The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครู วิทยาการคำนวณ ม.1 อักษรเจริญทัศน์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by opart_2000, 2022-03-30 19:10:34

คู่มือครู วิทยาการคำนวณ ม.1 อักษรเจริญทัศน์

คู่มือครู วิทยาการคำนวณ ม.1 อักษรเจริญทัศน์

Chapter Overview

แผนการจัด สื่อท่ีใช จด� ประสงค วธ� ส� อน ประเมิน ทักษะที่ได คุณลกั ษณะ
การเรย� นรู อันพึงประสงค
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. นักเรียนอธบิ ายลักษณะ - แนวคิดเชิง - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการคดิ อยา่ ง - มวี นิ ยั
เธอคือใคร - หนงั สือเรียนรายวิชา ความปลอดภยั ของ นามธรรม หลังเรียน มีวิจารณญาณ - ใฝเรียนรู้
พน้ื ฐาน เทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศได้ - แบบเกม - ตรวจใบงาน - ทกั ษะการท�างาน - มงุ่ มน่ั ใน
6 (วิทยาการค�านวณ) ม.1 (K) - แบบประเมนิ การ ร่วมกัน
- แบบฝก หัดรายวิชา 2. นักเรยี นสามารถบอกวิธีการ น�าเสนอผลงาน - ทกั ษะการสื่อสาร การทา� งาน
ช่ัวโมง

พืน้ ฐาน เทคโนโลยี ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ - สังเกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะความคดิ
(วทิ ยาการคา� นวณ) ม.1 อย่างปลอดภยั ได้ (P) การทา� งานรายบุคคล สร้างสรรค์
- ใบงาน เร่ือง โพรไฟล์ 3. นักเรียนสามารถยกตัวอย่าง - สังเกตพฤตกิ รรม
ของฉัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การทา� งานกลุ่ม
- แบบทดสอบหลงั เรียน อยา่ งมวี จิ ารณญาณได้ (A) - สงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์

T94

Chapter Concept Overview

ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ

ความปลอดภยั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ คอื นโยบาย ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิ มาตรการทางเทคนคิ ทน่ี า� มาใชป้ อ งกนั การใชง้ านจากบคุ คล
ภายนอก การเปลยี่ นแปลง การขโมย หรือการทา� ความเสยี หายต่อเทคโนโลยสี ารสนเทศ เปนการนา� ระบบรกั ษาความปลอดภัยมาใชร้ ่วมกบั
เทคนิคและเครือ่ งมือตา่ ง ๆ ในการปกปอ งคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ขอ้ มลู ระบบเครอื ข่ายและการสื่อสารเพอื่ ปองกันภยั คุกคาม
ตา่ ง ๆ ท่ีเขา้ มาส่เู ทคโนโลยีสารสนเทศ ภยั คุกคามต่อเทคโนโลยสี ารสนเทศ แบง่ เปน 4 ประเภท ดงั น้ี

1. ภยั คกุ คามตอ่ ฮารด์ แวร์ เปน ภยั คกุ คามทท่ี า� ใหอ้ ปุ กรณค์ อมพวิ เตอรเ์ กดิ ความเสยี หาย เชน่ ระบบจา่ ยไฟฟา เขา้ สคู่ อมพวิ เตอรม์ คี วาม
ผิดพลาด ทา� ใหอ้ ปุ กรณ์ภายในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์เกิดการชา� รดุ เสียหายและไม่สามารถใชง้ านได้

2. ภัยคุกคามต่อซอฟต์แวร์ เปน ภยั คุกคามท่ีท�าใหซ้ อฟต์แวรใ์ ชง้ านไมไ่ ดห้ รือซอฟต์แวรท์ �างานผิดพลาด ท�าใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ทไ่ี มถ่ ูกต้อง
จากการท�างานของซอฟต์แวร์ รวมถึงการลบ การเปล่ียนแปลง การแกไ้ ขกระบวนการท�างานของซอฟตแ์ วร์

3. ภยั คกุ คามตอ่ ระบบเครอื ขา่ ยและการสอื่ สาร เปน ภยั คกุ คามทมี่ ผี ลทา� ใหร้ ะบบของเครอื ขา่ ยและการสอื่ สารขดั ขอ้ ง ไมส่ ามารถใชง้ าน
ระบบเครือข่ายและการส่ือสารได้ รวมทั้งการเข้าถงึ อปุ กรณ์เครอื ขา่ ยเพื่อปรบั แตง่ และแก้ไขการท�างานโดยไม่ได้รบั อนุญาต

4. ภัยคุกคามตอ่ ข้อมลู เปน ภยั คกุ คามทที่ �าใหข้ ้อมูลสว่ นตวั หรอื เปนความลับถูกเปดเผยโดยไม่ได้รบั อนญุ าต การเปล่ยี นแปลงแกไ้ ข
ลบ หรือน�าข้อมลู ใด ๆ ไปใช้ประโยชนโ์ ดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต หรอื ไม่สามารถน�าขอ้ มลู ไปใชง้ านได้

การเขา้ ไปแก้ไขระบบการทา� งานของซอฟตแ์ วร์ การโจรกรรมขอ้ มูล เปลี่ยนแปลง แก้ไข ลบ
โดยไม่ได้รบั อนญุ าต หรอื น�าไปเปดเผยโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต

จรยิ ธรรมในการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ

จริยธรรม คือ หลักประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมกับการท�าหน้าที่ของบุคคล เพื่อใช้เปนแนวทางในการปฏิบัติตนอย่างสมบูรณ์
และสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานทด่ี ีงามอันเปนทยี่ อมรับของสงั คม

จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ หลักศีลธรรมจรรยาท่ีก�าหนดขึ้นเพื่อใช้เปนแนวทางปฏิบัติ หรือควบคุมการใช้ระบบ
คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ เมือ่ พิจารณาถงึ จริยธรรมเก่ียวกบั การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศจะแบ่งออกเปน 4 ประเดน็ ดังนี้

1. ความเปน สว่ นตวั ความเปนส่วนตัวของขอ้ มลู สารสนเทศ โดยทั่วไปหมายถึง สทิ ธิท่ีจะอยู่ตามล�าพงั และเปนสทิ ธิที่เจา้ ของสามารถ
ทจี่ ะควบคมุ ข้อมูลของตนเองในการเปดเผยใหก้ ับผอู้ นื่ สิทธนิ ี้ใชไ้ ด้ครอบคลมุ ทง้ั สาระส�าคญั สว่ นบุคคล กลมุ่ บคุ คล องค์กร และหนว่ ยงาน
ตา่ ง ๆ

2. ความถกู ตอ้ ง ขอ้ มลู ควรได้รบั การตรวจสอบความถูกต้องกอ่ นทจ่ี ะบันทึกข้อมลู เก็บไว้ รวมถึงการปรบั ปรงุ ขอ้ มูลใหม้ ีความทันสมัย
อยเู่ สมอ นอกจากน้ี ควรใหส้ ิทธิแกบ่ ุคคลในการเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลตนเองได้

3. ความเปน เจา้ ของ เปนกรรมสทิ ธใิ์ นการถอื ครองทรัพยส์ ิน ซงึ่ อาจเปน ทรัพย์สินท่วั ไปท่จี บั ตอ้ งได้ เชน่ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ หรือ
อาจเปนทรัพยส์ นิ ทางปญ ญาท่จี บั ต้องไม่ได้ เช่น บทเพลง โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ แตส่ ามารถถา่ ยทอดและบนั ทึกลงในสอื่ ได้ เชน่ ส่ิงพิมพ์
ซีดรี อม

4. การเขา้ ถงึ ขอ้ มูล การเข้าใช้งานโปรแกรมหรือระบบคอมพวิ เตอร์มักจะมกี ารกา� หนดสทิ ธิตามระดบั ของผ้ใู ชง้ าน ทั้งน้ี เพ่อื เปน การ
ปองกนั การเข้าไปดา� เนินการตา่ ง ๆ กบั ข้อมูลของผู้ใชท้ ่ีไมม่ สี ว่ นเกี่ยวขอ้ ง และเปนการรกั ษาความลบั ของข้อมูลงาน

T95

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ 4 การใชหนว ยการเรยี นรทู ่ี
เทคโนโลยี
กระตนุ ความสนใจ สารสนเทศอยา งปลอดภยั

1. ครูใหนักเรียนภายในชั้นเรียนทําแบบทดสอบ
กอนเรียน เร่ือง การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ
อยา งปลอดภยั เพอื่ เปน การทบทวนความรแู ละ
วดั พน้ื ฐานความรกู อ นทจ่ี ะเรม่ิ เรยี นเนอ้ื หาใหม

2. ครูสุมถามคําถามกับนักเรียนวา ในปจจุบันมี
ภัยคุกคามใดบางท่ีแอบแฝงมากับเทคโนโลยี
สารสนเทศ จากน้ันสมุ นักเรยี นตอบคําถาม

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศมีหลากหลายลักษณะ
ท้ังท่ีเปนประโยชน และอาจสงผลรายตอผูอื่น ดังนั้น
เราควรตระหนักถึงการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศท่ี
ถกู ตองและเหมาะสม เพื่อปองกนั ภัยคุกคามรปู แบบตา ง ๆ
และสามารถใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตวั ชว้ี ัด
ว 4.2 ม.1/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย ใชส้ อื่ และแหล่งข้อมลู ตามข้อกา� หนดและข้อตกลง

เกร็ดแนะครู

ในการจัดการเรียนการสอน เรื่อง การใชเทคโนโลยีสารสนเทศอยาง
ปลอดภัย ครูควรยกตัวอยางเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเขามามีบทบาทในชีวิต
ประจําวัน และชวยตอบสนองความตองการของมนุษยใหมีความสะดวกสบาย
มากย่ิงขึ้น ท้ังนี้ เพ่ือใหนักเรียนไดตระหนักถึงความสําคัญและประโยชนของ
เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถงึ การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา งปลอดภัย

T96

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

การใชง านเทคโนโลยี 1    คสาวราสมนปเลทอศดภยั ของระบบ ขนั้ นาํ
สารสนเทศตอ งคาํ นงึ ถงึ
สงิ่ ใดเปน สาํ คญั 3. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
ในปจั จบุ นั มกี ารใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง วา การใชง านเทคโนโลยีสารสนเทศตอ งคาํ นงึ
แพรห่ ลาย ดว้ ยประโยชนท์ ห่ี ลากหลายในการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ถงึ ส่ิงใดเปนสําคัญ จากน้ันใหนักเรียนชวยกนั
รวมทั้งการส่งข่าวสารถึงกันอย่างสะดวกและรวดเร็ว สิ่งท่ีผู้ใช้งานจะต้องตระหนักถึง ตอบคําถาม
คอื การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย และไม่ละเมดิ หรอื กระทา� การใด ๆ ท่จี ะ
สง่ ผลใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ บั ความเสียหาย ดงั น้ัน ผใู้ ช้งานต้องใชส้ ารสนเทศอย่างสร้างสรรค์และ ขนั้ สอน
เกดิ ประโยชน์สูงสดุ
1. ครูอธิบายเก่ียวกับความปลอดภัยของ
1.1  ความปลอดภัยของเทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศวา เปน นโยบาย ขน้ั ตอน
การปฏิบัติ และมาตรการทางเทคนิคท่ีนํามา
ความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ คอื นโยบาย ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิ และมาตรการ ใชปอ งกนั การใชง านจากบคุ คลภายนอก การ
ทางเทคนิคท่ีน�ามาใช้ป้องกันการใช้งานจากบุคคลภายนอก การเปล่ียนแปลง การขโมย หรือ เปล่ียนแปลง การขโมย หรือการทําใหเกิด
การท�าความเสียหายต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการน�าระบบรักษาความปลอด1ภัยมาใช้ ความเสียหายตอเทคโนโลยีสารสนเทศ
ร่วมกับเทคนิคและเครื่องมือต่าง ๆ ในการปกป้องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล เปนการนําระบบรักษาความปลอดภัยมาใช
ระบบเครือข่ายและการส่ือสาร มาเพื่อป้องกันภัยคุกคามต่าง ๆ ท่ีเข้ามาสู่เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมกับเทคนิคและเครื่องมือตางๆ ในการ
ภยั คกุ คามตอ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ แบง่ ออกเปน็ 4 ประเภท ดังนี้ ปกปองคอมพิวเตอร ฮารดแวร ซอฟตแวร
ขอมูล ระบบเครือขายและการส่ือสารมาเพื่อ
• ภัยคุกคามต่อฮาร์ดแวร์ เป็นภัยคุกคามท่ีท�าให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์เกิดการ ปองกนั ภยั คกุ คามตา งๆ ที่เขามาสูเทคโนโลยี
เสยี หาย เชน่ ระบบการจา่ ยไฟฟา้ เขา้ สคู่ อมพวิ เตอรม์ คี วามผดิ พลาดทา� ใหอ้ ปุ กรณฮ์ ารด์ แวรภ์ ายใน สารสนเทศ
เคร่ืองคอมพิวเตอร์เกิดการช�ารุดเสียหายและไม่สามารถใช้งานได้ การลักขโมยหรือการท�าลาย
คอมพวิ เตอร์ฮารด์ แวรโ์ ดยตรง เปน็ ต้น 2. ครสู ุมถามคาํ ถามกับนกั เรยี นวา ภัยคุกคามใด
เปนภัยท่ีทําใหเกิดความเสียหายกับขอมูล
• ภัยคุกคามตอ่ ซอฟต์แวร์ เปน็ ภยั คุกคามทที่ �าใหซ้ อฟต์แวรใ์ ชง้ านไมไ่ ด ้ หรือซอฟต์แวร์ สวนตวั จากนัน้ สุมนักเรยี นตอบคําถาม
ท�างานผิดพลาด ท�าให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องจากการท�างานของซอฟต์แวร์ รวมถึงการลบ การ
เปลย่ี นแปลง การแกไ้ ขกระบวนการทา� งานของซอฟต์แวร์ แนวตอบ คาํ ถามสาํ คัญประจาํ หัวขอ
การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศจะตองคํานึงถึง
• ภัยคุกคามต่อระบบเครือข่ายและการสื่อสาร เป็นภัยคุกคามท่ีมีผลท�าให้ระบบของ
เครือข่ายและการส่ือสารขัดข้อง ไม่สามารถใช้งานระบบเครือข่ายและการสื่อสารได้ รวมท้ัง ความปลอดภยั เปน สาํ คญั และไมล ะเมดิ หรอื กระทาํ การ
การเขา้ ถึงอุปกรณ์เครอื ข่ายเพื่อปรบั แตง่ และแกไ้ ขการทา� งานโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต ใดๆ ทีจ่ ะสงผลใหผอู ่นื ไดร ับความเสยี หาย

• ภัยคุกคามต่อข้อมูล เป็นภัยคุกคามท่ีท�าให้ข้อมูลที่เป็นส่วนตัว หรือเป็นความลับถูก
เปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปลี่ยนแปลงแก้ไข ลบ หรือน�าข้อมูลใด ๆ ไปใช้ประโยชน์โดย
ไมไ่ ดร้ บั อนุญาต หรอื ไมส่ ามารถน�าข้อมูลไปใช้งานได ้

89

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

ปนกําลังใชเคร่ืองคอมพิวเตอรในการจัดพิมพรายงาน แต 1 ซอฟตแวร คือ โปรแกรมหรือชุดคําส่ังท่ีใชสั่งงานใหคอมพิวเตอรทํางาน
คอมพิวเตอรเ กิดอาการผดิ ปกติ คือ ไมส ามารถลบ เปลยี่ นแปลง เปรียบเสมอื นตัวกลางทีน่ ําพาผใู ชง านใหเ ขา ไปถงึ ระบบตางๆ
หรอื แกไ ขขอ ความทจ่ี ดั พมิ พไ วไ ด จากเหตกุ ารณด งั กลา ว ปน กาํ ลงั
เผชญิ อยกู ับภยั คกุ คามในขอ ใด

1. ภัยคุกคามตอ ขอ มูล
2. ภัยคุกคามตอฮารดแวร
3. ภัยคุกคามตอ ซอฟตแวร
4. ภัยคุกคามตอระบบเครอื ขา ยและการสื่อสาร

(วิเคราะหค ําตอบ การลบ การเปลยี่ นแปลง หรือการแกไ ขขอ มูล
ขณะจดั พมิ พ ถอื วา เปน อาการผดิ ปกตขิ องภยั คกุ คามตอ ซอฟตแ วร
ดงั นัน้ ตอบขอ 3.)

T97

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 1.2 รปู แบบภัยคกุ คามตอระบบรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร

3. ครูอธิบายรูปแบบภัยคุกคามตอระบบรักษา ภยั คุกคามทีเ่ กดิ ขึ้นกบั ระบบรกั ษาความปลอดภยั ของคอมพิวเตอร สามารถแบงออกเปน
ความปลอดภัยทางคอมพิวเตอรวา สามารถ 5 รปู แบบ ดงั นี้
แบงออกเปน 5 รูปแบบ ดงั น้ี • ภยั คกุ คามแกระบบ เปนภัยคกุ คามจากผมู ีเจตนารายเขา มาทําการปรบั เปลยี่ น แกไ ข
1) ภัยคกุ คามแกระบบ หรือลบไฟลขอมูลสําคัญภายในระบบคอมพิวเตอร แลวสงผลใหเกิดความเสียหายตอระบบ
2) ภยั คกุ คามความเปน สว นตัว คอมพิวเตอร ทําใหคอมพิวเตอรไมสามารถใชงานได เชน แครกเกอรหรือผูที่มีความรูความ
3) ภัยคกุ คามตอ ผูใชแ ละระบบ เชย่ี วชาญเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอรท าํ การบกุ รกุ ดว ยเจตนารา ย (cracker) แอบเจาะเขา ไปในระบบเพอ่ื
4) ภัยคุกคามท่ีไมมเี ปาหมาย ลบไฟลระบบปฏิบัตกิ าร เปน ตน
5) ภยั คกุ คามทสี่ รา งความราํ คาญ • ภยั คกุ คามความเปน สว นตวั เปน ภยั คกุ คามทแี่ ครกเกอร (cracker) เขามาทําการเจาะ
จากนนั้ ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา ภยั คกุ คาม

ใดสง ผลโดยตรงตอ นกั เรยี นมากทสี่ ดุ เพราะอะไร

ขอมูลสวนบุคคล หรือติดตามรองรอยพฤติกรรมของผูใชงาน1 CinoRmeaSlcLiife
แลว สง ผลใหเ กดิ ความเสยี หายขนึ้ เชน การใชโ ปรแกรมสปายแวร
(spyware) ติดตั้งบนเคร่ืองคอมพิวเตอรของบุคคลอื่น และ
สงรายงานพฤติกรรมของผูใชผานทางระบบเครือขายหรือทาง ในขณะทเ่ี ราเขา เวบ็ ไซต o_O
อีเมลไปยังบริษัทสินคา เพื่อใชเปนขอมูลสําหรับสงโฆษณา ตา ง ๆ โปรแกรม IE (Windows
ขายสนิ คาตอไป เปน ตน Internet Explorer) จะทําการ
ดาวนโ หลด (download) ขอ มลู
• ภัยคุกคามตอผูใชและระบบ เปนภัยคุกคามที่สงผล นาํ มาเก็บไวในเคร่อื ง เมอ่ื เลกิ
เสียใหแกผูใชงานและเคร่ืองคอมพิวเตอรเปนอยางมาก เชน ใชงานไฟลตาง ๆ เหลาน้ันจะ
การล็อกเคร่ืองคอมพิวเตอรไมใหทํางาน หรือบังคับใหผูใชงาน คงคางอยูภายในเคร่ือง ซึ่งจะ
ปด เบราวเ ซอรข ณะใชงาน เปนตน สงผลกระทบใหไฟลในเครื่อง
เพิ่มมากขึ้น ทําใหเน้ือที่ใน
• ภัยคุกคามท่ีไมมีเปาหมาย เปนภัยคุกคามที่ไมมี ฮารดดิสก (harddisk) ไม
เปาหมายแนนอน เพียงตอ งการสรา งจุดสนใจ โดยไมก อ ใหเกิด เพยี งพอ
ความเสียหายข้ึน เชน สงขอความหรืออีเมลรบกวนผใู ชง านใน
ระบบหลาย ๆ คน ในลักษณะท่ีเรียกวา สแปม (spam) เปนตน นอกจากน้ี อาจมีไวรัส
แ อ บ แ ฝ ง เ ข  า ม า ใ น เ ค รื่ อ ง
• ภัยคุกคามท่ีสรางความรําคาญ โดยปราศจากความ คอมพิวเตอร ดังนั้น วิธีการ
เสียหายที่จะเกิดขนึ้ เชน โปรแกรมเปล่ยี นการตง้ั คา คณุ ลักษณะ จัดการอยางหน่ึงท่ีงายท่ีสุด
ในการทํางานของเคร่ืองคอมพิวเตอรใหตางไปจากที่เคย คือ การกําหนดใหโปรแกรม
กําหนดไว โดยไมไดร ับอนญุ าต IE ลบไฟลขยะเหลาน้ีโดย
อตั โนมตั ทิ กุ ครง้ั ทปี่ ด โปรแกรม

90

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูควรยกตัวอยางรูปแบบของภัยคุกคามตอระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อนักเรียนไดรับขอความตอไปนี้ในชองทางสนทนาผาน
ทางคอมพวิ เตอรท งั้ 5 รปู แบบ ใหน กั เรยี นไดเ หน็ วา มผี ลกระทบตอ ตนเองหรอื Facebook และ Line นกั เรยี นคดิ วา ควรปฏบิ ตั ติ นอยา งไร เดอื นนี้
คอมพวิ เตอรอ ยา งไร เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดเ ขา ใจถงึ ความแตกตา งของภยั คกุ คามที่ เปน เดอื นพเิ ศษ มี 5 ศกุ ร 5 เสาร 5 อาทติ ย 888 ปจ ะมคี รงั้ เรยี กวา
สงผลแตละรูปแบบ และตระหนักถึงความสําคัญของการใชคอมพิวเตอรอยาง ถงุ เงิน ตามตาํ ราฮวงจยุ สงตอ 5 คน จะโชคดี
ระมดั ระวงั และปลอดภยั
1. เกบ็ ไวคนเดียว ไมบ อกใคร
นักเรียนควรรู 2. รบี สงตอ ใหครบ 5 คน จะไดโชคดี
3. สงตอใหค รบ 5 คน จะไดโชคลาภ
1 สปายแวร คอื โปรแกรมทแี่ ฝงเขา มาในคอมพวิ เตอรข ณะทกี่ าํ ลงั ทาํ งานบน 4. ไมน าไววางใจ รีบปรึกษาผูปกครอง
อินเทอรเนต็ เปนโปรแกรมทถ่ี กู เขยี นขึน้ มาเพอื่ สอดสองหรอื ดักจับขอ มูลการใช
งานเครือ่ งคอมพวิ เตอร (แนวตอบ ขอ ความดงั กลาวไมเปน ความจริง และสง ตอ กนั เปน
ขอ ความลกู โซ จงึ ไมน า ไววางใจ นกั เรียนควรรบี ปรึกษาผปู กครอง
โดยเร็วที่สุด ดงั น้นั ตอบขอ 4.)

T98

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

1.3  รปู แบบภยั คกุ คามดา้ นขอ้ มูลในคอมพวิ เตอร ขน้ั สอน

• มลั แวร ์ (malware) คอื โปรแกรมทถ่ี กู สรา้ งขนึ้ มาเพอ่ื ประสงคร์ า้ ยตอ่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 4. ครูอธบิ าย เรื่อง รูปแบบภยั คกุ คามดา นขอมูล
มัลแวรจ์ ะขโมยขอ้ มลู หรอื พยายามทา� ให้เครอ่ื งทต่ี ิดต้งั ซอฟต์แวรเ์ กิดความเสียหาย ในคอมพวิ เตอร ซง่ึ จะมรี ปู แบบของภยั คกุ คาม
• ไวรัสคอมพิวเตอร์ ดงั นี้ มลั แวร
(computer virus) คือ โปรแกรม 1) เปน โปรแกรมทถ่ี กู สรา งขนึ้ มาเพอื่ ประสงค
ชนิดหนึ่งท่ีมีความสามารถในการ รา ยตอเคร่อื งคอมพิวเตอร
ส�าเนาตัวเองเข้าไปแพร่เช้ือใน 2) ไวรสั คอมพวิ เตอร เปน โปรแกรมชนดิ หนง่ึ ท่ี
เคร่ืองคอมพิวเตอร์เพื่อท�าลาย มีความสามารถในการสําเนาตัวเองเขาไป
ขอ้ มูล และยังสามารถแพรร่ ะบาด แพรเ ชอ้ื ในเครอ่ื งคอมพิวเตอร
เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อ่ืน ๆ 3) หนอนคอมพวิ เตอร เปน โปรแกรมทถ่ี กู สรา ง
ได้ดว้ ย ขึ้นแลวสามารถแพรกระจายผานระบบ
• หนอนคอมพิวเตอร์ ภาพท ่ี 4.1 เน็ตเวิรกหรืออินเทอรเน็ต ผานชองโหว
▲ ภ ัยคกุ คามอาจแทรกซึมเขา้ มาในโปรแกรมทดี่ าวน์โหลดจาก ของระบบปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื สรา งความเสยี หาย
(computer worm) คอื โปรแกรมที่ แอปพลิเคชนั สโตร์ 4) มาโทรจันเปนโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ถูก
ถกู สรา้ งขน้ึ แลว้ แพรก่ ระจายผา่ นระบบเนต็ เวริ ก์ หรอื อนิ เทอรเ์ นต็ ผา่ นชอ่ งโหวข่ องระบบปฏบิ ตั กิ าร บรรจุเขาไปในคอมพิวเตอรเพ่ือเก็บขอมูล
เพ่อื สร้างความเสียหาย ลบไฟล ์ สรา้ งไฟล์ หรือขโมยขอ้ มูล โดยส่วนใหญแ่ ลว้ หนอนคอมพิวเตอร์ หรือทําลายขอมูลของคอมพิวเตอรเครื่อง
จะแพรก่ ระจายผา่ นการสง่ อเี มลทแี่ นบไฟลซ์ งึ่ มหี นอนคอมพวิ เตอรอ์ ยไู่ ปยงั ชอ่ื ผตู้ ดิ ตอ่ ของเครอื่ งท่ี นัน้
โดนติดตัง้ 5) สปายแวร เปนโปรแกรมท่ีฝงตัวอยูใน
• ม้าโทรจัน (trojan horse) คอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทถี่ ูกบรรจุเขา้ ไปในคอมพิวเตอร ์ คอมพิวเตอรสามารถเขาถึงขอมูลของ
เพ่อื เกบ็ ขอ้ มูลหรอื ท�าลายข้อมูลของคอมพิวเตอรเ์ ครื่องน้ัน เชน่ ขอ้ มลู ช่อื ผใู้ ช้ รหสั ผ่าน เลขท่ี ผูใชงานโดยท่ีเจาของเครื่องคอมพิวเตอร
บัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมลู ส่วนบุคคลอื่น ๆ ไมส ามารถทราบไดว า มกี ารดกั ดขู อ มลู การ
• สปายแวร์ (spyware) คือ โปรแกรมที่ฝังตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์ท�าให้ทราบข้อมูลของ ใชง านอยู
ผู้ใชง้ าน โดยที่เจ้าของเคร่อื งคอมพวิ เตอรน์ ้นั ไม่สามารถทราบได้วา่ มีการดักดูขอ้ มลู การใช้งานอยู่
และสปายแวร์บางตวั สามารถบันทึกประวตั ิการเขา้ ใช้งานคอมพวิ เตอร์ของผู้ใชง้ านได้
Com Sci
Focus social media

social media หมายถึง สังคมออนไลน์ท่ีมีผู้ใช้เป็นผู้ส่ือสาร หรือเขียนเล่าเน้ือหา
ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนข้ึนเองหรือพบเจอจากส่ือต่าง ๆ
แลว้ แบง่ ปนั ใหก้ ับผู้อน่ื ท่อี ยใู่ นเครอื ขา่ ยของตนผา่ นทางส่อื สังคมออนไลน ์ เช่น facebook
line twitter เปน็ ตน้

91

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ไวรัสในขอใดเปรียบเสมือนเปดประตูตอนรับแฮ็กเกอรเขามา ครูควรยกตัวอยางผลกระทบของภัยคุกคามดานขอมูลในคอมพิวเตอร
ใชงานเครอ่ื งคอมพิวเตอร สญั ญาณเตอื นของภยั คกุ คามแตล ะรปู แบบใหน กั เรยี นไดเ หน็ วา ภยั คกุ คามสง ผล
ตอ เครอ่ื งคอมพวิ เตอรอ ยา งไร ควรระมดั ระวงั อยา งไร และรบั มอื อยา งไร เมอื่ พบ
1. อีเมลสแปม (Spam) ภยั คกุ คามดา นขอ มลู ในคอมพวิ เตอร และใหน กั เรยี นตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ของ
2. สปายแวร (Spyware) การใชคอมพิวเตอรอ ยา งถกู วิธแี ละปลอดภัย
3. มา โทรจัน (Trojan Horse)
4. มาโครไวรัส (Macro Virus)

(วเิ คราะหค าํ ตอบ สปายเเวรเปนโปรแกรมท่ีฝงตัวอยูใน
คอมพิวเตอรทําใหทราบขอมูลของผูใชงาน โดยเจาของเคร่ืองไม
สามารถทราบไดวามีการดักดูขอมูลการใชงานอยู ดังน้ัน ตอบ
ขอ 2.)

T99

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 1.4  แนวโนม้ ของภยั คกุ คามในอนาคต

5. ครูอธิบายแนวโนมของภัยคุกคามในอนาคต แนวโนม้ ภยั คกุ คามในอนาคตอาจมาในรปู แบบของการแทรกซมึ เขา้ ไปในโปรแกรมประยกุ ต ์
วา ภัยคกุ คามท่ีเปน อนั ตรายในชว งท่ผี านมา ทผ่ี ใู้ ชง้ านไดท้ า� การดาวนโ์ หลดจากแอปพลเิ คชนั สโตรข์ องผใู้ หบ้ รกิ าร โดยเฉพาะโปรแกรมในกลมุ่
มีหลายประเภท โดยเฉพาะอยางย่ิงตาม ของสอื่ สงั คมออนไลน ์ เนอ่ื งจากอปุ กรณพ์ กพารวมถงึ โปรแกรมในกลมุ่ ของสงั คมออนไลนน์ นั้ ตอ้ งมี
สงั คมออนไลน ซงึ่ สวนใหญจ ะมาในรูปแบบ การเขา้ สรู่ ะบบการทา� งานบนอนิ เทอรเ์ นต็ ตลอดเวลา ซงึ่ อาจจะมกี ารลกั ลอบขโมยขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ได้
ของขอมูลหรือสารสนเทศ เชน ขอมูล และหากสามารถเข้าไปในข้อมูลท่ีเก็บไว้ในอุปกรณ์ ก็อาจเชื่อมโยงไปถึงการค้นหาพิกัดสถานท่ี
ปลอม สงครามขาวสาร โฆษณาชวนเชื่อ จนท�าใหเ้ กดิ อันตรายกับตัวผู้ใชง้ านได้
การลางสมอง ซ่ึงการรูเทาทันส่ือจึงเปนสิ่ง ภัยคุกคามท่ีเป็นอันตรายในช่วงท่ีผ่านมามีหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างย่ิงตามสังคม
จําเปนที่มนุษยในสังคมจะตระหนักและมี ออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของข้อมูลหรือสารสนเทศ เช่น ข้อมูลปลอม (False
วจิ ารณญาณในการตัดสินใจ Information) สงครามข่าวสาร (Information Warfare) โฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) และ
การล้างสมอง (Brain washing) เป็นตน้ การรู้เทา่ ทันสอื่ จึงเปน็ ส่ิงจ�าเป็นทีม่ นุษยใ์ นสงั คมจะต้อง
ตระหนกั และมีวจิ ารณญาณในการตดั สนิ ใจ เพราะตัวเราลอ้ มรอบไปดว้ ยสื่อ และส่ือกม็ อี ิทธพิ ลตอ่
ความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เมื่ออินเทอร์เนต็ เปน็ เคร่อื งมือในการเขา้ ถึง
และแพร่กระจายเนือ้ หาส่อื อยา่ งกวา้ งขวางและรวดเร็ว

1.5  การป้องกนั และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย

ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร หรือ ICT (Information and
Communication Technology) ไดพ้ ฒั นาไปอยา่ งรวดเรว็ ครอบคลมุ เกอื บทกุ พน้ื ทท่ี วั่ โลก เชอื่ มโยง
ผ้ใู ช้งานในทุกเพศทุกวัยเข้าด้วยกนั โดยสือ่ ICT คอื ส่ือท่ีใชเ้ ทคโนโลยีในการจดั การสารสนเทศ
ในการส่ือสาร ถ่ายทอดข้อมลู ความรตู้ ่าง ๆ จากผู้สง่ สารไปยงั ผู้รบั สาร ทา� ใหก้ ารเคล่ือนย้ายและ
สง่ ผ่านขา่ วสารขอ้ มูลจากท่ีหนึง่ ไปยังอีกท่ีหน่ึงทา� ไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็ว ราคาประหยดั สามารถ
ส่งขอ้ มูลได้หลากหลายรูปแบบ และทา� ได้ด้วยเวลาอันสนั้ เพียงเสีย้ ววนิ าที
ในโลกของอนิ เทอร์เน็ต ผู้ใช้ทกุ คนสามารถเปน็ ผูส้ ร้างเน้ือหาขอ้ มูล เปน็ ผูเ้ ผยแพร่ข้อมูล
ในขณะเดยี วกนั กเ็ ปน็ ผู้รบั ขอ้ มลู เป็นผอู้ า่ นข้อมลู เปน็ ผูแ้ สดงความคิดเหน็ ยกตวั อยา่ งเชน่ เม่อื
ต้งั กระทู้แล้วมีคนมาตอบ เปน็ ต้น อนิ เทอร์เนต็ จึงเอือ้ ใหเ้ กิดการส่งผา่ นขอ้ มลู ความรู้ ความคดิ
ขอ้ มูลทั้งดา้ นบวกและดา้ นลบอยา่ งรวดเรว็
ดงั น้นั การรเู้ ท่าทนั สอ่ื คอื ความสามารถปอ้ งกนั ตนเองจากการถกู จงู ใจจากเน้อื หาของสอ่ื
การสามารถวเิ คราะหเ์ นอื้ หาของสอื่ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ เพอ่ื ใหส้ ามารถควบคมุ การตคี วามเนอ้ื หา
ของสอ่ื ทีม่ ีปฏสิ มั พันธ์ดว้ ย นน่ั คอื การที่เราไม่หลงเชือ่ เน้ือหาท่ไี ด้อา่ น ไดย้ นิ ได้ฟงั แตส่ ามารถ
คิด วิเคราะห ์ แยกแยะ และรู้จกั ตั้งค�าถาม

92

ส่ือ Digital ขอ สอบเนน การคดิ

ครูใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแนวโนมของภัยคุกคามใน การกระทาํ ใดเปนการใชอนิ เทอรเ น็ตไดอยางเหมาะสม
อนาคตจากคลปิ วดิ โี อใน YouTube เรือ่ ง แนวโนม ภยั คกุ คามทางคอมพวิ เตอร 1. ไมค วรใชอ ินเทอรเน็ตทกุ วัน
2019 ตามลงิ กท แ่ี นบมา https://www.youtube.com/watch?v=-LNKvbw5EDk 2. ไมใชอนิ เทอรเ น็ตเพือ่ ทํารายผูอ ่ืน
3. ใชอินเทอรเนต็ เพอ่ื ความบนั เทงิ เทานน้ั
4. ใชอ นิ เทอรเ นต็ เพอื่ ผลประโยชนทางธุรกิจเทาน้ัน

(แนวตอบ การใชง านอนิ เทอรเ นต็ นอกจากจะใชอ ยา งระมดั ระวงั
แลว ควรใชอ นิ เทอรเ นต็ ใหเ หมาะสม โดยจะตอ งไมใ ชอ นิ เทอรเ นต็
เพื่อทํารายผูอืน่ ดงั น้ัน ตอบขอ 2.)

T100

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เนอ่ื งจากเราทา� หลายอยา่ งบนอนิ เทอรเ์ น็ต ไมว่ า่ จะเป็นการสบื คน้ ข้อมลู การอา่ นข่าวสาร ขนั้ สอน
การเขียนแสดงความคดิ เหน็ การพูดคุยสนทนา การเรียกดูและเผยแพรร่ ปู ภาพ คลปิ วิดีโอต่าง ๆ
ซึ่งหมายความวา่ สือ่ อนิ เทอร์เน็ตเปดิ โอกาสใหเ้ ราเปน็ ทง้ั ผรู้ ับสารและผู้สง่ สาร เปน็ ทง้ั ผู้อา่ นและ 6. ครูอธิบายวิธีการปองกันและการใชเทคโนโลยี
ผู้เขยี น จงึ ต้องเพ่มิ ความระมดั ระวงั ไมใ่ ห้สิง่ ทีไ่ ดอ้ ่านได้สัมผสั มามีอทิ ธิพลตอ่ ความคดิ ความเช่ือ สารสนเทศใหปลอดภัยจากภัยคุกคามตางๆ
หรอื พฤติกรรมของเรา ในขณะเดยี วกนั เราต้องไมจ่ งใจเขียนหรอื เผยแพรข่ ้อมูลขา่ วสารทีจ่ ะทา� ให้ จากน้ันครูใหนักเรียนยกตัวอยางวิธีการ
ผอู้ น่ื ตกเปน็ เหย่ือโดยรไู้ มเ่ ท่าทัน ปอ งกนั ภยั คกุ คามตา งๆ จากการใชเ ทคโนโลยี
วธิ กี ารปอ้ งกนั และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศใหป้ ลอดภยั จากภยั คกุ คามตา่ ง ๆ มหี ลายวธิ ี สารสนเทศ เชน หมั่นตรวจสอบและอัปเดต
ดังนี้ ระบบปฏิบัติการใหเปนเวอรชันปจจุบันและ
ควรใชระบบปฏิบัติการและซอฟตแวรท่ีถูก
ลขิ สทิ ธ์ิ ตดิ ตงั้ โปรแกรมปอ งกนั ไวรสั และมกี าร
อปั เดตโปรแกรมปองกันไวรสั ฐานขอ มลู ไวรัส
สม่ําเสมอ

หมน่ั ตรวจสอบ สงั เกตขณะเปดิ เคร่อื งวา่
และอัปเดตระบบปฏบิ ัติการ มีโปรแกรมไมพ่ ึงประสงค์ท�างาน
ขนึ้ มาพรอ้ มกับการเปิดเครื่อง
ให้เป็นเวอร์ชันปจั จบุ นั หรอื ไม่ โดยสงั เกตระยะเวลา
และควรใช้ระบบปฏิบัตกิ าร
และซอฟต์แวรท์ ี่ถูกลขิ สิทธิ์ ในการบูตเคร่อื งวา่ นาน
ไม่เปดิ เผยข้อมลู ส่วนตัว ผดิ ปกตหิ รอื ไม่
ผา่ นสอ่ื สงั คมออนไลน์ ติดต้ังโปรแกรมป้องกันไวรสั
เช่น เลขทบ่ี ัตรประชาชน และมกี ารอัปเดตโปรแกรม
ประวัติการท�างาน ปอ้ งกนั ไวรสั และฐานขอ้ มูล
เบอรโ์ ทรศัพท์ ไวรัสสม�่าเสมอ
หมายเลขบตั รเครดติ

ควรแบค็ อัปขอ้ มูลไวใ้ น ตอ้ ง login เขา้ ใช้งาน
อปุ กรณห์ น่วยความจา� อ่ืน ทกุ ครั้ง และเม่อื ไมไ่ ด้
นอกเหนอื จากฮารด์ ดิสก์ อย่หู น้าจอคอมพวิ เตอร์
ควรลอ็ กหน้าจอใหอ้ ยูใ่ น
เช่น flash drive สถานะทต่ี อ้ งใส่ค่า
DVD เป็นตน้
login ใช้งาน
ไม่ควรเข้าเว็บไซต์เส่ยี งภัย ติดตั้งไฟร์วอลล์ เพอื่ ทา�
เช่น เวบ็ ไซตล์ ามกอนาจาร หน้าทเี่ หมือนเปน็ ก�าแพงในการ
เวบ็ ไซตก์ ารพนัน เวบ็ ไซต์ ปอ้ งกนั คนทไี่ มไ่ ดร้ ับอนญุ าตไมใ่ ห้
แบบแนบไฟล์ .exe เว็บไซตท์ มี่ ี เขา้ มาใชง้ านเครอื่ งคอมพวิ เตอร์หรอื
pop-up หลายเพจ เวบ็ ไซต์ ระบบเครอื ข่าย ซ่ึงชว่ ยป้องกนั
การบุกรุกของแฮกเกอร์
ท่ีมีลงิ กไ์ มต่ รงกบั ช่อื และแครกเกอร์

93

กจิ กรรม ทา ทาย สื่อ Digital

ครูมอบหมายใหนักเรียนคัดเลือกวิธีการปองกันและการใช ครูใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับวิธีการปองกันภัยคุกคามทาง
เทคโนโลยีสารสนเทศใหปลอดภยั จากภัยคกุ คามตางๆ มาคนละ คอมพิวเตอรจากคลิปวิดีโอใน YouTube เรื่อง แนวทางและวิธีปองกันภัย
1 วิธี จากนั้นใหนักเรียนสืบคนขอมูลตางๆ ที่เกี่ยวของ พรอม คุกคามทางคอมพิวเตอร ตามลิงกท่ีแนบมา https://www.youtube.com/
ถายทอดขอมูลออกมาใหนาสนใจในรูปแบบภาพ Infographic watch?v=9ln_zUOjkBc
จํานวน 1 หนา โดยครคู อยใหคาํ แนะนาํ นักเรยี นอยา งใกลช ิด และ
สมุ นักเรียนออกมานาํ เสนอหนาชน้ั เรียน

T101

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 1.6  แนวโนม้ ระบบรักษาความปลอดภยั เทคโนโลยสี ารสนเทศในอนาคต

7. ครอู ธบิ ายแนวโนม ระบบรกั ษาความปลอดภยั เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันมีการพัฒนาและเกิดความเปล่ียนแปลงขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตกับนักเรียน ดงั นัน้ ระบบรักษาความปลอดภยั เทคโนโลยสี ารสนเทศจงึ มคี วามจ�าเปน็ และควรได้รบั การพฒั นา
วา สามารถจําแนกรูปแบบได ดังนี้ ระบบ อย่างต่อเนื่องตามไปด้วย ระบบรักษาความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถจ�าแนก
รกั ษาความปลอดภยั สาํ หรบั เครอ่ื งผใู ช ระบบ รปู แบบได้ ดังนี้
ปอ งกนั การโจรกรรมขอ มลู ระบบการเขา รหสั 1. ระบบรักษาความปลอดภัยส�าหรับเครื่องผู้ใช้ ระบบท่ีมีไว้เพ่ือป้องกันภัยคุกคามจาก
ขอมูล ระบบปองกันการเจาะขอมูล ระบบ ผทู้ ป่ี ระสงคร์ า้ ยตอ่ ขอ้ มลู สว่ นบคุ คลทเี่ ปน็ ความลบั รวมไปถงึ ขอ้ มลู ในเครอ่ื งคอมพวิ เตอรส์ ว่ นบคุ คล
ปองกันแฟมขอมูลสวนบุคคล ระบบรักษา จากผู้ที่ต้องการคุกคามผู้ใช้คอมพิวเตอร์บน
ความปลอดภัยสําหรับเครือขาย และระบบ โลกอนิ เทอรเ์ น็ต
ปองกันไวรัส จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมา
สรปุ วาแตล ะระบบมีลักษณะอยางไรบา ง

2. ระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูล
แม้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยอ�านวย
ความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน แต่ก็อาจมีช่องโหว่
ท่ีก่อให้เกิดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล
เพ่ือน�าไปท�าธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ
ดังน้ัน ระบบป้องการโจรกรรมข้อมูลจึงมี ภาพที่ 4.2 โปรแกรมปอ้ งกันไวรสั
ความจ�าเป็นอยา่ งมากในอนาคต
3. ระบบการเข้ารหสั ขอ้ มลู การเข้ารหัสขอ้ มูลมีจุดประสงคเ์ พื่อรกั ษาความลบั ของข้อมลู
ข้อมูลน้ันจะถูกเปิดอ่านโดยบุคคลท่ีได้รับอนุญาตเท่านั้น หลักการของการเข้ารหัสข้อมูล คือ
แปลงขอ้ มลู (encrypt) ใหอ้ ยใู่ นรปู ของขอ้ มลู ทไี่ มส่ ามารถอา่ นไดโ้ ดยตรง โดยขอ้ มลู จะถกู ถอดกลบั
ด้วยกระบวนการถอดรหสั
4. ระบบป้องกันการเจาะข้อมูล เป็นการป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ (hacker) โดย1

แฮกเกอรจ์ ะหาจุดอ่อนหรือชอ่ งโหวข่ องระบบ จากน้ันจะทา� การเจาะเข้ามาใน server และเขา้ มา
ท�าความเสียหายใหก้ บั ขอ้ มลู แลว้ ท�าการเรียกคา่ ไถ่ (hijacking) เพือ่ ให้ขอ้ มลู กลับมาเป็นปกติ
5. ระบบปอ้ งกันแฟม้ ขอ้ มูลสว่ นบุคคล การคมุ้ ครองและเกบ็ รกั ษาข้อมูลส่วนบคุ คลไวเ้ ป็น
ความลับโดยทา� การเก็บภายในแฟม้ ข้อมลู สว่ นบุคคล เพอ่ื ป้องกันขอ้ มูลจากผูไ้ ม่ประสงค์ดี
6. ระบบรักษาความปลอดภัยส�าหรับเครือข่าย เม่ือต้องการรักษาคอมพิวเตอร์บน
เครือข่ายให้ปลอดภัย ควรเปิดการปรับปรุงอัตโนมัติบนคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ือง เช่น วินโดวส์
(windows) สามารถติดต้งั การปรับปรุงทสี่ �าคญั ได้โดยอัตโนมัติ
7. ระบบป้องกันไวรัส เป็นโปรแกรมท่ีสร้างขึ้นเพ่ือคอยตรวจจับ ป้องกัน และก�าจัด
โปรแกรมคกุ คามทางคอมพิวเตอร์หรือซอฟตแ์ วร์คกุ คามประเภทอน่ื ๆ

94

นักเรียนควรรู กิจกรรม 21st Century Skills

1 แฮกเกอร คือ ผูท่ีพยายามหาวิธีการหรือหาชองโหวของระบบ เพ่ือแอบ 1. ใหน ักเรยี นแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลมุ ละ 4-5 คน
ลักลอบเขาสูระบบ เพื่อลวงความลับหรือแอบดูขอมูลขาวสาร บางคร้ังมีการ 2. นักเรียนแตละกลุมคัดเลือกระบบรักษาความปลอดภัยของ
ทําลายขอมูลขาวสารหรือทําความเสียหายใหกับองคกร เชน การลบรายชื่อ
ลกู หนี้การคา การลบรายชอื่ ผูใ ชงานในระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ กลุมละ 1 รูปแบบ
3. นกั เรยี นรวมกันวางแผนและวิเคราะหห าแนวทางในการพัฒนา
ความรูเสริม
ระบบรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ โดย
ปญ ญาประดษิ ฐ (Artificial Intelligence) เปน การพฒั นาระบบคอมพวิ เตอรใ ห สามารถสืบคนขอ มลู เพิม่ เติมจากทางอนิ เทอรเน็ต
มคี วามสามารถในการตอบสนองกบั ความตอ งการของมนษุ ยไ ด ใหม พี ฤตกิ รรม 4. นักเรียนแตละกลุมสรางงานนําเสนอตามรูปแบบที่นักเรียน
เลียนแบบมนุษย มีความเขาใจภาษามนุษย รับรูไดและตอบสนองดวยการ คดิ วานาสนใจอยา งอิสระ
แสดงออกทางพฤตกิ รรมและภาษามนุษย 5. นกั เรียนแตล ะกลุม นําเสนอขอมูลหนา ชั้นเรยี น
6. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั
T102 ระบบรักษาความปลอดภัยเทคโนโลยสี ารสนเทศ

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

1.7 ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศในดา้ นความม่ันคงของประเทศ ขน้ั สอน

ความก้าวหน้าด้านสารสนเทศและการส่ือสารในโลกท่ีเปล่ียนไปอย่างรวดเร็ว โดยอ�านาจ 8. ครูอธิบายเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบ
ด้านสารสนเทศและส่อื (Information and Media) ได้เปลย่ี นผา่ นจากภาครฐั ไปสภู่ าคเอกชนและ สารสนเทศในดานความม่ันคงของประเทศ
ประชาชน สารสนเทศและสอ่ื มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความคดิ เหน็ ความเชอื่ และการตอบสนองของประชาชน ซึ่งความกาวหนาดานสารสนเทศและการ
ในระดบั ชาตแิ ละระดบั นานาชาตอิ ยา่ งกวา้ งขวาง เนอื่ งจากการเชอ่ื มตอ่ ขอ้ มลู โดยสมบรู ณจ์ นทา� ให้ สอ่ื สารในโลกทเี่ ปลยี่ นไปอยา งรวดเรว็ จากนนั้
การกระจายตัวของข่าวสารมีความรวดเร็วแบบ Real time ท�าให้อินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลต่อการ ครอู ธิบายคาํ วา แฮก็ เกอร ใหน กั เรียนฟง วา
ตดั สนิ ใจในระดบั ชาต ิ จงึ ทา� ใหม้ ติ ขิ องความมนั่ คงเปลยี่ นแปลงไปอยา่ งมาก โดยทางดา้ นเทคโนโลยี เปนผูเชี่ยวชาญที่มีความรูในการถอดรหัส
จะมกี ลมุ่ คนทม่ี ีบทบาทเกยี่ วกบั การโจรกรรมข้อมลู ซึง่ ได้แก ่ แฮกเกอร ์ (Hacker) และแครกเกอร ์ หรือเจาะรหัสได ตองการทดลองความ
(Cracker) สามารถของตนเอง บางคนอาจไมไ ดป ระสงค
แฮกเกอร ์ (Hacker) ผูเ้ ชีย่ วชาญที่มีความ รา ย สว นแครก็ เกอรเ ปน ผเู ชย่ี วชาญทมี่ คี วาม
รู้ในการถอดรหัสหรือเจาะรหัสได้ มีวัตถุประสงค์ รูในการถอดและเจาะรหัสได และทําเพ่ือ
เพอ่ื ทดสอบความสามารถของตัวเอง เป็นกลุม่ คน ขโมยหรือทําลายขอมูลของคนอื่นโดยผิด
ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์ กฎหมาย
และเครือข่ายเป็นอย่างดี มักอาศัยช่องโหว่ของ
เทคโนโลยีลักลอบดูข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับ
อนญุ าต มกั เปน็ คนทช่ี อบเสาะแสวงหาความรใู้ หม ่ ๆ ภาพท่ ี 4.3 HACKED
อยูเ่ สมอ และมคี วามอยากรอู้ ยากเห็น หรือมคี วามต้องการเกนิ กวา่ ผู้ใช้งานปกตธิ รรมดาทใี่ ชง้ าน
เพยี งเพื่อความจ�าเป็นเทา่ นน้ั บางคนไม่ได้ประสงคร์ ้ายอาจเข้าไปตรวจสอบจุดบกพร่อง แลว้ แจ้ง
ใหเ้ จา้ ของหรือผูด้ ูแลระบบทราบจดุ บกพร่องของตนเอง
แครกเกอร์ (Cracker) ผ้เู ชยี่ วชาญทีม่ คี วามรูใ้ นการถอดและเจาะรหสั ได้ แต่มีวัตถุประสงค์
เพื่อบุกรุกระบบเพื่อขโมยข้อมูลหรือท�าลายข้อมูล
ของคนอ่ืนโดยผิดกฎหมาย มีความหมายอย่าง
เดียวกันกับแฮกเกอร์ (Hacker) แต่ต่างกันตรงที่
วัตถุประสงค์ในการกระท�า โดยจุดมุ่งหมายของ
แครกเกอร ์ (Cracker) คอื บกุ รกุ ระบบคอมพวิ เตอร์
คนอื่นเพ่ือท�าลายหรือเอาข้อมูลไปใช้ส่วนตัว โดย
ทั่วไปแล้วมักเข้าใจกันว่าเป็นพวกเดียวกันนั่นเอง ภาพท่ ี 4.4 การโจรกรรมขอ้ มูล
คือ มองวา่ มีเจตนาไมด่ ที ัง้ ค ู่ แต่ในปัจจุบนั คา� ว่า Cracker กับ Hacker มกั เรียกรวมทั้งสองค�าวา่
เปน็ “Hacker” จงึ เกดิ ค�าเรยี กใหม่วา่ Black hat Hacker กบั White hat Hacker ซ่ึง Black hat
Hacker จะใช้แทน Cracker และ White hat Hacker จะใชแ้ ทน Hacker

95

ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม

รานคาใดไมม ีสินคา ผดิ กฎหมายจาํ หนา ย วธิ กี ารทแ่ี ฮกเกอรแ ละแครกเกอรใ ชใ นการเจาะรหสั หรอื เขา ไปกอ กวนระบบ
1. รา นคา A ขายสินคา ลขิ สิทธ์ทิ ัง้ ของแทแ ละของปลอม มหี ลากหลายวธิ ี แตว ธิ กี ารทแ่ี ฮกเกอรแ ละแครกเกอรน ยิ มมากทส่ี ดุ ไดแ ก
2. รา นคา B ขายสนิ คา ลขิ สิทธท์ิ ัง้ ของแทม อื หน่งึ และมอื สอง
3. รานคา C ขายสินคาลิขสิทธิ์ของแทม ือสองและของปลอม 1. การถอดรหัสผานของผูใชงาน โดยฝงโปรแกรมเล็กๆ ที่ซอนอยูใน
4. รานคา D ขายสินคา ลขิ สิทธิข์ องแทแบบหนภี าษีเพ่ือนาํ มา เครอื ขา ย เมอื่ ผใู ชม ีการเขาใชง าน โปรแกรมนน้ั จะดกั จบั ขอมลู แลว นําไปเกบ็ ไว
ขายราคาถกู ในแฟม ขอมูลลบั

(วเิ คราะหค าํ ตอบ สินคาของปลอมและของแทแบบหนีภาษีถือ 2. การลักลอบเขาสูระบบคอมพิวเตอรโดยใชระยะทางไกล เร่ิมจากการ
เปนสินคาท่ีผิดกฎหมาย รานคา B ขายสินคาลิขสิทธิ์ท้ังของแท ลักลอบเขาเครื่องคอมพิวเตอรท่ีเขาถึงไดงาย แลวหาขอมูลเพื่อทําลายระบบ
มือหน่ึงและมือสอง จึงไมมีสินคาผิดกฎหมายจําหนาย ดังน้ัน รักษาความปลอดภัยข้ันสูงสุด เม่ือไดขอมูลท่ีตองการแลวจะทํารองรอยไวเพ่ือ
ตอบขอ 2) เปน ทางกลบั ลบั ๆ

3. การเจาะขอมูลภายในเว็บไซตผานขอบกพรองตางๆ ภายในเว็บไซต
เน่ืองจากเจา ของเวบ็ ไซตมักจะมรี ะบบรักษาความปลอดภยั ที่ไมด ีพอ ทาํ ใหเ กดิ
ชอ งวาง ดงั น้นั ผูบกุ รกุ สามารถเขาถึงขอ มูลในเวบ็ ไซตไดงา ย

T103

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน วธิ กี ารป้องกันการถกู โจรกรรมข้อมลู
1. อ ปั เดตระบบปฏิบตั ิการและโปรแกรมต่าง ๆ โดยเฉพาะโปรแกรม Antivirus ทใี่ ช้งาน
9. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวิธีการปองกันการ อยา่ งสมา่� เสมอ ไม่ว่าจะเปน็ วนิ โดวส์หรือระบบปฏิบตั กิ ารตวั อ่นื ๆ เพ่อื ไมใ่ หเ้ กดิ ช่อง
ถกู โจรกรรมขอ มูลมาคนละ 1 ตวั อยา ง จาก โหว่ท่ีอาจจะเอ้ือใหแ้ ฮกเกอร์ (Hacker) สามารถเจาะระบบเข้ามาได้
นั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เร่ือง 2. ถ งึ จะมโี ปรแกรม Antivirus อยแู่ ลว้ แตบ่ างครงั้ กอ็ าจจะมไี วรสั บางตวั ทห่ี ลดุ รอดเขา้ มา
ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ โดยครู ได ้ วธิ กี ารทด่ี ที สี่ ุด คือ ควรสแกนอุปกรณ์เกบ็ ข้อมลู ทกุ ครง้ั ไม่วา่ จะเป็นในการ์ดหนว่ ย
ถามคําถามกระตุนความคิดกับนักเรียนวา ความจา� หรอื อปุ กรณเ์ กบ็ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เชน่ Flash Drive กอ่ นนา� มาใชง้ านเพอ่ื ปอ้ งกนั
ภัยคุกคามตอเทคโนโลยีสารสนเทศแบงเปน ไวรัสเข้ามาท�าลายระบบของเครอื่ งคอมพิวเตอร์
กีป่ ระเภท อะไรบาง 3. ต ิดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Firewall) เพื่อป้องกัน
การโจมตีจากแฮกเกอร์ (Hacker) และเป็นการป้องกันการรับ-ส่งข้อมูลที่ไม่ต้องการ
10. ครูใหนักเรียนชวยกันต้ังคําถามจากเรื่อง ท้งั จากโปรแกรมสปายแวร์ หรือโปรแกรมอืน่ ๆ ทอี่ าจจะเปน็ การเปิดชอ่ งโหว่ในการ
ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ลงบน โจมตีได้อกี
กระดาน จากนัน้ ครสู ุมเพอื่ นในชน้ั เรียนออก 4. ระมดั ระวงั การเล่นอนิ เทอรเ์ น็ตเพ่มิ มากขน้ึ โดยเฉพาะเวบ็ ไซตด์ ูภาพยนตร ์ ฟงั เพลง
มาตอบคําถาม ถ้าเข้าไปอาจจะตดิ ไวรสั หรือโดนโจรกรรมข้อมูลโดยไมร่ ้ตู วั เลยดว้ ยซ�้า
5. ฝ ึกตนเองให้เปน็ คนรอบคอบและจ�าใหข้ ้นึ ใจว่า ปลอดภยั ไว้กอ่ น การใหข้ อ้ มลู สว่ นตัว
ทส่ี �าคัญบางอย่างผ่านระบบอินเทอรเ์ นต็ ต้องท�าอย่างระมัดระวัง มอี ีกวธิ ีการที่จะชว่ ย
เพมิ่ ความมน่ั ใจไดม้ ากขน้ึ ตวั อยา่ งเชน่ การเขา้ รหสั ขอ้ มลู กอ่ นสง่ หรอื กรอกขอ้ มลู ใน
เว็บไซตท์ เี่ ช่อื ถอื ได้และมีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเท่านนั้
6. ต ิดตามข่าวสารอยู่เสมอเพื่อท่ีจะได้ระมัดระวัง และหาทางป้องกันภัยท่ีอาจจะเกิดข้ึน
กับตนเองตลอดเวลา
7. จ ัดการสภาพแวดล้อมทางอินเทอร์เน็ตใหเ้ ป็นระบบปดิ มากทสี่ ดุ
8. เปลี่ยนแนวทางการตงั้ รหัสผา่ นในการเขา้ ถงึ ระบบตา่ ง ๆ ทั้งองค์กรให้มคี วามแข็งแรง
มากขน้ึ โดยจดุ ประสงค ์ คอื การทา� ใหร้ หสั ผา่ นสามารถคาดเดาไดย้ าก ควรตง้ั รหสั ผา่ น
เพื่อใหเ้ กดิ ความปลอดภัย ดังนี้
- ควรตั้งรหสั ผา่ นให้มีความยาว 8 ตวั ขนึ้ ไป
- มกี ารผสมตัวอักษรท้ังพมิ พ์ใหญ่ และพมิ พเ์ ลก็
- มีการผสมตัวอกั ษรกับตัวเลข
- ใช้อกั ขระพเิ ศษในตัวอักษร

96

สื่อ Digital กิจกรรม สรางเสริม

ครูใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับไฟรวอลลจากคลิปวิดีโอใน ใหนักเรียนสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตเกี่ยวกับขาวการ
YouTube เรอ่ื ง ไฟรว อลลคืออะไร ตามลงิ กทแี่ นบมา https://www.youtube. โจรกรรมขอมูล แลวคัดเลือกประเด็นขาวที่นาสนใจข้ึนมาคนละ
com/watch?v=kDEX1HXybrU 1 ขาว แลวทําการวิเคราะหสาเหตุของการถูกโจรกรรมและวิธี
การปอ งกนั การถกู โจรกรรม พรอ มนาํ เสนอตามรปู แบบทนี่ กั เรยี น
คิดวานาสนใจอยางอิสระ โดยครูคอยใหคําแนะนําเพ่ิมเติมตาม
ความเหมาะสม

T104

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

Creative Commons 2   ส จรายิรสธนรรเทมศในการใช้เทคโนโลยี ขนั้ สอน
เกี่ยวของกับจริยธรรม
ในการใชเทคโนโลยี จริยธรรม คือ หลักประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง 11. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ กบั นกั เรยี น
หรือไม อยางไร เหมาะสมกบั การทา� หนา้ ทข่ี องบคุ คล เพอื่ ใชเ้ ปน็ แนวทาง วา Creative Commons เกี่ยวของกับ
จรยิ ธรรมในการใชเ ทคโนโลยหี รอื ไม อยา งไร
ในการปฏิบัติตนอย่างสมบูรณ์และสอดคล้องกับมาตรฐานท่ีดีงามอันเป็นท่ียอมรับของ จากนนั้ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบคาํ ถาม
สังคม
12. ครูอธิบายวา จริยธรรมเปนหลักประพฤติ
จรยิ ธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ คอื หลักศลี ธรรมจรรยาท่ีก�าหนดขนึ้ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ปฏบิ ตั ทิ ถ่ี กู ตอ งเหมาะสมกบั การทาํ หนา ทข่ี อง
แนวทางปฏิบัติ หรือควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ เมื่อพิจารณาถึงจริยธรรม บุคคล เพื่อใชเปนแนวทางในการปฏิบัติตน
เกี่ยวกบั การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศจะแบง่ ออกเปน็ 4 ประเด็น ดงั นี้ อยางสมบูรณและสอดคลองกับมาตรฐานที่ดี
• ความเปน็ สว่ นตวั ความเปน็ สว่ นตวั ของขอ้ มลู และสารสนเทศ โดยทวั่ ไปจะหมายถงึ สทิ ธิ งามอนั เปน ทย่ี อมรบั ของสงั คม จากนนั้ อธบิ าย
ทจ่ี ะอยตู่ ามลา� พงั และเปน็ สทิ ธทิ เี่ จา้ ของสามารถทจี่ ะควบคมุ ขอ้ มลู ของตนเองในการเปดิ เผยใหก้ บั วา จริยธรรมในการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผอู้ น่ื สทิ ธิน้ีใชไ้ ดค้ รอบคลมุ ทง้ั สาระสา� คัญส่วนบุคคล กลุม่ บุคคล องคก์ ร และหน่วยงานต่าง ๆ เปนหลักศีลธรรมจรรยาท่ีกําหนดข้ึนเพ่ือใช
• ความถูกต้อง ข้อมูลควรไดร้ บั การตรวจสอบความถูกตอ้ งกอ่ นท่ีจะบนั ทึกขอ้ มลู เก็บไว้ เปน แนวทางปฏบิ ตั ิ หรอื ควบคมุ การใชร ะบบ
รวมถงึ การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู ใหม้ คี วามทนั สมยั อยเู่ สมอ นอกจากน ี้ ควรใหส้ ทิ ธแิ กบ่ คุ คลในการเขา้ ไป คอมพวิ เตอรแ ละสารสนเทศ เมอื่ พจิ ารณาถงึ
ตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมูลของตนเองได้ จรยิ ธรรมเกยี่ วกบั การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
• ความเปน็ เจา้ ของ เปน็ กรรมสิทธ์ใิ นการถือครองทรัพย์สิน ซ่ึงอาจเปน็ ทรัพย์สินทัว่ ไปที่ จะแบง ออกเปน 4 ประเดน็ ไดแ ก ความเปน
จบั ตอ้ งได ้ เชน่ คอมพวิ เตอร ์ รถยนต ์ หรอื อาจเปน็ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาทจี่ บั ตอ้ งไมไ่ ด ้ เชน่ บทเพลง สว นตวั ความถกู ตอ ง ความเปน เจา ของ และ
โปรแกรมคอมพวิ เตอร ์ แต่สามารถถ่ายทอดและบนั ทึกลงในสื่อได้ เช่น ส่ิงพมิ พ์ ซดี ีรอม เป็นต้น การเขา ถงึ ขอ มลู
• การเข้าถึงข้อมูล การเขา้ ใชง้ านโปรแกรมหรอื ระบบคอมพวิ เตอร ์ มักจะมีการก�าหนด
สทิ ธติ ามระดับของผใู้ ชง้ าน ทัง้ น ี้ เพือ่ เป็นการป้องกันการเข้าไปดา� เนินการตา่ ง ๆ กบั ขอ้ มลู ของ แนวตอบ คาํ ถามสาํ คัญประจําหวั ขอ
ผใู้ ชท้ ่ไี ม่มีสว่ นเก่ียวขอ้ ง และเป็นการรกั ษาความลับของขอ้ มลู Creative Commons เกี่ยวขอ งกับจริยธรรมในการ

2.1  จรรยาบรรณในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ ใชเทคโนโลยี เพราะจริยธรรมในการใชเ ทคโนโลยี คอื
หลักศีลธรรมจรรยาที่กําหนดข้ึนเพ่ือใชเปนแนวทาง
จรรยาบรรณ คอื ประมวลความประพฤตทิ ผี่ ปู้ ระกอบอาชพี การงานกา� หนดขนึ้ จรรยาบรรณ ปฏบิ ตั ิ เเต Creative Commons คอื การทเี่ จา ของผลงาน
ในการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ มดี ังนี้ สารสนเทศนนั้ ไดม อบสทิ ธใิ์ หผ อู นื่ สามารถทาํ ซาํ้ เผยเเพร
1. ไม่ใช้คอมพวิ เตอรเ์ พื่อกอ่ อาชญากรรมหรอื ละเมิดสิทธขิ องผูอ้ น่ื จดั เเสดง ดดั เเปลง หรอื นําไปใชไ ด ดงั นน้ั หากนาํ ผล
2. ไม่ใชค้ อมพวิ เตอรร์ บกวนผอู้ ืน่ งานของผอู นื่ มาใชง านโดยไมไ ดร บั อนญุ าตกจ็ ะถอื วา ผดิ
3. ไม่ท�าการสอดแนม แกไ้ ข หรอื เปดิ ดไู ฟลเ์ อกสารของผ้อู ่นื ก่อนได้รับอนญุ าต จริยธรรมในการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศเชน กัน
4. ไม่ใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการโจรกรรมขอ้ มูลขา่ วสาร
5. ไม่ใช้คอมพิวเตอรส์ ร้างหลกั ฐานเท็จ
6. ไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์ในการคัดลอกโปรแกรมท่ีมีลิขสิทธิ์
97

ขอ สอบเนน การคดิ ส่ือ Digital

นักเรียนมีบทบาทอยางไรในการมีสวนรวมที่จะสงเสริมใหคน ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเนอ้ื หาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั จรรยาบรรณในการใชเ ทคโนโลยี
ท่วั ไปใชอ นิ เทอรเ นต็ อยางมีจรรยาบรรณ สารสนเทศจากคลปิ วดิ โี อใน YouTube เรอ่ื ง จรรยาบรรณในการใชเทคโนโลยี
สารสนเทศ ตามลิงกท่ีแนบมา https://www.youtube.com/watch?v=QJ_
1. ใชคอมพิวเตอรรบกวนการทาํ งานของผอู ่ืน NV3xz3c8
2. สอดแนม แกไข หรือเปดดูแฟมขอ มูลของผูอ ื่น
3. การปฏบิ ตั ติ นเปนตัวอยา งท่ดี ีและเคารพกฎระเบียบ
4. ใชคอมพวิ เตอรเพื่อกออาชญากรรม หรือละเมิดสทิ ธิของ

ผูอ่นื

(วิเคราะหคําตอบ การปฏิบัติตนเปนตัวอยางที่ดีและเคารพกฎ
ระเบียบในการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศถือวาเปนการกระทํา
ท่ีงายท่ีสุด อีกทั้งยังมีสวนรวมในการสงเสริมจรรยาบรรณที่มีตอ
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ดังนั้น ตอบขอ 3.)

T105

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 7. ไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการละเมดิ การใช้ทรพั ยากรคอมพวิ เตอรโ์ ดยตนเองไมม่ สี ทิ ธิ์
8. ไมใ่ ชค้ อมพิวเตอร์เพอื่ นา� เอาผลงานของผู้อืน่ มาเป็นของตนเอง
13. ครอู ธบิ ายวา จรรยาบรรณเปน ประมวลความ 9. คา� นึงถงึ ผลของการกระทา� ท่จี ะเกิดขนึ้ ตอ่ สงั คม
ประพฤตทิ ผ่ี ปู ระกอบอาชพี การงานกาํ หนดขนึ้ 10. ใชค้ อมพิวเตอรโ์ ดยเคารพกฎระเบียบ กตกิ า และมารยาท
และสมุ ถามนกั เรยี นวา จรรยาบรรณในการใช
งานเทคโนโลยสี ารสนเทศมอี ะไรบา ง 2.2  ข้อก�าหนด ขอ้ ตกลงในการใชแ้ หล่งข้อมลู

14. ครูใหความรู เร่ือง Creative Commons สารสนเทศถกู สรา้ งสรรคข์ น้ึ มากมายในปจั จบุ นั การเขา้ ถงึ สารสนเทศทา� ไดง้ า่ ยและสะดวก
เปนชุดสัญญาอนุญาตแบบเปดกวางหรือ จงึ มีการคัดลอกหรือน�าสารสนเทศทไ่ี มใ่ ชล่ ขิ สิทธขิ์ องตนไปใช้งานโดยไมไ่ ด้รับอนุญาต การจัดท�า
สญั ญาอนญุ าตใหใ ชง านทร่ี วมกนั เปน ชดุ โดย สญั ญาอนุญาต (Creative Commons : CC) ข้นึ เพ่ือใหเ้ จ้าของสารสนเทศไดม้ อบสทิ ธใิ์ นการท�า
เกยี่ วขอ งกบั ลขิ สทิ ธ์ิ สทิ ธบิ ตั ร และทรพั ยส นิ ซ�้า เผยแพร่ จัดแสดง ดดั แปลงสารสนเทศของตนให้แกบ่ คุ คลอน่ื นา� ไปใช้ได้
ทางปญ ญา
Creative Common คือ ชดุ สญั ญาอนุญาตแบบเปดิ กว้าง หรอื สญั ญาอนุญาตให้ใช้งานท่ี
รวมกันเป็นชดุ โดยมีความเกยี่ วข้องกับส่งิ ต่อไปน้ี
1. ล ิขสิทธ ิ์ (Copyright) คอื สิทธิข์ องผ้สู ร้าง โดยสทิ ธนิ์ จ้ี ะรวมไปถงึ ชิน้ งาน หรือวิธกี าร

ซ่งึ หลงั จากมกี ารเผยแพรแ่ ลว้ ลิขสทิ ธิจ์ ะตกเป็นของผู้สรา้ งโดยอัตโนมัติ
2. ส ิทธบิ ัตร (Patent) คุ้มครอง กระบวนการในการสร้างสรรคผ์ ลงาน สิทธิบัตรจะตา่ งจาก

ลิขสิทธ์ิที่ต้องย่ืนขอจดสิทธิบัตรไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญา มีข้ันตอนด้านเอกสาร
และค่าใชจ้ ่ายเกิดขึน้
3. ท รัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ซึ่งครอบคลุม ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร
เครอ่ื งหมายการคา้ (Trademark) และความลับทางการค้า (Trade Secret) เป็นต้น
ปัจจุบันประเทศส่วนมากจะใช้ระบบกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาตามสนธิสัญญา
กรุงเบิรน์ ซ่งึ รวมไปถงึ ประเทศไทยด้วย ตามสนธิสัญญากรงุ เบริ ์นนนั้ ลิขสทิ ธ์ิจะเปน็ ของผู้สรา้ ง
โดยทันทีท่ีเผยแพร่ผลงานนั้นออกไป ความเป็นเจ้าของสิทธิ์เกิดข้ึนโดยอัตโนมัติในทางกฎหมาย
และสิทธ์ิน้ีสามารถส่งต่อให้กับผู้อ่ืนได้ หากต้องการน�าผลงานนั้นไปใช้งานต่อ ต้องขออนุญาต
เจา้ ของผลงาน
เครือข่ายครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons : CC) ได้สนับสนุนการใช้สัญญา
อนญุ าตครเี อทฟี คอมมอนส์ เผยแพรแ่ นวคิดวัฒนธรรมเสรี และไดร้ ณรงค์ใหส้ ังคมไทยใช้สัญญา
อนุญาตครเี อทฟี คอมมอนสใ์ หเ้ หมาะสมกบั งานสร้างสรรค ์ “สัญญาอนุญาตครเี อทฟี คอมมอนส์จดั
ทา� ข้ึนเพือ่ ใหเ้ จ้าของผลงานอนั มีลขิ สิทธ ิ์ สามารถเปิดให้สาธารณะน�างานของตนไปใชไ้ ด้ โดยไม่
ต้องขออนญุ าต เพยี งแต่ต้องท�าตามเงือ่ นไขทกี่ �าหนดไว้ เช่น อา้ งอิงท่มี า ไม่ใชเ้ พื่อการค้า หรอื
คงตน้ ฉบบั ไมด่ ดั แปลง การใชส้ ญั ญาอนญุ าตครเี อทฟี คอมมอนสไ์ มใ่ ชก่ ารสละลขิ สทิ ธหิ์ รอื อทุ ศิ งาน

98

ความรูเสริม ขอ สอบเนน การคดิ

งานลขิ สิทธิ์มี 9 ประเภท ไดแ ก ทรัพยส ินทางปญ ญาหมายถงึ อะไร
1. งานวรรณกรรม เชน หนังสือ สิ่งพมิ พ ฯลฯ 1. เครื่องหมายทางการคา
2. งานนาฏกรรม เชน ทา ราํ ทาเตน ฯลฯ 2. ความฉลาดจากการเรยี นรูของมนษุ ย
3. งานศลิ ปกรรม เชน จิตรกรรม ประตมิ ากรรม ฯลฯ 3. ทรพั ยสนิ ท่ีกอ ใหเ กดิ มูลคาทางวฒั นธรรม
4. งานดนตรกี รรม เชน ทํานอง เนื้อเพลง ฯลฯ 4. ผลงานอนั เกดิ จากความคิดสรางสรรคของมนษุ ย
5. งานส่ิงบนั ทึกเสยี ง เชน เทปเพลง แผนซดี ี ฯลฯ
6. งานโสตทศั นวสั ดุ เชน วิดโี อเทป แผน ดิจทิ ลั วิดโี อ ฯลฯ (แนวตอบ ทรพั ยส นิ ทางปญ ญา หมายถงึ ความเปน เจา ของผลงาน
7. งานภาพยนตร ทเี่ กดิ จากความคดิ สรา งสรรคโ ดยไมซ าํ้ ใคร เมอ่ื ผลงานถกู เผยเเพร
8. งานแพรเสยี งแพรภาพ ความเปน เจา ของสทิ ธจ์ิ ะเกดิ ขนึ้ โดยอตั โนมตั ิ หรอื หากถกู นาํ ไปใช
9. งานอ่นื ใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร หรือศลิ ปะ โดยไมไดรับอนุญาต เจาของผลงานสามารถเรียกรองคาเสียหาย
ไดทันที ดงั นั้น ตอบขอ 4.)

T106

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เป็นสาธารณสมบัติ เจ้าของงานยังเป็นผู้ถือครองสิทธ์ิของงานนั้นเหมือนเดิม หากผู้ที่น�าผลงาน ขนั้ สอน
ของเจ้าของงานไปใช้โดยผิดเง่ือนไข เจ้าของงานสามารถฟ้องร้องและบังคับผู้ที่ท�าผิดได้ตามท่ี
กฎหมายลขิ สิทธ์ิคุม้ ครอง ซงึ่ ประเทศไทยได้รองรับกฎหมายน้ีแล้ว” (cc.in.th) 15. ครสู มุ ถามคาํ ถามจากภาพสญั ลกั ษณท ก่ี าํ หนด
ตัวอย่างเช่น เจ.เค. โรว์ลิง (J.K. Rowling) ให้สิทธิ์วอรเ์ นอรบ์ ราเธอส ์ (Warner Bros). นา� ใหในหนงั สือเรยี นวาแตล ะภาพมคี วามหมาย
นวนยิ ายแฟนตาซี แฮร์ร ่ี พอตเตอร์ (Harry Potter) ไปทา� ภาพยนตร์เทา่ นั้น ไมส่ ามารถน�าไปทา� อยา งไรบา ง จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายคาํ วา
ละครเวทีได้ Creative Commons ตามความเขาใจของ
สง่ิ เหลา่ นเ้ี ปน็ รากฐานของ Creative Commons ซง่ึ จะมกี ารกา� หนดสญั ญาอนญุ าต Creative นักเรียนแตละคน และสอบถามกับนักเรียน
Commons หรอื เงอื่ นไข ดังนี้ วา Creative Commons มคี วามเกยี่ วขอ งกบั
สง่ิ ใดบา ง

แสดงทม่ี า (Attribution : BY) ตอ้ งแสดงทมี่ า
ของชิน้ งานตามรูปแบบท่ีผู้สร้างสรรค์หรือผอู้ นุญาต
ก�าหนด

Attribution : BY

ไมใ่ ช้เพ่ือการคา้ (NonCommercial : NC) ไม่ให้
นา� ขอ้ มูลน้ีไปใชเ้ พ่ือวัตถุประสงค์ทางการค้า

NonCommercial : NC

ไม่ดดั แปลง (No Derivative Works : ND) ไมแ่ กไ้ ข
เปลีย่ นแปลงหรือสรา้ งงานจากงานนี้

No Derivative Works : ND อนุญาตแบบเดียวกัน (Share Alike : SA) ถ้าหาก
Share Alike : SA ดดั แปลง เปลย่ี นรปู หรอื ตอ่ เตมิ ชน้ิ งานน ี้ ตอ้ งใชส้ ญั ญา
อนุญาตแบบเดียวกัน หรือแบบที่เหมือนกับหรือท่ี
เข้ากันไดก้ ับสญั ญาอนญุ าตทใ่ี ช้กับงานนีเ้ ท่านน้ั

99

กิจกรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู

ครูมอบหมายใหนักเรียนสรางภาพดวยโปรแกรมท่ีตนเอง ครคู วรยกตัวอยางการใชง านสัญญาอนุญาต Creative Commons ท่พี บ
สนใจขึ้นมา 1 ภาพ จากน้ันใหนักเรียนหาขอมูลประกอบตาม ไดในชีวิตประจําวันจากเว็บไซตตางๆ ท่ีใชงาน เพ่ือใหนักเรียนไดเขาใจและ
ความเหมาะสม พรอมถายทอดขอมลู ออกมาในรปู แบบทน่ี า สนใจ นาํ ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็ ทม่ี เี ครอ่ื งหมายตา งๆ เหลา นไี้ ปใชง านไดอ ยา งถกู ตอ ง
และกําหนดสญั ญาอนญุ าต Creative Commons โดยครคู อยให รวมถึงใหนักเรียนเห็นความสําคัญของการกําหนดสัญญาอนุญาต Creative
คําแนะนํานักเรียนอยางใกลชิด และสุมนักเรียนออกมานําเสนอ Commons
หนา ชนั้ เรียน

T107

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน นอกจากเงื่อนไขท่กี า� หนดขา้ งตน้ แลว้ ยังสามารถผสมเงื่อนไขได้ตามตอ้ งการ ดังนี้

16. ครูนําบัตรภาพสัญลักษณในหนังสือเรียนมา CC CC-BY ใหเ้ ผยแพร ่ ดดั แปลง โดยตอ้ งระบทุ มี่ า
ใหนักเรียนทายวาภาพสัญลักษณแตละภาพ BY
มคี วามหมายอยา งไร จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี น
ชวยกันสรุปความรูที่ไดเก่ียวกับ Creative
Commons วา มคี วามสาํ คญั อยา งไรบา ง

ใหเ้ ผยแพร ่ ดดั แปลง โดยตอ้ งระบทุ ม่ี า
CC CC-BY-SA และต้องเผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้
BY SA สญั ญาอนุญาตเดยี วกนั

CC BY ND CC-BY-ND ให้เผยแพร ่ โดยต้องระบทุ มี่ า แต่หา้ ม
ดัดแปลง

CC BY NC CC-BY-NC ใหเ้ ผยแพร ่ ดดั แปลง โดยตอ้ งระบทุ มี่ า
แต่หา้ มใชเ้ พ่อื การค้า

CC CC-BY- ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุ
BY NC SA NC-SA ที่มา แต่ห้ามใช้เพื่อการค้า และต้อง
เผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้สัญญา
อนุญาตเดยี วกัน

CC CC-BY- ใหเ้ ผยแพร่ โดยตอ้ งระบุที่มา แตห่ า้ ม
BY NC ND NC-ND ดัดแปลง และห้ามใช้เพ่ือการคา้

100

เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills

ครูควรยกตัวอยางการใชงานสัญญาอนุญาต Creative Commons ทีผ่ สม 1. ใหนักเรยี นแบงกลุม ตามความสมัครใจ กลมุ ละ 4-5 คน
เง่อื นไขกันและสามารถพบไดในชีวติ ประจําวนั จากเวบ็ ไซตตางๆ ท่ีใชง าน เพอื่ 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ กาํ หนดชน้ิ งานทต่ี อ งการสรา ง กลมุ ละ 1 ชน้ิ
ใหน กั เรยี นไดเ ขา ใจ และนาํ ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็ ทมี่ เี ครอื่ งหมายตา งๆ เหลา น้ี 3. นักเรียนรวมกันวางแผนและวิเคราะหหาแนวทางในการสราง
ไปใชงานไดอยางถูกตอง รวมถึงใหนักเรียนเห็นความสําคัญของการกําหนด
สัญญาอนุญาต Creative Commons ชิ้นงานของกลุมตนเอง โดยสามารถสืบคนขอมูลเพิ่มเติมจาก
ทางอินเทอรเ นต็
T108 4. นกั เรยี นลงมอื สรา งชนิ้ งานโดยกาํ หนดสญั ญาอนญุ าต Creative
Commons แบบผสมเงอื่ นไข
5. นกั เรยี นแตล ะกลมุ สรา งงานนาํ เสนอตามรปู แบบทน่ี กั เรยี นคดิ วา
นาสนใจอยางอิสระ
6. นักเรยี นแตล ะกลุม นาํ เสนอขอ มูลหนา ชน้ั เรียน
7. นกั เรยี นภายในชน้ั เรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั
สญั ญาอนญุ าต Creative Commons แบบผสมเง่อื นไข

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

สา� หรบั ประเทศไทยได้รบั การอนมุ ัติให้มีสญั ญาอนุญาตฉบับประเทศไทยอยา่ งเปน็ ทางการ ขน้ั สอน
เม่อื วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552 ซึ่งจะต้องใชเ้ วลาในการทา� ความเข้าใจกบั ผใู้ ช้ เพือ่ ให้ทุกคนบน
โลกออนไลนใ์ หค้ วามสา� คญั ตอ่ งานสรา้ งสรรคบ์ นอนิ เทอรเ์ นต็ ทม่ี กี ารเผยแพรเ่ นอ้ื หา (Content) ไป 17. ครูใหความรูกับนักเรียนวา ในประเทศไทย
สสู่ ังคมโดยไม่ถกู จา� กัดอยูเ่ ฉพาะใครคนใดคนหนงึ่ และในการเผยแพร่น้นั ๆ ไมท่ า� ใหผ้ ู้สรา้ งสรรค์ ไดรับการอนุมัติใหมีสัญญาอนุญาตฉบับ
ผลงานเสยี ประโยชน ์ โดยสญั ญาอนญุ าตลขิ สทิ ธจ์ิ ะมรี ายละเอยี ดของแตล่ ะสญั ญาอนญุ าตขนึ้ อยกู่ บั ประเทศไทยอยางเปนทางการ เม่ือวันที่ 2
ร่นุ ของสญั ญา เมษายน พ.ศ. 2552 ซึ่งมีตัวอยางเว็บไซต
ตัวอยา่ งเวบ็ ไซตข์ องไทยท่ีใชส้ ัญญาอนุญาตของครเี อทฟี คอมมอนส์ (Creative Commons) ของไทยที่ใชสัญญาอนุญาตของ Creative
1. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีการประกาศใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส ์ Commons ดังนี้ เว็บไซตของมหาวิทยาลัย
(Creative Commons) ในหนา้ เว็บไซต์ http://www.psu.ac.th โดยมีเงอ่ื นไขแสดงท่ีมา และไมใ่ ช้ สงขลานครนิ ทร เวบ็ ไซตว กิ พิ เี ดยี และงานวจิ ยั
เพ่ือการคา้ (CC-BY-NC) ซ่ึงหมายความถึง เนื้อหาขอ้ มูลท่ีปรากฏอยใู่ นหนา้ เว็บเป็นลขิ สทิ ธิข์ อง ทง้ั หมดบนเวบ็ ไซตข องสถาบนั วจิ ยั เพอ่ื พฒั นา
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ เมือ่ ผใู้ ช้สนใจในเนอื้ หานนั้ สามารถนา� ไปใช้ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งขออนุญาต ประเทศไทย
แตต่ อ้ งอา้ งทม่ี าของเนอื้ หาวา่ มาจากเวบ็ ไซตข์ องมหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร ์ และเนอื้ หาทผี่ ใู้ ชน้ า�
ไปใช้เผยแพร่นจี้ ะต้องไม่ใช่นา� ไปใช้เพื่อการคา้ หรือแสวงผลก�าไรจากผลงาน หรือเนือ้ หานัน้ ๆ

ภาพท ี่ 4.5 หน้าเว็บไซต์ http://www.psu.ac.th ของมหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์

2. วกิ พิ เี ดยี (Wikipedia) เปน็ เวบ็ ไซต์ทร่ี วบรวมข้อมูลต่าง ๆ ทีไ่ ดร้ บั ความนยิ มอย่างมาก
และเป็นเวบ็ ไซตห์ นึง่ ทีม่ ปี ระกาศสญั ญาอนุญาตครีเอทฟี คอมมอนส์ (Creative Commons) ด้วย
เง่ือนไขแสดงทม่ี าและอนุญาตแบบเดียวกนั (CC-BY-SA) หมายความถงึ การที่ผใู้ ช้สามารถนา�
เนอื้ หาที่ปรากฏในหน้าเวบ็ ไซต์วกิ พิ ีเดียไปใชไ้ ด้โดยไมต่ ้องขออนญุ าต แต่ตอ้ งอ้างที่มาของเนื้อหา
และอนญุ าตให้ผู้ใช้สามารถน�าไปเผยแพรง่ านดัดแปลงได ้ ผูใ้ ชส้ ัญญาดงั กลา่ วมีสทิ ธิ ์ และถือครอง
ลิขสทิ ธใ์ิ นผลงานของตนเองทงั้ หมด แต่สัญญาอนญุ าตจะชว่ ยเปดิ ชอ่ งให้เกิดการเผยแพร ่ และไม่
ละเมิดผลประโยชน์ใด ๆ

101

กจิ กรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู

ใหนักเรียนศึกษาและสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตเกี่ยวกับ ครคู วรใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาลกั ษณะการใชง าน ขอ ด-ี ขอ เสยี และขอ จาํ กดั ของ
เวบ็ ไซตต า งๆ ทม่ี กี ารใชส ญั ลกั ษณอ นญุ าต Creative Commons สญั ลักษณของสญั ญาอนญุ าต Creative Commons เพม่ิ เตมิ จากอินเทอรเนต็
และบนั ทกึ ลงในกระดาษท่คี รูแจกให พรอ มนําเสนอตามรูปแบบท่ี ตามเงื่อนไขตา งๆ หรอื ประโยชนและโทษจากการใชงานหรือไมใ ชงาน เพ่ือเปด
นกั เรยี นคดิ วา นา สนใจอยา งอสิ ระ โดยครคู อยใหค าํ แนะนาํ เพม่ิ เตมิ โอกาสใหนักเรียนไดเรียนรูดวยตนเอง และตระหนักถึงความสําคัญของสัญญา
ตามความเหมาะสม และสรปุ รว มกนั โดยใชค าํ ถามกระตนุ ความคดิ อนญุ าต Creative Commons
ดงั น้ี
T109
• เว็บไซตของแตละหนวยงานมีการเลือกใชสัญลักษณ
อนญุ าตอยา งไร

• เว็บไซตของหนวยงานใดควรเพิ่มเติมสัญลักษณอนุญาต
เพราะเหตใุ ด

• เวบ็ ไซตข องหนว ยงานใดควรลดสญั ลกั ษณอ นญุ าต เพราะ
เหตุใด

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน

18. ครใู หน กั เรยี นแตล ะคนคน หาตวั อยา งเวบ็ ไซต
ของประเทศไทยทใี่ ชส ญั ญาอนญุ าต Creative
Commons เพิ่มเติม จากน้ันใหเขียนสรุป
ลงในกระดาษท่ีครูแจกใหพรอมกับใสแหลง
อางอิงของขอมูล และครูสุมนักเรียนออกมา
นําเสนอตัวอยางเว็บไซตของไทยท่ีใชสัญญา
อนญุ าต Creative Commons หนา ชัน้ เรยี น

ภาพท่ ี 4.6 หนา้ เว็บไซต์วิกพิ ีเดีย https://th.wikipedia.org

3. งานวิจัยทั้งหมดบนเว็บไซต์ของสถาบันวิจัยเพ่ือพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ซ่ึงเป็น
สถาบันวจิ ยั เชงิ นโยบายท่ีก่อตงั้ ขึ้นมาตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2527 ในรูปของมูลนิธิ เปน็ องค์กรเอกชนท่ี
ไม่แสวงหาผลก�าไร ทีดอี ารไ์ อ (TDRI) ดา� เนินการวิจัยเชงิ นโยบายในหลากหลายดา้ น โดยเฉพาะ
อย่างยิง่ นโยบายด้านเศรษฐกจิ ใหแ้ กห่ นว่ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหนว่ ยงานระหว่างประเทศ
ตลอดจนริเริ่มการวิจัยเองเพื่อสนับสนุนการก�าหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ
ประเทศไทยใหเ้ ป็นนโยบายทีเ่ อ้ือตอ่ การเตบิ โตอย่างย่งั ยืนและมคี ุณภาพ

ภาพท่ี 4.7 หนา้ เว็บไซต์ของ สถาบนั วิจัยเพ่ือพฒั นาประเทศไทย (TDRI) https://tdri.or.th

102

เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรา งเสรมิ

ครูควรทบทวนความรูเก่ียวกับสัญลักษณของสัญญาอนุญาต Creative ใหนักเรียนศึกษาและสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตเก่ียวกับ
Commons ตามเงื่อนไขตางๆ และยกตัวอยางงายๆ กอนที่จะใหนักเรียนดู งานวิจัยของเว็บไซตสถาบันวิจัยเพ่ือพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
ตัวอยางเว็บไซตของไทยที่ใชสัญญาอนุญาต Creative Commons เพื่อให และคัดเลือกงานวจิ ยั ทนี่ กั เรียนสนใจข้นึ มาคนละ 1 เร่ือง จากนั้น
นกั เรียนไดเ ขาใจถงึ การใชสัญลกั ษณอ ยางถองแท และวิเคราะหล กั ษณะการใช ใหนักเรียนบันทึกขอมูลลงในกระดาษที่ครูแจกให พรอมกําหนด
งานไดต ามความเหมาะสม สัญญาอนุญาตของ Creative Commons และนําเสนอขอมูล
ตามรปู แบบทน่ี กั เรยี นคดิ วา นา สนใจอยา งอสิ ระ โดยครคู อยใหค าํ
แนะนําเพิม่ เตมิ ตามความเหมาะสม

T110

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

• มารยาทของผใู้ ชส้ อ่ื หรอื แหลง่ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ บนอนิ เทอรเ์ นต็ ในฐานะทเี่ ราเปน็ บคุ คลทใ่ี ช้ ขน้ั สอน
ส่ือหรอื แหล่งข้อมลู ต่าง ๆ บนอินเทอรเ์ น็ต ดงั นนั้ เราควรมีมารยาทในการใชส้ ือ่ หรือแหล่งข้อมลู
ดังนี้ 19. ครอู ธบิ าย เรอื่ ง มารยาทของผใู ชส อื่ หรอื แหลง
- ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู และขา่ วสารตา่ ง ๆ กอ่ นนา� ไปเผยแพรบ่ นเครอื ขา่ ย ขอ มลู ตา งๆ บนอนิ เทอรเ นต็ ใหน กั เรยี นฟง วา
เพอ่ื ให้ไดข้ ้อมลู ท่ีเปน็ จริง เราควรมมี ารยาทในการใชส อื่ หรอื แหลง ขอ มลู
- ใชภ้ าษาท่ีสุภาพและเปน็ ทางการในการเผยแพรข่ อ้ มลู บนอนิ เทอรเ์ นต็ ตา งๆ ดงั นี้ ควรตรวจสอบความถกู ตอ งของ
- เผยแพร่ข้อมูลและข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ไม่ควรน�าเสนอข้อมูล ขอ มลู ใชภ าษาทสี่ ภุ าพและเปน ทางการในการ
ขา่ วสารทีข่ ัดต่อศลี ธรรมและจรยิ ธรรมอนั ด ี รวมทั้งขอ้ มูลท่กี ่อให้เกิดความเสยี หายต่อผูอ้ ่ืน เผยแพรข อ มลู บนอนิ เทอรเ นต็ ควรมกี ารระบุ
- ควรระบุแหลง่ ท่ีมา วันเดอื นปีทีท่ �าการเผยแพร่ขอ้ มลู รวมทงั้ ควรมีคา� แนะน�า และ แหลง ทมี่ าของขอ มลู ใหเ กดิ ความนา เชอื่ ถอื ไม
ค�าอธบิ ายการใช้ข้อมลู ทีช่ ัดเจน ควรเผยแพรขอมูลหรือขาวสารของผูอ่ืนกอน
- ควรระบขุ ้อมูลข่าวสารทเ่ี ผยแพร่ใหช้ ัดเจนว่าเปน็ โฆษณา ความคิดเห็น หรือ ไดร บั อนญุ าต
ความจรงิ
- ไมค่ วรเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสาร หรอื โปรแกรมของผอู้ นื่ กอ่ นไดร้ บั อนญุ าต และไมค่ วร 20. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม Com Sci activity
แก้ไข เปลย่ี นแปลงข้อมูลของผ้อู ื่นทเ่ี ผยแพรบ่ นเครอื ข่าย เรื่อง การใชเทคโนโลยีสารสนเทศอยาง
- ไม่ควรเผยแพร่โปรแกรมที่น�าความเสียหาย เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบ ปลอดภัย เม่ือนักเรียนทําเสร็จ ครูจะสุม
เครอื ข่าย และควรตรวจสอบแฟม้ ข้อมูล ขา่ วสาร หรอื โปรแกรมว่าปลอดไวรสั กอ่ นเผยแพรเ่ ข้าสู่ ใหนักเรียนออกมาเฉลยกิจกรรม Com Sci
ระบบอนิ เทอร์เนต็ activity

Com Sci

activity

การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย

ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 3-5 คน แล้วร่วมกันระดมความคิดเพอื่ ตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี
1. รูปแบบภัยคกุ คามตอ่ ระบบรกั ษาความปลอดภยั ทางคอมพิวเตอรม์ อี ะไรบ้าง และคิดว่าภัยคกุ คาม

รปู แบบใดท่เี ป็นภยั คกุ คามทใี่ กล้ตวั มากทส่ี ุด เพราะอะไร
2. การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์มขี ้อด ี ข้อเสียอย่างไร และมีผลตอ่ ความปลอดภัยกบั ตนเองอยา่ งไร
3. วธิ กี ารใดท่จี ะเปน็ การปอ้ งกนั ภัยคกุ คามต่อข้อมูล จงอธบิ าย
4. จงบอกประโยชน์ของการใช ้ Creative Commons

ทกั ษะการเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการส่อื สาร
1. ทกั ษะการคิดและการแกป้ ัญหา

103

กจิ กรรม ทาทาย ส่ือ Digital

ครมู อบหมายใหนกั เรียนแบง กลุม กลมุ ละ 4-5 คน หรอื ตาม ครูใหน ักเรียนศึกษาเน้ือหาเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกับมารยาทในการใชอินเทอรเ นต็
ความเหมาะสม จากนั้นใหนักเรียนคัดเลือกมารยาทในการใช จากคลปิ วดิ โี อใน YouTube เรอื่ ง มารยาทในการใชอ นิ เทอรเ นต็ ตามลงิ กท แ่ี นบมา
อินเทอรเน็ตข้ึนมากลุมละ 1 ขอ และใหนักเรียนวางแผนแสดง https://www.youtube.com/watch?v=WXt7u4oJDPw
บทบาทสมมติถึงปญหาการใชงานอินเทอรเน็ตอยางมีมารยาท
และวิธกี ารแกป ญหาเกี่ยวกบั เร่ืองนน้ั ๆ หนา ชนั้ เรียน โดยครคู อย
ตง้ั ประเดน็ คําถามกับนักเรยี นวา

• เพราะเหตุใด จึงจําเปนตองมีมารยาทในการใชงานบน
อนิ เทอรเ นต็

• ถาไมปฏิบัติตามกฎการใชงานบนอินเทอรเน็ตจะสงผล
อยา งไร

• นอกจากวิธีการแกป ญหาเหลาน้ียงั มวี ิธีการใดอกี บาง

T111

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สรปุ Summary

ตรวจสอบผล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภยั
1. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเนื้อหาการเรียน
หนวยการเรียนรูท่ี 4 การใชเทคโนโลยี ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ
สารสนเทศอยา งปลอดภยั
ความปลอดภยั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ คอื นโยบาย ข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิ และมาตรการ
2. นักเรียนตรวจสอบความเขาใจของตนเองโดย ทางเทคนิคที่น�ามาใช้ป้องกันการใช้งานจากบุคคลภายนอก การเปลี่ยนแปลง การขโมย หรือ
พิจารณาขอความวา ถกู หรอื ผิด หากพจิ ารณา การท�าความเสียหายต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการน�าระบบรักษาความปลอดภัยมาใช้
ขอความไมถูกตอง ใหกลับไปทบทวนเนื้อหา รว่ มกบั เทคนคิ และเครอื่ งมอื ตา่ ง ๆ ในการปกปอ้ งคอมพวิ เตอร ์ ฮารด์ แวร ์ ซอฟตแ์ วร ์ ขอ้ มลู ระบบ
ตามหัวขอทก่ี าํ หนดให เครอื ขา่ ยและการสอื่ สาร เพอื่ ปอ้ งกนั ภยั คกุ คามตา่ ง ๆ ทเี่ ขา้ มาสเู่ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ภยั คกุ คาม
ตอ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ แบ่งออกเปน็ 4 ประเภท ดังน้ี
3. ครูใหนกั เรียนทาํ ใบงาน เร่อื ง โพรไฟลของฉนั • ภัยคกุ คามต่อฮาร์ดแวร ์ • ภัยคกุ คามต่อซอฟต์แวร์
4. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู

และตอบคาํ ถามลงในสมุดประจําตัว
5. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวยการ

เรยี นรทู ่ี 4 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยาง
ปลอดภัย

ขนั้ ประเมนิ • ภยั คุกคามต่อระบบเครือขา่ ยและการสอ่ื สาร • ภัยคุกคามต่อขอ้ มูล

ตรวจสอบผล จรยิ ธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
จรยิ ธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ คือ หลกั ศีลธรรมจรรยาทก่ี �าหนดขนึ้ เพือ่ ใชเ้ ปน็
ตารางการวดั และประเมนิ ผล แนวทางปฏิบตั ิ หรอื ควบคมุ การใช้ระบบคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ
• การจัดทา� สญั ญาอนุญาตครเี อทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons : CC)
วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑการประเมนิ
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมิน
กอนเรียน กอนเรยี น ตามสภาพจรงิ
แสดงที่มา (Attribution : BY) ต้องแสดงท่ีมาของชิ้นงานตามรูปแบบที่
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอยละ 60 Attribution : BY ผสู้ ร้างสรรค์หรือผ้อู นญุ าตก�าหนด
หลงั เรยี น หลังเรยี น ผา นเกณฑ
ไมใ่ ชเ้ พอ่ื การคา้ (NonCommercial : NC) ไมใ่ หน้ า� ขอ้ มลู นเ้ี พอ่ื วตั ถปุ ระสงค์
ตรวจใบงาน ใบงาน รอ ยละ 60 NonCommercial : NC ทางการคา้
ผานเกณฑ
ไมด่ ดั แปลง (No Derivative Works : ND) ไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือสร้าง
ประเมนิ การนํา แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 2 No Derivative Works : ND งานจากงานน้ี
เสนอผลงาน การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ
อนญุ าตแบบเดียวกัน (Share Alike : SA) ถ้าหากดัดแปลง เปลยี่ นรปู หรอื
ผลงาน ตอ่ เตมิ ชน้ิ งานน้ี ตอ้ งใช้สัญญาอนุญาตแบบเดยี วกัน หรอื แบบทเ่ี หมือนกับ
Share Alike : SA หรือท่ีเข้ากันได้กบั สัญญาอนุญาตท่ีใชก้ บั งานนีเ้ ทา่ น้ัน
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คณุ ภาพ 2
การทาํ งานราย พฤติกรรม ผา นเกณฑ 104

บคุ คล

สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
การทํางานกลุม พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ

แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills

ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน 1. ใหนักเรียนแบง กลมุ ตามความสมัครใจ กลมุ ละ 4-5 คน
รายบุคคล และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ 2. นักเรียนแตละกลุมจัดทํารายงาน เรื่อง การใชเทคโนโลยี
ประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม
การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมา สารสนเทศอยา งปลอดภยั
ทา ยแผนการจัดการเรียนรทู ่ี 1 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4 3. สมาชกิ ภายในกลมุ รวมกนั เลอื กขอ มลู และจัดเตรยี มขอ มูล
4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ จดั ทาํ รายงานตามรปู แบบทน่ี กั เรยี นคดิ วา นา
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
สนใจอยา งอสิ ระ
คาชี้แจง:ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี 5. นกั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู หนา ชัน้ เรยี น
ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน 6. นกั เรยี นภายในหอ งเรยี นและครผู สู อนรว มกนั สรปุ ขอ มลู เกยี่ วกบั

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดับที่ ชื่อ–สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม การใชเทคโนโลยีสารสนเทศอยางปลอดภยั
32  32 ของนักเรยี น ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ ับ ส่วนร่วมใน 15
   1 มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน
  ผลงานกลุ่ม
1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา   1 การแสดงความคดิ เห็น  
2 ความคดิ สร้างสรรค์  2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื  321321321321321
3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหน้าที่ทไ่ี ด้รับมอบหมาย  
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมนี าใจ 
5 การตรงต่อเวลา  5 การตรงต่อเวลา 

 

รวม รวม

ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน
............/................./................... ............/.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
14–15 ดมี าก
14–15 ดมี าก ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
11–13 ดี
11–13 ดี 14–15 ดมี าก
8–10 พอใช้
8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง
ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ 8–10 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ

T112

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

แนวตอบ Self Check

Self Check 1. ถกู
2. ผดิ
ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ถูก
หากพจิ ารณาขอ้ ความไมถ่ กู ตอ้ ง ให้กลับไปทบทวนเนือ้ หาตามหัวข้อท่ีก�าหนดให้ 4. ผดิ
5. ถูก
ถกู /ผดิ ทบทวนหวั ข้อ

1. อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเคร่ืองคอมพิวเตอร์เกิดการช�ารุด 1.
เสียหายและไม่สามารถใช้งานได้ เน่ืองจากระบบจ่ายไฟให้
ฮเคารรอ่ืด์ งแควอรม์ พวิ เตอรเ์ กดิ ความผดิ พลาด เปน็ ภยั คกุ คามทเี่ กดิ จาก

2. ห นอนคอมพวิ เตอร ์ คอื โปรแกรมทถ่ี กู บรรจเุ ขา้ ไปในคอมพวิ เตอร ์ 1.3
ขเพอ้ อ่ืมเลูกชบ็ อ่ื ขผอ้ ใู้ มชลู ้ รหหรสั อื ผทา่ า� นล าเลยขขทอ้ บี่มญัลู ขชอธี งนคาอคมารพ วหิ เมตาอยรเเ์ ลคขรบอื่ ตงั นรเน้ั ค รเชดน่ติ
ขอ้ มลู ส่วนบคุ คลอนื่ ๆ

3. ก ารน�าภาพหรือข้อมูลที่สืบค้นจากอินเทอร์เน็ตมาใช้งานโดย ับน ึทกลงในส ุมด 2.1
สไมาไ่รดสร้นบั เทอนศญุ าต ถอื เปน็ การทา� ผดิ จรรยาบรรณการใชเ้ ทคโนโลยี

4. ใ ตชาเ้มพรอื่ ูปกแาบรบคา้ท ี่ผ(Aสู้ tรtr้าiงbสuรtiรoคnห์ :รBอื Yผ)้อู คนอืุญ ตาตอ้ กงแา� หสดนงดทมี่ าของชน้ิ งาน 2.2

5. แ CตCห่-B้ามYใ-ชN้เCพ ่อื คกอื า รใคหา้ ้เผยแพร่ ดดั แปลง โดยตอ้ งระบทุ ่มี า 2.2

Unit Question 4

คา� ช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคา� ถามต่อไปนี้
1 การอปั เดตโปรแกรมปอ้ งกนั ไวรสั กบั ฐานขอ้ มลู ไวรสั มคี วามสา� คญั ตา่ งกนั หรอื ไม ่ อยา่ งไร

จงอธบิ าย
2 นกั เรยี นมวี ธิ กี ารใดเพอื่ ปอ้ งกนั เครอื่ งคอมพวิ เตอรจ์ ากไวรสั คอมพวิ เตอร ์ จงอธบิ ายพรอ้ ม

ยกตวั อย่างประกอบ
3 จงยกตวั อยา่ งการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศทไี่ มเ่ หมาะสม พรอ้ มให้เหตผุ ลประกอบ

105

เฉลย Unit Question

1. การอปั เดตโปรแกรมปอ งกนั ไวรสั กบั ฐานขอ มลู ไวรสั มคี วามสาํ คญั เหมอื นกนั เพราะชว ยในการปอ งกนั ไมใ หเ ครอื่ งคอมพวิ เตอรถ กู ทาํ ลายขอ มลู จากโปรแกรม
ไวรสั หรอื การนําขอ มูลในเคร่ืองคอมพวิ เตอรข องเราไปใชเพือ่ จุดประสงคท ไ่ี มด ี ซงึ่ โปรแกรมปองกนั ไวรัสมหี นา ท่ีการทาํ งาน 2 ลกั ษณะ คือ ระบุชื่อของ
ไวรสั ทร่ี จู กั และตรวจสอบผลของการทาํ ลายจากไวรสั ในแฟม ตา งๆ ซง่ึ สามารถเปรยี บโปรแกรมปอ งกนั ไวรสั เหมอื นกบั ยาเพอ่ื ใชร กั ษาโรค ซงึ่ โรคเหลา นนั้
เปรียบไดกับไวรัสประเภทตางๆ และหากมีโรคชนิดใหมเกิดขึ้นจึงจําเปนตองหายามาเตรียมพรอมไว นั่นก็คือ การอัปเดตโปรแกรมปองกันไวรัสใหรูจัก
ไวรสั และวธิ กี ารกําจดั ไวรัส

2. ติดตั้งโปรแกรมปองกันไวรัสไวภายในเคร่ืองคอมพิวเตอรและสแกนอุปกรณเก็บขอมูลทุกคร้ัง ไมวาจะเปนในการดหนวยความจําหรืออุปกรณเก็บขอมูล
ตา งๆ เพอ่ื ปอ งกันไวรสั เขามาทําลายระบบของเคร่อื งคอมพวิ เตอร

3. การแอบเปดดู แกไขไฟลง าน ขอ มูลสวนตวั หรือเอกสารตางๆ ของเพ่อื นรว มงาน ซง่ึ จะเปน การใชง านเทคโนโลยีทไ่ี มเหมาะสม เพราะเปน การละเมดิ สิทธิ
สว นบคุ คลของผอู ่นื และทาํ ใหเ กิดความเสยี หายทัง้ ชอื่ เสียงและทรัพยสนิ จากการนาํ ขอมลู ไปใช

T113

บรรณานุกรม

ชนินทร เฉลิมสุข และอภิชาติ ค�ำปลิว. 2562. หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) ม.5. พมิ พ์คร้ังที่
2. นนทบรุ ี : ไทยร่มเกลา้ .

ทศิ นา แขมมณ.ี 2556. ศาสตรก์ ารสอน องคค์ วามรเู้ พอ่ื การจดั กระบวนการเรยี นรทู้ มี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ. พมิ พค์ รงั้ ที่ 17. กรงุ เทพฯ
: ด่านสุทธาการพมิ พ์.

วจิ ารณ์ พานชิ . 2555. วถิ สี รา้ งการเรียนร้เู พ่ือศิษย์ ในศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพฯ : ตถาตา พบั ลิเคชน่ั .
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ, สำ� นกั . 2553. แนวทาง

การจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ พอื่ พฒั นาทกั ษะการคดิ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
ระดบั ประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, สถาบนั . 2560. ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่
สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช
๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ. โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
David Riley and Kenny A. Hunt. 2014. Computational Thinking for the Mordern Problem Solver. United States of
America: Chapman and Hall/CRC.
Jane Krauss and Kiki Prottsman. 2016. Computational Thinking and Coding for Every Student. United States of
America: Corwin.
Paul S. Wang. 2015. From COMPUTING to COMPUTATIONAL THINKING. United States of America: CRC Press.
Robert Sedgewick and Kevin Wayne. 2011. Algorithms. 4th ed. United States of America: Addison-Wesley
Professional.
Scott Tilley and Harry Rosenblatt. 2017. System Analysis and Design. 7th ed. United States of America: Cengage
Learning.
Zaigham Mahmood. 2017. Software Project Management for Distributed Computing. Switzerland: Springer.

T114


Click to View FlipBook Version