นาถสมเด็จพระบรมไตรโลก
พุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
รายวิชาประวัติศาสตร์ 2 (ส31104) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบ
ถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยก่อนรัตนโกสินทร์
และสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งประกอบด้วยพระราชกรณียกิจของสมเด็จ-
พระบรมไตรโลกนาถ และพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
การจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้ทำการค้นคว้ารวบรวม
ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ผู้จัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หวังว่าจะเป็น
ประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดประการใดขออภัย
ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ผู้จัดทำ
นายธราดณ พรหมชัย
1 พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 1
3
1 ด้านการเมืองการปกครอง 3
2 ตราพระราชกำหนดศักดินา 3
3 กฎมณเฑียรบาล
4 ด้านวรรณกรรม
2 พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
1 ด้านการทำนุบำรุงประเทศ และป้อมปราการ 4
2 ด้านการป้องกันประเทศ 5
3 ด้านการปกครอง 6
4 ด้านการทำนุบำรุงพระศาสนา 6
5 ด้านศิลปวัฒนธรรม 7
• พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ด้านการเมืองการปกครอง
การจัดระเบียบการปกครอง
พระราชกรณียกิจด้านการปกครองประกอบด้วยการจัดระเบียบการปกครองส่วนกลางและส่วน
ภูมิภาค อันเป็นแบบแผนซึ่งยึดสืบต่อกันมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า และ
การตราพระราชกำหนดศักดินา ซึ่งทำให้มีการแบ่งแยกสิทธิ และหน้าที่ของแต่ละบุคคลแตกต่าง
กันไป โดยทรงเห็นว่ารูปแบบการปกครองนับตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 มีความหละ
หลวม หัวเมืองต่าง ๆ เบียดบังภาษีอากร และปัญหาการแข็งเมืองในบางช่วงที่พรมหากษัตริย์
อ่อนแอ
1
• พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ทรงแบ่งงานทางการปกครอง
ทรงแบ่งงานทางการปกครองออกเป็น "ฝ่ายพลเรือน" และ "ฝ่ายทหาร" อย่างชัดเจน โดยมี
"เจ้าพระยามหาเสนาบดี" ดำรงตำแหน่ง สมุหพระกลาโหม มีหน้าที่ดูแลกิจการทหารทั่ว
อาณาจักร และ "เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์" ดำรงตำแหน่ง สมุหนายก รับผิดชอบงาน
พลเรือนทั่วอาณาจักร พร้อมกับดูแลหน่วยงานจตุสดมภ์ จากเดิมที่พื้นฐานการปกครองนับ
ตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัยยังไม่ได้แยกฝ่ายพลเรือนกับทหารออกจากกันชัดเจน ทั้งนี้ใน
ยามสงคราม ไพร่ทุกคนจะต้องรับราชการทหารอันเป็นหน้าที่หลัก อันเป็นลักษณะรูปแบบ
การปกครองของอาณาจักรขนาดเล็กที่ขาดการประสานงานระหว่างเมือง
การปกครองในส่วนภูมิภาค
ทรงได้ยกเลิกระบบการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ แต่เดิมที่แบ่งออกเป็นเมืองลูกหลวง
หลานหลวง แล้วระบบการปกครองหัวเมืองเสียใหม่ ดังนี้
- หัวเมืองชั้นใน เช่น เมืองราชบุรี นครสวรรค์ นครนายก เมืองฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี
เป็นต้น จัดเป็นเมืองจัตวา พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งผู้ที่เหมาะสมไปปกครอง แต่สิทธิ
อำนาจทั้งหมดยังขึ้นอยู่กับองค์พระมหากษัตริย์
- หัวเมืองชั้นนอก หรือ เมืองพระยามหานคร มีการกำหนดเป็นเมืองเอก โท หรือตรี ตาม
ลำดับความสำคัญ เมืองใหญ่อาจมีเมืองเล็กขึ้นอยู่ด้วย พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งเจ้า-
นาย หรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปปกครอง มีการจัดการปกครองเหมือนกับราชธานี คือ มีกรม
การตำแหน่งพลและกรมการตำแหน่งมหาดไทย และพนักงานเมือง วัง คลัง นา เช่น เมือง
พิษณุโลก สุโขทัย นครราชสีมา และทวายจัดเป็น เมือง เอก โท ตรี พระมหากษัตริย์ทรง
แต่งตั้งพระราชวงศ์หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไปเป็นเจ้าเมืองมีอำนาจบังคับบัญชาเป็นสิทธิ
ขาด เป็๋ นผู้แทนองค์พระมหากษัตริย์ มีกรมการปกครองในตำแหน่ง เมือง วัง คลัง นา เช่น
เดียวกับของทางราชธานี
- เมืองประเทศราช คงให้เจ้าเมืองปกครองกันเอง เพียงแต่ส่งเครื่องราชบรรณาการมา
ถวายตามกำหนด และเกณฑ์ผู้คนและทรัพย์สินเพื่อช่วยราชการสงคราม สำหรับการ
ปกครองส่วนท้องถิ่น ให้จัดเป็นหมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้านปกครองดูแล ตำบล มีกำนันเป็น
หัวหน้า แขวง มีหมื่นแขวงเป็นหัวหน้า
2
• พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ตราพระราชกำหนดศักดินา
ทรงตราพระราชกำหนดศักดินาขึ้นเป็นกฎเกณฑ์ของสังคม
ทำให้มีการแบ่งประชากรออกเป็นหลายชนชั้น เช่นเดียวกับหน้าที่และสิทธิของแต่ละบุคคล
ศักดินาเป็นความพยายามจัดระเบียบการปกครองให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น อันเป็นหลักที่
เรียกว่า การรวมเข้าสู่ศูนย์กลาง ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าศักดินาจะเป็นการกำหนดสิทธิในการถือ
ครองที่ดิน แต่ในทางปฏิบัติแล้วหมายถึงจำนวนไพร่พลที่สามารถครอบครอง เกณฑ์การ
ปรับไหม และลำดับการเข้าเฝ้าแทน
แต่งตั้งตำแหน่งข้าราชการให้มีบรรดาศักดิ์
จากต่ำสุดไปสูงสุดคือ ทนาย พัน หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา และเจ้าพระยา มีการกำหนด
ศักดินาเพื่อเป็นค่าตอบแทนการรับราชการ และได้อาศัยใช้เป็นเกณฑ์กำหนดการมีที่นาและ
การปรับไหมตามกฎหมาย
กฎมณเฑียรบาล
พ.ศ. 2001 ทรงตั้งกฎมณเฑียรบาล
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงตั้งกฎมณเฑียรบาล ขึ้นเป็นกฎหมายสำหรับการปกครอง
แบ่งออกเป็นสามแผน คือ
- พระตำราว่าด้วยแบบแผนพระราชพิธีต่าง ๆ
- พระธรรมนูญว่าด้วยตำแหน่งหน้าที่ราชการต่าง ๆ
- พระราชกำหนดเป็นข้อบังคับสำหรับพระราชสำนัก
ด้านวรรณกรรม
พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งหนังสือมหาชาติคำหลวง นับว่า
เป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่องแรกของกรุงศรีอยุธยา และเป็นวรรณคดีชั้นเยี่ยม
ที่ใช้เป็นแนวทางในการศึกษาภาษา และวรรณคดีของไทย นอกจากนี้ยังมีลิลิตพระลอ ซึ่งเป็น
ยอดวรรณคดีประเภทลิลิตของไทย
3
• พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ด้านการทำนุบำรุงประเทศ และป้อมปราการ
ระยะแรกของการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์
พม่าก็ยังคงรุกรานประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองและป้อม
ปราการต่าง ๆ ขึ้นเพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านคอยป้อมป้องกันข้าศึกที่จะยกเข้ามาทางทะเลที่
เมืองสมุทรปราการ และที่เมือง ปากลัด ปัจจุบันคือ (อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ) โดยมี
พระราชบัญชาให้กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ เป็นแม่กองก่อสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์
ขึ้นที่ปากลัด พร้อมป้อมปีศาจผีสิง ป้อมราหู และป้อมศัตรูพินาศแล้วโปรดเกล้าฯ ให้อพยพ
ครอบครัวชาวมอญจากปทุมธานีมาอยู่ที่นครเขื่อนขันธ์
การสร้างเมืองหน้าด่านและป้อมปราการ
พระองค์ยังทรงให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็นแม่กองจัดสร้างป้อมผีเสื้อสมุทร ป้อมประโคนชัย
ป้อมนารายณ์ปราบศึก ป้อมปราการ ป้อมกายสิทธ์ ขึ้นที่เมืองสมุทรปราการ และโปรดเกล้าฯ
ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพย์ไปคุมงานก่อสร้างป้อมเพชรหึงส์เพิ่มเติมที่เมือง
นครเขื่อนขันธ์
4
• พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ด้านการป้องกันประเทศ
พม่าได้ยกทัพเข้ามาตีไทย
ตั้งแต่พระองค์ครองราชย์ได้ เพียง ๒ เดือน พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่าก็ได้ทรงแต่งตั้งแม่ทัพ
พม่า ๒ นาย คือ อะเติ้งหงุ่นและสุเรียงสาระกะยอ โดยให้แม่ทัพอะเติ้งหงุ่นยกทัพเรือเข้ามาตี
ทางหัวเมืองชายทะเลตะวันตก และสามารถตีเมืองตะกั่วทุ่งตะกั่วป่า รวมถึงล้อมเมืองถลางไว้
ก่อนที่กอง ทัพไทยจะยกลงไปช่วยและตีทัพพม่าจนแตกพ่ายไป ส่วนแม่ทัพสุเรียงสาระกะยอได้
ยกกำลังมาทางบกเพื่อเข้าตีหัวเมืองด้านทิศใต้ ของไทย และสามารถตีได้เมืองมะลิวัน ระนอง
และกระบี่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงส่งกองทัพลงไปช่วยเหลือทหารพม่า
สู้กำลังฝ่ายไทยไม่ได้ก็ถอยทัพหนีกลับไป
ฝ่ายไทยจัดกำลังทัพเตรียมรับศึกอย่างเข้มแข็ง
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๖๓ พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต พระเจ้าจักกายแมงได้สืบราชสมบัติต่อจาก
พระเจ้าปดุง และคิดจะยกทัพมาตีไทยอีก โดยสมคบกับพระยาไทรบุรีซึ่งเปลี่ยนใจไปเข้ากับฝ่าย
พม่า แต่เมื่อทราบว่าฝ่ายไทย จัดกำลังทัพเตรียมรับศึกอย่างเข้มแข็ง พม่าก็เกิดกลัวว่าจะรบ
แพ้ไทยอีก จึงยุติไม่ยกทัพเข้ามา จนอีก ๓ ปีต่อมา พระเจ้าจักกายแมงก็ทรงชักชวนพระเจ้า
เวียดนาม มินมางกษัตริย์ญวนให้มาช่วยตีไทย แต่ฝ่ายญวนไม่ยอมร่วมด้วย พอดีกับที่ขณะนั้น
เกิดสงครามกับอังกฤษจึงหมดโอกาสที่จะมาตีไทยอีกต่อไป
5
• พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ด้านการปกครอง
ทรงบริหารบ้านเมือง
โดยให้เจ้านายรับหน้าที่ในการบริหารงานราชการในกรมกองต่างๆ เท่ากับเป็นการให้เสนาบดีได้
มีการปรึกษาข้อราชการก่อนจะนำความขึ้นกราบบังคมทูล และให้ผ่อนผันการเข้ารับราชการ
ของพลเมืองชายเหลือเพียงปีละ ๓ เดือน (เข้ารับราชการ ๑ เดือน แล้วไปพักประกอบอาชีพ
ส่วนตัวอีก ๓ เดือน สลับกันไป) นอกจากนี้ยังทรงรวบรวมพลเมืองให้เป็นปึกแผ่น โดย
พระราชทานโอกาสให้ประชาชนสามารถเลือกหน่วยราชการที่สังกัดได้
ทรงออกพระราชบัญญัติ
เรื่อง ห้ามเลี้ยงไก่ นก ปลากัด ไว้ชน กัด หรือทำการอื่น ๆ เพื่อการพนัน และออกพระราช-
กำหนดห้ามสูบฝิ่ น ขายฝิ่ น ซื้อฝิ่ น พร้อมทรงกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ทำให้
ประเทศไทยไม่เกิดสงครามฝิ่ นแบบต่างชาติ
ด้านการทำนุบำรุงพระศาสนา
ทรงฟื้ นฟูพระพุทธศาสนาอย่างมากมายหลายด้าน
โดยเฉพาะด้านการก่อสร้างศาสนสถาน ทรงโปรดฯให้สร้างวัดขึ้นใหม่หลายวัด ได้แก่ วัดสุ-
ทัศนเทพวราราม วัดชัยพฤกษมาลา วัดโมลีโลกยาราม วัดหงสาราม และวัดพระพุทธบาทที่
สระบุรี ซึ่งสร้างค้างไว้ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รวมทั้ง
โปรดเกล้าฯให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชวราราม โดยสร้างพระอุโบสถพระปรางค์
พร้อมทั้งพระวิหารขึ้นใหม่ เพื่อเป็นพระอารามประจำรัชกาล
วัดสุทัศนเทพวราราม วัดโมลีโลกยาราม วัดพระพุทธบาท
วัดชัยพฤกษมาลา
วัดหงสาราม 6
• พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
แก้ไขหลักสูตรปริญญาตรี โท เอก
มาเป็นเปรียญธรรม ๓ ประโยคถึง ๙ ประโยค ทำให้พระภิกษุ สามเณร มีความรู้ภาษาบาลี
แตกฉานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังทรงออกพระราชกำหนดให้ประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา โดยห้าม
ล่าสัตว์ ๓วัน และรักษาศีล ถวายอาหารบิณฑบาต ทำทาน ปล่อยสัตว์ สดับฟังพระธรรม-
เทศนาเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา
ด้านศิลปวัฒนธรรม
ทรงทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ
ทรงมีพระอัจฉริยภาพในงานศิลปะหลายสาขา ทั้งทางด้านประติมากรรม ด้านการดนตรี แต่ที่
โดด เด่นที่สุดเห็นจะเป็นในด้านวรรณคดี จนอาจเรียกได้ว่ายุคนี้เป็นยุคทองของวรรณคดีไทย
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ละครรำรุ่งเรืองถึงขีดสุด ด้วยพระองค์ทรงเป็นกวีเอก และทรงพระราช
นิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเล่มด้วยกัน เช่น รามเกียรติ์ตอนลักนางสีดา วานรถวายพล พิเภก
สวามิภักดิ์ สีดาลุยไฟ นอกจากนี้ยังมีพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาที่ได้รับการยกย่องจาก
วรรณคดีสโมสรในสมัยรัชกาลที่ ๖ ว่าเป็นยอดกลอนบทละครรำ
รามเกียรติ์ อิเหนา
ลักนางสีดา พิเภกสวามิภักดิ์ สีดาลุยไฟ
บทละครนอก
ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นมา ๕ เรื่องด้วยกัน ได้แก่ ไชยเชษฐ์ สังข์ทอง มณีพิชัย ไกรทอง และ
หลวิชัย คาวี พระองค์ยังได้ทรงพระราชนิพนธ์บทเห่เรือ เรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
ซึ่งมีความไพเราะและแปลกใหม่ไม่ซ้ำแบบกวีท่านใด
ไชยเชษฐ์ สังข์ทอง มณีพิชัย ไกรทอง หลวิชัย คาวี
แผ่นดินทองแห่งวรรณกรรม
องค์การ UNESCO ได้ยกย่องพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยว่า ทรงเป็นบุคคล
สำคัญของโลก เนื่องด้วยทรงสร้างสรรค์วรรณคดี ที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้เป็นมรดก
ของชาติจำนวนมาก และเนื่องด้วยในรัชกาลนี้มีละครนอกช้างเผือกคู่พระบารมีถึง ๓ เชือก
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงมีพระราชดำริให้แก้ไขธงชาติไทย จากที่เคยใช้ธง
แดงมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มาเป็นรูปช้างเผือกอยู่ในวง-จักรติดในธง
7 พื้นแดง และใช้เป็นธงชาติสืบต่อกันมาจนถึงรัชกาลที่ ๖
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ. (2565). https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จ
พระบรมไตรโลกนาถ
ประวัติและเหตุการณ์สำคัญของรัชกาลที่1-9. (2560).
https://sites.google.com/site/konozuba1123/system/app/pages/site
map/hierarchy