ลิ ลิ ต ต ะ เ ล ง พ่ า ย
บทที่๑-๕ ม.๕/๔
บบททททีี่่ ๑๑
ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอัศดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบมิหึง แห่ง เอิกอึงกิดา
การ ฝ่ายพสุธารออกทิศ ว่าอดิศวรกษัตรา มหาธรรมราชนรินทร์ เจ้าปถพินทร์ ผ่านทวีป ดับ
ชนมชีพพิราลัย เอารสไทนฤเบศนเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก
จึ่งพระปิ่ นปักธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากรว่า นครรามินทร์
ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพื่อกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพล
ไปเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยีย่ำภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบ
เบื้องบรรหาร ธก็เอื้อนสารเสาวพนจ์ แด่เอารสยศเยศ องค์อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ
กับนครเชียงใหม่ เป็นพยุหใหญ่ห้าแสน ไปเหยีบดินแดนปราจิน บุตรท่านยินถ้อถ้อย ข้อย
ผู้ข้าบาทบงสุ์ โหรควรคงทำนาย ทายพระเคราะห์ถึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา
เจ้าอยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์เชี่ยวชาญ หาญศึกบมิย่อ ต่อสู้ศึกบมิหยอน ไป่พักวอนว่า
ใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์
สร่างเคาระห์ ธตรัสเยาะเยี่ยงขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวล
พระพักต์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคล้ำ ช้ำกมลหมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบ
ประณตบทมูล ทูลลาไท้ลีลาศ ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลบ่มิหึง ถึงเชียงใหม่ตระบัด
เร่งแจงจัดจตุรงค์ ลงมาสู่หงสา แล้วธให้หาเมืองออก บอกทุกแดนทุกด้าว บอกทุกท้าว
ทุกเทศ ทั่วทุกเขตทุกขอบ รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร
แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุเวียงราช แลสระพราศสระพรั่ง คั่งคับนับเหลือตา ต่างภาษา
ต่างเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศึกยลแสยงฤทธิ์ บพิตรธเทียบทัพหลวง โดยกระทรวง
พยุหบาตร จักยาตราตรู่เช้า เสด็จคืนเข้านิเวศไท้ เกรียมอุระราชไหม้ หม่นเศร้าศรีสลาย
อยู่นา
สัมผัสพยัญชนะ
สัมผัสสระ
สัมผัสวรรณยุกต์
การเล่นคำซ้ำ
คคำำศศััพพทท์์
กิดาการ ข่าวอันเป็นที่เลื่องลือ
พสุธารออกทิศ แผ่นดินด้านตะวันออก(ของพม่า)หมายถึงกรุงศรีอยุธยา
นครรามินทร์ เมืองของพระรามเมืองอยุธยา ในที่นีหมายถึงอยุธยา
ชิงฉัตร ชิงราชบัลลังก์
บรรหาร
แดนปราจิน
จตุรงค์
พูด
แผ่นดินด้านตะวันออก(ของพม่า)หมายถึงกรุงศรีอยุธยา
ทหารสี่เหล่า คือ เหล่าช้าง ม้า รถ พลทหารเดิน
ถอดคำประพันธ์
ฝ่ายพระนครรามัญ กล่าวคือ เมืองหงสาวดีเมื่อได้ทราบข่าวว่า สมเด็จพระมหาธรรม
ราชา กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาสิ้นพระชนม์ แล้วพระนเรศวร พระโอรสได้ขึ้นครองราชย์ จึง
ได้แจ้งให้ประชุมเหล่าอำมาตย์ ปรึกษาหารือกันว่า กรุงศรีอยุธยาผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน
บางทีพระโอรสสองพระองค์ (พระนเรศวรและพระเอกาทศรถ) อาจวิวาทชิงราชสมบัติกัน
ยังไม่รู้เหตุผลประการใด ควรยกทัพไปเหยียบแผ่นดินไทย เพื่อเตือนสงครามไว้ก่อน ถ้า
เห็นว่าได้เปรียบ ก็ให้โจมตีทันที เหล่าขุนนางเห็นชอบด้วยพระราชดำรินันทบุเรง จึงมี
รับสั่งให้พระมหาอุปราชาราชโอรสจัดเตรียมทัพร่วมไปกับทัพเมืองเชียงใหม่ เป็นจำนวน
ห้าแสนคนยกไปตีกรุงศรีอยุธยา พระมหาอุปราชาทรงกราบทูลพระราชบิดาว่า โหร
ทำนายว่าพระองค์จะทรงเคราะห์ร้าย พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรงสดับแล้วก็ตรัส
ประชดว่ากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา มีพระโอรสเก่งกาจสามารถในการสู้รบ เชี่ยวชาญการ
รบไม่ย่อท้อต่อการศึก ไม่ต้องให้บิดามาใช้ แต่เจ้ากลับมาห้ามไม่ให้ทำศึก ถ้าเจ้าเกรงว่าจะ
ได้รับเคราะห์ร้ายก็อย่าไปรบเลย จงเอาผ้านุ่งของผู้หญิงมานุ่งเสียเถอะจะได้หมดเคราะห์
ไป องค์อุปราชหรืออุปราชาทรงอับอายเหล่าอำมาตย์ จนพระพักตร์ซีดเซียวหมองคล้ำ
พระหทัยหมองหม่น ด้วยทรงหวาดกลัวพระราชอาญา จึงหมอบกราบ บังคลทูลลาออกไป
จัดเตรียมทัพ โดยเกณฑ์ไพร่พลจากเชียงใหม่ เมืองที่สวามิภักดิ์ หัวเมืองต่างๆ ทุกหน
ทุกแห่ง แล้วจัดเตรียมทัพหลวง ยกไปตีกรุงศรีอยุธยาในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น แล้วเสด็จเข้า
ที่ประทับด้วยพระหทัยหม่นหมอง
บบททททีี่่ ๒๒
โคลง๒
๏ พระผาดผายสู่ห้อง หาอนุชนวลน้อง
หนุ่มเหน้าพระสนม
๏ ปวงประนมนบเกล้า งามเสงี่ยมเฟื้ ยมเฝ้า
อยู่ถ้าทูลสนอง
๏ กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักร้างรสแคล้ว
คลาดเคล้าคลาสมร
๏ จำใจจรจากสร้อย อยู่แม่อย่าละห้อย
ห่อนช้าคืนสม แม่แล
สัมผัสพยัญชนะ
สัมผัสสระ
สัมผัสวรรณยุกต์
หนุ่มเหน้า คคำำศศััพพทท์์
ประนมเเคลัว
กำลังสาว ในความ"หนุ่มเหน้าพระสนม"
ถ้าใช้กับผู้ชาย หมายถึงกำลังหนุ่ม
พนม,ยกมือขึ้นกระพุ่ม
คลาด,รอดไป,พันไป,พลาดไป
ถถออดดคคำำปปรระะพพัันนธธ์์
พระมหาอุปราชาเสด็จไปลานางสนมซึ่งร่ำไห้คร่ำครวญ และขอตามเสด็จด้วย แต่
พระมหาอุปราชาได้ตรัสว่าหนทางลำบากนัก พระองค์จำใจจากเหล่าสนมไป ในไม่ช้า
ก็คงจะได้กลับคืนมา
กกาารรววิิเเคครราาะะหห์์ววรรรรณณกกรรรรมม
๑ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
ภาพพจน์
อธิพจน์
เช่น เลือดสลดหมดคล้ำ ช้ำกมลหมองมัว
การเล่นเสียง
เล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะ
เช่น - กองกอดแก้ว - ระบอบเบื้องบรรหาร
- คลาดเคล้าคลา - ให้ ธ หวง ธ ห้าม
- จำใจจรจาก
เล่นเสียงสัมผัสสระ
เช่น - แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทนา
- บุรีรัตนหงสา ก็บัญชาพิภาษ
เล่นเสียงสัมผัสวรรณยุกต์
เช่น - หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบมิหึง
เล่นคำซ้ำ
เช่น - ทุกแดนทุกด้าว บอกทุกท้าวทุกเทศ ทั่วทุกเขตทุกขอบ
รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง
จินตภาพ
จินตภาพด้านการเคลื่อนไหว
เช่น กรตระกองกอดแก้ว
ต่อสู้ศึก บ มิหยอน
ลงม้าสู่หงสา
๒ คุณค่าด้านแนวคิด
จากบทประพันธ์ บทที่ 1-5 สามารถสรุปคุณค่าด้านแนวคิดได้ว่า
-การมีหน้าที่ความรับผิดชอบสังเกตุได้สมเด็จพระมหาธรรมราชสิ้นพระชนม์ซึ่งพ
. นเรศวรได้ขึ้นครองราชย์
-ความกล้าหาญความกล้าหาญของนางสนมที่ขอตามเสด็จไปพร้อมกับพระนเรศวร
ถึงแม้จะรู้ว่าเสี่ยง
๔ คุณค่าด้านเนื้อหา
จากใจความสำคัญของเรื่องลิลิตตะเลงพ่ายบทที่1-5
เมืองหงสาได้รับทราบข่าวจาก การผลัดเปลี่ยน
แผนติด จึงคาดว่าอาจเกิดการวิวาท เกิดขึ้น และควรยกทัพไปยัง
แผ่นดินไทยเพราะเห็นว่า ได้เปรียบจึงเกิดสงคราม ครั้งนี้ขึ้น เป็นต้น
๓ คุณค่าด้านสังคม
-ความเชื่อ ในตอนที่พระมหาอุปราชากราบทูลพระราชบิดาว่า โหรทำนายว่า
พระองค์ทรงเคราะห์ร้าย เป็นต้น
สมาชิก
นาย ธนาดล อาจรักษา ๑๘
นาย ศิรสิทธิ์ หารินไสล ๒๙
นางสาว ณัฐชมล สุขเปี้ ย ๓๐
นางสาว พรรษนันท์ ปานเนียม ๓๑
นาย ภัทรพงษ์ สมชิด ๓๙