( 2 ) กำรกำ� หนดมำตรฐำนผลกำรเรยี นรู้
กรอบมำตรฐำนคุณวุฒิระดับอุดมศึกษำวำงแนวทำง
ก ำ ร ก� ำ ห น ด ม ำ ต ร ฐ ำ น ผ ล ก ำ ร เ รี ย น รู้ ไ ว้ เ ป็ น ม ำ ต ร ฐ ำ น ขั้ น ต่� ำ
ประกอบด้วยองค์ประกอบด้ำนคุณธรรม จริยธรรม ด้ำนควำมรู้
ด้ำนทักษะปัญญำ ด้ำนทักษะควำมสัมพั นธ์ระหว่ำงบุคคลและ
ควำมรับผิดชอบ ด้ำนทักษะกำรวิเครำะห์เชิงตัวเลข กำรสื่อสำร
และกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ อย่ำงไรก็ดี ส�ำหรับบำงสำขำ
วิชำอำจมีกำรก�ำหนดองค์ประกอบเพิ่ มเติมเพ่ื อให้สอดคล้อง
กับวิชำชีพได้ ส�ำหรับสำขำวิชำที่เกี่ยวข้องกับกิจกำรส่ือสำร
มวลชน คณะผู้วิจัยเห็นว่ำมีควำมจ�ำเป็นอย่ำงย่ิงท่ีจะต้อง
มีกำรพิ จำรณำองค์ประกอบเฉพำะส�ำหรับวิชำชีพนักสื่อสำร
มวลชน เน่ืองด้วยกำรท�ำงำนของนักส่ือสำรมวลชนสำมำรถ
ส ร้ ำ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ สั ง ค ม แ ล ะ ส ำ ธ ำ ร ณ ะ ไ ด้ อ ย่ ำ ง ใ ห ญ่ ห ล ว ง
นักส่ือสำรมวลชนถูกคำดหวังจำกประชำชนและสังคมมิใช่เพ่ื อ
ให้ผลของกำรท�ำงำนมีผลต่อปัจเจกชน แต่มีผลต่อสำธำรณะใน
วงกวำ้ ง ระดบั กำรถกู คำดหวงั จงึ สงู กวำ่ อำชพี อน่ื ในมติ ทิ กี่ วำ้ งกวำ่
เน่ืองจำกกำรสื่อข้อมูลข่ำวสำรในปัจจุบันนั้น สำรที่เผยแพร่ออก
ไปสำมำรถรับรู้และถูกส่งต่อได้อย่ำงไม่จบส้ิน ดังนั้น มำตรฐำน
ผลกำรเรียนรู้จึงต้องครอบคลุมถึงขอบเขตกำรท�ำงำนและ
ผลกระทบจำกกำรทำ� งำนของนกั สอื่ สำรมวลชน สถำบนั อดุ มศกึ ษำ
จึงสำมำรถน�ำตัวแบบสมรรถนะนักสื่อสำรมวลชนรุ่นใหม่มำปรับ
ประยกุ ตก์ ำ� หนดเปน็ องคป์ ระกอบดำ้ นสมรรถนะแหง่ วชิ ำชพี สำ� หรบั
กำรกำ� หนดมำตรฐำนผลกำรเรยี นรขู้ องนสิ ติ นกั ศกึ ษำในสำขำวชิ ำ
ท่ีเก่ยี วข้องกบั กำรสอ่ื สำรมวลชน
( 3 ) กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้
เนื่องด้วยกำรประเมินสมรรถนะมีหลักแนวคิดและวิธีกำร
ประเมินเพ่ื อวัดสมรรถนะหรือระดับสรรถนะแตกต่ำงจำก
กำรวัดองค์ควำมรู้และกำรวัดทักษะ กำรประเมินผลกำรเรียนรู้
ในด้ำนกำรพั ฒนำสมรรถนะตำมที่ก�ำหนดในมำตรฐำนผลกำร
เรียนรู้ของนสิ ิต นักศึกษำ จึงตอ้ งมีวธิ หี รือกระบวนกำรประเมนิ ท่ี
แตกตำ่ งไป อย่ำงไรก็ดี ภำยใตโ้ ครงกำรโครงกำรวจิ ัยและพัฒนำ
43
44
สมรรถนะและระบบประเมินสมรรถนะส�ำหรับบุคลำกรด้ำนส่ือสำร
มวลชนรุ่นใหม่ ได้มีกำรศึกษำควำมเป็นไปได้ในกำรพั ฒนำระบบ
ประเมินสมรรถนะแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมท้ังได้มีกำรออกแบบ
ร่ำงของระบบประเมินดังกล่ำวไว้แล้ว ในกำรด�ำเนินโครงกำร
ระยะที่ 2 คณะผู้วิจัยจะได้ท�ำกำรพั ฒนำระบบประเมินสมรรถนะ
นักสื่อสำรมวลชนรุ่นใหม่ท่ีสำมำรถประเมินรำยกำรสมรรถนะ
ได้อย่ำงสอดคล้องกับตัวแบบสมรรถนะที่ได้วิจัยและพั ฒนำขึ้นไว้
แลว้ ในระยะที่ ๑ ของโครงกำร เมอื่ ระบบประเมนิ ไดร้ บั กำรพัฒนำเสรจ็
สนิ้ เปน็ ทเี่ รยี บรอ้ ย คณะผวู้ จิ ยั ภำยใตก้ ำรสนบั สนนุ และควำมตกลง
กับกองทุนวิจัยและพั ฒนำกิจกำรกระจำยเสียง กิจกำรโทรทัศน์
และกจิ กำรโทรคมนำคม เพ่ือประโยชนส์ ำธำรณะ จะไดเ้ ผยแพรร่ ะบบ
ให้สำมำรถใช้งำนไดท้ ว่ั ไป
( 4 ) คณำจำรยแ์ ละแนวทำงกำรพัฒนำคณำจำรย์
จ ำ ก ข้ อ เ ส น อ แ น ะ ข อ ง ผู้ ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ ที่ ร่ ว ม วิ พ ำ ก ษ์
เพ่ื อพั ฒนำตัวแบบสมรรถนะนักส่ือสำรมวลชนรุ่นใหม่ ได้มีกำร
อภิปรำยถึงสมรรถนะของคณำจำรย์ผู้มีหน้ำที่จัดกำรเรียนรู้ให้แก่
นกั สอื่ สำรมวลชนรนุ่ ใหม่ ซง่ึ คำดหวงั ใหค้ ณำจำรยไ์ ดม้ กี ำรพัฒนำ
องค์ควำมรู้ให้ทันสมัยทันต่อกำรเปล่ียนแปลง สำมำรถเข้ำใจ
ถงึ ควำมลำ้ หลงั ขององคค์ วำมรเู้ ดมิ เพิ่มเตมิ องคค์ วำมรใู้ หม่ และ
ให้ควำมส�ำคัญกับกำรแปรเปลี่ยนขององค์ควำมรู้ที่เป็นพลวัตร
และมกี ำรบรู ณำกำรเขม้ ขน้ ขนึ้ ทง้ั ภำยในกลมุ่ สำขำวชิ ำเดยี วกนั และ
แบบข้ำมกลุ่มสำขำวิชำ รวมทั้งกำรให้ควำมส�ำคัญถึงกำรพัฒนำ
สมรรถนะของคณำจำรย์ที่สอดคล้องกับสมรรถนะนักสื่อสำร
มวลชนรุ่นใหม่ตำมตัวแบบที่พั ฒนำขึ้นจำกงำนวิจัยนี้ อันได้น�ำ
ไปสู่ข้อเสนอแนะว่ำ สถำบันอุดมศึกษำควรพิ จำรณำน�ำรำยกำร
สมรรถนะและรำยละเอียดของสมรรถนะแต่ละรำยกำรตำมตัวแบบ
สมรรถนะทพี่ ัฒนำขนึ้ นไี้ ปใชป้ ระกอบกำรพัฒนำคณำจำรยใ์ นสำขำ
วิชำที่เกีย่ วขอ้ งกบั กำรส่ือสำรมวลชน
45
46
( 5 ) ทรัพยำกรกำรเรยี นกำรสอนและกำรจดั กำร
สิ่ ง ท่ี ค้ น พ บ จ ำ ก ก ำ ร เ ก็ บ ข้ อ มู ล ร ะ ห ว่ ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ
วิจัย พบว่ำ ทรัพยำกร อันหมำยรวมถึงห้องเรียนปฏิบัติกำร
เคร่ืองมือและอุปกรณ์ประกอบกำรเรียนรู้ รวมท้ังซอฟท์แวร์
คอมพิวเตอร์ ตำ่ ง ๆ ที่จัดไว้ส�ำหรบั กำรจดั กำรเรียนรใู้ นหลกั สูตร
ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั กำรสอ่ื สำรมวลชนของสถำบนั อดุ มศกึ ษำแตล่ ะแหง่
มีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงมีนัยส�ำคัญสืบเนื่องด้วยปัจจัยด้ำน
สำขำและแขนงวชิ ำของหลกั สตู รทจ่ี ดั ดำ้ นกำรวำงแผนและบรหิ ำร
จัดกำร และด้ำนงบประมำณและทรัพยำกร อย่ำงไรก็ดี สิ่งท่ีค้น
พบเพ่ิ มเติมคือ ไม่ว่ำสถำบันอุดมศึกษำจะจัดเตรียมทรัพยำกร
ไว้อย่ำงไร ประสบกำรณ์ที่นิสิต นักศึกษำได้รับจำกกำรจัด
กำรเรียนรู้ภำยในสถำบันมักจะแตกต่ำงไปจำกควำมคำดหวังและ
บริบทกำรท�ำงำนจริงในสถำนประกอบกำร ส่วนท่ีเป็นกำรเสริม
สรำ้ งประสบกำรณก์ ำรเรยี นรใู้ นหลกั สตู รทีม่ คี ณุ คำ่ ตอ่ บณั ฑติ เมือ่
ส�ำเร็จกำรศึกษำและเข้ำท�ำงำนในสถำนประกอบกำรคือ ช่วงกำร
ฝึกงำน และกำรเรียนรู้แบบสหกจิ ศกึ ษำ เนือ่ งจำกนสิ ติ นกั ศกึ ษำ
ได้มีโอกำสรับประสบกำรณ์กำรท�ำงำนจริงในสถำนประกอบกำรท่ี
ใช้เคร่อื งมือ อุปกรณ์ และซอฟทแ์ วร์ในกำรด�ำเนนิ กิจกำร ดังนัน้
สถำบันอุดมศึกษำควรพิ จำรณำแนวทำงกำรยกระดับควำมร่วม
มือกับสถำนประกอบกำร เพ่ือให้สถำนประกอบกำรมีส่วนร่วมใน
กำรผลติ บณั ฑติ โดยมงุ่ ใหบ้ ณั ฑติ สำมำรถเขำ้ สตู่ ลำดแรงงำนดว้ ย
ควำมพร้อมที่จะท�ำงำนสนองต่อควำมต้องกำรผู้ใช้บัณฑิตอย่ำง
สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทและสภำพกำรทำ� งำนจรงิ ลดภำระกำรเตรยี ม
ควำมพร้อมและกำรสอนงำนในระยะเร่ิมต้นให้แก่บัณฑิตจบใหม่
กำรยกระดับควำมร่วมมือมีหลำกหลำยแนวทำงภำยใต้แนวคิด
กำรทำ� ควำมรว่ มมอื ทำงวชิ ำกำรของสถำบนั อดุ มศกึ ษำซง่ึ สถำบนั
สำมำรถพิจำรณำด�ำเนินกำรไดต้ ำมควำมเหมำะสม
47
48
( 6 ) กำรประกนั คณุ ภำพหลกั สตู รและกำรจัดกำรเรียน
กำรสอน
ห นึ่ ง ใ น ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ป ร ะ กั น คุ ณ ภ ำ พ ห ลั ก สู ต ร แ ล ะ
กำรจัดกำรเรียนกำรสอนคือกำรประเมินคุณภำพตำมกรอบ
มำตรฐำนและตัวช้ีวัดท่ีก�ำหนด เพ่ื อให้กำรพั ฒนำสมรรถนะ
นกั ส่อื สำรมวลชนร่นุ ใหม่เป็นไปตำมเป้ำประสงค์ เมอ่ื มกี ำรก�ำหนด
และบูรณำกำรตัวแบบสมรรถนะเข้ำกับหลักสูตรแล้ว สถำบัน
อุดมศึกษำสำมำรถก�ำหนดให้มีกระบวนกำรประเมินสมรรถนะ
ระหว่ำงกำรจัดหลักสูตร ซ่ึงผลจำกกำรประเมินสำมำรถจะ
สะท้อนผลกำรจัดกำรหลักสูตรและสำมำรถใช้เป็นข้อมูลป้อนกลับ
เพื่ อปรับปรุงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้ดีย่ิงข้ึนระหว่ำง
กำรจัดกำรหลกั สูตรไดเ้ ป็นอย่ำงดี
( 7 ) กำรกำ� หนดและออกแบบรำยวิชำ
ตำมโครงสร้ำงหลักสูตรที่พั ฒนำขึ้นโดยผนวกและ
บูรณำกำรหลักกำรพั ฒนำและประเมินสมรรถนะตำมตัวแบบ
สมรรถนะนักสื่อสำรมวลชนรุ่นใหม่ รำยวิชำที่ถูกก�ำหนด
แ ล ะ อ อ ก แ บ บ ใ น ห ลั ก สู ต ร จ ะ ต้ อ ง ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ
ทพ่ี ึงประสงค์ และมำตรฐำนกำรเรยี นรขู้ องหลกั สตู รกำรบรู ณำกำร
หลักสมรรถนะตำมตัวแบบไม่อำจกระทบต่อโครงสร้ำงหลักสูตร
และรำยวิชำของแต่ละสำขำหรือแขนงได้ หลักสูตรยังต้อง
คงไว้ซึ่งรำยวิชำที่จ�ำเป็นส�ำหรับกำรถ่ำยทอดองค์ควำมรู้และ
ทักษะที่พั ฒนำตำมเกณฑ์ พุ ทธิพิ สัย ทักษะพิ สัย และเจตพิ สัย
ของหลักสูตร โดยผนวกรำยกำรสมรรถนะแต่ละรำยกำรเข้ำกับ
ผลกำรเรยี นรทู้ คี่ ำดหวงั และกำรจดั กำรเรยี นรแู้ ละผนวกกำรประเมนิ
สมรรถนะเข้ำกับ กำรประเมินผลกำรเรียนรู้ของแต่ละรำยวิชำ
ทง้ั นี้ สถำบันอดุ มศึกษำไม่จำ� เป็นตอ้ งสร้ำงรำยวชิ ำขึน้ ใหม่สำ� หรบั
กำรพั ฒนำสมรรถนะนักส่ือสำรมวลชนรุ่นใหม่แต่อย่ำงใด
กำรพัฒนำสมรรถนะในหลกั สตู รกำรเรยี นกำรสอนสำมำรถดำ� เนนิ
กำรได้ในกระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ผ่ำนกิจกรรม ทั้งในห้องเรียน
และนอกห้องเรียน รวมท้ังผ่ำนกิจกรรมเสริมสร้ำงกำรเรียนรู้
49
50
นอกรำยวิชำของหลักสูตร อย่ำงไรก็ดี กำรก�ำหนดและออกแบบ
รำยวชิ ำในหลกั สตู รที่มุง่ ผลิตนกั สื่อสำรมวลชนรนุ่ ใหม่ ควรค�ำนึง
ถึงกำรเสริมสร้ำงศักยภำพผู้เรียนด้วยองค์ควำมรู้และทักษะ
ทส่ี ำมำรถรองรบั กำรเปลย่ี นแปลงแบบฉบั พลนั และตอ่ เนอ่ื งได้ โดย
คงสมดลุ กบั กำรถำ่ ยทอดรำกฐำนองคค์ วำมรเู้ ชงิ ทฤษฎี หลกั กำร
หลักวิชำกำร และตรรกะวิทยำ พร้อมส�ำนึกต่อบทบำทร่วมของ
นกั สอื่ สำรมวลชนรนุ่ ใหม่ในกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยนื
51
ตำรำงแนวทำงกำรพั ฒนำ
หลกั สูตร
52
ขอบเขต ประเด็นส�ำคญั เพื่อกำรพัฒนำหลกั สูตรและรำยวชิ ำ
ควำมรู้ 1. เขำ้ ใจถงึ หลักคุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยำบรรณ
วชิ ำชพี และบรรทดั ฐำนทำงสังคมที่เหมำะสม
2. ควำมเขำ้ ใจเกย่ี วกบั ประชำธิปไตย โดยเฉพำะใน
ส่วนทเ่ี กีย่ วกับบทบำท หน้ำที่ และวิธกี ำแสดงออก
ซง่ึ ควำมเป็นพลเมืองที่เหมำะสม
3. ควำมเข้ำใจเกย่ี วกับภำวะผู้น�ำทีถ่ กู ต้อง
4. กำรจดั กำรกำรเปลี่ยนแปลงและกำรบรหิ ำร
ควำมเส่ยี ง
5. กำรรู้เทำ่ ทนั สภำพแวดล้อมของกำรพัฒนำใน
แวดวงกำรสอ่ื สำรมวลชน รวมทัง้ ควำมเสี่ยง
และผลกระทบตอ่ สังคม เศรษฐกจิ และกำรเมอื ง
6. ควำมเขำ้ ใจแนวโน้มของกำรพัฒนำและกำร
เปล่ยี นแปลงทำงสงั คม เศรษฐกิจ และกำรเมอื ง
ท้งั ภำยในและภำยนอกประเทศ
7. ควำมเขำ้ ใจสภำพแวดลอ้ มและรำยะเอียดของกำร
ประกอบกิจกำรทำงดำ้ นส่อื สำรมวลชน
ทักษะ 1. กำรเสรมิ สรำ้ งทักษะทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั กำรปฏบิ ตั ิงำน
ในหลำกหลำยรปู แบบและหลำยหนำ้ ท่ี
2. กำรเสริมสรำ้ งและพัฒนำกำรใชเ้ ทคโนโลยอี ยำ่ ง
สรำ้ งสรรค์ เพื่อประโยชน์สำธำรณะ
3. ควำมสำมำรถในกำรปรับเปลี่ยนแนวทำงหรอื วธิ ี
กำรในกำรสื่อสำรท่เี หมำะสมแก่สถำนกำรณ์และ
กลุ่มคน
4. ควำมสำมำรถในกำรคดิ วเิ ครำะหเ์ ชิงระบบและ
กำรคดิ วเิ ครำะหเ์ ชงิ เหตุผล
พฤตกิ รรม 1. กำรแสดงออกซึ่งภำวะผนู้ ำ� ที่เหมำะสมในกำร
ปฏิบตั งิ ำนเป็นหมูค่ ณะ
2. กำรเสรมิ สร้ำงพฤตกิ รรมกำรทำ� งำนอย่ำง
มืออำชพี และควำมรบั ผดิ ชอบ
53
54
ขอบเขต ประเด็นส�ำคญั เพื่อกำรพัฒนำหลักสูตรและรำยวิชำ
ทศั นคติ 1. กำรเสรมิ สร้ำงควำมตระหนักและยอมรับควำม
แตกตำ่ งในสังคม กำรเคำรพในสทิ ธแิ ละเสรีภำพ
ของกลุ่มคนตำ่ งๆ ในสังคม
2. ควำมตระหนกั ถึงประโยชนส์ ำธำรณะเป็นที่ตั้ง
3. กำรยึดมน่ั ในควำมเป็นวิชำชพี และบรรทดั ฐำนทำง
สงั คมทเ่ี หมำะสม
ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ
จำกขอ้ มลู ตำมตำรำงขำ้ งตน้ คณะผวู้ จิ ยั ไดม้ ขี อ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ เพื่อ
กำรพัฒนำสมรรถนะส�ำหรับนักสื่อสำรมวลชนรุ่นใหม่ โดยครอบคลุมกิจกรรม
กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนในรูปแบบตำ่ งๆ โดยมีรำยละเอียด ดังนี้
( 1 ) รำยวชิ ำท่คี วรต้องบรรจไุ วใ้ นหลกั สูตร ครอบคลมุ รำยวิชำท่ี
เกีย่ วขอ้ งกบั กำร
• คุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยำบรรณวชิ ำชพี
• บทบำทหนำ้ ทขี่ องพลเมืองแบบประชำธปิ ไตย
• บทบำท หนำ้ ท่ี และควำมรบั ผดิ ชอบของสือ่ มวลชน
ท่เี หมำะสมสำ� หรบั กำรพัฒนำสังคม
• กำรพัฒนำทำงสงั คม เศรษฐกจิ และกำรเมอื งในอนำคต
• เทคโนโลยกี ำรสอื่ สำรสมยั ใหมแ่ ละแนวโนม้ ในอนำคต เปน็ ตน้
( 2 ) กจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน ควรมงุ่ เนน้
• กำรฝึกปฏบิ ัติกับอุปกรณห์ รอื เครอ่ื งมือเพื่อเสรมิ สร้ำง
ทกั ษะให้มคี วำมหลำกหลำย
• กำรฝึกปฏบิ ัติในกำรสือ่ สำรในหลำกหลำยรปู แบบและ
วิธกี ำร
• สง่ เสรมิ กำรทำ� งำนรว่ มกันเป็นหมคู่ ณะและกำรรับฟงั
ควำมคิดเห็นทแ่ี ตกตำ่ งอยำ่ งเคำรพ เป็นต้น
นอกจำกน้ี สถำบนั กำรศกึ ษำควรจดั กจิ กรรมเพ่ิมเติม อยำ่ งเช่น กำร
ศึกษำดูงำน กำรฝึกอบรมในหลักสูตรพิเศษทีม่ เี น้อื หำเฉพำะเร่ือง และ/หรอื กำร
เชญิ ผเู้ ชยี่ วชำญในดำ้ นตำ่ งๆ ท่อี ยใู่ นแวดวงสอ่ื สำรมวลชนเพื่อบรรยำยพิเศษ
เป็นต้น
55
แนวทำงกำรกำ� หนดคณุ สมบัติ
เพื่ อกำรสรรหำและกำรพั ฒนำบุคลำกร
56
กำ ร ก� ำ ห น ด คุ ณ ส ม บั ติ ส� ำ ห รั บ ก ำ ร ส ร ร ห ำ แ ล ะ ก ำ ร พั ฒ น ำ บุ ค ล ำ ก ร
นบั เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ของกำรบรหิ ำรจดั กำรทรพั ยำกรมนษุ ยข์ ององคก์ รทกุ
แหง่ และทกุ ขนำด โดยเฉพำะอยำ่ งยง่ิ กำรนำ� แนวคดิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กำรพัฒนำ
สมรรถนะของบุคลำกรเพ่ื อเพ่ิ มประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติงำนและกำรบริหำร
จัดกำรองค์กร ถือเป็นประเด็นท่ีได้รับควำมนิยมแพร่หลำยโดยทั่วไป ในกรณี
ขององคก์ รวิชำชีพที่เกย่ี วข้องกบั กำรกระจำยเสียงและโทรทัศน์ นบั เป็นอำชพี
ทีม่ ีควำมสำ� คญั ทัง้ ในเชงิ เศรษฐกจิ สังคม หรือแมแ้ ตค่ วำมม่นั คงของประเทศ
สื่อตำ่ งๆ ทไ่ี ดร้ ับกำรเผยแพรจ่ ะมีควำมสร้ำงสรรค์หรือไม่ อยำ่ งไร หรอื จะเป็น
ประโยชน์ต่อกำรพั ฒนำประเทศมำกน้อยเพี ยงใด ก็ขึ้นอยู่กับควำมตระหนักรู้
ถงึ บทบำท หน้ำท่ี ทัศนคติ และควำมสำมำรถของบุคลำกรในกจิ กำรดังกล่ำว
ดว้ ยเหตนุ ้ี ขอ้ เสนอแนะแนวทำงกำรประยกุ ตต์ วั แบบสมรรถนะถกู จดั ทำ�
ขนึ้ เพ่ือชว่ ยกำ� หนดคณุ สมบตั สิ ำ� หรบั กระบวนกำรสรรหำและกำรพัฒนำบคุ ลำกร
ของหน่วยงำนทั้งภำครฐั และภำคเอกชน โดยคำดหวงั ว่ำ
( 1 ) ผบู้ รหิ ำรของหน่วยงำนทั้งภำครัฐและภำคเอกชน สำมำรถนำ� ขอ้
เสนอแนะไปใชใ้ นกำรกำ� หนดนโยบำยและแนวทำงกำรสรรหำและพัฒนำศกั ยภำพ
ของบคุ ลำกรภำยในสังกดั ได้
( 2 ) ผบู้ รหิ ำรของหนว่ ยงำนโดยเฉพำะในฝำ่ ยทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั กำรบรหิ ำร
จัดกำรทรัพยำกรมนุษย์ สำมำรถใช้ข้อเสนอแนะดังกล่ำว เป็นแนวทำงในกำร
กำ� หนดกิจกรรมกำรพัฒนำศักยภำพของบุคลำกรได้
สมรรถนะท่กี ำ� หนดในบทท่ี 3 เป็นสมรรถนะในระดับองค์กำร หรืออำจ
กล่ำวได้ว่ำเป็นสมรรถนะข้ันพ้ื นฐำน ซ่ึงบุคลำกรผู้ปฏิบัติหน้ำท่ีอยู่ในองค์กำร
ทกุ คนพึงมแี ละได้รับกำรพัฒนำ ดังนน้ั กำรก�ำหนดคณุ สมบตั เิ พ่ือกำรสรรหำ
และกำรพัฒนำบคุ ลำกรตำมรำยกำรสมรรถนะทีก่ ำ� หนดขำ้ งตน้ จงึ ควรพิจำรณำ
ถงึ ควำมครอบคลมุ ในทกุ ระดบั ตำ� แหนง่ และทกุ สำยงำน ทง้ั นี้ อำจมแี นวทำงและ
วิธีกำรในกำรประยุกต์ท่ีแตกต่ำงตำมประเภทขององค์กำร ระหว่ำงภำครัฐและ
ภำคเอกชน แตกตำ่ งกนั ไปตำมบริบทโดยมีรำยละเอียด ดงั นี้
57
แนวทำงกำรกำ� หนดคณุ สมบตั ิ
เพ่ือกำรสรรหำและวธิ ีกำรประเมนิ
58
กลำ่ วโดยทวั่ ไป องคก์ ำรภำครฐั จะมรี ะบบกำรสรรหำบคุ ลำกรทมี่ แี นวทำงใกล้
เคยี งกนั กลำ่ วคอื ในกรณขี องสว่ นรำชกำร ผสู้ มคั รเขำ้ ทำ� งำนจะตอ้ งสอบ
ผ่ำนภำค ก. ของส�ำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน ในขณะท่หี น่วย
งำนในก�ำกับของรัฐจะใช้วิธีกำรรับสมัครบุคลำกรใหม่ได้โดยตรง ท้ังนี้ ไม่ว่ำ
จะเปน็ สว่ นรำชกำรหรอื หนว่ ยงำนในกำ� กบั ของรฐั จะมกี ำรสอบคดั เลอื กบคุ ลำกร
ใหม่ โดยใช้หลักสมรรถนะในกำรคัดเลือกบุคลำกรเช่นเดียวกัน ในส่วนของ
องค์กำรภำคเอกชน จะมีกำรก�ำหนดแนวทำงกำรสรรหำบุคลำกรใหม่ท่เี ป็นกำร
เฉพำะขององคก์ ำร และอำจมวี ธิ กี ำรทแี่ ตกตำ่ งกนั ไปตำมนโยบำยและแนวปฏบิ ตั ิ
ขององค์กำรนั้น ๆ อย่ำงไรกต็ ำม จำกที่กลำ่ วขำ้ งตน้ ไมว่ ่ำจะเป็นองคก์ ำรภำค
รฐั หรอื องคก์ ำรภำคเอกชน กส็ ำมำรถประยกุ ตร์ ำยกำรสมรรถนะเพื่อกำรกำ� หนด
คณุ สมบัตสิ ำ� หรับกำรสรรหำบคุ ลำกรได้
เม่ือพิ จำรณำในรำยละเอียด กำรประยุกต์รำยกำรสมรรถนะเพ่ื อ
กำรก�ำหนดคุณสมบัติในกำรสรรหำบุคลำกรใหม่ สำมำรถใช้ข้อมูล “ท่ีมำของ
สมรรถนะรำยด้ำน” และข้อมูล “พฤติกรรมส�ำคัญที่สะท้อนกำรแสดงออกซึ่ง
สมรรถนะในแต่ละด้ำน” เป็นข้อมูลประกอบกำรพิ จำรณำก�ำหนดคุณสมบัติใน
กำรสรรหำบคุ ลำกรใหมไ่ ด้ โดยกำรแปลงรำยกำรสมรรถนะให้อยใู่ นรปู แบบของ
ข้อค�ำถำมเชิงสถำนกำรณ์ 2 ด้ำน คอื
• ค�ำถำมเพื่อทดสอบกำรแสดงออกเชงิ ทัศนคติ
• ค�ำถำมเพื่อกำรแสดงออกเชิงพฤติกรรม
โดยสำมำรถแจกแจงรำยละเอียดได้ ดงั น้ี
( 1 ) กำรแสดงออกเชิงทัศนคติ ซึ่งเมื่อพิจำรณำข้อมูล “ที่มำของ
สมรรถนะรำยด้ำน” และข้อมูล “พฤติกรรมส�ำคัญที่สะท้อนกำรแสดงออกซึ่ง
สมรรถนะในแต่ละด้ำน” สำมำรถน�ำมำเป็นข้อมูลพื้ นฐำนส�ำหรับกำรก�ำหนด
คุณสมบัติเก่ียวกับกำรแสดงออกในเชิงทัศนคติได้ โดยท�ำกำรแปลงรำยกำร
ทม่ี ำของสมรรถนะใหอ้ ยใู่ นรปู แบบคำ� ถำมในเชงิ สถำนกำรณ์ เพ่ือกำรวดั มมุ มอง
และทศั นคตขิ องผู้เข้ำรบั กำรสรรหำ โดยค�ำถำมในเชิงสถำนกำรณ์แตล่ ะขอ้ ควร
ตอ้ งมกี ำรกำ� หนดตวั เลอื กคำ� ตอบทอี่ ยใู่ นรปู แบบของทศั นะในกำรตอบสนองตอ่
สถำนกำรณน์ น้ั ๆ ซง่ึ อำจจะมตี วั เลอื กคำ� ตอบ 4 - 5 ขอ้ กำรเลอื กคำ� ตอบในกำร
ตอบสนองต่อสถำนกำรณ์นั้นๆ จะไม่มีค�ำตอบท่ีถูกเพี ยงข้อเดียว แต่จะเป็น
ค�ำตอบที่เหมำะสมท่สี ดุ ส�ำหรับสถำนกำรณ์นัน้ ๆ ดว้ ยวธิ กี ำรน้ี ผู้ออกข้อสอบ
จะต้องพิ จำรณำถึงวัตถุประสงค์และควำมคำดหวังต่อกำรแสดงออกในเชิง
ทัศนคติของผตู้ อบทช่ี ัดเจน และสำมำรถสะทอ้ นสมรรถนะได้อย่ำงชัดเจน
59
60
( 2 ) กำรแสดงออกเชิงพฤติกรรม สำมำรถใช้ข้อมูล “ท่ีมำของ
สมรรถนะรำยด้ำน” และข้อมูล “พฤติกรรมส�ำคัญท่ีสะท้อนกำรแสดงออก
ซ่ึงสมรรถนะในแต่ละด้ำน” มำเป็นข้อมูลพ้ื นฐำนในกำรก�ำหนดกำรทดสอบ
กำรแสดงออกเชิงพฤตกิ รรมไดเ้ ชน่ เดยี วกับแนวทำงตำม ( 1 ) ทัง้ นี้ กำร
แสดงออกเชิงพฤติกรรมจะใช้วิธีกำรสังเกตและประเมินพฤติกรรมกำร
แสดงออกของผเู้ ขำ้ รบั กำรสรรหำในสถำนกำรณต์ ำ่ งๆ ทีถ่ กู กำ� หนดไว้ เชน่ กำร
สังเกตพฤติกรรมกำรท�ำงำนที่มอบหมำยเฉพำะหน้ำ หรือกำรเข้ำร่วมกิจกรรม
แบบกล่มุ หรือกำรใช้สถำนกำรณจ์ �ำลอง (Role Play) เป็นตน้ และอำจหมำย
รวมถงึ กำรสัมภำษณ์และสงั เกตพฤติกรรมกำรแสดงออกไปพร้อมดว้ ยกไ็ ด้
จำกที่กล่ำวมำ วิธีกำรประเมินพฤติกรรมที่ตรงไปตรงมำที่สุด คือ
กำรสังเกตพฤติกรรม ซึ่งกำรสังเกตพฤติกรรมที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด มีเงื่อนไข
ดังนี้
• ผ้สู งั เกตและประเมินต้องดำ� เนินกำรดว้ ยควำมตรงไปตรงมำ
• ผูส้ งั เกตและประเมนิ ตอ้ งใกล้ชิดเพียงพอทีจ่ ะสงั เกต
พฤตกิ รรมต่ำงๆ ของผ้เู ขำ้ รบั กำรสรรหำได้
• ผสู้ งั เกตและประเมนิ ตอ้ งเขำ้ ใจก่อนว่ำ กำรประเมินพฤติกรรม
ไม่ใชก่ ำรวัดควำมรคู้ วำมสำมำรถ
• แบบประเมินพฤตกิ รรมสำมำรถพัฒนำได้หลำยแบบ เชน่
แบบประเมินทใ่ี ช้ควำมถ่ี หรอื มำตรวัดของลิเคิร์ท
(LikertScale) เป็นตน้
61
แนวทำงกำรพั ฒนำศักยภำพ
ของบุคลำกรและวธิ กี ำรประเมนิ
62
โดยหลกั กำรแลว้ กำรพัฒนำศกั ยภำพของบคุ ลำกรดำ้ นสอ่ื สำรมวลชน โดยใช้
หลักสมรรถนะมีลักษณะเช่นเดียวกับกำรพั ฒนำบุคลำกรในสำขำวิชำชีพอ่ืนๆ
โดยทั่วไป ทั้งนี้ หำกพิ จำรณำเฉพำะเจำะจงเฉพำะกรณีกำรประยุกต์รำยกำร
สมรรถนะตำมผลกำรศกึ ษำดงั ปรำกฏในรำยงำนฉบบั น้ี เพ่ือกำรพัฒนำสมรรถนะ
ของนกั สอื่ สำรมวลชนทปี่ ฏบิ ตั งิ ำนอยใู่ นองคก์ รตำ่ งๆ ทงั้ ภำครฐั และภำคเอกชน
สำมำรถดำ� เนนิ กำรได้ โดยมลี ำ� ดับข้นั ตอนและวธิ ีกำร ดงั นี้
( 1 ) กำรประเมินผลเพื่อบ่งชี้ระดบั สมรรถนะรำยบุคคล
วิธีกำรในกำรประเมินผลเพื่ อบ่งชี้ระดับสมรรถนะรำยบุคคล
โดยท่ัวไปจะใช้วิธีกำรประเมินผลกำรปฏิบัติงำนรำยบุคคลประจ�ำปี เพ่ือสะท้อน
ระดบั สมรรถนะ โดยสำมำรถแจกแจงได้ ดงั น้ี
• กำรใช้ผลกำรปฏบิ ัตงิ ำนทเ่ี ป็นเนอ้ื งำน (Task Performance)
เป็นกำรใชผ้ ลกำรปฏบิ ัตงิ ำนที่ไดจ้ ำกเน้อื งำนที่บคุ คลนั้น ๆ
ดำ� เนนิ กำร
• กำรใชผ้ ลกำรปฏบิ ตั งิ ำนทีไ่ มใ่ ช่เนอ้ื งำน แตเ่ ป็นบรบิ ทของ
เนื้องำน (Contextual Performance) เช่น พฤติกรรม
ในกำรปฏบิ ตั งิ ำน กำรเสยี สละ ควำมทุ่มเท ควำมเอำใจใส่
กำรเคำรพในสทิ ธแิ ละเสรภี ำพ และปฏบิ ตั หิ นำ้ ทีโ่ ดย
ปรำศจำกอคติ เป็นตน้
• กำรประเมินแบบรอบดำ้ น (360 Degree Feedback)
เป็นแนวทำงกำรสะทอ้ นลักษณะกำรปฏบิ ัตงิ ำนและ
พฤติกรรมกำรแสดงออกโดยให้เพื่อนรว่ มงำน
ผบู้ งั คับบัญชำ และลกู คำ้ ท�ำหนำ้ ทีใ่ นกำรประเมนิ
( 2 ) กำรพัฒนำสมรรถนะรำยบคุ คล
กำรพั ฒนำสมรรถนะรำยบุคคลสำมำรถด�ำเนินกำรได้ใน
หลำกหลำยรูปแบบ เช่น กำรสัมมนำ กำรประชมุ เชิงปฏบิ ัติกำร กำรระดมสมอง
ก ำ ร ฝึ ก อ บ ร ม ก ำ ร ส อ น ง ำ น ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ดู ง ำ น ก ำ ร ป ร ะ ชุ ม ก ลุ่ ม ย่ อ ย
กำรจดั กจิ กรรมเสริมและกำรบรรยำย เป็นตน้
63
เงอื่ นไขทจ่ี ำ� เป็นส�ำหรับกำรประยุกต์
หลักสมรรถนะเพื่อกำรพัฒนำองคก์ ำร
64
• กำรนำ� สมรรถนะเขำ้ มำใชใ้ นกำรเพิ่มประสทิ ธภิ ำพในกำรบรหิ ำรจดั กำร
ทรัพยำกรมนุษย์ จ�ำเป็นต้องได้รับกำรสนับสนุนจำกผู้บริหำรระดับสูงของ
องค์กำร เพื่อให้กำรด�ำเนินงำนเป็นไปอย่ำงมีประสิทธิภำพและเกิดประสิทธิผล
อยำ่ งเป็นรูปธรรม
• จำกรำยกำรสมรรถนะทกี่ ำ� หนด องคก์ ำรตำ่ งๆ ควรพิจำรณำกำ� หนด
ระดับควำมคำดหวังของสมรรถนะแต่ละตัว ตำมระดับหรือตำมต�ำแหน่งงำน
เพ่ือใชป้ ระกอบกำรประเมินผล
• เพื่ อให้กำรพั ฒนำบุคลำกรด้วยหลักสมรรถนะเป็นไปอย่ำงมี
ประสิทธิภำพ ผู้บังคับบญั ชำและผใู้ ต้บงั คบั บัญชำควรทำ� กำรประเมนิ สมรรถนะ
ในกำรท�ำงำน อย่ำงน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยท�ำกำรประเมินพร้อมกับกำรประเมิน
ผลกำรปฏิบัติงำนประจ�ำปี เพ่ือน�ำไปสู่กำรพิจำรณำจัดท�ำแผนพัฒนำบุคลำกร
รำยบคุ คลได้
• กำรประเมินผลสมรรถนะ ควรเป็นส่วนหน่ึงของเคร่ืองมือ
ในกำรพั ฒนำศักยภำพของบุคลำกร มำกกว่ำจะเป็นกำรน�ำมำใช้ประกอบกำร
พิจำรณำควำมดีควำมชอบประจ�ำปี ทัง้ น้ี เพ่ือไม่ใหเ้ กดิ สภำพบรรยำกำศภำยใน
องค์กำรท่ีเป็นด้ำนลบตอ่ กำรประเมินผล
• ในกระบวนกำรประเมินสมรรถนะ ควรเปิดโอกำสให้บุคลกรสำมำรถ
ประเมนิ ตนเองไดด้ ้วย เพื่อให้เกดิ ควำมตระหนกั ร้ถู งึ กำรพัฒนำตนเอง
65
บทส่งทา้ ย
สมรรถนะ ของบคุ ลากรในวชิ าชพี สอื่ สารมวลชน ตอ้ งมลี กั ษณะ
เฉพาะท่ีสามารถ บูรณำกำรองค์ควำมรู้ แนวคิดและทักษะ
เชงิ สหวทิ ยาการไดร้ อบดา้ น สามารถเผชญิ ความทา้ ทายทางนวตั กรรม
เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลจากพั ฒนาการ
ข อ ง เ ท ค โ น โ ล ยี ไ ด้ มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ป รั บ รู ป แ บ บ แ ล ะ
วิธีการท�างานเพ่ื อรับมือกับกลุ่มอ�านาจ สามารถรักษาความ
อิ ส ร ะ ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ห น้ า ท่ี ข อ ง ส่ื อ ภ า ย ใ น ข อ บ เ ข ต ท่ี ไ ม่ ล ะ เ มิ ด
สิ ท ธิ ข อ ง ผู้ อื่ น แ ล ะ ค ง ไ ว้ ซึ่ ง เ ส รี ภ ำ พ ข อ ง สื่ อ ส า ม า ร ถ
ยื น ห ยั ด ใ น อุ ด ม ก ำ ร ณ์ แ ห่ ง ค ว า ม เ ป็ น สื่ อ เ พื่ อ สั ง ค ม
และประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ส่ือที่น�าเสนอสารที่ ปลอดภัยและ
สรำ้ งสรรค์ ผา่ นสอ่ื ทเี่ ขา้ ถงึ ทกุ ชนชน้ั อยา่ งทว่ั ถงึ สง่ เสรมิ และผลกั
ดนั ความเสมอภาค เทา่ เทยี ม เปน็ ธรรมของพลเมอื งในแตล่ ะภาคสว่ น
สามารถชว่ ยให้กลไกของสังคมดา� เนินไปสู่สังคมทเ่ี จริญแลว้ ได้
นักสื่อสารมวลชนท่ีมีสมรรถนะท่ีจ�าเป็นในการปฏิบัติหน้าท่ี
จะสามารถเป็นนักสื่อสารมวลชนวิชาชีพ ที่แสดงบทบาทน�าและ
เป็นท่ีพ่ึ งของสังคมในฐานะ แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล อุ ด ม ปั ญ ญ ำ
ท่ีสามารถแก้ไขปญั หาและพัฒนาประเทศชาตไิ ด้ในทุกมติ ิ
เกีย่ วกับโครงกำรวิจยั
ตัวแบบสมรรถนะและเนื้อหำในคู่มือเล่มน้ีได้รับกำรพั ฒนำจำกกำรด�ำเนิน
โครงกำรวิจัยและพั ฒนำสมรรถนะ และระบบประเมินสมรรถนะ ส�ำหรับบุคลำกร
ดำ้ นสอื่ สำรมวลชนรนุ่ ใหม่ ซงึ่ ไดร้ บั กำรสนบั สนนุ จำกกองทนุ วจิ ยั และพัฒนำกจิ กำร
กระจำยเสียง กิจกำรโทรทัศน์ และกิจกำรโทรคมนำคม เพ่ื อประโยชน์สำธำรณะ
ภำยใต้ขอบเขตกำรส่งเสริมและสนับสนุนกำรพั ฒนำบุคลำกรด้ำนกิจกำรกระจำย
เสยี ง กิจกำรโทรทัศน์ มเี ป้ำหมำยหลกั เพื่อศึกษำวจิ ยั และพัฒนำตัวแบบสมรรถนะ
ส�ำหรับกำรพั ฒนำนักศึกษำสำขำท่ีเก่ียวข้องกับกิจกำรกระจำยเสียงและโทรทัศน์
มงุ่ หวงั ใหส้ ถำบนั อดุ มศกึ ษำทผ่ี ลติ นกั สอ่ื สำรมวลชน ไดน้ ำ� ผลกำรวจิ ยั ทเ่ี ปน็ ตวั แบบ
สมรรถนะไปใช้ในกำรพั ฒนำศักยภำพของนักศึกษำในสังกัด เพื่ อเป็นกำรเตรียม
ควำมพร้อมของนักศึกษำก่อนส�ำเร็จกำรศึกษำและเข้ำสู่ตลำดแรงงำนได้อย่ำง
สอดคล้องกับบรบิ ท และสภำพแวดลอ้ มท่เี ปลย่ี นแปลงไป
นกั วิจัยและบคุ ลำกรทเ่ี กีย่ วขอ้ งในโครงกำรวจิ ัยนี้ ประกอบด้วย
ชือ่ ต�ำแหนง่
1. ดร.สุณี หงษว์ ิเศษ หัวหนำ้ โครงกำร
2. ผศ.ดร.ฤทธกิ ร ศิรปิ ระเสริฐโชค หัวหนำ้ นกั วจิ ยั
3. ผศ.ดร.ธนวัฒน์ พิมลจนิ ดำ นกั วิจยั
4. ดร.เอกวทิ ย์ โทปุรนิ ทร์ นักวจิ ัย
5. ดร.เมธี ทรัพย์ประสพโชค นักวิจยั
6. ดร.ปัณฑภ์ ำกร สมโรจน์รัจน์ นกั วิจยั
7. นำงสิริวรรณ แสงอไุ ร ผชู้ ่วยนกั วจิ ัย
สถำบนั อดุ มศกึ ษำที่ใหก้ ำรสนบั สนุนกำรดำ� เนินกำรวจิ ัย
1. มหำวทิ ยำลัยกรุงเทพ
2. มหำวิทยำลัยเชียงใหม่
3. มหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลศรวี ชิ ัย
4. มหำวทิ ยำลัยบรู พำ
5. มหำวทิ ยำลัยรำชภัฏนครรำชสีมำ
6. มหำวิทยำลัยรำชภฏั พระนคร
7. มหำวิทยำลัยรำชภัฏสวนสุนนั ทำ
หน่วยงำนสนับสนนุ โครงกำร
กสทช. ส�านักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และ กจิ การโทรคมนาคมแหง่ ชาติ
www.nbtc.go.th
กทปส. กองทุนวิจัยและพั ฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และ กิจการโทรคมนาคมแหง่ ชาติ
https://btfp.nbtc.go.th
GSPA วทิ ยาลยั การบรหิ ารรัฐกิจ มหาวทิ ยาลยั บรู พา
www.gspa.buu.ac.th
ขมุ ปัญญำตะวนั ออก เพื่ออนำคตของแผน่ ดนิ
ติดต่อประสำนงำนคณะผู้วิจัย
ดร.สณุ ี หงษว์ ิเศษ
[email protected]