ขนมไทยเป็ นขนมไทยชนิดหน่งึ ท่ีมี ความ ละเอยี ดอ่อน
ประณีตใน วธิ ีการทา ทีพ่ ถิ พี ถิ นั รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสัน
สวยงาม รูปลกั ษณ์ชวนรับประทาน ซึ่งขนมเทียนมกั ทา
กนั ในเทศกาลสาคญั เช่นงานมงคล ผ้จู ดั ทาหวงั ว่า โครงงาน
การงานอาชีพและเทคโนโลยี เร่ือง ขนมไทยหรรษา ฉบับนีจ้ ะ
เป็ นประโยชน์ต่อผ้ทู ่ีสนใจศึกษา หากมีข้อผดิ พลาดประการใด
คณะผ้จู ดั ทากข็ ออภยั มา ณ ทน่ี ีด้ ้วย
ผู้จัดทา
ด.ช. กฤษฎา อนุโลม
ด.ช. อนุวฒั สมทอง
นางสาว ศศิวมิ ล จนั ทร์ภัคดี
วนั ที่ 29/06/65
สารบญั
เรอ่ื ง หน้า
ฝอยทอง 1
ทองหยอด 2
ทองหยบิ 3
เม็ดขนุน 4
จ่ามงกฎุ 5
ฝอยทอง
ฝอยทอง เป็นขนมโปรตุเกส ลกั ษณะเป็นเส้นฝอยสีทอง ทำจำก
ไขแ่ ดงของไข่เป็ด เคี่ยวในน้ำเดือดและน้ำตำลทรำย ชำว
โปรตุเกสใชร้ ับประทำนกบั ขนมปัง กบั อำหำรม้ือหลกั จำพวก
เน้ือสตั ว์ และใชร้ ับประทำนกบั ขนมเคก้
ทองหยอด
ทองหยอดเป็นขนมโบรำณชนิดหน่ึง ควำมรู้ท่ีมีมำแต่เดิม
ผสมผสำนกบั ควำมรู้ทอ้ งถิ่น
ปรุงแต่งอำหำรข้ึนใหม่ จนเป็นท่ีรู้จกั คือ ทองหยิบ
ทองหยอด ฝอยทอง (เดิมชำวโปรตุเกสกินกบั เน้ือ
ยำ่ งเป็นอำหำรคำว)นบั เป็นขนมช้นั ดี ใชใ้ นงำน
มงคลต่ำง ๆ ซ่ึงคนไทยเรำยงั ถือเคลด็ กนั อยจู่ ึงใช้
ขนมท่ีข้ึนตน้ ดว้ ยทอง เพ่ือใหเ้ กิดควำมเป็นมงคล
ตำมชื่อขนม
ทองหยบิ
ทองหยบิ เป็นขนมโบรำณท่ีอยใู่ นชุดของขนม
ท่ีใชใ้ นงำนมงคลต่ำง ๆ เช่นกนั เพรำะข้ึนตน้ ดว้ ยทอง
ซ่ึงมีลกั ษณะและสีคลำ้ ยกนั ท้งั ทองหยบิ ทองหยอด ฝอยทอง
ดงั น้นั เมื่อนำมำใชใ้ นพธิ ีจะใชเ้ ป็นชุดท้งั หมด ซ่ึงนอกจำกจะถือ
เคลด็ ท่ีช่ือขนมข้ึนตน้ ดว้ ยทองแลว้ ยงั ถือเคลด็ ช่ือต่อทำ้ ยคือหยบิ
ซ่ึงหมำยถึงหยบิ เงินหยิบทอง อนั จะนำไปสู่ควำมร่ำรวยต่อไป
เมด็ ขนนุ
เมด็ ขนุน เป็นขนมท่ีถือเป็นยอดขนม
ในสมยั โบรำณชนิดหน่ึงใชส้ ำหรับเล้ียง พระหรือเล้ียงแขกโดย
ในสมยั โบรำณจะ ใชเ้ มด็ ขนุนตม้ ใหส้ ุกแลว้ บดละเอียดนำ ไป
กวนแลว้ ป้ันใหเ้ หมือนเมด็ ขนุนจริงๆ จึงเรียกว่ำเมด็ ขนุนใน
ปัจจุบนั ใชว้ สั ดุ หลำยอยำ่ งเช่นแหว้ เผอื ก สำเก และถวั่ เขียว
แต่ท่ีไดร้ ับควำมนิยมจะเป็นเมด็ ขนุนถวั่ และเผอื ก
จ่ำมงกฎุ
จ่ำมงกฎุ เป็นขนมไทยโบรำณท่ีหำรับประทำน ไดย้ ำกใชเ้ วลำใน
กำรทำนำนสมยั โบรำณจดั เป็นขนมในรำชสำนกั เป็นเคร่ืองเสวย
สำหรับ ถวำยพระเจำ้ แผน่ ดินดงั พระรำชนิพนธก์ ำพยเ์ ห่ ชม
เครื่องคำวหวำนในรัชกำลที่2กล่ำวถึงขนม จ่ำมงกฎุ วำ่ "งำมจริง
จ่ำมงกฎุ ใส่ช่ือดุจ มงกฎุ ทองเรียมร่ำคำนึงปองสะอิง้ นอ้ งน้นั เคย
ยล "