100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
2. ตวั อย่างแผนการจดั การเรยี นรู้
119
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนฆอ้ งชยั วทิ ยาคม
รายวิชา เคมี รหสั วชิ า ว 32222 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง กรดเบส เวลา 28 ช่วั โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง ทฤษฎกี รด-เบส เวลา 2 ช่วั โมง
ผูส้ อน : นางสาวนงค์ธญิ า มลากรรณ์ ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563
1. ผลการเรียนรู้
1. ระบุ และอธบิ ายว่าสารเป็นกรดหรอื เบสโดยใช้ทฤษฎกี รด-เบสของอารเ์ รเนยี ส เบรินสเตด-ลาวรี
และลิวอสิ
2. ระบคุ กู่ รด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายนยิ ามกรด-เบสตามทฤษฎกี รด-เบสอารเ์ รเนียส ทฤษฎกี รด-เบสเบรินสเตด และทฤษฎี
กรด-เบสลวิ อิสได้ (K)
2. เขียนสมการเคมีแสดงการถ่ายโอนโปรตอนได้ (P)
3. ตง้ั ใจเรยี นรูแ้ ละแสวงหาความรู้ รับผิดชอบต่อหน้าทีท่ ่ไี ด้รับมอบหมาย (A)
3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
- สารในชีวิตประจำวนั หลายชนิดมีสมบตั ิเป็นกรด พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
หรอื เบส ซ่ึงพจิ ารณาได้โดยใช้ทฤษฎีกรด-เบส
ของอาร์เรเนยี ส เบรนิ สเตด-ลาวรี หรือลิวอสิ
- ตามทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี
เมือ่ กรดหรอื เบสละลายน้ำหรือทำปฏิกริ ิยากับ
สารอน่ื จะมกี ารถา่ ยโอนโปรตอนระหวา่ ง
สารตงั้ ต้นท่ีเปน็ กรดและเบส เกิดเป็นผลิตภัณฑ์
ซ่งึ เป็นโมเลกุลหรอื ไอออนท่เี ป็นคู่กรด-เบส
ของสารตง้ั ต้นน้ัน โดยสารทเ่ี ปน็ คกู่ รด-เบสกัน
จะมโี ปรตอนตา่ งกัน 1 โปรตอน
120
4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ทฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนยี ส กล่าวว่า กรด คอื สารที่ละลายน้ำแลว้ แตกตวั ให้ไฮโดรเจนไอออน สว่ น
เบส คอื สารท่ลี ะลายนำ้ แล้วแตกตัวให้ไฮดรอกไซดไ์ อออน
ทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี กล่าวว่า กรด คือ สารท่ีให้โปรตอนแกส่ ารอืน่ ส่วนเบส คือ
สารท่รี บั โปรตอนจากสารอ่ืน
สารทีเ่ ป็นคู่กรด-เบสกันจะมีจำนวนโปรตอนต่างกนั 1 โปรตอน
สารบางชนดิ สามารถทำหนา้ ท่เี ปน็ ได้ท้งั กรดและเบส เชน่ นำ้ เรยี กสารประเภทนว้ี า่ แอมโฟเทอริก หรือ
แอมฟิโพรตกิ
ทฤษฎีกรด-เบสของลิวอสิ กล่าวว่า กรด คอื สารท่รี ับคอู่ เิ ล็กตรอนจากสารอนื่ สว่ นเบส คอื สารท่ใี ห้คู่
อเิ ล็กตรอนแก่สารอ่ืน
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทกั ษะการสงั เกต 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา
3) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน
4) ทักษะการวิเคราะห์
5) ทกั ษะการทดลอง
6) ทกั ษะการตีความหมายและลงข้อสรุป
7) ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instruction Model)
6.1 ขน้ั นำ (10 นาท)ี
6.1.1 ครูใหน้ กั เรยี นระบุสมบตั ิกรดหรอื เบสของสาร ไดแ้ ก่ น้ำสม้ สายชู นำ้ มะนาว นมเปร้ียว
ผงซกั ฟอก สบู่ และยาลดกรด โดยส่มุ ใหน้ กั เรียนออกมาเขยี นระบคุ วามเปน็ กรด-เบสในตารางบนกระดาน และ
ครถู ามเหตุผล รวมท้ังวิธกี ารตรวจสอบเพิ่มเตมิ ในการระบุความเปน็ กรด-เบสของสารชนดิ นนั้ ๆ ดังนี้
ความเป็นกรด- นำ้ ส้มสายชู นำ้ มะนาว ชนดิ ของสาร สบู่ ยาลดกรด
เบส กรด กรด นมเปรีย้ ว ผงซักฟอก เบส เบส
กรด เบส
ชนิดของสาร
121
นำ้ สม้ สายชู น้ำมะนาว นมเปรีย้ ว ผงซกั ฟอก สบู่ ยาลดกรด
เหตผุ ล รสเปรีย้ ว รสเปรย้ี ว เปล่ยี นสี เปล่ยี นสี ลน่ื มือ ฝาด
กระดาษ กระดาษลิตมัส
ลติ มสั จากสี จากสีแดงเป็น
นำ้ เงนิ เปน็ สี สนี ำ้ เงนิ
แดง
วธิ ีการตรวจสอบ ชมิ ชมิ ใชก้ ระดาษ ใชก้ ระดาษ ถกู บั มือ ชิม
ลิตมัส ลิตมัส
6.1.2 ครูถามนกั เรียน ดงั น้ี
1) นักเรยี นคิดว่าคำตอบของเพื่อนบนกระดานถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
(แนวคำตอบ : ตอบตามแนวคดิ ของนกั เรยี น)
2) ถ้านักเรียนไมท่ ดสอบไอออนดว้ ยประสาทสัมผัสต่างๆ นักเรยี นสามารถระบุาความเป็น
กรด-เบสของสารได้หรือไม่ อย่างไร
(แนวคำตอบ : ระบไุ ด้ โดยการพิจารณาจากสมการเคมีตามนิยามกรด-เบส หรือเขยี น
สมการเคมีแลว้ พิจารณาไอออนทเี่ กดิ ข้ึน)
6.1.3 ครนู ำเขา้ สู่กิจกรรม เร่ือง ทฤษฎี กรด-เบส ดังน้ี
“จากกิจกรรมทีน่ กั เรยี นไดท้ ำเปน็ การบอกและทดสอบความเปน็ กรด-เบสพ้ืนฐาน ซ่ึงในอดีต
นักวิทยาศาสตรห์ ลายท่านไดพ้ ยายามอธบิ าย หาเหตผุ ลวา่ กรดและเบส มีลกั ษณะเป็นอย่างไร
สามารถพิจารณาได้อย่างไรบ้าง ซง่ึ นักเรยี นจะไดศ้ ึกษานิยามกรด-เบสตามทฤษฎีกรด-เบส อารเ์ รเนียส ทฤษฎี
กรด-เบสเบรนิ สเตด และทฤษฎีกรด-เบสลวิ อิส ดงั ตอ่ ไปนี้”
6.2 ขนั้ สอน (30 นาท)ี
6.2.1 ครนู ำเสนอทฤษฎกี รด-เบสอารเ์ รเนยี ส ดังนี้
ทฤษฎกี รด-เบสอารเ์ รเนียส กล่าวว่า กรด คือ สารที่ละลายนำ้ แลว้ แตกตวั ใหไ้ ฮโดรเจนไอออน
(H+) และเบส คอื สารท่ีละลายน้ำแล้วแตกตัวให้ไฮดรอกไซดไ์ อออน (OH-) เชน่ HCl แล NaOH
6.2.2 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันเขยี นสมการการแตกตัวแไฮโดรเจนไอออน (H+) หรือไฮดรอกไซดไ์ อออน
(OH-) ของ HCl และ NaOH ดังนี้
H2O H2O
HCl (g) H+ (aq) + Cl- (aq) และ NaOH (s) Na+ (aq) + OH-
HCl เป็นกรด เพราะแตกตัวให้ H+ และ NaOH เปน็ เบส เพราะแตกตวั ให้ OH-
6.2.3 ครูถามคำถามเพ่อื ชี้ถงึ ขอ้ บกพรอ่ งของทฤษฎกี รด-เบสอารเ์ รเนยี ส ดังนี้
1) ถ้านกั เรยี นตอ้ งการอธิบายความเปน็ กรด-เบสของฟีนอล (ซงึ่ ไมล่ ะลายน้ำแต่มสี มบตั ิเป็น
กรด) โดยใช้ทฤษฎขี องอารเ์ รเนยี ส สามารถทำได้หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ : ทำไมไ่ ด้ เนือ่ งจากทฤษฎกี รด-เบสอาร์เรเนยี สไมล่ ะลายนำ้ )
2) ยกตวั อย่าง NH4Cl เขียนสมการการแตกตวั ไดอ้ ยา่ งไร
(แนวคำตอบ : (NH4Cl (s) H2O NH4+ (aq) + Cl- (aq) )
122
3) จากสมการการแตกตวั ของ NH4Cl นกั เรยี นคดิ ว่า NH4Cl เปน็ กรด หรือเบส ตามทฤษฎี
กรด-เบสอารเ์ รเนยี ส
(แนวคำตอบ : ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจาก NH4Cl แตกตัวแลว้ ไม่มี H+ หรอื OH- )
4) นกั เรียนคิดว่า ทฤษฎกี รด-เบสอารเ์ รเนยี ส อธิบายไดค้ รอบคลมุ ความเป็นกรดเป็นเบสของ
สารไดห้ ลากหลายหรอื ไม่ อย่างไร
(แนวคำตอบ : อธบิ ายความเป็นกรดเบสสารตา่ งๆยงั ไม่ชัดเจน ไมค่ รอบคลมุ )
5) ครูอธิบายเพิม่ เติมว่าเม่ือทฤษฎีกรด-เบสอารเ์ รเนยี สระบคุ วามเป็นกรด-เบสไมค่ รอบคลุม
สารชนดิ อืน่ ๆ จึงต้องมีทฤษฎีใหม่มาอธบิ ายเพ่ิมเติม เพ่อื หาทฤษฎีทีค่ รอบคลมุ และถกู ต้องมากท่สี ุด
6.2.4 ครนู ำเสนอทฤษฎกี รด-เบสเบรินสเตด-ลาวรี ดงั นี้
ทฤษฎกี รด-เบสเบรนิ สเตด-ลาวรี กลา่ วว่า กรด คือ สารที่ใหโ้ ปรตอน (H+) แก่สารอน่ื
และเบส คอื สารทีร่ ับโปรตอน (H+) จากสารอน่ื ครยู กตวั อย่าง และถามคำถาม ดงั นี้
H2O
NH4Cl (s) NH4+ (aq) + Cl- (aq)
1) จากสมการการแตกตวั ของ NH4Cl ตามทฤษฎีกรด-เบสเบรินสเตด-ลาวรี สารใดเปน็ กรด
สารใดเปน็ เบส เพราะเหตุใด
(แนวคำตอบ : NH4+ เปน็ กรด เพราะให้ H+ กับ H2O และ H2O เป็นเบส เพราะรับ H+
จาก NH4+และในสารละลายมี H3O+ เกิดขึ้น สารละลาย NH4Cl จงึ มีสมบตั ิเปน็ กรด)
2) จากสมการการแตกตวั ของ CH3COONa ตามทฤษฎกี รด-เบสเบรนิ สเตด-ลาวรี สารใด
เปน็ กรด สารใดเป็นเบส เพราะเหตใุ ด
CH3COONa (s) CH3COO- (aq) + Na+ (aq)
H+ CH3COOH (aq) + OH- (aq)
CH3COO- (aq) + H2O (l)
เบส กรด
(แนวคำตอบ : H2O เป็นกรด เพราะให้ H+ กบั CH3COO- เกดิ เปน็ OH- ขณะท่ี CH3COO-
เป็นเบส เพราะรบั H+ จาก H2O เกดิ เป็น CH3COOH และในสารละลายมี OH- เกดิ ข้ึน สารละลาย
CH3COONa จงึ มีสมบัตเิ ปน็ เบส)
3) ถา้ นกั เรยี นต้องการอธิบายความเปน็ กรด-เบสของสาร X นักเรียนจะเลือกใช้ทฤษฎี
กรด-เบสใด เพราะเหตุใด
(แนวคำตอบ : เลือกทฤษฎีกรด-เบสเบรนิ สเตด-ลาวรี เพราะสามารถอธิบายสารที่เป็น
กรดเบสไดก้ วา้ งขวางกวา่ ทฤษฎีกรด-เบสอาร์เรเนียส, อธบิ ายกรดเบสของสารทไี่ มม่ ี H+ หรือ OH- ในโมเลกลุ ได้,
ไมจ่ ำกดั วา่ สารนัน้ ต้องละลายนำ้ )
123
6.2.5 ครูนำเสนอทฤษฎีกรด-เบสลวิ อสิ ดงั นี้
ทฤษฎีกรด-เบสลวิ อสิ กล่าววา่ กรด คอื สารที่รบั ค่อู ิเลก็ ตรอนจากสารอนื่ และเบส คือ สารที่
ใหค้ ่อู ิเล็กตรอนแกส่ ารอืน่ ดงั นี้
1) จากสมการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งไตรคารบ์ อลฟลูออไรดก์ ับแอมโมเนีย ตามทฤษฎีกรด-
เบสลิวอิส สารใดเปน็ กรด สารใดเปน็ เบส เพราะเหตุใด
(แนวคำตอบ : NH3 มอี เิ ล็กตรอนคู่โดดเดยี่ ว 1 คู่ จึงให้คอู่ เิ ลก็ ตรอนแก่ BF3 ดงั นั้น NH3
ทำหนา้ ทีเ่ ป็นเบส ส่วน BF3 รบั คูอ่ เิ ล็กตอนจาก NH3 ดังนัน้ BF3 จงึ เปน็ เบส)
2) นักเรยี นคดิ วา่ ทฤษฎกี รด-เบสของลิวอิส อธบิ ายได้ชัดเจนและครอบคลมุ หรอื ไม่ อยา่ งไร
เมื่อเทยี บกับทฤษฎีท่กี ลา่ วมาข้างตน้
(แนวคำตอบ : ชัดเจนและครอบคลมุ กว่าทฤษฎอี ืน่ ๆ เน่ืองจากทฤษฎกี รด-เบสของ
ลวิ อิส สามารถจำแนกกรด-เบสทีไ่ มม่ ที ้งั (H+) หรือ (OH-) ในสารนัน้ และแมว้ ่าสารนน้ั ไมไ่ ด้อยู่ในสารละลายก็
สามารถใช้ทฤษฎีกรด-เบสลิวอสิ อธบิ ายความเป็นกรดเบสได้)
6.2.6 นกั เรยี นแต่ละคนจะไดร้ ับแบบกจิ กรรม เร่ือง ทฤษฎกี รด-เบส โดยเติมคำลงใน
ช่องว่าง และระบคุ วามเป็นกรด-เบสพร้อมทั้งบอกเหตผุ ลวา่ เพราะเหตใุ ดสารชนิดนน้ั จงึ เป็นกรด-เบส
(เวลาในการทำกจิ กรรม 10 นาที) ดังน้ี
สมการเคมีแสดงปฏิกิรยิ ากรด-เบส ระบคุ วามเปน็ กรด-เบส
CH3COOH (l) …………………...…. + ………….…………….. ………………………………………………………………………
……………………………………………………………………
NH3 (aq) + H2O (l) …………………… + ……………………….
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
LiOH (l) …………………...…. + ………….…………….. ……………………………………………………………………
………………………………………………………………………
HF (aq) + H2O (l) ………………… + ………….……………..
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
124
สมการเคมีแสดงปฏิกิรยิ ากรด-เบส ระบคุ วามเป็นกรด-เบส
………………………………………………………………………
+ ………………………………………………………………………
NH4OH (l) …………………...…. + ………….…………….. ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
HOCl (aq) + H2O (l) ………………………………………………………………………
………………...…. + ………….……… ………………………………………………………………………
……………………………………….. ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
6.2.7 ครูและนักเรยี นรว่ มเฉลยแบบกิจกรรม ร่วมกนั ดงั น้ี
สมการเคมแี สดงปฏกิ ิริยากรด-เบส ความเป็นกรด-เบส
CH3COOH เปน็ กรดอารเ์ รเนียส เพราะแตกตวั ให้ H+
CH3COOH (l) H+ (aq) + CH3COO- (aq)
NH3 (aq) + H2O (l) NH4+ (aq) + OH- (aq) NH3 เปน็ เบสเบรินสเตด-ลาวรี เพราะรับ H+ จาก H2O
เบส กรด
AlCl3 เปน็ กรด เพราะรบั อเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเดี่ยวจาก
(CH3)2O
(CH3)2O เป็นเบส เพราะให้อเิ ลก็ ตรอนค่โู ดดเด่ียวแก่
AlCl3
LiOH (l) Li+ (aq) + OH- (aq) LiOH เปน็ เบส เพราะแตกตัวให้ OH-
HF (aq) + H2O (l) F- (aq) + H3O+ (aq) HF เปน็ กรด เพราะให้ H+ แก่ H2O
กรด เบส
(CH3)2NH เป็น เบส เพราะใหอ้ เิ ล็กตรอนคโู่ ดดเดี่ยวแก่
+ AlCl3
AlCl3 เป็นกรด เพราะรบั อิเลก็ ตรอนคูโ่ ดดเดีย่ วจาก
(CH3)2NH
125
NH4OH (l) NH4+ (aq) + OH- (aq) NH4OH เปน็ เบส เพราะแตกตัวให้ OH-
HOCl เป็นกรด เพราะให้ H+ แก่ H2O
HOCl (aq) + H2O (l) OCl- (aq) + H3O+ (aq)
OH- เป็นเบส เพราะให้อิเล็กตรอนคู่โดดเด่ยี วแก่ H+
กรด เบส H+ เป็นกรด เพราะรับอเิ ล็กตรอนค่โู ดดเด่ยี วจาก OH-
6.3 ขัน้ สรปุ (20 นาที)
6.3.1 นักเรียนและครรู ว่ มกันสรุปทฤษฎกี รด-เบส ท้ัง 3 ทฤษฎี โดยครูถามคำถามทบทวนนิยาม
กรด-เบส เพือ่ ใหไ้ ด้ข้อสรุปดังนี้
1) ทฤษฎกี รด-เบส อาร์เรเนยี ส กรดและเบส มลี ักษณะเป็นอยา่ งไร
(แนวคำตอบ : กรด คอื สารท่ีแตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน (H+) และเบส คือ สารที่แตกตัว
ใหไ้ ฮดรอกไซด์ไอออน (OH-))
2) ทฤษฎีกรด-เบสเบรินสเตด-ลาวรี กรดและเบส มีลกั ษณะเปน็ อย่างไร
(แนวคำตอบ : กรด คอื สารท่ีให้โปรตอน (H+)และเบส คอื สารทรี่ ับโปรตอน (H+))
3) ทฤษฎีกรด-เบสลวิ อสิ กรดและเบส มีลกั ษณะเปน็ อย่างไร
(แนวคำตอบ : กรด คือ สารทีร่ ับอเิ ล็กตรอนคู่โดดเดีย่ ว และเบส คอื สารที่ให้อิเล็กตรอนคู่
โดดเด่ยี ว)
4) จากแบบกจิ กรรม การแตกตวั ดังสมการ CH3COOH (l) H+ (aq) + CH3COO- (aq)
CH3COOH เป็นกรด หรอื เบสตามคำนิยามของทฤษฎใี ด
(แนวคำตอบ : CH3COOH เป็นกรด ซึ่งแตกตัวให้ H+ เป็นไปตามคำนยิ ามทฤษฎกี รด-เบส
อาร์เรเนียส)
5) สมการ (
AlCl3 เปน็ กรด หรอื เบสตามคำนิยามของทฤษฎใี ด
(แนวคำตอบ : AlCl3 เป็นกรด เพราะรบั อเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเดย่ี วจาก (CH3)2NH ตามนยิ าม
ของลิวอสิ )
6) จากแบบกิจกรรม การแตกตัวดังสมการ HF (aq) + H2O (l) F- (aq) +H3O+ (aq)
HF เปน็ กรด หรอื เบสตามคำนิยามของทฤษฎีใด
(แนวคำตอบ : HF เป็นกรด เพราะให้ H+ แก่ H2O ตามนยิ ามของทฤษฎีกรด-เบส
เบรนิ สเตด-ลาวรี)
126
7. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
7.1 ประเมินระหวา่ ง
การจัดกิจกรรม
การเรยี นรู้
1) ทฤษฎีกรด-เบส - ตรวจใบงานท่ี 1 - ใบงานที่ 1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
2) การทดลอง เร่อื ง - ประเมนิ การปฎบิ ัติ - แบบประเมินการปฎิบัติ - ระดบั คุณภาพ 2
ปฏกิ ริ ิยาการให้ การ การ ผ่านเกณฑ์
และรบั โปรตอน
ของโซเดียม
ไฮโดรเจน
คารบ์ อเนต
3) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
4) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2
อันพงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
และมุง่ มน่ั ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 กรด-เบส
2) หนังสอื แบบฝกึ หัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 กรด-เบส
3) ใบงานที่ 4.3.1 เรอื่ ง ทฤษฎีกรด-เบส
4) วสั ดุ-อุปกรณท์ ่ใี ช้ในการทดลอง เรื่อง ปฏกิ ริ ยิ าการให้และรบั โปรตอนของโซเดยี มไฮโดรเจน
คารบ์ อเนต
5) สมุดประจำตัว
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
- หอ้ งเรยี นออนไลน์ รายวชิ า เคมี
127
ใบงานท่ี 1
เรื่อง ทฤษฎกี รด-เบส
คำชแี้ จง : ตอบคำถามเกี่ยวกบั ทฤษฎกี รด-เบส
1. พจิ ารณาสมการทกี่ ำหนดให้ แลว้ ระบุว่าสารต้ังตน้ เปน็ กรดหรอื เบสตามทฤษฏีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี
พรอ้ มใหเ้ หตุผลประกอบ
1) CH3COOH (aq) + OH- (aq) ⇌ CH3COO- (aq) + H2O (l)
2) H2PO4- (aq) + H3O+ (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + H2O (l)
2. จากปฏิกิริยาทีก่ ำหนดให้ จงระบวุ ่าสารตงั้ ตน้ ชนิดใดเปน็ กรดและเบสตามทฤษฎีกรด-เบสลิวอิส พร้อมให้
เหตุผลประกอบ
1) Fe3+ (aq) + 6H2O (l) ⇌ Fe(H2O)63+ (aq)
2) Ag+ (aq) + 2NH3 (aq) ⇌ Ag(NH3)22+ (aq)
3. จากสมการทกี่ ำหนดใหต้ ่อไปน้ี
H2PO4- (aq) + OH- (aq) ⇌ H2O (l) + HPO42- (aq)
H2PO4- (aq) + H2SO4 (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + HSO4- (aq)
H2PO4- จัดเป็นสารแอมฟิโพรติกหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
4. เตมิ คำตอบเก่ียวกับคู่กรด-เบสลงในตารางใหส้ มบูรณ์
คู่กรด สตู รของคกู่ รด คเู่ บส สูตรของคเู่ บส
…………………………………………… CH3COOH แอซเี ตตไอออน
………….…
กรดไฮโดรไซยานิก HSO4- SO42-
CN-
H2PO4- HPO42-
HS- S2-
128
ใบงานท่ี 1 เฉลย
เรื่อง ทฤษฎีกรด-เบส
คำชีแ้ จง : ตอบคำถามเก่ียวกบั ทฤษฎกี รด-เบส
1. พิจารณาสมการท่ีกำหนดให้ แล้วระบุว่าสารตั้งต้นเปน็ กรดหรอื เบสตามทฤษฏีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี
พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ
1) CH3COOH (aq) + OH- (aq) ⇌ CH3COO- (aq) + H2O (l)
CH3COOH เป็นกรดตามทฤษฏีกรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี เพราะให้ H+ แก่ OH- ส่วน OH- เป็น
เบสตามทฤษฏกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี เพราะรบั H+ จาก CH3COOH
2) H2PO4- (aq) + H3O+ (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + H2O (l)
H3O+ เปน็ กรดตามทฤษฏีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี เพราะให้ H+ แก่ H2PO4- สว่ น H2PO4- เป็น
เบสตามทฤษฏกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี เพราะรับ H+ จาก H3O+
2. จากปฏิกริ ยิ าทก่ี ำหนดให้ จงระบวุ า่ สารตั้งตน้ ชนดิ ใดเป็นกรดและเบสตามทฤษฎีกรด-เบสลิวอสิ พร้อมให้
เหตุผลประกอบ
1) Fe3+ (aq) + 6H2O (l) ⇌ Fe(H2O)63+ (aq)
Fe3+ เปน็ กรด เพราะรบั อเิ ล็กตรอนคูโ่ ดดเดี่ยว ส่วน H2O เป็นเบส เพราะมอี เิ ล็กตรอนคู่โดดเดยี่ ว
2) Ag+ (aq) + 2NH3 (aq) ⇌ Ag(NH3)22+ (aq)
Ag+ เป็นกรด เพราะรบั อเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเดย่ี ว ส่วน NH3 เป็นเบส เพราะมีอเิ ล็กตรอนคโู่ ดดเดยี่ ว
3. จากสมการที่กำหนดให้ตอ่ ไปน้ี
H2PO4- (aq) + OH- (aq) ⇌ H2O (l) + HPO42- (aq)
H2PO4- (aq) + H2SO4 (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + HSO4- (aq)
H2PO4- จัดเปน็ สารแอมฟโิ พรตกิ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
จากสมการ แสดงว่า H2PO4- สามารถท้งั ใหแ้ ละรับโปรตอนได้ กล่าวคือ H2PO4- ทำหน้าท่เี ปน็ ทงั้ กรดและ
เบส ดงั น้ัน จึงจดั เป็นสารแอมฟิโพรติก
4. เติมคำตอบเก่ยี วกบั คู่กรด-เบสลงในตารางใหส้ มบูรณ์
คกู่ รด สตู รของคูก่ รด คูเ่ บส สตู รของคู่เบส
กรดแอซตี กิ แอซีเตตไอออน CH3COO-
CH3COOH SO42-
ไฮโดรเจนซัลเฟตไอออน HSO4- ซัลเฟตไอออน CN-
กรดไฮโดรไซยานกิ ไซยาไนดไ์ อออน HPO42-
ไดไฮโดรเจนฟอสเฟตไอออน HCN ไฮโดรเจนฟอสเฟตไอออน S2-
H2PO4-
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ไอออน HS- ซลั ไฟด์ไอออน
129
9. บนั ทึกผลการจัดการเรยี นรู้
9.1 ผลการจัดการเรยี นรู้ (ผลการเรียนรู้, จดุ เด่น/ดี, จดุ ด้อย/ขอ้ บกพร่อง, แนวทางแกไ้ ขพัฒนา)
………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………
……………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………
………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
…………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………
……………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
………………………………………………………………………..……………………………………………………
9.2 พฤติกรรมของผ้เู รียน
………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………
……………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
9.3 ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………
……………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
ลงชอื่ ..............................................................ผูส้ อน
( นางสาวนงค์ธิญา มลากรรณ์ )
วนั ท่ี..........เดือน..................................พ.ศ…………..
9.4 ความคิดเห็นจากกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
…………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………….……………………………………
ลงช่อื .............................................
(นางพิศมยั บญุ รอด)
ผู้ชว่ ยผ้อู ำนวยการกลุม่ บริหารงานวิชาการ
130
3. เกียรตบิ ัตร ผลงานดีเดน่ และความภาคภูมใิ จ
131
ครูผู้สอนนกั เรยี น ได้รบั รางวัลระดับเหรยี ญเงิน รองชนะเลศิ อันดับท่ี 2 กจิ กรรมการประกวด
โครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง ระดบั ชน้ั ม.1-ม.3
(งานศิลปหตั ถกรรมนักเรียน ครง้ั ท่ี 69 ปกี ารศกึ ษา 2562)
ครผู ู้สอนนักเรียน ได้รบั รางวลั ระดบั เหรยี ญทอง ชนะเลิศ
กจิ กรรมการประกวดสิ่งประดษิ ฐ์ทางวิทยาศาสตร์ ระดับช้ัน ม.4-ม.6
(งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครงั้ ท่ี 69 ปกี ารศึกษา 2562)
132
ครผู สู้ อนนักเรียน ไดร้ บั รางวัลระดบั เหรยี ญทอง กจิ กรรมการแข่งขนั เครอ่ื งบินพลังยาง ประเภท บินนาน
ปลอ่ ยอิสระ ระดบั ชน้ั ม.1-ม.3 (งานศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียน ครงั้ ที่ 69 ปีการศกึ ษา 2562)
ครผู ้สู อนนกั เรยี น ไดร้ ับรางวัลระดบั เหรยี ญทอง กจิ กรรมการประกวดมารยาทไทย ระดับชน้ั ม.1 - ม.3
(งานศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี น คร้ังที่ 69 ปกี ารศกึ ษา 2562)
133
ครผู ูส้ อนนกั เรียน ได้รบั รางวลั ระดับเหรียญทอง กจิ กรรมการประกวดมารยาทไทย ระดับชั้น ม.4-ม.6
(งานศิลปหตั ถกรรมนกั เรียน ครั้งที่ 69 ปีการศึกษา 2562)
ครผู สู้ อนนกั เรียน ไดร้ บั รางวลั ระดบั เหรยี ญเงิน กจิ กรรมการประกวดสง่ิ ประดษิ ฐ์ทางวทิ ยาศาสตร์
ระดับช้ัน ม.4-ม.6 (งานศิลปหัตถกรรมนักเรยี น ระดับชาตคิ ร้งั ที่ 69 ปีการศึกษา 2562 ณ จงั หวดั ศรสี ะเกษ)
134
ครผู ู้ฝกึ สอน รางวลั ชมเชย การแขง่ ขนั กิจกรรมทางวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ (การแขง่ ขนั สรภญั ญะ)
ภายใต้โครงการส่งเสริมการเรยี นรู้มรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรม จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ
ครผู ้สู อนนักเรยี น รางวลั ระดับเหรยี ญเงนิ กจิ กรรม การประกวดผลงานสิ่งประดิษฐท์ างวิทยาศาสตร์
ระดับช้ัน ม.๔-ม.๖ งานศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี น ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ ๖๙ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ ณ จังหวดั ศรีสะเกษ
135