4. วงจรจ่ายแรงดันไบแอสเบื้องต้น D – MOSFET ชนิด N – Channel การปรับเปลี่ยนค่าแรงดันไบแอสกลับ VGG มีผลให้ กระแส ID ไหลเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก. ไม่มีผล เพราะ จ่าย VGG ให้มากศักย์ลบที่ขา G มากผลักอิ เล็กตอนอิสระระหว่างรอยต่อส่วนขา D กับขา S เคลื่อนที่ห่าง ออกมาจำ นวนมาก ดึงโฮลเข้าไปแทนที่มาก ข. มีมีผล เพราะ จ่าย VGG ให้มากศักย์บวกที่ขา G มากผลัก โฮลระหว่างรอยต่อส่วนขา D กับขา S เคลื่อนที่ห่างออกมา จำ นวนมาก ดึงอิเล็กตรอนเข้าไปแทนที่มาก ค. มีผล เพราะ จ่าย VGG ให้มากศักย์ลบที่ขา G มากผลักอิ เล็กตอนอิสระระหว่างรอยต่อส่วนขา D กับขา S เคลื่อนที่ห่าง ออกมาจำ นวนมาก ดึงโฮลเข้าไปแทนที่มาก ง. มีผล เพราะ จ่าย VGG ให้มากศักย์บวกที่ขา G มากผลักโฮ ลระหว่างรอยต่อส่วนขา D กับขา S เคลื่อนที่ห่างออกมาจำ นวน มาก ดึงอิเล็กตรอนเข้าไปแทนที่มาก 5. วงจรจ่ายแรงดันไบแอสเบื้องต้น E – MOSFET ชนิด P – Channel การปรับเปลี่ยนค่าแรงดันไบแอสกลับ VGG มีผลให้ กระแส ID ไหลเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก. มีผล เพราะ จ่าย VGG น้อย ศักย์ลบที่ขา G น้อยผลัก อิเล็กตรอนอิสระออกไปได้น้อย ข. มีผล เพราะ จ่าย VGG น้อย ศักย์บวกที่ขา G น้อยผลักโฮ ลออกไปได้น้อย ค. ไม่มีผล เพราะ จ่าย VGG น้อย ศักย์ลบที่ขา G น้อยผลัก อิเล็กตรอนอิสระออกไปได้น้อย ง. ไม่มีผล เพราะ จ่าย VGG น้อย ศักย์บวกที่ขา G น้อยผลัก โฮลออกไปได้น้อย 6. วงจรสวิตช์ D - MOSFET ชนิด N - Channel และสัญญาณที่ วัดได้การทำ งานของวงจรคือในช่วงเวลา ก. t0 - t1 มีสัญญาณพัลส์ตลอดเวลา ข. t1 – t2 มีสัญญาณพัลส์ตลอดเวลา ค. t0 - t1 ไม่มีสัญญาณพัลส์ใดๆ ง. t1 – t2 ไม่มีสัญญาณพัลส์ใดๆ 7. การนำ เจเฟตไปใช้งานเป็นสวิตซ์จะต้องจัดไบอัสอยู่ในย่านใด ของกราฟคุณลักษณะสมบัติของเจเฟต ก. ย่านแอกทีฟ ข. ย่านอิ่มตัวและย่านคัตออฟ ค. ย่านคัตออฟ ง. ย่านอิ่มตัว
8. วงจรไบแอสตัวเองของเจเฟตทั้งชนิด N-Channel และชนิด P-Channel ต้องจ่ายแรงดันไบแอสให้เหมือนกันคือ ต้องจ่ายแร งดันไบแอสตรงให้ขาใดและต้องจ่ายแรงดันไบแอสกลับให้ขาใด ก. จ่ายแรงดันไบแอสตรงให้ขาซอร์ส จ่ายแรงดันไบแอสกลับ ให้ขาเดรน ข. จ่ายแรงดันไบแอสตรงให้ขาซอร์ส จ่ายแรงดันไบแอสกลับ ให้ขาเกต ค. จ่ายแรงดันไบแอสตรงให้ขาเกต จ่ายแรงดันไบแอสกลับให้ ขาเดรน ง. จ่ายแรงดันไบแอสตรงให้ขาเกต จ่ายแรงดันไบแอสกลับให้ ขาซอร์ส 9. การจัดวงจรไบแอสคงที่ของดีมอสเฟต ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. จัดแรงดันไบแอสให้ทั้งวงจรคงที่ ข. จัดให้เกิดกระแสเดรนไหลในวงจรคงที่ ค. จัดแรงดันไบแอสให้ขาเกตและขำ ซอร์สคงที่ ง. จัดแรงดันไบแอสให้ขาเดรนและขาซอร์สคงที่ 10. วงจรไบแอสคงที่ของเอนฮานซ์มอสเฟตทั้งชนิดเอ็นแชนแนล และชนิดพีแชนแนล ต้องจัดแรงดันไบแอสให้ถูกต้อง คือจ่ายไบแอ สตรงให้ขาใด จ่ายไบแอสกลับให้ขาใด ก. จ่ายไบแอสตรงให้ขาเดรน จ่ายไบแอสกลับให้ขาเดรนและ ขาเกตเทียบกับขาซอร์สเสมอ ข. จ่ายไบแอสตรงให้ขาซอร์ส จ่ายไบแอสกลับให้ขาเดรนและ ขาเกตเทียบกับขาซอร์สเสมอ ค. จ่ายไบแอสตรงให้ขาซอร์ส จ่ายไบแอสกลับให้ขาซอร์สและ ขาเกตเทียบกับขาซอร์สเสมอ ง. จ่ายไบแอสตรงให้ขาเดรน จ่ายไบแอสกลับให้ขาซอร์สและ ขาเกตเทียบกับขาซอร์สเสมอ สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อทำ แบบทดสอบหลังเรียนเรื่อง เฟต
แบบทดสอบก่อนเรียน 1. การใช้งานยูเจทีต้องใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ใดเสมอ ก. เอสซีอาร์ ไตรแอก เอสบีเอส ข. ไดแอก ไตรแอก ทรานซิสเตอร์ ค. เอสบีเอส ทรานซิสเตอร์ ไตรแอก ง. เอสซีอาร์ ไดแอก ไตรแอก 2. การทำ งานของ UJT จะเป็นตัวกำ เนิดสัญญาณใดขึ้นมา เพื่อ นำ ไปใช้ในการควบคุมวงจรต่าง ๆ เช่น วงจรตั้งเวลา วงจรตรวจ เช็ค และวงจรกระตุ้นอุปกรณ์พวกไทริสเตอร์ ก. สัญญาณอนาล็อก และ สัญญาณดิจิตอล ข. สัญญาณฟันเลื่อย และ สัญญาณพัลล์ ค. สัญญาณวิทยุ และ สัญญาณสามเหลี่ยม ง. สัญญาณไซน์ และ สัญญาณสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3. ไดแอกไม่สามารถใช้งานได้กับวงจรใด ก. วงจรควบคุมความเย็นเครื่องปรับอากาศ ข. วงจรหรี่ไฟแสงสว่างที่มีชุดป้องกันสัญญาณรบกวน ค. วงจรปรับความเร็วมอเตอร์แบบยูนิเวอร์แซว ง. วงจรควบคุมความร้อนด้วยเทอร์โมสตาร์ท 4. ไดแอคถูกนำ ไปใช้งานโดยต่อร่วมที่ขาเกตของเอสซีอาร์และ ไตรแอกเพื่อทำ หน้าที่อะไร ก. เป็นตัวป้องกัน กระแสไหลย้อนจำ นวนมากผ่านขาเกตซึ่งจะ ทำ ให้เอสซีอาร์และไตรแอคชำ รุดเสียหายได้ ข. เป็นตัวป้องกัน กระแสกระโชกจำ นวนมากผ่านขาเกตซึ่งจะ ทำ ให้เอสซีอาร์และไตรแอคชำ รุดเสียหายได้ ค. เป็นตัวป้องกัน กระแสกระโชกจำ นวนน้อยผ่านขาเกตซึ่งจะ ทำ ให้เอสซีอาร์และไตรแอคชำ รุดเสียหายได้ ง. เป็นตัวป้องกัน กระแสไหลย้อนจำ นวนน้อยผ่านขาเกตซึ่งจะ ทำ ให้เอสซีอาร์และไตรแอคชำ รุดเสียหายได้ 5. ข้อใดต่อไปนี้ แสดงการทำ งานของไตรแอกสภาวะกระแสเสริม กัน ก. ควอแดรนต์ที่ 1 และควอแดรนต์ที่ 2 ข. ควอแดรนต์ที่ 1 และควอแดรนต์ที่ 3 ค. ควอแดรนต์ที่ 1 และควอแดรนต์ที่ 4 ง. ควอแดรนต์ที่ 2 และควอแดรนต์ที่ 4
6. วิธีการที่จะทำ ให้ไตรแอคหยุดนำ กระแสไฟฟ้า มีกี่วิธี อะไรบ้าง ก. 1 วิธี 1. ลดกระแสไฟฟ้าแอโนด IA ให้ต่ำ กว่ากระแสไฟฟ้า ยึด ข. 2 วิธี 1. ลดกระแสไฟฟ้าแอโนด IA ให้ต่ำ กว่ากระแสไฟฟ้า ยึด 2. ลดระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่างขา A2 กับ A1 ให้มีค่าเป็น ศูนย์ ค. 3 วิธี 1. ลดกระแสไฟฟ้าแอโนด IA ให้ต่ำ กว่ากระแสไฟฟ้า ยึด 2. ลดระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่างขา A2 กับ A1 ให้มีค่าเป็น ศูนย์ 3.ลดค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนมากกว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง ง. 4 วิธี 1. ลดกระแสไฟฟ้าแอโนด IA ให้ต่ำ กว่ากระแสไฟฟ้า ยึด 2. ลดระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่างขา A2 กับ A1 ให้มีค่าเป็น ศูนย์ 3.ลดค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนมากกว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง 4. ลดค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนต่ำ กว่าค่าที่ เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง 7.การนำ ไตรแอคไปใช้กับไฟกระแสสลับ สามารถควบคุมการ ทำ งานด้วยการใช้แรงดันไปกระตุ้น ที่ขาใดเพื่อให้ทำ งานที่มุมหรือ เฟตต่างกัน ทำ ให้สามารถควบคุมกำ ลังไฟฟ้าที่จ่ายไปยังโหลดได้ ตามต้องการ ก. ขาเกต ข. ขาแอโนด 1 ค. ขาแอโนด 2 ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข้อ ข. 8. ข้อใดคือการไบแอสแบบฟอร์เวิร์สไบแอส ก. การป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับขั้วแอโนดและศักย์ไฟฟ้าลบ ให้กับขั้วแคโธด แต่เอสซีอาร์จะไม่นำ กระแสจนกว่าขาเกตจะได้ รับศักย์ไฟฟ้าบวกเมื่อเทียบกับขั้วแคโธด ข. การป้อนศักย์ไฟฟ้าลบให้กับขั้วแอโนดและศักย์ไฟฟ้าบวก ให้กับขั้วแคโธด แต่เอสซีอาร์จะไม่นำ กระแสจนกว่าขาเกตจะได้ รับศักย์ไฟฟ้าลบเมื่อเทียบกับขั้วแคโธด ค. การป้อนศักย์ไฟฟ้าลบให้กับขั้วแอโนดและป้อนศักย์ไฟบวก ให้กับขั้วแคโธด เอสซีอาร์จะไม่มีการนำ กระแสถึงแม้จะทำ การ ป้อนสัญญาณควบคุมให้กับขาเกตก็ตาม ง. การป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับขั้วแอโนดและป้อนศักย์ไฟลบ ให้กับขั้วแคโธด เอสซีอาร์จะไม่มีการนำ กระแสถึงแม้จะทำ การ ป้อนสัญญาณควบคุมให้กับขาเกตก็ตาม
9. ข้อใดต่อไปนี้คือ การหยุดการทำ งานของเอสซีอาร์ที่ทำ ได้เพียง ทางเดียวเท่านั้น ก. ลดค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนมากกว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง ข. ลดค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนต่ำ กว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง ค. เพิ่มค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนมากกว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง ง. เพิ่มค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนต่ำ กว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง 10. SCB ถูกนำ ไปใช้มากในงานพวกไฟฟ้ากำ ลัง ข้อใดบ้าง ก. วงจรควบคุมความสว่าง วงจรควบคุมความเร็วของ มอเตอร์ ข. วงจรควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบควบคุมอุณหภูมิ ค. วงจรควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบควบคุมอุณหภูมิ และวงจรรักษาระดับกำ ลัง ง. ถูกทุกข้อ สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อทำ แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง อุปกรณ์ไทริสเตอร์
ไทริสเตอร์เป็น ป็ อุป อุ กรณ์เซมิคมิอนดักดัเตอร์สี่ชั้ สี่ชั้นชั้ สามขั้วขั้โดยแต่ลต่ะชั้นชั้ ประกอบด้ว ด้ ยวัสวัดุช ดุ นิด N หรือชนิด P สลับลักันกัเช่นช่ PNPN เทอร์มินัมิ นัลหลักลั ซึ่งมีข้ มี อ ข้ ความว่าว่แอโนดและแคโทดอยู่ใยู่ นทั้งทั้สี่ชั้ สี่ชั้นชั้เทอร์มินัมิ นัลควบคุม คุ ที่เ ที่ รียกว่าว่ เกต ติดติอยู่กัยู่ บกัวัสวัดุป ดุ ระเภท p ใกล้กั ล้ บกัแคโทด (ตัวตัแปรที่เ ที่ รียกว่าว่ SCS ซึ่งเป็น ป็ สวิตวิช์ที่ ช์ ค ที่ วบคุม คุ ด้ว ด้ ยซิลิกลิอนนำ ทั้งทั้สี่ชั้ สี่ชั้นชั้ออกไปยังยัเทอร์มินัมิ นัล) การทำ งานของ ไทริสเตอร์สามารถเข้า ข้ ใจได้ใด้ นแง่ขง่องทรานซิสเตอร์ขั้วขั้ต่อต่ สองขั้วขั้ที่เ ที่ ชื่อ ชื่ มต่อต่ กันกัอย่าย่งแน่นหนาซึ่งจัดเรียงเพื่อ พื่ ทำ ให้เ ห้ กิดกิการล็อ ล็ คตัวตัเอง หน่วยที่2 อุปกรณ์ไทริสเตอร์ Silicon Control Rectifier
2.1 เอสซีอาร์ (SCR : Silicon Control Rectifier) เป็น ป็ อุป อุ กรณ์ของโซลิดลิสเตท (Solid - State) เป็น ป็ อุป อุ กรณ์จําพวกไทริส เตอร์ (Thyristor) มีโมี ครงสร้างของสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ต่อต่ชนกันกัทำ หน้าที่เ ที่ป็น ป็ สวิตวิช์เ ช์ปิดปิ – ปิดปิวงจรทางอิเอิล็ก ล็ ทรอนิกส์ช ส์ นิดหนึ่ง ข้อ ข้ ดีข ดี องอุป อุ กรณ์นี้คือ คื ไม่มีม่ก มี ารเคลื่อ ลื่ นของหน้าสัมสัผัสผัเพราะเป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ จึงทำ ให้ไห้ ม่ เกิดกิประกายไฟที่ห ที่ น้าสัมสัผัสผัส่งส่ผลให้มี ห้ ค มี วามปลอดภัยภัสูง สู ในงานอุต อุ สาหกรรมจะได้ยิ ด้ นยิ ในชื่อ ชื่ ของ SCR Power Controller, SCR Power Regulator มีห มี น้าที่ใที่ น การควบคุม คุ การจ่ายกระแสไฟฟ้า ฟ้ โดยส่วส่น ใหญ่มัญ่กมันำ ไปใช้ใช้ นการควบคุม คุ การจ่ายกระแสไฟฟ้า ฟ้สำ หรับงานโหลด Heater ที่มี ที่ ก มี ระแสสูง สู ๆ นอกจากนั้นยังยันำ ไปใช้ใช้ นด้า ด้ นการควบคุม คุ เตา หลอมที่ใที่ ช้ค ช้ วามร้อนสูง สู ๆ, เทอร์ โมสตัทตั, เทมเพอร์เรเจอร์คอนโทรลเลอร์, มอเตอร์ เป็น ป็ ต้น ต้ 2.1.1 โครงสร้างและสัญ สั ลัก ลั ษณ์ของเอสซีอาร์ เอสซีอาร์ (SCR : Silicon Control Rectifier) เป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ผลิตลิขึ้น ขึ้ มาจากสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิดซิลิคลิอน โครงสร้าง SCR ประกอบ ด้ว ด้ ยสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด P และชนิด N ต่อต่ชนกันกัทั้งทั้หมด 4 ตอนเป็น ป็ สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด P 2 ตอน และสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด N 2 ตอนต่อต่เรียงสลับลักันกัขาต่อต่ ออกมาใช้ง ช้ าน 3 ขา คือ คื ขาแอโนด (Anode) ขาแคโทด (Cathode) และขา เกต (Gate) โครงสร้างและสัญสัลักลัษณ์ของ SCR แสดงดังดัรูป หน่วยที่ 2 อุป อุ กรณ์ไทริสเตอร์ Silicon Control Rectifier รูปที่ 2.1 เอสซีอาร์ 44 44
รูปที่ 2.2 โครงสร้างและสัญสัลักลัษณ์ของ SCR จากรูป (ก) เป็นโครงสร้างจริงของ SCR แสดงส่วนประกอบ ทั้งสารกึ่งตัวนำ 4 ตอนและส่วนประกอบที่ใช้ต่อขาของ SCR ออก มาใช้งาน การผลิต SCR แบบนี้เป็นแบบอัลลอยดิฟฟิวส์ (Alloy Diffused) ผลิตโดยใช้ธาตุเจือปนเคลือบที่ผิวของธาตุเดิม และให้ ความร้อนผ่านธาตุดังกล่าว จะเกิดการเปลี่ยนสภาพเป็นสาร เจือปนชนิด N และชนิด P ขึ้นมา บางตอนก็ใช้การต่อชนของสาร กึ่งตัวนำ ชนิดตรงข้าม เมื่อได้ครบสารกึ่งตัวนำ 4 ตอน จึงนำ ไปต่อ เชื่อมขาออกไปภายนอก ลักษณะของโครงสร้างเป็น SCR ชนิด ทนกระแสได้สูง ส่วนรูป (ข) เป็นโครงสร้างเบื้องต้นของ SCR ประกอบด้วย สารกึ่งตัวนำ 4 ตอน PNPN ต่อชนกัน ต่อขาออกมาใช้งาน 3 ขา คือ ขาแอโนด (A) ต่อออกจากสารชนิด P ตอนนอก ขาเกต (G) ต่อออกมาจากสารชนิด P ตอนใน และขาแคโทด (K) ต่อออกมา จากสารชนิด N ตอนนอก สัญลักษณ์ของ SCR แสดงดังรูป (ค) เป็นสัญลักษณ์ที่คล้าย กับสัญลักษณ์ของไดโอด คือมีด้านสามเหลี่ยมเป็นขาแอโนด (A) ด้านขีดเป็นขาแคโทด (K) ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาที่ขาไดโอดไม่มีคือ ขา เกต (G) ต่อออกมาจากส่วนขีดของขาแคโทด 45 45 (ก) โครงสร้างจริง (ข) โครงสร้างเบื้องต้น (ค) สัญลักษณ์
2.1.2 วงจรสมมูล มู ของ SCR ในการอธิบายการทําทํงานของ SCR เพื่อ พื่ให้เ ห้ กิดกิความเข้า ข้ ใจได้ง่ ด้ าง่ย และ มองเห็น ห็ หลักลัการทำ งานของ SCR จึงเขีย ขี นลักลัษณะโครงสร้างของ SCR ใหม่ ให้เ ห้ป็น ป็ โครงสร้างเทีย ที บเท่าท่และวงจรสมมูล มู ของ SCR ซึ่งอยู่ใยู่ นรูปของ ทรานซิสเตอร์ 2 ตัวตัต่อต่ชนกันกัเป็น ป็ ทรานซิสเตอร์ชนิด PNP หนึ่งตัวตั โครงสร้างเทีย ที บเท่าท่และวงจรสมมูล มู ของ SCR แสดงดังดัรูป รูปที่ 2.3 โครงสร้างเทียทีบเท่าท่และวงจรสมมูลมูของ SCR (ก) โครงสร้าง (ข) โครงสร้างจริงถูกแบ่งออก (ค) โครงสร้างเทียบเท่า (ง) วงจรสมมูล 46 46
จากรูป เป็น ป็ โครงสร้างเทีย ที บเท่าท่และวงจรสมมูล มู ของ SCR สามารถแยก SCR ออกได้ เหมือ มื นกับกัทรานซิสเตอร์ 2 ตัวตัต่อต่อยู่ด้ยู่ ว ด้ ยกันกั (ดังดัรูป ค) Q1 เป็น ป็ ทรานซิสเตอร์ชนิด PNP และ Q2 เป็น ป็ ทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ต่อต่ วงจรร่วมกันกั (ดังดัรูป ง) สาร P ตอนนอกเป็น ป็ ขา E ของ Q1 ต่อต่ออกมาเป็น ป็ ขา A ขา B ของ Q1 ต่อต่ร่วมกับกัขา C ของ Q2 และสาร N ทั้งทั้คู่ ขา C ของ Q1 ต่อต่ รวมกับกัขา B ของ Q2 เป็น ป็ สาร P ทั้งทั้คู่ ต่อต่ออกมาเป็น ป็ ขา G และสาร N ตอน นอกเป็น ป็ ขา E ของ Q2 ต่อต่ออกมาเป็น ป็ ขา K เมื่อ มื่ อธิบายการทำ งานของ SCR ในรูปทรานซิสเตอร์ต่อต่ชนกันกัทำ ให้ม ห้ องเห็น ห็ การทำ งานได้ชั ด้ ดชัเจน และ ง่าง่ยต่อต่การทำ ความเข้า ข้ ใจ 2.1.3 คุณ คุ สมบัติ บั แ ติ ละหลัก ลั การทำ งานของเอสซีอาร์ รูปที่ 2.4 กราฟคุณคุสมบัติบัทติางไฟฟ้าฟ้ของ SCR จากรูปที่ 2.4 จะเห็น ห็ ว่าว่เมื่อ มื่ SCR จะนำ กระแสได้ ก็ต่ ก็ อต่เมื่อ มื่ได้รั ด้ รับการ ฟอร์เวิร์วิร์ ดไบอัสอัด้ว ด้ ยแรงดันดัระดับดัหนึ่งมีก มี ารกระตุ้นตุ้ หรือจุดชนวนที่ข ที่ าเกต SCR หรืออีก อี กรณีหนึ่งคือ คื เมื่อ มื่ มีแ มี รงดันดัตกคร่อมระหว่าว่ง แอโนดและแคโธด สูง สู ถึง ถึ ค่าค่หนึ่งจนกระทั่งทั่ถึง ถึ ระดับดัแรงดันดั ฟอร์เวิร์วิร์ ดเบรคดาวน์ SCR ก็จ ก็ ะนำ กระแสได้เ ด้ องโดยไม่ต้ม่อ ต้ งมีก มี ารกระตุ้นตุ้ หรือ จุดชนวน สิ่งสิ่ที่ก ที่ ล่าล่วมาข้า ข้ งต้น ต้ เป็น ป็ เพีย พี งหลักลัการทำ งานพื้น พื้ ฐานของเอสซีอาร์ ซึ่ง จะเห็น ห็ ได้ว่ ด้ าว่เป็น ป็ อุป อุ กรณ์ที่สที่ ามารถนำ ไปใช้ง ช้ านได้อ ด้ ย่าย่งง่าง่ย ๆ แต่ข้ต่อ ข้ สำ คัญคั คือ คื การเลือ ลื กใช้เ ช้ อสซีอาร์ ให้เ ห้ หมาะกับกังานที่ต้ ที่ อ ต้ งการซึ่งจะพบว่าว่ ในการเลือ ลื ก ใช้เ ช้ อสซีอาร์ และเบอร์นั้นขึ้น ขึ้ อยู่กัยู่ บกัคุณ คุ สมบัติบัเติฉพาะของแต่ลต่ะเบอร์ เช่นช่ค่าค่แรงดันดัและ 47 47
กระแสสูง สู สุด สุ ที่จ ที่ ะทนได้ ค่าค่ความไวของเกตและค่าค่กระแสโฮลดิ้งดิ้ในตาราง ได้แ ด้ สดงถึง ถึ คุณ คุ สมบัติบัต่ติาต่ง ๆ เหล่าล่นี้ของเอสซีอาร์เบอร์ต่าต่ง ๆ ที่นิ ที่ นิยมใช้โช้ ดย PIV คือ คื ค่าค่แรงดันดั สูง สู สุด สุ ที่จ ที่ ะทนได้,ด้Vgt / lgt คือ คื แรงดันดั / กระแสที่ใที่ ช้ใช้ น การทริกที่ข ที่ าเกตและ Ih คือ คื กระแสโฮลดิ้งดิ้ SCB ถูก ถู นำ ไปใช้ม ช้ ากในงานพวกไฟฟ้า ฟ้ กำ ลังลัเช่นช่วงจรควบคุม คุ ความ สว่าว่ง วงจรควบคุม คุ ความเร็วของมอเตอร์ วงจรควบคุม คุ การชาร์จแบตเตอรี่ ระบบควบคุม คุ อุณ อุ หภูมิ ภูมิและวงจรรักษาระดับดักำ ลังลัเป็น ป็ ต้น ต้ คุณ คุ ลักลัษณะของ SCR นั้น จะนำ กระแสในทิศทิทางตรงเท่าท่นั้น (Forward Direction) ด้ว ด้ ย เหตุผ ตุ ลนี้จึงจัดให้ SCR เป็น ป็ อุป อุ กรณ์จำ พวก นำ กระแสในทิศทิทางเดีย ดี ว (Unidirectional Device ) ซึ่งหมายความว่าว่ถ้า ถ้ป้อ ป้ นสัญสัญาณไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัผ่าผ่น SCR ขาเกทของ SCR จะตอบสนองสัญสัญาณ และกระตุ้นตุ้ ให้ SCR ทำ งานเฉพาะครึ่งบวกของสัญสัญาณที่จ ที่ ะทำ ให้แ ห้ อโนดเป็น ป็ บวกเมื่อ มื่ เทีย ที บกับกัแคโธดเท่าท่นั้น ตัวตัอย่าย่งการนำ เอสซีอาร์ไปใช้ง ช้ านอย่าย่งง่าง่ยคือ คื กา รนำ าเอสซีอาร์ไปใช้ใช้ นการเปิดปิ – ปิดปิหลอดไฟ 1. สภาวะนำ กระแส การเปิดปิเอสซีอาร์ให้นำ ห้ นำกระแสนั้น ทำ ได้โด้ ดยการป้อ ป้ นแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวกที่ ขั้วขั้เกตที่เ ที่ รียกว่าว่จุดชนวนเกตหรือสัญสัญาณทริกเกอร์ (Trigerred) เอสซี อาร์ยังยัไม่นำม่ นำกระแส เมื่อ มื่ กดสวิตวิซ์ เอสซีอาร์นำ กระแส ดังดัรูป รูปที่ 2.5 การทำ งานของเอสซีอาร์ 48 48
2. การหยุด ยุ น่ากระแส การหยุด ยุ การทำ งานของเอสซีอาร์นี้จะทำ ได้เ ด้ พีย พี งทางเดีย ดี วเท่าท่นั้น คือ คื ลด ค่าค่กระแสที่ไที่ หลผ่าผ่นแอโนดลงจนต่ำ กว่าว่ค่าค่ที่เ ที่ รียกว่าว่กระแสโฮลดิ้งดิ้ (holding current) หรือเรียกว่าว่ Ih และในกรณีที่เ ที่ อสซีอาร์ถูก ถู ใช้ง ช้ านโดย การป้อ ป้ นกระแสสลับลัผ่าผ่นตัวตัมันมัการหยุด ยุ ทำ งานของมันมัจะเกิดกิขึ้น ขึ้ โดย อัตอั โนมัติมั ติเมื่อ มื่ ค่าค่แรงดันดั ไฟสลับลัที่ใที่ ห้นั้ ห้นั้ ใกล้กั ล้ บกัจุดที่เ ที่ รียกว่าว่ “จุดตัดตัศูนย์”ย์ (Zero - crossing point) ซึ่งจะเกิดกิขึ้น ขึ้ ทุก ทุ ๆ ครึ่งคาบเวลาของสัญสัญาณไฟ สลับลัที่ใที่ ห้แ ห้ ก่วก่งจรนั้น ถ้า ถ้ ต้อ ต้ งการหยุด ยุ การนำ กระแสของเอสซีอาร์จากวงจร ทำ ได้โด้ ดยกดสวิตวิช์ S2 หรือ S3 รูปที่ 2.6 การหยุดยุการทำ งานของเอสซีอาร์ สิ่งสิ่ที่ก ที่ ล่าล่วมาข้า ข้ งต้น ต้ เป็น ป็ เพีย พี งหลักลัการทำ งานพื้น พื้ ฐานของเอสซีอาร์ ซึ่ง จะเห็น ห็ ได้ว่ ด้ าว่เป็น ป็ อุป อุ กรณ์ ที่สที่ ามารถนำ ไปใช้ง ช้ านได้อ ด้ ย่าย่งง่าง่ย ๆ แต่ข้ต่อ ข้ สำ คัญคัคือ คื การเลือ ลื กใช้เ ช้ อสซีอาร์ ให้เ ห้ หมาะกับกังานที่ต้ ที่ อ ต้ งการซึ่งจะพบว่าว่ ใน การเลือ ลื กใช้เ ช้ อสซีอาร์แต่ลต่ะเบอร์นั้น ขึ้น ขึ้ อยู่กัยู่ บกัคุณ คุ สมบัติบัเติฉพาะของแต่ลต่ะ เบอร์ เช่นช่ค่าค่แรงดันดัและกระแสสูง สู สุด สุ ที่จ ที่ ะทนได้ ค่าค่ความไวของเกตและค่าค่ กระแสไฮลดิ้งดิ้ ในตาราง ได้แ ด้ สดงถึง ถึ คุณ คุ สมบัติบัต่ติาต่ง ๆ เหล่าล่นี้ของเอสซีอาร์ เบอร์ต่าต่ง ๆ ที่นิ ที่ นิยมใช้ โดย PIV คือ คื ค่าค่แรงดันดั สูง สู สุด สุ ที่จ ที่ ะทนได้,ด้Vgt/lgt คือ คื แรงดันดั / กระแสที่ใที่ ช้ใช้ นการทริกที่เ ที่ กตและ Ih คือ คื กระแสโฮลดิ้งดิ้การเปิดปิเอส ซีอาร์ให้นำ ห้ นำกระแสนั้น ทำ ได้โด้ ดยการป้อ ป้ นแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวกที่ขั้ ที่ขั้วขั้เกตที่เ ที่ รียก ว่าว่จุดชนวนเกตหรือสัญสัญาณทริกเกอร์ (Trigerred) เอสซีอาร์ยังยัไม่นำม่ นำ กระแส เมื่อ มื่ กดสวิตวิช์ เอสซีอาร์นำ กระแส 49 49
2.1.4 การไบแอส SCR (ก) การไบแอสแบบรีเวิร์วิร์ส (ข) การไบแอสแบบฟอร์เวิร์วิร์ส รูปที่ 2.8 การไบแอสของ SCR 1. การไบแอสแบบรีเวิร์วิร์ส (Reverse Bias) คือ คื การป้อ ป้ นศักย์ไย์ ฟฟ้า ฟ้ ลบให้ กับกัขั้วขั้แอโนดและป้อ ป้ นศักย์ไย์ ฟบวกให้กั ห้ บกัขั้วขั้แคโธด เอสซีอาร์จะไม่มีม่ก มี ารนำ กระแสถึง ถึ แม้จ ม้ ะทำ การป้อ ป้ นสัญสัญาณควบคุม คุ ให้กั ห้ บกัขาเกตก็ต ก็ าม 2. การไบแอสแบบฟอร์เวิร์วิร์สไบแอส (Forward Bias) คือ คื การป้อ ป้ นศักย์ ไฟฟ้า ฟ้ บวกให้กั ห้ บกัขั้วขั้แอโนดและศักย์ไย์ ฟฟ้า ฟ้ ลบให้กั ห้ บกัขั้วขั้แคโธด แต่เต่อสซีอาร์ จะไม่นำม่ นำกระแสจนกว่าว่ขาเกตจะได้รั ด้ รับศักย์ไย์ ฟฟ้า ฟ้ บวกเมื่อ มื่ เทีย ที บกับกัขั้วขั้แคโธด เอสซีอาร์ก็จ ก็ ะยอมนำ กระแส และยอมให้มี ห้ ก มี ระแสไฟฟ้า ฟ้ไหลผ่าผ่นจากขั้วขั้ แอโนดไปยังยัขั้วขั้แคโธดโดยไม่ต้ม่อ ต้ งอาศัยกระแสที่เ ที่ กตอีก อี ต่อต่ ไป รูปที่ 2.7 การทำ งานของเอสซีอาร์ 50 50
2.1.5 การวัด วั และตรวจสอบเอสซีอาร์ การวัดวัหาขาของเอสซีอาร์โดยใช้โช้ อห์ม ห์ มิเมิตอร์ของซันวา ( SUNWA ) รุ่น XZ 300 สายวัดวั สีแ สี ดงจะมีศั มี ศักย์ไย์ ฟฟ้า ฟ้ เป็น ป็ ลบ (-) ส่วส่นสายวัดวั สีดำ สี ดำจะมี ศักย์ไย์ ฟฟ้า ฟ้ เป็น ป็ บวก (+) ( มีมิ มี เมิตอร์บางยี่ห้ ยี่ อ ห้ สายวัดวัจะตรงข้า ข้ มกันกัคือ คื สายสี แดงมีศั มี ศักย์เ ย์ป็น ป็ บวก และสายสีดำ สี ดำมีศั มี ศักย์เ ย์ป็น ป็ ลบ) โดยวิธีวิธี การวัดวั ให้ทำ ห้ ทำการ สมมุติ มุ ตำติตำแหน่งของขาก่อก่น คือ คื เอสซีอาร์มี 3 ขาหรือ 3 ขั้วขั้เราก็สก็ มมุติ มุ ขติา เป็น ป็ ตำ แหน่งที่ 1, 2 และ 3 ดังดัรูป เสร็จแล้ว ล้ แบ่งบ่เป็น ป็ 3 คู่ แล้ว ล้ ทำ การวัดวัดังดั ตาราง รูปที่ 2.9 การสมมุติมุตำติตำแหน่งขาของเอสซีอาร์ ตารางที่ 2.1 การวัดวัหาขาของเอสซีอาร์ด้ว ด้ ยโอห์ม ห์ มิเมิตอร์ SCR บางตัวตัจะมีคู่ มี ขคู่ า 1 คู่ ที่วั ที่ ดวัความต้า ต้ นทานได้ 2 ครั้ง แต่จต่ะมีอ มี ยู่คยู่ รั้ง หนึ่งเข็ม ข็ มิเมิตอร์ชี้ค ชี้ วามต้า ต้ นทานต่ำ อีก อี ครั้งหนึ่งค่าค่ความต้า ต้ นทานจะมีค่ มี าค่ สูง สู ถ้า ถ้ พิจพิารณาที่ค ที่ วามต้า ต้ นทานต่ำ ขั้วขั้บวกแตะขาใด ขานั้นคือ คื ขาเกต ขาที่ ขั้วขั้ลบแตะคือ คื แคโธด ส่วส่นขาที่เ ที่ หลือ ลื คือ คื แอโนด ดังดัรูป 51 51
รูปที่ 2.10 ตัวตัอย่าย่งการวัดวั SCR ที่ค่ที่าค่ความต้าต้นทานขึ้นขึ้ 2 รอบ เมื่อ มื่ ต้อ ต้ งการตรวจสอบว่าว่ SCR อยู่ใยู่ นสภาพดีห ดี รือไม่ดีม่ ดีให้ตั้ ห้ตั้งตั้มิเมิตอร์ที่ R x 1 และนำ ขั้วขั้บวกบวกของมิเมิตอร์แตะที่ข ที่ าแอโนด ขั้วขั้ลบไปแตะที่ข ที่ าแคโธด นำ ปลายสายไฟเส้น ส้ หนึ่งมาแตะที่ข ที่ าแอโนดที่มี ที่ ไมีฟขั้วขั้บวกของมิเมิตอร์แตะอยู่ ส่วส่นปลายอีก อี ด้า ด้ นหนึ่งของสายไฟให้นำ ห้ นำ ไปแตะกับกัขาเกต สังสัเกตเข็ม ข็ มิเมิตอร์ จะกระดิกดิจากนั้นปลดปลายสายไฟเส้น ส้ ที่นำ ที่ นำมาแตะขาเกตครั้งหลังลันี้ออกไป สังสัเกตเข็ม ข็ มิเมิตอร์จะต้อ ต้ งชี้ค้ ชี้ า ค้ งที่ค ที่ วามต้า ต้ นทานตำ แหน่งเดิมดิแสดงว่าว่ SCR อยู่ใยู่ นสภาพดี ดังดัรูป (ก) เมื่อมื่ขั้วขั้+ ของมิเมิตอร์แตะกับกัขา A และ G ขั้วขั้- แตะกับกัขา K เข็มข็มิเมิตอร์อ่าอ่นค่าความต้าต้นทานได้ (ข) เมื่อมื่ปลดสายไฟที่ขที่า G ออกโดยขั้วขั้+ ของมิเมิตอร์ แตะกับกัขา A ขั้วขั้- แตะกับกัขา K เข็มข็มิเมิตอร์ชี้ค้ ชี้าง อ่าอ่นค่าความต้าต้นทานได้เด้ท่าท่เดิมดิ รูปที่ 2.11 การตรวจสอบ SCR หมายเหตุ มัลมัติมิติเมิตอร์ที่ใที่ ช้เ ช้ป็น ป็ ของซันวา ( SUNWA ) รุ่น YX - 360 มัลมัติ มิเมิตอร์บางรุ่นสายวัดวัอาจมีศั มี ศักย์ไย์ ฟไม่เม่หมือ มื นกันกัก่อก่นทำ การวัดวัจึงควรศึกษา ให้เ ห้ ข้า ข้ ใจพิจพิารณาค่าค่ความต้า ต้ นทานระหว่าว่งขาของเอสซีอาร์จากตาราง สรุปได้ว่ ด้ าว่การวัดวัเอสซีอาร์ทั้งทั้ 3 ขา จำ นวน 6 ครั้ง สามารถอ่าอ่นค่าค่ความ ต้า ต้ นทานได้เ ด้ พีย พี ง 1 ครั้งหรือเรียกว่าว่ “วัดวั 6 ครั้ง เข็ม ข็ ขึ้น ขึ้ 1 ครั้ง” ครั้งที่ สามารถอ่าอ่นค่าค่ความต้า ต้ นทานต่ำ ได้นั้ ด้นั้ศักย์ไย์ ฟบวก (สายสีดำ สี ดำ ) จับที่ข ที่ าใด นั้นเป็น ป็ ขาเกต และศักย์ไย์ ฟลบ 52 52
2.1.6 วงจรใช้ง ช้ านเบื้อ บื้ งต้น ต้ ของเอสซีอาร์ 1. การใช้ SCR ในวงจรสัญสัญาณเตือ ตื นภัยภั รูปที่ 2.12 วงจรสัญสัญาณเตือตืนภัยภั โดยใช้ SCR การนำ SCR มาใช้ง ช้ านอย่าย่งง่าง่ยในวงจรสัญสัญาณเตือ ตื นภัยภัขโมย ซึ่งการ ทำ งานของวงจรนั้น ในสภาวะปกติถ้ติา ถ้ หากเป็น ป็ การใช้ต ช้ ามอาคารบ้า บ้ นเรือน สวิตวิช์ S1, S2 หรืออาจมีม มี ากกว่าว่นั้นจะถูก ถู ตั้งตั้ไว้ที่ ว้ ตำ ที่ ตำแหน่งของบานหน้าต่าต่ง หรือประตู ถ้า ถ้ หน้าต่าต่งหรือประตูปิ ตู ดปิมันมัจะไปผลักลั สวิตวิช์ใช์ ห้จ ห้ ากออก (ตัดตั วงจร) ถ้า ถ้ กดสวิตวิช์ S ให้ต่ ห้ อต่วงจรไว้อ ว้ อดจะยังยัไม่ดัม่งดัแต่ถ้ต่า ถ้ เมื่อ มื่ใดหน้าต่าต่ง หรือประตูถู ตู ก ถู งัดงั ให้เ ห้ปิดปิออกไม่ว่ม่าว่จะเป็น ป็ บานใดก็ต ก็ าม S1,S2 หรือ Sn ตัวตัใด ตัวตัหนึ่ง จะถูก ถู ดึง ดึ กลับลัมาต่อต่วงจรทำ ให้มี ห้ ก มี ระแส IG ไปทริกขาเกตของ SCR และทำ ให้มี ห้ ก มี ระแส IA ไหลผ่าผ่นออดผ่าผ่นขา A ไป K และครบวงจรออดจึงมี เสีย สี งดังดัและดังดัตลอดไปเรื่อย ๆ ถึง ถึ แม้จ ม้ ะกด S1, S2 หรือ Sn ให้จ ห้ ากออก ออดก็ยั ก็ งยัคงดังดัอยู่ ถ้า ถ้ ต้อ ต้ งการให้อ ห้ อดหยุด ยุ เสีย สี งดังดัต้อ ต้ งตัดตัวงจรที่สที่ วิตวิช์ S 2.1.7 การอ่าอ่นคู่มืคู่ อ มื เอสซีอาร์และการแปลความหมาย การนำ เอสซีอาร์ไปใช้ง ช้ านจำ เป็น ป็ ต้อ ต้ งรู้ข้อ ข้ มูล มู รายละเอีย อี ดของตัวตัเอสซี อาร์ซึ่งเป็น ป็ ข้อ ข้ มูล มู เกี่ย กี่ วกับกัคุณ คุ สมบัติบัต่ติาต่ง ๆ ของตัวตัเอสซีอาร์ เป็น ป็ ตัวตับอกถึง ถึ ขีด ขี จำ กัดกัและค่าค่การทำ งานต่าต่ง ๆ ของตัวตัเอสซีอาร์แต่ลต่ะเบอร์แต่ลต่ะชนิด เพื่อ พื่ป้อ ป้ งกันกัความเสีย สี หายที่จ ที่ ะเกิดกิขึ้น ขึ้ และเพื่อ พื่ให้ผู้ ห้ ใผู้ช้สช้ ามารถเลือ ลื กใช้ง ช้ านได้ อย่าย่งถูก ถู ต้อ ต้ งเหมาะสม 53 53
ตารางที่ 2.2 ตัวตัอย่าย่งรายละเอีย อี ดเอสซีอาร์เบอร์ต่าต่ง ๆ จากตารางที่ 5.2 ตัวตัอย่าย่งเอสซีอาร์เบอร์ EC 103B ข้อ ข้ มูล มู ทั่วทั่ไปคือ คื เอสซี อาร์เบอร์ EC 103B มีรู มี รู ปร่างตัวตัถังถั TO - 92 ตำ แหน่งขาแคโทด ขาเกตและ ขาแอโนดตามลำ ดับดั โดยมีพิ มี กัพิดกัทางไฟฟ้า ฟ้ ดังดันี้ 1. VRRM (Peak Reverse Blocking Voltage) คือ คื ค่าค่แรงดันดั ไบแอส สูง สู สุด สุ ขณะเอสซีอาร์ไม่นำม่ นำกระแส (VRRM, VDRM, VBR) จากตารางอ่าอ่น ค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 200 โวลต์ 2. IT (RMS) คือ คื ค่าค่กระแสใช้ง ช้ านสูง สู สุด สุ ที่ไที่ หลผ่าผ่นเอสซีอาร์ขณะนำ กระแสไฟกระแสสลับลั โดยไม่ทำม่ทำให้เ ห้ กิดกิความเสีย สี หาย IT (RMS) จากตาราง อ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 0.8 แอมป์ 3. IT (av) (Average Forward Current) คือ คื ค่าค่กระแสใช้ง ช้ านสูง สู สุด สุ ที่ ไหลผ่าผ่นเอสซีอาร์ขณะนำ กระแส ไฟตรงโดยไม่ทำม่ทำให้เ ห้ อสซีอาร์เสีย สี หายจาก ตารางอ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 0.51 แอมป์ 4. IGT (Gate Trigger Current) คือ คื ค่าค่กระแสที่ใที่ ช้ก ช้ ระตุ้นตุ้ ที่ข ที่ าเกตของ เอสซีอาร์เพื่อ พื่ ทำ ให้เ ห้ อสซีอาร์นำ กระแสจากตารางอ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 200 ไมโครแอมป์ 54 54
5. VGT (Gate Trigger Voltage) คือ คื ค่าค่แรงดันดัที่ป้ที่ อ ป้ นให้ข ห้ าเกตเทีย ที บ กับกัขาแคโทด ถ้า ถ้ จ่ายแรงดันดักระตุ้นตุ้ ขาเกตเป็น ป็ บวกถึง ถึ ค่าค่แรงดันดักระตุ้นตุ้ เกตที่บ ที่ อกไว้เ ว้ อสซีอาร์จะนำ กระแส จากตารางอ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 0.8 โวลต์ 6. IH (Holding Current) คือ คื ค่าค่กระแสต่ำ สุด สุ ที่ไที่ หลผ่าผ่นตัวตัเอสซีอาร์ ระหว่าว่งขาแอโนดและขาแคโทดแล้ว ล้ เอสซีอาร์ยังยัคงนำ กระแสได้ถ้ ด้ า ถ้ กระแส ไหลผ่าผ่นตัวตัเอสซีอาร์ต่ำ กว่าว่ค่าค่กระแสโฮลดิ้งดิ้เอสซีอาร์จะหยุด ยุ นำ กระแส ทันทัทีจ ที ากตารางเท่าท่กับกั 5 มิลมิลิแลิอมป์ 55 55
สรุป เอสซีอาร์เป็น ป็ อุป อุ กรณ์อิเอิล็ก ล็ ทรอนิกส์ปส์ ระเภทไทริสเตอร์มี 4 ตอนคือ คื PNPN มีข มี าต่อต่ ใช้ง ช้ าน 3 ขา คือ คื ขาเกต (G) ขาแอโนด (A) และขาแคโทด (K) วงจรสมมูล มู ของเอสซีอาร์สามารถเขีย ขี นแทนด้ว ด้ ยทรานซิสเตอร์ 2 ตัวตั ชนิด PNP และ NPN ต่อต่ด้ว ด้ ยกันกั การจ่ายแรงดันดั ไบแอสให้เ ห้ อสซีอาร์ทำ งาน ต้อ ต้ งจ่ายแรงดันดั ไบแอสให้ ตรงทุก ทุ ขาของเอสซีอาร์ คือ คื จ่ายศักย์บ ย์ วก (+) ให้ข ห้ าแอโนด (A) จ่ายศักย์ล ย์ บ (-) ให้ข ห้ าแคโทด (K) และใช้ศั ช้ ศักย์บ ย์ วกจ่ายเข้า ข้ ขาเกต เมื่อ มื่ จ่ายแรงดันดั ใบแอส ครบเอสซีอาร์ทำ งานมีก มี ระแสไหล เราสามารถเอาแรงดันดั ไบแอสที่ข ที่ าเกตอ อกได้ เอสซีอาร์ยังยัคงทำ งานได้ การหยุด ยุ นำ กระแสของเอสซีอาร์สามารถทำ ได้ 2 วิธีวิธี คือ คื 1. ตัดตัแหล่งล่จ่ายแรงดันดั ไฟกระแสตรง VAA ที่ป้ที่ อ ป้ นให้ข ห้ าแอโนด และขา แคโทด ออกจากวงจรชั่วชั่ขณะ 2. ลดกระแสที่ไที่ หลผ่าผ่นขาแอโนด และขาแคโทดของเอสซีอาร์ให้ต่ำ ห้ ต่ำกว่าว่ กระแสโฮลดิ้งดิ้คู่มืคู่ อ มื รายละเอีย อี ดเกี่ย กี่ วกับกัข้อ ข้ มูล มู ของตัวตัเอสซีอาร์จะบอกขีด ขี จำ กัดกัและค่าค่การทำ งานต่าต่ง ๆ ของตัวตัเอสซีอาร์แต่ลต่ะเบอร์แต่ลต่ะชนิด เพื่อ พื่ ให้เ ห้ กิดกิความปลอดภัยภั ไม่เม่กิดกิความชำ รุดเสีย สี หาย โดยในคู่มืคู่ อ มื จะบอกขนาด ทนกระแสสูง สู สุด สุ ขนาดทนแรงดันดั สูง สู สุด สุ รูปร่างและลักลัษณะตัวตัถังถัและราย ละเอีย อี ดของคุณ คุ สมบัติบัทติางไฟฟ้า ฟ้ ค่าค่ต่าต่ง ๆ เอสซีอาร์สามารถนำ ไปใช้ง ช้ าน อิเอิล็ก ล็ ทรอนิกส์ม ส์ ากมาย เช่นช่วงจรเรียงกระแสที่สที่ ามารถควบคุม คุ ได้ (Control Rectifier) วงจรสวิตวิช์ค ช์ วบคุม คุ การเปิดปิ - ปิดปิหลอดไฟ วงจร ควบคุม คุ ความเร็วมอเตอร์ วงจรควบคุม คุ เฟตแรงดันดั ไฟกระแสสลับลัเป็น ป็ ต้น ต้ การวัดวัและทดสอบเอสซีอาร์ดี - เสีย สี สามารถทำ ได้โด้ ดยใช้โช้ อห์ม ห์ มิเมิตอร์ ตั้งตั้ย่าย่นวัดวั R X 10 ที่ข ที่ าเอสซีอาร์ เป็น ป็ คู่ ดังดันี้ - คู่ขคู่ า G กับกัขา K วัดวั 2 ครั้งแบบไบแอสตรงและไบแอสกลับลัเข็ม ข็ มิเมิตอร์ขึ้น ขึ้ 1 ครั้ง แสดงว่าว่เอสซีอาร์ดี ถ้า ถ้ เข็ม ข็ มิเมิตอร์ขึ้น ขึ้ 2 ครั้งหรือไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลย แสดงว่าว่เอสซีอาร์เสีย สี - คู่ขคู่ า A กับกัขา K วัดวั 2 ครั้งแบบไบแอสตรงและไบแอสกลับลัเข็ม ข็ มิเมิตอร์ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลย แสดงว่าว่เอสซีอาร์ดี ถ้า ถ้ เข็ม ข็ มิเมิตอร์ขึ้น ขึ้ แสดงว่าว่เอสซีอาร์เสีย สี - คู่ขคู่ า A กับกัขา G วัดวั 2 ครั้งแบบไบแอสตรงและไบแอสกลับลัเข็ม ข็ มิเมิตอร์ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลย แสดงว่าว่เอสซีอาร์ดี ถ้า ถ้ เข็ม ข็ มิเมิตอร์ขึ้น ขึ้ แสดงว่าว่เอสซีอาร์เสีย สี 56 56
2.2 ไตรแอค ไตรแอค (Triac) เป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ประเภท ไทริสเตอร์ ทำ หน้าที่ เป็น ป็ สวิตวิช์อิ ช์ เอิล็ก ล็ ทรอนิกส์เ ส์ ช่นช่เดีย ดี วกับกัเอสซีอาร์ ซึ่งไตรแอคสามารถนำ กระแสไฟฟ้า ฟ้ได้สด้ องทิศทิทาง และการกระตุ้นตุ้ ให้ไห้ ตรแอคนำ กระแสไฟฟ้า ฟ้ สามารถใช้ไช้ ด้ทั้ ด้ทั้งทั้กระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตที่เ ที่ป็น ป็ บวกและกระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตที่เ ที่ป็น ป็ ลบ ดังดันั้น ไตรแอกจึงทำ งานได้ทั้ ด้ทั้งทั้ไฟฟ้า ฟ้ กระแสตรงและไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลั รูปที่ 2.13 ไตรแอค 2.2.1 โครงสร้างและสัญ สั ลัก ลั ษณ์ของไตรแอค (ก) โครงสร้าง (ข) สัญสั ลักษณ์ รูปที่ 2.14 โครงสร้างสัญลักษณ์ของไตรแอค โครงสร้างภายในไตรแอคประกอบด้วยสารกึ่งตัวนำ ชนิดพีต่อ กับสารกึ่งตัวนำ ชนิดเอ็น (รูปที่ 1 (ก)) โดยสารกึ่งตัวนำ ชนิดพี ประกอบด้วย ส่วนย่อยของ 57 57
สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิดเอ็น อ็ มีข มี าใช้ง ช้ าน 3 ขา ได้แ ด้ ก่ ขาเกต (Gate, G) ขา แอโนด 2 (Anode 2, A2) และแอโนด 1 (Anode 1, A1) ซึ่งขาแอโนดเรียกว่าว่ ขาเมนเทอร์มินมิอล (Main Terminal) กล่าล่วคือ คื ขาแอโนด 2 เรียกว่าว่ขาเมน เทอร์มินมิอล 2 (Main Terminal 2, MT2) และขาแอโนด 1 เรียกว่าว่ขาเมน เทอร์มินมิอล 1 (Main Terminal 1, MT1) ซึ่งสัญสัลักลัษณ์ไตรแอคแสดงดังดัรูปที่ 2 (ข) 2.2.2 วงจรสมมูล มู ของไตรแอค (ก) เอสซีอาร์สองตัวตักลับทิศทิทาง (ข) วงจรสมมูลมูภายในเทียทีบกับกัการทำ งานของทรานซิสเตอร์ รูปที่ 2.15 วงจรสมมูลมูของไตรแอค วงจรสมมูล มู ไตรแอคเปรียบเสมือ มื นมีเ มี อสซีอาร์สองตัวตัต่อต่กลับลัทิศทิทาง รูป ที่ 1 (ก) โดยต่อต่ขาเกตร่วมกันกัจึงทำ ให้ไห้ ตรแอคนำ กระแสไฟฟ้า ฟ้ได้สด้ องทิศทิทาง และจะต้อ ต้ งมีก มี ารกระตุ้นตุ้ เกตเหมือ มื นกับกัเอสซีอาร์ ซึ่งเอสซีอาร์ Q1 เปรียบได้ กับกัทรานซิสเตอร์ Q1 กับกั Q2 รูปที่ 2 (ข) ส่วส่นเอสซีอาร์ Q2 เปรียบได้กั ด้ บกั ทรานซิสเตอร์ Q3 กับกั Q4 ดังดันั้น เมื่อ มื่ ทรานซิสเตอร์ Q1 กับกั Q2 ทำ งาน ทำ ให้ก ห้ ระแสไฟฟ้า ฟ้ไหลจากขาแอโนด 2 ไปหาขาแอโนด 1 ได้แ ด้ ละเมื่อ มื่ ทรานซิสเตอร์ Q3 กับกั Q4 สามารถที่นำ ที่ นำกระแสไฟฟ้า ฟ้ได้ทำ ด้ ทำให้มี ห้ ก มี ระแสไฟฟ้า ฟ้ ไหลจากขาแอโนด 1 ไปหาขาแอโนด 2 ได้ 2.2.3 คุณ คุ สมบัติ บั แ ติ ละหลัก ลั การทำ งานของไตรแอค คุณ คุ ลักลัษณะทางไฟฟ้า ฟ้ ของไตรแอค คือ คื กราฟแสดงคุณ คุ สมบัติบัขติองไตร แอค แสดงดังดัรูปที่ 2.16 58 58
รูปที่ 2.16 คุณคุลักลัษณะทางไฟฟ้าฟ้ของไตรแอค หลักการทำ งานของไตรแอคสามารถนำ กระแสไฟฟ้าได้สอง ทิศทาง (กระแสไฟฟ้าที่ไหลระหว่างขา A1 กับ A2) ไม่ว่าขาเกตจะ ถูกจุดชนวนด้วยกระแสไฟฟ้าบวกหรือกระแสไฟฟ้าลบก็ตาม เมื่อ จ่ายแรงดันไฟฟ้าระหว่างขา A2 กับ A1 มีค่าเป็นบวก (ศักย์ไฟฟ้า ที่ขา A2 มีค่าเป็นบวกเมื่อเทียบกับขา A1 จะมีค่าเป็นลบ) และยัง ไม่มีการกระตุ้นเกตที่ไตรแอค จะมีค่าแรงดันไฟฟ้าระหว่างขา A2 กับ A1 ค่าใดค่าหนึ่ง ที่ทำ ให้ไตรแอกนำ กระแสไฟฟ้าได้เอง เรียก แรงดันไฟฟ้านี้ว่า แรงดันไฟฟ้าพังทลาย (Breakdown Voltage) อย่างไรก็ตามถ้าป้อนแรงดันไฟฟ้าที่ขา A1 มีศักย์ไฟฟ้าบวก เมื่อเทียบกับขา A2 แล้วเพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้น (ปราศจาก การกระตุ้นเกตไตรแอค) ถึงแรงดันไฟฟ้าพังทลาย ไตรแอคก็จะ นำ กระแสไฟฟ้าได้ เช่นกันซึ่งวิธีการป้อนแรงดันไฟฟ้าดังกล่าวนี้ ถ้าหากไม่มีการจำ กัดการไหลกระแสไฟฟ้า อาจทำ ให้ไตรแอคชำ รุดและเสียหายได้ เมื่อป้อนแรงดันไฟฟ้าระหว่างขา A2 กับ A1 มี ค่าต่ำ กว่าค่าแรงดันไฟฟ้าพังทลาย แล้วจุดชนวนที่ขาเกตด้วยกระ แสไฟฟ้าบวกหรือลบ จะทำ ให้ไตรแอคนำ กระแสไฟฟ้าทันที วิธีการที่จะทำ ให้ไตรแอคหยุดนำ กระแสไฟฟ้า มี 2 วิธี 1. ลดกระแสไฟฟ้าแอโนด IA ให้ต่ำ กว่ากระแสไฟฟ้ายึด 2. ลดระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่างขา A2 กับ A1 ให้มีค่าเป็น ศูนย์ 2.2.4 การไบแอสของไตรแอค ไตรแอคทำ งานได้ทั้งไฟฟ้ากระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับ ที่ ขาเกตของไตรแอคสามารถกระตุ้นได้ทั้งกระแสตรงและ กระแสสลับ การทำ งานของไตรแอคเสมือนสวิตช์อิเล็กทรอนิกส์ ความเร็วสูงโดยที่ไตรแอกเมื่อนำ กระแสไฟฟ้าได้ 59 59
แล้ว ล้ ก็จ ก็ ะนำ กระแสไฟฟ้า ฟ้ ตลอดไป เหมือ มื นกับกัเอสซีอาร์แม้ว่ ม้ าว่ที่ข ที่ าเกตของ ไตรแอคจะถูก ถู ปลดออกจากระบบก็ต ก็ าม การไบแอสไตรแอคเบื้อ บื้ งต้น ต้ แบ่งบ่ออกเป็น ป็ 4 ควอแดรนด์ (Quadrant) หรือ 4 ลักลัษณะ คือ คื 1. ควอแดรนต์ที่ ต์ ที่1 กำ หนดขา G กับกั A2 ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวก รูปที่ 2.17 ไตรแอคทำ งานในควอแดรนต์ที่ ต์ ที่1 การกำ หนดไตรแอคทำ งานในควอแดรนด์ที่ ด์ ที่1 คือ คื การกำ หนดขาเกต (G) กับกัขาแอโนด A1 ให้ไห้ ด้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวก แสดงดังดัรูปที่ 3 ที่ค ที่ วอแดรนต์นี้ ต์ นี้ มีก มี ารป้อ ป้ นแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวกให้กั ห้ บกัขาแอโนด A2 แรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ ลบให้กั ห้ บกัขา แอโนด 1 โดยขาเกตถูก ถู กระตุ้นตุ้ ด้ว ด้ ยแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวก ลักลัษณะเช่นช่นี้จึงทำ ให้ ไตรแอค Q1 ทำ งานได้ดี ด้ ที่ ดี สุที่ ด สุ เพราะทิศทิทางกระแสไฟฟ้า ฟ้ เกต (IG) เสริมกับกั ทิศทิทางกระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนด (IA) โดยกระแสไฟฟ้า ฟ้ ที่ข ที่ าเกต IG จะไหลจาก ขั้วขั้บวกของแหล่งล่จ่ายแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ IE ส่งส่ผ่าผ่นขาเกตออกไปที่ข ที่ าแอโนด A1 ครบวงจรกับกักราวด์ข ด์ ณะที่ก ที่ ระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนด IA จะไหลจากขั้วขั้บวกของ แหล่งล่จ่ายแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ E2 ไหลผ่าผ่นโหลด RL ผ่าผ่นขาแอโนด 2 ออกไปหา แอโนด 1 ของ Q1 ครบวงจรกับกักราวด์ส่ด์ งส่ผลให้ไห้ ตรแอดนำ กระแสไฟฟ้า ฟ้ ถึง ถึ แม้ว่ ม้ าว่จะปลดกระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตออกก็ต ก็ าม 2. ควอแดรนต์ที่ ต์ ที่2 กำ หนดขา A2 ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวกและขา G ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ ลบ 60 60
รูปที่ 2.18 ไตรแอคทำ งานในควอแดรนต์ที่ ต์ ที่2 การกำ หนดไตรแอคทำ งานในควอแดรนต์ที่ ต์ ที่2 คือ คื การกำ หนดขาแอโนด A2 ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวก (รูปที่ 4) ขณะที่ข ที่ าเกต (G) ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ ลบ ลักลัษณะเช่นช่นี้จะทำ ให้ไห้ ตรแอค Q1 ทำ งานดีพ ดี อสมควรเนื่องจากกระแส ไฟฟ้า ฟ้ เกต (IG) สวนทางกับกักระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนด (IA) จึงทำ ให้ค่ ห้ าค่กระแส ไฟฟ้า ฟ้ แอโนด (IA) ลดลง 3. ควอแดรนต์ที่ ต์ ที่3 กำ หนดขา G กับกั A2 ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ ลบ รูปที่ 2.19 ไตรแอคทำ งานในควอแดรนต์ที่ ต์ ที่3 61 61
การกำ หนดไตรแอคทำ งานในควอแดรนต์ที่ ต์ ที่3 คือ คื การกำ หนดขาแอโนด A2 และขาเกตให้ไห้ ด้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ ลบทั้งทั้คู่ (รูปที่ 5) ลักลัษณะเช่นช่นี้จะ ทำ ให้ไห้ ตรแอค Q1 ทำ งานได้ดี ด้ ที่ ดี สุที่ ด สุ และนิยมใช้ง ช้ านกันกั โดยทั่วทั่ไปเช่นช่เดีย ดี วกับกั ไตรแอคทำ งานในครอแดรนต์ที่ ต์ ที่1 เพราะทิศทิทางกระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตมีทิ มี ศทิทาง เสริมกับกักระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนดจึงทำ ให้ก ห้ ระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนดมีค่ มี าค่ สูง สู ขึ้น ขึ้ 4. ควอแดรนต์ที่ ต์ ที่4 กำ หนด G ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ บวกและขา A2 ได้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ ลบ รูปที่ 2.20 ไตรแอคทำ งานในควอแดรนต์ที่ ต์ ที่4 การกำ หนดไตรแอคทำ งานในควอแดรนต์ที่ ต์ ที่4 คือ คื การกำ หนดขาเกตให้ ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระตุ้นตุ้ บวกขณะที่ข ที่ าแอโนด A2 ได้รั ด้ รับแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ ลบ (รูปที่ 6) ลักลัษณะเช่นช่นี้จะทำ ให้ไห้ ตรแอค Q1 ทำ งานดีพ ดี อสมควรเช่นช่เดีย ดี วกับกั ไตรแอคทำ งานในควอแดรนด์ที่ ด์ ที่2 เนื่องจากทิศทิทางกระแสไฟฟ้า ฟ้ ที่ข ที่ าเกต สวนทางกับกักระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนด ส่งส่ผลให้ค่ ห้ าค่กระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนดมีค่ มี าค่ลดลง 2.2.5 การวัด วั และตรวจสอบไตรแอค ไตรแอคมี 3 ขาคือ คื ขา T1 ขา T2 และ ขา Gate ให้ดู ห้ สั ดู ญสัลักลัษณ์ไตรแอค ประกอบ เบอร์ที่ใที่ ช้วั ช้ ดวั สาธิตคือ คื BTA08 - 6008 ไตรแอคแต่ลต่ะเบอร์อาจ เรียงขาต่าต่งกันกัเพื่อ พื่ ความแน่นอนให้นำ ห้ นำเบอร์ไตรแอคไปค้น ค้ หาตำ แหน่งมาใน Datasheet ก่อก่นวัดวั 62 62
รูปที่ 2.21 ไตรแอคเบอร์ BTA08 - 6008 ที่ใที่ช้ใช้นการวัดวั ขั้น ขั้ ตอนวัด วั ไตรแอค 1. หาตำ แหน่งขาของไตรแอกจาก Datasheet ว่าว่เบอร์ที่จ ที่ ะวัดวัมีข มี า Gate ขา T1 และขา 2 อยู่ตำยู่ ตำแหน่งไหน 2. ปรับย่าย่นวัดวัของมัลมัติมิติเมิตอร์แบบเข็ม ข็ ไปที่ R x 1 ปรับ Zero Ohm ก่อก่น วัดวัเพื่อ พื่ให้ผ ห้ ลการวัดวัถูก ถู ต้อ ต้ ง 3. วัดวัขา Gate กับกัขา T1 จากนั้นสลับลั สายวัดวัถ้า ถ้ ไตรแอคดีเ ดี ข็ม ข็ จะขึ้น ขึ้ ทั้งทั้ 2 ครั้งและได้ค่ ด้ าค่ความต้า ต้ นทานที่ใที่ กล้เ ล้ คีย คี งกันกัถ้า ถ้ เข็ม ข็ ขึ้น ขึ้สุด สุ สเกลคือ คื ช็อ ช็ ต ถ้า ถ้ เข็ม ข็ ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลยคือ คื ขาด วัดขา Gate กับขา T1 ถ้าไตรแอคดีเข็มจะขึ้นทั้ง 2 ครั้งและได้ ค่าความต้านทานที่ใกล้เคียงกัน 63 63
สลับสายวัด วัดขา Gate กับขา T1 ถ้าไตรแอคดีเข็มจะขึ้นทั้ง 2 ครั้งและได้ค่าความต้านทานที่ใกล้เคียงกัน 4. วัดขา Gate กับขา T2 จากนั้นสลับสายวัด ถ้าไตรแอคดี เข็มจะไม่ขึ้นเลยทั้ง 2 ครั้ง ถ้าเข็มขึ้นสุดสเกลคือช็อต ถ้าเข็มขึ้น นิดเดียวคือรั่ว วัดขา Gate กับขา T2 ถ้าไตรแอคดีเริ่มจะไม่ขึ้นเลยทั้ง 2 ครั้ง 64 64
สลับลั สายวัดวัวัดวัขา Gate กับกัขา T2 ถ้า ถ้ ไตรแอคดีเ ดี ข็ม ข็ จะไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลยทั้งทั้ 2 ครั้ง 5. วัดวัขา T1 กับกัขา T2 จากนั้นสลับลั สายวัดวัถ้า ถ้ ไตรแอคดีคื ดี อ คื เข็ม ข็ ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลย ถ้า ถ้ เข็ม ข็ ขึ้น ขึ้สุด สุ สเกลคือ คื ช็อ ช็ ต ถ้า ถ้ เข็ม ข็ ขึ้น ขึ้ นิดเดีย ดี วคือ คื รั่ว วัดวัขา T1 กับกัขา T2 ถ้า ถ้ ไตรแอคดีคื ดี อ คื เข็ม ข็ ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลย 65 65
สลับลั สายวัดวัวัดวัขา T1 กับกัขา T2 ถ้า ถ้ ไตรแอคดีคื ดี อ คื เข็ม ข็ ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลย 2.2.6 วงจรใช้ง ช้ านเบื้อ บื้ งต้น ต้ ของไตรแอค ไตรแอคสามารถนำ มาต่อต่เป็น ป็ วงจรอิเอิล็ก ล็ ทรอนิกส์ต่ ส์ าต่ง ๆ ได้ห ด้ ลากหลาย เช่นช่วงจรสวิตวิช์อิ ช์ เอิล็ก ล็ ทรอนิกส์ค ส์ วามเร็วสูง สู แสดงดังดัรูปที่ 2.22 อธิบายราย ละเอีย อี ด ดังดันี้ รูปที่ 2.22 วงจรสวิตชิ่งไตรแอคที่กระตุ้นเกตด้วยแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง 66 66
1. ระบบของวงจรใช้จุ ช้ จุ ดชนวนเกตไตรแอคด้ว ด้ ยแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสตรง นั่นคือ คื แหล่งล่จ่ายแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ E1 กับกัตัวตัต้า ต้ นทาน R1 กำ หนดกระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตให้กั ห้ บกั ไตรแอค Q1 โดยมีสมี วิตวิช์ S1 ทำ หน้าที่ตั ที่ ดตั– ต่อต่กระแสไฟฟ้า ฟ้ ขา เกตให้กั ห้ บกั Q1 ส่วส่นโหลดของวงจรคือ คื หลอดไฟฟ้า ฟ้ แอโนดให้กั ห้ บกั Q1 ดังดักล่าล่ว 2. เมื่อ มื่สวิตวิช์ S1 ตัดตัวงจร จะทำ ให้ไห้ ม่มีม่ก มี ระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตจ่ายกับกั ไตรแอค Q1 ผลคือ คื Q1 ไม่นำม่ นำกระแสไฟฟ้า ฟ้ 3. เมื่อ มื่สวิตวิช์ S1 ต่อต่วงจรและมีแ มี รงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัเฟตบวก Vin ป้อ ป้ นเข้า ข้ มาทางโหลด L1 ทำ ให้ไห้ ตรแอค Q1 นำ กระแสไฟฟ้า ฟ้ Q1 จึงเสมือ มื น เป็น ป็ สวิตวิช์ต่ ช์ อต่วงจรให้กั ห้ บกัหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 เกิดกิการสว่าว่งขึ้น ขึ้ ซึ่งกระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตของ Q1 จะไหลจากขั้วขั้บวกของแหล่งล่จ่ายแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ E1 ส่งส่ผ่าผ่น R1 เข้า ข้ ไปที่ข ที่ าเกตของ Q1 ครบวงจรกับกักราวด์ที่ ด์ ข ที่ า A1 ของ Q1 ส่วส่นกระแส ไฟฟ้า ฟ้ แอโนดของ Q1 จะไหลจากขั้วขั้ไลน์ (Line, L) ที่มี ที่ แ มี รงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ 220 V ไหลผ่าผ่นหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 ส่งส่ผ่าผ่นขา A2 ออกไปที่ข ที่ า A1 ของ Q1 ครบวงจร กับกักราวด์ที่ ด์ ขั้ ที่ขั้วขั้นิวทรัล (Neutral, N) 4. เมื่อ มื่สวิตวิช์ S1 ต่อต่วงจรและมีแ มี รงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัเฟตลบ Vin ป้อ ป้ นเข้า ข้ ทางโหลด L1 ทำ ให้ไห้ ตรแอค Q1 นำ กระแสไฟฟ้า ฟ้ Q1 จึงเสมือ มื นเป็น ป็ สวิตวิช์ต่ ช์ อต่วงจรให้ห ห้ ลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 เกิดกิความสว่าว่งขึ้น ขึ้ โดยกระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนด ของ Q1 จะไหลจากขั้วขั้นิวทรัลไหลผ่าผ่นขา A1 ออกไปที่ข ที่ า A2 ของ Q1 ส่งส่ ผ่าผ่นหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 ครบวงจรที่ขั้ ที่ขั้วขั้ไลน์ของแหล่งล่กำ เนิดแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแส สลับลั Vin ขนาด 220V รูปที่ 2.23 วงจรสวิตวิชิ่งชิ่ไตรแอคที่กที่ระตุ้นตุ้ เกตด้วด้ยแรงดันดั ไฟฟ้าฟ้กระแสสลับลั 67 67
5. เมื่อ มื่ พิจพิารณารูปที่ 9 แสดงวงจรสวิตวิช์อิ ช์ เอิล็ก ล็ ทรอนิกส์ที่ ส์ จุ ที่ จุ ดชนวนเกต ไตรแอคด้ว ด้ ยแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัซึ่งเมื่อ มื่สวิตวิช์ S1 ตัดตัวงจร จะทำ ให้ ไม่มีม่ก มี ระแสไฟฟ้า ฟ้ เกตป้อ ป้ นให้กั ห้ บกั ไตรแอค Q1 ผลคือ คื Q1 ไม่นำม่ นำกระแสไฟฟ้า ฟ้ แต่ถ้ต่า ถ้สวิตวิช์ S1 ต่อต่วงจร จะทำ ให้ Q1 ทำ หน้าที่เ ที่สมือ มื นเป็น ป็ สวิตวิช์ต่ ช์ อต่วงจรให้ กับกั โหลดผลคือ คื หลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 สว่าว่ง 5.1 เมื่อ มื่สวิตวิช์ S1 ต่อต่วงจรและมีแ มี รงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัเฟตบวก Vin ป้อ ป้ นเข้า ข้ มาทางหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 ทำ ให้เ ห้ กิดกิกระแสไฟฟ้า ฟ้ กระตุ้นตุ้ เกตที่เ ที่ป็น ป็ บวกให้กั ห้ บกั ไตรแอค Q1 ลักลัษณะเช่นช่นี้จึงเกิดกิกระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนดที่เ ที่ป็น ป็ บวก ให้กั ห้ บกั Q1 ด้ว ด้ ย โดยกระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนดจะไหลจากขั้วขั้ไลน์ของแหล่งล่จ่ายแรง ดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลั Vin ขนาด 220 V ส่งส่ผ่าผ่นหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 ไหลผ่าผ่นขา A2 ออกไปที่ข ที่ า A1 ของ Q1 ครบวงจรที่นิ ที่ นิวทรัลของแหล่งล่จ่ายแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ Vin 5.2 เมื่อ มื่สวิตวิช์ S1 ต่อต่วงจรและมีแ มี รงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสลับลัเฟตลบ Vin ป้อ ป้ นเข้า ข้ มาทางหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 ทำ ให้เ ห้ กิดกิกระแสไฟฟ้า ฟ้ กระตุ้นตุ้ เกตที่เ ที่ป็น ป็ ลบ ให้กั ห้ บกั ไตรแอค Q1 ส่งส่ผลให้เ ห้ กิดกิกระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนดที่เ ที่ป็น ป็ ลบให้กั ห้ บกั Q1 ซึ่ง กระแสไฟฟ้า ฟ้ แอโนดที่เ ที่ป็น ป็ ลบของ Q1 จะไหลจากขั้วขั้นิวทรัลของแหล่งล่จ่าย แรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลั 220 V ส่งส่ผ่าผ่นขา A1 ออกไปที่ข ที่ า A2 ของ Q1 ไหลผ่าผ่นหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 ครบวงจรที่ขั้ ที่ขั้วขั้ไลน์ของระบบ 2.2.7 การดูคู่ ดู มืคู่ อ มืไตรแอคและการแปลความหมาย ตารางที่ 5.3 ค่าค่พิกัพิดกั สูง สู สุด สุ ของไตรแอค 68 68
จากตารางที่ 2.3 แปลความหมายของไตรแอคเบอร์ Q4004LT ได้ดั ด้ งดันี้ 1. ค่าค่ IT (RMS) คือ คื กระแสไบแอสตรงสูง สู สุด สุ ที่ไที่ ตรแอคทนได้ถ้ ด้ า ถ้ กระแส ไหลผ่าผ่นไตรแอคเกินกิกว่าว่ค่าค่นี้ ไตรแอกจะชำ รุดเสีย สี หาย จากตารางไตรแอค เบอร์ Q4004LT อ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 4 แอมป์ 2. ค่าค่ VDRM คือ คื ค่าค่แรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้สูง สู สุด สุ ที่ป้ที่ อ ป้ นให้เ ห้ ฉพาะขา MT2 หรือ A2 และ ขา MT1 หรือแอโนด 1 (A1) ที่ตั ที่ วตัไตรแอคยังยัไม่นำม่ นำกระแส และไม่มีม่ มี แรงดันดักระตุ้นตุ้ ที่ข ที่ าเกต ถ้า ถ้ จ่ายแรงดันดัเกินกิกว่าว่แรงดันดันี้ ตัวตัไตรแอคจะนำ กระแสทันทัที จากตารางไตรแอคเบอร์ Q4004LT อ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 400 โวลต์ 3. ค่าค่กระแส IDRM คือ คื กระแสไฟฟ้า ฟ้สูง สู สุด สุ ที่จ่ ที่จ่ายให้ไห้ ตรแอคในสภาวะไม่ นำ กระแสและไม่มีม่แ มี รงดันดักระตุ้นตุ้ ที่ข ที่ าเกต จากตารางไตรแอตเบอร์ Q4004LT อ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 2 แอมป์ 4. ค่าค่ VTM คือ คื แรงดันดัตกคร่อมที่ไที่ ตรแอกที่ข ที่ า MT1 และขา MT2 ขณะ นำ กระแส จากตารางไตรแอคเบอร์ Q4004LT อ่าอ่นค่าค่ ได้เ ด้ ท่าท่กับกั 1.6 โวลต์ 5. ค่าค่ Trigger Diac Specification (T – MT1) คือ คื ค่าค่พิกัพิดกั สูง สู สุด สุ ที่ใที่ ช้ใช้ น การจุดชนวนไดแอค 6. Part No. คือ คื ตัวตัถังถัแบบ TO - 220 ตำ แหน่งขาจากซ้ายมือ มืไปขวามือ มื คือ คื MT1, MT2, T ตามลำ ดับดั 69 69
สรุป ไตรแอคเป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตัน้าประเภทไทริสเตอร์มี 3 ขาคือ คื ขา แอโนด (A1) ขาแอโนด (A2) และขาเกต (G) ถูก ถู ผลิตลิขึ้น ขึ้ มาเพื่อ พื่ใช้แ ช้ ทนเอสซี อาร์เมื่อ มื่ นำ ไปใช้กั ช้ บกัแรงดันดั ไฟสลับลัเพราะว่าว่เอสซีอาร์จะนำ กระแสเพีย พี งซีก เดีย ดี ว แต่ไต่ตรแอกสามารถนำ กระแสได้ทั้ ด้ทั้งทั้ซีกบวกและซีกลบ ในการทำ งาน ของไตรแอดสามารถเลือ ลื กจ่ายแรงดันดั โบแอสได้ 4 สภาวะหรือ 4 ควอแด รนด์ แต่ที่ต่นำ ที่ นำกระแสได้ดี ด้ คื ดี อ คื การจ่ายแรงดันดั ไบแอสตามควอแดนต์ที่ ต์ ที่1 และค รอแดรนด์ที่ ด์ ที่3 เมื่อ มื่ไตรแอคทำ งานนำ กระแสแล้ว ล้ การหยุด ยุ การทำ งานหรือ หยุด ยุ นำ กระแสทำ ได้ 2 วิธีวิธี เหมือ มื นกับกัเอสซีอาร์ คือ คื ใช้วิ ช้ ธีวิธี ตัดตัแหล่งล่จ่ายแรง ดันดัที่ป้ที่ อ ป้ นขา A2 และ A1 ของตัวตัไตรแอคออกชั่วชั่ขณะ และใช้วิ ช้ ธีวิธี ลดกระแสที่ ไหลผ่าผ่นขา A2 และ A1 ของตัวตัไตรแอกให้ต่ำ ห้ ต่ำกว่าว่กระแสโฮลดิ้งดิ้ (IH) จะ หยุด ยุ ทำ งาน การนำ ไตรแอคไปใช้กั ช้ บกั ไฟกระแสสลับลั สามารถควบคุม คุ การทำ งานด้ว ด้ ย การใช้แ ช้ รงดันดั ไปกระตุ้นตุ้ ที่ข ที่ าเกตให้ทำ ห้ ทำงานที่มุ ที่ ม มุ หรือเฟตต่าต่งกันกัทำ ให้ สามารถควบคุม คุ กำ ลังลัไฟฟ้า ฟ้ ที่จ่ ที่จ่ายไปยังยัโหลดได้ต ด้ ามต้อ ต้ งการ การวัดวัหาขาของไตรแอคด้ว ด้ ยโอห์ม ห์ มิเมิตอร์ใช้วิ ช้ ธีวิธี วัดวัคล้า ล้ ยกับกัการวัดวัหา ขาเอสซีอาร์โดย วัดวัเป็น ป็ คู่ ๆ ละ 2 ครั้งโดยสลับลั สายวัดวัมิเมิตอร์โดยวัดวัทั้งทั้หมด จำ นวน 6 ครั้ง จะมีข มี าคู่หคู่ นึ่งวัดวัขึ้น ขึ้ ทั้งทั้ 2 ครั้งเข็ม ข็ มิเมิตอร์ชี้บ่ ชี้ าบ่ยเบนค่าค่เท่าท่กันกั คือ คื คู่ขคู่ า A1 กับกัขา G แต่ยัต่งยัระบุไ บุ ม่ไม่ด้จ ด้ ะทราบได้เ ด้ พีย พี งขาที่วั ที่ ดวั ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลยคือ คื ขา A2 ต้อ ต้ งสมมุติ มุ ใติห้ข ห้ าใดขาหนึ่งเป็น ป็ ขา G และขา A1 และทำ การจุดชนวนหรือ ทริกดูโ ดู ดยใช้ไช้ฟจากขา A2 ไปทริก การทริกที่ข ที่ า G จะได้ค่ ด้ าค่ความต้า ต้ นทาน ต่ำ กว่าว่การทริกที่ข ที่ า A1 70 70
ไดแอค (DIAC) หรือไดโอด - เอซี เป็น ป็ อุป อุ กรณ์จุดชนวนไตรแอค ที่ถู ที่ ก ถู ออกแบบให้สห้ ามารถนำ กระแสได้ 2 ทางที่แ ที่ รงดันดัค่าค่หนึ่ง ลักลัษณะ โครงสร้างจะเป็น ป็ สาร P-N-P 3 ชั้นชั้ 2 รอยต่อต่เหมือ มื นกับกัทรานซิสเตอร์ แต่ แตกต่าต่งจากทรานซิสเตอร์ตรงที่ค ที่ วามเข้ม ข้ ของการโด๊ปด๊ (Dope) สารจึง ทำ ให้ร ห้ อยต่อต่ทั้งทั้สองของไดแอคเหมือ มื นกันกัจึงทำ ให้มี ห้ คุ มี ณ คุ สมบัติบัเติป็น ป็ สวิตวิช์ไช์ ด้ 2 ทาง และค่าค่แรงดันดัเริ่มต้น ต้ ที่จ ที่ ะทำ ให้ไห้ ดแอคนำ กระแสได้นั้ ด้นั้จะอยู่ใยู่ นช่วช่ง 29 - 30 โวลต์ 2.3.1 โครงสร้างและสัญสัลักลัษณ์ของไดแอค รูปที่ 2.25 โครงสร้างและสัญสัลักลัษณ์ของไดแอค รูปที่ 2.24 ไดแอค 2.3 ไดแอก 71 71
เป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ มี 3 ตอนใหญ่ชญ่นิดสาร PNP และยังยัประกอบ ด้ว ด้ ยสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ 2 ตอนย่อย่ยชนิด N ต่อต่ร่วมในสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด P ทั้งทั้ 2 ตอนด้า ด้ นนอก มีข มี าต่อต่ออกมาใช้ง ช้ านเพีย พี ง 2 ขา แต่ลต่ะขาที่ต่ ที่ อต่ ใช้ง ช้ านจะต่อต่ ร่วมกับกั สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ทั้งทั้ชนิด N และชนิด P จึงทำ ให้ไห้ ดแอคสามารถทำ งาน ได้ทั้ ด้ทั้งทั้แรงดันดั ไฟบวกและแรงดันดั ไฟลบ ขาแอโนด 1 (A1) เรียกว่าว่ขาเทอมิ นอล 1 (Main Terminal 1) ใช้ตั ช้ วตัย่อย่ MT1 และขาแอโนด 2 (A2) เรียกว่าว่ขา เทอมินมิอล 2 (Main Terminal 2) ใช้ตั ช้ วตัย่อย่ MT2 แต่ลต่ะขาสามารถต่อต่ สลับลั กันกั ได้ 2.3.2 คุณ คุ สมบัติ บั แ ติ ละหลัก ลั การทำ งานของไดแอก (Diac) การทำ งานของไดแอค (Diac) ไดแอคน่ากระแสได้สด้ องทิศทิทางโดยจะอาศัยช่วช่งแรงดันดัพังพัทลาย (Break Over Voltage) เป็น ป็ ส่วส่นของการทำ งาน แบ่งบ่เป็น ป็ 2 ลักลัษณะ ลักลัษณะที่ 1 ป้อ ป้ นแรงดันดับวก (+) เข้า ข้ ที่ข ที่ า A1 และแรงดันดัลบ (-) เข้า ข้ ที่ข ที่ า A2 ลักลัษณะที่ 2 ป้อ ป้ นแรงดันดัลบ (-) เข้า ข้ ที่ข ที่ า A1 และแรงดันดับวก (+) เข้า ข้ ที่ข ที่ า A2 72 72
ตัว ตั อย่าย่ง ค่าค่แรงดัน ดั ของไดแอกเบอร์ต่าต่งๆ GT - 32 แถบสีแ สี ดง VBO = 27 - 37 โวลต์ GT - 35 แถบสีส้สี ม ส้ VBO = 30 - 40 โวลต์ GT - 40 แถบสีเ สี หลือ ลื ง VBO = 38 - 48 โวลต์ GT - 50 แถบสีเ สี ขีย ขี ว VBO = 56 - 70 โวลต์ กราฟลักลัษณะสมบัติบั ติ(Diac) รูปที่ 2.26 กราฟคุณคุสมบัติบัทติางไฟฟ้าฟ้ของไดแอก เงื่อ งื่ นไขการนำ กระแส และการหยุด ยุ นำ กระแส 1. ไดแอกจะนำ กระแสเมื่อ มื่ได้รั ด้ รับแรงดันดัถึง ถึ จุดพังพัทลาย (Break Over Voltage: UBR) 2. เมื่อ มื่ไดแอกนำ กระแสความต้า ต้ นทานภายในไดแอกจะลดลงเนื่องจาก รอยต่อต่ PN แคบลงทำ ให้แ ห้ รงดันดัตกคร่อมไดแอกลดลง 3. ไดแอกจะหยุด ยุ นำ กระแสเมื่อ มื่ กระแสไหลผ่าผ่นไดแอคมีค่ มี าค่ต่ำ กว่าว่กระแส โฮลดิ้งดิ้ (Holding Current: IH) 73 73
2.3.3 การไบแอสไดแอค เนื่องจากไดแอคมีข มี าแอโนดทั้งทั้ 2 ข้า ข้ ง ในการให้ไห้ บแอสไดแอคจึงสามา รถให้ไห้ บแอส ข้า ข้ งใดก็ไก็ ด้ เพราะสามารถนำ กระแสได้ทั้ ด้ทั้งทั้ 2 ทาง 2.3.4 การวัด วั และทดสอบไดแอค สามารถตรวจสอบไดแอคได้โด้ ดยใช้มั ช้ ลมัติมิติเมิตอร์วัดวัตั้งตั้มัลมัติมิติเมิตอร์ไปที่ ย่าย่นวัดวั Rx1 แล้ว ล้ ทำ การ วัดวั สลับลั สาย กรณีที่ 1 ทำ การวัดวั สลับลั สายกันกัถ้า ถ้ เข็ม ข็ มิเมิตอร์ชี้ที่ ชี้ ที่ ∞ ทั้งทั้สองครั้งแสดงว่าว่ ไดแอคมีสมี ภาพดี กรณีที่ 2 ทำ การวัดวั สลับลั สายกันกัถ้า ถ้ เข็ม ข็ มิเมิตอร์ชี้ไชี้ปที่ค่ ที่ าค่ความต้า ต้ นทานค่าค่ ค่าค่หนึ่งแสดงว่าว่ ไดแอคช็อ ช็ ต 74 74
2.3.5 วงจรใช้ง ช้ านเบื่อ บื่ งต้น ต้ ของไดแอค ไดแอคมักมันิยมใช้ง ช้ านกับกัแรงดันดั ไฟสลับลั โดยสามารถทำ งานและควบคุม คุ แรงดันดัที่จ ที่ ะจ่ายไปยังยัโหลดได้ทั้ ด้ทั้งทั้แรงดันดัช่วช่งบวกและแรงดันดัช่วช่งลบ การ ควบคุม คุ เฟตของแรงดันดัออกเอาต์พุ ต์ ต พุ ทำ ได้โด้ ดยการกำ หนดเวลาที่จ ที่ ะกระตุ้นตุ้ แรงดันดั ให้ข ห้ า G ของไตรแอค ดังดันั้น สามารถนำ ไดแอคไปประยุก ยุ ต์ใต์ ช้ง ช้ าน ได้ การประยุก ยุ ต์ใต์ ช้ง ช้ านโดยทั่วทั่ไป มีดั มี งดันี้ 1. วงจรหรี่ไฟหรือหรี่ขดลวดความร้อน 2. วงจรหรี่ไฟแสงสว่าว่งที่มี ที่ ชุ มี ด ชุ ป้อ ป้ งกันกั สัญสัญาณรบกวน 3. วงจรปรับความเร็วมอเตอร์แบบยูนิ ยูนิเวอร์แซว 4. วงจรควบคุม คุ ความร้อนด้ว ด้ ยเทอร์โมสตาร์ท ลักลัษณะการทำ งานของไดแอคแตกต่าต่งจากอุป อุ กรณ์อย่าย่งอื่น อื่ คือ คื อาศัย ช่วช่งแรงดันดัพังพัเป็น ป็ ส่วส่นของการทำ งาน เมื่อ มื่ป้อ ป้ นแรงดันดับวกเข้า ข้ ที่ขั้ ที่ขั้วขั้ T1 และ ลบเข้า ข้ ที่ขั้ ที่ขั้วขั้ T2 รอยต่อต่ N และ P ตรงบริเวณขั้วขั้ T1 จะอยู่ใยู่ นลักลัษณะไบแอ สกลับลัดังดันั้นจึงไม่มีม่ก มี ระแสไหลผ่าผ่นจาก T1 ไปยังยั T2 ได้ แต่คต่รั้นเพิ่มพิ่แรง ดันดัระหว่าว่ง T1 และ T2 ขึ้น ขึ้ ไปอีก อี จนถึง ถึ ค่าค่แรงดันดัค่าค่หนึ่งจะทำ ให้ก ห้ ระแสไหล ทะลุข้ ลุ า ข้ มรอยต่อต่ N-P ส่วส่นรอยต่อต่ P-N ตรง T2 นั้นอยู่ใยู่ นสภาวะไบแอส ตรงอยู่แยู่ ล้ว ล้ กระแสที่ไที่ หลผ่าผ่นไดแอคนี้เสมือ มื นกับกักระแสที่เ ที่ กิดกิจากการพังพัใน ตัวตัไดโอดนั่นเอง ถ้า ถ้ หากว่าว่ ไม่มีม่ก มี ารจำ กัดกักระแสแล้ว ล้ ไดแอคก็จ ก็ ะพังพัได้ ใน ทำ นองเดีย ดี วกันกัถ้า ถ้ ให้แ ห้ รงดันดับวกเข้า ข้ ที่ขั้ ที่ขั้วขั้ T2 และแรงดันดัลบเข้า ข้ ที่ขั้ ที่ขั้วขั้ T1 1.วงจรควบคุม คุ แสงสว่าว่งหลอดไฟฟ้า ฟ้ ด้ว ด้ ยไดแอคและไตรแอค วงจรควบคุม คุ แสงสว่าว่งหลอดไฟฟ้า ฟ้ ด้ว ด้ ยไตรแอคและไดแอค คือ คื วงจรหรี่ ไฟฟ้า ฟ้ โดยการนำ ไดแอคต่อต่กับกั ไตรแอคร่วมกับกัอุป อุ กรณ์ตัวตัต้า ต้ นทาน และตัวตั เก็บ ก็ ประจุ สามารถใช้เ ช้ป็น ป็ วงจรหรี่ไฟฟ้า ฟ้ได้แ ด้ ละยังยันำ ไปใช้ห ช้ รี่อุป อุ กรณ์ไฟฟ้า ฟ้ ได้อี ด้ ก อี หลายชนิด เช่นช่เตาไฟฟ้า ฟ้ กระทะไฟฟ้า ฟ้ เตารีด กระติกติต้ม ต้ น้ำ และหัวหั แร้งไฟฟ้า ฟ้ เป็น ป็ ต้น ต้ การทำ งานโดยใช้ตั ช้ วตัไตรแอคทำ หน้าที่เ ที่ป็น ป็ สวิตวิช์ตั ช์ ดตัต่อต่แรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัตามการควบคุม คุ ของแรงดันดักระตุ้นตุ้ ที่จ่ ที่จ่ายมาจากตัวตัได แอค ส่งส่ผ่าผ่นไปยังยัขาเกตของไตรแอค วงจรควบคุม คุ และวงจรหน่วงเวลาแรง ดันดักระตุ้นตุ้ ให้ตั ห้ วตัไดแอค ประกอบด้ว ด้ ย ตัวตัต้า ต้ นทานและตัวตัเก็บ ก็ ประจุต่อต่วงจร ร่วมกันกัลักลัษณะวงจรควบคุม คุ แสงสว่าว่งหลอดไฟฟ้า ฟ้ แสดงดังดัรูปที่ 2.27 75 75
รูปที่ 2.27 แสดงวงจรควบคุมคุแสงสว่าว่งหลอดไฟฟ้าฟ้ จากรูปที่ 2.27 แสดงวงจรควบคุม คุ แสงสว่าว่งหลอดไฟฟ้า ฟ้ มีไมี ตรแอค ควบคุม คุ ความสว่าว่งของหลอดไฟฟ้า ฟ้ L1 โดยมีชุ มี ด ชุ ควบคุม คุ และหน่วงเวลา R1, R2 และ C1 ซึ่ง R1 เป็น ป็ ตัวตัต้า ต้ นทานคงที่ ทำ หน้าที่กำ ที่ กำจัดค่าค่แรงดันดัที่ผ่ ที่ าผ่นไป ประจุ C1 มี R2 เป็น ป็ ตัวตัต้า ต้ นทานปรับค่าค่ ได้ใด้ ช้ปช้ รับเปลี่ย ลี่ นแปลงระดับดัแรงดันดั ที่ส่ที่ งส่ ไปประจุให้ C1 โดย C1, R1 และ R2 จะทำ งานร่วมกันกัเป็น ป็ วงจรหน่วง เวลาจ่ายแรงดันดั ไปให้ไห้ ดแอค ใช้ก ช้ ระตุ้นตุ้ การทำ งานของไตรแอกถ้า ถ้ปรับ R2 ให้มี ห้ ค่ มี าค่ความต้า ต้ นทานมาก จะทำ ให้มี ห้ แ มี รงดันดัผ่าผ่นไปประจุ C1 ได้น้ ด้ น้ อย มีก มี าร หน่วงเวลามากส่งส่ผลให้มี ห้ แ มี รงดันดัจ่ายไปให้ไห้ ดแอคทำ งานถึง ถึ ค่าค่แรงดันดัเบรก โอเวอร์ช้า ช้ ไตรแอกจะทำ งานช้า ช้ ตามไปด้ว ด้ ย มีก มี ระแสไหลผ่าผ่นหลอดไฟ L1 น้อย หลอดไฟ L1 จะสว่าว่งน้อยถ้า ถ้ปรับ R2 ให้มี ห้ ค่ มี าค่ความต้า ต้ นทานน้อย จะ ทำ ให้มี ห้ แ มี รงดันดัผ่าผ่นไปประจุ C1 ได้ม ด้ าก มีก มี ารหน่วงเวลาน้อย ส่งส่ผลให้มี ห้ แ มี รง ดันดัจ่ายไปให้ไห้ ดแอคทำ งานถึง ถึ ค่าค่แรงดันดัเบรกโอเวอร์เร็วไตรแอกจะทำ งาน เร็วตามไปด้ว ด้ ย มีก มี ระแสไหลผ่าผ่นหลอดไฟ L1 มากหลอดไฟ L1 จะสว่าว่งมาก ขณะที่ไที่ ดแอคและไตรแอกทำ งาน C1 ที่ปที่ ระจุแรงดันดั ไว้ จะคายประจุออกมา ผ่าผ่นไดแอกไปขาเกตและขา A1 ของไตรแอกครบวงจร เมื่อ มื่ แรงดันดั ในตัวตั C1 มีค่ มี าค่น้อยกว่าว่ค่าค่แรงดันดัเบรกโอเวอร์ของไดแอค ตัวตัไดแอคจะหยุด ยุ ทำ งาน และ C1 จะเริ่มประจุแรงดันดั ใหม่อีม่ก อี ครั้ง ส่วส่นไตรแอกยังยัคงทำ งานต่อต่ ไป 76 76
จนกว่าว่แรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัที่ป้ที่ อ ป้ นเข้า ข้ มาจะลดลงจนเป็น ป็ 0 V หรือมี กระแสไหลผ่าผ่นไตรแอกต่ำ กว่าว่ค่าค่กระแสโฮลดิ้งดิ้ ไตรแอคจึงจะหยุด ยุ ทำ งาน การควบคุม คุ ความสว่าว่งของหลอดไฟฟ้า ฟ้ ดังดัที่ก ที่ ล่าล่วมาสามารถปรับเปลี่ย ลี่ น ความสว่าว่งได้ต ด้ ามต้อ ต้ งการ โดยการปรับเปลี่ย ลี่ นเวลาและมุม มุ เฟตของแรงดันดั ไฟฟ้า ฟ้ กระแสสลับลัทำ ให้ไห้ ดแอคและไตรแอคทำ งานเปลี่ย ลี่ นแปลงไป ส่งส่ผล ต่อต่กำ ลังลัไฟฟ้า ฟ้ ที่ต ที่ กคร่อมหลอดไฟ L1 เปลี่ย ลี่ นแปลงตามไปด้ว ด้ ย 77 77
สรุป ไดแอคเป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ประเภทไทริสเตอร์เช่นช่เดีย ดี วกับกั ไตรแอค มีโมี ครงสร้างและสัญสัลักลัษณ์คล้า ล้ ยไตรแอคแตกต่าต่งกันกัที่ไที่ ดแอคไม่มีม่ข มี าเกต มี เพีย พี งขาแอโนด 1 (A1) และแอโนด 2 (A2) ไดแอคทำ งานได้ทั้ ด้ทั้งทั้ไฟบวกและ ไฟลบ โดยการทำ งานของไดแอกจะต้อ ต้ งจ่ายแรงดันดั ให้ถึ ห้ ง ถึ ค่าค่แรงดันดัเบรก โอเวอร์ (VBO) ไดแอคจึงจะทำ งานและนำ กระแส ไดแอคถูก ถู นำ ไปใช้ง ช้ านโดยต่อต่ร่วมที่ข ที่ าเกตของเอสซีอาร์และไตรแอก เพื่อ พื่ ทำ หน้าที่เ ที่ป็น ป็ ตัวตัป้อ ป้ งกันกักระแสกระโชกจำ นวนมากผ่าผ่นขาเกตซึ่งจะทำ ให้เ ห้ อสซีอาร์และไตรแอคชำ รุดเสีย สี หายได้ กราฟคุณ คุ สมบัติบัขติองไดแอคจะคล้า ล้ ยกับกักราฟคุณ คุ สมบัติบัขติองไตรแอค ขณะลอยขาเกตไว้ ซึ่งจากกราฟจะเห็น ห็ ว่าว่ ไดแอคสามารถทำ งานได้ทั้ ด้ทั้งทั้แรง ดันดัศักย์บ ย์ วกและแรงดันดัศักย์ล ย์ บ คือ คื นำ กระแสได้ทั้ ด้ทั้งทั้ซีกบวกและซีกลบของ แรงดันดั ไฟกระแสสลับลัแต่ต้ต่อ ต้ งจ่ายแรงดันดั ไบแอสให้ถึ ห้ ง ถึ ค่าค่แรงดันดัเบรก โอเวอร์เท่าท่นั้น 78 78
2.4 ยูเ ยู จที รูปที่ 2.28 ยูเยูจที ยูนิ ยูนิจังชั่นชั่ทรานซิสเตอร์ (UNJUNCTION TRANSISTOR) หรือเรียกย่อย่ ๆ ว่าว่ยูเ ยู จที (UIT) UJT บางครั้งอาจเรียกว่าว่ ไดโอดชนิดเบสคู่ ผลิตลิขึ้น ขึ้ มา และเริ่มรู้จักเมื่อ มื่ปี พ.ศ. 2491 แต่ไต่ม่ไม่ด้นำ ด้ นำมาใช้ง ช้ านอย่าย่งแพร่หลาย จน กระทั่งทั่ปี พ.ศ. 2495 เริ่มนำ มาใช้ง ช้ านและสามารถใช้ง ช้ านได้อ ด้ ย่าย่งกว้า ว้ ง ขวางหลายอย่าย่งเช่นช่ออสซิลเลเตอร์ วงจรทริกเกอร์ วงจรกำ เนิดสัญสัญาณ ฟันฟัเลื่อ ลื่ ย วงจรควบคุม คุ เฟต วงจรหน่วงเวลา ส่วส่นประกอบรวงจรไบสเตบิลบิ และวงจรควบคุม คุ การจ่ายแรงดันดัหรือกระแส เป็น ป็ ต้น ต้ UJT เป็น ป็ อุป อุ กรณ์ที่ใที่ ช้ งานทั่วทั่ไป ทนกํากํลังลัไฟฟ้า ฟ้ ต่ำ 2.4.1 โครงสร้างและสัญ สั ลัก ลั ษณ์ของยูเ ยู จที UJT เป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด 2 รอยต่อต่ที่ไที่ ม่ไม่ด้ถู ด้ ก ถู จัดอยู่ใยู่ นสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิดไทริสเตอร์ การใช้ง ช้ านจะต้อ ต้ งทำ งานร่วมกับกั SCR ไตรแอคและ ไดแอค UJT มีข มี าต่อต่ออกมาใช้ง ช้ าน 3 ขาคือ คื ขาเบส 1 (Base 1) ขาเบส 2 (Base 2) และขาอิมิอิตมิเตอร์ (Emitter) รูปที่ 2.29 โครงสร้างและสัญสัลักลัษณ์ของยูเยูจที 79 79
2.4.2 วงจรสมมูล มู ของยูเ ยู จที รูปที่ 2.30 วงจรสมมูลมูของยูเยูจที จากลักลัษณะโครงสร้างของยูเ ยู จทีต ที ามรูปที่ 2.30 จะเห็น ห็ ได้ว่ ด้ าว่แท่งท่ สาร N จะมีข มี าเบส 1 และขาเบส 2 ต่อต่อยู่ จะเสมือ มื นเป็น ป็ ตัวตัต้า ต้ นทานที่ต่ ที่ อต่อยู่ โดยมี ไดโอดที่เ ที่ กิดกิจากรอยต่อต่p - n ต่อต่ระหว่าว่งขาอิมิอิตมิเตอร์ กับกับริเวณตรงกลาง ของตัวตัต้า ต้ นทาน ดังดันั้น ลักลัษณะของวงจรสมมูล มู ดังดัรูปที่ 2.30 2.4.3 คุณ คุ สมบัติ บั แ ติ ละหลัก ลั การทำ งานของยูเ ยู จที รูปที่ 2.31 กราฟแสดงคุณคุสมบัติบัทติางไฟฟ้าฟ้ของยูเยูจที 80 80
จากกราฟ ความสัมสัพันพัธ์ระหว่าว่งแรงดันดั Ve กับกักระแส Ie แรงดันดั Vbb ที่ป้ที่ อ ป้ นให้ว ห้ งจรเท่าท่กับกั 10 V กราฟด้า ด้ นซ้ายมือ มื เป็น ป็ กราฟเนื่องจากการเริ่ม จ่ายแรงดันดั Ve ให้ข ห้ า E เทีย ที บกับกัขา B1 ถ้า ถ้ แรงดันดั Ve ที่จ่ ที่จ่ายให้ยั ห้ งยัไม่ถึม่ง ถึ ค่าค่ Vp จะมีก มี ระแสไหลในวงจรเพีย พี งเล็ก ล็ น้อยเป็น ป็ ค่าค่กระแสรั่วซึม เรียกว่าว่ช่วช่ง คัทคัออฟ (Cutoff Region) เมื่อ มื่ เพิ่มพิ่แรงดันดั Ve จนถึง ถึ ค่าค่แรงดันดั Vp จะทำ ให้มี ห้ ก มี ระแส Ie ไหลจากขา E ไปขา B1 เพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ อย่าย่งรวดเร็ว และในเวลาเดีย ดี วกันกัแรงดันดั Ve จะมีค่ มี าค่ลด ลง แรงดันดั Ve จะลดลงถึง ถึ ค่าค่ต่ำ สุด สุ เรียกว่าว่ช่วช่งความต้า ต้ นทานเป็น ป็ ลบ (Negative Resistance Region) หลังลัจากแรงดันดัที่ต ที่ กคร่อมขา E เทีย ที บกับกัขา B1 ถึง ถึ ค่าค่แรงดันดั Ve แล้ว ล้ ถ้า ถ้ จ่ายแรงดันดั Ve มากขึ้น ขึ้ อีก อี จะทำ ให้ก ห้ ระแส Ie ไหลเพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ และแรงดันดั Ve ก็จ ก็ ะเพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ อีก อี เล็ก ล็ น้อย เรียกว่าว่ช่วช่งอิ่มอิ่ตัวตั (Saturation Region) 2.4.4 การไบแอสยูเ ยู จที รูปที่ 2.32 ตัวตัอย่าย่งวงจรการให้ไห้บแอสยูเยูจที การจ่ายไบแอสให้ UJT ทำ งานจะต้อ ต้ งจ่ายใบแอสถูก ถู ต้อ ต้ งตามที่ UJT ต้อ ต้ งการ โดยจ่ายแรงดันดับวกให้ข ห้ า B2 จ่ายแรงดันดัลบให้ข ห้ า B1 และขา E จะต้อ ต้ งจ่ายแรงดันดัเป็น ป็ บวกเมื่อ มื่ เทีย ที บกับกัขา B1 การจ่ายไบแอสดังดักล่าล่วถึง ถึ แม้ว่ ม้ าว่จะถูก ถู ต้อ ต้ งตามที่ UJT ต้อ ต้ งการก็ต ก็ าม UIT จะยังยัไม่นำม่ นำกระแสจนกว่าว่ แรงดันดั ไบแอสบวกที่จ่ ที่จ่ายให้ข ห้ า E จะไปทำ ให้ไห้ ดโอด D ตรงรอยต่อต่ PN เป็น ป็ ไบแอสตรงด้ว ด้ ย 81 81
2.4.5 การวัด วั และตรวจสอบยูเ ยู จที ตั้งตั้โอห์ม ห์ มิเมิตอร์ R x 100 วัดวั สองขาของ UJT คู่ใคู่ ดคู่หคู่ นึ่ง วัดวักลับลั ไปกลับลั มาขึ้น ขึ้ ทั้งทั้สองครั้ง ตัว ตั อย่าย่ง ขา (2 - 3) เป็น ป็ ขา B2 หรือ B1 ขาที่เ ที่ หลือ ลื จะเป็น ป็ ขา E นำ สายมิเมิตอร์สีดำ สี ดำ (ไฟ +) จับขา 1 ขา E เป็น ป็ หลักลัเพื่อ พื่ หาขา B2 กับกั B1 (Forward Bias) (ขา กับกั B2) ความต้า ต้ นทานจะน้อยกว่าว่ขา B1 (ขา E กับกั B1) ความต้า ต้ นทานจะมากกว่าว่ขา B2 ถ้า ถ้ ใช้สช้ ายมิเมิตอร์สีแ สี ดง (ไฟ -) วัดวัขา E กับกั B2, B1 ลักลัษณะ Reverse Bias เข็ม ข็ จะไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เหมือ มื นกับกัการวัดวั DIODE ถ้า ถ้ เข็ม ข็ ขึ้น ขึ้ แสดงว่าว่ UJT เสีย สี ถ้า ถ้ วัดวัทุก ทุ ขาของ UJT ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลยแสดงว่าว่ UJT เสีย สี เมื่อ มื่ นำ สายมิเมิตอร์ที่มี ที่ ศั มี ศักย์ไย์ ฟฟ้า ฟ้ บวกจับที่ E เป็น ป็ หลักลัเพื่อ พื่ วัดวัหาค่าค่ B1 และ B2 สายมิเมิตอร์ที่มี ที่ ศั มี ศักย์ไย์ ฟลบวัดวัที่ B1 และ B2 โดยการวัดวัระหว่าว่งขา E - B2 จะได้ค่ ด้ าค่ความต้า ต้ นทานน้อยกว่าว่ B1 และการวัดวัระหว่าว่งขา E-B1 จะได้ ค่าค่ความต้า ต้ นทานน้อยกว่าว่ B2 จากนั้นสลับลั สายมิเมิตอร์วัดวัระหว่าว่งขา E-B2 และ E-B1 เข็ม ข็ มิเมิตอร์จะไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ (∞) ถ้า ถ้ ขึ้น ขึ้ แสดงว่าว่ UJT รั่ว เสีย สีใช้ง ช้ านไม่ไม่ด้ หรือถ้า ถ้ ทำ การวัดวัทุก ทุ ขาแล้ว ล้ เข็ม ข็ มิเมิตอร์ไม่ขึ้ม่ขึ้น ขึ้ เลยก็แ ก็ สดงว่าว่ UJT เสีย สี เช่นช่กันกั 2.4.6 วงจรใช้ง ช้ านเบื้อ บื้ งต้น ต้ ของยูเ ยู จที การทำ งานของ UJT จะเป็น ป็ ตัวตักำ เนิดสัญสัญาณฟันฟัเลื่อ ลื่ ย และสัญสัญาณ พัลพัล์ขึ้ ล์ ขึ้น ขึ้ มา เพื่อ พื่ นำ ไปใช้ใช้ นการควบคุม คุ วงจรต่าต่ง ๆ เช่นช่วงจรตั้งตั้เวลา วงจร ตรวจเช็ค ช็ และวงจรกระตุ้นตุ้ อุป อุ กรณ์พวกไทริสเตอร์ เป็น ป็ ต้น ต้ วงจรกำ เนิดสัญสัญาณ Relaxation โดยใช้ UJT 82 82
รูปที่ 2.33 วงจร Relaxation ออสซิสเลเตอร์ รูปที่ 2.34 Diagram ของเวลาแสดงการทำ งานของวงจร Relaxation ออสซิลเลเตอร์ 83 83 จากรูปวงจร เรามาดูการทำ งานของวงจร โดยเริ่มแรกตัวเก็บ ประจุ C1 จะทำ การประจุแรงดันผ่าน R1 จนมีค่าแรงดันสูงขึ้นซึ่ง แรงดันที่ตกคร่อมตัวเก็บประจุ C1 นี้จะเป็นแรงดันป้อนให้กับขา E (VE) เมื่อแรงดันที่ขา E นี้ มีค่าเท่ากับ VP(VP = VD + NVBB )
จะทำ ให้ไห้ ดโอดนำ กระแส ความต้า ต้ นทานระหว่าว่งขา E กับกัขา B1 ลดลงอย่าย่ง รวดเร็วมีก มี ระแสไหลผ่าผ่น มีแ มี รงดันดัตกคร่อม R2 สูง สู ขึ้น ขึ้ ตกคร่อม R3 ต่ำ สูง สู ในช่วช่งเวลานี้ตัวตัเก็บ ก็ ประจุ C1 จะคายประจุผ่าผ่นขา E ออกขา B1 ด้ว ด้ ย ทำ ให้ แรงดันดัที่ข ที่ า E ค่าค่ลดลงจนทำ ให้ยู ห้ เ ยู จที หยุด ยุ นำ กระแส ความต้า ต้ นทานขา E และขา B1 มีค่ มี าค่ สูง สู ขึ้น ขึ้ อีก อี ก็จ ก็ ะเริ่มการประจุใหม่แม่ละยูเ ยู จที ก็จ ก็ ะเริ่มรอบการ ทำ งานใหม่อีม่ก อี ครั้งหนึ่ง โดยจะได้สัด้ ญสัญาณที่ข ที่ าต่าต่งๆ ดังดัแสดงในรูป สามารถคำ นวณหาคาบเวลาและความถี่ไถี่ ด้จ ด้ ากสูต สู ร t1 = RC ln [(VBB – VV)/(VBB - VP)] (เวลาใน Charge ของ C1) t2 = (RB1 + RB2) C ln (VP/VV) (เวลาใน Discharge ของ C1) จาก T = t1 + t2 และ Fosc = 1/T = 1/(t1 + t2) หรือจะหาค่าค่ Fosc โดย ประมาณได้จ ด้ ากสูต สู ร Fosc = 1/RC ln [1/(1-)] วงจรเร็กติไติฟเออร์ของ SCR ควบคุม คุ โดย UJT รูปที่ 2.35 วงจรเร็กติไติฟเออร์ของ SCR ควบคุมคุโดย UJT จากรูปที่ 2.35 เป็น ป็ วงจรเร็กติไติฟเออร์ของ SCR ถูก ถู ควบคุม คุ เฟตการ เร็กต์ไต์ ฟเออร์ด้ว ด้ ยวงจรรีแลกเซชั่นชั่ออสซิลเลเตอร์ วงจรประกอบด้ว ด้ ย เป็น ป็ ตัวตัต้า ต้ นทานจำ กัดกักระแสที่จ ที่ ะไหลผ่าผ่นซีเนอร์ไดโอด ไม่ใม่ห้ม ห้ ากเกินกิ ไปเป็น ป็ ซี เนอร์ไดโอดกำ หนดค่าค่แรงดันดัจ่ายให้ว ห้ งจรรีแลกเซชั่นชั่ออสซิลเลเตอร์ เป็น ป็ วงจรกำ หนดเวลาการทำ งานของยูเ ยู จที ทำ ตัวตัเป็น ป็ โหลดของยูเ ยู จที ส่งส่แร งดันดัพัลพัล์บ ล์ วก 84 84
สรุป ยูเ ยู จทีเ ทีป็น ป็ อุป อุ กรณ์สารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด 2 รอยต่อต่ ไม่จัม่ จัดอยู่ใยู่ นสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิดไทริสเตอร์ การใช้ง ช้ านต้อ ต้ งทำ งานร่วมกับกัเอสซีอาร์ ไตรแอคและไดแอ คเสมอ ยูเ ยู จทีมี ที ข มี าใช้ง ช้ าน 3 ขา ขาที่ต่ ที่ อต่มาจากสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด N มีข มี า 2 ขา และขาที่ต่ ที่ อต่มาจากสารกึ่ง กึ่ ตัวตันำ ชนิด P มีห มี นึ่งขา ขาใช้ง ช้ านทั้งทั้ 3 ขามีข มี าเบส 1 (Base 1, B1) ขาเบส 2 (Base 2, B2) และขาอิมิอิตมิเตอร์ (Emitter, E) การ จ่ายไบอัสอัต้อ ต้ งจ่ายไบอัสอั ให้ถู ห้ ก ถู ต้อ ต้ ง โดยจ่ายแรงดันดับวกให้ข ห้ า B2 จ่ายแรง ดันดัลบให้ข ห้ า B1 และขา E ต้อ ต้ งจ่ายแรงดันดัเป็น ป็ บวกเมื่อ มื่ เทีย ที บกับกัขา B1 การ จ่ายไบอัสอัดังดักล่าล่วยูเ ยู จทียั ที งยัไม่นำม่ นำกระแสจนกว่าว่แรงดันดั ไบอัสอับวกที่ข ที่ า E จะ ไปทำ ให้ไห้ ดโอด D ตรงรอยต่อต่ PN เป็น ป็ ไบแอสตรงด้ว ด้ ย รายละเอีย อี ดและขีด ขี จำ กัดกัของยูเ ยู จทีเ ทีป็น ป็ ข้อ ข้ มูล มู ซึ่งบอกถึง ถึ ค่าค่จำ กัดกั ในการ ใช้ง ช้ าน เพื่อ พื่ไม่ใม่ห้อุ ห้ ป อุ กรณ์ที่ต่ ที่ อต่ร่วมและยูเ ยู จทีเ ทีสีย สี หาย แต่ลต่ะเบอร์มีร มี าย ละเอีย อี ดและขีด ขี จำ กัดกัแตกต่าต่งกันกัดังดันี้ การสูญสู เสีย สี กำ ลังลังาน กระแสอิมิอิตมิ เตอร์เป็น ป็ RMS กระแสพัลพัส์สูส์ ง สู สุด สุ ที่อิ ที่ มิอิตมิเตอร์ แรงดันดั ไบอัสอักลับลัระหว่าว่งเบส 2 กับกัอิมิอิตมิเตอร์ ย่าย่นอุณ อุ หภูมิ ภู ทำมิทำงานตรงรอยต่อต่แรงดันดัระหว่าว่งเบสทั้งทั้สอง ย่าย่นอุณ อุ หภูมิ ภู สมิะสม อัตอัราส่วส่นอินอิทรินซิกสแตนออฟ ความต้า ต้ นทานระหว่าว่ง เบส แรงดันดัอิ่มอิ่ตัวตัระหว่าว่งอิมิอิตมิเตอร์และเบส 1 กระแสไบอัสอักลับลัที่อิ ที่ มิอิตมิเตอร์ อิมิอิตมิเตอร์ที่จุ ที่ จุ ดยอดกระแสอิมิอิตมิเตอร์ที่จุ ที่ จุ ดแรงดันดัต่ำ สุด สุ และกำ เนิดความถี่ไถี่ ด้ สูง สู สุด สุ การตรวจสอบยูเ ยู จที มีลำ มี ลำดับดัการปฏิบัฏิติบั ติดังดันี้ - ตั้งตั้เร้นจ์วัดวัความต้า ต้ นทานที่ R×1K - ปรับซีโร่โอห์ม ห์ - ทำ การวัดวัทั้งทั้หมด 6 ครั้ง เช่นช่เดีย ดี วกับกัการหาขาเบสของ ทรานซิสเตอร์ การวัดวัจากการวัดวัทั้งทั้ 6 ครั้งจะมีอ มี ยู่ 4 ครั้งที่สที่ ามารถอ่าอ่นค่าค่ ความต้า ต้ นทานได้แ ด้ ละมี 2 ครั้งที่อ่ ที่ าอ่นค่าค่ความต้า ต้ นทานได้เ ด้ป็น ป็ อนันต์ โดยที่ วงจรเทีย ที บเท่าท่ (ไม่สม่ามารถนำ มาแทนยูเ ยู จทีไที ด้จ ด้ ริง) ของยูเ ยู จที การวัดวัค่าค่ความต้า ต้ นทาน 2 ครั้งที่เ ที่ หลือ ลื จาก 4 ครั้ง ที่สที่ ามารถอ่าอ่นค่าค่ ความต้า ต้ นทานได้ คือ คื การวัดวัค่าค่ความต้า ต้ นทานคร่อมระหว่าว่งขาเบส 2 กับกั ขาเบสอิมิอิตมิเตอร์และระหว่าว่งขาเบส 1 กับกัขาอิมิอิตมิเตอร์นั่นเอง โดยการวัดวัค่าค่ ความต้า ต้ นทานคร่อมระหว่าว่งขาเบส 2 กับกัขาอิมิอิตมิเตอร์นั้น สายวัดวั สีดำ สี ดำจาก 85 85
แจ็กลบแตะที่ข ที่ าอิมิอิตมิเตอร์และสายวัดวั สีแ สี ดงจากแจ็กบวกจะแตะที่ข ที่ าเบส 2 เปรียบเสมือ มื นการวัดวั ไดโอดแบบฟอร์เวิร์วิร์ ด แต่ค่ต่าค่ความต้า ต้ นทานที่วั ที่ ดวั ได้เ ด้ป็น ป็ ค่าค่ของ RB2 การวัดวัค่าค่ความต้า ต้ นทานคร่อมระหว่าว่งขาเบส 1 กับกัขาอิมิอิตมิ เตอร์นั้น สายวัดวั สีดำ สี ดำจากแจ็กลบจะแตะที่ข ที่ าอิมิอิตมิเตอร์และสายวัดวั สีแ สี ดงจาก แจ็กบวกจะแตะที่ข ที่ าเบส 1เปรียบเสมือ มื นการวัดวั ไดโอดแบบฟอร์เวิร์วิร์ ด แต่ค่ต่าค่ ความต้า ต้ นทานที่วั ที่ ดวั ได้เ ด้ป็น ป็ ค่าค่ของ RB1 ดังดันั้นค่าค่ความต้า ต้ นทานที่ค ที่ ร่อม ระหว่าว่งเบส 2 กับกัเบส 1 ต้อ ต้ งเท่าท่กับกัค่าค่ความต้า ต้ นทานที่ค ที่ ร่อมระหว่าว่งอิมิอิตมิ เตอร์กับกัเบส 2 รวมกับกัค่าค่ความต้า ต้ นทานที่ค ที่ ร่อมระหว่าว่งอิมิอิตมิเตอร์กับกัเบส 1 ถ้า ถ้ ทำ การวัดวั 6 ครั้งแล้ว ล้ อ่าอ่นค่าค่ความต้า ต้ นทานเป็น ป็ อนันต์ทั้ ต์ ทั้งทั้หมดแสดงว่าว่ยู เจทีเ ทีสีย สีในลักลัษณะขาด ถ้า ถ้ ทำ การวัดวัค่าค่ความต้า ต้ นทานระหว่าว่งอิมิอิตมิเตอร์กับกั เบส 2 และเบส 1 ปรากฏว่าว่ ได้ค่ ด้ าค่ความต้า ต้ นทานเป็น ป็ อนันต์ แสดงว่าว่ยูเ ยู จที่ชำ ที่ ชำ รุดลักลัษณะอิมิอิตมิเตอร์กับกัเบสขาด 86 86
แบบทดสอบหลังเรียน 1. SCB ถูกนำ ไปใช้มากในงานพวกไฟฟ้ากำ ลัง ข้อใดบ้าง ก. วงจรควบคุมความสว่าง วงจรควบคุมความเร็วของ มอเตอร์ ข. วงจรควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบควบคุมอุณหภูมิ ค. วงจรควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบควบคุมอุณหภูมิ และวงจรรักษาระดับกำ ลัง ง. ถูกทุกข้อ 2. ข้อใดต่อไปนี้คือ การหยุดการทำ งานของเอสซีอาร์ที่ทำ ได้เพียง ทางเดียวเท่านั้น ก. ลดค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนมากกว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง ข. ลดค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนต่ำ กว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง ค. เพิ่มค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนมากกว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง ง. เพิ่มค่ากระแสที่ไหลผ่านแอโนดลงจนต่ำ กว่าค่าที่เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง 3. ข้อใดคือการไบแอสแบบฟอร์เวิร์สไบแอส ก. การป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับขั้วแอโนดและศักย์ไฟฟ้าลบ ให้กับขั้วแคโธด แต่เอสซีอาร์จะไม่นำ กระแสจนกว่าขาเกตจะได้ รับศักย์ไฟฟ้าบวกเมื่อเทียบกับขั้วแคโธด ข. การป้อนศักย์ไฟฟ้าลบให้กับขั้วแอโนดและศักย์ไฟฟ้าบวก ให้กับขั้วแคโธด แต่เอสซีอาร์จะไม่นำ กระแสจนกว่าขาเกตจะได้ รับศักย์ไฟฟ้าลบเมื่อเทียบกับขั้วแคโธด ค. การป้อนศักย์ไฟฟ้าลบให้กับขั้วแอโนดและป้อนศักย์ไฟบวก ให้กับขั้วแคโธด เอสซีอาร์จะไม่มีการนำ กระแสถึงแม้จะทำ การ ป้อนสัญญาณควบคุมให้กับขาเกตก็ตาม ง. การป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับขั้วแอโนดและป้อนศักย์ไฟลบ ให้กับขั้วแคโธด เอสซีอาร์จะไม่มีการนำ กระแสถึงแม้จะทำ การ ป้อนสัญญาณควบคุมให้กับขาเกตก็ตาม 4. การนำ ไตรแอคไปใช้กับไฟกระแสสลับ สามารถควบคุมการ ทำ งานด้วยการใช้แรงดันไปกระตุ้น ที่ขาใดเพื่อให้ทำ งานที่มุมหรือ เฟตต่างกัน ทำ ให้สามารถควบคุมกำ ลังไฟฟ้าที่จ่ายไปยังโหลดได้ ตามต้องการ ก. ขาเกต ข. ขาแอโนด 1 ค. ขาแอโนด 2 ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข้อ ข.