การวเิ คราะห์ปัญหาในการจดั การเรียนการสอนระบบทวภิ าคสี ำหรับผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
ในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
นางสาวนวรตั น์ อนนั ตภักดิ์
งานวเิ คราะห์นี้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศึกษาตามหลกั สตู ร
ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบณั ฑิต
สาขาวชิ าบรหิ ารอาชีวะและเทคนิคศกึ ษา ภาควชิ าบริหารเทคนิคศึกษา
บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ
คำนำ
รายงานการวิเคราะห์ปัญหาการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหา วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวทาง
ในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ
โดยใช้แบบสอบถามประกอบการวิเคราะห์เป็นหลัก เพื่อสามารถนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียน
การสอนระบบทวิภาคี และกำหนดนโยบายทเ่ี ก่ยี วขอ้ งตอ่ ไป
ผู้วิเคราะห์ขอขอบคุณผู้บริหารและบุคลากรในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
บุคลากรในสถานประกอบการ ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวที่ได้ให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการให้ข้อมลู
ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ปัญหาการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นอย่างดี และผู้วิเคราะห์หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานนี้จะเป็น
ประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชวี ศึกษาในอนาคตตอ่ ไป
นวรัตน์ อนนั ตภกั ด์ิ
สารบญั
หัวข้อ หน้า
บทท่ี 1 บทนำ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2
1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา............................................................................................................. 2
1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องการวิเคราะห์ ........................................................................................................................... 3
1.3 ขอบเขตของการวิเคราะห์ .................................................................................................................................. 3
1.4 นิยามศพั ท์เฉพาะ ............................................................................................................................................... 4
1.5 ประโยชน์ของผลการวิเคราะห์ ........................................................................................................................... 4
บทท่ี 2 การศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวข้อง ........................................................................................................ 5
2.1 ความหมายของระบบทวภิ าคี............................................................................................................................. 5
2.2 หลกั การ แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี....................................................................... 6
2.3 การจดั การเรียนการสอนระบบทวภิ าคใี นประเทศไทย....................................................................................... 7
2.4 การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคใี นตา่ งประเทศ........................................................................................ 8
2.5 งานวจิ ยั ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคี.......................................................................... 10
บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การวิเคราะห์ ................................................................................................................................... 13
3.3 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ...................................................................................................................................... 14
3.4 การวิเคราะห์ข้อมลู ........................................................................................................................................... 14
บทที่ 4 ผลของการวเิ คราะหข์ ้อมูล.............................................................................................................................. 16
4.1 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ....................................................................................... 16
4.2 ผลการวิเคราะห์ปัญหาในการจดั การเรียนการสอนระบบทวภิ าคสี ำหรบั ผู้บรหิ ารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา....................................................................................................................... 19
4.3 ผลการเสนอแนะแนวทางแกป้ ญั หาการจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคสี ำหรบั ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
ในสังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.................................................................................................... 23
บทที่ 5 สรปุ ผล และขอ้ เสนอแนะ............................................................................................................................... 27
5.1 สรปุ ผล ............................................................................................................................................................. 27
5.2 ขอ้ เสนอแนะ .................................................................................................................................................... 29
บรรณานกุ รม............................................................................................................................................................... 30
ภาคผนวก.................................................................................................................................................................... 31
2
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา
ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทยสู่สังคมแห่งภูมิปัญญา และการเรียนรู้ของแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ได้เน้นการพัฒนาคนทุกกลุ่มทุกวัยให้มีความรู้พื้นฐานเข้มแข็งมีทักษะชีวติ
พัฒนาสมรรถนะ ทักษะของกำลังแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการพร้อมก้าวสู่โลกของการทางานและ
การแข่งขันอย่างมีคุณภาพ โดยกำหนดวัตถุประสงค์ในการพัฒนาคนและสังคมไทยเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ
กำลังคนให้สามารถประกอบอาชีพเพื่อดำรงชีวิต และสนับสนุนการแข่งขันของประเทศ เป้าหมายเชิงคุณภาพ คือ
การพัฒนาให้คนมีความสามารถในการแก้ปัญหา มีทักษะในการประกอบอาชีพ เป้าหมายเชิงปริมาณ คือ
การเพิ่มกำลังแรงงานระดับกลางที่มีคุณภาพไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของกำลังแรงงาน ทั้งประเทศ (สำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาต,ิ 2559 : 35-36)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545(2) ได้กำหนดไว้
ในมาตรา 8(1) ให้ยึดหลักการจัดการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน โดยเปิดโอกาสในมาตรา 15 ให้สามารถ
จัดการศึกษาได้ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย และกำหนด ในมาตรา 9(7) ให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเปน็
ชุมชนหน่วยงานภาครัฐบาลและเอกชนมีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษา ประกอบกับในพระราชบัญญัติ
การอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 ได้กำหนดในมาตรา 8 การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพให้จัดได้ โดย
รปู แบบ ดงั ตอ่ ไปน้ี (3) การศึกษาระบบทวิภาคี เปน็ การจัดการศกึ ษาวชิ าชพี ท่ีเกดิ จากข้อตกลงระหวา่ งสถานศึกษา
อาชีวศกึ ษาหรอื สถาบันกบั สถานประกอบการ รฐั วิสาหกจิ หรือหนว่ ยงานของรัฐ ในเรอ่ื งการจัดหลักสูตร การเรียน
การสอน การวัดและการประเมินผล โดยผู้เรียนใช้เวลาส่วนหนึ่งในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบัน และเรียน
ภาคปฏิบัติในสถานประกอบการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการผลิตและพัฒนากำลังคน
สถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันสามารถจัดการศึกษาตามวรรคหนึ่งในหลายรูปแบบรวมกันก็ได้ ทั้งน้ี
สถานศึกษาอาชวี ศกึ ษาหรอื สถาบนั นั้นตอ้ งมุ่งเนน้ การจัดการศกึ ษาระบบทวภิ าคีเป็นสำคัญ
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีหน้าที่ในการดำเนินการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษาตาม
พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แกไ้ ขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2545 และพระราชบัญญตั กิ ารอาชวี ศึกษา
พ.ศ. 2551 เพื่อผลิตและพัฒนาผู้เรียนด้านวิชาชีพให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
แผนการศึกษาแห่งชาติ เป็นไปตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ มาตรฐานการศึกษาของชาติ กรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษา
แห่งชาติ และมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแต่ละระดับตลอดจนยึดโยงกบั มาตรฐานอาชีพ โดยเน้นการเรียนรู้สูก่ าร
ปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคุณภาพของของผู้สำเร็จการศึกษาให้มีสมรรถนะด้านวิชาการและด้านวิชาชีพ รวมทั้งคุณธรรม
จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพและกิจนิสัยท่ีเหมาะสมในการทำงานตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ชุมชน
สังคม และสามารถประกอบอาชีพอิสระได้ โดยมีการกำหนดการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนท่ี
สอดคล้องและเชื่อมโยงกับสถานประกอบการโดยเน้นความร่วมมือในการจัดอาชีวศึกษา ระบบทวิภาค และ
3
การฝึกงาน ให้เปน็ หนง่ึ ในยทุ ธศาสตร์สู่การปฏิบัตขิ องสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษานโยบาย ยทุ ธศาสตร์
การผลิตและพฒั นากาลงั คนอาชวี ศึกษา ในระยะ 15 ปี (พ.ศ. 2555 - 2569)
ปัจจุบันสถานศึกษาท่ีจัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคียังคงมีจำนวนน้อยกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
เพราะนอกเหนือจาก 6 ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งประกอบไปด้วย 1)
นโยบาย 2) ผู้เรียน 3) ครูผู้สอน 4) สถานศึกษา 5) สถานประกอบการ 6) ผู้ปกครอง ตามแนวทางปฏิบัติการ
จัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ยังมีสาเหตุเรื่องการสนับสนุนจากผู้บริหาร
สถานศึกษาอีกด้วย กล่าวคือ ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีการส่งเสริมให้ครูมีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาระบบ
บริหารจัดการแบบเครือข่ายในการประสานความร่วมมือกับสถานประกอบการ มีการส่งเสริมให้ครูและสถาน
ประกอบการสร้างนวัตกรรมและงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ให้ความสำคัญกับการจัดระบบ
ข้อมูลสารสนเทศ รวมถึงให้การสนับสนุนทรัพยากรที่หลากหลายในการบริหารจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ตามลำดบั (เบญวรรณ และคณะ, 2560 : 9)
จากความเป็นมาและ ปัญ ห าด ัง กล่ าวผ ู้ วิเ ครา ะห์ ใ นฐ าน ะที่ รับผ ิด ช อบและ เห ็นถึ งค ว ามสำค ั ญ ข อ ง
การวิเคราะห์ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริ หารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา เพอ่ื ให้การจัดการเรยี นการสอนระบบทวิภาคีเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
1.2 วัตถุประสงคข์ องการวเิ คราะห์
1.2.1. เพื่อศึกษาปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
1.2.2. เพื่อวิเคราะห์ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
1.2.3. เพื่อเสนอแนะแนวทางการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสงั กัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
1.3 ขอบเขตของการวเิ คราะห์
ในการวเิ คราะห์ครง้ั นี้ จะมุ่งศกึ ษาเฉพาะ
1.3.1 ปัจจัยที่ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
1.3.2 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เจ้าหน้าที่
งานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ครูนิเทศและครูประจำแผนกช่างครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้จัดการ/เจ้าของ
สถานประกอบการของสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการ
อาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
1.3.3 ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลในระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 – เดือนกันยายน
พ.ศ.2566 ( 1 ปงี บประมาณ )
4
1.4 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ
การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี หมายถึง การจัดการศึกษาวิชาชีพที่เกิดจากข้อตกลงร่วมกัน
ระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการ ทั้งในเร่ืองของการจัดหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การจัด
แผนการฝึกอาชีพ รวมถึงการวดั และการประเมนิ ผลเพื่อสำเร็จการศึกษา
สถานศึกษา หมายถงึ วิทยาลยั หรอื สถาบนั การอาชีวศกึ ษา ทงั้ ภาคารัฐและเอกชนทจ่ี ดั การอาชีวศกึ ษา
ภายใต้สงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
สถานประกอบการ หมายถึง บริษัท ห้างหุ้นส่วน ร้านค้า หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ทั้งในและ
ตา่ งประเทศ ทมี่ กี ารบันทกึ ข้อตกลงความรว่ มมอื กบั สถานศกึ ษาในการจัดการอาชวี ศึกษาระบบทวิภาคี
แผนการฝึกอาชีพ หมายถึง เอกสารใบงานที่ครูฝึกในสถานประกอบการร่วมกับครูผู้สอน
ในสถานศึกษา กำหนดไว้ล่วงหน้าตามหลักการเรียนรู้และการฝึกอาชีพ เพื่อเป็นขั้นตอนในการพัฒนาผู้เรียนใน
ระบบทวิภาคี
ครูฝึก หมายถึง บุคลากรในสถานประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพนั้นๆ และทำหน้าที่สอน
และฝกึ อาชีพใหก้ บั ผู้เรียนในระหว่างที่อยู่ในสถานประกอบการ
ครูนิเทศก์ หมายถึง ครูที่สถานศึกษามอบหมายให้ทำหน้าที่นิเทศ ให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนที่ฝึกอาชีพ
และฝกึ ประสบการณท์ กั ษะวชิ าชพี ในสถานประกอบการ
ผเู้ รียน หมายถงึ นกั เรียน นักศกึ ษาทีฝ่ ึกอาชพี ในระบบทวภิ าคี
1.5 ประโยชนข์ องผลการวเิ คราะห์
1.5.1 ผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ข้อมูลเพื่อใช้ใน
บรหิ ารการจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคี
1.5.2 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สามารถนำผลการวิเคราะห์ปัญหาในการจัดการเรียน
การสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ใช้เป็นข้อมูล
ในการกำหนดนโยบายดา้ นการพฒั นาการจัดการเรียนการสอนรปู แบบอน่ื ๆ ตอ่ ไป
1.5.3 กระทรวงศึกษาธิการสามารถนำผลการวเิ คราะห์ปญั หาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวภิ าคี
สำหรบั ผบู้ ริหารสถานศึกษาในสังกดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาใช้เปน็ แนวทางในการกำหนดนโยบาย
ให้กับการจัดการเรียนการสอนรูปแบบอน่ื ๆ ตอ่ ไป
1.5.4 ใชเ้ ป็นแนวทางในการทำผลวิเคราะหจ์ ากการจดั การเรียนการสอนรปู แบบอืน่ ๆ ต่อไป
5
บทที่ 2
การศึกษาเอกสารและงานวิจัยทีเ่ กยี่ วข้อง
การวิจยั ครง้ั น้ีมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ ศึกษาและวเิ คราะห์ปัญหาในการจัดการเรยี นการสอนระบบทวิภาคีสำหรบั
ผู้บริหารสถานศกึ ษาในสังกดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดังน้นั เพือ่ ให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจใน
การศึกษาดังกล่าว ผู้วจิ ยั ได้ศกึ ษารายละเอยี ดและงานวิจัยที่เกย่ี วขอ้ ง โดยครอบคลมุ หวั ขอ้ ตา่ งๆ ดงั น้ี
1. ความหมายของระบบทวิภาคี
2. หลักการ แนวคิดเก่ยี วกับการจดั การเรยี นการสอนระบบทวภิ าคี
3. การจดั การเรียนการสอนระบบทวภิ าคใี นประเทศไทย
4. การจดั การเรยี นการสอนระบบทวิภาคีในต่างประเทศ
5. งานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวข้องกบั การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
2.1 ความหมายของระบบทวภิ าคี
ตามพระราชบัญญัตกิ ารอาชีวศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘ (๓) กำหนดให้การศึกษาระบบทวภิ าคี เป็นการ
จัดการศึกษาวิชาชีพที่เกิดจากข้อตกลงระหว่างสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบัน กับสถานประกอบการ
รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐในเรื่องการจัดหลักสูตรการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผล โดยผู้เรียน
ใช้เวลาส่วนหนึ่งในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันและเรียนภาคปฏิบัติในสถานประกอบการ รัฐวิสาหกิจ
หรอื หนว่ ยงานของรฐั
เพื่อประโยชน์ในการผลิตและพัฒนากำลังคน สถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันสามารถจัดการศึกษาตาม
วรรคหนึ่งในหลายรูปแบบรวมกันก็ได้ ทั้งนี้ สถานศึกษาอาชีวศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันนั้น ต้องมุ่งเน้น
การจดั การศึกษาระบบทวภิ าคเี ปน็ สำคัญ
มาตรา 51 ในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีที่เป็นความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบนั
และสถานประกอบการใหเ้ ปน็ ไปตามข้อตกลงระหวา่ งสถานศึกษาอาชวี ศึกษาหรอื สถาบันและสถานประกอบการ
สำนักงานโครงการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี กรมอาชีวศึกษา (2541, หน้า 2) ได้ให้ความหมายไว้ว่า
การจัดการอาชวี ศกึ ษาระบบทวิภาคี (Dual Vocational Training หรือ DVT) คือการจัดการศกึ ษาโดยอาศยั ความ
ร่วมมือกันของสองฝ่าย จึงเป็นรูปแบบของการจัดอาชีวศึกษา ที่อยู่ในลักษณะของความร่วมมือในที่นี้คือ
เป็นลักษณะสองฝ่าย ระหว่างสถานประกอบการและสถานศึกษาร่วมกันฝึกพนักงานให้มีคุณภาพ สองสถานท่ี
โรงงาน (เน้นในการฝึกทักษะ) และในชั้นเรียน (เน้นในการเรียนด้านทฤษฎี) เพื่อสองวัตถุประสงค์ ได้ฝึกงาน
ทเี่ ก่ียวข้องกับทักษะและได้รบั ประกาศนียบัตรวิชาชพี
เฉลิมศักดิ์ นามเชียงใต้ (2541, หน้า 9) ได้ให้ความหมายการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
เป็นการจัดระบบคู่ ดำเนินการฝึกอาชีพให้แก่เยาวชนของชาติ โดยความร่วมมือของสถานศึกษาและ
สถานประกอบการ
ไอมูว (iMOVE, 2002, p.27) กล่าวว่า การจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เป็นการจัดฝึกสอง แห่งควบคู่กัน
คอื ในสถานประกอบการท่ีผเู้ ข้ารับการฝึกอาชีพทจี่ ะเรียนรูภ้ าคปฏิบตั ิ และสถานศกึ ษาสำหรับภาคทฤษฎี
6
สงวน บุญปิยทัศน์ (2544, หน้า 11) ได้กล่าวว่า การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เป็นการร่วมกัน
ระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ ร่วมกันทำกิจกรรม การรับนักเรียน เพื่อจะฝึกร่วมกัน และเป็นนักเรียน
สองเร่ืองในตัวคนเดยี วกนั คือเป็นทั้งนกั เรียนและชา่ งฝกึ อาชพี หรือพนกั งานของสถานประกอบการ
ขณะที่ มันน์ (Mann, 1999, p. 6) ได้กล่าวว่า การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คือ การเป็นเจ้าของ
ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและสถานศึกษา ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ร่วมโครงการที่ เท่าเทียมกัน มีการแบ่งอำนาจ
และความรบั ผิดชอบในการจัดการ การสนับสนุน สง่ เสริมของทง้ั สองฝา่ ยมคี วามสำคญั เท่าเทียมกนั
จากความหมายที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การจัดการอาชีวศึกษา ระบบทวิภาคี หมายถึง
การจัดการเรียนการสอนทางด้านอาชีวศึกษา เป็นความร่วมมือกันระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ
โดยสถานศึกษาจะสอนในภาคทฤษฎแี ละสถานประกอบการจะสอนภาคปฏบิ ัติ
2.2 หลักการ แนวคิดเกีย่ วกบั การจดั การเรียนการสอนระบบทวภิ าคี
แนวคิดพื้นฐานในการจดั การเรียนการสอนในอาชีวศกึ ษา มีต้นแบบมาจากชาร์ส์ เอ. โพรสเชอร์ (Charles A.
Prosser) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกงานด้านการพัฒนาระบบการอาชีวศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกาให้มีความก้าวหน้า
และเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาทรัพยากรกำลังคนเพื่อตอบโจทย์ด้านอุตสาหกรรม โดยได้เสนอทฤษฎีและถูก
บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษาแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา (Smith-Hughes National
Vocational Education Act, 1979, p.73-75) จำนวน 16 ขอ้
ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญของการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษาว่า เป็นการฝึกฝนทักษะของบุคคลให้มี
ความรู้ ความชำนาญขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ ดังนั้น สถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาต่างๆ จึง
ต้องพจิ ารณาความพรอ้ มในด้านต่างๆ เชน่ ครูผ้สู อน ส่อื การเรียนการสอน วัสดุฝึก เคร่อื งมือ เครือ่ งจกั ร สถานทใ่ี น
การฝึกงานทง้ั ภายในและภายนอก เป็นตน้ เพ่อื เป็นการสนับสนุนให้การจัดการอาชีวศกึ ษาประสบความสำเร็จตาม
เปา้ หมายท่ีตงั้ ไว้
ในการจัดการอาชีวศึกษาของไทย ได้มีการกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติถึงหหลักการและ
แนวคิดว่า การจัดการศึกษาด้านอาชีพเป็นการจัดการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคน ดดยมีการ
กำหนดหลักสูตรต่างๆเพื่อให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตรงตามมาตรฐานต่างๆที่ตั้งไว้เพื่อเป็นการประกันคุณภาพ
การศึกษาของอาชีวศึกษาทุกระดับ เช่น มาตรการอาชีวศึกษา มาตรฐานวิชาชีพ มาตรฐานอาชีพ คุณวุฒิวิชาชีพ
เป็นต้น โดยมีการจัดแผนการเรียน แผนการฝึกอาชีพ การวัดผลและการประเมินผลเพื่อมุ่งเน้นผลิตผู้ส ำเร็จ
การศึกษาในระดับฝีมือ ระดับเทคนิคและระดับเทคโนโลยีสายปฏิบัติการให้เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจทักษะ
คุณธรรมจริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพและกิจนิสัยที่เหมาะสม ปฏิบัติงานได้จริง ปฏิบัติงานที่ใช้เทคนิค
ในการทำงาน สร้างและพัฒนางาน วางแผน จัดการพัฒนาตนเองและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ให้มี
ความก้าวหน้าทางวิชาการและวิชาชีพ มีสมรรถนะนำไปปฏิบัติงานหรือประกอบอาชีพอิสระได้ตามมาตรฐาน
ทั้งนี้ ต้องมีการส่งเสริม สนับสนุนมาตรฐานวิชาชีพครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องและ
เน้นการมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน ภาคเอกชน สถานประกอบการ เพื่อจะได้มีการระดมทรัพยากร
จากสว่ นต่างๆมาใชใ้ นการพฒั นาการจดั การอาชีวศกึ ษาให้สัมฤทธผิ์ ล
7
2.3 การจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคีในประเทศไทย
ชนะ กสิภาร์ (2548) ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีว่าการฝึกอาชีพ
ระบบทวิภาคีนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2475 หน่วยงานหลักที่นำการจัดการศึกษามาใช้ ได้แก่
สถาบันดทคโนโลยีปทุมวัน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
ราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแกน่ และสำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา สรปุ ได้ ดงั น้ี
2.2.1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีการดำเนินการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ดังนี้
1) พ.ศ. 2527 กรมอาชีวศึกษา ภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการทดลองฝึกช่างชำนาญงาน
ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรมเป็นโครงการนำร่องโดยความร่วมมือระหว่าง กรมอาชีวศึกษา สภาอุตสาหกรรมแหง่
ประเทศไทย และสถานประกอบการคือบริษัทปูนซีเมนต์ไทยจำกัด เรียกว่า “อาชีวศึกษาระบบโรงเรียน-โรงงาน”
จัดขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคท่าหลวงซีเมนต์ไทยอนุสรณ์ จังหวัดสระบุรี มีการดำเนินการอาชีวศึกษาระบบโรงเรียน -
โรงงาน ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งจึงได้มีการขยายการดำเนินงานไปยังสถานศึกษาอื่นๆ ในกรมอาชีวศึกษา
ผู้ทเี่ กี่ยวขอ้ งมีหน้าท่รี ับผดิ ชอบรว่ มกนั ได้แก่ สถานศึกษา สถานประกอบการ ผู้ปกครอง และชา่ งฝึกหัด
2) การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เป็นโปรแกรมการปฏิรูปการศึกษาในประเทศไทยของสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษาซึ่งนับเป็นการจัดการศึกษาแนวใหม่จัดขึ้นตามความต้องการของฝ่ายผู้ใช้
การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีได้ช่วยให้นักศึกษาจำนวนมากมีทักษะในการปฏิบัติงานและเพิ่มโอกาสมีงานทำ
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ทวภิ าค)ี และประกาศนัยบัตรวิชาชพี ชน้ั สงู (ทวภิ าคี) ได้กลายเป็นส่ืงทยี่ นื ยันสมรรถนะทาง
วิชาชีพ สิ่งสำคัญที่ส่งผลให้ประสบความสำเร็จก็คือ ความเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนที่เชื่อมโยง
การเรียนในสถานศึกษากับการฝกึ หดั ในสถานประกอบการ
ศริ พิ รรณ ชุมนมุ (2546) กล่าวว่าการจัดการศึกษาอาชวี ศึกษาระบบทวภิ าคเี ปน็ กระบวนการท่ีมีจุดมุ่งหมาย
เพื่อหล่อหลอมบุคคล ให้มีความสามารถมีทักษะในงานอาชีพ สามารถหากินเลี้ยงชีพได้ ผู้จัดการอาชีวศึกษาจึงไม่
สามารถทำงานแต่เพียงลำพังอย่างมีประสิทธิภาพได้ หากปราศจากความร่วมมือจากสถานประกอบการ จึงต้อง
ประสานประโยชน์ใหม้ ากที่สุด
อนันท์ งามสะอาด (2549)* กล่าวไว้ว่า การจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เป็นการจัดการ
อาชีวศึกษาเพื่อสนองตอบแนวทางการปฏิรูปอาชีวศึกษาทั้งหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) มีการจัดการเรยี นการสอนภาคทฤษฎี และรายวิชาปฏิบัติพื้นฐานในวทิ ยาลยั
ก่อนออกฝึกอาชีพในสถานประกอบการ ทั้งนี้ สถานศึกษามีข้อตกลงประสานความร่วมมือโดยลงนามร่วมกับ
ตัวแทนสถานประกอบการมีสัญญาการฝึกอาชีพระหว่างนักศึกษากับสถานประกอบการ มีแผนการฝึกอาชีพตลอด
ระยะเวลา มีการประเมินมาตรฐานฝีมือ โดยดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการประเมินผล ประกอบด้วย
คณะกรรมการความรว่ มมือระหว่างสถานศกึ ษาและสถานประกอบการ
ซึ่งสามารถสรุปหลักกการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีในประเทศไทยได้ว่า เป็นการจัดการเรียนการ
สอนร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการ โดยผู้เรียนใช้เวลาส่วนหนึ่งในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือ
สถาบันและเรียนภาคปฏบิ ตั ใิ นสถานประกอบการ มแี ผนการเรยี น แผนการฝกึ อาชีพ รวมถงึ การวัดและประเมนิ ผล
มุ่งให้ผู้เรียนสำเร็จการศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพและคุณลักษณะ
ที่เหมาะสม สามารถปฏิบัติงานได้จริงทั้งในด้านของการทำงาน การวางแผนและพัฒนางาน พัฒนาตนเองและ
8
ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งมีสมรรถนะในการนำไปปฏิบัติงานหรือประกอบอาชีพอิสระได้ตาม
มาตรฐานการศึกษาวิชาชีพและมาตรฐานสมรรถนะของสาขาวิชานั้นๆ โดยสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ และแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ
2.4 การจดั การเรียนการสอนระบบทวิภาคใี นตา่ งประเทศ
2.4.1 การจัดการอาชวี ศกึ ษาระบบทวิภาคีในประเทศสหพนั ธส์ าธารณรฐั เยอรมนั
การฝึกอาชีพในลักษณะการจัดทวิภาคีของประเทศสหพนธ์สาธารณรัฐเยอรมัน เป็นการให้โอกาสในการ
ฝึกทักษะในโรงงานอุตสาหกรรม ทักษะการค้าขาย การพาณิชยกรรม เกษตรกรรม งานบริการ งานบริหาร และ
อื่นๆ ซึ่งสถานศึกษาจะมีการแนะแนวอาชีพ การฝึกอบรมโดยสถานประกอบการและสถานศึกษามีอิสระในการ
กำหนดร่วมกัน ซงึ่ ประกาศนยี บัตรการฝกึ จากโรงงานจะเปน็ ใบรับรองทส่ี ำคญั ดังน้ันในประเทศสหพนั ธ์สาธารณรฐั
เยอรมันจึงมีกฎหมายรองรับการฝึกอาชีพในสถานประกอบการ นักศึกษาที่ฝึกอาชีพในสถานประกอบการจะได้รับ
ค่าจ้าง และในกรณที่นักศกึ ษาไมไ่ ด้พักกับครอบครัวจะมีทีพ่ ักซ่ึงสถานประกอบการเป็นผู้จัดหาให้ มีวันหยุดประจำ
สัปดาห์ และได้รับสวัสดิการตอบแทนในกรณีต่างๆ เช่น เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ และอื่นๆ จริยา ทัพพะกุล ณ
อยุธยา (2546) กล่าวว่า การจัดการศึกษาในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันเกิดจากความต้องการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษยเ์ พื่อตอบสนองคณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ของตลาดแรงงาน จงึ มกี ารพฒั นารูปแบบการจดั การศกึ ษา
โดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการให้ผู้เรียนได้ศึกษาภาคทฤษฎีในสถานศึกษ าและฝึก
ภาคปฏิบัติในสถานประกอบการในระดับช่างฝีมือและระดับเทคนิค เรียกว่า การศึกษาระบบทวิภาคี ( dual
vocational training) คือมีการศึกษาในสถานศึกษาสัปดาห์ละ 1-2 วัน และฝึกอาชีพในสถานประกอบการ
สัปดาหล์ ะ 3-4 วัน
2.4.2 การจดั การอาชวี ศึกษาระบบทวภิ าคใี นประเทศออสเตรีย
สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (2543) ได้สรุปประเด็นสำคัญไว้ว่า
การฝึกอาชีวศึกษาในระบบทวิภาคี (dual system) เป็นการเรียนที่ผสมผสานระหว่างการเจริญเติบโต และการ
ฝึกอบรมด้านการอาชีวศึกษา สำหรับการฝึกช่างฝึกหัด โดยผู้เรียนจะเริ่มทำสัญญากับสถานประกอบการด้วย
ตนเอง และสถานฝึกอบรมของสถานประกอบการรับผิดชอบในการเลือกอาชีพสำหรับการฝึกอาชีวศึกษาเป็น
หลักสูตรกว้างๆจัดสอนในโรงเรียนเทคนิคเฉพาะด้าน อาทิ ด้านวิศวกรรม อิเล็กทรอนิกส์ ก่อสร้าง และพนักงาน
การขาย เป็นต้น ช่างฝึกหดั หลายอาชีพสามารถเข้าฝกึ ในสถานศึกษาเหลา่ น้ีได้ ทง้ั น้ีขนึ้ อยกู่ บั ระดับและสาขาอาชีพ
ทีเ่ ป็นที่ยอมรับโดยทวั่ ไป โดยใช้เวลาในการศกึ ษา 2-4 ปี
2.4.3 การจดั การอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคใี นประเทศฝรงั่ เศส
คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา (2547) สรปุ สาระสำคญั ดงั นี้
ประเทศฝรั่งเศสมีระบบการจัดการอาชีวศึกษาของกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ในรูปแบบช่างฝึกหัด
โดยใช้หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ ผู้เรียนได้คุณวุฒิเช่นเดียวกับผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการอาชีวศึกษา
โดยท่ัวไป นอกจากนยี้ ังมีการจัดการอาชีวศกึ ษาหลักสูตรเฉพาะสำหรับผู้ท่มี ีอายคุ รบเกณฑก์ ารศึกษาภาคบังคับคือ
16 ปี ที่ไม่ได้รับคุณวุฒิการศึกษาจะมีการจัดการศึกษาจะมีการจัดการศึกษาเพื่อให้ได้คุณวุฒิและทำงานไปด้วย
โดยมีสัญญาการทำงาน (Work contract) ระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี โดยรัฐจะออกค่าใช้จ่ายให้ ร้อยละ 30 และ
9
ผู้ร่วมโครงการภาคเอกชนสนับสนุนร้อยละ 70 ทั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เยาวชนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
อย่างมคี ณุ ภาพและไดร้ บั คุณวุฒิอยา่ งใดอย่างหนง่ึ โดยมจี ุดเด่น ไดแ้ ก่
1) ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนสายวิชาชีพได้ 3 สาม ตามความถนดั ความสนใจและศักยภาพของแต่ละบุคคล
และสามารถศกึ ษาต่อระดบั สูงไดห้ ากมีความพรอ้ ม
2) มีกฎหมายกองทุนฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร โดยให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป
จ่ายร้อยละ 1.5 ของยอดเงินประจำที่จ่ายเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมให้บุคลากรของสถานประกอบการ
ศึกษาฝึกอบรม โดยให้แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจัดให้มีองค์กรบริการกองทุนเองตามกฎหมายเพื่อให้เกิดควา ม
ยดื หย่นุ และสร้างประสทิ ธิภาพ
2.4.4 การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีในประเทศสหราชอาณาจักร
การจัดการอาชีวศึกษาวิชาชีพในสหราชอาณาจักรในปัจจุบันมีรูปแบบการสนับสนุนความร่วมมือระหว่าง
ภาครฐั และภาคเอกชนที่สำคัญ ดงั น้ี
1) การสร้างความเป็นหุ้นส่วน (partnership) ระหว่างธุรกิจ องค์กรทางการศึกษาและหน่วยงานอื่นเป็นไป
อย่างราบรนื่ และตามวตั ถปุ ระสงค์
2) การผนึกกำลัง (Compacts) ระหว่างสถานศึกษา นายจ้างและผู้เรียนเพื่อสร้างแรงจูงใจ และสร้าง
ความสำเร็จในโรงเรียนตามทีส่ ถานประกอบการตอ้ งการ
3) การเรียนรู้ในที่ทำงาน (Workplace learning initiative) สถานประกอบการบางแห่งจัดศูนย์การเรียนรู้
ในท่ีทำงานซึ่งจะชว่ ยใหพ้ นกั งานมีโอกาสใช้ส่ือและเทคโนโลยเี พ่ือชว่ ยในการเรียนรู้
2.4.5 การจัดการอาชวี ศกึ ษาระบบทวิภาคีในประเทศออสเตรเลีย
ชินภัทร ภูมิรัตน์ (2543) ได้สรุปสาระสำคัญว่า ความร่วมมือในการจัดการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมของ
ประเทศออสเตรเลียในส่วนของวิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่อง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
เป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถในการจัดการอาชีวศึกษาที่มีคุณภาพ ดำเนินการสอนวิชาชีพท่ี
ตอบสนองความตอ้ งการของผ้เู รยี นอยา่ งกว้างขวาง เปิดสอนหลักสตู รระยะส้นั จนถึงหลกั สูตรอนุปริญญา สามารถ
เทียบโอนหน่วยกิตไปเรียนในระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยที่มีข้อตกลงกับ TAFE แต่ละรัฐอาจจะมีรูปแบบ
ความร่วมมอื ในการจดั อาชวี ศึกษาและฝึกอบรมแตกตา่ งกัน
กล่าวได้ว่า การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมในประเทศออสเตรเลียมีความจำเป็น โดยเฉพาะต่อ
ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าที่จะได้พัฒนาตนเองให้มีโอกาสเตรียมตัวเพื่อการทำงานที่ดี มีโอกาสเลือก
สถานที่ทำงานในชมุ ชนอยา่ งกวา้ งขวาง ซ่ึงสง่ ผลต่อการพัฒนาสงั คมและประเทศชาตใิ นส่วนรวม
2.4.6 การจัดการอาชีวศกึ ษาระบบทวภิ าคใี นประเทศสงิ คโ์ ปร์
ในประเทศสิงค์ไปร์นิยมสร้างและพัมนากำลังคนเป็น “มืออาชีพ” มีความสามารถในการแข่งขัน จัด
การศึกษาต่อเนื่อง และจัดการฝึกอบรมอาชีพให้ประชากรในวัยแรงงาน โดยมีสถาบัน ITE รับผิดชอบในการ
ฝึกอบรมทักษะอาชีพ มีระบบการจัดมาตรฐานวิชาชีพ และมีกองทุนเพื่อสนุนทุนในการฝึกทักษะ นอกจากนี้
หลักสูตรอาชีวศึกษายังมีลักษณะเด่น คือ การสร้างวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศโดยสร้างกำลังคนระดับชั้นนำ
ของโลก ผา่ นดารพัมนา 5 ด้าน ได้แก่ 1) ดา้ นบริหารจัดการธุรกจิ 2) ดา้ นเทคโนโลยี 3) ด้านนวัตกรรม 4) ดา้ นการ
ผลิตและการบริการ และ 5) ด้านการพัฒนาและสร้างตลาดให้เป็นนานาชาติ เน้นการสร้างค่านิยมเกี่ยวกับความ
10
เป็นมืออาชีพ กำลังแรงงานที่สามารถทำงานได้ตลอดชีวิต โดยส่งเสริมการศึกษาสายอาชีวศึกษา ตั้งแต่ระดับ
มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมหี ลักสตู รเพื่อเตรยี มผูเ้ รยี นเขา้ สู่หลักสตู รเทคนคิ และอาชวี ศกึ ษา
จากข้อมลู ข้างต้นในการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี หลกั การที่เกี่ยวขอ้ งกับการจัดการอาชีวศึกษาในระบบทวิภาคี
ท้ังในและต่างประเทศ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ ดงั น้ี
1.ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ประกอบด้วย บุคลากรของสถานศึกษา
บคุ ลากรของสถานประกอบการ และผ้เู รยี น
2. แนวทางในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ประกอบด้วย ด้านการบริหารจัดการ ด้านหลักสูตร
ด้านการจดั การเรียนรู้ และดา้ นบคุ ลากร
3. ในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ต้องเริ่มจากการสร้างความเข้าใจกับบุคคลที่เกี่ยวของทั้งใน
บคุ ลากรสถานศกึ ษา บุคลากรสถานประกอบการ ผ้ปู กครองและผเู้ รียน
4. การสนับสนุนจากนโยบายของภาครัฐมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
ประสบความสำเรจ็ และสามารถเปน็ อกี กลไกทีช่ ่วยพฒั นาเศรษฐกจิ และตลาดแรงงานของประเทศชาตใิ นสว่ นรวม
2.5 งานวิจัยทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การจดั การเรยี นการสอนระบบทวภิ าคี
ผู้วิเคราะห์ได้ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี โดยจะนำเสนอ
ประเด็นสำคัญท่ีจะทำให้การจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคีประสบความสำเร็จพจิ ารณาเปน็ รายด้าน ดงั นี้
2.4.1 ด้านคณุ ภาพผเู้ รยี นและผสู้ ำเร็จการศึกษา
ณัฐวิทย์ มุงเมือง (2560) กล่าวว่า การผลิตผู้สำเร็จการศึกษาให้เป็นบุคลากรที่มีความรู้ สามารถปฏิบัติงาน
บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพตรงกบั ความตอ้ งการของสถานประกอบการ ชุมชนและสังคม
โดยความร่วมมือกันในหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ตระหนักและยอมรับถึงความสำคัญของความร่วมมือในการ จัดกา ร
อาชีวศึกษาระบบทิวภาคี เพื่อจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาคนซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนาไป พร้อมกับการพัฒนาท่ี
ยั่งยืนนอกจากนั้น สามารถที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือ การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิ
ภาคี ใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพ่อื เตรยี มบคุ ลากรไว้ทดแทนการขาดแคลนในอนาคต สอดคลอ้ งกับจนิ ตนา รวม
ชมรัตน์ (2558) กล่าวว่า การผลิตกำลงั คนให้เป็นไปในทิศทางที่สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของสถานประกอบการ
และการพัฒนาประเทศเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษาและ เทคโนโลยีตาม
ความต้องการของสถานประกอบการ และตลาดแรงงาน โดยเน้นการผลิตกำลังคนใน 5 ระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และ ปริญญาตรีสาย เทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการให้มี
คุณภาพ และมีค่านิยมท่ดี ใี นการเรียนดา้ นอาชวี ศกึ ษา
สามารถสรุปได้ว่าเมื่อผู้สำเร็จการศึกษาในระบบทวิภาคี มีทักษะและความสามารถที่เป็นไปตามความ
ต้องการของตลาดแรงงาน ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญทื่ทำให้เกิดความร่วมมือที่เพิ่มมากขึ้นจากสถานประกอบการ
ที่มีความต้องการแรงงาน ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีมีความนิยมและสามารถแก้ไขปัญฆาการ
คลานแคลนแรงงานทีม่ ที ักษะในอนาคตได้ ช่วยให้ประเทศเกิดการพัฒนาในวงกวา้ ง
11
2.5.2 ด้านคุณภาพการจดั การเรียนการสอน
ศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคี (2557) กล่าวว่า ในการจัดการเรียนการสอนและการฝึกอาชีพผู้เรียนได้รับความรู้
พื้นฐานในสถานศึกษาจากครูผู้สอนและความรู้ทางด้านทักษะวิชาชีพสาขางานได้จากครูฝึกในส ถานประกอบการ
โดยการฝึกอาชีพครูฝึกในสถานประกอบการเป็นผู้ถ่ายทอด แนะนำให้ผู้ฝึกอาชีพ ได้เรียนรู้ลักษณะวิธีการ
ปฏิบตั ิงานอย่างมีประสทิ ธภิ าพพฤติกรรมที่เหมาะสม และทำงานไดส้ ำเร็จอย่างมีคุณภาพ มีเทคนิควิธีการสอนงาน
ที่ถูกต้อง ควรเน้นการสร้างลักษณะนิสัยการทำงานที่ดี มีความรู้ ความสามารถ ตลอดจนการสร้างสัมพันธภาพที่ดี
กับเพื่อนร่วมงานและทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคมหรือองค์กรได้ และสอดคล้องกับกาญจน์
เรืองมนตรี (2557) ได้กล่าวว่า คุณภาพการศึกษาอยู่ที่คุณภาพของผู้เรียน ซึ่งเกิดจาก ครูที่มีคุณภาพในการจัดการ
เรียนรู้ ครูจะต้องทำวิจัยเพื่อพัฒนาสาระและการจัดการเรียนการสอนอยู่ตลอดเวลา เช่น การสร้างนวัตกรรมการ
จัดการเรียนรู้ เพื่อสู่ความเป็นครูมืออาชีพ ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องให้การสนับสนุน และส่งเสริมให้ครูมีการ
พัฒนาสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้การการจัดการเรียนรู้ เกิดประสิทธิภาพและ
ประสทิ ธผิ ลต่อนกั เรียนอย่างแทจ้ ริง
จึงอาจกล่าวได้ว่าปัจจัยนำเข้าที่จะสามารถทำให้ผู้เรียนใรระบบทวิภาคีมีทักษะ ความรู้ ความสามารถ
รวมถึงคุณลักษณะอังพึงประสงค์ทางจริยธรรมในการทำงาน เกิดจากผู้ถ่ายทอดความรู้นั่นคือครูผู้สอน ดังนั้น
ครูผู้สอนจึงควรเป็นเสมือนต้นแบบที่ดี โดยผ่านการพัฒนาตนเองและพัฒนาองค์ความรู้ที่มีอย่างสม่ำเสมอ มี
นวัตกรรมในการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อ
ผ้เู รยี นและเตรยี มความพรอ้ มก่อนทผี่ ้เู รียนจะเข้าสูโ่ ลกการทำงานจรงิ
2.5.3 ด้านคณุ ภาพการบริหารจัดการ
สุระชัย ลาพิมพ์ (2563) กล่าวว่า คุณภาพการบริหารจัดการมีผลการประเมินความเหมะสม นำข้อมูล
สารสนเทศเกี่ยวกับการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีมาใช้ในการประชาสัมพันธ์ การวางแผนพัฒนาสถานศึกษา
แผนปฏิบัติการประจำปี และงบประมาณ พัฒนาระบบ ฐานข้อมูล ระบบสำรองข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา
ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญจัด
ประชุมคณะกรรมการบริหารงานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารงาน พัฒนาระบบการ
จัดการหลกั สูตร การวัดผลและประเมินผล และการบริหารจัดการ ด้านการศึกษา ความรู้ เพื่อให้มีความสอดคล้อง
กับรายวิชาที่เรียน ซึ่งณัทภพ แก้วสัมฤทธิ์ (2560) กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการควรมีนโยบายส่งเสริมการจัดการ
อาชีวศึกษาทวิภาคีสำหรับ พนักงานในสถานประกอบการที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและ
มัธยมศึกษาตอนปลาย ให้ศึกษาต่ออาชีวศึกษาในระบบทวิภาคีเพื่อเป็นการพัฒนาทางด้านแรงงาน ให้กับ
สถานประกอบการ โดยไม่กระทบกับการประกอบอาชีพของพนักงาน ขยายขอบเขตในบริบทประชาคมอาเซียน
โดยมุ่งเน้น แรงงานต่างด้าวที่เป็นเพื่อนบ้านในประชาคมอาเซียนที่ทำงานในสถานประกอบการ หรือ มุ่งเข้าศึกษา
ในด้านอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีในประเทศไทย เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัด อาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคี
12
จากข้อมูลข้างต้นสามารถสรุปได้ว่าในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีให้ประสบความสำเร็จ ผู้บริหารควรมี
การกำหนดยุทธศาตร์ กลยุทธ์ ในการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษา แผนปฏิบัติการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี และ
แผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษาและผู้บริหารมีการบริหารระบบข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษาที่ทันต่อ
ยคุ สมยั มกี ารบริหารจดั การดา้ นงบประมาณในการจัดการอาชวี ศึกษาระบบทวิภาคีได้อย่างเหมาะสม
2.5.4 ดา้ นคุณภาพความรว่ มมือระหว่างสถานประกอบการกบั สถานศึกษา
สุระชัย ลาพิมพ์ (2563) กล่าวว่า สถานศึกษาและสถานประกอบการนำผลการประเมินมาใช้ในการ
พัฒนาการจัดหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน และการวัดและการประเมินผล ส่งเสริมสนับสนุนให้สถาน
ประกอบการต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี จัดประชุมเพื่อเตรียมการประเมิน
ร่วมกันระหว่างสถานศึกษา สถานประกอบการ และผู้มีส่วนได้เสีย สร้างระบบเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในการ
จัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีกับชุมชน ท้องถิ่น การมีส่วนร่วมและพัฒนาระบบการช่วยเหลือผู้เรียนการ
ประสานงานเร่ืองการจัดทำสอื่ การสอน ระหว่างสถานประกอบการกบั สถานศกึ ษา สง่ เสรมิ พฒั นาบุคลากรร่วมกับ
สถานประกอบการจดั การศกึ ษาดงู านและฝกึ ประสบการณ์ และสอดคลอ้ งกบั บญุ ลือ ทองเกตแุ กว้ (2559) กล่าวว่า
การวัดผลประเมินผลการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีเป็นกระบวนการสำคัญที่สถานศึกษาใช้ในการควบคุม
คุณภาพโดยใช้เทคนิควิธีการที่หลากหลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการติดตาม เช่น การตรวจเยี่ยมและ
การสังเกตการณ์ในชั้นเรียน การสอนแนะ (Coaching) การตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ การบันทึกรายงาน
หลงั การสอน การประเมินผลสัมฤทธิท์ างการเรียนการประเมนิ ผลการฝึกอาชีพ
สรุปได้ว่าการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีเป็นการร่วมมือกันระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการฉะนั้นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนจึงต้องมาจากการกหนดร่วมกันของทั้งสองส่วนทั้งใน
ด้านของการพัฒนากำหนดหลักสูตร การวางแผนในการเรียนและการฝึกปฏิบัติ รวมถึงการวัดและการประเมินผล
ผู้เรียน ฉะนั้นการมีความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการที่ดีก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้
การจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคปี ระสบความสำเร็จ
13
บทท3ี่
วิธดี ำเนนิ การวิเคราะห์
การเขียนผลงานวิเคราะห์ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน
ระบบทวิภาคีสำหรับผูบ้ ริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาผู้วิเคราะห์ได้ดำเนินการ
ตามขน้ั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้
1. สรา้ งเครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
2. กำหนดประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง
3. เก็บรวบรวมขอ้ มลู
4. วเิ คราะห์ข้อมูล
3.1 การสร้างเครอ่ื งมอื ท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้คือ แบบสอบถามที่ผู้วิเคราะห์สร้างขึ้นเองโดยมีขั้นตอน
ในการสรา้ ง ดังน้ี
3.1.1 ศึกษาข้อมูลจากเอกสารและงานวิจัย แนวคิด ทฤษฎี ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการจัดการเรียนการสอน
ระบบทวิภาคีสำหรบั ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
3.1.2 คัดเลือกประเด็นคำถามที่เหมาะสมและสอดคล้องกบั บริบทของปัญหาการจดั การเรียนการสอนระบบ
ทวภิ าคีสำหรบั ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาในสงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
จัดทำร่างแบบสอบถามโดยแบง่ แบบสอบถามออกเป็นประเด็นสำคัญ ดงั นี้
3.1) ข้อมลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) จำนวน 5 ขอ้ ประกอบดว้ ย
คำถามเกย่ี วกับ เพศ อายุ วุฒิทางการศกึ ษา สถานภาพ และประสบการณ์ในการทำงาน
3.2) ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 20 ข้อ เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ
ของลิเคิร์ท (Likert’s scale,1978 อ้งถึงใน ยุทธ ไกยวรรณ์, 2553 : 103) โดยกำหนด 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก
ปานกลาง น้อย และน้อยที่สดุ
3.3) ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 20 ข้อ เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า(Rating Scale)
5 ระดับของลิเคิร์ท (Likert’s scale,1978 อ้งถึงใน ยุทธ ไกยวรรณ์, 2553 : 103) โดยกำหนด 5 ระดับ คือ
มากที่สดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย และนอ้ ยท่ีสดุ
14
โดยแบบสอบถามตอนที่ 2 และ 3 กำหนดเกณฑ์ในการแปลผลตามแนวคิดของเบส (Best, 1981 : 182)
ซึ่งมีรายละเอียดดังน้ี
ระดับคะแนนเฉลยี่ ความหมาย
4.50 – 5.00 ปัจจยั ที่ส่งผลตอ่ ความสำเร็จในการจดั การศกึ ษาอยใู่ นระดับมากทีส่ ดุ
3.50 – 4.49 ปัจจัยทส่ี ่งผลต่อความสำเรจ็ ในการจดั การศกึ ษาอยู่ในระดบั มาก
2.50 – 3.49 ปจั จยั ทส่ี ่งผลตอ่ ความสำเร็จในการจัดการศึกษาอยใู่ นระดับปานกลาง
1.50 – 2.49 ปจั จัยทส่ี ่งผลตอ่ ความสำเรจ็ ในการจดั การศึกษาอย่ใู นระดบั น้อย
1.00 – 1.49 ปัจจยั ทส่ี ง่ ผลต่อความสำเร็จในการจัดการศกึ ษาอยู่ในระดบั นอ้ ยทีส่ ุด
4. นำแบบสอบถามที่ได้เสนอต่อผูเ้ ชีย่ วชาญ จำนวน 3 คน เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเท่ียงตรงเชงิ เน้ือหา
(Content Validity) และการใช้ภาษา (Wording) และวิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้องของเนื้อหา ด้วยค่า
(IOC) จากน้ะนจึงนำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 10 คน เพื่อหาจุดบกพร่องด้านภาษาและปรับเปลี่ยน
เพ่อื ใหไ้ ด้แบบสอบถามท่ีครอบคลุมและสมบรู ณส์ ามารถนำไปใชเ้ กบ็ ขอ้ มลู ตอ่ ไป
3.2 การกำหนดประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง
3.2.1 ประชากรที่ใชใ้ นการวเิ คราะหค์ ร้งั นไี้ ด้แก่ ผบู้ ริหารสถานศึกษา หวั หนา้ งานอาชวี ศึกษาระบบทวิภาคี
เจ้าหน้าท่ีงานอาชีวศกึ ษาระบบทวภิ าคี ครนู เิ ทศ ครผู สู้ อน ครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้จัดการ/เจา้ ของสถาน
ประกอบการของสถานศกึ ษาท่ีจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคี ในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
ทัง้ ภาครัฐและเอกชน จำนวน 4,000 คน
3.2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิเคราะห์ครั้งนี้ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานอาชีวศึกษาระบบทวิ
ภาคี เจ้าหน้าท่ีงานอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี ครูนิเทศ ครูผู้สอน ครูฝึกในสถานประกอบการ และผูจ้ ดั การ/เจ้าของ
สถานประกอบการของสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ได้จากการคำนวณหากลุ่มตัวอย่างจากตารางสำเร็จรูป ของเครจซี่และ
มอร์แกน โดยกำหนดสัดส่วนของลักษณะท่ีสนใจในประชากรเท่ากับ 0.5 ระดับความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ 5%
และระดบั ความเชอื่ มน่ั 95% จำนวน 351 คน
3.3 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
หลังจากปรับปรุงแบบสอบถามตามข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ผู้วิเคราะห์จึงนำไปใช้เก็บรวบรวม
ข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างโดยผู้วิเคราะห์โดยผู้วิเคราะห์ดำเนินการแจกและเก็บแบบสอบถามด้วยตนเอง ผ่านช่องทาง
ออนไลน์ Google form เพือ่ ความสะดวกต่อการเก็บรวบรวมข้อมูล
3.4 การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิเคราะห์ได้ติดต่อกลุ่มเป้าหมาย ทางโทรศัพท์เพื่อเข้าชี้แจงและแจกแบบสอบ
ให้กับจำนวน 351 ชุด ด้วยตนเองและทางระบบเอกสารของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
15
ได้แบบสอบถามกลับคืนมาเป็นแบบสอบถามที่สมบูรณ์สามารถนำไปวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนทั้งสิ้น 351 ฉบับ
คิดเป็นร้อยละ 100 ของแบบสอบถามที่ส่งไป โดยผู้วิเคราะห์ ใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ
คา่ เบนเบี่ยงมาตรฐาน ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
3.4.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) จำนวน 5 ข้อ
ประกอบดว้ ยคำถามเก่ียวกบั เพศ อายุ วฒุ ทิ างการศึกษา สถานภาพ และประสบการณ์ในการทำงาน
3.4.2 ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 20 ข้อ เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ
ของลิเคิร์ท (Likert’s scale,1978 อ้งถึงใน ยุทธ ไกยวรรณ์, 2553 : 103) โดยกำหนด 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก
ปานกลาง นอ้ ย และน้อยท่ีสุด
3.4.3 ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 20 ข้อ เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale)
5 ระดับของลิเคิร์ท (Likert’s scale,1978 อ้งถึงใน ยุทธ ไกยวรรณ์, 2553 : 103) โดยกำหนด 5 ระดับ คือ
มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย และนอ้ ยที่สุด
16
บทท่ี 4
ผลของการวเิ คราะหข์ อ้ มลู
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และเสนอแนะแนวทางการจัดการเรียนการสอน ระบบทวิภาคี
สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งผลการวิเคราะห์
สามารถสรปุ ได้ดังนี้
1. ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
2. ผลการวิเคราะห์ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
3. ผลการเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหาร
สถานศกึ ษาในสงั กัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
โดยมีสัญลักษณท์ ี่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล ดงั น้ี
̅ แทน ค่าเฉลย่ี
ₙ แทน จำนวนกล่มุ ตัวอยา่ ง
S.D. แทน ค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐาน
4.1 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลทัว่ ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม
การวเิ คราะห์ขอ้ มูลทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม จำนวน 351 คน ซง่ึ เป็น ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา หัวหน้างาน
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เจ้าหน้าที่งานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ครูนิเทศ ครูผู้สอน ครูฝึกในสถานประกอบการ
และผู้จัดการ/เจ้าของสถานประกอบการของสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ในสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาทง้ั ภาครัฐและเอกชน ปรากฎผลดงั ตาราง ดงั นี้
ตารางที่ 4-1 จำนวนและรอ้ ยละขอ้ มลู ทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามตัวแปรเพศ ( ₙ = 351)
เพศ จำนวน ร้อยละ
ชาย 240 68.40
หญงิ 111 31.60
รวม 351 100.00
จากตารางที่ 4-1 ผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็น ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
เจ้าหน้าที่งานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ครูนิเทศ ครูผู้สอน ครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้จัดการ/เจ้าของ
สถานประกอบการของสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 68.40 และเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ
31.60 ตามลำดับ
17
ตารางที่ 4-2 จำนวนและร้อยละขอ้ มูลท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามตัวแปรอายุ ( ₙ = 351)
อายุ จำนวน ร้อยละ
21-30 ปี 58 16.53
31-40 ปี 59 16.81
41-50 ปี 156 44.44
51-60 ปี 78 22.22
มากกวา่ 60 ปี 0 0.00
รวม 351 100.00
จากตารางท่ี 4-2 เปน็ ผู้บรหิ ารสถานศึกษา หัวหนา้ งานอาชวี ศึกษาระบบทวิภาคี เจา้ หน้าที่งานอาชวี ศึกษา
ระบบทวิภาคี ครูนิเทศ ครูผู้สอน ครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้จัดการ/เจ้าของสถานประกอบการของ
สถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและ
เอกชนส่วนใหญ่มีอายุอยู่ในช่วง 41-50 ปี คิดเป็นร้อยละ 44.44 รองลงมาคือ อายุอยู่ในช่วง 51-60 ปี คิดเป็น
ร้อยละ 22.22 อายุอยู่ในช่วง31-40ปี คิดเป็นร้อยละ 16.81 อายุอยู่ในช่วง21-30ปี คิดเป็นร้อยละ16.53
และอายุอยูใ่ นชว่ ง มากกว่า 60 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 0.00 ตามลำดบั
ตารางที่ 4-3 จำนวนและรอ้ ยละข้อมูลท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม จำแนกตามวุฒิการศกึ ษา ( ₙ = 351)
อายุ จำนวน ร้อยละ
ปรญิ ญาตรี 208 59.23
ปรญิ ญาโท 137 39.17
ปริญญาเอก 6 1.60
รวม 351 100.00
จากตารางที่ 4-3 ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เจ้าหน้าที่งานอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคี ครูนิเทศ ครูผู้สอน ครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้จัดการ/เจ้าของสถานประกอบการของ
สถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและ
เอกชนส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ59.23 รองลงมาระดับปริญญาโท
คดิ เปน็ ร้อยละ 39.17 และระดับปริญญาเอก คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.60 ตามลำดบั
18
ตารางที่ 4-4 จำนวนและร้อยละขอ้ มูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามสถานภาพ ( ₙ = 351)
อายุ จำนวน ร้อยละ
ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา 55 15.80
หวั หน้างาน/เจ้าหนา้ ที่งาน 185 52.60
อาชวี ศึกษาระบบทวภิ าคี/
ครูนเิ ทศ/ครผู สู้ อน
เจ้าของสถานประกอบการ 74 21.10
ครฝู ึกในสถานประกอบการ 37 10.50
รวม 351 100.00
จากตารางที่ 4-4 ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่คือ หัวหน้างาน/เจ้าหน้าที่งานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี/
ครูนิเทศ/ครูผู้สอน คิดเป็นร้อยละ52.60 รองลงมาคือ เจ้าของสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 21.10
ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา คิดเปน็ ร้อยละ15.80 และครฝู ึกในสถานประกอบการ คดิ เป็นร้อยละ10.50 ตามลำดับ
ตารางที่ 4-5 จำนวนและร้อยละข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามประสบการณ์
ในการทำงาน ( ₙ = 351)
อายุ จำนวน รอ้ ยละ
นอ้ ยกวา่ 5 ปี 85 24.30
5-10 ปี 155 44.10
11-20 ปี 92 26.30
มากกวา่ 20 ปี 19 5.30
รวม 351 100.00
จากตารางท่ี 4-5 ผู้บรหิ ารสถานศึกษา หัวหน้างานอาชวี ศกึ ษาระบบทวภิ าคี เจา้ หน้าทง่ี านอาชวี ศกึ ษาระบบ
ทวิภาคี ครูนิเทศ ครูผู้สอน ครูฝึกในสถานประกอบการ และผู้จัดการ/เจ้าของสถานประกอบการของสถานศึกษา
ที่จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน
สว่ นใหญ่มีประสบการณใ์ นการทำงาน มากทสี่ ุดอย่ใู นชว่ ง 5-10 ปี คิดเป็นรอ้ ยละ 44.10 รองลงมาคือชว่ ง11-20 ปี
คิดเปน็ ร้อยละ 26.30 น้อยกวา่ 5 ปี คิดเปน็ ร้อยละ 24.30 และ มากกว่า 20 ปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 5.30
19
4.2 ผลการวิเคราะห์ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ตารางที่ 4-6 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมมตรฐานของปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
สำหรบั ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา ในสังกดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ด้านการบรหิ ารจดั การ (n = 351 )
ลำดบั ที่ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ ̅ S.D. ระดับ
1 สถานศึกษาและสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการ 3.67 1.25 มาก
กำหนดเนื้อหา หลักสูตร และแผนการจัดการเรียนรู้ที่
สอดคล้องตรงตามสมรรถนะของสถานศึกษาและ
สถานประกอบการ
2 การร่วมกลุ่มสถานศึกษา เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ 3.72 1.28 มาก
กับสถานประกอบการและชุมชน
3 การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัด 3.89 1.05 มาก
การเรียนการสอนระบบทวิภาคี กับชุมชน และสถาน
ประกอบการ
4 สถานประกอบการ สถานศึกษา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 3.94 1.18 มาก
มีส่วนร่วมในการจัดสรรและบริหารจัดการด้าน
งบประมาณ
5 5. เสริมสร้างวิสัยทัศน์เพื่อการจัดการ อาชีวศึกษาระบบ 3.67 1.11 มาก
ทวภิ าคีใหม้ ี ประสิทธิผล
รวม 3.78 1.17 มาก
จากตารางที่ 4-6 พบว่า ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านบริหารจัดการโดยรวมอยู่ในระดับ มาก เม่ือพิจารณาเป็น
รายประเด็น พบวา่ ส่วนใหญ่อยู่ในระดบั มาก โดยปัญหาทีร่ ะดบั มากท่ีสดุ คือ สถานประกอบการ สถานศึกษา และ
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการจัดสรรและบริหารจัดการด้านงบประมาณ ( = 3.94) รองลงมาคือ
การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี กับชุมชน และสถาน
ประกอบการ ( = 3.89) การร่วมกลุ่มสถานศึกษา เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถานประกอบการและ
ชุมชน ( = 3.72) เสริมสรา้ งวสิ ยั ทศั น์เพอ่ื การจัดการ อาชวี ศึกษาระบบทวิภาคีใหม้ ี ประสทิ ธผิ ล ( = 3.67) และ
สถานศึกษาและสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อหา หลักสูตร และแผนการจัดการเรียนรู้
ที่สอดคล้องตรงตามสมรรถนะของสถานศึกษาและสถานประกอบการ ( = 3.67) ตามลำดบั
20
ตารางที่ 4-7 ค่าเฉลี่ยและสาวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
สำหรบั ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ด้านการจดั การเรียนการสอน (n = 351 )
ลำดับท่ี ด้านการจดั การเรยี นการสอน ̅ S.D. ระดบั
1 จัดหาแหล่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อ 3.94 0.78 มาก
เสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้ด้านอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคี
2 กำหนดเนื้อหา หลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ 4.11 0.99 มาก
ให้สอดคล้องกับสมรรถนะของสถานศึกษาและ
สถานประกอบการ
3 ร่วมมือกับสถานประกอบการในการกำหนดจำนวน 3.83 1.01 มาก
น ั ก ศ ึ ก ษ า แ ล ะ ค ร ู ฝ ึ ก ใ น ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร ใ ห้
มีความเหมาะสม
4 จัดปฐมนิเทศให้กับนักศึกษาและผู้ปกครองในเรื่อง 3.83 1.12 มาก
การจดั การอาชีวศกึ ษา รว่ มกบั สถานประกอบการ
5 ครูผู้สอนต้องเป็นผู้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อพัฒนา 4.00 1.15 มาก
การจัดการเรยี นการสอนดา้ นอาชีวศึกษา
รวม 3.94 1.01 มาก
จากตารางที่ 4-7 พบว่า ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านการจัดการเรียนการสอน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก
เมื่อพิจารณาเป็นรายประเด็น พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก โดยปัญหาที่ระดับมากที่สุด คือ กำหนดเนื้อหา
หลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง ให้สอดคล้องกับสมรรถนะของสถานศึกษาและ สถานประกอบการ ( =
4.11) รองลงมา คือ ครูผู้สอนต้องเป็นผู้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา
( = 4.00) จัดหาแหล่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้
ด้านอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ( = 3.94) ร่วมมือกับสถานประกอบการในการกำหนดจำนวนนักศึกษาและครูฝึก
ในสถานประกอบการให้มีความเหมาะสม ( = 3.83) และ จัดปฐมนิเทศให้กับนักศึกษาและผู้ปกครองในเรื่อง
การจดั การอาชีวศกึ ษา ร่วมกับสถานประกอบการ ( = 3.83) ตามลำดบั
21
ตารางที่ 4-8 ค่าเฉลี่ยและสาวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
สำหรบั ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ด้านบุคลากร (n = 351 )
ลำดับท่ี ดา้ นบคุ ลากร ̅ S.D. ระดบั
1 ครูผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการ 3.67 1.29 มาก
สอนระบบทวิภาคี
2 ครูฝึกในสถานประกอบการมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง 3.83 1.07 มาก
การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
3 บุคลากรมีความพร้อมที่จะดำเนินการจัดการเรียนการ 3.67 1.15 มาก
สอนในระบบทวภิ าคี
4 มีการจัดอบรมครูร่วมกับสถานประกอบการเพื่อสร้าง 3.94 1.13 มาก
ความเข้าใจในการจัดการเรยี นการสอยระบบทวิภาคี
5 มกี ารนเิ ทศติดตามในขณะฝึกปฏิบัตงิ านอย่างสมำ่ เสมอ 3.94 1.18 มาก
รวม 3.81 1.16 มาก
จากตารางที่ 4-8 พบว่า ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านด้านบุคลากรโดยรวมอยู่ในระดับ มาก เม่ือพิจารณาเป็น
รายประเด็น พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก โดยปัญหาที่ระดับมากที่สุด คือ มีการจัดอบรมครูร่วมกับสถาน
ประกอบการเพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอยระบบทวิภาคี ( = 3.94) รองลงมา คือ มีการนิเทศ
ติดตามในขณะฝึกปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ( = 3.94) ครูฝึกในสถานประกอบการมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง
การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ( = 3.83) บุคลากรมีความพร้อมที่จะดำเนินการจัดการเรียนการสอนใน
ระบบทวิภาคี ( = 3.67) และครูผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
( = 3.67) ตามลำดบั
22
ตารางที่ 4-9 ค่าเฉลี่ยและสาวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านความร่วมมือกับ
สถานประกอบการ (n = 351 )
ลำดบั ท่ี ดา้ นความร่วมมือกบั สถานประกอบการ ̅ S.D. ระดบั
1 การมีส่วนร่วมในการประสานงานการพัฒนาการจัดการ 4.00 0.94 มาก
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม
2 มกี ารประเมนิ การจัดการอาชีวศกึ ษาระบบทวภิ าคีระหว่าง 4.11 0.94 มาก
สถานศกึ ษา สถานประกอบการและผู้มีส่วนได้สว่ นเสยี
3 มีการประสานงานและติดตามการจัดการอาชีวศึกษา 4.06 0.97 มาก
ระบบทวิภาคีร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและสถาน
ประกอบการอย่างตอ่ เนือ่ ง
4 มีการนำผลการประเมินมาพัฒนาร่วมกันระหว่าง 3.89 1.20 มาก
สถานศึกษาและสถานประกอบการในการจัดการ
อาชวี ศึกษาระบบทวภิ าคีอยา่ งเปน็ รปู ธรรม
5 ผู้เรียนมีสมรรถนะวิชาชีพตามมาตรฐานกรอบ 3.39 1.50 ปานกลาง
คุณวุฒิแห่งชาติ และตรงกับความต้องการของ
สถานประกอบการ
รวม 3.89 1.11 มาก
จากตารางที่ 4-9 พบว่า ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านความร่วมมือกับสถานประกอบการโดยรวมอยู่ในระดับ มาก
เม่ือพิจารณาเป็นรายประเด็น พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก โดยปัญหาที่ระดับมากที่สุด คือ มีการประเมินการ
จัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีระหว่างสถานศึกษา สถานประกอบการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ( = 4.11)
รองลงมา คือ มีการประสานงานและติดตามการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง ( = 4.06) การมีส่วนร่วมในการประสานงานการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม ( = 4.00) มีการนำผลการประเมินมาพัฒนาร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม ( = 3.89) และ ผู้เรียนมีสมรรถนะ
วิชาชีพตามมาตรฐานกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ ( = 3.39)
ตามลำดับ
23
4.3 ผลการเสนอแนะแนวทางแก้ปญั หาการจดั การเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรบั ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา
ในสงั กัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
ตารางที่ 4-10 ค่าเฉลี่ยและสาวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของแนวทางการแก้ปญั หาในการจดั การศกึ ษาระบบทวิ
ภาคีในสถานศึกษาสงั กัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ด้านการบริหารจดั การ (n = 351 )
ลำดับที่ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ ̅ S.D. ระดับ
1 สถานศึกษาและสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการ
กำหนดเนื้อหา หลักสูตร และแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4.26 0.64 มาก
สอดคล้องตรงตามสมรรถนะของสถานศึกษาและ
สถานประกอบการ
2 การร่วมกลุ่มสถานศึกษา เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ 4.21 0.61 มาก
กับสถานประกอบการและชุมชน
3 การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการ
เรียนการสอนระบบทวิภาคี กับชุมชน และสถาน 4.47 0.60 มาก
ประกอบการ
4 สถานประกอบการ สถานศึกษา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ม ี ส าวน ร ่ วม ใ น ก าร จ ั ดส ร รแ ล ะบ ริห ารจ ั ด ก า ร 4.42 0.59 มาก
ดา้ นงบประมาณ
5 เสริมสร้างวิสัยทัศน์เพื่อการจัดการ อาชีวศึกษาระบบ 4.53 0.50 มากทีส่ ดุ
ทวิภาคีให้มีประสิทธิผล
รวม 4.38 0.60 มาก
จากตารางที่ 4-10 พบว่า แนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัด
สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ด้านการบรหิ ารจัดการ สว่ นใหญอ่ ยใู่ นระดับมาก โดยแนวทางท่ีเหมาะสม
ในระดับมากที่สุด คือ เสริมสร้างวิสัยทัศน์เพื่อการจัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีให้มีประสิทธิผล ( = 4.53)
รองลงมาคือ การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี กับชุมชน และ
สถานประกอบการ ( = 4.47) สถานประกอบการ สถานศกึ ษา และผูท้ ม่ี ีสว่ นเก่ียวขอ้ ง มสี าวนร่วมในการจัดสรร
และบรหิ ารจัดการดา้ นงบประมาณ ( = 4.42) สถานศกึ ษาและสถานประกอบการมีสว่ นรว่ มในการกำหนดเนือ้ หา
หลักสูตร และแผนการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องตรงตามสมรรถนะของสถานศึกษาและสถานประกอบการ
( = 4.26) และการร่วมกลุ่มสถานศึกษา เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถานประกอบการและชุมชน
( = 4.26) ตามลำดบั
24
ตารางที่ 4-11 คา่ เฉลย่ี และสาวนเบยี่ งเบนมาตรฐานของแนวทางการแกป้ ญั หาในการจัดการศกึ ษาระบบทวิ
ภาคใี นสถานศึกษาสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน (n = 351 )
ลำดบั ท่ี ดา้ นการจดั การเรียนการสอน ̅ S.D. ระดับ
1 จดั เตรียมสถานที่และวัสดฝุ กึ ท่มี ีคณุ ภาพ มาตรฐาน
เพอื่ เสริมสรา้ งประสบการณ์ ในการเรียนรดู้ ้าอาชวี ศกึ ษา 4.26 0.71 มาก
ระบบทวภิ าคี
2 กำหนดเนอ้ื หา หลักสูตรและแผนการจดั การเรยี นรูท้ ง้ั
ให้เหมาะสมกบั สมรรถนะและบริบทของสถานศกึ ษาและ 4.26 0.78 มาก
สถานประกอบการ
3 กำหนดจำนวนนักศกึ ษาและครฝู กึ ในสถานประกอบการ 4.37 0.93 มาก
ให้มีความเหมาะสมเพือ่ ให้การจดั การเรียนการสอน
มคี ุณภาพ
4 มีการวัดผลและประเมินผลด้วยวธิ กี ารท่หี ลากหลาย 4.68 0.46 มากที่สดุ
5 จัดการเรียนการสอนแตล่ ะรายวชิ าให้ครบตาม 4.21 0.77 มาก
จดุ ประสงค์รายวชิ า
รวม 4.36 0.73 มาก
จากตารางที่ 4-11 พบว่า แนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านการจัดการเรียนการสอน ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก โดยแนวทางที่
เหมาะสมในระดับมากที่สุด คือ มีการวัดผลและประเมินผลด้วยวิธีการที่หลากหลาย ( = 4.68) กำหนดจำนวน
นกั ศึกษาและครูฝึกในสถานประกอบการให้มคี วามเหมาะสมเพอ่ื ให้การจัดการเรยี นการสอนมคี ณุ ภาพ ( = 4.37)
จัดเตรียมสถานที่และวัสดุฝึกที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้ด้าอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคี ( = 4.26) จัดเตรียมสถานที่และวัสดุฝึกที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์
ในการเรียนรู้ด้าอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ( = 4.26) และ จัดการเรียนการสอนแต่ละรายวิชาให้ครบ
ตามจุดประสงคร์ ายวิชา ( = 4.21) ตามลำดับ
25
ตารางที่ 4-12 ค่าเฉลี่ยและสาวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของแนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบ
ทวิภาคีในสถานศึกษาสังกดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ด้านบคุ ลากร (n = 351 )
ลำดับที่ ด้านบคุ ลากร ̅ S.D. ระดบั
1 สร้างความรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื งการจดั การเรียนการสอน 4.32 0.73 มาก
ระบบทวภิ าคแี ก่ครูผูส้ อน
2 สร้างความรูค้ วามเข้าใจในเร่ืองการจดั การเรียนการสอน 4.32 0.65 มาก
ระบบทวิภาคแี ก่ครฝู ึกในสถานประกอบการ
3 จดั การศกึ ษาดงู านเพอื่ ให้บคุ ลากรมคี วามพรอ้ มที่จะ 4.26 0.78 มาก
ดำเนินการจดั การเรยี นการสอนในระบบทวิภาคี
4 มกี ารจัดอบรมครูร่วมกับสถานประกอบการเพอื่ สรา้ ง 4.47 0.68 มาก
ความเขา้ ใจในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
5 ส่งเสรมิ ใหค้ รูผสู้ อนมกี ารผลติ ส่อื เทคโนโลยีสารสนเทศ 4.53 0.50 มากท่ีสุด
เพอ่ื ใชป้ ระกอบในการจัดการเรยี นการสอนระบบทวภิ าคี
รวม 4.38 0.67 มาก
จากตารางที่ 4-12 พบว่า แนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านบุคลากร ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก โดยแนวทางที่เหมาะสมในระดับ
มากที่สุด คือ ส่งเสริมให้ครูผู้สอนมีการผลิตสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ประกอบในการจัดการเรียนการสอน
ระบบทวิภาคี ( = 4.53) รองลงมาคือ มีการจัดอบรมครูร่วมกับสถานประกอบการเพื่อสร้างความเข้าใจในการ
จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ( = 4.47) สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิ
ภาคีแก่ครูฝึกในสถานประกอบการ ( = 4.32) สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิ
ภาคีแก่ครูผู้สอน ( = 4.32) และ จัดการศกึ ษาดูงานเพื่อให้บคุ ลากรมีความพร้อมที่จะดำเนินการจัดการเรียนการ
สอนในระบบทวิภาคี ( = 4.26) ตามลำดบั
26
ตารางที่ 4-13 ค่าเฉลี่ยและสาวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของแนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบ
ทวิภาคีในสถานศึกษาสงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ด้านความร่วมมอื กับสถานประกอบการ (n = 351 )
ลำดบั ท่ี ด้านความรว่ มมอื กบั สถานประกอบการ ̅ S.D. ระดับ
1 สรา้ งร่วมมอื กับเครือขา่ ยสถานประกอบการเพ่ือการ
พัฒนาการจดั การอาชวี ศกึ ษาระบบทวิภาคีอยา่ ง 4.37 0.81 มาก
เป็นรปู ธรรม
2 มกี ารประเมินการจดั การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ระหวา่ งสถานศึกษา สถานประกอบการและผมู้ ี 4.53 0.82 มากที่สุด
ส่วนไดส้ ว่ นเสีย
3 มกี ารประสานงานและตดิ ตามการจดั การอาชวี ศึกษา
ระบบทวิภาครี ่วมกนั ระหว่างสถานศกึ ษาและ 4.32 0.80 มาก
สถานประกอบการอยา่ งต่อเน่ือง
4 นำผลการประเมนิ มาพัฒนาการจัดการอาชวี ศกึ ษาระบบ
ทวิภาคอี ย่างเปน็ รูปธรรมรว่ มกันระหว่างสถานศกึ ษาและ 4.47 0.82 มาก
สถานประกอบการ
5 สถานศกึ ษาและสถานประกอบการควรมสี ่วนร่วมในการ
กำหนดคุณลกั ษณะและสมรรถนะวชิ าชีพของผเู้ รียน 4.42 0.82 มาก
ตามความต้องการตามมาตรฐานกรอบคุณวฒุ แิ ห่งชาติ
รวม 4.42 0.81 มาก
จากตารางที่ 4-13 พบว่า แนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านความร่วมมือกับสถานประกอบการ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก
โดยแนวทางที่เหมาะสมในระดับมากที่สุด คือ มีการประเมินการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีระหว่าง
สถานศึกษา สถานประกอบการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ( = 4.53) นำผลการประเมินมาพัฒนาการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการ ( = 4.47)
สถานศึกษาและสถานประกอบการควรมีส่วนร่วมในการกำหนดคุณลักษณะและสมรรถนะวิชาชีพของผู้เรียน
ตามความต้องการตามมาตรฐานกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ( = 4.42) สร้างร่วมมือกับเครือข่ายสถานประกอบการ
เพื่อการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม ( = 4.37) และมีการประสานงานและ
ติดตามการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง
( = 4.32) ตามลำดบั
27
บทท่ี5
สรุปผล และขอ้ เสนอแนะ
การเขียนผลงานวิเคราะห์ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนะแนวทางการจัดการเรียน
การสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ผู้วิเคราะห์
ไดร้ วบรวมขอ้ มลู และวิเคราะห์ขอ้ มลู ซึง่ สามารถสรปุ ผลการวิเคราะห์ และข้อเสนอแนะดงั ตอ่ ไปนี้
5.1 สรุปผล
5.1.1 ผลการวิเคราะห์ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด
สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา เมอ่ื พจิ ารณารายละเอยี ดปัญหาแต่ละด้าน พบว่า
ด้านการบริหารจัดการ พบว่า ปัญหาที่มีระดับมากที่สุด คือ สถานประกอบการ สถานศึกษา และผู้ที่มี
ส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมด้านงบประมาณ คือ สถานประกอบการ สถานศึกษา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วม
ในการจัดสรรและบริหารจัดการด้านงบประมาณ ( = 3.94) รองลงมาคือ การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความ
เข้าใจในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี กับชุมชน และสถานประกอบการ ( = 3.89) การร่วมกลุ่ม
สถานศึกษา เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถานประกอบการและชุมชน ( = 3.72) เสริมสร้างวิสัยทัศน์เพื่อ
การจัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีให้มี ประสิทธิผล ( = 3.67) และสถานศึกษาและสถานประกอบการมี
ส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อหา หลักสูตร และแผนการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องตรงตามสมรรถนะของสถานศึกษา
และสถานประกอบการ ( = 3.67) ตามลำดับ
ด้านการจัดการเรียนการสอน พบว่า ปัญหาที่มีระดับมากที่สุด คือ กำหนดเนื้อหา หลักสูตรและแผนการ
จัดการเรียนรู้ทั้ง ให้สอดคล้องกับสมรรถนะของสถานศึกษาและ สถานประกอบการ ( = 4.11) รองลงมา คือ
ครูผู้สอนต้องเป็นผู้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา ( = 4.00)
จัดหาแหล่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้ด้านอาชีวศึกษาระบบ
ทวิภาคี ( = 3.94) ร่วมมือกับสถานประกอบการในการกำหนดจำนวนนักศึกษาและครูฝึกในสถานประกอบการ
ให้มีความเหมาะสม ( = 3.83) และ จัดปฐมนิเทศให้กับนักศึกษาและผู้ปกครองในเรื่องการจัดการอาชีวศึกษา
รว่ มกบั สถานประกอบการ ( = 3.83) ตามลำดับ
ดา้ นบุคลากร พบว่า ปญั หาที่มีระดบั มากท่ีสุด คอื คือ มีการจดั อบรมครรู ว่ มกบั สถานประกอบการเพ่ือสร้าง
ความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอยระบบทวิภาคี ( = 3.94) รองลงมา คือ มีการนิเทศติดตามในขณะฝึก
ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ( = 3.94) ครูฝึกในสถานประกอบการมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียน
การสอนระบบทวิภาคี ( = 3.83) บุคลากรมีความพร้อมที่จะดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคี
( = 3.67) และครูผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ( = 3.67)
ตามลำดบั
ด้านความร่วมมือกับสถานประกอบการ พบว่า ปัญหาที่มีระดับมากที่สุด คือ มีการประเมินการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีระหว่างสถานศึกษา สถานประกอบการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ( = 4.11) รองลงมาคือ
มีการประสานงานและติดตามการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและ
28
สถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง ( = 4.06) การมีส่วนร่วมในการประสานงานการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม ( = 4.00) มีการนำผลการประเมินมาพัฒนาร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม ( = 3.89) และ ผู้เรียนมีสมรรถนะ
วิชาชีพตามมาตรฐานกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ ( = 3.39)
ตามลำดับ
5.1.2 ผลการวิเคราะห์แนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา เมื่อพิจารณารายละเอยี ดแนวทางแกไ้ ขปญั หาแตล่ ะดา้ น พบวา่
ด้านการบริหารจัดการ แนวทางแก้ไขที่มีระดับความเหมาะสมมากที่สุด คือ คือ มีการวัดผลและประเมินผล
ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ( = 4.68) กำหนดจำนวนนักศึกษาและครูฝึกในสถานประกอบการให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีคุณภาพ ( = 4.37) จัดเตรียมสถานที่และวัสดุฝึกที่มีคุณภาพ มาตรฐาน
เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้ด้าอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ( = 4.26) จัดเตรียมสถานที่และวัสดุฝึก
ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้ด้าอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ( = 4.26) และ
จดั การเรยี นการสอนแต่ละรายวิชาให้ครบตามจดุ ประสงค์รายวชิ า ( = 4.21) ตามลำดบั
ด้านการจัดการเรียนการสอน แนวทางแก้ไขที่มีระดับความเหมาะสมมากที่สุด คือ มีการวัดผลและ
ประเมินผลด้วยวิธีการที่หลากหลาย ( = 4.68) กำหนดจำนวนนักศึกษาและครูฝึกในสถานประกอบการให้มี
ความเหมาะสมเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีคุณภาพ ( = 4.37) จัดเตรียมสถานที่และวัสดุฝึกที่มีคุณภาพ
มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้ด้าอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ( = 4.26) จัดเตรียมสถานท่ี
และวัสดุฝึกที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ในการเรียนรู้ด้าอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
( = 4.26) และจัดการเรียนการสอนแตล่ ะรายวชิ าให้ครบตามจุดประสงคร์ ายวิชา ( = 4.21) ตามลำดับ
ด้านบุคลากร แนวทางแก้ไขที่มีระดับความเหมาะสมมากที่สุด คือ ส่งเสริมให้ครูผู้สอนมีการผลิตสื่อ
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ประกอบในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ( = 4.53) รองลงมาคือ
มีการจัดอบรมครูร่วมกับสถานประกอบการเพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
( = 4.47) สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีแก่ครูฝึกในสถานประกอบการ
( = 4.32) สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีแก่ครูผู้สอน ( = 4.32) และ
จัดการศึกษาดูงานเพื่อให้บุคลากรมีความพร้อมที่จะดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคี ( = 4.26)
ตามลำดับ
ด้านความร่วมมือกับสถานประกอบการ แนวทางแก้ไขที่มีระดับความเหมาะสมมากที่สุด คือ มีการประเมิน
การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีระหว่างสถานศึกษา สถานประกอบการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ( = 4.53)
นำผลการประเมินมาพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการ ( = 4.47) สถานศึกษาและสถานประกอบการควรมีส่วนร่วมในการกำหนดคุณลักษณะ
และสมรรถนะวิชาชีพของผู้เรียนตามความต้องการตามมาตรฐานกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ( = 4.42) สร้างร่วมมือ
กับเครือข่ายสถานประกอบการเพื่อการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม ( = 4.37)
และมีการประสานงานและติดตามการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการอยา่ งต่อเนือ่ ง ( = 4.32) ตามลำดบั
29
5.2 ขอ้ เสนอแนะ
5.2.1 ผู้บริหารสถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีควรนำผล
การวิเคราะห์และแนวทางการแก้ไขปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ไปเป็นแนวทางในการจดั การเรียนการสอนระบบทวิภาคีต่อไป
5.2.2 กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ควรนำผลการวิเคราะห์ปัญหา
ในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริ หารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชวี ศกึ ษา ไปใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการกำหนดนโยบายด้านการพฒั นาการจดั การเรยี นการสอนระบบทวิภาคตี ่อไป
30
บรรณานุกรม
อนันท์ งามสะอาด. การจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีด้วยหลักการมีส่วนร่วม : กรณีวิทยาลัยเทคนิค
เดชอุดม. วิทยานพิ นธ์ศึกษาศาสตรดุษฎบี ัณฑติ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , 2549.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทีแ่ ก้ไขเพ่ิมเติม
(ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาต,ิ 2546.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551. ราชกิจจานุเบกษา.
เลม่ 125 ตอนท่ี 43 ก. หนา้ 1.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. แนวทางปฏิบัติการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีตามประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ :
บริษทั จามจรุ ีโปรดกั ส์ จำกดั , 2557.
สุเมธ รินทลึกและ วิชิต แสงสว่าง. การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสู่ความเป็นเลิศในสถานศึกษาสังกัด
อาชีวศึกษาจังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์. ปีที่ 10 ฉบับที่ 3 (กรกฎาคม -
กันยายน 2564) : 46-48.
ณัฐวิทย์ มุงเมือง และบุญสม วราเอกศิริ. การพฒั นาความร่วมมอื การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวภิ าคี
ของวิทยาลัยการอาชีพในภาคเหนือตอนบน. พิฆเนศวร์สาร. ปีที่ 13 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน
2560) : 135-145.
ชัยสิทธิ์ คุณริยา. ปัจจัยในการตัดสินใจศึกษาต่ออาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพ วิทยาลัยการอาชีพวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว. วิทยานิพนธ์ศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการ
บรหิ ารการศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 2558.
เบญจวรรณ ศรีคำนวล และคณะ. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของ
สถานศึกษาในจังหวัดลาปาง สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. Veridian E-Journal,
Silpakorn University (ฉบบั ภาษาไทย). ปที ี่ 10 ฉบบั ที่ 2.(พฤษภาคม – สิงหาคม 2560) : 2535 – 2547.
สุรชัย ลาพิมพ์. การพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีสู่ความเป็นเลิศของวิทยาลัยสังกั ด
อาชีวศึกษา จังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์ศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา
มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2562.
จงสถาพร ดาวเรือง. อนาคตภาพการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษาในทศวรรษหน้า (พ.ศ. 2559-2569). วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการ
จัดการเพือ่ การพฒั นา มหาวิทยาลัยราชภฎั ราชนครินทร์, 2560.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติการจัดการอาชีวศึกษาระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง เรื่องที่ 8 การจัดการอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคี. กรุงเทพฯ : สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ สำนักงานคณะกรรมการการ
อาชวี ศึกษา , 2562.
31
ภาคผนวก
32
เคร่อื งมือวิจยั
ชือ่ เคร่อื งมอื : แบบสำรวจปญั หาและแนวทางแก้ไขการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสำหรับผู้บรหิ าร
สถานศกึ ษาในสังกดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
งานวเิ คราะหเ์ รอ่ื ง : ปญั หาในการจดั การเรยี นการสอนระบบทวิภาคีสำหรบั ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาในสงั กดั
สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
แบบสอบถามนจี้ ดั ทำข้ึน โดยมีวตั ถุประสงค์เพ่อื การศึกษาความคิดเห็นเก่ียวกับสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไข
การจดั การอาชีวศกึ ษาระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
ตอนที่ 1 ข้อมลู ท่ัวไปเก่ยี วกบั สถานภาพของผตู้ อบแบบสอบถาม
คำชีแ้ จง โปรดเติมคำลงในชอ่ งว่าง หรือทำเครื่องหมาย √ ลงใน ( ) หนา้ ขอ้ ความทต่ี รงกับความเปน็ จริง
1) เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ
2) อายุ ( ) 21-30 ปี ( ) 31-40 ปี ( ) 41-50 ปี ( ) 51-60 ปี ( ) มากกว่า 60 ปี
3) วุฒทิ างการศกึ ษา ( ) ปรญิ ญาตรี ( ) ปรญิ ญาโท ( ) ปรญิ ญาเอก
4) สถานภาพ ( ) ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ( ) หัวหนา้ งาน/เจ้าหนา้ ทง่ี านอาชวี ศึกษาระบบทวิภาคี/ครูนิเทศ/ครูผู้สอน
( ) เจ้าของสถานประกอบการ ( ) ครูฝึกในสถานประกอบการ
5) ประสบการณใ์ นการทำงาน ( ) น้อยกว่า 5 ปี ( ) 5-10 ปี
( ) 11-20 ปี ( ) มากกว่า 20 ปี
ตอนท่ี 2 ข้อมลู เกยี่ วกบั ปัญหาในการจดั การเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรบั ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาสังกดั
สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
คำชี้แจง โปรดอ่านข้อความ จากสภาพปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา และพิจารณาว่าท่านมีความเห็นระดับใด แล้วตอบแบบสอบถามความคิดเห็นหรือ
ความรู้สกึ ของท่านโดยทำเครอื่ งหมาย √ ลงในช่องระดบั คะแนนเพยี งหนง่ึ ช่องในแตล่ ะขอ้
ความหมายของระดับคะแนน 5 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับมากที่สุด 4 หมายถึง มีปัญหาอยู่ใน
ระดับมาก 3 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง 2 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับน้อย 1 หมายถึง มีปัญหา
อยู่ในระดับนอ้ ยท่สี ุด
33
รายการสอบถาม ระดับปัญหา
432
5 1
ด้านการบรหิ ารจัดการ
1. สถานศึกษาและสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อหา
หลักสูตร และแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องตรงตามสมรรถนะ
ของสถานศกึ ษาและสถานประกอบการ
2. การร่วมกลุ่มสถานศึกษา เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับ
สถานประกอบการและชมุ ชน
3. การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอน
ระบบทวภิ าคี กับชุมชน และสถานประกอบการ
4. สถานประกอบการ สถานศึกษา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วม
ในการจดั สรรและบรหิ ารจัดการด้านงบประมาณ
5. เสริมสร้างวิสัยทัศน์เพื่อการจัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีให้มี
ประสิทธผิ ล
ด้านการจัดการเรยี นการสอน
1.จัดหาแหล่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้าง
ประสบการณ์ ในการเรยี นรดู้ ้านอาชวี ศกึ ษาระบบทวภิ าคี
2. กำหนดเนือ้ หา หลกั สูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ท้ัง ให้สอดคล้องกับ
สมรรถนะของสถานศกึ ษาและ สถานประกอบการ
3. ร่วมมือกับสถานประกอบการในการกำหนดจำนวนนักศึกษาและครฝู กึ
ในสถานประกอบการให้มคี วามเหมาะสม
4. จัดปฐมนิเทศให้กับนักศึกษาและผู้ปกครองในเรื่องการจัดการ
อาชวี ศึกษา รว่ มกบั สถานประกอบการ
5. ครูผู้สอนต้องเป็นผู้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียน
การสอนดา้ นอาชีวศกึ ษา
ดา้ นบคุ ลากร
1. ครูผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอน
ระบบทวิภาคี
34
รายการสอบถาม 5 ระดบั ปญั หา 1
432
2. ครฝู ึกในสถานประกอบการมคี วามรู้ความเขา้ ใจในเรอื่ งการจดั การเรียน
การสอนระบบทวิภาคี
3. บุคลากรมีความพร้อมที่จะดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระบบ
ทวภิ าคี
4. มีการจัดอบรมครูร่วมกับสถานประกอบการเพื่อสร้างความเข้าใจใน
การจดั การเรยี นการสอยระบบทวิภาคี
5. มกี ารนิเทศติดตามในขณะฝึกปฏบิ ัตงิ านอย่างสม่ำเสมอ
ดา้ นความร่วมมอื กับสถานประกอบการ
1. การมีส่วนร่วมในการประสานงานการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคอี ยา่ งเป็นรูปธรรม
2. มีการประเมินการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีระหว่างสถานศึกษา
สถานประกอบการและผูม้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี
3. มีการประสานงานและติดตามการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ร่วมกันระหวา่ งสถานศกึ ษาและสถานประกอบการอยา่ งต่อเนือ่ ง
4. มีการนำผลการประเมินมาพัฒนาร่วมกันระหว่างสถานศึกษาและ
ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร ใ น ก า ร จ ั ด ก า ร อ า ช ี ว ศ ึ ก ษ า ร ะ บ บ ท ว ิ ภ า คี
อย่างเปน็ รปู ธรรม
5. ผู้เรียนมสี มรรถนะวชิ าชพี ตามมาตรฐานกรอบคณุ วุฒิแห่งชาติ และตรง
กับความตอ้ งการของสถานประกอบการ
ตอนที่ 3 ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
คำชี้แจง โปรดอ่านข้อความ แนวทางการแก้ปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และพิจารณาว่าท่านมีความเห็นระดับใด แล้วตอบแบบสอบถามความ
คิดเห็นหรอื ความรู้สึกของทา่ นโดยทำเครอื่ งหมาย √ ลงในช่องระดับคะแนนเพยี งหนงึ่ ช่องในแต่ละขอ้
ความหมายของระดับคะแนน 5 หมายถึง เหมาะสมอยู่ระดับมากที่สุด 4 หมายถึง เหมาะสมอยู่ใน
ระดบั มาก 3 หมายถึง เหมาะสมอยู่ในระดบั ปานกลาง 2 หมายถึง เหมาะสมอย่ใู นระดับน้อย 1 หมายถงึ เหมาะสม
อย่ใู นระดบั น้อยทส่ี ุด
35
รายการสอบถาม ระดับความเหมาะสม
54321
ด้านการบรหิ ารจดั การ
1. สร้างความรู้เกี่ยวกับการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีต่อทั้ง
บุคลากรในสถานศกึ ษาและบุคลากรในสถานประกอบการ
2. มอบหมายผู้รับผิดชอบในการประสานงานความร่วมมือระหว่าง
สถานศกึ ษาและสถานประกอบการ
3. มีแนวทางในการปฏิบัติในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีที่
ชัดเจนสามารถนำไปปฏบิ ตั ไิ ด้จรงิ
4. การจัดสรรงบประมาณเพื่อให้เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนได้
ย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดพาหนะในการนิเทศ การจัสภาพแวดล้อม
ทเี่ ออื้ ต่อการเรยี น เป็นตน้
5. มีการลงนามความร่วมมือ ข้อตกลง ที่มีความชัดเจนระหว่าง
สถานศกึ ษาและสถานประกอบการ
ดา้ นการจดั การเรียนการสอน
1.จัดเตรียมสถานที่และวัสดุฝึกที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้าง
ประสบการณ์ ในการเรยี นรดู้ า้ นอาชวี ศกึ ษาระบบทวภิ าคี
2. กำหนดเนื้อหา หลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง ให้เหมาะสมกับ
สมรรถนะและบรบิ ทของสถานศึกษาและสถานประกอบการ
3. กำหนดจำนวนนักศึกษาและครูฝึกในสถานประกอบการให้มีความ
เหมาะสมเพือ่ ให้การจดั การเรียนการสอนมีคณุ ภาพ
4. มกี ารวดั ผลและประเมินผลด้วยวธิ ีการท่หี ลากหลาย
5. จัดการเรยี นการสอนแต่ละรายวชิ าให้ครบตามจดุ ประสงคร์ ายวชิ า
ด้านบุคลากร
1. สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
แก่ครูผูส้ อน
2. สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
แก่ครฝู กึ ในสถานประกอบการ
36
รายการสอบถาม ระดับความเหมาะสม
54321
3. จัดการศึกษาดูงานเพื่อให้บุคลากรมีความพร้อมที่จะดำเนินการจัด
การเรียนการสอนในระบบทวภิ าคี
4. มีการจัดอบรมครูร่วมกับสถานประกอบการเพื่อสร้างความเข้าใจใน
การจดั การเรยี นการสอนระบบทวิภาคี
5. ส่งเสริมให้ครูผู้สอนมีการผลิตสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ประกอบ
ในการจัดการเรยี นการสอนระบบทวิภาคี
ดา้ นความร่วมมอื กับสถานประกอบการ
1. สร้างร่วมมือกับเครือข่ายสถานประกอบการเพื่อการพัฒนาการจัดการ
อาชวี ศึกษาระบบทวภิ าคีอย่างเป็นรูปธรรม
2. มีการประเมินการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีระหว่างสถานศึกษา
สถานประกอบการและผู้มสี ่วนไดส้ ่วนเสีย
3. มีการประสานงานและติดตามการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ร่วมกันระหว่างสถานศกึ ษาและสถานประกอบการอยา่ งต่อเน่ือง
4. นำผลการประเมินมาพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่าง
เป็นรปู ธรรมรว่ มกันระหวา่ งสถานศกึ ษาและสถานประกอบการ
5.สถานศึกษาและสถานประกอบการควรมีส่วนร่วมในการกำหนด
คุณลักษณะและสมรรถนะวิชาชีพของผู้เรียนตามความต้องการตาม
มาตรฐานกรอบคณุ วุฒิแหง่ ชาติ
ตวั อยา งแบบสอบถาม
ท่ใี ชเ ก็บขอมูลใน Google form
แบบสำรวจปัญหาและแนวทางแก้ไขการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
แบบสอบถามนี้จัดทำขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไข
การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
*จำเป็ น
ตอนที่ 1
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม
คำชี้แจง
โปรดทำเครื่องหมาย √ หน้าข้อความที่ตรงกับความเป็นจริง
1 1) เพศ *
(เลือกได้มากกว่าหนึ่งช่อง)
ชาย
หญิง
2 2)
อายุ *
(เลือกได้มากกว่าหนึ่งช่อง)
21-30 ปี
31-40 ปี
41-50 ปี
51-60 ปี
มากกว่า 60 ปี
3 3) วุฒิทางการศึกษา
*
(เลือกได้มากกว่าหนึ่งช่อง)
ต่ำกว่าปริญญาตรี
ปริญญาตรี
ปริญญาโท
ปริญญาเอก
4 4) สถานภาพ
*
(เลือกได้มากกว่าหนึ่งช่อง)
ผู้บริหารสถานศึกษา
หัวหน้างาน/เจ้าหน้าที่งานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี/ครูนิเทศ/ครูผู้สอน
เจ้าของสถานประกอบการ
ครูฝึกในสถานประกอบการ
5 5) ประสบการณ์ในการทำงาน
*
(เลือกได้มากกว่าหนึ่งช่อง)
น้อยกว่า 5 ปี
5-10 ปี
11-20 ปี
มากกว่า 20 ปี
ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับ
ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
คำชี้แจง โปรดอ่านข้อความจากสภาพปัญหาในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัดสำนักงาคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา
และพิจารณาว่าท่านมีความเห็นระดับใด แล้วตอบแบบสอบถามความคิดเห็นหรือควารู้สึกของท่านโดยทำเครื่องหมาย
√ ลงในช่องระดับคะแนนเพียงหนึ่งช่องในแต่ละข้อ
ความหมายของระดับคะแนน 5 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับมากที่สุด 4
หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับมาก 3 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง 2 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับน้อย 1
หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยที่สุด
6 ด้านการบริหารจัดการ
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1.สถานศึกษาและสถาน
ประกอบการมีส่วนร่วมใน
การกำหนดเนื้อหา
หลักสูตร และแผนการ
จัดการเรียนรู้ที่สอดคล้อง
ตรงตามสมรรถนะของ
สถานศึกษาและสถาน
ประกอบการ
2.การร่วมกลุ่มสถาน
ศึกษา เพื่อสร้างเครือข่าย
ความร่วมมือกับสถาน
ประกอบการและชุมชน
3.การประชาสัมพันธ์เพื่อ
สร้างความเข้าใจในการ
จัดการเรียนการสอน
ระบบทวิภาคี กับชุมชน
และสถานประกอบการ
4.สถานประกอบการ
สถานศึกษา และผู้ที่มีส่วน
เกี่ยวข้อง มีสาวนร่วมใน
การจัดสรรและบริหาร
จัดการด้านงบประมาณ
5.เสริมสร้างวิสัยทัศน์
เพื่อการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ให้มีประสิทธิผล
7 ด้านการจัดการเรียนการสอน
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1.จัดหาแหล่งการเรียนรู้ที่
มีคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อ
เสริมสร้างประสบการณ์
ในการเรียนรู้ด้าน
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
2. กำหนดเนื้อหา
หลักสูตรและแผนการ
จัดการเรียนรู้ทั้ง ให้
สอดคล้องกับสมรรถนะ
ของสถานศึกษาและ
สถานประกอบการ
3. ร่วมมือกับสถาน
ประกอบการในการ
กำหนดจำนวนนักศึกษา
และครูฝึกในสถาน
ประกอบการให้มีความ
เหมาะสม
4. จัดปฐมนิเทศให้กับ
นักศึกษาและผู้ปกครอง
ในเรื่องการจัดการ
อาชีวศึกษา ร่วมกับสถาน
ประกอบการ
5. ครูผู้สอนต้องเป็นผู้
พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
เพื่อพัฒนาการจัดการ
เรียนการสอนด้าน
อาชีวศึกษา
8 ด้านบุคลากร
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1. ครูผู้สอนมีความรู้
ความเข้าใจในเรื่องการ
จัดการเรียนการสอน
ระบบทวิภาคี
2. ครูฝึกในสถานประกอบ
การมีความรู้ความเข้าใจใน
เรื่องการจัดการเรียนการ
สอนระบบทวิภาคี
3. บุคลากรมีความพร้อม
ที่จะดำเนินการจัดการ
เรียนการสอนในระบบ
4. มีการจัดอบรมครูร่วม
กับสถานประกอบการเพื่อ
สร้างความเข้าใจในการ
จัดการเรียนการสอบ
ระบบทวิภาคี
5. มีการนิเทศติดตามใน
ขณะฝึกปฏิบัติงานอย่าง
สม่ำเสมอ
9 ด้านความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1. การมีส่วนร่วมในการ
ประสานงานการ
พัฒนาการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
อย่างเป็นรูปธรรม
2. มีการประเมินการ
จัดการอาชีวศึกษาระบบ
ทวิภาคีระหว่างสถาน
ศึกษา สถานประกอบการ
และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
3. มีการประสานงานและ
ติดตามการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ร่วมกันระหว่างสถาน
ศึกษาและสถานประกอบ
การอย่างต่อเนื่อง
4. มีการนำผลการ
ประเมินมาพัฒนาร่วมกัน
ระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการในการ
จัดการอาชีวศึกษาระบบ
ทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม
5. ผู้เรียนมีสมรรถนะ
วิชาชีพตามมาตรฐาน
กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ
และตรงกับความต้องการ
ของสถานประกอบการ
ตอนที่ 3 ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขในการ ชี้แจง
จัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีสำหรับผูบริหาร โปรดอ่านข้อความ แนวทางการแก้ปัญหาในการ
สถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการ จัดการศึกษาระบบทวิภาคีในสถานศึกษาสังกัด
อาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
และพิจารณาว่าท่านมีความเห็นระดับใด แล้วตอบ
แบบสอบถามความคิดเห็นหรือความรู้สึกของท่าน
โดยทำเครื่องหมาย
√ ลงในช่องระดับคะแนนเพียงหนึ่งช่องในแต่ละข้อ
ความหมายของระดับคะแนน 5 หมายถึง
เหมาะสมอยู่ระดับมากที่สุด 4 หมายถึง
เหมาะสมอยู่ในระดับมาก 3 หมายถึง เหมาะสมอยู่
ในระดับปานกลาง 2 หมายถึง เหมาะสมอยู่ในระดับ
น้อย 1
หมายถึง เหมาะสมอยู่ในระดับน้อยที่สุด
10 แนวทางแก้ไขด้านการบริหารจัดการ
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1. สร้างความรู้เกี่ยวกับ
การจัดการอาชีวศึกษา
ระบบทวิภาคีต่อทั้ง
บุคลากรในสถานศึกษา
และบุคลากรในสถาน
ประกอบการ
2. มอบหมายผู้รับผิดชอบ
ในการประสานงานความ
ร่วมมือระหว่างสถาน
ศึกษาและสถานประกอบ
การ
3. มีแนวทางในการปฏิบัติ
ในการจัดการเรียนการ
สอนระบบทวิภาคีที่ชัดเจน
สามารถนำไปปฏิบัติได้
จริง
4. การจัดสรรงบประมาณ
เพื่อให้เพียงพอต่อการ
จัดการเรียนการสอนได้
ย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
การจัดพาหนะในการนิเทศ
การจัสภาพแวดล้อมที่เอื้ อ
ต่อการเรียน เป็นต้น
5. มีการลงนามความร่วม
มือ ข้อตกลง ที่มีความ
ชัดเจนระหว่างสถาน
ศึกษาและสถานประกอบ
การ
11 แนวทางแก้ไขด้านการจัดการเรียนการสอน
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1.จัดเตรียมสถานที่และ
วัสดุฝึกที่มีคุณภาพ
มาตรฐาน เพื่อเสริมสร้าง
ประสบการณ์ ในการเรียน
รู้ด้านอาชีวศึกษาระบบ
ทวิภาคี
2. กำหนดเนื้อหา
หลักสูตรและแผนการ
จัดการเรียนรู้ทั้ง ให้เหมาะ
สมกับสมรรถนะและ
บริบทของสถานศึกษา
และสถานประกอบการ
3. กำหนดจำนวน
นักศึกษาและครูฝึกใน
สถานประกอบการให้มี
ความเหมาะสมเพื่อให้การ
จัดการเรียนการสอนมี
คุณภาพ
4. มีการวัดผลและ
ประเมินผลด้วยวิธีการที่
หลากหลาย
5. จัดการเรียนการสอน
แต่ละรายวิชาให้ครบตาม
จุดประสงค์รายวิชา
12 แนวทางแก้ไขด้านบุคลากร
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1. สร้างความรู้ความ
เข้าใจในเรื่องการจัดการ
เรียนการสอนระบบ
ทวิภาคีแก่ครูผู้สอน
2. สร้างความรู้ความ
เข้าใจในเรื่องการจัดการ
เรียนการสอนระบบ
ทวิภาคีแก่ครูฝึกในสถาน
ประกอบการ
3. จัดการศึกษาดูงานเพื่อ
ให้บุคลากรมีความพร้อม
ที่จะดำเนินการจัด
4. มีการจัดอบรมครูร่วม
กับสถานประกอบการเพื่อ
สร้างความเข้าใจในการ
จัดการเรียนการสอน
ระบบทวิภาคี
5. ส่งเสริมให้ครูผู้สอนมี
การผลิตสื่อเทคโนโลยี
สารสนเทศเพื่อใช้ประกอบ
ในการจัดการเรียนการ
สอนระบบทวิภาคี
13 แนวทางแก้ไขด้านความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
มากที่สุด 5 มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยที่สุด 1
1. สร้างร่วมมือกับเครือ
ข่ายสถานประกอบการ
เพื่อการพัฒนาการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
อย่างเป็นรูปธรรม
2. มีการประเมินการ
จัดการอาชีวศึกษาระบบ
ทวิภาคีระหว่างสถาน
ศึกษา สถานประกอบการ
และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
3. มีการประสานงานและ
ติดตามการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ร่วมกันระหว่างสถาน
ศึกษาและสถานประกอบ
การอย่างต่อเนื่อง
4. นำผลการประเมินมา
พัฒนาการจัดการ
อาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
อย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน
ระหว่างสถานศึกษาและ
สถานประกอบการ
5.สถานศึกษาและสถาน
ประกอบการควรมีส่วน
ร่วมในการกำหนด
คุณลักษณะและสมรรถนะ
วิชาชีพของผู้เรียนตาม
ความต้องการตาม
มาตรฐานกรอบคุณวุฒิ
แห่งชาติ
เนื้อหานี้มิได้ถูกสร้างขึ้นหรือรับรองโดย Google
ฟอร์ม