGCAAUCGGCUA 3/
9. กาหนดให้ mRNA สายหนึง่ มเี บสจานวน 1,050 เบส mRNA สายนจี้ ะสามารถสังเคราะห์
โปรตีนท่ีมกี รดอะมิโนไดม้ ากทสี่ ดุ กโ่ี มเลกุล
ก. 350 ข. 435 ค. 475 ง. 525
10. ยีนตัวหน่ึงสรา้ งสายพอลเิ ปบไทด์ทป่ี ระกอบด้วยกรดอะมโิ น 30 ตัว มีลาดบั เริม่ ต้นจากโพรลนี
(Pro) สลบั กับลวิ ซีน (Leu) ไปตลอด ถ้า CCU = Leu ข้อใดคอื ลาดบั นวิ คลโี อไทด์ในสาย DNA ที่
ถูกถอดรหัส (Transcription)
ก. 3/...CCU CUU CCU CUU CCU… 5/
ข. 5/...GGA GAA GGA GAA GGA… 3/
ค. 3/...GGA GAA GGA GAA GGA… 5/
ง. 5/...CCU CUU CCU CUU CCU… 3/
กระดำษคำตอบ
แบนบายทวดนั สชัยอบนกราอ่ วนงษเร์ ยีโรนงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ เรอื่ ง ยนี และโครโมโซม
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธกุ รรม 15
ช่ือ-สกลุ ……………………………………………………………… ชั้น ม. 4/…... เลขที่ ……….
ข้อ ก ตวั เลอื ก ง
ขค
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
คะแนนทีไ่ ด้ ……………………….. คะแนน
ใบควำมรู้ท่ี 5.1
กำรสังเครำะหด์ เี อน็ เอ
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพนั ธกุ รรม 16
เพื่อนๆ รไู้ หมวา่ เม่อื วัตสนั และคลกิ ไดค้ ิดแบบจาลองโครงสร้าง
ทางเคมขี อง DNA ขึน้ มาแลว้ เขาทงั้ คตู่ อ้ งพสิ จู น์ว่า DNA มีคณุ สมบตั ิที่
เหมาะสมทีเ่ ป็นสารพันธกุ รรมไดห้ รอื ไม่น้นั เขามวี ธิ วี ิเคราะห์ดงั น้ี
คุณสมบัติสำคัญของสำรพนั ธกุ รรม
1. สารพันธุกรรมต้องจาลองตัวเองได้ แล้วยังมีลักษณะเหมือนเดิม เพ่ือจะถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรม จากรุ่นพ่อ-แม่ ไปยังรุ่นลูกได้ ซ่ึงเกิดโดยกระบวนการสังเคราะห์ DNA
(DNA - replication)
2. สามารถควบคุมการสังเคราะห์สารต่างๆ ของเซลล์เพื่อจะได้แสดงลักษณะทางพันธุกรรม
ต่าง ๆ ให้ปรากฏโดยรหัสพันธุกรรมใน DNA ถูกถ่ายทอดผ่าน RNA ในรูปของลาดับเบสแล้วแปล
(translation) ออกมาเป็นลาดับของกรดอะมิโนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน
3. อาจมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมท่ีต่างไปจากเดิมเนื่องจากเกิดการ
เปล่ียนแปลงที่ลาดับเบสใน DNA ทาให้ผิดปกติ และถ่ายทอดลักษณะท่ีผิดปกติไปยังลูกหลาน ทาให้
เกิดส่งิ มีชีวติ ทผ่ี ิดปกติข้นึ
ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ ง DNA RNA และโปรตีน
Deoxyribonucleic acid (DNA) Ribonucleic acid (RNA) และโปรตีน (protein) เป็น
สารชีวโมเลกุลหลักท่ีมีความสาคัญในเซลล์ โดย DNA บรรจุข้อมูลพันธุกรรมในรูปลาดับเบส และถูก
ถอดรหัสพันธุกรรม (transcription of genetic code) ไปเป็น RNA ซ่ึงเป็นโมเลกุลท่ีบรรจุข้อมูล
พนั ธกุ รรมในรูปลาดับเบสเชน่ เดียวกันกับ DNA
หลังจากน้ัน RNA ถูกแปลรหัสพันธุกรรมไปเป็นโปรตีน (translation of genetic code)
โดยข้อมูลพนั ธกุ รรมในรปู ลาดบั เบสบน RNA ถกู แปลเป็นลาดบั กรดอะมโิ นในโมเลกลุ ของโปรตนี
แกนกลำงของชีววทิ ยำโมเลกุล (Central Dogma of Molecular Biology)
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพันธุกรรม 17
กระบวนการจาลองตัวเองของดีเอ็นเอและการถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต
เป็นไปตามกฎที่เรียกว่า แกนกลำงของชีววิทยำโมเลกุล (Central Dogma of Molecular
Biology) คือ ดีเอ็นเอสามารถจาลองตัวเองได้ด้วยกระบวนการจาลองตัวเอง (replication) และ
ดี เ อ็ น เ อ ส า ม า ร ถ ถ่ า ย ท อ ด ข้ อ มู ล อ อ ก ม า อ ยู่ ใ น รู ป ข อ ง อ า ร์ เ อ็ น เ อ ด้ ว ย ก ร ะ บ ว น ก า ร ถ อ ด ร หั ส
(transcription) และโปรตีนด้วยกระบวนการแปลรหัส (transcription) ตามลาดับ โดยทิศทางของ
การถ่ายทอดข้อมูลจะเปน็ ไปในทศิ ทางเดียวกัน คอื ดีเอ็นเอส่อู าร์เอน็ เอส่โู ปรตนี (ภาพ 5-1 ) ในขณะที่
โปรตนี จะไม่สามารถถ่ายทอดกลับเปน็ อาร์เอน็ เอหรอื ดเี อ็นเอได้
ภาพที่ 5-1 การแสดงออกของข้อมูลพันธุกรรมผ่านแกนกลางของชวี วิทยาโมเลกลุ
(ที่มา : https://intargets.blogspot.com/2016/10/sabias-que-el-5-10-de- todos-los.html)
แกนกลางของชีวโมเลกุลมีข้อยกเว้นคือ อาร์เอ็นเอของไวรัส
บางชนิดจัดเป็น สารพัน ธุกรรม โดยไ วรัสเหล่านี้จะ ย้อนกลับ
Central Dogma เน่ืองจากสามารถสังเคราะห์ดีเอ็นเอจากอาร์เอ็นเอได้
ด้วยเอนไซม์รีเวอร์สทรำนสคริปเทส (reverse transcriptase)
ไวรัสกลุ่มนเ้ี รยี กว่า รโี ทรไวรัส (retrovirus) เชน่ ไวรสั เอดส์ เปน็ ตน้
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพนั ธกุ รรม 18
ภาพที่ 5-2 กระบวนการถอดรหสั และกระบวนการแปลรหสั เพื่อแปลผลเปน็ โปรตีน
(ทม่ี า : http://slideplayer.com/slide/10664124/)
ทฤษฎเี ก่ียวกบั กำรจำลองตวั ของดีเอน็ เอ
การจาลองตวั เองของ DNA ตามสมมติฐานของนกั วิทยาศาสตร์มีดงั นี้
1. แบบอนุรักษ์ (conservative replication) เมื่อมีการจาลองตัวเองของ DNA แล้ว
พอลินวิ คลโี อไทดท์ ั้งสองสายไมแ่ ยกจากกันยังเป็นสายเดมิ จะได้ DNA โมเลกุลใหม่ท่ีมีสายของโมเลกุล
พอลินิวคลโี อไทด์สายใหม่ท้งั สองสาย
2 แบบก่งึ อนรุ กั ษ์ (semiconservative replication) เม่ือมีการจาลองตัวเองของ DNA แล้ว
DNA แต่ละโมเลกุลมีพอลินวิ คลโี อไทด์สายเดิมและสายใหม่ ซง่ึ เปน็ แบบจาลองของวัตสันและคลกิ
3. แบบกระจัดกระจาย (dispersive replication) เมื่อมีการจาลองตัวเองของ DNA จะได้
DNA ทีเ่ ปน็ ของเดิมและของใหมป่ ะปนกันไม่เป็นระเบียบ
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมท่ี 5 สมบัติของสารพันธุกรรม 19
ภาพที่ 5-3 สมมติฐานการจาลองตวั เองของ DNA
(ท่มี า : https://www.mun.ca/biology/scarr/iGen3_03-01.html)
กำรทดลองของ Matthew Meselson และ Franklin Stahl
ในปี พ.ศ. 2501 ได้มีนักวิทยาศาสตร์ 2 คนช่ือ Matthew Meselson และ Franklin Stahl
ได้ทาการทดลองที่สามารถตอบคาถามนี้ได้ โดยเลี้ยงแบคทีเรีย Escherichia coli (E. coli) ในอาหาร
ทมี่ ไี นโตรเจนชนิด 15N เปน็ สว่ นผสมไนโตรเจนส่วนใหญ่ที่มอี ยู่ในช้ันบรรยากาศโลกเป็นชนิด 14N ซึ่ง
มีมวลน้อยกว่า 15N เนื่องจากไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบของดีเอ็นเอ ดังนั้นแบคทีเรียท่ีเล้ียงใน
อาหารทีม่ ี 15N จึงนาเอาไนโตรเจนชนดิ นีไ้ ปเปน็ ส่วนประกอบของดีเอ็นเอดว้ ย
Meselson และ Stahl ทาการเล้ียงแบคทีเรีย ในอาหารที่มี 15N จนแน่ใจได้ว่าดีเอ็นเอของ
แบคทีเรียทุกเซลล์มี 15N เป็นองค์ประกอบอย่างสมบูรณ์จากนั้นนาไปเล้ียงในอาหารที่มี 14N เป็น
องค์ประกอบจน E.coli เกิดการแบ่งตัวเป็นรุ่นๆ (generation) ต่างๆ นาแบคทีเรียรุ่นต่างๆ มาศึกษา
นา้ หนกั ของดเี อน็ เอโดยการปน่ั เหว่ียงด้วยเครอื่ งเหวีย่ งท่มี ีความเรว็ สูง ผลการทดลองพบว่า แบคทีเรีย
แต่ละร่นุ ต่างมีแบบแผนของดีเอ็นเอแตกต่างกันด้วยโดยมีแถบดีเอ็นเอผสมระหว่าง 15N และ 14N ใน
รุ่นต่างๆ ทเ่ี กดิ ข้นึ แสดงให้เห็นว่าการถอดแบบท่ีเกิดขึ้นมีการจับตัวกันระหว่างโมเลกุลดีเอ็นเอที่เป็น
สายพอลินิวคลีโอไทด์เก่า (15N) กับสายพอลินิวคลีโอไทด์สายใหม่ (14N) ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐาน
ท่วี า่ การถา่ ยแบบเป็นแบบกงึ่ อนุรกั ษ์ (semiconservative replication)
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมท่ี 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธุกรรม 20
ภาพที่ 5-4 การทดลองของ Matthew Meselson และ Franklin Stahl
(ที่มา : http://aboutmolecularbiology.blogspot.com/2017/06/dna-replikasyonu- bolum-1.html)
ในปี พ.ศ. 2499 อาร์เธอร์ คอรน์ เบริ ก์ (Arther Kornberg) นกั ชวี เคมชี าวอเมริกนั เป็นคนแรก
ท่สี ามารถสงั เคราะห์ DNA ในหลอดทดลองไดส้ าเร็จโดย นาเอาเอนไซม์ DNA พอลเิ มอเรส
(DNA polymerase) ซ่ึงสกดั จากแบคทเี รีย E. coli
เอนไซม์ DNA พอลเิ มอเรส ทาหน้าที่เชอ่ื มนิวคลีโอไทด์ใหต้ อ่ กันเปน็ สายยาว โดยมีทศิ ทางการ
สงั เคราะหส์ าย DNA สายใหม่ จากปลำย 5/ ไปยงั ปลำย 3/
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพันธุกรรม 21
กำรสังเครำะห์ DNA
หลกั การสาคญั ในการจาลองตัวของดีเอ็นเอ
การจาลองตัวของดีเอน็ เอมหี ลักการสาคญั 2 ขอ้ คือ
1. การจับคู่ของเบส โดย A จบั คกู่ บั T และ C จับคกู่ บั G ซ่งึ เป็นการเข้าคกู่ ันของเบสคู่สม
2. ดีเอ็นเอสายใหม่ จะถกู สรา้ งข้นึ ในทิศทางตรงข้ามกบั ดเี อ็นเอสายเดิมเสมอ และเนอื่ งจาก
การทางานของเอนไซม์ดเี อน็ เอพอลเิ มอเรส (DNA polymerase) ซึง่ จะเติมนวิ คลโี อไทดอ์ สิ ระเข้าไปยัง
ปลาย 3/ ของสายดเี อ็นเอ จงึ ทาให้ดเี อน็ เอสายใหม่ถกู สร้างข้ึนจากปลาย 5/ ไปยงั ปลาย 3/
เช่น ถ้าดีเอ็นเอสายแมแ่ บบ (DNA template) มลี าดบั นิวคลโี อไทด์ดังสายบนของภาพที่ 5-5 จะได้
ดเี อน็ เอสายใหมท่ มี่ ลี าดบั เปน็ ดังสายล่าง
5/ A C G T A C A C 3/ ดเี อ็นเอสำยแม่แบบ
3/ T G C A T G T G 5/ ดีเอน็ เอสำยใหม่
ภาพท่ี 5-5 ลาดับนวิ คลีโอไทด์ของดีเอ็นเอสายแม่แบบ และดเี อน็ เอสายใหม่ทไ่ี ด้จากการจาลองตวั ของ
ดเี อน็ เอสายแม่แบบ
ขน้ั ตอนกำรสังเครำะห์ DNA
1. เร่มิ ตน้ จากการที่สายพอลินวิ คลีโอไทด์ 2 สาย ของ DNA ต้นแบบแยกหา่ งออกจากกัน
โดยเร่ิมจากเอนไซม์เฮลิเคส (Helicase) ทาหนา้ ท่สี ลายพนั ธะไฮโดรเจนเพ่ือทาให้ดีเอ็นเอเกลยี วคู่แยก
เปน็ สายเด่ียว
2. โปรตนี ท่ีไปจบั กบั ดีเอ็นเอสายเด่ยี ว (single strand DNA binding protein, SSB )
จะเข้ามาจับเพื่อปอ้ งกนั ไม่ให้สายดเี อน็ เอมาจับกันอีก บรเิ วณท่ีมีการคลายเกลียวนี้เป็นจดุ เรม่ิ ต้นของ
การสังเคราะห์ DNA
3. DNA ไจเรส (DNA gyrase) หรือโทโปไอโซเมอเรส (topoisomerase) ทาหนา้ ท่ีคลายปม
เหนือจุดท่ี DNA สายเดีย่ วแยกตัวออกจากกัน (replication fork)
4. ไพรเมส (Primase) ทาหน้าที่สงั เคราะห์อารเ์ อ็นเอเพื่อใช้เป็นไพรเมอรส์ าหรบั การจาลอง
โมเลกลุ ของดีเอ็นเอ เนอื่ งจากเอนไซมท์ ี่ทาหน้าที่สงั เคราะห์ดีเอ็นเอ ไมส่ ามารถทจ่ี ะเรม่ิ สงั เคราะหด์ ้วย
ตัวเองได้
5. ดเี อน็ เอพอลเิ มอเรส (DNA polymerase) ทาหนา้ ทีส่ งั เคราะห์ดเี อน็ เอโดยนานวิ คลีโอไทด์
ใหม่เขา้ มาตอ่ ทปี่ ลาย 3/ ของสายไพรเมอร์ ทาให้ดีเอ็นเอสายใหม่ยาวขน้ึ ในทศิ ทาง 5/ ไปยัง 3/
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบัตขิ องสารพันธุกรรม 22
6. ดเี อน็ เอไลเกส (DNA ligase) ทาหน้าท่ีเชอ่ื มโมเลกุลของดีเอ็นเอในระหว่างที่มีการจาลอง
โมเลกุล การซ่อมแซม และการจัดเรียงตัวใหม่ของดีเอ็นเอ โดยจะสร้างพันธะฟอสโฟไดเอสเทอร์
(Phosphodiester bond) ระหว่างปลาย 5/ ท่ีมีหมู่ฟอสเฟตของนิวคลีโอไทด์สายหนึ่งกับปลาย 3/
ทม่ี หี ม่ไู ฮดรอกซิลของนวิ คลโี อไทด์ที่อยตู่ ิดกนั
ภาพที่ 5-6 เอนไซม์เฮลเิ คส โปรตีนที่ไปจับกบั ดีเอ็นเอสายเดีย่ ว (SSB) และโทโปไอโซเมอเรส
(topoisomerase)
(ที่มา : http://www.investingbb.com/dna-replication-definition.html)
ภาพที่ 5-7 รูปแบบและองค์ประกอบต่าง ๆ ในการสงั เคราะห์ดีเอน็ เอ
(ท่มี า : https://www.news-medical.net/life-sciences/DNA-Replication-and-Repair.aspx)
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบัติของสารพนั ธกุ รรม 23
การสรา้ ง DNA สายใหม่ มี 2 ลกั ษณะ
1. เมอื่ สองสายคลายเกลียวแยกออกจากกัน DNA polymerase จะสงั เคราะห์
leading strand เป็นสายยาว โดยมีทิศทางจากปลาย 5/ ไปยัง 3/
2. DNA polymerase สังเคราะห์ DNA สายใหม่เปน็ สายส้ันๆ Okazaki fragment โดยมี
ทศิ ทาง 5/ ไปยงั 3/ จากนั้น DNA ligase จะเชือ่ มตอ่ DNA สายส้นั ๆ ให้เปน็ DNA สายยาวเรยี กสาย
น้วี า่ lagging strand
*************************************
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมที่ 5 สมบัติของสารพนั ธุกรรม 24
ใบกจิ กรรมที่ 5.1.1
กำรสงั เครำะห์ดเี อน็ เอ
ชอื่ – สกุล …………………………………………………………………….. ชน้ั ม. 4/………… เลขที่……………
คำชี้แจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามเกย่ี วกับการสงั เคราะห์ดเี อน็ เอใหถ้ กู ตอ้ ง
1. กระบวนการสงั เคราะหด์ ีเอน็ เอเกิดขน้ึ ในระยะใดของการแบง่ เซลล์
.................................................................................................................................................................
2. จงระบุโครงสร้าง/ส่วนประกอบของกระบวนการสังเคราะหด์ ีเอน็ เอให้ถกู ต้อง
หมายเลข 1 คือ ..........................................................
หมายเลข 2 คอื ..........................................................
หมายเลข 3 คือ ..........................................................
หมายเลข 4 คอื ..........................................................
หมายเลข 5 คอื ..........................................................
หมายเลข 6 คือ ..........................................................
3. โมเลกุล DNA ประกอบดว้ ยพอลินวิ คลีโอไทด์ 2 สาย และถา้ พอลินวิ คลโี อไทด์สายหน่งึ มีลาดับ
เบสเป็น 5/ A C G T C A G G C A G 3/ พอลินิวคลโี อไทด์ของสายทเ่ี ป็นคูก่ ันจะมีลาดบั เบส
เป็นอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. 4.1 จากภาพ อักษร A ทาหน้าทีอ่ ย่างไร
……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………..
4.2 โครงสรา้ งในอักษร B ทม่ี ีลกั ษณะเป็นท่อนส้ันๆ จะเชอ่ื มติดกนั โดยอาศัยเอนไซม์ใด
...........................................................................................................................................................
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธกุ รรม 25
ใบกจิ กรรมท่ี 5.1.2
โดมโิ นกำรสงั เครำะห์ดีเอน็ เอ
จดุ ประสงค์
1. สบื คน้ ข้อมูล อภิปราย และสรุปเกย่ี วกบั การสังเคราะห์ดเี อ็นเอ
2. สามารถตอ่ โดมิโนการสังเคราะห์ดเี อน็ เอ
วัสดอุ ุปกรณ์
โดมิโนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ จานวน 10 ช้ินต่อกลมุ่
วธิ ีทำกิจกรรม
1. นักเรียนตัวแทนกลุ่มรับซองโดมิโนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอจากครู ภายในมีโดมิโนการ
สงั เคราะห์ดเี อน็ เอ จานวน 10 ชิ้น
2. ลกั ษณะของแผ่นโดมิโนแบง่ เปน็ 2 ช่อง ชอ่ งแรกเป็นองค์ประกอบต่างๆ ในการสังเคราะห์
ดีเอ็นเอ และชอ่ งที่ 2 เป็นหนา้ ทหี่ รือความหมายของคาศพั ท์ ตัวอยา่ ง
เอนไซม์ที่แยกพันธะ
DNA ไฮโดรเจนระหวำ่ งดีเอ็น
replication เอแม่แบบ 2 สำย
3. ใหน้ กั เรียนหาแผน่ โดมิโนทสี่ ามารถเขา้ คไู่ ด้อยา่ งเหมาะสมมาตอ่ ให้มีลกั ษณะเป็นรปู
ส่ีเหลยี่ มผนื ผา้ เพ่อื ให้ส่วนท้ายบรรจบกับสว่ นต้นได้เหมาะสม
4. นกั เรียนแต่ละกล่มุ รอฟังสัญญาณเร่มิ ทากจิ กรรมจากครู
5. เมื่อได้ยินสญั ญาณเริม่ ทากิจกรรม ให้นักเรียนเปดิ ซองโดมโิ น และเรม่ิ ทากจิ กรรม
6. นกั เรียนกลุ่มใดต่อโดมโิ นการสงั เคราะห์ดเี อ็นเอเสร็จ พร้อมตรวจสอบความถูกต้องแล้วให้
ยกมอื แลว้ พดู ชอ่ื กลุ่มของตวั เองพรอ้ มกันตามดว้ ยคาว่าเย่ ตวั อย่าง กลมุ่ 1 เย่
7. ตัวแทนแต่ละกลุ่มสลับกันตรวจสอบความถูกต้องของโดมิโนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของ
กลุ่มเพือ่ น ถ้ากลุม่ ใดต่อโดมโิ นการสงั เคราะห์ดีเอ็นเอผดิ ใหท้ าการตอ่ ใหมใ่ หถ้ กู ต้อง แลว้ บนั ทึกผล
8. นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายผลการทากิจกรรม
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมท่ี 5 สมบตั ิของสารพนั ธุกรรม 26
โดมิโนกำรสงั เครำะห์ดเี อ็นเอ
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมที่ 5 สมบัติของสารพนั ธุกรรม 27
Topoisomerase เอนไซม์ทที่ ำหนำ้ ท่เี ติม
นวิ คลีโอไทด์อสิ ระเขำ้ ท่ปี ลำย
3/ ของดเี อ็นเอสำยใหม่ ทำให้
ไดด้ ีเอน็ เอสำยยำวขึ้น
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมที่ 5 สมบัติของสารพนั ธกุ รรม 28
สรุปผลทไี่ ด้จำกำรทำกจิ กรรมโดมิโนกำรสงั เครำะห์ดีเอน็ เอ
1. DNA Polymerase ทาหน้าที่ ………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. RNA Primer ทาหนา้ ท่ี .............................................................................................................
.................................................................................................................................................................
3. DNA ligase ทาหนา้ ที่ .............................................................................................................
.................................................................................................................................................................
4. Lagging strand คือ …………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
5. Single stranded DNA binding protein คอื ……………………………………………………………….
.................................................................................................................................................................
6. Leading strand คือ ................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
7. Okazaki fragment คอื ............................................................................................................
.................................................................................................................................................................
8. Helicase ทาหนา้ ที่ ……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
9. Origin of replication คือ .......................................................................................................
.................................................................................................................................................................
10. Topoisomerase ทาหนา้ ที่ ......................................................................................................
.................................................................................................................................................................
**************************************************
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบตั ิของสารพันธกุ รรม 29
ใบกิจกรรมที่ 5.1.3
รปู แบบกำรสังเครำะหด์ เี อ็นเอ
จุดประสงค์
1. สบื คน้ ขอ้ มูล อภิปราย และสรปุ เก่ยี วกับกระบวนการสงั เคราะห์ดีเอน็ เอ
2. สามารถสรา้ งแบบการสังเคราะห์ดีเอ็นเอได้
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. ชิน้ ส่วนนวิ คลีโอไทด์ (A , T , C , G) ท้งั 4 ชนดิ 100 ชิ้น / กล่อง
2. กระดาษ A3 1 แผ่น/กลุม่
3. ปากกาเมจิ 1 แทง่ /กลุ่ม
วธิ ที ำกจิ กรรม
1. นักเรียนตัวแทนกลมุ่ รบั ชุดอุปกรณ์การทากิจกรรมจากครู
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มจะตอ้ งออกแบบดเี อ็นเอตน้ แบบเอง จากนั้นรอฟังสญั ญาณเริม่ ทา
กจิ กรรม
3. เมอ่ื ได้ยนิ สัญญาณเรม่ิ ทากิจกรรม นกั เรยี นแต่ละกลุ่มลงมือทากจิ กรรม โดยอาศัยข้อมูลท่ี
ไดจ้ ากการสืบค้นในใบความรู้ท่ี 5.1 การสงั เคราะหด์ ีเอ็นเอ
4. เมื่อไดย้ นิ สัญญาณหมดเวลาให้ตวั แทนแต่ละกลุ่มตรวจสอบความถกู ต้องของกลุม่ อื่น ถ้าพบ
ความผิดพลาดแนะนาแลว้ ใหก้ ลุ่มนนั้ ปรบั แกใ้ หถ้ กู ต้อง
5. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรม
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพนั ธกุ รรม 30
นิวคลโี อไทด์ 4 ชนิด
TTTTTTTTT T
TTTTTTTTT T
TTTTTTTTT T
TTTTTTTTT T
TTTTTTTTT T
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบัติของสารพันธุกรรม 31
ใบควำมรทู้ ่ี 5.2
กำรสังเครำะห์โปรตนี
DNA ควบคุมลักษณะทำงพนั ธุกรรมได้อยำ่ งไร
ใน พ.ศ.2500 วี เอ็ม อินแกรม (V.M.Ingram) ได้ทาการทดลองเปรียบเทียบฮีโมโกลบินของ
คนปกติกับคนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ ซึ่งเป็นโรคท่ีถ่ายทอดโดยยีนด้อยตามกฎของ
เมนเดล เขาพบว่า ฮีโมโกลบินของคนที่มีเซลล์เม็ดเลือดแดงปกติจะแตกต่างจากฮีโมโกลบินของคนท่ี
เปน็ โรคโลหิตจางชนดิ ซิกเคิลเซลล์ โดยการเรียงตัวของกรดอะมีโนต่างกัน 1 ตัว คือกรดอะมีโนลาดับท่ี
6 ของสายพอลิเพปไทด์สายบีตาของคนปกติเป็นกรดกลูตามิก (Glutamic acid) แต่คนท่ีเป็น
โรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์เป็นกรดอะมิโนชนิดวาลีน (Valine) โดยที่กรดอะมีโนตัวอ่ืนๆ เหมือน
กันหมด ดังนี้
ภาพที่ 5-8 ลักษณะเซลล์เม็ดเลือดแดงของคนปกติกบั เซลล์เม็ดเลือดแดงของคนทเ่ี ปน็ โรคโลหิตจาง
ชนดิ ซิกเคลิ เซลล์
(ทีม่ า : https://www.bloggang.com/m/viewblog.php?id=dnahunsa&group=7)
เพื่อนๆ เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าแม้จะมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย
ในการเรียงลาดับกรดอะมีโนในสายพอลิเพปไทด์ก็สามารถทาให้เกิดโรค
ทางพันธุกรรมได้ ความผิดท่ีเกิดจากการเรียงลาดับกรดอะมิโนจึงเป็น
หลกั ฐานท่ีแสดงใหเ้ ห็นว่า DNA ควบคุมลักษณะทำงพันธุกรรม
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 สมบัติของสารพนั ธกุ รรม 32
ข้นั ตอนกำรสงั เครำะหโ์ ปรตีน
แบ่งเปน็ 2 ขน้ั ตอนดงั น้ี
1. กำรสังเครำะห์ RNA (Transcription)
เป็นการถอดรหสั พนั ธุกรรม ซ่ึงในการถอดรหสั พนั ธุกรรมน้ใี ช้สาย Polypeptide สายใดสาย
หน่งึ โดยสายท่ีใช้เป็นตน้ แบบเรียก Sense strand ส่วนสายทไี่ มไ่ ด้ใช้เรียก Antisense strand
Transcription มขี ัน้ ตอนดังนี้
1. DNA คลายเกลียวออกจากกนั เฉพาะตาแหน่งที่เปน็ gene เดน่ ทแ่ี สดงออกมา โดยพนั ธะ
ไฮโดรเจนระหว่างคู่เบส A กบั T และ C กับ G จะสลายไปโดยเอนไซม์ RNA polymerase เขา้ ไปจับ
กับ DNA ตรงบรเิ วณที่จะสังเคราะห์ RNA ทาให้พันธะระหวา่ งคู่เบสสลาย Polynucleotide 2 สาย
ของ DNA จะคลายเกลยี วแยกออกจากกนั โดยมีสายใดสายหนึ่งเป็นแมพ่ ิมพ์ ดงั ภาพท่ี 5-9
ภาพที่ 5-9 กระบวนการสงั เคราะห์ RNA
(ที่มา : http://ib.bioninja.com.au/standard-level/topic-2-molecular-biology/27-dna-
replication-transcri/transcription.html)
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพันธุกรรม 33
2. ไรโบนิวคลโี อไทด์ (Ribonucleotide) ทม่ี เี บสทเ่ี ขา้ คกู่ ับนวิ คลโี อไทดข์ อง DNA
สายแมพ่ มิ พ์ คอื เบส C เข้าคกู่ ับเบส G และเบส U เข้าคู่ A จะเขา้ มาจับกับนิวคลโี อไทด์ของ DNA
สายแม่พมิ พ์ เอนไซม์ RNA polymerase จะเชื่อมไรโบนิวคลโี อไทดอ์ สิ ระมาตอ่ กันเปน็ สายยาว โดยมี
ทิศทางการสังเคราะหส์ าย RNA จากปลาย 5/ ไปยงั ปลาย 3/ และการสรา้ งสาย RNA น้นั จะเรียงสลบั
ทิศทางกบั สาย DNA ท่เี ปน็ แมพ่ ิมพ์
ภาพท่ี 5-10 RNA polymerase นาไรโบนวิ คลีโอไทดท์ เี่ หมาะสมมาจับทาให้สาย mRNA ยาวขึ้น
(ท่มี า : http://ib.bioninja.com.au/standard-level/topic-2-molecular-biology/27-dna-replication-
transcri/transcription.html)
3. เอนไซม์ RNA polymerase หยดุ ทางานและแยกตัวออกจาก DNA สายแมพ่ ิมพส์ าย RNA
ทส่ี งั เคราะห์ได้จะแยกออกจาก DNA ไปยังไซโทพลาซึม ส่วน DNA 2 สายจะจบั คูก่ ันและบิดเปน็
เกลยี วเหมอื นเดมิ ดงั นนั้ จะเห็นไดว้ ่า บรเิ วณคลายเกลียวของ DNA ที่เป็นต้นแบบสรา้ ง RNA ชนดิ หนึง่
กค็ อื ตาแหน่งท่ี gene เด่น 1 gene น้ันเองนนั้ คือ
One gene Transcription One gene
ภาพที่ 5-11 สาย RNA ท่สี ังเคราะห์เสร็จแล้ว ส่วนดีเอ็นเอจะจับค่กู ันและบิดเปน็ เกลียว
เหมอื นเดมิ
(ท่ีมา : http://ib.bioninja.com.au/standard-level/topic-2-molecular-biology/27-dna-
replication-transcri/transcription.html)
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 สมบตั ขิ องสารพนั ธกุ รรม 34
RNA มีโครงสร้างคล้าย DNA ประกอบด้วยไรโบนิวคลีโอไทด์เรียงต่อกันด้วยพันธะ
ฟอสโพไดเอสเทอร์เปน็ โพลีไรโบนิวคลีโอไทด์ แต่องค์ประกอบนิวคลีโอไทด์แตกต่างกันที่น้าตาลและ
เบส โดยน้าตาลของ RNA เป็นน้าตาลไรโบส ส่วนเบสใน RNA มียูราซิล (U) มาแทนไทมีน (T)
RNA ในเซลล์มีปริมาณมากกว่า DNA 5-10 เท่า หน้าที่หลักเก่ียวข้องกับกระบวนการ
สังเคราะห์โปรตีน RNA ในเซลล์เป็นสายเด่ียว (single standed) เนื่องจาก RNA ต้องมีโครงสร้าง
สามมิติท่ีถูกต้องสาหรับทาหน้าที่ภายในเซลล์ ดังน้ัน RNA อาจจะเสียสภาพได้ด้วยความร้อน และ
pH สูงๆ เช่นเดียวกับ DNA แต่โครงสร้างส่วนท่ีเป็นเกลียวเป็นช่วงส้ันๆ เท่าน้ัน จึงทาให้เสียสภาพ
ได้งา่ ยกวา่ DNA
ชนิดของ RNA
ภายในเซลลม์ ี RNA 3 ชนิด ดังนี้
1. เมสเซนเจอร์อารเ์ อ็นเอ หรือเอ็มอารเ์ อน็ เอ (messenger RNA : mRNA) เปน็ อารเ์ อ็นเอ
ท่ีได้จากกระบวนการถอดรหสั (transcription) ของสายใดสายหนึ่งของดีเอ็นเอ ซึง่ จะทาหนา้ ท่เี ปน็
รหัสพันธุกรรมท่ใี ช้ในการสังเคราะหโ์ ปรตนี
2. ทรานสเฟอรอ์ ารเ์ อ็นเอ หรือทอี าร์เอน็ เอ (transfer RNA : tRNA) อาร์เอ็นเอชนิดนี้ผลิต
จากดเี อ็นเอเช่นเดยี วกัน ทาหนา้ ท่ีในการนากรดอะมิโนต่างๆ ไปยังไรโบโซม ซง่ึ เป็นแหลง่ ทีม่ กี าร
สงั เคราะหโ์ ปรตีน ในไซโทพลาซึม
3. ไรโบโซมอลอารเ์ อ็นเอ หรือ อารอ์ ารเ์ อน็ เอ (ribosomal RNA : rRNA) อารเ์ อน็ เอชนดิ น้ี
ผลิตจากดเี อ็นเอโดยกระบวนการถอดรหสั เช่นเดยี วกนั แตท่ าหนา้ ทเ่ี ป็นองค์ประกอบของไรโบโซมโดย
อาร์เอน็ เอรวมกับโปรตีนกลายเป็นหน่วยของไรโบโซม
ภาพที่ 5-12 RNA ชนิดตา่ งๆ
(ทมี่ า : https://lydiamaxonsanmarin.weebly.com/build-a-protein.html)
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมที่ 5 สมบัตขิ องสารพันธกุ รรม 35
โรคโลหติ จำงชนดิ ซิกเคลิ เซลล์
ผคู้ น้ พบ คอื Jame B. Herrick เปน็ โรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเบสของยีนเบต้าโกลบิล ท่ี
ควบคุมการสร้างสายโปรตีน (Polypeptide) ยีนเบต้าโกลบินท่ีผิดปกติ จะมีลาดับเบสบนยีนเปลี่ยน
จาก CTC ไปเป็น CAC ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนท่ีสร้างขึ้น อาการคือ เป็นภาวะความ
ผดิ ปกติตั้งแต่กาเนดิ ของ hemoglobin เป็นสาเหตุให้เซลล์เม็ดเลือดแดง กลายเป็น C-shaped ทาให้
เซลล์เมด็ เลือดแดงเสียความยืดหยุ่น ทาให้เกดิ การอุดตันของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดบริเวณต่างๆ
ทาให้เกดิ ภาวะโลหิตจาง เป็นผลให้ผปู้ ว่ ยร้สู ึกเจบ็ ปวด อ่อนเพลีย ไม่คอ่ ยมีแรง
ตารางที่ 5-1 ขอ้ เปรยี บเทยี บการสังเคราะห์ DNA และ RNA
กระบวนกำรสังเครำะห์ดีเอน็ เอ กระบวนกำรสงั เครำะห์อำร์เอน็ เอ
1. ใชพ้ อลินวิ นวิ คลีโอไทดเ์ ปน็ แม่แบบท้ัง 2 สาย 1. ใช้พอลนิ ิวนิวคลโี อไทด์เป็นแมแ่ บบเพียงสายเดียว
2. ใช้เอนไซม์ DNA polymerase ในการ 2. ใช้เอนไซม์ RNA polymerase ในการสงั เคราะห์
สังเคราะห์
3. ใช้ดีออกซีไรโบนวิ คลโี อไทด์ 4 ชนดิ คือ A T C G 3. ใช้ไรโบนิวคลีโอไทด์ 4 ชนิด คอื A U C G
4. ได้ DNA สายใหม่ 2 สาย 4. ได้ mRNA สายเดียว
รหัสพันธุกรรม
รหัสพันธุกรรมคือ ลาดับเบสบนสาย mRNA จะเป็นตัวกาหนดลาดับกรดอะมิโนสาหรับ
สายพอลิเพปไทด์ ซึ่งลาดับเบสที่เป็นตัวกาหนดชนิดของกรดอะมิโนนี้ เรียกว่า “รหัสพันธุกรรม
(genetic code)” โดยลาดับเบส 3 ตัวท่ีเรียงติดกันจะเป็นตัวกาหนดชนิดของกรดอะมิโน 1 ตัว จึง
เรียกรหัสพันธุกรรมว่า “รหัสชุดสาม (Triplet code หรือ Codon)” และเนื่องจากว่ามีเบสอยู่แค่
4 ชนิด (G A U และ C) บนสาย mRNA เม่ือนามาจัดกลุ่มแบบเรียงทีละ 3 เบสจะได้รหัสชุดสาม
ทัง้ หมดเป็น 43 = 64 Codons ทมี่ ีการเรยี งลาดับเบสต่างกัน (ภาพที่ 5-13 ) ดังนั้นรหัสพันธุกรรมจึง
มีได้ทัง้ หมด 64 Codons หรือ 64 รหัส ซึ่งในจานวน 64 รหสั น้ีมีเพียง 61 รหัสเท่านั้น ท่ีเป็นรหัสของ
กรดอะมิโนทั้ง 20 ชนิดเพราะอีก 3 รหัสที่เหลือ คือ UAA UAG และ UGA จะเป็น “รหัสหยุด”
(Termination codon หรือ Stop codon) ซ่ึงไม่ได้เป็นรหัสของกรดอะมิโนชนิดใดเลย แต่ทาหน้าที่
เปน็ สญั ญาณสาหรบั หยุดการสงั เคราะห์โปรตนี
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพันธกุ รรม 36
ภาพท่ี 5-13 รหัสทางพนั ธุกรรมของมนษุ ย์
(ทม่ี า : http://ddgrafx.com/genetic-code-table-model/2990/personable-genetic-
code-table-decoration-ideas-new-in-bathroom/)
รหสั ทเ่ี ป็นสญั ญาณเร่ิมตน้ (Initiation codon) สาหรับการสงั เคราะหส์ ายพอลิเพปไทด์ ท้ังใน
โพรคาริโอตและยูคาริโอต คือ AUG ซ่ึงเป็นรหัสของกรดอะมิโน Methionine (Met) ดังนั้น
ในยูคาริโอตสายพอลิเพปไทด์ที่เพ่ิงถูกสร้างข้ึนใหม่จะมีกรดอะมิโน Met อยู่ท่ีปลายอะมิโนเสมอ
ส่วนในแบคทีเรียกรดอะมิโนตัวแรกจะเป็น N-formylmethionine (fMet) ไม่ใช่ Met เหมือนใน
ยูคาริโอต แต่อยา่ งไรก็ตามมบี างกรณีท่รี หสั GUG ซ่งึ ปกตเิ ป็นรหัสของกรดอะมิโน Valine รหัส UUG
ซึ่งปกติเป็นรหัสของกรดอะมิโน Leucine และ รหัส AUU ซ่ึงปกติเป็นรหัสของกรดอะมิโน
Isoleucine สามารถทาหน้าท่ีเป็นรหัสเร่ิมต้นได้แทนรหัส AUG โดยสามารถทาหน้าที่เป็นรหัสของ
fMet ได้ ซง่ึ กรณเี ชน่ น้พี บได้นอ้ ย และพบเฉพาะในโพรคารโิ อตเทา่ น้ัน
- กรดอะมิโนบางชนิดมรี หสั มากกวา่ 1 รหสั เรียกว่า degenerate codon
- รหสั หยุด เรียกวา่ nonsense codon หรอื stop codon หรือ terminating codon
ได้แก่ UAA UAG UGA
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมท่ี 5 สมบตั ิของสารพันธกุ รรม 37
- รหสั พันธุกรรมตวั แรกที่พบ คือ UUU เป็นรหสั พนั ธุกรรมของกรดอะมิโนฟนิ ลิ อะลานีน
(Phe)
- รหัสเรมิ่ ต้นการสงั เคราะหโ์ ปรตนี คอื AUG เป็น codon จาเพาะตอ่ กรดอะมิโนเมไทโอนนี
(Met)
- รหสั พันธกุ รรมมกี ารแปลเหมือนกนั ในสงิ่ มีชวี ติ ทุกชนดิ (umiversal code)
2. Translation มขี ้นั ตอนดงั น้ี
2.1 กระบวนกำรเร่ิมต้น (initiation)
2.1.1 ไรโบโซมหน่วยยอ่ ยขนาดเล็ก (small subunit) และปจั จัยเริ่มตน้ ซึ่งเปน็
ตัวเร่งปฏกิ ิรยิ ากับ mRNA
2.1.2 กรดอะมิโนเมไทโอนีนท่ีมีหม่ฟู อร์มลิ ที่ปลายสดุ เป็นกรดอะมโิ นตวั แรกท่ี tRNA
นามายังรหสั หรือ โคดอนเร่ิมต้น AUG ทางปลาย 5/ ของ mRNA
2.1.3 ไรโบโซมหนว่ ยย่อยขนาดใหญ่ จะเข้าประกบกบั ไรโบโซมหนว่ ยย่อยขนาดเลก็
จึงทาใหเ้ กดิ เป็นไรโบโซมสมบรู ณพ์ รอ้ มจะทาหน้าท่ีตอ่ ไป
ภาพที่ 5-14 กระบวนการสังเคราะห์ RNA
(ท่มี า : http://bio1151.nicerweb.com/Locked/media/ch17/summary.html)
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบัตขิ องสารพันธุกรรม 38
2.2 กระบวนกำรตอ่ สำยพอลเิ พปไทด์ (elongation)
2.2.1 tRNA โมเลกุลท่ี 2 ทีม่ ีแอนติโคดอนเข้าคูก่ ับโคดอนถัดไปของ mRNA นา
กรดอะมโิ นตวั ท่ี 2 เข้ามาเชื่อมกับกรดอะมโิ นตัวแรก แล้วสรา้ งพันธะเพปไทด์
2.2.2 ไรโบโซมจะเคลื่อนท่ไี ปยงั โคดอนถดั ไปในทิศทางจาก 5/ ไป 3/ tRNA โมเลกลุ
แรกจะหลดุ ออกไป
2.2.3 tRNA โมเลกลุ ท่ี 3 ท่แี อนติโคดอนเข้าคู่กับโคดอนลาดับถัดไป นากรดอะมิโน
ตวั ท่ี 3 เข้าจับกับ mRNA ตรงโคดอนที่วา่ งแลว้ สร้างพนั ธะเพปไทดร์ ะหว่างกรดอะมิโนตัวที่ 2 กับ
กรดอะมโิ นตวั ท่ี 3 ไดเ้ ป็นไตรเพปไทด์
2.2.4 ไรโบโซมจะเคลอ่ื นที่ต่อไปทลี ะโคดอนตามลาดบั และกระบวนการตา่ งๆ จะ
ดาเนนิ ตอ่ ไปเช่นเดียวกบั ทก่ี ล่าวมาข้างต้น จะไดส้ ายทมี่ ีกรดอะโนตอ่ กันเป็นสายยาว เรยี กว่า
พอลิเพปไทด์ ดงั ภาพที่ 5-15
ภาพที่ 5-15 tRNA นากรดอะมโิ นท่ีเหมาะสมมาจับบนเส้น mRNA
(ทีม่ า : http://bio1151.nicerweb.com/Locked/media/ch17/summary.html)
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพนั ธุกรรม 39
2.3 กระบวนกำรส้ินสุดกำรสังเครำะห์ (termination)
2.3.1 เม่ือไรโบโซมเคลือ่ นทต่ี อ่ ไปบน mRNA พบกบั โคดอนยตุ กิ ารสร้าง ไดแ้ ก่ UAA
UAG UGA รหสั ใดรหัสหนง่ึ จะไมม่ ี tRNA เขา้ มาจับกับรหสั หยุด ทาใหห้ ยุดการแปลรหัส
2.3.2 พอลิเพปไทด์จบั กับ tRNA ตัวสุดท้ายจะถูกตัดออกและแยกออกจากกันไป
2.3.3 ไรโบโซมหน่วยยอ่ ยขนาดเลก็ และหน่วยย่อยขนาดใหญจ่ ะแยกออกจากกนั
และ mRNA จะหลดุ ออกจากไรโบโซม
ภาพที่ 5-16 กระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตีนเสร็จส้นิ เม่ือเจอรหัสหยุด (UAA,UAG,UGA)
(ที่มา : http://amirtehrani-sbi4u.blogspot.com/2014/12/translation- play.html)
Eukaryote กระบวนการถอดรหัสเกดิ ในนิวเคลยี ส ได้ mRNA จากน้ัน
mRNA จะออกมายังไซโทพลาซมึ แลว้ จงึ เกดิ การแปลรหัส
Prokaryote กระบวนการถอดรหัสและแปลรหัสสามารถเกดิ ต่อเนื่องกัน
โดย mRNA จะถกู นาไปแปลรหสั ได้ทนั ที ท้งั ท่กี ระบวนการถอดรหสั ยงั ไม่
ส้นิ สุด ซง่ึ กระบวนการทัง้ หมดจะเกดิ ในไซโทพลาซึม
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพนั ธกุ รรม 40
ภาพที่ 5-17 เปรียบเทียบการสงั เคราะหโ์ ปรตีนของโพรคาริโอตกบั ยคู าริโอต
(ที่มา : http://www.myshared.ru/slide/1313819/)
************************************
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพิทยากร”
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพนั ธุกรรม 41
ใบกิจกรรมท่ี 5.2.1
กำรสังเครำะห์โปรตนี
ชื่อ – สกุล …………………………………………………………………….. ชนั้ ม. 4/………… เลขท่ี……………
คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามเกี่ยวกบั การสงั เคราะหโ์ ปรตีนใหถ้ กู ตอ้ ง
1. รหัสพนั ธุกรรมคอื …………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. รหัสเรม่ิ การสงั เคราะห์โปรตีนคือ……………………………………………………………………………………
3. รหัสหยุดการสงั เคราะหโ์ ปรตนี คอื …………………………………………………………………………………
4. กาหนดให้กระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตนี น้ีเกิดในพวกยูคาริโอต
จงระบกุ ระบวนการและบรเิ วณทเี่ กดิ ให้ถูกต้อง บริเวณทีเ่ กดิ
34
กระบวนกำร
12
5. ถา้ มีการถอดรหัสจากโมเลกลุ DNA ข้างลา่ งน้ี RNA ท่สี รา้ งได้จะมลี าดับเบสเป็นอย่างไร
5/… ATGACGA…3/ (template strand)
3/… TACTGCT... 5/ (coding strand)
...................................................................................................................................................
6. เอนไซม์ชนดิ หน่งึ มีลาดับกรดอะมโิ นมีดงั นี้
Met Arg phe Val
mRNA คือ ……………………………………………………………………………………………………………….…
tRNA คอื …………………………………………………………………………………………………………………..
DNA แม่แบบคือ …………………………………………………………………………………………………………
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมที่ 5 สมบตั ขิ องสารพันธุกรรม 42
ใบกจิ กรรมที่ 5.2.2
รูปแบบกำรสงั เครำะหโ์ ปรตนี
จุดประสงค์
1. สืบคน้ ข้อมูล อภปิ ราย และสรุปเกยี่ วกับกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตนี
2. สามารถสร้างแบบการสงั เคราะหโ์ ปรตีนได้
วัสดอุ ุปกรณ์
1. ชน้ิ สว่ นไรโบนิวคลีโอไทด์ (A , U , C , G) ทั้ง 4 ชนิด 100 ช้นิ /กลอ่ ง
2. กระดาษ A3 1 แผ่น/กลมุ่
3. ปากกาเมจิ 1 แท่ง/กลุ่ม
วิธที ำกิจกรรม
1. นักเรยี นตวั แทนกลุ่มรับชุดอุปกรณก์ ารทากิจกรรมจากครู
2. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกแบบ mRNA เอง โดยกาหนดใหม้ ีรหัสเริม่ และรหสั หยุดอยู่ในเสน้
mRNA น้นั ด้วย
3. รอฟงั สญั ญาณเรม่ิ ทากจิ กรรม เมอื่ ไดย้ นิ สัญญาณเริ่มทากิจกรรม นกั เรยี นแต่ละกลมุ่
ลงมอื ทากจิ กรรม โดยอาศยั ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสืบคน้ ในใบความรู้ที่ 5.2 การสังเคราะหโ์ ปรตนี
4. เมื่อได้ยนิ สัญญาณหมดเวลาใหต้ วั แทนแต่ละกลุ่มตรวจสอบความถูกตอ้ งของกล่มุ อื่น ถา้ พบ
ความผิดพลาดแนะนาแลว้ ให้กล่มุ นั้นปรบั แกใ้ หถ้ กู ต้อง
5. นกั เรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายและสรุปผลการทากจิ กรรม
นายวันชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบตั ขิ องสารพันธกุ รรม 43
ไรโบนวิ คลีโอไทด์ 4 ชนิด
UUUUUUUUUU
UUUUUUUUUU
UUUUUUUUUU
UUUUUUUUUU
UUUUUUUUUU
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
AAAAAAAAAA
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
CCCCCCCCCC
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
GGGGGGGGGG
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมที่ 5 สมบัตขิ องสารพันธกุ รรม 44
แบบทดสอบหลังเรยี น
ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ เรอื่ ง ยนี และโครโมโซม
วิชำ ว30242 ชีววทิ ยำ 2 ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ 4
ชุดกิจกรรมที่ 5 สมบัตขิ องสำรพนั ธกุ รรม
จำนวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำ 10 นำที
คำช้แี จง
1. แบบทดสอบฉบับนเ้ี ปน็ แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก
2. ใหเ้ ลือกคาตอบทเ่ี หมาะสมที่สุดเพียงคาตอบเดียว แลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท (×)
ลงในช่อง ก ข ค หรือ ง ในกระดาษคาตอบ
1. กาหนดให้
1. RNA polymerase เขา้ จบั กับ DNA ตรงบรเิ วณท่ีจะสังเคราะห์ RNA
2. RNA polymerase เชือ่ มไรโบนิวคลีโอไทด์อิสระมาต่อกนั เปน็ สายยาว
3. ไรโบนวิ คลโี อไทด์เขา้ คจู่ ับกับนิวคลโี อไทด์ของ DNA สายแมพ่ มิ พ์
4. DNA 2 สายจะจับคกู่ นั และบิดเปน็ เกลยี วเหมือนเดมิ
5. พันธะไฮโดรเจนระหว่างคเู่ บสสลาย พอลินิวคลีโอไทด์ 2 สายของ DNA คลายเกลียวออก
จากกัน
ลาดบั ขน้ั ตอนของการสงั เคราะห์ RNA ในข้อใดถูกต้อง
ก. 1 5 3 2 4 ข. 1 2 3 4 5
ค. 5 1 3 4 2 ง. 5 1 2 3 4
2. ลาดับกระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตนี เปน็ ดงั ข้อใด ถ้า
1. mRNA เคล่อื นที่จากนวิ เคลียสสไู่ ซโทพลาซมึ
2. กรดอะมโิ นเชือ่ มตอ่ กนั ด้วยพนั ธะเบปไทด์
3. RNA ถอดรหสั มาจาก DNA
4. mRNA พาดอยู่บนไรโบโซม
5. tRNA นากรดอะมโิ นมาท่ี codon
6. หยดุ สงั เคราะหเ์ มอ่ื ถงึ รหัส UGA
ก. 3 4 1 2 5 6 ข. 3 1 4 5 2 6
ค. 3 4 5 2 6 1 ง. 1 2 3 4 5 6
นายวันชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชุดกจิ กรรมที่ 5 สมบัติของสารพันธกุ รรม 45
3. ขอ้ ใดคือความหมายของรหัสพันธุกรรม
ก. ยีนทัง้ หมดที่อยู่บนโครโมโซม
ข. ความสมั พันธ์ระหว่างลาดับนวิ คลีโอไทดก์ บั กรดอะมโิ น
ค. ลาดับเบสของยีน
ง. การแสดงออกทางพนั ธกุ รรมหรอื การแสดงออกของยนี
4. กาหนดให้
ขอ้ ใดถกู ตอ้ งเกยี่ วกับกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตีนทีเ่ กิดในพวกยูคารโิ อต
ตวั เลือก กระบวนกำร บริเวณทเ่ี กิด
12 34
ไซโทพลาซึม นิวเคลียส
ก. transalation transcription ไซโทพลาซึม ไซโทพลาซึม
นวิ เคลยี ส นิวเคลียส
ข. transcription transalation นวิ เคลยี ส ไซโทพลาซมึ
ค. transalation transcription
ง. transcription transalation
5. หากมกี ารถอดรหัสจากโมเลกุล DNA ขา้ งลา่ งนี้ RNA ท่ีสรา้ งไดจ้ ะมลี าดับเบสเปน็ อยา่ งไร
5/… ATGACGA…3/ (template strand)
3/… TACTGCT... 5/ (coding strand)
ก. 5/….AGCAGUA....3/ ข. 5/....AUGACGA...3/
ค. 5/...UCGUCAU...3/ ง. 5/....UACUGCU...3/
6. ในการสังเคราะห์โปรตีนไดก้ รดอะมโิ นท้งั 5 ชนดิ เรียงลาดบั การสังเคราะหด์ งั แผนภาพ
1234253
และมรี หัส codon ในกระบวนการ translation ดังน้ี
ลาดับเบสของ DNA ท่ีควบคุมการสรา้ งโปรตีนชนดิ น้คี อื ขอ้ ใด
ก. ข.
ค. ง.
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม ชุดกิจกรรมท่ี 5 สมบัติของสารพนั ธุกรรม 46
7. ข้อใดผิด Transcription
DNA Replication ใช้ polynucleotide เปน็ แม่แบบสายเดยี ว
ใช้เอนไซม์ RNA polymerase ในการ
ก. ใช้ polynucleotide เป็นแมแ่ บบ 2 สาย สงั เคราะห์
ข. ใชเ้ อนไซม์ DNA polymerase ในการ ใช้ ribonucleotide ประกอบด้วยเบส
AUCG
สงั เคราะห์ สงั เคราะหจ์ ากปลาย 3/ ไป 5/ ของสายใหม่
ค. ใช้ deoxyribonucleotide ประกอบด้วย
เบส A T C G
ง. สงั เคราะห์จากปลาย 5/ ไป 3/ ของสายใหม่
8. ยีนตัวหนึ่งสรา้ งสายพอลเิ ปบไทด์ท่ปี ระกอบด้วยกรดอะมิโน 30 ตัว มีลาดับเริ่มต้นจากโพรลนี
(Pro) สลับกับลิวซนี (Leu) ไปตลอด ถา้ CCU = Leu ขอ้ ใดคือลาดับนิวคลีโอไทด์ในสาย DNA ที่
ถูกถอดรหัส (Transcription)
ก. 5/...CCU CUU CCU CUU CCU… 3/
ข. 3/...GGA GAA GGA GAA GGA… 5/
ค. 5/...GGA GAA GGA GAA GGA… 3/
ง. 3/...CCU CUU CCU CUU CCU… 5/
9. กาหนดให้ DNA สายหนง่ึ มลี าดับเบส ดงั นี้
ลาดับเบสของ mRNA ที่สงั เคราะหไ์ ดใ้ นขอ้ ใดถูกต้อง
ก. 5/ AAGCUCGUUAGCCGAU 3/ ข. 5/ UAGCCGAUUGCUCGAA 3/
ค. 5/ AAGCTCGTTAGCCGAT 3/ ง. 5/ UUCGAGCAAUCGGCUA 3/
10. กาหนดให้ mRNA สายหนึง่ มเี บสจานวน 1,050 เบส mRNA สายนจ้ี ะสามารถสังเคราะห์
โปรตีนท่มี ีกรดอะมโิ นไดม้ ากท่ีสุดก่ีโมเลกลุ
ก. 250 ข. 350 ค. 475 ง. 525
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรยี นบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพนั ธกุ รรม 47
กระดำษคำตอบ
แบบทดสอบหลังเรยี น
ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ เร่ือง ยีนและโครโมโซม
วิชำ ว30242 ชีววิทยำ 2 ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี 4
ชดุ กิจกรรมที่ 5 สมบัติของสำรพันธุกรรม
ชอ่ื -สกุล ……………………………………………………………… ชัน้ ม. 4/…... เลขที่ ……….
ขอ้ ก ตวั เลือก ง
ขค
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
คะแนนเตม็ 10 คะแนน
คะแนนทไ่ี ด้ ……………………….. คะแนน
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กิจกรรมท่ี 5 สมบตั ิของสารพนั ธุกรรม 48
บรรณานุกรม
กติ ติพฒั น์ อุโฆษกิจ. (2549). พนั ธศุ ำสตร์. กรุงเทพฯ : สานักพิมพม์ หาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.
ตรีทพิ ย์ รตั นวรชยั . (2552). อณพู นั ธศุ ำสตร์เบ้อื งต้น มหัศจรรย์ของดีเอน็ เอ. กรุงเทพฯ :
สานกั พมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
ปรชี า สวุ รรณพนิ จิ และนงลักษณ์ สุวรรณพินิจ. (2553). ชีววิทยำ 2. พิมพ์คร้ังท่ี 8. กรงุ เทพฯ :
สานกั พิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
ยภุ า ผลโภค และคณะ. (2546). หลักพนั ธศุ าสตร์. กรงุ เทพฯ : สมาคมพันธศุ าสตรแ์ หง่ ประเทศไทย.
เศรษฐวชั ร ฉ่าศาสตร.์ (2553). พนั ธศุ ำสตร์. เอกสารประกอบการเรียนการสอนวชิ าพนั ธุศาสตร์
มหาวิทยาลยั บูรพา
สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2556). หนังสือเรียนรำยวิชำเพ่มิ เตมิ
ชวี วทิ ยำ เล่ม 4. พิมพค์ รั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สมาน แก้วไวยทุ ธ. (2556). ชีววิทยา ม.6 เล่ม 5. พิมพค์ ร้งั ท่ี 2 . กรงุ เทพฯ : อมรการพมิ พ์.
สุภาลัย ไชตสุต. (2551). พันธุศำสตร์. พิมพค์ รัง้ ท่ี 2 . กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์ของมหาวทิ ยาลัย
รามคาแหง.
Cecie Starr. (2551). ชีววิทยำ 1. แปลโดย ทมี คณาจารย์ ภาควิชาชีววิทยา
มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ . กรงุ เทพฯ : เจเอสที พบั ลิชชิ่ง.
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมที่ 5 สมบตั ิของสารพันธุกรรม 49
แหลง่ ข้อมลู อำ้ งองิ ภำพประกอบ
ภำพหน้ำปก
ภาพพ้นื หลงั . (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก:
https://i.pinimg.com/originals/4d/f9/72/4df972468709971c2faf316dcedd69d
4.jpg (วนั ทสี่ ืบคน้ ขอ้ มูล 26 มิถนุ ายน 2558)
ภาพดเี อ็นเอ. (ออนไลน)์ . เข้าถึงได้จาก:
http://www.nuovapsicologiadisintesi.com/seminari/kryon-il-dna-e-lintenzione-
di-ascendere/ (วันทีส่ ืบค้นขอ้ มูล 26 มถิ นุ ายน 2558)
ภาพดเี อ็นเอ. (ออนไลน)์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://www.pinterest.co.uk/pin/70437471672161/
(วันทส่ี บื คน้ ข้อมูล 26 มิถนุ ายน 2558)
ภาพโครโมโซม. (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://www.youtube.com/watch?v=iaKPHn3Sk3Y (วันทส่ี บื ค้นขอ้ มลู 26
มิถุนายน 2558)
ภาพ X-ray diffraction. (ออนไลน์). เข้าถงึ ไดจ้ าก:
http://dnaandsocialresponsibility.blogspot.com/2011/03/short-and-simple-ish-
guide-to-x-ray.html (วันทีส่ ืบคน้ ขอ้ มลู 26 มิถุนายน 2558)
ภำพพนื้ หลังในเอกสำร
ภาพพน้ื หลงั . (ออนไลน)์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก:
https://www.vexels.com/vectors/preview/76582/spring-grass (วันท่ีสืบค้นขอ้ มูล
27 เมษายน 2558)
ภาพดเี อน็ เอ. (ออนไลน)์ . เข้าถึงได้จาก: https://www.shutterstock.com/image-vector/dna-
strands-vector-76196551 (วนั ทสี่ ืบค้นข้อมลู 27 เมษายน 2558)
ภำพประกอบอนื่ ๆ
ภาพตน้ ไมด้ ีเอน็ เอ. (ออนไลน)์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก: http://www.capturethebrilliance.com/your-
biological-clock/ (วนั ทสี่ ืบคน้ ขอ้ มูล 28 เมษายน 2558)
ภาพดเี อ็นเอบริเวณหัวขอ้ เรื่อง. (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
https://manuelsolanos.wordpress.com/2014/09/25/creatividad-publicitaria-
adn-de-la-marca/ (วันทส่ี ืบคน้ ขอ้ มูล 28 เมษายน 2558)
นายวนั ชัย นราวงษ์ โรงเรยี นบา้ นนา “นายกพทิ ยากร”
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง ยีนและโครโมโซม ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 สมบัตขิ องสารพนั ธุกรรม 50
ภาพพน้ื หลังคาชแี้ จง. (ออนไลน)์ . เขา้ ถึงข้อมลู ไดจ้ าก:
http://pixelbrush.ru/2013/05/19/backgrounds-landscapes-for-children-7-fony-
peyzazhi-dlya-detey-7.html (วันทสี่ บื คน้ ขอ้ มูล 28 เมษายน 2558)
ภาพพืน้ หลงั มาตรฐานการเรยี นร้.ู (ออนไลน)์ . เขา้ ถึงข้อมูลไดจ้ าก: https://suwalls.com/digital-
art/butterfly-in-the-meadow-18580/ (วนั ท่สี ืบค้นข้อมูล 28 เมษายน 2558)
ใบควำมร้ทู ี่ 5.1 กำรสงั เครำะหด์ ีเอน็ เอ
ภาพเดก็ ผชู้ าย. (ออนไลน์). เข้าถงึ ไดจ้ าก:
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.miantan.myoface
(วันทสี่ ืบค้นข้อมลู 27 เมษายน 2558)
ภาพท่ี 5-1 การแสดงออกของขอ้ มูลพนั ธุกรรมผา่ นแกนกลางของชวี วิทยาโมเลกุล. (ออนไลน)์ . เข้าถงึ
ขอ้ มลู ไดจ้ าก: https://intargets.blogspot.com/2016/10/sabias-que-el-5-10-de-
todos-los.html (วันท่ีสืบคน้ ขอ้ มูล 15 พฤษภาคม 2558)
ภาพท่ี 5-2 กระบวนการถอดรหัส และกระบวนการแปลรหสั เพอื่ แปลผลเปน็ โปรตีน. (ออนไลน)์ .
เขา้ ถึงขอ้ มูลไดจ้ าก: http://slideplayer.com/slide/10664124/ (วนั ทีส่ ืบคน้ ขอ้ มูล 15
พฤษภาคม 2558)
ภาพที่ 5-3 สมมติฐานการจาลองตัวเองของ DNA. (ออนไลน์). เข้าถงึ ข้อมูลได้จาก:
https://www.mun.ca/biology/scarr/iGen3_03-01.html (วันท่สี บื คน้ ข้อมลู 15
พฤษภาคม 2558)
ภาพที่ 5-4 การทดลองของ Matthew Meselson และ Franklin Stahl. (ออนไลน์). เขา้ ถึงข้อมูลได้
จาก: http://aboutmolecularbiology.blogspot.com/2017/06/dna-replikasyonu-
bolum-1.html (วันท่สี ืบคน้ ข้อมูล 15 พฤษภาคม 2558)
ภาพที่ 5-6 เอนไซม์เฮลเิ คส โปรตนี ท่ีไปจบั กับดีเอนเอสายเดย่ี ว (SSB) และโทโปไอโซเมอเรส
(topoisomerase). (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ขอ้ มูลไดจ้ าก: http://www.investingbb.com/dna-
replication-definition.html (วันทสี่ ืบคน้ ข้อมลู 15 พฤษภาคม 2558)
ภาพท่ี 5-7 รปู แบบและองค์ประกอบต่าง ๆ ในการสังเคราะห์ดีเอน็ เอ. (ออนไลน์). เข้าถึงขอ้ มูลได้จาก:
https://www.news-medical.net/life-sciences/DNA-Replication-and-Repair.aspx
(วนั ทสี่ บื ค้นข้อมลู 15 พฤษภาคม 2558)
ใบกิจกรรมที่ 5.1.1 กำรสังเครำะห์ดีเอ็นเอ
ภาพพนื้ หลงั กรอบใบกิจกรรมท่ี 5.1.1 การสังเคราะห์ดเี อ็นเอ. (ออนไลน)์ . เข้าถึงขอ้ มูลไดจ้ าก:
http://tablatelee.blogspot.com/ (วนั ท่สี บื ค้นขอ้ มลู 15 พฤษภาคม 2558)
นายวนั ชยั นราวงษ์ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร”