หนว่ ยการเรยี นรู้ 3 อารยธรรมของโลกยุคโบราณ
อารยธรรมสาคัญของโลกตะวนั ตก
อารยธรรมสาคญั ของโลกตะวันออก
การติดต่อระหวา่ งโลกตะวันออกกบั โลกตะวันตกและอิทธิพลทางอารย
ธรรมที่มีต่อกนั
อารยธรรมยุคโบราณ
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 อารยธรรมของโลกยุคโบราณ
คาชแ้ี จง ให้นักเรียนเลอื กคาตอบที่ถูกต้อง แลว้ ทาเคร่ืองหมาย X ลงในกระดาษคาตอบ
1. ผลงานการสร้างสรรค์ของอียิปต์โบราณ สะท้อนให้เห็นถึงแนวคดิ ในเรอื่ งใดมากที่สุด
ก. ความผกู พนั ระหว่างมนุษย์กบั สังคม ข.ความผกู พนั ระหวา่ งมนุษย์กับศาสนา
ค. ความผูกพนั ระหวา่ งมนุษยก์ บั ธรรมชาติ ง. การให้ความสาคญั ของมนุษยเ์ หนอื ส่งิ อ่ืนใด
2. ผลงานในข้อใดแสดงถึงความสามารถทางดา้ นภูมปิ ญั ญาของชาวอียปี ตโ์ บราณได้อยา่ งครบถ้วน เชน่ สถาปัตยกรรม
ศิลปกรรม คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ก. มมั ม่ี ข. พรี ะมิด ค. เขื่อนกนั้ นา้ ง. วิหารเทพเจ้า
3. ผลงานการสรา้ งสรรคข์ องเมโสโปเตเมยี แตกต่างจากอียิปตโ์ บราณในเรื่องใด
ก. ชว่ งเวลาทีเ่ กดิ อารยธรรม ค. เป็นงานของชนหลายกลุม่
ค. สภาพภูมปิ ระเทศที่เปน็ แหล่งกาเนดิ ง. อารยธรรมพืน้ ฐานของชมุ ชนเกษตร
4. ข้อใดไม่สมั พนั ธ์กนั
ก. อักษรลิม่ –สุเมเรยี น ข. สวนลอยฟ้า – คาลเดยี น
ค. อัสซีเรียน –สลักภาพนูนต่า ง. ศกึ ษาดาราศาสตร์ –ฟนิ ิเซียน
5. ผลงานเด่นของชาวฮบี รู หรือยิวคือข้อใด
ก. ระบบกฎหมายทย่ี ตุ ธิ รรม ข. ศาสนาท่ีนับถือพระเจ้าองค์เดียว
ค. ระบบการเกษตรที่ทนั สมยั ในทะเลทราย ง. ระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์
6. งานสร้างสรรค์ศลิ ปวัฒนธรรมของกรกี เกิดจากคณุ ลักษณะเฉพาะตัวของกรกี โบราณในเรื่องใด
ก. ความรัก ศรทั ธา และผูกพันกับศาสนา ข. ความมรี ะเบยี บวินัยรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
ค. ความเป็นตวั ของตัวเอง ความรักในเสรีภาพ ง. ความสามารถในการผสมผสานอารยธรรมของหลายชาติ
7. ศนู ย์กลางของอารยธรรมเฮเลนนคิ คอื ขอ้ ใด
ก. โรม ข. เอเธนส์ ค. นเิ นเวห์ ง. สปารต์ า
8. ขอ้ ใดเป็นศิลปวิทยากรของกรีกท่โี รมนั รบั ถ่ายทอดและนามาพฒั นาให้กา้ วหน้า
ก. จติ รกรรมและความเชือ่ ข. วรรณกรรมและนาฎกรรม
ค. ตัวอกั ษรและสาธารณปู โภค ง. สถาปัตยกรรมและประติมากรรม
9. ข้อใดเป็นมรดกทางอารยธรรมของโรมันท่ถี ่ายทอดสูช่ าตติ า่ งๆใลกปัจจุบนั
ก. ระบอบประชาธิปไตย ข. ระบบรัฐธรรมนญู
ค. ระบบกฎหมาย ง. ระบบศักดนิ าสวามิภักด์ิ
10. มรดกทางวฒั นธรรมของกรีกโรมันที่มอบใหแ้ กช่ าวโลกและมีผลใหเ้ กดิ ความเปน็ ระเบียบเรียบร้อยแกส่ ังคม
คือข้อใด
ก. สง่ิ ก่อสรา้ งขนาดใหญ่ที่เป็นสาธารณะ ข. ปรัชญาทางวทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
ค. แนวคดิ ทางศาสนาทน่ี ับถือพระเจา้ องค์เดียว ง. ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยภายใต้กฎหมาย
11. พื้นฐานอารยธรรมตะวนั ออกมาจากอารยธรรมจากอารยธรรมแหล่งใด
ก. กรกี – โรมนั ข. เมโสโปเตเมยี – อยี ปิ ต์
ค. อินเดยี – จีน ง. อนิ เดีย –เมโสโปเตเมยี
12. หากเปรียบเทียบอารยธรรมโบราณยคุ เดียวกัน ท่ีใดมีสภาพเปน็ สงั คมเมอื งท่ีสมบรู ณแ์ บบท่ีสุด
ก. เมโสโปเตเมีย ข. จีน ค. อยี ปิ ต์โบราณ ง. อินเดียโบราณ
13. ลักษณะเดน่ ของอารยธรรมอนิ เดียโบราณ คอื เรื่องใด
ก. เปน็ แหล่งกาเนดิ ศาสนาที่สาคญั ของโลก
ข. มอี าณาเขตกว้างขวางประกอบด้วยหลายเช้ือชาติ
ค. พฒั นาจากลัทธบิ ูชาธรรมชาตมิ าเป็นนบั ถือพระเจ้าหลายองค์
ง. เดมิ เปน็ อารยธรรมของชาวผิวดาพฒั นามาเปน็ อารยธรรมของชาวผวิ ขาว
14. อารยธรรมอนิ เดียเรม่ิ ต้นบรเิ วณใด
ก. ล่มุ แมน่ า้ สนิ ธุ ข. ลุ่มแมน่ า้ คงคา ค. เกาะศรลี งั กา ง. เชงิ เขาหิมาลยั
15. ยุคประวัติศาสตรข์ องจนี สัมพนั ธก์ บั ข้อใด
ก. ราชวงศช์ าง –ประดษิ ฐ์อักษร ข. ราชวงศ์โจว – ปรชั ญารอ้ ยสานัก
ค. ราชวงศโ์ จว – ปกครองแบบจกั รวรรดนิ ยิ ม ง. ยคุ หนิ ใหม่ – ชมุ ชนเกษตรตามท่ีราบลุ่มแมน่ ้า
16. ราชวงค์ใดของจีนมคี วามเจรญิ กา้ วหน้าทางวิทยาการใหมม่ ากทส่ี ุด
ก. ราชวงศถ์ ัง ข. ราชวงศ์ซอ้ ง
ค. ราชวงศห์ ยวน ง. ราชวงศ์ หมงิ
17. ลทั ธิขงจ้ือมีอิทธิพลมากท่สี ุดในดา้ นใด
ก. โครงสรา้ งทางสังคม ข. คณุ ธรรมของผู้ปกครอง
ค. ความมรี ะเบียบวนิ ัยและความรบั ผิดชอบ ง. ระบบกฎหมายที่เข้มงวด
18. ข้อใดไมใ่ ช่อิทธิพลของลิทธขิ งจื้อ
ก. ความผูกพันตอ่ ครอบครัวของบคุ คลในสงั คม ข. ความเคร่งครดั ในขนบธรรมเนียมประเพณี
ค. ความสาคญั ของการศึกษา ง. ความเขม้ งวดในการใชก้ ฎหมาย
19. การสารวจทางทะเลของจีนไปถงึ ตอนใต้ของทวีปแอฟริกาเปน็ ผลงานของราชวงศใ์ ด
ก. ราชวงศถ์ งั ข. ราชวงศ์ชิง ค. ราชวงศห์ ยวน ง. ราชวงศ์หมิง
20. ภายหลงั การปฏวิ ตั ิโคน่ ล้มราชวงศช์ งิ จนี ไดเ้ ปล่ียนการปกครองเขา้ สู่ระบอบใด
ก. ระบอบสังคมนิยม ข. ระบอบเผดจ็ การทหาร
ค. ระบอบคอมมิวนสิ ต์ ง. ระบอบประชาธปิ ไตย
ชื่อ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..หอ้ ง………………..
กระดาษคาตอบ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 อารยธรรมของโลกยุคโบราณ
คาสง่ั จงเลือกคาตอบท่ีถูกท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว ใช้เวลาในการสอน 15 นาที
ข้อที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ก
ข
ค
ง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 อารยธรรมของโลกยุคโบราณ
1. ข 2. ข 3. ข 4. ง 5. ข 6. ค 7. ข 8. ง 9. ค 10. ง
11. ค 12. ง 13. ก 14. ก 15. ก 16. ข 17. ก 18. ง 19. ง 20. ง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อารยธรรมของโลกยคุ โบราณ
การติดตอ่ ระหว่างโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตกและอิทธพิ ลทางอารยธรรมท่ีมีต่อกัน
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถกู ต้อง แลว้ ทาเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคาตอบ
1. พระเจา้ อเลก็ ซานเดอรม์ หาราชแห่งมาซิโดเนีย รุกรานมาจนถงึ อนิ เดียมีผลทาใหเ้ กิดส่ิงใดข้นึ ในโลกตะวนั ออก
ก. การจัดกองกาลงั กองทัพแบบตะวันตก ข. การหล่อพระพุทธรูปตามแบบกรกี
ค. การสรา้ งป้อมปราการตามแบบกรีก ง. การแต่งกายตามแบบตะวันตก
2. จกั รพรรดิจนี สมัยราชวงศ์ฮ่นั สง่ คณะทตู ไปยังอาณาจักรทางตะวันตก ด้วยเหตผุ ลใด
ก. การขยายอานาจ ข. การแสวงหาพนั ธมติ ร
ค. การเผยแผ่ศาสนา ง. การคา้ ขาย
3. เสน้ ทางทางบกทน่ี ิยมใช้ตดิ ตอ่ ระหว่างโลกตะวนั ตกและตะวันออกในอดตี เรียกวา่ อะไร
ก. เส้นทางสายอาทิตยอ์ ุทัย ข. เสน้ ทางสานทรานไซบีเรีย
ค. เสน้ ทางสายไหม ง. เสน้ ทางยุโรป-ฉางอาน
4. บคุ คลที่ทาให้เรอ่ื งราวของจีนถกู เปดิ เผยไปยังยโุ รป และเป็นที่สนใจของชาวยุโรปอย่างมากคือใคร
ก. เจ้ิงเหอ ข. มารโ์ ค โปโล
ค. อิบน์ บนั ตูตา ง. พระถงั ซาจั๋ง
5. พระถงั ซาจั๋งเป็นบคุ คลสาคัญในประวตั ศิ าสตรจ์ นี อย่างไร
ก. เป็นผูไ้ ปสบื ทอดพระพทุ ธศาสนาจากอินเดีย ข. เปน็ พระสังฆราชองค์แรกของจีน
ค. เปน็ ผแู้ ปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาจีนคนแรก ง. เปน็ พระโพธิสัตวอ์ งคห์ นงึ่ ตามความเช่ือของจีน
6. บันทกึ การผจญภัยในตา่ งแดนของบคุ คลใดทเ่ี ป็นแรงบนั ดาลใจแกค่ นรุ่นใหม่
ก. มาร์โค โปโล ข. วาสโก ดากามา
ค. นโิ คลสั โคลมั บสั ง. อิบน์ บนั ตูตา
7. สินคา้ จากจีนที่เปน็ ทต่ี อ้ งการมากท่สี ดุ ของจกั รวรรดิโรมนั คืออะไร
ก. ผา้ ไหม ข. ชา ค. หนงั สัตว์ ง. เครือ่ งเทศ
8. ชาวตะวนั ตกชาตแิ รกท่ีสามารถเดนิ เรือมายังเกาะเคร่อื งเทศไดส้ าเร็จ คือชาตใิ ด
ก. อังกฤษ ข. โปรตเุ กส ค. สเปน ง. ฝรัง่ เศส
9. ตวั อย่างของการผสมผสานวัฒนธรรมดา้ นอาหารทตี่ ะวนั ตกได้รบั แบบอยา่ งจากตะวนั ออก และกลายเปน็ อาหาร
ประจาชาตขิ องอติ าลคี ืออะไร
ก. วฒั นธรรมการดื่มชา ข. เสน้ สปาเก็ตตี้
ค. ขนมอบ ง. มกั กะโรนี
10. ความร้เู รื่องเข็มทศิ ท่ใี ชใ้ นการเดนิ เรือเป็นผลงานของชนชาติใดเปน็ ชาตแิ รก
ก. อาหรับ ข. โปรตุเกส ค. สเปน ง. จนี
ชอ่ื ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..หอ้ ง………………..
กระดาษคาตอบ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 อารยธรรมของโลกยคุ โบราณ
เร่อื ง การติดต่อระหว่างโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตกและอิทธิพลทางอารยธรรมที่มีต่อกนั
คาสง่ั จงเลอื กคาตอบท่ถี ูกที่สุดเพยี งข้อเดียว ใช้เวลาในการสอน 15 นาที
ขอ้ ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
ก
ข
ค
ง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 อารยธรรมของโลกยคุ โบราณ
การตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกกับโลกตะวนั ตกและอิทธพิ ลทางอารยธรรมที่มตี อ่ กัน
1. ข 2. ข 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ข 8. ข 9. ข 10. ง
ชื่อ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..ห้อง………………..
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
คาชแ้ี จง จงตอบคาถามดงั ต่อไปนี้
1. จากแผนทด่ี งั ตอ่ ไปน้ี จงอธบิ ายวา่ แผนทดี่ งั กลา่ วมีอิทธิพลตอ่ การสร้างสรรคข์ องอารยธรรมเมโสโปเตเมียอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
2. จงสรปุ วา่ ชนชาติตา่ งๆที่ได้เข้ามาตัง้ ถิน่ ฐานในอารยธรรมเมโสโปเตเมียได้สรา้ งสรรค์ผลงานใดบ้าง
สุเมเรียน อมอไรต์ ฮติ ไทต์ อัสซีเรีย
……………………………… ……………………………… ……………………………… …………อ…สั …ซ…ีเร…ีย…………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………ฮ…ิบ…ร…ู ………… …………ฟ…นิ …เี ซ…ีย…น………… ……………เป…อ…ร…เ์ ซ…ีย……… ……………ค…า…ลเ…ด…ียน………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ………………………………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………
……………………… ……………………… ……………………… ………………………
ชื่อ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..หอ้ ง………………..
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นทาปริศนาอักษรไขว้ โดยให้เขียนคาตอบทถ่ี กู ต้องลงในช่องวา่ งดงั ต่อไปนี้
แนวนอน แนวตั้ง
1. ดนิ แดนทอี่ ยรู่ ะหว่างแมน่ า้ ไทกริส-ยูเฟรทีส 9. ตน้ กาเนดิ ของแม่น้าไทกรสิ -ยูเฟรทีส
2. เป็นดนิ แดนที่เปน็ แหลง่ กาเนิดอารยธรรมเมโสโปเตเมยี 10. ชนกลุ่มแรกทปี่ กครองดินแดนเมโสโปเตเมีย
3. ตัวอักษรของชาวสเุ มเรยี น 11. ชนกล่มุ นนี้ ิยมสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่
4. มหากาพย์เปน็ วรรณกรรมทส่ี าคัญของชาวสเุ มเรียน 12. เทวสถานขนาดใหญส่ รา้ งโดยชาวสุเมเรยี น
5. มีศนู ย์กลางการปกครองอยทู่ ี่กรุงนิเนเวห์ 13. พวกแอคคดั อมอไรต์ คาลเดียน
มคี วามสามารถดา้ นการรบ
6. พระเจา้ เนบูคัดเนซซาร์ไดส้ ร้างสวนขนาดใหญ่ เรยี กวา่
7. พวกอินโดอารยันที่เขา้ มารุกรานอาณาจักรบาบโิ ลเนียจนเสือ่ มอานาจไป
8. ตาตอ่ ตา ฟนั ต่อฟัน
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
คาช้แี จง จงตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี
1. จากแผนทีด่ งั ตอ่ ไปนี้ จงอธิบายวา่ แผนทดี่ ังกล่าวมีอทิ ธิพลตอ่ การสร้างสรรค์ของอารยธรรมเมโสโปเตเมียอย่างไร
ดนิ แดนเมโสโปเตเมยี (Mesopotamia) คือบริเวณดินแดนท่ีตั้งอยู่
ระหว่างแม่น้าไทกริส (Tigris) และยูเฟรติส (Euphrates) หรือบริเวณ
ประเทศอิรักในปัจจุบัน ซึ่งดินแดนแห่งน้ีมีความอุดมสมบูรณ์เนื่องจาก
แม่น้าทั้งสองสายท่วมท้นตลิ่งในฤดูใบไม้ผลิ เม่ือน้าลดพ้ืนดินจึงเต็มไป
ด้วยโคลนตมท่ีกลายเป็นปุ๋ยอันอุดมสมบูรณ์ ทาให้บริเวณนี้เหมาะแก่
การเพาะปลกู และเล้ยี งสตั ว์ ดนิ แดนจากเมโสโปเตเมียไปจนถึงชายฝั่ง
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจึงมีช่ือว่า ดินแดนพระจันทร์เส้ียวอันอุดม
สมบูรณ์ (The Fertile Crescent) หรอื วงโคง้ แหง่ ความอุดมสมบูรณ์
2. จงสรุปว่า ชนชาติต่างๆท่ีได้เขา้ มาตงั้ ถ่ินฐานในอารยธรรมเมโสโปเตเมียได้สร้างสรรคผ์ ลงานใดบา้ ง
สเุ มเรียน อมอไรต์ ฮติ ไทต์ อสั ซีเรีย
- ประดษิ ฐ์อักษรลม่ิ - สรา้ งอาณาจักรบาบิโล - นาเหลก็ มาใช้ประดิษฐ์ - การสรา้ องัสระซบีเบรยีการ
- การคานวณ เนียน อาวธุ
- การพัฒนามาตราช่ัง ตวง - จดั ทาประมวลกฎหมาย - จดั ทาประมวลกฎหมาย ปกครอง
วดั ควบคุมสังคม - การพัฒนาอาวุธ
- การทาปฏทิ นิ พระเจา้ ฮัมมูราบี ยุทโธปกรณ์
- การคิดคน้ ระบบ
ชลประทาน
ฮบิ รู ฟนิ ีเซยี น เปอร์เซยี คาลเดยี น
- บรรพบรุ ุษชาวยวิ - การเดินเรือทาการคา้ ทาง - สรา้ งถนนเชอื่ มดนิ แดน - สถาปัตยกรรม “สวนลอย
- สรา้ งอาณาจักรอิสราเอล ทะเล ต่าง ๆ แหง่ บาบโิ ลน”
- กฎหมายโมเสส - การทาอุตสาหกรรมแร่ - การประดิษฐ์อกั ษร - ดาราศาสตรแ์ ละ
- คัมภรี ไ์ บเบลิ โลหะ - การใช้ระบบเงินตรา โหราศาสตร์
- การพฒั นาอักษรฟีนเี ชียน - การประยุกตร์ ปู แบบ
ซ่งึ เป็นมรดกอารยธรรมท่ี สถาปัตยกรรม
สาคญั ของโลกตะวันตก - มีศาสนาโซโรแอสเตอร์
เปน็ ของตนเอง
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
คาช้ีแจง ให้นักเรยี นทาปรศิ นาอักษรไขว้ โดยให้เขียนคาตอบทถี่ ูกต้องลงในช่องว่างดงั ต่อไปน้ี
แนวนอน แนวตงั้
1. ดินแดนทีอ่ ยรู่ ะหวา่ งแม่น้าไทกริส-ยูเฟรทสี 9. ต้นกาเนิดของแม่น้าไทกรสิ -ยูเฟรทีส
2. เป็นดนิ แดนทเี่ ป็นแหล่งกาเนดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 10. ชนกลุม่ แรกท่ีปกครองดนิ แดนเมโสโปเตเมีย
3. ตัวอกั ษรของชาวสเุ มเรยี น 11. ชนกลมุ่ น้นี ยิ มสรา้ งศาสนสถานขนาดใหญ่
4. มหากาพยเ์ ป็นวรรณกรรมท่ีสาคญั ของชาวสุเมเรยี น 12. เทวสถานขนาดใหญ่สรา้ งโดยชาวสุเมเรยี น
5. มีศูนย์กลางการปกครองอยทู่ ่กี รุงนิเนเวห์ 13. พวกแอคคดั อมอไรต์ คาลเดยี น
มคี วามสามารถด้านการรบ
6. พระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ได้สรา้ งสวนขนาดใหญ่ เรียกวา่
7. พวกอนิ โดอารยันทเ่ี ข้ามารุกรานอาณาจกั รบาบิโลเนียจนเสื่อมอานาจไป
8. ตาต่อตา ฟนั ต่อฟัน
6ส ว น ล อ ย แ ห่ ง บ า บิ โ ล น 13เ
ซ
12ซิ 4 กิ ล 10ช มช มิ
ก 3 คู นิ ฟ 9อ ร์ ม กาเ ติ
กู า วก
แ ร์ สุ 11ค
ร 1 เ ม โ ส โ ป เ ต เ มี ย า
ตม มล
เ เ เ
2 บ า บิ โ ล เ นี ย 5อั ส ซี เ รี ย น ดี
7ฮิ ต ไ ท ต์ ย ย ย
8ฮั ม มู ร า บี น น
ช่อื ………………………………………………………………………………...เลขท…่ี ……………..หอ้ ง………………..
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
คาชแ้ี จง ให้นักเรียนพิจารณาภาพแลว้ ตอบคาถามลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ต้อง
ชอื่ หลักฐาน……………………………………………………
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ……………………….
…………………………………………………………………….
ความสาคญั ..….………………………………………………
………………….…………………………………………………
……..…………….……………………………………………….
.
ชอ่ื หลักฐาน……………………………………………………
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ……………………….
…………………………………………………………………….
ความสาคัญ..….………………………………………………
………………….…………………………………………………
……..…………….……………………………………………….
ชือ่ หลักฐาน……………………………………………………
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ……………………….
…………………………………………………………………….
ความสาคัญ..….………………………………………………
………………….…………………………………………………
……..…………….……………………………………………….
ชอื่ หลักฐาน……………………………………………………
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ……………………….
…………………………………………………………………….
ความสาคญั ..….………………………………………………
………………….…………………………………………………
……..…………….……………………………………………….
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาภาพแลว้ ตอบคาถามลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ต้อง
ช่ือหลักฐาน ซกิ กแู รต
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ สเุ มเรียน
ความสาคัญ เพ่ือใช้เป็นเทวสถานในการบูชาเทพ
เจ้าประจาเมืองเพ่ือไม่ให้ทงขุ่นเคืองและลงทัณฑ์
มนษุ ยด์ ้วยภัยต่างๆ
ชอ่ื หลักฐาน อักษรลมิ่ หรอื อกั ษรคูนิฟอรม์
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ สุเมเรียน
ความสาคัญ ประดิษฐ์ขึ้นเป็นคร้ังแรกของโลก
ลักษณะ เป็นอักษรภาพ โดยใช้ไม้กดลงบนแผนดิน
เหนียวใช้ในการทาบัญชี และบันทึกบทบัญญัติทาง
ศาสนา
ช่อื หลักฐาน ประมวลกฎหมายพระเจ้าฮัมมูราบี
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ บาบิโลเนียน
ความสาคัญ เป็นการสรา้ งความยุตธิ รรมให้แก่สังคม
ใช้เป็นหลักในการปกครองและจัดระเบียบในสังคม
โดยยึดถือหลกั “ตาตอ่ ตา ฟันตอ่ ฟัน”
ชอ่ื หลักฐาน สวนลอยแห่งบาบิโลน
มรดกทางอารยธรรมของชนชาติ คาลเดยี น
ความสาคัญ เป็นอาคารท่ีพระเจ้าเนบคู ดั เนซซาร์
ทรงสรา้ งใหแ้ ก่พระมเหสี ระเบยี งประดับด้วยต้นไม้
เขยี วขจนี บั วา่ เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหศั จรรยข์ องโลกยคุ
โบราณ
ช่อื ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..ห้อง………………..
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
คาช้แี จง ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1. ชาวสุเมเรยี นเข้ามาตง้ั ถ่ินฐานบริเวณลุ่มนา้ ไทกรสี และยูเฟรทีส เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………
2. ปัจจยั ทางภูมศิ าสตร์ส่งผลให้เกิดการสร้างสรรค์ของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………
3. ความเจริญทางอารยธรรมของชาวสเุ มเรยี นนอกเหนือจากการประดิษฐต์ วั อกั ษร มอี ะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………
…4.…อ…า…รย…ธ…ร…รม…เ…มโ…ส…โป…เ…ต…เม…ยี …ท…ี่มคี…ว…า…ม…โด…ด…เด…่น…แ…ล…ะ…เป…น็ …พ…นื้ …ฐ…า…นส…า…ค…ญั …ต…อ่ …อา…ร…ย…ธร…ร…ม…ข…อง…โ…ลก…ค…ือ…อ…าร…ย…ธ…รร…ม…ด…า้ น…ใ…ด……
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………
5. ความเจรญิ ของกลุม่ ชนชาติต่างๆ ในอารยธรรมเมโสโปเตเมียมีความสาคญั ต่อโลกอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………
……………………สร…ุป…ค…ว…าม…ค…ดิ …จา…ก…ท…ี่เร…ีย…น………………………………………………………………………………………………………………………
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นสรปุ เนื้อหาอารยธรรมเมโสโปเตเมียเป็น Mind Map พร้อมตกแต่งให้เรยี บรอ้ ย
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
คาช้ีแจง ให้นกั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
1. ชาวสเุ มเรยี นเขา้ มาตงั้ ถ่ินฐานบริเวณลมุ่ นา้ ไทกรีสและยเู ฟรทสี เพราะเหตุใด
เพราะเป็นบริเวณที่ความอุดมสมบูรณ์ ป้องกันการรุกรานของข้าศึก ศัตรูและท่ีตั้งอยู่บนเส้นทางท่ีสะดวกในการ
ตดิ ต่อคา้ ขาย
2. ปัจจัยทางภมู ศิ าสตรส์ ง่ ผลใหเ้ กดิ การสร้างสรรคข์ องอารยธรรมเมโสโปเตเมยี อยา่ งไร
เพราะเป็นดินแดนทตี่ ั้งอยูใ่ กลๆ้ กบั แมน่ า้ ทาให้บริเวณนี้มคี วามอุดมสมบรู ณ์เปน็ ผลทาให้มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของ
ชนชาตติ ่างๆ มากมาย จนทาใหเ้ กดิ วัฒนธรรมและพฒั นาตอ่ เน่อื งจนกระท่งั เปน็ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
3. ความเจรญิ ทางอารยธรรมของชาวสุเมเรยี นนอกเหนือจากการประดษิ ฐต์ ัวอกั ษร มีอะไรบา้ ง
การประดิษฐ์จานหมุนเพ่ือใช้ในการป้ันภาชนะดินเผา การประดิษฐ์วงล้อเพื่อใช้กับเกวียนและรถศึก การใช้ระบบ
ฐานเลข 60 ในการแบ่งเวลาและมุม การคิดมาตราช่ัง ตวง วัด การนับเดือน ปีแบบจันทรคติ และความรู้ทางดาราศาสตร์
เปน็ ต้น
4. อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ทม่ี ีความโดดเด่น และเปน็ พื้นฐานสาคญั ตอ่ อารยธรรมของโลก
คืออารยธรรมด้านใด
ด้านเทคโนโลยี เพราะชาวสุเมเรียนคิดค้นระบบชลประทานเพื่อใช้ในการเกษตร ด้านสังคม มีการจัดทาประมวล
กฎหมายเพอื่ ใช้ควบคมุ คนในสงั คม
5. ความเจริญของกลุ่มชนชาติต่างๆ ในอารยธรรมเมโสโปเตเมยี มีความสาคญั ต่อโลกอย่างไร
อารยธรรมเมโสโปเตเมียมีความสาคัญต่อโลกหลายๆ ด้าน เช่น ด้านเทคโนโลยีมีการทาระบบชลประทาน
ด้านอุตสาหกรรมนาเหล็กมาประดิษฐ์ ด้านการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ ด้านภาษาและวัฒนธรรม ซ่ึงเป็นรากฐานที่หลาย
ประเทศยดึ ถอื และสบื ทอดกนั มา
อารยธรรมอยี ิปต์ ชอื่ ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..ห้อง………………..
คาชแี้ จง ให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกต้อง
1. ทีร่ าบลุ่มของอียิปต์โบราณอุดมสมบูรณ์เพราะอะไร……………………..……………………..……………………..………………………..
2. นักประวัติศาสตรช์ าวกรกี โบราณ กลา่ วถงึ อียปิ ต์ไว้อย่างไร……………………..……………………..……………………………………
3. อกั ษรคูนฟิ อร์ม (Cuneiforms) อย่ใู นอารยธรรมอียปิ ต์หรอื ไม่ เพราะเหตุใด……………………..…………………………………
……………………..……………………..……………………..……………………..……………………..………………………………………………………...
4. อียิปต์โบราณเร่มิ กอ่ สร้างความเจริญขนึ้ ได้เพราะอะไร……………………..……………………..…………………………………………..
5. ชาวอียิปตโ์ บราณสรา้ งพรี ะมิดขึ้นมาเพือ่ เนน้ ในเรื่องใด……………………..……………………..………………………………………….
6. ภาพวาด อะนบู สิ หรอื อะนวิ บสิ (Anubis) คอื ………..……………………..……………………..…………………………………………..
7. เทพอะนูบิส ของอารยธรรมอยี ิปต์มคี วามเชื่อเร่ืองอะไร……………………..……………………..……………………..………………….
8. ความคิดในการทามัมม่ีของอียปิ ต์โบราณเกดิ จากเหตุผลใด……………………..……………………..……………………………………
9. คาว่า เฮยี โรกลฟิ ฟิค มีความหมายตรงส่ิงใด……………………..……………………..……………………..………………………………….
10. วรรณกรรมท่สี าคญั ในอยี ปิ ต์มชี ่ือว่าอะไร……………………..……………………..……………………..…………………………………..
11. เหตุใดอารยธรรมอียปิ ต์จึงเหลือร่องรอยทางโบราณคดมี ากกว่าอารยธรรมเมโสโปเตเมีย…………………………………….
12. มรดกทางวัฒนธรรมของชาวอยี ิปต์ท่ียังคงใช้มาถงึ ปัจจุบนั มากทสี่ ุด คือส่ิงใด……………………..……………………………..
13. วิธกี ารสรา้ งกระดาษปาปริ ัส ทาอย่างไร…………………….……………………………………………………………………………..……...
……………………..……………………..……………………..……………………..……………………..……………………..……………………..………….
14. ถ้าพดู ถงึ อารยธรรมอียิปต์ นึกถงึ สง่ิ ใด……………………..……………………..……………………………………………………………….
15. พีระมิดถูกสร้างขึ้นเพอื่ ……………………..……………………..……………………..……………………..……………………………………….
อารยธรรมอียิปตท์ ่ีมอี ิทธพิ ลตอ่ มนษุ ยชาติ
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหวา่ งมนั ม่ี พีระมดิ บนั ทึกผ้วู ายชนม์ว่าเก่ียวข้องกับความเช่อื เร่ือง
“วิญญาณอมตะ หรอื การฟืน้ คนื ชวี ติ ” อยา่ งไร
มันม่ี
……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..…
…………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……
………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..………
……..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..…………
วญิ ญาณอมตะ หรือ พีระมดิ
การฟืน้ คืนชวี ติ
……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..…
…………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……
………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..………
……..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..…………
บันทกึ ผวู้ ายชนม์
……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..…
…………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……
………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..………
……..……………..……………..……………..……………..……………..……………..……………..…………
อารยธรรมอียิปต์
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถูกต้อง
1. ที่ราบลุ่มของอียปิ ตโ์ บราณอุดมสมบรู ณ์เพราะอะไร นา้ ทว่ มลน้ ฝ่ังแมน่ า้ ไนล์
2. นักประวัตศิ าสตร์ชาวกรกี โบราณ กลา่ วถึงอียปิ ต์ไว้อย่างไร Egypt is the gift of the Nile
3. อักษรคนู ิฟอร์ม (Cuneiforms) อยู่ในอารยธรรมอยี ปิ ต์หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ไม่ เพราะอักษรคูนิฟอรม์
(Cuneiforms) เป็นหนึ่งในระบบการเขียนอกั ษรที่เก่าแก่ท่ีสดุ ของโลก ตวั อย่างคนู ิฟอรม์ ทเี่ กา่ แก่ที่สดุ ในเมโสโปเตเมยี
4. อยี ิปตโ์ บราณเริม่ กอ่ สร้างความเจริญขึ้นได้เพราะอะไร ทต่ี ัง้ ภูมศาสตร์เหมาะสมท้ังในด้านอาชพี และอุดมการณ์
5. ชาวอียปิ ตโ์ บราณสรา้ งพีระมิดข้นึ มาเพอ่ื เน้นในเรือ่ งใด แสดงความจงรักภักดตี ่อฟาโรห์
6. ภาพวาด อะนูบิส หรือ อะนวิ บสิ (Anubis) คือ หนง่ึ ในเทพของ ตานานเทพเจ้าแห่งไอยคปุ ต์
7. เทพอะนูบสิ ของอารยธรรมอียิปต์มคี วามเชื่อเรอ่ื งอะไร ทรงเป็นผู้ช่วยในการดองศพให้ถูกต้อง
8. ความคดิ ในการทามัมมี่ของอียิปต์โบราณเกิดจากเหตุผลใด เชอ่ื วา่ คนท่ตี ายแล้วจะกลับฟน้ื คนื มาใหม่ได้
9. คาวา่ เฮียโรกลฟิ ฟคิ มีความหมายตรงส่ิงใด อกั ษรศักดิส์ ิทธิ์
10. วรรณกรรมทส่ี าคัญ ในอียิปต์มชี ื่อวา่ อะไร คมั ภีร์ผู้ตาย
11. เหตุใดอารยธรรมอียิปต์จึงเหลือร่องรอยทางโบราณคดมี ากกวา่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สร้างส่งิ กอ่ สร้างด้วยหิน
12. มรดกทางวัฒนธรรมของชาวอียิปต์ท่ยี ังคงใช้มาถึงปัจจบุ นั มากที่สุด คือส่งิ ใด ปฏิทนิ แบบสรุ ยิ คติ
13. วิธกี ารสร้างกระดาษปาปิรัส ทาอยา่ งไร ทาโดยการเฉอื นตน้ ปาปริ ัสบางๆตามแนวยาวแลว้ นาไปตากแดด นาลาเลยี ง
ของลาตน้ จะทาใหเ้ ยอื่ ไมต้ ดิ กันเป็นแผ่น สว่ นขนาดกจ็ ะขนึ้ อยูก่ ับจานวนแผ่นของลาตน้ เมือ่ แสร็จแล้วกม็ ว้ นเก็บไว้ได้
14. ถ้าพูดถงึ อารยธรรมอยี ิปต์ นกึ ถงึ สิ่งใด พีระมดิ
15. พรี ะมดิ ถกู สร้างขน้ึ เพือ่ ชาวอยี ปิ ต์โบราณเชือ่ เร่อื ง “ชวี ติ หลังความตาย” เม่อื ตายไปแลว้ จะมโี ลกหน้าเพื่อใช้ชีวิตยนื ยง
และจาเปน็ ต้องรกั ษาร่างกายหรือศพไว้ไมใ่ หห้ ายสาบสูญ จึงสรา้ งพรี ะมดิ ไวเ้ พื่อเก็บรักษาศพ
อารยธรรมอียปิ ตท์ ่ีมีอทิ ธิพลต่อมนุษยชาติ
คาช้ีแจง ให้นักเรียนวิเคราะห์ความสัมพันธร์ ะหว่างมนั ม่ี พีระมิด บนั ทึกผ้วู ายชนมว์ ่าเกี่ยวขอ้ งกบั ความมเช่ือเรอื่ ง
“วิญญาณอมตะ หรือ การฟ้ืนคนื ชวี ิต” อยา่ งไร
มนั ม่ี
ชาวอียิปต์โบราณมีคติเก่ียวกับเร่ืองชีวิตหลังความตาย ซ่ึงเชื่อกันว่า
ดวงวิญญาณจะกลับมาเข้าร่างในวันหน่ึงข้างหน้า จึงคิดวิธีการทา
มัมมี่ ข้ึนมาเพอ่ื รักษาสภาพศพเอาไว้ไมใ่ ห้เนา่ เป่ือย
วญิ ญาณอมตะ หรอื พีระมิด
การฟืน้ คนื ชีวติ ชาวอียิปต์โบราณเชื่อเร่ือง “ชีวิตหลังความตาย” เม่ือตายไปแล้วจะมี
โลกหนา้ เพ่ือใช้ชีวิตยืนยงและจาเป็นต้องรักษาร่างกายหรือศพไว้ไม่ให้
หายสาบสูญ จงึ สร้างพรี ะมิดไวเ้ พอ่ื เกบ็ รักษาศพ (วิญญาณอมตะ)
บันทกึ ผ้วู ายชนม์
ด้วยความเช่ือเร่ืองวิญญารอมตะ จึงมีการบันทึกการกระทาดีของ
ผู้ตายไว้ในม้วนกระดาษปาปิรุส เพ่ือยืนยันกับพระเจ้าถึงพฤติกรรม
ของผู้วายชนม์
ช่ือ………………………………………………………………………………...เลขท…่ี ……………..หอ้ ง………………..
อารยธรรมอยี ปิ ต์
คาช้ีแจง จงเติมคาในชอ่ งวา่ ง
1. เฮโรโดตสุ นักปราชญ์ชาวกรกี กล่าวยกย่องว่า อียปิ ต์ คอื “อียปิ ตเ์ ปน็ ของขวญั จากแม่นา้ ไนล์ เพราะ
............................................................................................................................. .....................................................................
........................................................................................................................................ ..........................................................
2. ทาเลที่ต้งั เป็นปราการธรรมชาตชิ ่วยป้องกันการรุกรานของศัตรูได้ คือ............................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
.............................................................................................................................. ....................................................................
3. ผลของแมน่ ้าไนล์ที่มตี อ่ อารยธรรมอียิปต์ คอื ....................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
4. ฟาโรห์ คือ............................................................................................................................. ..............................................
5. พรี ะมิด สร้างเพื่อ............................................................................................................................. ..................................
6. มัมม่ี คือ..............................................................................................................................................................................
7. ศาสนา
- เทพโอซริ ิส............................................................................................................................. .................................
- คมั ภีร์มรณะ (Book of the Dead).....................................................................................................................
8. ตัวอกั ษร.............................................................................................................................................................................
9. กระดาษปาปิรุส (papyrus)..............................................................................................................................................
10. วิทยาศาสตร์
- ดาราศาสตร์............................................................................................................................................................
- ปฏิทิน......................................................................................................................................................................
11. ความเจริญด้านคณิตศาสตร์ เรขาคณิต
- ตวั บ่งช้ี....................................................................................................................................................................
12. ความเจริญทางดา้ นการแพทย์
- ตัวบ่งช้ี............................................................................................................................. .......................................
13. พีระมดิ ขนาดใหญ่ท่สี ดุ ............................................................................................................................. .......................
14. ประติมากรรมทมี่ ีชอื่ เสียง................................................................................................................................................
15. การชลประทาน................................................................................................................................................................
อารยธรรมอยี ปิ ต์
คาช้แี จง จงเติมคาในช่องว่าง
1. เฮโรโดตุส นักปราชญ์ชาวกรีก กล่าวยกย่องว่า อียิปต์ คือ “อียิปต์เป็นของขวัญจากแม่น้าไนล์ เพราะ "อียิปต์เป็น
ของขวัญจากแม่นา้ ไนล"์ เพราะดนิ แดนส่วนใหญ่ของอยี ปิ ต์เป็นทะเลทราย แม่น้าไนล์ช่วงที่อยู่ในประเทศอียิปต์ มีความยาว
กว่าหน่ึงพันสองร้อยกิโลเมตรใตจ้ รดเหนือหากไม่มีแม่น้าไนส์สายนี้หล่อเล้ียงชุบชีวิตอารยธรรมอันย่ิงใหญ่ของอียิปต์ย่อมไม่
ถือกาเนิดข้ึนมาได้
2. ทาเลท่ีตั้งเป็นปราการธรรมชาติช่วยป้องกันการรุกรานของศัตรูได้ คือ บริเวณลุ่มแม่น้าไนล์เปรียบเสมือนโอเอซิส
ทา่ มกลางทะเลทราย จึงเปน็ ปราการธรรมชาตปิ อ้ งกันการรกุ รานจากภายนอก
3. ผลของแม่น้าไนล์ที่มตี ่ออารยธรรมอยี ิปต์ คอื เปน็ แหล่งกาเนิดอารยธรรมทเี่ ก่าแก่แห่งหน่ึงของโลก ท่รี าบลุ่มของอียิปต์
โบราณอุดมสมบูรณเ์ พราะแม่น้าท่วมล้นฝั่งแม่น้าไนล์
4. ฟาโรห์ คอื เป็นชอื่ ตาแหน่งพระเจ้าแผ่นดินอียิปต์โบราณทุกราชวงศ์
5. พีระมิด สร้างเพื่อ ชาวอียิปต์โบราณเช่ือเร่ือง “ชีวิตหลังความตาย” เมื่อตายไปแล้วจะมีโลกหน้าเพ่ือใช้ชีวิตยืนยงและ
จาเปน็ ต้องรกั ษาร่างกายหรือศพไว้ไม่ใหห้ ายสาบสญู จึงสรา้ งพรี ะมิดไว้เพื่อเกบ็ รักษาศพ
6. มัมมี่ คือ ศพที่ดองหรือแช่ในน้ายาพิเศษในประเทศอียิปต์ พันท่ัวทั้งร่างกายด้วยผ้าลินินสีขาว เพ่ือเป็นการรักษาสภาพ
ของศพเพ่ือรอการกลับคนื รา่ งของวิญญาณผตู้ าย ตามความเชือ่ ของชาวอยี ปิ ตโ์ บราณ
7. ศาสนา
- เทพโอซิริส ได้รับการนับถือเป็นมัจจุราชมาจนศาสนาอียิปต์โบราณระงับไปในช่วงคริสตกาล เป็นเทพอียิปต์ซ่ึง
มักได้รบั การระบุว่า เปน็ เทพแห่งชวี ิตหลงั ความตาย เทพแหง่ นรก และเทพแห่งวิญญาณ
- คัมภรี ์มรณะ (Book of the Dead) เปน็ หนงั สอื งานศพอยี ปิ ต์โบราณ
8. ตัวอักษร ฮีโรกลีฟิค (Hieroglyphic) ซ่ึงคาว่า ฮีโรกลีฟิคนี้ เป็นชื่อที่ชาวกรีกเรียกเคร่ืองหมายราณท่ีปรากฏอยู่ตาม
โบราณสถาน สสุ าน หบี ศพ และตามรูปแกะสลักต่างๆ ความหมายของคานี้คือ “อักษรศักด์ิสทิ ธิ์”
9. กระดาษปาปิรุส (papyrus) ทาโดยการเฉือนต้นปาปิรัสบางๆตามแนวยาวแล้วนาไปตากแดด นาลาเลียงของลาต้นจะ
ทาให้เยอ่ื ไมต้ ดิ กนั เป็นแผ่น สว่ นขนาดกจ็ ะขน้ึ อยกู่ ับจานวนแผ่นของลาต้น เม่ือแสร็จแล้วก็ม้วนเกบ็ ไว้ได้
10. วทิ ยาศาสตร์
- ดาราศาสตร์ เกิดจากการสังเกตปรากฏการ์ณที่น้าในแม่น้าไนล์หลากท่วมล้นตลิ่ง เมื่อน้าลดแล้วพ้ืนดินก็มีความ
เหมาะสมท่จี ะเพาะปลูก หลงั จากชาวนาเก็บเก่ยี วพืชผลแล้วน้าในแม่น้าไนล์ก็กลับมาท่วมอีก หมุนเวียนเช่นนี้ตลอดไป ชาว
อียิปต์ได้นาความรู้จากประสบการ์ณดังกล่าวไปคานวณปฏิทิน นับรวมเป็น 1 ปี มี 12 ดือน ในรอบ 1 ปียังบ่งเป็น 3 ฤดูที่
กาหนดตามวิถีการประกอบอาชีพ คือ ฤดูน้าท่วม ฤดูไถหว่าน และฤดูเก็บเกี่ยว และด้านภูมิศาสตร์ เอราทอสทินีส
(Eratosthenes) ท่ีเชื่อว่าโลกกลม สามารถคานวณความยาวรอบโลกได้ และยังค้นพบว่าการขึ้นลงของกระแสน้าเกิดจาก
อิทธิพลของดวงจันทร์
- ปฏิทนิ ปฏทิ นิ แบบสุรยิ คติ
11. ความเจรญิ ดา้ นคณิตศาสตร์ เรขาคณติ
- ตัวบ่งชี้ โดยเฉพาะการคานวณขั้นพ้ืนฐาน ได้แก่ การบวก ลบ และหาร และการคานวณพ้ืนที่วงกลม สี่เหล่ียม
และสามเหลีย่ ม ความรู้ ดังกล่าวเป็นฐานของวิชาฟิสิกส์ ซ่ึงชาวอียิปต์ใช้คานวณในการก่อสร้างพีระมิด วิหาร เสาหินขนาด
ใหญ่
12. ความเจริญทางด้านการแพทย์
- ตัวบ่งช้ี อักษรไฮโรกลิฟิกเป็นอักษรรุ่นแรกที่อียิปต์ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อประมาณปี 3100 ปีก่อนคริสต์ศักราช
เปน็ อกั ษรภาพแสดงลกั ษณ์ต่างๆ ต่อมามีการพัฒนาตัวอักษรเป็นแบบพยัญชนะ ในระยะแรก ชาวอียิปต์จารึกเร่ืองราวด้วย
การแกะสลกั อักษรไว้ตามกาแพงและผนงั ของสงิ่ ก่อ สร้าง เช่น วิหารและพีระมิด ต่อมาค้นพบวิธีทากระดาษจากต้นปาปิรุส
ทาให้มีการบันทึกแพร่หลายมากข้ึน ความก้าวหน้าทางอักษรศาสตร์จึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีทาให้ชาวโลก
ทราบถงึ ความเจริญและความต่อเนอ่ื งของอารยธรรมอียปิ ต์
13. พีระมดิ ขนาดใหญ่ท่สี ดุ พีระมิดคูฟหู รอื พีระมิดคีออปส์ นิยมเรยี กกนั โดยทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซาเป็น พีระมิดใน
ประเทศอยี ปิ ต์ทีม่ ีความใหญ่โตและเก่าแก่ท่ีสุด ในหมู่พีระมิดท้ังสามแห่งกีซา เช่ือกันว่าสร้างข้ึนในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu)
แห่งราชวงศ์ที่ 4
14. ประติมากรรมทม่ี ีช่ือเสียง พระเศยี รของพระนางเนเฟอตติ ติ (Nefertiti) รูปแกะสลักฟาโรห์เมนเคอรแ์ ละพระมเหสี
(Menkure and his Queen)
15. การชลประทาน มีการขุดคลองส่งน้า เพื่อการชลประทานเช่ือมต่อแม่น้าไนล์เน่ืองจาก อียิปต์โบราณต้องพ่ึงแม่น้าไนล์
เพ่ือใช้ในการเพาะปลูกประมาณเมื่อ 4200 B.C. อียิปต์โบราณค้นพบวิธีเก็บกักน้าและส่งน้าเข้าพ้ืนที่ตอนในด้วยการขุดคู
คลองระบายน้าต่างระดับและทาทานบกัน้ น้า เพ่อื ใชใ้ นการเกษตรกรรม และการคมนาคมวิธีการดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นการ
รเิ รมิ่ การชลประทาน
ชือ่ ………………………………………………………………………………...เลขท…่ี ……………..ห้อง………………..
อารยธรรมกรกี
คาช้ีแจง จงตอบคาถามต่อไปน้ี
1. ให้นักเรียนศกึ ษาแผนท่ีกายภาพทวปี ยโุ รป และอธิบายว่าแผนทดี่ งั กลา่ วมอี ทิ ธพิ ลตอ่ อารยธรรมกรีกอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ให้นักเรียนเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างนครรัฐสปาร์ตาและนครรัฐเอเธนส์ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างใน
ดา้ นใดบ้าง
นครรฐั สปารต์ า…………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
นครรฐั เอเธนส…์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ให้นกั เรียนสรุปมรดกหรอื ความเจรญิ ก้าวหน้าในดา้ นตา่ งๆของอารยธรรมกรีก ตามหวั ข้อดงั ต่อไปน้ี
3.1 สถาปตั ยกรรม……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.2 ประติมากรรม……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.3 จติ รกรรม………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.4 นาฏกรรม…………………………………………………………………………………………..……………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.5 วรรณกรรม……………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.6 ปรัชญา
โซเครตสิ ……………..………………………………………………………………….………………………………………………….
เพลโต (Plato)....………………………………………………………………………………………………………………………..
อารยธรรมกรีก
คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปนี้
1. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาแผนที่กายภาพทวีปยโุ รป และอธิบายว่าแผนท่ดี ังกล่าวมีอทิ ธพิ ลตอ่ อารยธรรมกรีกอยา่ งไร
ดนิ แดนของกรกี บนพ้นื แผน่ ดนิ ในทวปี ยุโรปแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คอื
1.1 ภาคเหนอื ไดแ้ ก่ แควน้ มาซิโดเนีย (Macedonia) เทสซาลี (Thessaly) และอไิ พรสั (Epirus)
1.2 ภาคกลาง ได้แก่ บริเวณที่เป็นเนินเขาสูง เป็นที่ต้ังของนครทีบส์ (Thebes) นครเดลฟี (Delphi) ช่องเขาเทอร์
มอปิเล (Thermopylae) และยอดเขาพาร์แนสซัส (Parnassus) ซ่ึงเป็นที่สถิตของอะพอลโล (Apollo) หรือสุริยเทพ ตรง
ปลายสุดของด้านตะวันออก คือ แคว้นอัตติกา (Attica) ซ่ึงมีเมืองหลวง คือ นครเอเธนส์ (Athens) แหล่งกาเนิดการ
ปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
1.3 บริเวณคาบสมุทรเพโลพอนนีซัส (Peloponnesus) อยู่ตอนใต้อ่าวคอรินท์ เป็นที่ตั้งของนครรัฐสปาร์ตา
(Sparta) ทมี่ ีช่ือเสียงดา้ นการรบ และโอลมิ เปีย (Olympia) ซึ่งเปน็ ที่สิงสถิตของบรรดาเทพเจ้ากรกี
2. ให้นักเรียนเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างนครรัฐสปาร์ตาและนครรัฐเอเธนส์ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างใน
ด้านใดบา้ ง
นครรัฐสปาร์ตา มีการปกครองแบบทหารนิยม คณะผู้ปกครองมีอานาจสูงสุดและเด็ดขาดเป็นต้นกาเนิดของ
ระบอบการปกครองแบบเผดจ็ การเบด็ เสร็จ (Totalitarianism)
นครรัฐเอเธนส์ เป็นต้นกาเนิดของรัฐประชาธิปไตย นครรัฐเอเธนส์ปกครองโดยสภาห้าร้อย ซึ่งได้รับเลือกจาก
พลเมืองเอเธนส์ท่มี สี ิทธอิ อกเสยี ง สภานี้มีหน้าท่ีตรวจสอบรา่ งกฎหมายและบริหารการปกครอง
3. ใหน้ กั เรียนสรุปมรดกหรอื ความเจริญกา้ วหน้าในดา้ นตา่ งๆของอารยธรรมกรกี ตามหวั ข้อดงั ต่อไปน้ี
3.1 สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมใช้ระบบโครงสร้างแบบเสาและคานเช่นเดียวกับอียิปต์มีแผนผังเป็นรูป
ส่เี หลี่ยมผืนผ้าจากฐานอาคารซึ่งยกเป็นช้นั ๆก็จะเป็นฝาผนังโดยปราศจากหน้าตา่ งซง่ึ จะกน้ั เป็นห้องตา่ งๆ
3.2 ประติมากรรม ประติมากรรมส่วนมากเป็นเรื่องศาสนาซึ่งสร้างถวายเทพเจ้าต่างๆวัสดุท่ีนิยใช้สร้างงานได้แก่
ทองแดงและดินเผาในสมัยต่อมานิยมสรา้ งจากสาริดและหินออ่ นเพิ่มขึ้นในสมัยแรกๆรูปทรงยังมีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิต
อยู่ตอ่ มาในสมยั อาร์คาอกิ
3.3 จิตรกรรม กรีกไม่นิยมสร้างผลงานจิตรกรรม เขาถือว่าจิตรกรรมไม่สามารถถ่ายทอดรูปแบบที่มีลักษณะที่
แท้จริงได้ ดังน้ันงานจิตรกรรมของกรีก จึงออกมาในรูปแบบการตกแต่ง เช่น ภาพเขียนตามผนังหรือบนภาชนะต่างๆ
เรือ่ งราวทน่ี ามาเขียนสว่ นใหญจ่ ะเปน็ เรอื่ งเลา่
3.4 นาฏกรรม เป็นการละครของกรีก ร้องประสานเสียง ในเทศกาลบวงสรวงและเฉลิมฉลองเทพเจ้า เป็นละคร
ประเภทโศกนาฎกรรม และสุขนาฏกรรม
3.5 วรรณกรรม มหากาพย์อีเลียด-โอดสิ ซี ของ กวีโฮเมอร์
3.6 ปรชั ญา
โสเครตสิ เปน็ ผแู้ สวงหาความจริงของสงิ่ ต่าง ๆ อย่างบริสทุ ธิใ์ จและจริงจัง ไม่มุ่งหวังประโยชน์หรอื
ลาภยศ ผู้ทาใหน้ ักคดิ นักปรัชญาเจา้ สานกั ตา่ ง ๆ
เพลโต (Plato) แนวความคิดของเพลโตจะมีความเช่ือม่ันในเรอ่ื งคุณธรรม และจริยธรรมเหมือนโสกราตีส
ชว่ งวยั กลางคน เพลโตเขยี นมหาคมั ภรี ์ทางรัฐศาสตรช์ ่อื “The Republic” หรอื “อตุ มรัฐ“ (อุ-ตะ-มะ-รดั ) หรือรัฐในอุดม
คติ คือลักษณะของรฐั ท่ดี ีทจ่ี ะทาใหค้ นมีความสุข
อารยธรรมโรมนั ชื่อ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..หอ้ ง………………..
คาช้ีแจง จงเติมคาในชอ่ งวา่ ง
1. อารยธรรมโรมนั สว่ นใหญไ่ ดร้ ับการถา่ ยทอดมาจาก……………………………………………………………………………แต่ไดน้ ามา
ปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพความเปน็ อยู่ของสังคมโรมัน
2. ดา้ นการปกครอง อารยธรรมโรมนั เปน็ ผู้คดิ การปกครองแบบ…………………………………………..………………………..…………
3. กฎหมายของโรมนั เปน็ กฎหมายที่มีลักษณะยดื หยุน่ ตายตัว เรยี กว่า………………….…………………………………………………..
4. สถาปตั ยกรรมที่เป็นแบบฉบับของโรมันแท้ คอื สิ่งใด…………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. สถาปัตยกรรมโรมนั หอประชุมกลางเมืองท่ีเรียกวา่ ……………………………………………………………………………………………..
6. สถาปัตยกรรมโรมนั สว่ นใหญ่เน้นท่ีสิง่ ใด……………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
7. สถาปัตยกรรมท่ีมีชื่อเสียงของโรมนั ได้แก่……………………………………………………………………………………….……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
8.ประติมากรรม โรมันาแบบอย่างมาจาก อารยธรรมใด…………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
9. ทางหลวงแผ่นดิน เป็นชาติแรกทส่ี ร้างถนนกวา้ ง 25×10 ฟุต ปูด้วยหนิ ลงรากลึกหลายฟตุ ใช้ไดท้ กุ ฤดูกาล ทาง
หลวงแผน่ ดินทม่ี ีช่ือ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
10. การแพทยแ์ ละการสาธารณสุข อารยธรรมโรมนั คอื …………………………………………………………………………………………..
11. ดา้ นอกั ษรศาสตร์ เปน็ จดุ กาเนดิ สงิ่ ใด………………………………………………………………………………………………………………..
12. วรรณกรรมอารยธรรมโรมนั นยิ มส่ิงใด……………………………………………………………………………………………………………..
13. กวแี ละวรรณคดีมีช่ือเสียงของโรมนั ทีค่ วรทราบ ประเภทร้อยกรอง ไดแ้ ก่
13.1………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13.2………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
13.3………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
14. ซเิ ซโร (Cicero) มีชอ่ื เสียง ในด้านใด………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
15. ปรชั ญาโรมันถา่ ยทอดโดยเอาปรชั ญามาจากส่งิ ใด……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….
อารยธรรมโรมนั
คาชแี้ จง จงเตมิ คาในชอ่ งวา่ ง
1. อารยธรรมโรมัน สว่ นใหญ่ไดร้ บั การถ่ายทอดมาจาก อารยธรรมกรีก แต่ได้นามาปรบั ปรุงใหเ้ หมาะสมกับสภาพความ
เป็นอย่ขู องสังคมโรมัน
2. ด้านการปกครอง อารยธรรมโรมนั เปน็ ผ้คู ดิ การปกครองแบบ มกี ารปกครองแบบสาธารณะรัฐ
3. กฎหมายของโรมนั เปน็ กฎหมายทมี่ ลี ักษณะยดื หยุน่ ตายตัว เรียกวา่ กฎหมาย 12 โตะ๊
4. สถาปัตยกรรมท่ีเป็นแบบฉบับของโรมนั แท้ คือส่ิงใด ส่งิ ก่อสร้างรูปโดมตอนสว่ นบนของอาคารประตชู ยั ท่อระบายน้า
และประชุมกลางเมืองท่ีเรียกวา่ “ฟอรุม”
5. สถาปัตยกรรมโรมัน หอประชมุ กลางเมืองทเ่ี รยี กวา่ ฟอรุม
6. สถาปตั ยกรรมโรมนั สว่ นใหญ่เนน้ ที่ส่ิงใด ประโยชนใ์ ช้สอย ขนาด (ใหญโ่ ตและแข็งแรง) และความสง่างาม (ดว้ ยการ
ตกแตง่ ประดบั ประดาอย่างหรหู ราและโออ่า
7. สถาปัตยกรรมที่มีช่ือเสียงของโรมันไดแ้ ก่ วหิ ารพาเธนอน หลงั คารูปโดม ในกรงุ โรม อัฒจันทรส์ าหรบั ดกู ีฬา โคลอส
เซียม ซึง่ จุผูด้ ไู ด้ถึง 4,500 คน สรา้ งในสมัยจักรพรรดติ ีตสุ เมื่อ ค.ศ.80
8.ประติมากรรม โรมันาแบบอย่างมาจาก อารยธรรมใด อารยธรรมกรีกมาดัดแปลง แต่เน้นท่ีความโอ่อ่า ความสง่างาม
และความเขม้ แข็ง
9. ทางหลวงแผน่ ดิน เป็นชาติแรกท่ีสรา้ งถนนกวา้ ง 25×10 ฟุต ปูด้วยหนิ ลงรากลึกหลายฟตุ ใช้ได้ทกุ ฤดูกาล ทาง
หลวงแผ่นดนิ ทีม่ ชี ่ือ Via Appia
10. การแพทย์และการสาธารณสขุ อารยธรรมโรมัน คอื สามารถทาคลอดทารกโดยวธิ ผี า่ ตัดทางหนา้ ท้อง
11. ดา้ นอกั ษรศาสตร์ เปน็ จุดกาเนดิ ส่งิ ใด กาเนดิ ภาษาละติน
12. วรรณกรรมอารยธรรมโรมัน นยิ มส่ิงใด บทละคร ร้อยแก้ว รอ้ ยกรอง และประวตั ิศาสตร์
13. กวแี ละวรรณคดีมีชื่อเสียงของโรมนั ท่คี วรทราบ ประเภทรอ้ ยกรอง ไดแ้ ก่
13.1 เวอรจ์ ิล (Virgil) 70-91 ปีก่อนคริสตกาล ผู้แตง่ มหากาพย์ชอ่ื เอเนียด (Aeneid) สดดุ อี อกสั ตสุ ซซี าร์ ท่านผู้
น้ไี ด้สมญาวา่ “โฮเมอร์แหง่ โรมัน”
13.2 โฮเรซ (Horace) 65-8 ปกี ่อนครสิ ตกาล เป็นกวีทม่ี ีชื่อเสยี งรองลงมาจากเวอรจ์ ิล เขียนบทกวีนพิ นธ์เกีย่ วกับ
ชวี ิตชาวไร่และชนบท
13.3 โอวดิ (Ovid) 43 B.C.-17 A.D. เขียนโคลงกลอนพรรณนาเกยี่ วกบั เรื่องราวของความรัก
14. ซิเซโร (Cicero) มชี อ่ื เสียง ในดา้ นใด การแสดงและเขียนสนุ ทรพจน์ จดหมายละเรียงความ
15. ปรัชญาโรมันถ่ายทอดโดยเอาปรชั ญามาจากส่งิ ใด ปรัชญากรกี มัยเฮเลนสิ ติคมาใช้
ชือ่ ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..ห้อง………………..
อารยธรรมโรมัน
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นนาคาตอบทีก่ าหนดให้ไปตอบในช่องว่างให้ถูกตอ้ ง
ทวีปยุโรป อารยธรรมกรีก แพทริเชยี น สาธารณรัฐ อารยธรรมกรีก อทิ รัสกนั
ซิเซโร (Cicero)
ออกสุ ตุส ซีซา่ ร์ สภาเชเนท เพลเบยี น กรงุ โรม (Rome) กฏหมาย 12 โต๊ะ จูเลยี ส ซซี าร์
กรงุ โรม ความเสมอภา กรงุ คอนสแตนติโนเปิล ผ่าตัดทารกออกทางหน้าทอ้ ง
คอนกรีต จูเลยี ส ซีซ่า ภาษาละตนิ ทางทะเล
เยอรมัน Aquaduc โอวิด (Ovid) มยั เฮเลนิสตคิ
…………………………… 1.พวกโรมันไดข้ ยายอิทธพิ ลเข้าครอบครองดินแดนท่ีเปน็ ศนู ยก์ ลางความเจรญิ ของอารยธรรม
…………………………… 2.ปัจจุ บันอารยธรรมโรมันครอบคลุมดินแดนในทวีปใด
…………………………… 3.ชาวโรมันได้สถาปนาการปกครองระบอบใด
…………………………… 4.เมอื งหลวง ของอาณาจกั รโรมัน
…………………………… 5.โรมันเป็นอารยธรรม
…………………………… 6.อารยธรรมโรมนั เป็นอารยธรรมท่ีสบื มาจากอารยธรรม
…………………………… 7.เดิมอารยธรรมโรมนั เป็นอารยธรรมของชาว
…………………………… 8.การปกครองแบบสาธารณรฐั ปกครองโดยชนช้ันขนุ นาง มีประมขุ 2 คน แทนทกี่ ษัตริยเ์ รียกวา่
กงสุลสภาขุนนางหรือ
…………………………… 9.ชนช้ันสูงในอาณาจักรโรม
…………………………… 10.ชนชัน้ ตา่ ในอาณาจกั รโรม
…………………………… 11.ผ้ชู ่วยพิทักษ์บรรดาเพลเบยี นให้พน้ จากอานาจของกงสลุ ท่ีมาจากชนช้นั แพทรเิ ชยี น
…………………………… 12.โรมันในสมัยสาธารณรฐั มผี ้นู าคนสาคญั คือ
…………………………… 13.โรมันในสมัยจกั รวรรดิ มกี ารปกครองเป็นระบอบกษัตริย์ และสถาปนากษัตริย์ ชอ่ื วา่
…………………………… 14.โรมนั ฝ่ังตะวนั ตก มีศนู ยก์ ลางอยู่ท่ี
…………………………… 15.โรมนั ฝ่งั ตะวันออก มีศูนย์กลางอย่ทู ่ี
…………………………… 16.ประมวลกฎหมาย12โตะ๊ เน้นเร่ืองใดมากท่ีสุด
…………………………… 17.ดา้ นการแพทย์ของโรมันทถ่ี ือวา่ เป็นจุดเร่ิมตน้ ในการทาสิง่ ใด
…………………………… 18.ผ้นู า ผ้ทู าใหจ้ ักรวรรด์โิ รมนั ขยายอาณาเขต คือ
…………………………… 19.ชนเผา่ ใดที่เข้ามายึดครองโรมนั ตะวนั ตก
…………………………… 20.วงโคง้ ขนาดใหญข่ องโรมนั ทาได้แข็งแรงเพราะเหตุผลทต่ี ่างจากอารยธรรมแรก ๆ
…………………………… 21.ตัวอย่างโบราณสถานใดท่แี สดงว่า สงั คมโรมันใหค้ วามสาคญั กับคณุ ภาพชีวติ และสขุ อนามัย
…………………………… 22.เขียนโคลงกลอนพรรณนาเก่ียวกับเร่ืองราวของความรัก ใครเป็นผู้เขียน
…………………………… 23.ถา้ พดู ถึงการแสดงและเขียนสุนทรพจน์ ผทู้ ม่ี ีชอ่ื เสียงมากคอื ใด
…………………………… 24.ปรชั ญาโรมนั ถา่ ยทอดโดยเอาปรัชญามาจากส่ิงใด
…………………………… 25.ด้านอักษรศาสตร์เปน็ จุดกาเนดิ สงิ่ ใดในอารยธรรมโรมัน
อารยธรรมโรมนั อิทรัสกนั ทางทะเล
คาชแี้ จง ให้นักเรยี นนาคาตอบทก่ี าหนดให้ไปตอบในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง
ทวปี ยุโรป อารยธรรมกรีก แพทริเชยี น สาธารณรฐั อารยธรรมกรีก
ออกสุ ตุส ซซี ่าร์ สภาเชเนท เพลเบยี น กรงุ โรม (Rome) กฏหมาย 12 โตะ๊ ซเิ ซโร (Cicero) กรงุ โรม
ความเสมอภา กรงุ คอนสแตนตโิ นเปลิ ผา่ ตัดทารกออกทางหน้าทอ้ ง จเู ลียส ซซี าร์ คอนกรีต เยอรมัน
จเู ลยี ส ซีซา่ ภาษาละตนิ Aquaduc โอวิด (Ovid) มยั เฮเลนิสตคิ
อารยธรรมกรีก 1.พวกโรมนั ไดข้ ยายอิทธพิ ลเข้าครอบครองดนิ แดนทเี่ ปน็ ศนู ยก์ ลางความเจริญของอารยธรรม
ทวีปยุโรป 2.ปัจุจบันอารยธรรมโรมันครอบคลุมดินแดนในทวปี ใด
สาธารณรฐั 3.ชาวโรมันไดส้ ถาปนาการปกครองระบอบใด
กรงุ โรม (Rome) 4.เมอื งหลวง ของอาณาจักรโรมัน
ทางทะเล 5.โรมันเปน็ อารยธรรม
อารยธรรมกรีก 6.อารยธรรมโรมนั เปน็ อารยธรรมท่ีสืบมาจากอารยธรรม
อทิ รัสกัน 7.เดมิ อารยธรรมโรมัน เปน็ อารยธรรมของชาว
สภาเชเนท 8.การปกครองแบบสาธารณรัฐปกครองโดยชนชน้ั ขุนนาง มีประมขุ 2 คน แทนทีก่ ษัตริย์เรียกว่า
กงสลุ สภาขุนนางหรือ
แพทริเชยี น 9.ชนช้นั สงู ในอาณาจักรโรม
เพลเบียน 10.ชนชน้ั ต่าในอาณาจกั รโรม
กฏหมาย 12 โต๊ะ 11.ผู้ชว่ ยพทิ กั ษบ์ รรดาเพลเบยี นให้พน้ จากอานาจของกงสุลที่มาจากชนชนั้ แพทรเิ ชียน
จเู ลยี ส ซซี ่า 12.โรมนั ในสมยั สาธารณรัฐ มีผูน้ าคนสาคญั คอื
ออกสุ ตุส ซีซ่าร์ 13.โรมันในสมยั จักรวรรดิ มีการปกครองเปน็ ระบอบกษตั รยิ ์ และสถาปนากษัตริย์ ช่ือวา่
กรุงโรม 14.โรมนั ฝง่ั ตะวันตก มีศูนย์กลางอยู่ท่ี
กรงุ คอนสแตนตโิ นเปลิ 15.โรมนั ฝงั่ ตะวนั ออก มศี นู ย์กลางอยูท่ ่ี
ความเสมอภาค 16.ประมวลกฎหมาย12โต๊ะ เน้นเรอ่ื งใดมากท่ีสุด
ผา่ ตัดทารกออกทางหน้าท้อง 17.ด้านการแพทย์ของโรมันทถ่ี อื ว่าเปน็ จดุ เริ่มต้นในการทาส่งิ ใด
จูเลียส ซีซาร์ 18.ผู้นา ผทู้ าใหจ้ กั รวรรด์โิ รมัน ขยายอาณาเขต คือ
เยอรมนั 19.ชนเผา่ ใดทเ่ี ขา้ มายดึ ครองโรมนั ตะวนั ตก
คอนกรีต 20.วงโค้ง ขนาดใหญข่ องโรมันทาได้แขง็ แรงเพราะเหตุผลทตี่ ่างจากอารยธรรมแรก ๆ
Aquaduc 21.ตวั อยา่ งโบราณสถานใดที่แสดงว่า สังคมโรมนั ให้ความสาคัญกับคุณภาพชวี ติ และสขุ อนามัย
โอวิด (Ovid) 22.เขยี นโคลงกลอนพรรณนาเกยี่ วกับเรื่องราวของความรกั ใครเปน็ ผเู้ ขียน
ซิเซโร (Cicero) 23.ถ้าพูดถงึ การแสดงและเขียนสุนทรพจน์ ผทู้ ี่มชี ่ือเสยี งมากคือใด
มยั เฮเลนสิ ตคิ 24.ปรัชญาโรมันถา่ ยทอดโดยเอาปรัชญามาจากสิง่ ใด
ภาษาละติน 25.ดา้ นอกั ษรศาสตร์เปน็ จดุ กาเนิดสง่ิ ใดในอารยธรรมโรมนั
อารยธรรมตะวนั ออก ชื่อ………………………………………………………………………………...เลขท…ี่ ……………..ห้อง………………..
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นยกตวั อย่างความเจริญทางอารยธรรมจีนและอารยธรรมอนิ เดยี พร้อมวิเคราะห์วา่ มีอิทธิพลต่อโลก
ปจั จบุ ัน
อารยธรรม อารยธรรม
จีน อินเดยี
……………………………..……………………………………… ……………………………..………………………………………
………………………………..…………………………………… ………………………………..……………………………………
……………………………………………………………..……… ……………………………………………………………..………
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
……………………………..……………………………………… ……………………………..………………………………………
………………………………..…………………………………… ………………………………..……………………………………
……………………………………………………………..……… ……………………………………………………………..………
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
……………………………..……………………………………… ……………………………..………………………………………
………………………………..…………………………………… ………………………………..……………………………………
……………………………………………………………..……… ……………………………………………………………..………
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
อารยธรรมตะวันออก
คาช้ีแจง ให้นักเรียนยกตวั อย่างความเจรญิ ทางอารยธรรมจีนและอารยธรรมอนิ เดีย พร้อมวเิ คราะห์ว่ามีอทิ ธิพลต่อโลก
ปัจจบุ ัน
อารยธรรม อารยธรรม
จีน อินเดีย
1.ปรัชญาจีน (ลัทธิขงจ้ือ) สอนให้คนในสังคม 1.พระพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มี
อาศัยอยู่รวมกันอย่างเป็นสุข โดยทาหน้าท่ีของ ต้นกาเนิดมาจากประเทศอินเดีย และแผ่ขยายไป
ตนเอง และปฏิบัตติ ่อผ้อู น่ื ตามสถานภาพ ยงั เอเชยี ตะวนั ออก และเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้
2. กระดาษและการพิมพ์ จีนได้ประดิษฐ์กระดาษ 2. วรรณคดีที่สาคัญ ได้แก่มหากาพย์มหาภารตะ
และวิธีการพิมพ์ขึ้นเพื่อใช้ในการสื่อสาร ซ่ึงใน และมหามหากาพย์รามายณะ ได้มีอิทธิพลต่อ
ปัจจุบันยังคงใช้วิธีการพิมพ์และกระดาษในการ วรรณกรรมของชาติต่างๆ
สอื่ สารอยู่ แตไ่ ดม้ ีการพัฒนาเทคโนโลยีใหท้ ันสมยั
3. ภาษามีอิทธิพลอย่างมากต่อประเทศในเอเชีย
3. ดินปืน ชาวจีนค้นพบการใช้ประโยชน์จากดิน ตะวันออกเฉียงใต้ โดยการรับภาษาบาลีสันสกฤต
ปืนเม่ือหลายร้อยปีก่อน ซ่ึงมนุษย์ในปัจจุบันได้นา มาประยุกตใ์ ชใ้ นการเขยี นหนังสือ
ดินปืนมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น อาวุธปืน
ประทัด ดอกไมไ้ ฟ
ช่อื ………………………………………………………………………………...เลขท…่ี ……………..ห้อง………………..
การแลกเปลยี่ นอารยธรรม
คาช้แี จง ให้นักเรยี นยกตัวอย่างและอธบิ ายเกยี่ วกบั การตดิ ตอ่ ระหว่างโลกตะวนั ตกและโลกตะวันออกซง่ึ ส่งผลทาใหเ้ กิดการ
เปลี่ยนแปลงทางอารยธรรม
อารยธรรมทีโ่ ลกตะวนั ตกรบั จากโลกตะวันออก
……………………………..………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
………………………………..……………………………………………………………………………..…………………………………………………………
…………..……………………………………………………………………..……………………………..………………………………………………………
………………..…………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………..…………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
………………………………..……………………………………………………………………………..…………………………………………………………
อารยธรรมทโ่ี ลกตะวันออกรับจากโลกตะวนั ตก
……………………………..………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
………………………………..……………………………………………………………………………..…………………………………………………………
…………..……………………………………………………………………..……………………………..………………………………………………………
………………..…………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………..…………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
………………………………..……………………………………………………………………………..…………………………………………………………
สรุปความคดิ เร่ือง การแลกเปลยี่ นอารยธรรม Mind Map
การแลกเปล่ียนอารยธรรม
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างและอธบิ ายเกย่ี วกับการตดิ ต่อระหวา่ งโลกตะวันตกและโลกตะวนั ออกซ่งึ ส่งผลทาใหเ้ กิดการ
เปลีย่ นแปลงทางอารยธรรม
อารยธรรมทโี่ ลกตะวนั ตกรบั จากโลกตะวนั ออก
1. ดา้ นวิทยาการ เช่น ความรู้ทางด้านคณติ ศาสตร์ เรขาคณิต พรี ะมิด
2. ด้านปรัชญา ศาสนา เช่น หลักปรชั ญาขงจอื๊ ทเ่ี น้นการใช้เหตุผล ซง่ึ ได้มอี ิทธิพลต่อนักคดิ ยุโรป เชน่ วอลเตร์ อดัม สมธิ
3. ดา้ นประดิษฐกรรม เช่น ผา้ ไหม กระดาษ ดนิ ปืน เขม็ ทิศ การตอ่ เรือ การใชห้ างเสือ การป่ันด้าย
4. ดา้ นวัฒนธรรมการดารงชีวติ เช่น วฒั นธรรมการด่มื ชา สนิ ค้าเครื่องเทศ
อารยธรรมท่ีโลกตะวันออกรับจากโลกตะวนั ตก
1.ด้านวทิ ยากร เชน่ ความรูเ้ ก่ียวกบั ตรีโกณมิติ เรขาคณิต ความรูท้ างการแพทย์ เชน่ การฉีด วัคซนี การผ่าตดั การศกึ ษา
แบบตะวนั ตก
2. ด้านศลิ ปกรรม เชน่ การปั้นหรอื แกะสลกั รปู เหมือนมนุษย์ การก่อสร้างโดม ประตูโค้ง
3. ด้านปรชั ญา ศาสนา เชน่ ปรัชญาการเมืองต่างๆ
4. ด้านประดิษฐ์กรรม เช่น รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน รถถัง อาวุธปืน ระเบิดปรมาณู
5. ด้านวฒั นธรรมการดารงชีวิต ไดแ้ ก่ การแตง่ กายแบบตะวนั ตก (ใส่สทู ผกู เนกไท สวมกระโปรง สวมหมวก ) การ
รบั ประทานอาหารแบบตะวันตก (ใช้ชอ้ นสอ้ ม การด่ืมกาแฟ ขนมปงั ขนมเค้ก)
ชื่อ………………………………………………………………………………...เลขท…่ี ……………..หอ้ ง………………..
การติดตอ่ ระหว่างโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตก
คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นจับครู่ ่วมกนั ศึกษาและแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่อไปน้ี
การตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกกบั โลก
เส้นทางสายไหม(ทางบก)
เสน้ ทางเคร่ืองเทศ (ทางทะเล)
ท่มี า : www.wikimedia.com
1. เพราะเหตุใดจงึ มกี ารตดิ ต่อระหว่างโลกตะวนั ออกกบั โลกตะวันตก
............................................................................................................................. ..................................................................
.............................................................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. ..................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................
2. รูปแบบท่ใี ชใ้ นการตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวันออกกับโลกตะวนั ตกมดี า้ นใดบา้ ง
............................................................................................................................. ..................................................................
.............................................................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. ..................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................
3. นักเรียนคิดวา่ รูปแบบการติดตอ่ ด้านใดทกี่ ่อใหเ้ กดิ การแลกเปลี่ยนอารยธรรมมากที่สดุ
............................................................................................................................. ..................................................................
.............................................................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. ..................................................................
............................................................................................................................. ..................................................................
4. หากไม่มีการตดิ ต่อระหว่างโลกตะวนั ออกและโลกตะวันตกจะเกดิ ผลอย่างไร
............................................................................................................................. ........................................................ ..........
............................................................................................................................. ..................................................................
.................................................................................................................................................................................... ...........
........................................................................................................................ .......................................................................
การตดิ ต่อระหวา่ งโลกตะวนั ออกกับโลกตะวนั ตก
1. เพราะเหตุใดจึงมกี ารตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกกับโลกตะวันตก
การตดิ ต่อระหว่างโลกตะวนั ออกกับโลกตะวนั ตก เริ่มต้นจากการค้าขาย ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ การค้า การทา
สงคราม การขยายดินแดน การเผยแพร่ศาสนาแลอ่ืน ๆ ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความเจริญ เพราะในระยะแรกของ
การตดิ ต่อระหวา่ งโลกตะวันออกกบั โลกตะวันตก เรมิ่ ตน้ จากการค้าขาย ที่พ่อค้าชาวตะวันตกกับตะวันออกได้อาศัยเส้นทาง
ท่ีเรียกกันในสมัยหลังว่า “เส้นทางสายไหม”(Silk Road) เส้นทางนี้เริ่มจากกรุงฉางชาน (เมืองซีอานในปัจจุบัน) ประเทศ
จีนไปทางตะวันตก ผ่านทะเลทรายในเอเชียกลาง จนถึงเมืองท่าริมฝ่ังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แล้วลงเรือต่อไปทวีปยุโรป
สินคา้ สาคัญทพ่ี ่อคา้ ชาวตะวันตกต้องการคือผ้าไหม ส่วนสินค้าที่โลกตะวันออกต้องการ เช่น หินมีค่า งาช้าง เป็นต้น ต่อมา
เส้นทางทางบกได้ลดความสาคัญลงเมื่อมีการพัฒนาเทคนิคการต่อเรือและเดินเรือทาให้การติดต่อค้าขายขยายวงกว้าง
เส้นทางการค้าจึงได้ เปลี่ยนมาเป็นเส้นทางทางทะเลท่ีเรียกกันในสมัยหลังว่า “เส้นทางเครื่องเทศ” (Spice Route)
เนอื่ งจากชาวตะวนั ตกมคี วามต้องการเครือ่ งเทศและเนอ้ื สัตว์มากขึ้น
2.รปู แบบท่ใี ชใ้ นการตดิ ตอ่ ระหว่างโลกตะวนั ออกกับโลกตะวันตกมดี า้ นใดบา้ ง
การติดต่อค้าขาย การเผยแผ่ศาสนา การทาสงครามและการขยายอานาจ การผจญภัยแสวงหาโชค ในยุคฟื้นฟู
ศิลปวทิ ยาของชาวตะวันตกเริม่ หนั มาสนใจเรื่อง รอบๆ ตัว ความเชอ่ื ว่าโลกแบน และเรือท่ีแล่นไปในท้องทะเลอันกว้างใหญ่
อาจตกขอบโลก จึงทาให้ชาวตะวันตกหันมาสนใจต่อความลี้ลับของท้องทะเลที่ขวางก้ันพวกเขากับโลกของ
ตะวันออก ประกอบกับการพัฒนาเรือที่มีความ แข็ง แรง ที่สามารถแล่นในมหาสมุทรได้ดีขึ้น ทาให้ชาวตะวันตกมีโอกาส
เดินทางไปเผชิญโชคไปค้าขายหรือไป ตั้งถิ่นฐานในดินแดนใหม่ และได้นาวัฒนธรรมการดารงชีวิตของชาวตะวันตกไป
เผยแพร่ ด้วย
3.นกั เรียนคดิ ว่ารูปแบบการติดต่อดา้ นใดทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ การแลกเปลีย่ นอารยธรรมมากที่สุด
รปู แบบการตดิ ต่อด้านใดที่ก่อใหเ้ กิดการแลกเปล่ียน การเผยแผศ่ าสนา เนื่องจากชาวตะวันตกมคี วามเช่ือระผเู้ ป็น
เจ้าจะพอพระทัย หากสามารถชักชวนผทู้ ี่อยหู่ า่ งไกลมานบั ถือศาสนาคริสตไ์ ด้และคิดว่าชาวพน้ื เมืองท่ีนับถือศาสนารสิ ตจ์ ะ
ใหค้ วามเชื่อถือตนมากกว่าพวกที่ไม่ไดน้ ับถอื เปน็ เหตุใหช้ าวตะวันตกตอ้ งการจะเผยแผศ่ าสนาไปยงั ดินแดนโลกตะวนั ออก
พร้อมกับการค้าขายดงั นั้นการเผยแผ่ศาสนาจึงทาให้เกิดการ แลกเปลย่ี นอารยธรรมระหว่างกัน
4.หากไมม่ ีการติดตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกและโลกตะวันตกจะเกดิ ผลอยา่ งไร
หากไม่มีการติดต่อระหวา่ งโลกตะวนั ออกและโลกตะวันตกจะให้มีไมก่ ารแลกเปลย่ี นวฒั นธรรม ไมม่ กี ารพฒั นา
เทคนคิ การตอ่ เรอื และเดนิ เรือทาให้การตดิ ตอ่ ค้าขายขยายวงกว้าง และไมม่ ีการเผยแผศ่ าสนา และไม่มีการทาสงครามและ
การขยายอานาจ เชน่ สงครามครูเสด ซึง่ เปน็ สงครามระหว่างคริสตศ์ าสนิกชนตะวนั ตกกับพวกมุสลมิ ในตะวันออกกลาง
หมายเหตุ (พิจารณาตามความเหมาะสมของครูผสู้ อน)