ประวตั ิความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอรท์ ่ีเราใชก้ นั อย่ทู กุ วนั นีเ้ ป็นผลมาจยากการประดิษฐ์คิดคน้ เครื่องมือในการ
คานวณซง่ึ มีวิวฒั นาการนานมาแลว้ เรม่ิ จากเครอื่ งมอื ในการคานวณเครื่องแรกคอื
"ลกู คดิ " (Abacus)
ท่สี รา้ งขนึ้ ในประเทศจีน เม่อื ประมาณ 2,000-3,000 ปีมาแลว้
จนกระท่ังในปี พ.ศ.
2376 นักคณิตศาสต์ชาวอังกฤษ ช่ือ ชาร์ล แบบเบจ
(Charles Babbage)
ไดป้ ระดษิ ฐ์เครอ่ื งวเิ คราะห์ (Analytical Engine)
สามารถคานวณค่าของตรีโกณมิติ ฟังกช์ ่นั ต่างๆ ทาง
คณิตศาสตร์ การทางานของเครื่องนีแ้ บ่งเป็น 3 ส่วน
คือ ส่วนเก็บขอ้ มูล ส่วนคานวณ และส่วนควบคุม ใช้
ระบบพลงั เครื่องยนตไ์ อนา้ หมุนฟันเฟื อง มีขอ้ มูลอยู่
ในบตั รเจาะรู คานวณไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ และเก็บขอ้ มลู
ในหน่วยความจา ก่อนจะพิมพอ์ อกมาทางกระดาษ
หลกั การของแบบเบจนีเ้ องท่ีไดน้ ามาพฒั นาสรา้ งเครื่องคอมพิวเตอรส์ มยั ใหม่ เราจึงยกย่องให้
แบบเบจเป็น บดิ าแหง่ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์
หลงั จากนนั้ เป็นตน้ มา ไดม้ ผี ปู้ ระดิษฐ์เครือ่ งคอมพิวเตอรข์ นึ้ มามากมายหลายขนาด ทา
ใหเ้ ป็นการเรม่ิ ยคุ ของคอมพวิ เตอรอ์ ย่างแทจ้ รงิ โดยสามารถจดั แบ่งคอมพวิ เตอรอ์ อกไดเ้ ป็น 5
ยคุ
ยคุ ท่ี 1 (พ.ศ. 2489-2501) "ยคุ หลอดสญุ ญากาศ"
หลอดสญุ ญากาศ
เป็นการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอรท์ ่ีมิใช่เคร่ืองคานวณ โดยเมาชล์ ีและเอ็กเคอรต์
(Mauchly and Eckert) ไดน้ าแนวความคิดนนั้ มาประดิษฐ์เป็นเครื่องคอมพิวเตอรท์ ่ีมี
ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ม า ก เ ค ร่ื อ ง ห น่ึ ง เ รี ย ก ว่ า ENIAC (Electronic Numericial
Integrator and Calculator)
ENIAC
ซ่งึ ต่อมาไดท้ าการปรบั ปรุงการทางานของเครื่องคอมพิวเตอรใ์ หม้ ีประสิทธิภาพดีย่ิงขนึ้ และ
ไดป้ ระดิษฐ์เคร่ือง UNIVAC (Universal Automatic Computer) ขนึ้ เพ่ือใชใ้ น
การสารวจสามะโนประชากรประจาปี
UNIVAC
จึงนบั ไดว้ ่า UNIVAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอรเ์ ครื่องแรกของโลกท่ี ถกู ใชง้ านในเชิง
ธรุ กิจ ซง่ึ นบั เป็นการเรม่ิ ของเคร่ืองคอมพวิ เตอรใ์ นยคุ แรกอยา่ งแทจ้ ริง เครื่องคอมพวิ เตอรใ์ นยคุ
นใี้ ชห้ ลอดสญุ ญากาศในการควบคมุ การทางานของเครอ่ื ง ซง่ึ ทางานไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ แต่มีขนาด
ใหญ่มากและราคาแพง ยคุ แรกของคอมพวิ เตอรส์ นิ้ สดุ เม่ือมีผูป้ ระดิษฐท์ รานซสิ เตอรม์ าใชแ้ ทน
หลอดสญู ญากาศ
ลกั ษณะเฉพาะของเครื่องคอมพวิ เตอรย์ คุ ที่ 1
ใช้อุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นส่วนประกอบหลัก ทาให้
ตัวเคร่ืองมีขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และเกิดความรอ้ นสูงทางานดว้ ยภาษาเคร่ือง
(Machine Language) เทา่ นนั้
เ ร่ิ ม มี ก า ร พั ฒ น า ภ า ษ า สั ญ ลั ก ษ ณ์
(Assembly / Symbolic Language) ขึ้น
ใชง้ าน
ยคุ ท่ี 2 (พ.ศ.2502-2506) "ยคุ ทรานซิสเตอร"์
มีการนาทรานซิสเตอร์ มาใชใ้ นเครื่องคอมพิวเตอรจ์ ึงทาใหเ้ คร่ืองมีขนาดเล็กลง และ
สามารถเพิ่มประสทิ ธิภาพในการทางานใหม้ ีความรวดเรว็ และแมน่ ยามากย่ิงขนึ้ นอกจากนี้ ใน
ยคุ นีย้ งั ไดม้ ีการคิดภาษาเพ่ือใชก้ บั เคร่ืองคอมพิวเตอรเ์ ช่น ภาษาฟอรแ์ ทน (FORTRAN) จึง
ทาใหง้ ่ายต่อการเขยี นโปรแกรมสาหรบั ใชก้ บั เคร่ือง
ทรานซสิ เตอร์
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพวิ เตอรย์ ุคที่ 2
ใช้อุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซ่ึงสร้างจากสารกึ่งตัวนา (Semi-
Conductor) เป็นอุปกรณ์หลัก แทนหลอดสุญญากาศ เน่ืองจากทรานซิสเตอรเ์ พียงตวั
เดียว มีประสิทธิภาพในการทางานเทียบเท่าหลอดสุญญากาศไดน้ ับรอ้ ยหลอด ทาใหเ้ ครื่อง
คอมพวิ เตอรใ์ นยคุ นีม้ ขี นาดเลก็ ใชพ้ ลงั งานไฟฟ้านอ้ ย ความรอ้ นต่า ทางานเรว็ และไดร้ บั ความ
น่าเช่อื ถือมากย่งิ ขนึ้
เก็บขอ้ มลู ได้ โดยใชส้ ว่ นความจาวงแหวนแมเ่ หลก็ (Magnetic Core)
มีความเรว็ ในการประมวลผลในหนง่ึ คาส่งั ประมาณหนึ่งในพนั ของวินาที
ส่ังงานได้สะดวกมากขึ้น เน่ืองจากทางานด้วยภาษ าสัญลักษณ์ ( Assembly
Language) เร่มิ พฒั นาภาษาระดบั สงู (High Level Language) ขนึ้ ใชง้ านในยคุ นี้
ภาษา Assembly
ยคุ ท่ี 3 (พ.ศ.2507-2512) "ยคุ วงจรรวม"
คอมพิวเตอรใ์ นยคุ นีเ้ ร่มิ ตน้ ภายหลงั จากการใชท้ รานซิสเตอรไ์ ดเ้ พียง 5 ปี เน่ืองจากไดม้ ี
การประดิษฐ์คิดคน้ เก่ียวกบั วงจรรวม (Integrated-Circuit) หรือเรียกกนั ย่อๆ ว่า "ไอซี"
(IC) ซ่ึงไอซีนีท้ าใหส้ ่วนประกอบและวงจรต่างๆ สามารถวางลงไดบ้ นแผ่นชิป (chip) เล็กๆ
เพียงแผ่นเดียว จงึ มีการนาเอาแผน่ ชปิ มาใชแ้ ทนทรานซิสเตอรท์ าใหป้ ระหยดั เนอื้ ท่ไี ดม้ าก
Integrated-Circuit) วงจรรวม
น อ ก จ า ก นี้ยั ง เ ร่ิ ม มี ก า ร ใ ช้ง า น ร ะ บ บ จั ด ก า ร ฐ า น ข้อ มู ล ( Data Base
Management Systems : DBMS) และมกี ารพฒั นาเคร่ืองคอมพวิ เตอรใ์ หส้ ามารถ
ทางานร่วมกันไดห้ ลายๆ งานในเวลาเดียวกนั และมีระบบท่ีผใู้ ชส้ ามารถโตต้ อบกับเครื่องได้
หลายๆ คน พรอ้ มๆ กนั (Time Sharing)
ลกั ษณะเฉพาะของเครอื่ งคอมพวิ เตอรย์ คุ ที่ 3
ใชอ้ ุปกรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกล
ขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) เป็นอปุ กรณห์ ลกั
ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคาส่ัง ประมาณหน่ึงในล้านของวินาที
(Microsecond : mS) (สงู กวา่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอรใ์ นยคุ ท่ี 1 ประมาณ 1,000 เทา่ )
ทางานไดด้ ว้ ยภาษาระดบั สงู ท่วั ไป
ยคุ ท่ี 4 (พ.ศ.2513-2532) "ยคุ วีแอลเอสไอ"
เป็นยุคท่ีนาสารกึ่งตวั นามาสรา้ งเป็นวงจรรวมความจุสงู มาก (Very Large Scale
Integrated : VLSI) ซ่งึ สามารถย่อส่วนไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเขา้ มาในวงจรเดียวกัน
และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขึน้ ทาใหเ้ ครื่องมีขนาดเล็ก
ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทางานสูงและรวดเร็วมาก จึงทาใหม้ ีคอมพิวเตอรส์ ่วน
บคุ คล (Personal Computer) ถือกาเนิดขนึ้ มาในยคุ นี้
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพวิ เตอรย์ ุคท่ี 4
ใชอ้ ปุ กรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และ
วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เป็น
อปุ กรณห์ ลกั
มีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคาส่ัง ประมาณหน่ึงในพันล้านวินาที
(Nanosecond : nS) และพัฒนาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคาส่ัง
ประมาณหนึง่ ในลา้ นลา้ นของวนิ าที (Picosecond : pS)
ยคุ ที่ 5 (พ.ศ.2533-ปัจจบุ ัน) "ยุคเครือข่าย"
ในยคุ นีไ้ ดม้ ่งุ เนน้ การพฒั นา ความสามารถในการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ และ
ความสะดวกสบายในการใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอรอ์ ย่างชัดเจนมีการพัฒนาสรา้ งเครื่อง
คอมพวิ เตอรแ์ บบพกพาขนาดเลก็ (Portable Computer) ขนึ้ ใชง้ านในยคุ นี้
โครงการพฒั นาอปุ กรณ์ VLSI ใหใ้ ชง้ านงา่ ย และมคี วามสามารถสงู ขนึ้ รวมทง้ั โครงการวิจยั
และพัฒนาเก่ียวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหัวใจของ
การพฒั นาระบบคอมพิวเตอรใ์ นยคุ นี้ โดยหวงั ใหร้ ะบบคอมพิวเตอรม์ คี วามรู้ สามารถวิเคราะห์
ปัญหาดว้ ยเหตผุ ล
องคป์ ระกอบของระบบปัญญาประดษิ ฐ์ ประกอบดว้ ย 4 หวั ขอ้ ไดแ้ ก่
1. ระบบหนุ่ ยนต์ หรอื แขนกล (Robotics or Robotarmystem)
ห่นุ จาลองรา่ งกายมนษุ ยท์ ่ีควบคมุ การทางานดว้ ยเครื่องคอมพิวเตอร์ มีจดุ ประสงค์
เพ่ือใหท้ างานแทนมนุษยใ์ นงานท่ีตอ้ งการความเร็ว หรือเส่ียงอนั ตราย เช่น แขนกลในโรงงาน
อตุ สาหกรรม หรอื หนุ่ ยนตก์ รู้ ะเบิด เป็นตน้
2. ระบบประมวลภาษาพดู (Natural Language Processing System)
ก า ร พั ฒ น า ใ ห้ร ะ บ บ ค อ ม พิ ว เ ต อ ร ์ส า ม า ร ถ สั ง เ ค ร า ะ ห์เ สี ย ง ท่ี มี อ ยู่ ใ น ธ ร ร ม ช า ติ
(Synthesize) เพ่ือส่ือความหมายกับมนุษย์ เช่น เคร่ืองคิดเลขพูดได้ ( Talking
Calculator) หรอื นาฬกิ าปลกุ พดู ได้ (Talking Clock) เป็นตน้
3. การรูจ้ าเสียงพดู (Speech Recognition System)
การพัฒนาใหร้ ะบบคอมพิวเตอรเ์ ขา้ ใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจาคาพูดของ
มนุษยไ์ ดอ้ ย่างต่อเน่ือง กล่าวคือเป็นการพฒั นาใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอรท์ างานไดด้ ว้ ยภาษาพดู
เช่น งานระบบรกั ษาความปลอดภยั งานพิมพเ์ อกสารสาหรบั ผพู้ ิการ เป็นตน้
4. ระบบผการพัฒนาใหร้ ะบบคอมพิวเตอรม์ ีความรู้ รูจ้ ักใชเ้ หตุผลในการวิเคราะห์
ปัญหา โดยใชค้ วามรูท้ ่ีมี หรือจากประสบการณใ์ นการแกป้ ัญหาหนึง่ ไปแกไ้ ขปัญหาอ่ืนอย่างมี
เหตผุ ล ระบบนจี้ าเป็นตอ้ งอาศยั ฐานขอ้ มลู (Database) ซ่งึ มนษุ ยผ์ มู้ คี วามรูค้ วามสามารถ
เป็นผกู้ าหนดองคค์ วามรูไ้ วใ้ นฐานขอ้ มลู ดงั กลา่ ว เพ่ือใหร้ ะบบคอมพิวเตอรส์ ามารถวิเคราะห์
ปัญหาต่างๆ ไดจ้ ากฐานความรูน้ นั้ เช่น เคร่อื งคอมพิวเตอรว์ ิเคราะหโ์ รค หรอื เครอื่ งคอมพิวเตอร์
ทานายโชคชะตา เป็นตน้
..................................................................