The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

e-Book หลักการทรงงาน ครั้งที่ 3 ปี 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ภัทราวุธ รักปลอด, 2022-06-14 00:28:57

หลักการทรงงาน

e-Book หลักการทรงงาน ครั้งที่ 3 ปี 2563

ภาพยกึ ยอื : เปน็ ภาพวาดฝพี ระหตั ถข์ องพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทรงวาดโครงรา่ งของโครงการพฒั นาลมุ่ นำ้� กำ่�
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ จงั หวดั สกลนคร-นครพนม ขณะประทบั เครอื่ งบนิ พระทนี่ งั่

เพอ่ื พระราชทานแนวพระราชดำ� รโิ ครงการดา้ นแหลง่ นำ้�



หลักการทรงงาน
ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พ ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช

บรมนาถบพติ ร ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ ท์ ที่ รงงานเพอื่ ชว่ ยเหลอื ราษฎร
ตลอดระยะเวลา ทที่ รงครองราชยย์ าวนาน ๗๐ ปี ทำ� ใหเ้ กดิ เปน็ โครงการ
อันเน่ืองมาจากพระราชด�ำรมิ ากมายในทุกด้าน กระจายไปทั่วทกุ พน้ื ท่ี
ของประเทศไทย ส�ำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงาน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ (ส�ำนักงาน กปร.) ในฐานะ
หนว่ ยงานกลางในการประสานงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ
ท�ำให้มีข้อมูลเก่ียวกับแนวพระราชด�ำริในการทรงงานโครงการต่าง ๆ

2

จึงได้ศึกษา รวบรวมองค์ความรู้มาจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่ ตั้งแต่ปี
พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นมา โดยหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เปน็ เรอื่ งของหลกั ธรรม หลกั คดิ และหลักปฏิบัติ ทำ� ใหไ้ ดร้ ับความสนใจ
มกี ารน�ำไปศกึ ษาและเผยแพร่อย่างตอ่ เน่อื ง ทผ่ี า่ นมาสำ� นักงาน กปร.
ได้ศึกษา รวบรวม และปรับปรุงเนื้อหาหลักการทรงงานมาโดยตลอด
ทำ� ใหม้ หี ลกั การทรงงานเพมิ่ ขน้ึ จนในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ มหี ลกั การทรงงาน
รวม ๒๓ ขอ้
เอกสารหลักการทรงงานเล่มดังกล่าว ได้มีการเผยแพร่
ประชาสมั พนั ธม์ าเปน็ ระยะเวลาหนง่ึ แลว้ ในโอกาสนี้ ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกลุ
กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และอดีตเลขาธิการ กปร.
คนท่ี ๑ ทเี่ ปน็ ผรู้ เิ รมิ่ จดั ทำ� หลกั การทรงงานขนึ้ มคี วามเหน็ วา่ ควรมกี าร
ปรับปรุงหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้มีความครบถ้วน
สมบูรณ์ ดังน้ันส�ำนักงาน กปร. ได้จัดตั้งคณะท�ำงานเพื่อเข้าพบ
รับค�ำแนะน�ำจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เก่ียวกับการปรับปรุงเนื้อหา
หลักการทรงงาน โดยเป็นข้อมูลจากประสบการณ์การท�ำงานสนอง
พระราชดำ� รทิ ม่ี มี าตอ่ เนอื่ งยาวนาน ทำ� ใหไ้ ดเ้ นอื้ หาหลกั การทรงงานท่ีมี
ความสมบูรณ์ โดยภายหลังการปรับปรุงท�ำให้หลักการทรงงานจาก
๒๓ ข้อ เพิ่มเป็น ๒๗ ข้อ เนือ้ หารายละเอยี ดปรากฏในเอกสารฉบับนี้
ส�ำนักงาน กปร. ขอขอบคุณ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ที่ได้ให้
ความกรุณาในการปรับปรุงหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ใหม้ คี วามถกู ตอ้ ง และความครบถว้ น ซงึ่ สำ� นกั งาน กปร. หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่
ว่าจะเป็นประโยชน์ตอ่ ผู้ทีไ่ ดศ้ ึกษาเรยี นรู้ และน�ำไปปฏิบตั สิ ืบต่อไป

3

หลักการทรงงาน

๑) ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ๒) อ่อนน้อม ถ่อมตน ๓) ความเพยี ร
จรงิ ใจตอ่ กัน

๔) รู้ รัก สามคั คี ๕) ท�ำเรอื่ ย ๆ ๖) มีความสขุ ในการ
ทำ� แบบสังฆทาน ท�ำประโยชนใ์ ห้แกผ่ อู้ น่ื

๗) ศกึ ษาข้อมูลอย่างเปน็ ๘) ระเบิดจากข้างใน ๙) ทำ� ตามล�ำดับข้นั
ระบบ ทำ� งานอยา่ งผรู้ ้จู ริง

๑๐) ภมู สิ ังคม ๑๑) องค์รวม ๑๒) ประหยดั เรียบง่าย
ไดป้ ระโยชน์สูงสุด
4

๑๓) ขาดทุนคอื กำ� ไร ๑๔) ปลกู ปา่ ในใจคน ๑๕) ใช้ธรรมชาติ
ช่วยธรรมชาติ

๑๖) อธรรมปราบอธรรม ๑๗) ประโยชน์ส่วนรวม ๑๘) การพงึ่ ตนเอง

พอประมาณ

มีเหตผุ ล มีภมู คิ ุม กนั
ในตัวทด่ี ี

ความรู คณุ ธรรม
รอบรู รอบคอบ ซ่ือสตั ย ขยนั อดทน
สติปญ ญา แบง ปน
ระมดั ระวงั

๑๙) เศรษฐกิจพอเพยี ง ๒๐) เข้าใจ เขา้ ถงึ พัฒนา ๒๑) แกป้ ัญหาทจี่ ุดเลก็
คดิ Macro เร่ิม Micro

๒๒) ไมต่ ิดต�ำรา ทำ� ให้งา่ ย ๒๓) การมสี ว่ นร่วม ๒๔) พออยพู่ อกิน

๒๕) บริการรวมทจี่ ดุ เดียว ๒๖) รา่ เรงิ รนื่ เรงิ คกึ คกั ครกึ ครน้ื ๒๗) ชยั ชนะ
กระฉบั กระเฉง มพี ลงั เปน็ ปจั จยั ของการพัฒนา
ของการทำ� งานทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ
5



ซ่อื สัตย์ สุจริต จรงิ ใจต่อกนั

ทรงมพี ระราชดำ� รสั เรอ่ื ง ความซอื่ สตั ย์ สจุ รติ จรงิ ใจตอ่ กนั อยา่ ง
ตอ่ เนอื่ งตลอดมา เพราะเหน็ วา่ หากคนไทยทกุ คนไดร้ ว่ มมอื กนั ชว่ ยชาติ
พัฒนาชาตดิ ้วยความซอื่ สัตย์ สจุ รติ จริงใจต่อกนั แล้ว ประเทศไทยจะ
เจรญิ กา้ วหนา้ อย่างมาก ดังพระราชดำ� รัสความตอนหนึ่งวา่
“...คนที่ไม่มคี วามสุจริต คนทีไ่ ม่มคี วามม่นั คง ชอบแตม่ ักง่าย ไมม่ ีวนั
จะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่ส�ำคัญอันใดได้ ผู้ท่ีมีความสุจริตและความ
มุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะท�ำงานส�ำคัญย่ิงใหญ่ที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แท้จริง
ส�ำเร็จ...”

พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแก่
นสิ ิตจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย

ณ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย วนั พฤหัสบดีที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๒
“...ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่ง ให้มีอันเป็นไป พูดอย่างน้ี
หยาบคายแตว่ า่ ขอใหม้ อี นั เปน็ ไป ถา้ ไมท่ จุ รติ ถา้ สจุ รติ และมคี วามตง้ั ใจในธรรม
ขอให้ตอ่ อายุได้ถึง ๑๐๐ ปี ถ้าอายุมากแลว้ กแ็ ข็งแรง แลว้ สุจรติ ประเทศไทย
จะรอดพ้นอนั ตรายอยา่ งมาก...”

พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่
ผวู้ ่าราชการจงั หวัดท่ผี ่านการอบรมหลักสตู รผู้ว่าราชการจงั หวัดบรู ณาการ

ณ วังไกลกงั วล วนั อาทติ ยท์ ี่ ๓ ตลุ าคม ๒๕๔๗

6



ออ่ นนอ้ ม ถ่อมตน

การอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคุณสมบัติที่ทุกคนพึงมีพึงปฏิบัติ
ให้เป็นปกติวิสัยซ่ึงท�ำให้สังคมมีความสมานฉันท์ ทรงปฏิบัติให้เห็น
มาโดยตลอด ทรงอ่อนน้อมมาก เวลาท่ีเสด็จฯ ไปทรงเย่ียมราษฎร
ทรงโนม้ พระวรกายไปหาประชาชน คกุ เขา่ หนา้ ประชาชน ถามทกุ ขส์ ขุ
ปรกึ ษาหารอื เปน็ ชว่ั โมง ๆ ประชาชนนง่ั พบั เพยี บ พระองคท์ า่ นกท็ รงทรดุ
พระวรกายน่งั พบั เพยี บบนพ้นื เดียวกัน

7



ความเพยี ร

ความเพยี รเปน็ คณุ สมบตั ทิ จี่ ะทำ� ใหง้ านสำ� เรจ็ ตอ้ งมคี วามมงุ่ มน่ั
โดยเฉพาะการท�ำงานเพ่ือประโยชน์ส่วนรวม ทรงปฏิบัติให้เห็นโดย
ทรงเรือใบจากวังไกลกังวลข้ามอ่าวไทยข้ึนฝั่งที่สัตหีบ ทรงใช้เวลา
เดินทาง ๑๗ ช่ัวโมงบนเรือขนาดยาวเพียง ๑๓ ฟุต ล�ำเรือแคบ ๆ
ทรงแสดงใหเ้ หน็ ถงึ การใชค้ วามเพยี รในการทำ� งานใหส้ ำ� เรจ็ นอกจากน้ี
ยังทรงแสดงเรื่องความเพียรผ่านพระราชนิพนธ์พระมหาชนก ซ่ึง
พระราชนิพนธ์นี้ทรงใช้เวลาค่อนข้างนาน ในการคิดประดิษฐ์ ท�ำให้
เข้าใจง่าย และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพสังคมปัจจุบัน อีกทั้ง
ภาพประกอบและคติธรรมต่าง ๆ ได้ส่งเสริมให้หนังสือเล่มน้ีมีความ
ศักด์ิสิทธิ์ท่ีหากคนไทยน้อมรับมาศึกษาวิเคราะห์และปฏิบัติตามรอย
พระมหาชนก กษัตริย์ผู้เพียรพยายาม แม้จะไม่เห็นฝั่ง ก็ยังว่ายน�้ำ
ต่อไป เพราะถ้าไม่เพียรว่ายก็จะตกเป็นอาหาร ปู ปลา จมน้�ำตาย
ก่อนถึงฝ่งั

8



รู้ รัก สามคั คี

“รู้ รัก สามัคคี” เป็นพระราชด�ำรัสท่ีมีค่าและมีความหมาย
ลกึ ซ้งึ พรอ้ มทง้ั สามารถปรับใช้ได้กับทกุ ยุคทุกสมยั
รู้ : การที่เราจะลงมือท�ำสิ่งใดน้นั จะต้องรู้เสียกอ่ น ร้ถู ึงปจั จัย
ทง้ั หมด รู้ถงึ ปญั หา และรูถ้ ึงวธิ กี ารแก้ปญั หา
รัก : คอื ความรกั เมื่อเรารู้ครบถว้ นกระบวนความแล้วจะตอ้ งมี
ความรักเป็นพลังผลักดันท่ีจะเข้าไปลงมือปฏิบัติแก้ไขปัญหาน้ัน ๆ
ถ้าเรามีความรักแล้วจะมีแรงกระตุ้นให้ท�ำงานด้วยความเต็มใจ
สามัคคี : การที่จะลงมือปฏิบัติน้ัน ควรค�ำนึงเสมอว่าเราจะ
ทำ� งานคนเดยี วไมไ่ ด้ ตอ้ งทำ� งานรว่ มมอื รว่ มใจเปน็ องคก์ ร เปน็ หมคู่ ณะ
จงึ จะมพี ลงั เข้าไปแกป้ ญั หาใหล้ ลุ ว่ งไปได้ด้วยดี

9



ทำ� เรือ่ ย ๆ ท�ำแบบสงั ฆทาน

ปญั หาตา่ ง ๆ ของประเทศชาตเิ กดิ ข้นึ อย่างไมร่ ู้จบ จ�ำเปน็ ตอ้ ง
ทมุ่ เทก�ำลังความสามารถเขา้ ไปแกไ้ ข จะหยุดการท�ำงานไมไ่ ด้ จงึ ตอ้ ง
ท�ำเร่ือย ๆ ไม่สามารถหยุดงานช่วยเหลือประชาชนได้ โดยพระองค์
ทรงงานมาตลอด ๗๐ ปี
“หลกั สงั ฆทาน” มคี วามหมายคอื “ใหเ้ พอื่ ให”้ เปน็ การใหโ้ ดย
ไมเ่ ลอื ก ไม่หวังผลตอบแทน และไม่เลือกปฏบิ ัติ
การท�ำงานช่วยเหลือประชาชนจะไม่ทรงเลือก ไม่ก�ำหนดว่า
เป็นใคร มีเชื้อชาติศาสนาใด จึงเป็นการทำ� ลกั ษณะคล้ายสงั ฆทานทใ่ี ห้
โดยไม่ตอ้ งระบุผู้รับ ดังมพี ระราชดำ� รสั ครั้งหนึง่ ความว่า
“...การเป็นพระเจ้าแผน่ ดินน้นั เป็นตลอด ๒๔ ช่ัวโมง พระองคท์ รง
อย่บู นยอดปิระมดิ ของสงั คม แต่ ปริ ะมดิ ในประเทศไทย เป็นปิระมิดหัวกลับ”

10



มีความสขุ ในการทำ� ประโยชนใ์ ห้แกผ่ ้อู น่ื

ความสุขเป็นเรื่องของการท�ำประโยชน์ให้เกิดข้ึน ซึ่งความสุข
ท่ีแท้จริงคือ การท�ำประโยชน์ให้ผู้อื่น มิใช่ท�ำให้ตนเองเพียงเท่าน้ัน
ตอ้ งสร้างประโยชน์กับคนอ่นื เมอื่ คนอ่ืนมีความสขุ แลว้ เราก็มคี วามสุข
ด้วย โดยความสุขของผู้อ่ืน คือความสุขส่วนรวมน่ันเอง เราต้องยึด
ประโยชนส์ ว่ นรวมมากอ่ นประโยชนส์ ว่ นตน ดงั มีพระราชดำ� รสั ครัง้ หนึ่ง
ความวา่
“...ขอบใจนะทมี่ าชว่ ยฉนั ทำ� งาน ฉนั ขอบอกกอ่ นนะ ชว่ ยฉนั
ทำ� งาน ไมม่ อี ะไรจะให้ นอกจากมคี วามสขุ รว่ มกนั ในการทำ� ประโยชน์
ใหแ้ กผ่ อู้ นื่ ...”

11



ศึกษาข้อมลู อย่างเป็นระบบ ท�ำงานอย่างผู้ร้จู ริง

การทจี่ ะพระราชทานโครงการใดโครงการหนงึ่ จะทรงศกึ ษาขอ้ มลู
รายละเอยี ดอยา่ งเปน็ ระบบ ทั้งข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสาร และแผนที่
ตลอดจนสอบถามจากเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรในพื้นท่ี
ให้ไดร้ ายละเอยี ดทีถ่ กู ต้อง รวมทั้งศกึ ษาตรวจสอบและทอดพระเนตร
ในพ้ืนที่จริง เพื่อที่จะพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง
รวดเร็วตรงตามความต้องการของประชาชน และสอดคล้องกับ
สภาพแวดล้อม
12



ระเบิดจากขา้ งใน

ทรงมุ่งเน้นเร่ืองการพัฒนาคน ดังพระราชด�ำรัสว่า “ระเบิด
จากข้างใน” หมายความว่า ต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชน
ที่เราเข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน แล้วจึง
ค่อยออกมาสู่สังคมภายนอก มิใช่การน�ำเอาความเจริญหรือบุคคล
จากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชนท่ียังไม่ทันได้มีโอกาสเตรียมตัว
หรือตง้ั ตวั อย่าให้โดยทีผ่ ้รู บั ยงั ไมพ่ ร้อมทจ่ี ะใชป้ ระโยชน์อยา่ งเต็มท่ี

13



ทำ� ตามลำ� ดับขน้ั

ในการทรงงานจะทรงเริ่มต้นจากสิ่งจ�ำเป็นท่ีสุดของประชาชน
กอ่ น ไดแ้ ก่ สาธารณสขุ เมอ่ื มรี า่ งกายสมบรู ณแ์ ขง็ แรงแลว้ กจ็ ะสามารถ
ท�ำประโยชน์ด้านอื่น ๆ ต่อไปได้ จากน้ันจะเป็นเร่ืองสาธารณูปโภค
ขั้นพนื้ ฐาน และสิ่งจ�ำเปน็ ในการประกอบอาชพี อาทิ ถนน แหลง่ น�้ำ
เพอื่ การเกษตร การอปุ โภคบรโิ ภค ทเี่ ออื้ ประโยชนต์ อ่ ประชาชนโดยไม่
ท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้ทางวิชาการและ
เทคโนโลยีที่เรียบง่าย เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎร
สามารถน�ำไปปฏิบัติได้และเกิดประโยชน์สูงสุด ดังพระบรมราโชวาท
ความตอนหน่ึงว่า
“...การพัฒนาประเทศจ�ำเป็นต้องท�ำตามล�ำดับขั้นต้องสร้างพ้ืนฐาน
คอื ความพอมี พอกนิ พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบอื้ งตน้ ก่อน โดยใช้
วิธีการและใช้อุปกรณ์ท่ีประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เม่ือได้พ้ืนฐาน
มั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและ
ฐานะเศรษฐกจิ ขนั้ ทสี่ งู ขน้ึ โดยลำ� ดบั ตอ่ ไป หากมงุ่ แตจ่ ะทมุ่ เทสรา้ งความเจรญิ
ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์
กบั สภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคลอ้ งดว้ ย กจ็ ะเกดิ ความไม่
สมดุลในเร่ืองต่าง ๆ ข้ึน ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด
ดังเห็นได้ท่ีอารยประเทศหลายประเทศก�ำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ
อย่างรนุ แรงในเวลานี้...”

พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั ร
ของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
วันพฤหสั บดที ี่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗
14

๑๐

ภมู สิ งั คม

การพัฒนาใด ๆ ต้องคำ� นึงสภาพภมู ิประเทศของบริเวณน้ัน ๆ
ว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน
ตลอดจนประเพณีวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นท่ีมีความแตกต่างกัน
และใช้หลักในการปรับตัวให้อยู่กับธรรมชาติให้ได้ ดังพระราชด�ำรัส
ความตอนหน่งึ วา่
“...การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์ และ
ภมู ปิ ระเทศทางสงั คมศาสตรใ์ นสงั คมวทิ ยา คอื นสิ ยั ใจคอของคนเราจะไปบงั คบั
ใหค้ นอน่ื คิดอย่างอนื่ ไมไ่ ด้ เราตอ้ งแนะน�ำ เราเข้าไปไปชว่ ยโดยท่ีจะคิดให้เขา
เขา้ กบั เราไม่ไดแ้ ตถ่ ้าเราเขา้ ไปแลว้ เราเข้าไปดวู ่าเคา้ ต้องการอะไรจรงิ ๆ แลว้
กอ็ ธบิ ายให้เขาเข้าใจหลักการของการพฒั นานี้ก็จะเกิดประโยชนอ์ ย่างยงิ่ ...”

15

๑๑

องค์รวม

ในการที่จะพระราชทานพระราชด�ำริเกี่ยวกับโครงการหนึ่งน้ัน
จะทรงมองเหตุการณ์ที่จะเกิดข้ึนและแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง
อย่างครบวงจร ทรงเรียกวธิ นี ้ีว่า องคร์ วม (Holistic) หมายถงึ การมอง
เหตุการณ์ที่จะเกิดข้ึนแบบบูรณาการ และก�ำหนดแนวทางแก้ไข
อย่างเชื่อมโยง โดยพิจารณาครบทุกด้านของปัญหาพร้อมแนวทาง
แกไ้ ขอยา่ งเชอื่ มโยงกนั เปน็ ระบบ เชน่ กรณขี อง “ทฤษฎใี หม”่ มี ๓ ขน้ั
ดงั นี้
ขนั้ ท่ี ๑ คอื การมองในเร่อื งของการบริหารจัดการทด่ี ินต้งั แต่
การถอื ครองทด่ี นิ ของประชากรไทยโดยเฉลยี่ ทด่ี นิ ประมาณ ๑๐ - ๑๕ ไร่
และแหล่งน�้ำอันเป็นปัจจยั พื้นฐานท่สี �ำคญั ในการประกอบอาชีพ และ
เป็นเรอ่ื งพ้นื ฐานของเกษตรกรในการพง่ึ ตนเองคือ พออยู่ พอกนิ ก่อน
ขนั้ ท ่ี ๒ คือ การให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่ม หรือ
สหกรณเ์ พอื่ การจดั การและการตลาดสำ� หรบั ผลผลติ ทเี่ หลอื กนิ เหลอื ใช้
ขนั้ ท่ี ๓ คือ การรวมกลุ่ม รวมพลังชุมชนให้มีความเข้มแข็ง
เพอื่ พรอ้ มทจี่ ะออกไปสกู้ บั การเปลยี่ นแปลงของสงั คมภายนอกไดอ้ ยา่ ง
ครบวงจร เพื่อยกระดบั ไปสู่ธุรกจิ ชุมชนตอ่ ไป

16

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ ร พระราชทานเอกสารเร่อื งทฤษฎีใหม่ ทรงแนะนำ� หลักการ

ขอ้ มลู วิธปี ฏบิ ัติ และการแกไ้ ขปญั หาตา่ ง ๆ เพอื่ ชว่ ยใหเ้ กษตรกร
ไดน้ ำ� หลกั การไปประยกุ ตใ์ ช้
17

๑๒

ประหยัด เรียบง่าย ไดป้ ระโยชน์สงู สดุ

ในเรื่องของความประหยัดน้ี ประชาชนชาวไทยทราบกันดีว่า
เรื่องส่วนพระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังที่เราเคยเห็นว่า หลอด
ยาสีพระทนต์น้ันทรงใช้อย่างคุ้มค่าอย่างไร หรือฉลองพระองค์
แตล่ ะองค์ทรงใช้อยเู่ ป็นเวลานาน
ขณะเดยี วกนั การพฒั นาและชว่ ยเหลอื ราษฎรทรงใชห้ ลกั ในการ
แก้ไขปญั หาด้วยความเรยี บงา่ ยและประหยัด ราษฎรสามารถทำ� ได้เอง
หาไดใ้ นทอ้ งถนิ่ และประยกุ ตใ์ ชส้ งิ่ ทม่ี อี ยใู่ นภมู ภิ าคนน้ั ๆ มาแกไ้ ขปญั หา
โดยไม่ต้องลงทุนสูง หรือใช้เทคโนโลยีท่ีไม่ยุ่งยากนัก ทรงให้ใช้หลัก
Cost Effectiveness (คมุ้ คา่ ) ไมใ่ ช่ Cost Benefit (คมุ้ ทุน) เสมอไป
ซ่ึงหมายถึงปัญหาของมนุษย์คิดเป็นราคาไม่ได้ อย่าไปเน้นก�ำไร
หากแต่เราตอ้ งจัดการใหค้ วามทกุ ขข์ องเขาหมดไปให้ได้ โดยเนน้ ความ
ยัง่ ยืนและประโยชน์สขุ

18

๑๓

ขาดทนุ คอื ก�ำไร

การพัฒนาเพื่อการอยู่ดีกินดีของประชาชนน้ัน อย่าไปนึกหวัง
กำ� ไรหรอื ผลตอบแทนแตอ่ ยา่ งเดยี ว ทำ� อะไรตอ้ งลงทนุ ลงแรงและปจั จยั
บางอย่างเสียกอ่ นเพ่ือสรา้ งผลกำ� ไรในอนาคต คอื ความอยดู่ ีมสี ุขของ
ประชาชน ดงั พระราชด�ำรัสความตอนหนึง่ วา่
“...ถา้ หากว่าอยากใหป้ ระชาชนอยู่ดีกินดี รฐั จะตอ้ งลงทุน ตอ้ งสรา้ ง
โครงการซ่ึงต้องใช้เงินจ�ำนวนเป็นร้อยเป็นพันเป็นหม่ืนล้าน. ถ้าท�ำไปก็เป็น
“loss” เปน็ การเสยี เปน็ การขาดทนุ เปน็ การจา่ ย คอื รฐั บาลตอ้ งตง้ั งบประมาณ
รายจ่าย ซ่งึ มาจากเงนิ ของประชาชน. แตว่ ่าถ้าโครงการดี ในไม่ชา้ ประชาชน
ก็จะได้กำ� ไร จะไดผ้ ล. ราษฎรจะอย่ดู ี กนิ ดีขน้ึ จะได้ประโยชน์ไป ส่วนรฐั บาล
ไมไ่ ดอ้ ะไร. แตข่ อ้ นี้ถ้าดใู ห้ดี ๆ จะเหน็ ว่าถ้าราษฎรอยดู่ กี นิ ดี มรี ายได้ รัฐบาล
ก็เก็บภาษีได้สะดวก ไม่มีการหนีภาษี เพราะเม่ือมีรายได้ดีข้ึน เขาก็สามารถ
เสียภาษไี ดม้ ากขึน้ ...”
พระราชดำ� รสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ ง ๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายพระพรชยั มงคล

เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั
วนั พธุ ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๔

19

๑๔

ปลกู ป่าในใจคน

ปา่ ไมเ้ ปน็ ปจั จยั สำ� คญั ของชวี ติ มนษุ ย์ หากไมม่ กี ารปลกู จติ สำ� นกึ
ในการรักษาป่าไม้ให้กับทุกคนแล้ว จะท�ำให้การด�ำรงชีวิตของมนุษย์
เปน็ ไปดว้ ยความยากลำ� บาก เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ดแู ลรกั ษาปา่ ไมด้ ว้ ยหนา้ ที่
พงึ กระทำ� แตช่ าวบา้ นจะสามารถดแู ลและหวงแหนปา่ ไมด้ ว้ ยจติ สำ� นกึ
เพอ่ื รกั ษาปจั จยั แหง่ ชวี ติ ของตนเอง ทรงมพี ระราชดำ� รสั วา่ ควรจะมปี า่ ไม้
หมู่บ้านเสียที ป่าจะได้กลับมา หมายถึงชาวบ้านลุกขึ้นดูแลและฟื้นฟู
ทรพั ยากรปา่ ดว้ ยตนเอง ดงั พระราชดำ� รสั ความตอนหนึ่งวา่
“...เจ้าหน้าที่ป่าไม้ควรจะปลูกต้นไม้ ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคน
เหลา่ นั้นก็จะพากันปลกู ต้นไม้ลงบนแผ่นดนิ และรักษาตน้ ไม้ดว้ ยตนเอง...”

พระราชด�ำรัสพระราชทานแกเ่ จ้าหน้าทป่ี า่ ไม้
ณ หน่วยจดั การตน้ นำ�้ ทงุ่ จ๊อ อ�ำเภอแม่แตง จังหวัดเชยี งใหม่

วันเสารท์ ี่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๙

20

๑๕

ใชธ้ รรมชาติช่วยธรรมชาติ

ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติและต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกับ
ธรรมชาติ ทรงมองเหน็ ถงึ ปญั หาของธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งละเอยี ด หากเรา
ต้องการแก้ไขปัญหาธรรมชาติ จงึ จำ� เป็นต้องใช้ธรรมชาติเขา้ ชว่ ยเหลือ
ไม่ว่าจะเป็นการบ�ำบัดน้�ำเสีย ด้วยการใช้ น้�ำดีไล่น้�ำเสีย โดยอาศัย
หลักแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติ (Gravity Flow) หรือการใช้ พืช
กรองน�้ำเสีย การแก้ไขปญั หาป่าเสื่อมโทรม ด้วยพระราชดำ� ริ ปลกู ป่า
โดยไม่ต้องปลูก ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ รวมถึง
การก�ำจัดขยะ ด้วยการหมักเพื่อให้จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ
ย่อยสลาย ดังพระราชด�ำรสั ความตอนหนึง่ ว่า
“…แต่ ๓,๐๐๐ ไรน่ ัน่ มันอยสู่ งู จะนำ� นำ้� โสโครกจากท่ีนี่ไปทีโ่ น้นต้อง
สบู ไปไมไ่ หว แตว่ า่ จะทำ� เปน็ บงึ ใหญท่ จ่ี ะเกบ็ นำ้� ไดส้ ำ� หรบั เวลาหนา้ นำ�้ มนี ำ้� เกบ็
เอาไว้ หน้าแล้งก็ปล่อยลงมา ส่วนหน่ึงอาจปล่อยลงมาส�ำหรับล้างกรุงเทพฯ
ได้เจอื จางน�้ำโสโครกในคลองต่างๆ…”

พระราชดำ� รสั เม่อื วันพุธที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๒

21

“...สง่ิ โสโครกจากบา้ นเรอื นทใ่ี หเ้ ทศบาลสบู ไป มกั นำ� ไปปลอ่ ยลงคลอง
ลงแม่นำ้� ถา้ หาทีแ่ หง่ หนงึ่ นอกเมอื ง ท�ำถังหมักสิ่งโสโครกไว้ ๑๐ วัน สง่ิ ท่ีเป็น
ส่ิงโสโครกก็หายโสโครก เช้ือโรคอะไรก็หมดไป ถ้าให้ดีเอาไว้ ๒๘ วัน ให้มัน
จริง ๆ จัง ๆ พวกเชื้อท่ีร้ายแรงท่ียังมีอยู่ก็หมด แม้แต่กลิ่นก็หายหมด
เสร็จแล้วเอามาตากใช้ประโยชน์ได้ ทั้งส่วนท่ีเป็นของแข็งและส่วนที่เป็นน้�ำ
เป็นปยุ๋ ทไ่ี ม่เหม็น เทศบาลต่าง ๆ ทีม่ ีปญั หานี้ก็ตอ้ งพยายามพิจารณาว่าจะท�ำ
อะไรต่อไป...”

พระราชด�ำรสั เสด็จออกมหาสมาคม เนือ่ งในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา
วันองั คารท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๔

22

๑๖

อธรรมปราบอธรรม

ทรงน�ำความจริงในเรื่องความเป็นไปแห่งธรรมชาติและ
กฎเกณฑข์ องธรรมชาตมิ าเปน็ หลกั การแนวปฏบิ ตั ทิ สี่ ำ� คญั ในการแกป้ ญั หา
และเปลย่ี นแปลงสภาวะทไี่ มป่ กตใิ หเ้ ขา้ สปู่ กติ ทรงคดิ คน้ วธิ บี ำ� บดั นำ�้ เสยี
โดยใช้ผักตบชวาดูดซึมสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้�ำ และเป็นท่ีมาของ
“อธรรมปราบอธรรม” ดังพระราชด�ำรัสความตอนหน่งึ ว่า
“...เห็นไหมว่าน้�ำเน่ามันก็เป็นอธรรม ผักตบชวาที่เราไม่ต้องการมัน
ก็เป็นอธรรมเหมือนกัน..ฉันจะเอาอธรรมสู้กับอธรรม ให้ออกมาเป็นธรรมะ
ใหไ้ ด้...”

23

๑๗

ประโยชนส์ ่วนรวม

ทรงเห็นว่าการท�ำงานทุกอย่างของเรานั้นมีผลเกี่ยวเน่ืองถึง
ประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมืองและประชาชนทุกคน เพราะฉะนั้น
จงึ จ�ำเปน็ ทจ่ี ะต้องปฏิบัติหนา้ ทที่ ุก ๆ ประการให้บรสิ ุทธ์ิ บริบูรณ์ โดย
เตม็ กำ� ลงั สตปิ ญั ญา ความรู้ ความสามารถ การปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ
และการพระราชทานพระราชดำ� รใิ นการพฒั นาและชว่ ยเหลอื พสกนกิ ร
ทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นส�ำคัญ ดังพระราชด�ำรัส
ความตอนหน่งึ วา่
“...ใครต่อใครบอกว่าขอให้เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม อันนี้ฟังจน
เบอื่ อาจจะรำ� คาญดว้ ยซำ้� วา่ ใครตอ่ ใครมากบ็ อกวา่ ขอใหค้ ดิ ถงึ ประโยชนส์ ว่ น
รวม อาจมานกึ ในใจวา่ ให้ ๆ อย่เู รื่อยแลว้ ส่วนตัวจะไดอ้ ะไร ขอใหค้ ิดวา่ คนที่
ใหเ้ พอ่ื สว่ นรวมนนั้ มไิ ดใ้ หส้ ว่ นรวมแตอ่ ยา่ งเดยี ว เปน็ การใหเ้ พอื่ ตวั เองสามารถ
ทจี่ ะมสี ว่ นรวมที่จะอาศยั ได.้ ..”
พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ นิสติ นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่

ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันจนั ทร์ที่ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๑๔

24

“...บา้ นเมอื งของเราเปน็ ปกึ แผน่ มนั่ คง และรม่ เยน็ เปน็ สขุ สบื มาชา้ นาน
เพราะเรามคี วามยดึ มนั่ ในชาติ และตา่ งบำ� เพญ็ กรณยี กจิ ตามหนา้ ที่ ใหส้ อดคลอ้ ง
เกอื้ กลู กนั เพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นรวมของชาต.ิ คนไทยทกุ คน จงึ ควรจะไดต้ ระหนกั
ในขอ้ นใี้ หม้ าก แลว้ ตง้ั ใจประพฤตติ วั ปฏบิ ตั งิ าน ใหส้ มแกฐ่ านะและหนา้ ท่ี เพอื่
ใหส้ ำ� เรจ็ ประโยชนส์ ว่ นรวม คอื ความมน่ั คงปลอดภยั ของชาตบิ า้ นเมอื งไทย...”

พระราชดำ� รสั ในการเสด็จออกมหาสมาคม
ในงานพระราชพธิ ีเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ทอ้ งพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกงั วล

วนั พฤหสั บดที ี่ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๖

25

๑๘

การพ่ึงตนเอง

การพฒั นาตามแนวพระราชดำ� ริ ในเบอื้ งตน้ เปน็ การแกไ้ ขปญั หา
เฉพาะหน้า เพื่อให้ประชาชนมคี วามแข็งแรงพอทีจ่ ะดำ� รงชีวิตได้ และ
ขั้นตอนต่อไปคือ การพัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ในสังคมได้ตาม
สภาพแวดลอ้ ม สามารถพึ่งตนเองไดอ้ ยา่ งยัง่ ยืน โดยใช้หลักคดิ ปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การวางเสน้ ทางชวี ิตของตนเองใหเ้ รียบง่าย
ธรรมดา และเดนิ สายกลางดว้ ยปญั ญาพร้อมคณุ ธรรมในจติ ใจ เพือ่ นำ�
ชวี ติ ไปสคู่ วามสมดลุ ของทรพั ยากร ใหม้ คี วามมนั่ คง และเกดิ ความยง่ั ยนื
ในท่ีสุด เปรียบเสมือนเป็นการวางรากฐานของอาคารให้แข็งแรง
ดงั พระราชด�ำรสั ความตอนหน่ึงวา่
“...การชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ประชาชนในการประกอบอาชพี และตงั้ ตวั ใหม้ ี
ความพอกนิ พอใช้ กอ่ นอนื่ เปน็ สงิ่ สำ� คญั ยง่ิ ยวดเพราะผมู้ อี าชพี และฐานะเพยี งพอ
ทจ่ี ะพง่ึ พาตนเองได้ ยอ่ มสามารถสร้างความเจรญิ ในระดบั สงู ขั้นตอ่ ไป...”
พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วนั ศกุ รท์ ่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๑๗

26

๑๙

เศรษฐกจิ พอเพียง

เศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ หลกั ความคดิ ทจี่ ะดำ� เนนิ การเรอื่ งตา่ ง ๆ
เพอ่ื นำ� ชวี ติ ไปสคู่ วามสมดลุ มน่ั คง และยง่ั ยนื เสมอื นเปน็ การวางฐานราก
ของตวั อาคาร ดงั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งทไี่ ดพ้ ระราชทานไว้ ดงั น้ี
“เศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ ปรชั ญาชถ้ี งึ แนวทางดำ� รงอยแู่ ละปฏบิ ตั ิ
ตนของประชาชนในทุกระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ
ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ด�ำเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวหน้าต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึง
ความจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการมี
ผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้งภายนอกและภายใน
ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง
อยา่ งยง่ิ ในการนำ� วชิ าการตา่ ง ๆ มาใชใ้ นการวางแผน และการดำ� เนนิ การ
ทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคน
ในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธรุ กจิ ในทกุ ระดบั
ให้มีส�ำนึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์ สุจริตและให้มีความรอบรู้
ทเี่ หมาะสม ดำ� เนนิ ชวี ิตดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มีสติปญั ญา และ
ความรอบคอบ เพอ่ื ใหส้ มดลุ และพรอ้ มตอ่ การรองรบั การเปลยี่ นแปลง
อย่างรวดเร็ว และกว้างขวางทง้ั
ดา้ นวตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และ
วัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้
เปน็ อยา่ งดี”

27

๒๐

เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา

เข้าใจ : ท�ำอะไรต้องเข้าใจปัญหา เข้าใจหนทางแก้ไข เข้าใจ
กระบวนการจัดการ และปรับความเข้าใจระหว่างผู้ให้ ผู้รับเสียก่อน
ใหเ้ ข้าใจซึ่งกันและกัน
เข้าถึง : เมื่อเข้าใจระหว่างกันทุกประการครบถ้วนแล้ว ต้อง
เข้าถึงการกระท�ำ สร้างความร่วมมือจากผู้เก่ียวข้องเข้าถึงเคร่ืองไม้
เครอ่ื งมอื และวสั ดอุ ปุ กรณ์ และความสามคั ครี ว่ มจติ รว่ มใจของผปู้ ฏบิ ตั ิ
ร่วมมือร่วมไมก้ นั ท�ำงาน
พฒั นา : เม่ือต่างฝา่ ยเขา้ ใจกนั แล้ว เขา้ ถึงกันแล้ว การพัฒนา
ก็จะด�ำเนินการไปอย่างยั่งยืน ไม่ส่งผลกระทบท่ีติดลบต่อระบบ
เศรษฐกิจ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ มและการเมอื ง หากแต่น�ำไปสู่ความสมดุล
มนั่ คง และย่งั ยนื
28

๒๑

แกป้ ญั หาทีจ่ ุดเลก็ คดิ Macro เริม่ Micro

ทรงมองปัญหาในภาพรวม (Macro) ก่อนเสมอ แต่การแก้ไข
ปัญหาของพระองค์จะเริม่ จากจดุ เลก็ ๆ (Micro) คือ การแกไ้ ขปญั หา
เฉพาะหนา้ ทีค่ นมกั จะมองขา้ ม ดงั พระราชดำ� รัสความตอนหน่ึงวา่
“...ถ้าปวดหัวก็คิดอะไรไม่ออกเป็นอย่างน้ันต้องแก้ไขการปวดหัวนี้
กอ่ น...
...มนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ การแกอ้ าการจรงิ แตต่ อ้ งแกป้ วดหวั กอ่ น เพอื่ ทจี่ ะใหอ้ ยู่
ในสภาพทค่ี ดิ ได.้ ..
...แบบ (Macro) น้ี เขาจะท�ำแบบร้ือท้ังหมด ฉันไม่เหน็ ดว้ ย...
...อยา่ งบา้ นคนอยู่ เราบอกบา้ นนม้ี นั ผตุ รงนนั้ ผตุ รงน้ี ไมค่ มุ้ ทจ่ี ะซอ่ ม...
...เอาตกลงรอ้ื บา้ นน้ี ระเบิดเลย เราจะไปอยทู่ ี่ไหน ไม่มที อี่ ยู่...
...วธิ ที �ำต้องคอ่ ย ๆ ทำ� จะไประเบิดหมดไมไ่ ด.้ ..”

29

๒๒

ไม่ตดิ ตำ� รา ทำ� ใหง้ ่าย

การพัฒนาตามแนวพระราชด�ำริมีลักษณะของการพัฒนา
ทอี่ นโุ ลม และรอมชอมกบั สภาพธรรมชาตสิ งิ่ แวดลอ้ มและสภาพของสงั คม
จิตวิทยาแห่งชุมชน คือ “ไม่ติดต�ำรา” ไม่ผูกมัดติดกับวิชาการและ
เทคโนโลยที ไี่ มเ่ หมาะสมกบั สภาพชวี ติ ความเปน็ อยทู่ แ่ี ทจ้ รงิ ของคนไทย
เพราะสภาพปญั หามไี มเ่ หมอื นกนั หากใชป้ ญั ญาไตรต่ รองใหร้ อบคอบ
ครบถว้ นจะพบวธิ กี ารพฒั นาใหม่ ๆ ในการแกไ้ ขปญั หาของประชาชน
ทรงโปรดท่ีจะท�ำสิ่งที่ยากให้กลายเป็นสิ่งที่ง่าย ท�ำส่ิงท่ีสลับ
ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย อันเป็นการแกป้ ญั หาดว้ ยการใชก้ ฎแหง่ ธรรมชาติ
เปน็ แนวทางนน่ั เอง แตก่ ารทำ� สง่ิ ยาก ใหก้ ลายเปน็ งา่ ยนน้ั เปน็ ของยาก
ฉะนน้ั คำ� วา่ “ทำ� ให้งา่ ย” หรอื “Simplicity” จงึ เป็นหลกั คดิ สำ� คัญ
ท่ีสุดของการพัฒนาประเทศในรูปแบบของโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดำ� ริ

30

๒๓

การมีสว่ นร่วม

ในการทรงงานพระองคท์ รงเปดิ โอกาสใหท้ กุ ฝา่ ย ทงั้ ประชาชน
หรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้มาร่วมแสดงความคิด หรือที่เรียกประชา
พจิ ารณเ์ พอื่ รบั ทราบปญั หาและความตอ้ งการของประชาชน โดยใหเ้ อา
ชาวบ้านเป็นครู ดงั พระราชด�ำรสั ความตอนหนึ่งวา่
“...ส�ำคัญท่ีสุดจะต้องหัดท�ำใจให้กว้างขวาง หนักแน่นรู้จักรับฟัง
ความคดิ เหน็ แมก้ ระทง่ั ความวพิ ากษว์ จิ ารณจ์ ากผอู้ นื่ อยา่ งฉลาด เพราะการรจู้ กั
รับฟังอย่างฉลาดนั้นแท้จริง คือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อัน
หลากหลาย มาอำ� นวยการปฏิบตั ิบรหิ ารงานให้ประสบความสำ� เรจ็ ทีส่ มบรู ณ์
นนั่ เอง...”

31

๒๔

พออยพู่ อกิน

ให้ประชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยู่พอกิน” ให้ได้เสียก่อน
แลว้ จึงค่อยขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะท่ีกา้ วหนา้ ต่อไป
การดำ� เนินชีวติ ใหพ้ ออยู่พอกนิ นัน้ ต้องมีทรพั ยากรให้เพยี งพอ
ตอ่ การดำ� รงชวี ติ ตอ้ งอาศยั ความอดุ มสมบรู ณข์ องทรพั ยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดลอ้ มเปน็ สำ� คญั หากขาดแคลนจะทำ� ใหไ้ มเ่ พยี งพอ อดอยาก
ไมม่ น่ั คงในชวี ติ จำ� นวนประชากรเพม่ิ ขน้ึ ทกุ วนั แตท่ รพั ยากรลดลงทกุ ที
ภาวะขาดแคลนยอ่ มเกดิ ขน้ึ ทรงแกไ้ ขปญั หาทกุ ดา้ นเกยี่ วกบั ทรพั ยากร
ธรรมชาติ ทรงฟน้ื ฟแู ละรกั ษาความสมดลุ ของทรพั ยากรธรรมชาตทิ เี่ สยี ไป
เพอื่ สรา้ งความยงั่ ยนื ใหเ้ กดิ ขนึ้ เพราะเปน็ พนื้ ฐานการดำ� รงชวี ติ
ของมนษุ ย์

32

33

“...คนอ่ืนจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทย
เชย วา่ เมอื งไทยไมม่ สี ง่ิ ทสี่ มยั ใหม่ แตเ่ ราอยพู่ อมพี อกนิ และขอใหท้ กุ คนมคี วาม
ปรารถนาทจี่ ะใหเ้ มอื งไทยพออยพู่ อกนิ มคี วามสงบ และทำ� งานตง้ั จติ อธษิ ฐาน
ตั้งปณิธาน ในทางท่ีจะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรือง
อยา่ งยอด แตว่ า่ มคี วามพออยพู่ อกนิ มคี วามสงบ เปรยี บเทยี บกบั ประเทศอนื่ ๆ
ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดย่ิงยวด...ที่สุดก็คือประโยชน์
ร่วมกนั คอื ความพอมพี อกิน พออยู่ ปลอดภยั ของประเทศชาติ...”

พระราชดำ� รัสเน่อื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วนั พุธท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๑๗

34

๒๕

บริการรวมท่จี ุดเดยี ว

การบริการรวมท่ีจุดเดียวส�ำหรับเกษตรกรเป็นรูปแบบการ
บริการแบบเบ็ดเสร็จ หรอื One Stop Services ทเ่ี กิดขน้ึ เปน็ ครงั้ แรก
ในระบบบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย เพ่ือประโยชน์แก่
ประชาชนทีจ่ ะมาขอใชบ้ ริการ จะประหยดั เวลาและคา่ ใชจ้ า่ ย โดยทรง
ให้ตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริเป็นต้นแบบ
ในการบรกิ ารรวมทจี่ ดุ เดยี ว ซง่ึ มหี นว่ ยงานราชการตา่ ง ๆ มารว่ มดำ� เนนิ การ
และใหบ้ รกิ ารประชาชน ณ ทแี่ หง่ เดยี ว ดงั พระราชดำ� รสั ความตอนหนง่ึ วา่

“...กรม กองตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับชวี ิตประชาชนทกุ ดา้ น ไดส้ ามารถ
แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ปรองดองกนั ประสานกนั ตามธรรมดาแตล่ ะฝา่ ยตอ้ ง
มีศูนย์ของตน แต่ว่าอาจจะมีงานถือว่าเป็นศูนย์ของตัวเองคนอื่นไม่เกี่ยวข้อง
และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นศูนย์ท่ีรวบรวมก�ำลังท้ังหมดของเจ้าหน้าท่ีทุก
กรม กอง ทง้ั ในดา้ นเกษตรหรอื ในดา้ นสงั คม ทง้ั ในดา้ นหางาน การสง่ เสรมิ การ
ศึกษามาอย่ดู ้วยกัน ก็หมายความว่าประชาชน ซึ่งจะต้องใชว้ ชิ าการทัง้ หลาย
ก็สามารถทจ่ี ะมาดู ส่วนเจ้าหน้าทจี่ ะให้ความอนเุ คราะห์แก่ประชาชนก็มาอยู่
พร้อมกันในที่เดียวกัน เหมือนกัน ซึ่งเป็นสองด้าน ก็หมายถึงว่า ท่ีส�ำคัญ
ปลายทางคือประชาชน จะได้รับประโยชน์และต้นทางของผู้เป็นเจ้าหน้าที่
จะให้ประโยชน.์ ..”

พระราชด�ำรสั เม่ือวันอาทิตยท์ ี่ ๑๑ กันยายน ๒๕๒๖
35

๒๖

ร่าเรงิ รนื่ เริง คึกคกั ครึกคร้นื กระฉับกระเฉง มีพลงั
เปน็ ปจั จยั ของการทำ� งานท่มี ีประสิทธิภาพ

การทำ� งานใหส้ ำ� เรจ็ และมปี ระสทิ ธภิ าพตอ้ งอาศยั จติ ใจเปน็ เรอื่ ง
ส�ำคัญ ต้องสร้างบรรยากาศรอบตัวให้มีความสุข ไม่เครียด ทรงมี
พระราชด�ำรัสว่า ท�ำงานต้องสนุกกับงานมิฉะนั้นเราจะเบื่อและหยุด
ท�ำงานในระยะต่อมา ดังน้ันปัจจัยของการท�ำงานท่ีมีประสิทธิภาพ
คือ รา่ เริง รื่นเรงิ คึกคกั ครกึ ครืน้
ร่าเริง ร่ืนเริง เวลาท�ำงานตัวเราเองก็ต้องร่าเริง และระหว่าง
ท�ำงานกต็ ้องสรา้ งบรรยากาศให้ผู้เข้าร่วมในการทำ� งานมีความร่นื เริง
คึกคัก ครึกคร้ืน คือ ตัวเองต้องคึกคักกระฉับกระเฉงมีพลัง
เสยี กอ่ น และตอ้ งสรา้ งบรรยากาศในการท�ำงานใหค้ รกึ ครน้ื สนกุ สนาน

พระบรมราโชวาทพระราชทาน
ในงานประชุมสโมสรไลออนสส์ ากล ประจ�ำปี ๒๕๑๓
36

๒๗

ชัยชนะของการพฒั นา

การแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ปัญหา
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเหมือนการเข้าสู่สงคราม
ท่ีไม่ใช้อาวุธในการแก้ไขปัญหา แต่ใช้การพัฒนาเป็นเคร่ืองมือแก้ไข
ปัญหาต่าง ๆ และทุกคร้ังที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ส�ำเร็จ จึงถือเป็น
การได้รับชยั ชนะโดยการพัฒนา
พระแสงขรรคช์ ัยศรี หมายถงึ จะทรงนำ� ทัพเอง
ธงกระบ่ีธุช หมายถึง ทรงปรารถนาอยากจะให้ทกุ คนติดตาม
และชว่ ยรบอยู่ในกองทัพของพระองค์ด้วย
พระมหาสังข์ หมายถึง เพื่อให้เกิดความร�่ำรวย งอกงาม
เจริญกา้ วหนา้
ดอกบวั หมายถึง ความบรสิ ทุ ธ์ิ ความสงบ มีคณุ ธรรม

37

“…ประโยชนอ์ นั พงึ ประสงค์ของการพฒั นานัน้ กค็ อื ความผาสกุ สงบ
ความเจรญิ มน่ั คง ของประเทศชาตแิ ละประชาชน. แตก่ ารทจี่ ะพฒั นาใหบ้ รรลุ
ผลเป็นประโยชน์ดังกล่าวได้ จ�ำเป็นท่ีจะต้องพัฒนาฐานะความเป็นอยู่ของ
ประชาชนใหอ้ ยดู่ กี นิ ดเี ปน็ เบอ้ื งตน้ กอ่ น เพราะฐานะความเปน็ อยขู่ องประชาชน
นน้ั คอื รากฐานอยา่ งสำ� คญั ของความสงบและความเจรญิ มนั่ คง. ถา้ ประชาชน
ทุกคน มฐี านะความเป็นอยู่ที่ดีแลว้ ความสงบ และความเจริญ ย่อมจะเป็นผล
กอ่ เกดิ ตอ่ ตามมาอยา่ งแนน่ อน. จงึ อาจพดู ไดว้ า่ การพฒั นากค็ อื การทำ� สงคราม
กับความยากจนเพ่ือความอยู่ดีกินดีของประชาชนโดยตรง. เมื่อใดก็ตาม ที่
ประชาชนมคี วามอยดู่ ีกนิ ดีและประเทศชาติมคี วามสงบ มีความเจริญ เมอื่ นน้ั
การพัฒนาจึงจะถือได้ว่าประสบความส�ำเร็จ เป็นชัยชนะของการพัฒนา
อยา่ งแทจ้ ริง…”

พระบรมราโชวาทในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตร
ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

ณ อาคารจกั รพนั ธเ์ พ็ญศิริ วนั ศกุ รท์ ่ี ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๙

38

บทสรปุ

หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร เปรยี บเสมอื น “เขม็ ทศิ ”
น�ำทางให้ราษฎรน�ำไปปรับใช้ในชีวิตประจ�ำวันและในการปฏิบัติงาน
ของตนเอง เพื่อให้งานส�ำเร็จลุล่วง และประสบความส�ำเร็จในชีวิต
เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ สามารถแยกหลักการทรงงานออกเป็น
๓ แนวทาง ดงั น้ี
แนวทางท่ี ๑ หลกั ธรรม หรือ หลกั ของจิตใจ หมายถงึ การน�ำ
หลักการทรงงานมาเป็นฐานคิดในการท่ีจะลงมือปฏิบัติงานหรือการ
ด�ำรงตน ใหอ้ ยบู่ นพ้นื ฐานของความถูกตอ้ ง ชอบธรรม
แนวทางท่ี ๒ หลักคิด หมายถึง การน�ำหลักการทรงงาน
มาเป็นแนวคิดในการด�ำรงตน และการปฏิบัติงาน โดยสามารถน�ำมา
ปรบั ใชใ้ หส้ อดคล้องกับบริบท หรอื ภมู ิสังคมของตนเอง
แนวทางท่ี ๓ หลักปฏิบัติ หมายถึง การน�ำหลักการทรงงาน
มาปรับใช้กับการด�ำเนินชีวิตหรือการปฏิบัติงาน ให้ไปสู่ความส�ำเร็จ
ที่ย่งั ยนื

39

หลกั การทรงงาน

หลักธรรม หลกั คดิ หลักปฏบิ ัติ

๑. ซือ่ สตั ย์ สุจริต ๗. ศึกษาขอ้ มลู อย่างเปน็ ๒๐. เขา้ ใจ เข้าถงึ พฒั นา
จรงิ ใจตอ่ กัน ระบบ ทำ� งานอยา่ งผรู้ จู้ รงิ ๒๑. แกป้ ัญหาที่จุดเลก็
๒. ออ่ นน้อม ถ่อมตน ๘. ระเบิดจากขา้ งใน
คิด Macro เรม่ิ Micro
๓. ความเพยี ร ๒๒. ไม่ตดิ ตำ� รา ทำ� ใหง้ ่าย
๙. ท�ำตามลำ� ดบั ขน้ั ๒๓. การมีส่วนร่วม
๔. รู้ รกั สามคั คี ๑๐. ภมู ิสังคม
๕. ทำ� เรอื่ ย ๆ ทำ� แบบ ๑๑. องคร์ วม ๒๔. พออยพู่ อกิน
สงั ฆทาน ๑๒. ประหยัด เรยี บงา่ ย ๒๕. บรกิ ารรวมท่จี ุดเดยี ว
๒๖. ร่าเริง ร่ืนเรงิ คกึ คัก
๖. มีความสขุ ได้ประโยชน์สงู สุด
ในการทำ� ประโยชน์ ๑๓. ขาดทุนคอื กำ� ไร ครกึ ครื้น กระฉบั กระเฉง
ให้แกผ่ ูอ้ ่นื ๑๔. ปลูกป่าในใจคน มีพลัง เปน็ ปจั จัยของการ
๑๕. ใชธ้ รรมชาตชิ ว่ ยธรรมชาติ ทำ� งานทม่ี ีประสิทธภิ าพ
๑๖. อธรรมปราบอธรรม ๒๗. ชัยชนะของการพัฒนา

๑๗. ประโยชนส์ ่วนรวม
๑๘. การพ่ึงตนเอง
๑๙. เศรษฐกจิ พอเพยี ง

40

ภาพวาดฝพี ระหตั ถข์ องพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ ร ทรงออกแบบกงั หนั นำ�้ ชยั พฒั นา เครอื่ งกลเตมิ อากาศแบบ RX-5
เพอ่ื ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการบำ� บดั นำ้� เสยี

เป็นสะพานข้ามแม่น�้ำเจ้าพระยาแห่งเดียวในประเทศไทยท่ีได้รับการจัดอันดับเป็น
สะพานแขวนอสมมาตรทยี่ าวเปน็ อนั ดบั ๕ ของโลก โดยพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหก้ อ่ สรา้ งเพื่อบรรเทา
การจราจรตดิ ขดั ในพน้ื ทก่ี รงุ รตั นโกสนิ ทร์ พรอ้ มกบั รองรบั การเดนิ ทางเชอื่ มตอ่ ระหวา่ งฝง่ั พระนคร
กบั ฝง่ั ธนบรุ ี และเปน็ จดุ เชอื่ มตอ่ โครงการพระราชดำ� รติ ามแนวจตรุ ทศิ อกี ทง้ั ยงั พระราชทานนามวา่
“สะพานพระราม ๘”

สำ� นักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงาน
โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชด�ำริ (สำ� นกั งาน กปร.)

๒๐๑๒ อาคารส�ำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ� ริ ซอยอรณุ อมรินทร์ ๓๖
ถนนอรณุ อมรินทร์ แขวงบางยี่ขนั เขตบางพลดั กรงุ เทพมหานคร ๑๐๗๐๐
โทรศัพท์ ๐ ๒๔๔๗ ๘๕๐๐-๖ โทรสาร ๐ ๒๔๔๗ ๘๕๖๒

พมิ พ์ครง้ั ที่ ๓ เดือน สงิ หาคม ๒๕๖๓ www.rdpb.go.th
จ�ำนวน ๒๐,๐๐๐ เล่ม

พิมพท์ ี่ : บริษทั ธนอรุณการพิมพ์ จำ� กดั โทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๐๓๓-๔


Click to View FlipBook Version