The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ระเบียบกรมราชทัณฑ์อื่นๆ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ระเบียบกรมราชทัณฑ์อื่นๆ

ระเบียบกรมราชทัณฑ์อื่นๆ

ข้อ ๑๒ เมื่อเรือนจำ /ทัณฑสถาน ได้ดำ เนินการตามข้อ ๑๐ หรือข้อ ๑๑ เรียบร้อยแล้ว ให้รายงานผล พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปกรมราชทัณฑ์ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ (ลงชื่อ) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 250 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ ด้วยกระทรวงยุติธรรมเห็นควรให้มีสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ เพื่อทำ หน้าที่ให้คำแนะนำ เสนอแนะนโยบาย และแนวทางในการพัฒนางานราชทัณฑ์และสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรมจึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “สภา” หมายความว่า สภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ “นายกสภา” หมายความว่า นายกสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ “รองนายกสภา” หมายความว่า รองนายกสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ข้อ ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ หมวด ๑ สภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ ข้อ ๕ ให้มีสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ประกอบด้วย คณะกรรมการจำ นวนยี่สิบห้าคน ดังนี้ (๑) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่อธิบดีกรมราชทัณฑ์และรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์จำ นวนสามคน (๒) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งจำ นวนยี่สิบคน จากผู้แทนหน่วยงานในกระบวนการ ยุติธรรม หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจและสังคม หน่วยงานทางการศึกษา แรงงาน สื่อมวลชนและอื่นๆ ที่เห็นสมควร ให้ผู้อำ นวยการกองแผนงาน กรมราชทัณฑ์ เป็นกรรมการและเลขานุการสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ ในการแต่งตั้ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๒) ให้มีคณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วย อธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งอีก อย่างน้อยสี่คน มีอำ นาจหน้าที่สรรหาแล้วเสนอรายชื่อเพื่อรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้ง 243 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


ข้อ ๖ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีความรู้ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์เป็นที่ยอมรับในวงวิชาการหรือวงการตามสาขาที่ กำ หนด (๓) ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี (๔) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (๕) ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ข้อ ๗ สภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์มีนายกสภาและรองนายกสภาสองคน มาจากกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้ง จากคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งนายกสภาและรองนายกสภาตามมติคณะกรรมการ ข้อ ๘ นายกสภา รองนายกสภา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปีและ อาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ไม่เกินสองวาระ ข้อ ๙ นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระในข้อ ๘ แล้ว นายกสภา รองนายกสภา และกรรมการ ผู้ทรง คุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) เป็นบุคคลล้มละลายหรือไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (๔) ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก (๕) รัฐมนตรีสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ในกรณีที่กรรมการสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ว่างลงก่อนวาระ ให้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นแทน โดยผู้ที่ ได้รับแต่งตั้งนั้นให้อยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน เว้นแต่ว่างลงก่อนครบวาระ ไม่เกินเก้าสิบวัน จะไม่มีแต่งตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้ ข้อ ๑๐ ให้มีการประชุมสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ทุกรอบสามเดือน การประชุมต้องมีกรรมการมาประชุม ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำ นวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมสภา ถ้านายกสภาไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองนายกสภาทำ หน้าที่แทน ถ้าไม่มีรองนายกสภาหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งขึ้นทำ หน้าที่แทน การลงมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการหนึ่งคนให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้ามีคะแนน เสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิ์ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ข้อ ๑๑ ในกรณีที่นายกสภา หรือรองนายกสภา เห็นสมควรให้มีการประชุมคณะกรรมการก่อนรอบวาระ ตามข้อ ๑๐ ก็สามารถเรียกประชุมได้ 244 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


หมวด ๒ อำ นาจหน้าที่ ข้อ ๑๒ สภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์มีอำ นาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอแนะนโยบายและแนวทางในการพัฒนางานราชทัณฑ์ให้สอดคล้องกับสภาวะ เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตามบริบทแห่งกฎหมายไทยและมาตรฐานสากล (๒) เสนอแนะมาตรการและระเบียบที่เหมาะสมในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง การพัฒนา และแก้ไข พฤตินิสัยผู้ต้องขังและสนับสนุนผู้พ้นโทษเพื่อการดำ รงชีวิตในสังคม (๓) เสนอแนะการพัฒนางานด้านวิชาการและการพัฒนาบุคลากรของกรมราชทัณฑ์ (๔) ประสานงาน ระดมทรัพยากรทั้งภายในและภายนอกมาใช้ในการควบคุม และพัฒนาผู้ต้องขัง (๕) ติดตามประเมินผลการดำ เนินงานให้เป็นไปตามนโยบายที่กำ หนดไว้ พร้อมทั้งเสนอแนวทาง แก้ไขปัญหาและอุปสรรค (๖) รับคำร้องเรียนของผู้ต้องขังหรือประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ตามระเบียบที่สภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์กำ หนด (๗) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน เพื่อดำ เนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่สภาที่ปรึกษา การราชทัณฑ์มอบหมาย (๘) ดำ เนินการอื่นใดตามที่เห็นสมควรและชอบด้วยกฎหมายเพื่อสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์ หมวด ๓ สภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ประจำจังหวัด ข้อ ๑๓ ให้มีสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ประจำจังหวัดทุกจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร สภาที่ปรึกษา การราชทัณฑ์ประจำจังหวัดประกอบด้วย คณะกรรมการจำ นวนสิบห้าคนที่อธิบดีแต่งตั้งจากผู้แทนหน่วยงานในกระบวนการ ยุติธรรม หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจและสังคม หน่วยงานทางการศึกษา แรงงาน สื่อมวลชน สาธารณสุข และอื่นๆ ที่เห็น สมควร โดยให้แต่งตั้งผู้บัญชาการเรือนจำ หรือผู้อำ นวยการทัณฑสถานในจังหวัดนั้นหนึ่งคนเป็นกรรมการและเลขานุการ สภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ประจำจังหวัด ในการแต่งตั้งกรรมการตามวรรคสองให้มีคณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วย ผู้ที่อธิบดีแต่งตั้งไม่น้อยกว่า ห้าคน มีอำ นาจหน้าที่สรรหาแล้วเสนอรายชื่อเพื่ออธิบดีมีคำสั่งแต่งตั้ง ข้อ ๑๔ การประชุม สถานะความเป็นกรรมการ วาระการดำ รงตำแหน่ง อำ นาจหน้าที่ และการพ้นจาก ตำแหน่งของกรรมการสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ประจำจังหวัด ให้เป็นไปตามที่กำ หนดไว้สำ หรับกรรมการสภาที่ปรึกษา การราชทัณฑ์โดยอนุโลม สำ หรับอำ นาจหน้าที่ซึ่งกำ หนดให้เป็นของรัฐมนตรีก็ให้ถือว่าเป็นอำ นาจหน้าที่ของอธิบดี ประกาศ ณ วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ (ลงชื่อ) พงศ์เทพ เทพกาญจนา (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 245 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยที่เห็นสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ให้มีความเหมาะสม ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ในการให้คำแนะนำ เสนอแนะนโยบายและแนวทาง การพัฒนางานราชทัณฑ์และสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรมจึงแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ ให้มีสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ประกอบด้วย คณะกรรมการจำ นวนยี่สิบห้าคน ดังนี้ (๑) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่อธิบดีกรมราชทัณฑ์และรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์จำ นวนสี่คน (๒) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งจำ นวนยี่สิบคน จากผู้แทนหน่วยงานในกระบวนการ ยุติธรรม หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจและสังคม หน่วยงานทางการศึกษา แรงงาน สื่อมวลชนและอื่นๆ ที่เห็นสมควร ให้ผู้อำ นวยการกองแผนงาน กรมราชทัณฑ์ ทำ หน้าที่เป็นเลขานุการสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ในการแต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๒) ให้มีคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยอธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งอีกอย่างน้อยสี่คน มีอำ นาจหน้าที่สรรหาแล้วเสนอรายชื่อเพื่อรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้ง” 246 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ แห ่งระเบียบกระทรวงยุติธรรมว ่าด้วยสภาที ่ปรึกษาการราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ ให้มีการประชุมสภาที่ปรึกษาการราชทัณฑ์ทุกรอบสี่เดือน การประชุมต้องมีกรรมการ มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำ นวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุมในการประชุมสภา ถ้านายกสภาไม่มาประชุม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองนายกสภาทำ หน้าที่แทน ถ้าไม่มีรองนายกสภาหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการ ที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งขึ้นทำ หน้าที่แทน การลงมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการหนึ่งคนให้มีเสียงหนึ่ง ในการลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด” ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ (ลงชื่อ) ชาญชัย ลิขิตจิตถะ (นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 247 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการตรวจเรือนจำ ของคณะกรรมการเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๔๗ ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ แต่งตั้งคณะกรรมการเรือนจำ เพื่อทำ หน้าที่ตรวจตราให้ความเห็น และข้อเสนอแนะการดำ เนิน กิจการของเรือนจำ และตรวจสอบแนะนำการปฏิบัติงานแก่เจ้าพนักงานเรือนจำ ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของ คณะกรรมการเรือนจำ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยสมประโยชน์ของทางราชการ อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราช บัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงออกระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการตรวจเรือนจำของ คณะกรรมการเรือนจำ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการตรวจเรือนจำของคณะกรรมการเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๔๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ การตรวจเรือนจำของคณะกรรมการเรือนจำ นั้น ให้ตรวจปีละสี่ครั้ง ในแต่ละครั้งจะตรวจเรือนจำ ใดบ้างให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำ หนดในกรณีที่รัฐมนตรีเห็นสมควรจะมอบหมายให้คณะกรรมการหรือกรรมการ คนใดคนหนึ่งออกตรวจเรือนจำ ใดเป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากที่กำ หนดไว้ในวรรคก่อนก็ได้ ข้อ ๔ ให้มีบัตรประจำตัวคณะกรรมการเรือนจำตามแบบท้ายระเบียบนี้ และให้แสดงบัตรประจำตัวต่อ เจ้าพนักงานเรือนจำ เมื่อจะเข้าตรวจเรือนจำ ข้อ ๕ คณะกรรมการเรือนจำ หรือกรรมการคนใดคนหนึ่งจะตรวจเรือนจำ นอกเหนือจากที่กำ หนดไว้ใน ข้อ ๓ ก็สามารถทำ ได้แต่จะใช้สิทธิเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พักและค่าพาหนะตามที่กำ หนดไว้ในข้อ ๙ ไม่ได้ ข้อ ๖ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจเรือนจำ คณะกรรมการเรือนจำ มีอำ นาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) เข้าไปในสถานที่ปฏิบัติงาน หรือเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานทุกประเภทของเรือนจำ/ทัณฑสถาน (๒) เรียกประชุมเจ้าพนักงานเรือนจำ /ทัณฑสถานที่เข้าตรวจ 239 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


(๓) สั่งให้เรือนจำ /ทัณฑสถาน หรือเจ้าพนักงานเรือนจำ ชี้แจงให้ถ้อยคำ ส่งเอกสาร และหลักฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน เพื่อประกอบการตรวจเรือนจำของคณะกรรมการ (๔) รายงานผลการตรวจ การให้คำแนะนำ ให้รัฐมนตรีทราบ (๕) เสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจการเรือนจำ /ทัณฑสถาน หรือการแนะนำ เจ้าพนักงานเรือนจำ / ทัณฑสถาน เพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐมนตรี ข้อ ๗ ในการออกตรวจเรือนจำ กรรมการแต่ละคนสามารถมีผู้ติดตามได้หนึ่งคนและให้กรมราชทัณฑ์ จัดข้าราชการกรมราชทัณฑ์ร่วมเดินทางไปกับคณะกรรมการ หรือกรรมการได้คราวละไม่เกินสองคน ข้อ ๘ เรือนจำ /ทัณฑสถาน ต้องให้ความร่วมมือให้การรักษาความปลอดภัย และอำ นวยความสะดวก การปฏิบัติงานให้กับคณะกรรมการ หรือกรรมการ และผู้ติดตาม ข้อ ๙ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก และค่าพาหนะเดินทางให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเดินทาง และค่าเช่าที่พักในการเดินทางไปราชการโดยเบิกจ่ายจากงบประมาณของกรมราชทัณฑ์ ข้อ ๑๐ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็น ผู้วินิจฉัยและให้ถือว่าเป็นที่สุด ให้ไว้ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ (ลงชื่อ) พงศ์เทพ เทพกาญจนา (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 240 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


(๑ นิ้ว) ๙.๕ ซ.ม. แบบบัตรประจำ ตัวคณะกรรมการเรือนจำ ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ๖.๕ ซ.ม. เลขประจำตัว .................. กระทรวงยุติธรรม บัตรนี้เป็นหลักฐานแสดงว่า ยศ/ชื่อ ................................................................................... ตำแหน่ง ................................................................................ สังกัด ..................................................................................... เป็นกรรมการเรือนจำตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ มาตรา ๔๔ ( ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ออกบัตร .............................. ................./..................../........... ลายมือชื่อ ด้านหน้า ตรากระทรวงยุติธรรม 241 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


๙.๕ ซ.ม. ๖.๕ ซ.ม. คณะกรรมการเรือนจำ ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติ ราชทัณฑ์พุทธศักราช ๒๔๗๙ มีอำ นาจหน้าที่ดังนี้ ๑. ตรวจตรา ชี้แจง ให้ความเห็น และข้อเสนอแนะ ในการดำ เนินกิจการของเรือนจำและทัณฑสถาน ให้เป็นไป ตามกฎหมาย สอดคล้องกับหลักการและเหตุผลทางด้าน ทัณฑวิทยา และนโยบายของรัฐบาล ๒. ตรวจสอบให้คำแนะนำแก่เจ้าพนักงานเรือนจำ ทั้งในด้านการปฏิบัติงาน ด้านวิชาการและด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนางานราชทัณฑ์โดยมุ่งประโยชน์ ที่เกิดแก่ผู้ต้องขัง ทางราชการและสังคมโดยรวม หมายเหตุ บัตรนี้ให้ใช้เฉพาะเพื่อการตรวจเรือนจำ ตามอำ นาจหน้าที่และให้หมดอายุเมื่อพ้น จากความเป็นกรรมการเรือนจำ ด้านหลัง 242 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิตนักโทษ พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑๘๐๗/๒๔๗๘ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘ ได้วาง ระเบียบการประหารชีวิตนักโทษ โดยการยิงด้วยปืนตามนัยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะ อาญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ นั้น โดยที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้แก้ไขมาตรา ๑๙ เปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการเอาไปยิงเสียให้ตายเป็นให้ฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย ประกอบกับพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ กำ หนดให้กรมราชทัณฑ์อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และพระราชกฤษฎีกาโอน กิจการบริหารและอำ นาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้โอนอำ นาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์กระทรวงมหาดไทย ไปเป็นของกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรม ดังนั้น เพื่อให้การดำ เนินการประหารชีวิตนักโทษด้วยวิธีการฉีดยาหรือสารพิษดำ เนินไปด้วยความเรียบร้อยอาศัยอำ นาจตามความ ในวรรคสองของมาตรา ๑๙ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย อาญา (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจึงวางระเบียบการประหารชีวิตไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า“ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิตนักโทษ พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑๘๐๗/๒๔๗๘ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘ เรื่อง ระเบียบการประหารชีวิตนักโทษ และบรรดาระเบียบหรือหนังสือสั่งการที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบฉบับนี้โดยให้ใช้ ระเบียบฉบับนี้แทน ข้อ ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ เมื่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์มีคำ พิพากษาให้ประหารชีวิตจำ เลย และจำ เลยนั้นถูกคุมขังหรือ ถูกส่งตัวเข้าคุมขังในเรือนจำ ให้เรือนจำถ่ายรูปจำ เลยนั้นไว้๖ ชุด ชุดหนึ่ง ประกอบด้วยรูปครึ่งตัวหน้าตรงและรูปด้านข้าง ทั้งสองข้างขนาดรูปละ ๔”x๖” ติดไว้ในกระดาษแผ่นเดียวกัน และระบุชื่อ-สกุล , ฐานความผิด , หมายเลขคดีแดง , ศาลที่ 235 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


พิพากษา และวัน เดือน ปีที่ถ่ายรูป และเจ้าพนักงานเรือนจำลงนามรับรองไว้ที่ด้านหน้ารูปทุกรูป และจัดทำแผ่นพิมพ์ ลายนิ้วมือทั้งสองข้างของจำ เลยไว้๓ แผ่น รวมทั้งจัดทำ บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับตำ หนิรูปพรรณของจำ เลยไว้๑ ฉบับ แล้วให้ส่งรูปถ่ายไปที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำ นักงานตำรวจแห่งชาติและพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีแห่งละ ๑ ชุด พร้อมแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสองข้างแห่งละ ๑ แผ่น ส่งรูปถ่ายให้ศาลชั้นต้น ๒ ชุด กรมราชทัณฑ์๑ ชุด นอกนั้นให้เก็บ ไว้ที่เรือนจำ เพื่อการตรวจสอบเมื่อจำ เลยต้องคำ พิพากษาคดีถึงที่สุดให้ประหารชีวิตและถูกคุมขังหรือถูกส่งตัวเข้าคุมขัง ในเรือนจำ ให้เรือนจำดำ เนินการถ่ายรูป จัดทำแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือ และบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับตำ หนิรูปพรรณของ จำ เลยเช่นเดียวกับวรรคก่อน แต่ให้ระบุรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับวันที่คดีถึงที่สุดและชั้นศาล เพื่อการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง โดยให้จัดเก็บรูปถ่าย แผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับตำ หนิรูปพรรณไว้ที่เรือนจำ ๑ ชุด นอกนั้นให้จัดส่งไป กรมราชทัณฑ์เพื่อจะได้ส่งต่อไปยังหน่วยงานตามวรรคหนึ่งตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลว่าเป็นจำ เลยในคดีที่ต้องคำ พิพากษา ให้ประหารชีวิตหรือไม่ โดยให้ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดีนั้น พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีและกองทะเบียนประวัติ อาชญากร สำ นักงานตำ รวจแห่งชาติแจ้งผลการตรวจสอบไปที่กรมราชทัณฑ์ผลการตรวจสอบรูปถ่ายและลายพิมพ์นิ้วมือ ให้เก็บรักษาไว้ที่กรมราชทัณฑ์ ข้อ ๖ ให้เรือนจำจัดให้มีการตรวจสุขภาพจิตของจำ เลยที่ต้องคำ พิพากษาถึงที่สุดให้ประหารชีวิตทุกราย หากเป็นหญิงให้เพิ่มการตรวจการตั้งครรภ์ด้วย และให้แจ้งสิทธิการถวายเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษให้จำ เลยทราบ และสอบถามว่ามีความประสงค์จะใช้สิทธิถวายเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ ถ้าประสงค์จะใช้สิทธิดังกล่าว ให้เรือนจำช่วยเป็นธุระจัดการไปตามสมควรไม่ว่านักโทษจะถวายเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษภายในระยะเวลาที่ กฎหมายกำ หนดหรือไม่ก็ตาม ให้เรือนจำ รายงานไปกรมราชทัณฑ์โดยด่วน ข้อ ๗ ในการประหารชีวิตนักโทษนั้น ให้มีคณะกรรมการเป็นผู้ดำ เนินการชุดหนึ่งประกอบด้วย ผู้บัญชาการ เรือนจำแห่งท้องที่ที่จะทำการประหารชีวิตนักโทษเป็นประธาน มีผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่หรือผู้แทนอัยการจังหวัด แห่งท้องที่หรือผู้แทน และเจ้าพนักงานเรือนจำตำแหน่งตั้งแต่พัศดีขึ้นไปแห่งเรือนจำ ท้องที่ที่ประหารชีวิตนักโทษ ๑ คน ร่วมเป็นคณะกรรมการ และในการนี้ให้มีผู้แทนกรมราชทัณฑ์และผู้กำกับการสถานีตำ รวจแห่งท้องที่หรือผู้แทนร่วมเป็น สักขีพยานเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะตรวจตราระวังให้การประหารชีวิตนักโทษดำ เนินการไปตามกฎหมายและ ระเบียบแบบแผน ข้อ ๘ เมื่อจะต้องทำการประหารชีวิตนักโทษรายใด ให้กรมราชทัณฑ์แจ้งให้เรือนจำ ทราบ พร้อมส่งผล การตรวจสอบรูปถ่ายและลายพิมพ์นิ้วมือที่เก็บรักษาไว้ไปด้วย การประหารชีวิตจะทำ ในวันเวลาใดให้เรือนจำ เป็นผู้กำ หนด และให้แจ้งคณะกรรมการและสักขีพยานตามข้อ ๗ และกองทะเบียนประวัติอาชญากรตามข้อ ๙ ทราบ แต่ทั้งนี้ให้งดทำการ ประหารชีวิตในวันหยุดราชการ วันหยุดนักขัตฤกษ์วันพระ กับวันสำคัญทางศาสนาของนักโทษผู้ที่จะถูกประหารชีวิตนั้น ข้อ ๙ ก่อนทำการประหารชีวิตให้ประธานพร้อมด้วยคณะกรรมการตามข้อ ๗ ตรวจสอบผลการตรวจ รูปถ่ายและลายพิมพ์นิ้วมือที่กรมราชทัณฑ์ส่งไปกับที่ทางเรือนจำ ได้เก็บรักษาไว้ตามข้อ ๕ โดยถือเอาผลการตรวจสอบ ลายพิมพ์นิ้วมือเป็นสำคัญ แต่ให้นำผลการตรวจสอบรูปถ่ายเป็นข้อมูลประกอบด้วย การประหารชีวิตนักโทษ ณ เรือนจำ ที่ตั้งอยู่ ในเขตกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดปริมณฑล ให้กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำ นักงานตำ รวจแห่งชาติ จัดเจ้าหน้าที่ ไปทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของนักโทษ ในขณะก่อนและหลังการประหารชีวิต โดยพิมพ์ลายนิ้วมือเป็น ๓ ชุด เพื่อตรวจสอบกับ ลายพิมพ์นิ้วมือนักโทษประหารชีวิตของกองทะเบียนประวัติอาชญากรต่อหน้าคณะกรรมการ เมื่อตรวจสอบถูกต้องแล้วให้ 236 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่กองทะเบียนประวัติอาชญากรลงนามกำกับในแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือ หากทำการประหารชีวิต ณ เรือนจำ ในท้องที่จังหวัดอื่นให้เป็นหน้าที่ของตำ รวจภูธรในจังหวัดนั้น จัดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบลายพิมพ์ นิ้วมือไปดำ เนินการในทำ นองเดียวกัน ภายหลังการประหารชีวิตให้เก็บลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าวไว้ที่เรือนจำ กรมราชทัณฑ์ และกองทะเบียนประวัติอาชญากร แห่งละ ๑ ชุด อนึ่ง ก่อนนำตัวไปประหารชีวิตให้ผู้บัญชาการเรือนจำ ที่จะทำการ ประหารชีวิตนักโทษนำ เอกสารอันเกี่ยวข้องกับผลการขอพระราชทานอภัยโทษไปอ่านให้นักโทษผู้นั้นฟัง ข้อ ๑๐ ให้เรือนจำสอบถามนักโทษที่จะถูกประหารชีวิตถึงการจัดการทรัพย์สิน ถ้าหากนักโทษแสดง เจตนาที่จะจัดการทรัพย์สินของตน ก็ให้แสดงเจตนาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร กรณีนักโทษเขียนหนังสือไม่ได้ให้เจ้าพนักงาน เรือนจำ เป็นผู้เขียนให้แล้วอ่านให้นักโทษผู้นั้นฟังแล้วให้ลงลายมือชื่อหรือลายพิมพ์นิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน โดยมีพยานอย่างน้อย สองคนลงชื่อรับรองลายมือชื่อหรือลายพิมพ์นิ้วมือนั้น หากนักโทษมีความประสงค์จะเขียนจดหมายหรือส่งข้อความ บอกกล่าว หรือจะโทรศัพท์พูดกับญาติหรือผู้ใด หรือมีความประสงค์จะทำสิ่งใด ซึ่งเจ้าพนักงานเรือนจำ พิจารณาแล้ว เห็นสมควรก็ให้เรือนจำอำ นวยความสะดวกให้ แต่การส่งข้อความหรือการพูดคุยโทรศัพท์สามารถกระทำ ได้ตามที่คณะกรรมการ เห็นสมควร ทั้งนี้ให้เรือนจำจัดเตรียมโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารไว้เป็นการเฉพาะให้เรือนจำสอบถามนักโทษถึงอาหาร มื้อสุดท้าย และหากไม่เป็นการเหลือวิสัยให้เรือนจำจัดให้ตามสมควรและเหมาะสม ข้อ ๑๑ ก่อนจะนำตัวไปประหารชีวิต ให้นักโทษได้มีโอกาสประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรือลัทธิตาม ความเชื่อของตนในเวลาที่เหมาะสม ข้อ ๑๒ ให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์โดยความเห็นชอบของกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกำ หนดชนิด ประเภท และปริมาณของยาหรือสารพิษที่จะใช้ในการประหารชีวิต และให้จัดเก็บยาหรือสารพิษที่จะใช้ไว้ที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ ข้อ ๑๓ เมื่อจะทำการประหารชีวิตนักโทษในวันใดให้เรือนจำจัดเจ้าพนักงานเรือนจำ ไม่น้อยกว่า ๓ คน ไปรับยาหรือสารพิษที่กำ หนดในข้อ ๑๒ จากโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ โดยต้องมีหัวหน้าเจ้าพนักงาน เรือนจำ เป็นข้าราชการไม่ต่ ำกว่าระดับ ๗ ทั้งนี้อุปกรณ์บรรจุยาหรือสารพิษให้เรือนจำ เป็นผู้จัดหาและให้เภสัชกรของ โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์บรรจุยาหรือสารพิษลงในอุปกรณ์ดังกล่าว แล้วให้ผนึกอุปกรณ์ให้แน่นหนา และลงชื่อกำกับไว้โดยชัดเจน การเปิดผนึกอุปกรณ์บรรจุยาหรือสารพิษจะต้องทำต่อหน้าคณะกรรมการตามข้อ ๗ และให้ หัวหน้าเจ้าพนักงานเรือนจำผู้ไปรับยาหรือสารพิษและคณะกรรมการลงชื่อรับรองความเรียบร้อยไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๑๔ ให้เรือนจำจัดเตรียมสถานที่สำ หรับการประหารชีวิตและจัดหาอุปกรณ์ที่จะใช้ในการฉีดยาหรือ สารพิษเข้าสู่ร่างกายของนักโทษที่จะถูกประหารไว้ให้พร้อม รวมถึงเจ้าพนักงานเรือนจำผู้ทำการฉีดยาหรือสารพิษไม่น้อยกว่า ๒ คน ข้อ ๑๕ สถานที่สำ หรับทำการประหารชีวิตนักโทษ ประกอบด้วย ห้องสำ หรับควบคุมนักโทษก่อนทำการ ประหาร ห้องทำการประหาร ห้องเตรียมตัวของเจ้าพนักงาน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการประหาร ห้องคณะกรรมการ กับสักขีพยาน และห้องประกอบพิธีทางศาสนา 237 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


ข้อ ๑๖ เมื่อถึงเวลาประหารชีวิตนักโทษ ให้เรือนจำจัดเจ้าพนักงานเรือนจำ รักษาความปลอดภัยและ ระวังเหตุให้อยู่ในความเรียบร้อยตามสมควรแล้วนำ นักโทษที่จะทำการประหารชีวิตไปยังสถานที่ซึ่งได้เตรียมไว้และดำ เนิน การดังนี้ (๑) นำ ตัวนักโทษที่จะทำ การประหารชีวิตให้นอนลงบนเตียงที่จัดเตรียมไว้เพื่อการประหาร ชีวิต พร้อมทั้งทำการพันธนาการป้องกันมิให้นักโทษดิ้นรนขัดขืน (๒) ให้เจ้าพนักงานเรือนจำ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยคำ สั่งของผู้บัญชาการเรือนจำ จัดเตรียม เครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการดำ เนินการไว้ให้พร้อม และทำ การแทงเข็มสำ หรับฉีดยาหรือสารพิษเข้าเส้นเลือด ในร่างกายของนักโทษที่จะถูกประหารรอไว้โดยต่อเข้ากับสายท่อหรืออุปกรณ์บรรจุยาหรือสารพิษที่จะปล่อยเข้าสู่ร่างกาย ของนักโทษที่จะถูกประหาร พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องตรวจวัดสัญญาณการเต้นของหัวใจเข้ากับร่างกายนักโทษที่จะถูกประหาร หันจอแสดงให้คณะกรรมการและสักขีพยานได้สักเกตเห็นโดยชัดเจน (๓) เมื่อการดำ เนินการตามข้อ (๒) เสร็จเรียบร้อย และได้รับสัญญาณให้ทำการประหารชีวิต ให้เจ้าพนักงานเรือนจำผู้ทำการฉีดยาหรือสารพิษจัดการปล่อยหรือฉีดยาหรือสารพิษเข้าสู่ร่างกายของนักโทษประหารให้ตาย เสียต่อหน้าคณะกรรมการและสักขีพยาน (๔) ให้แพทย์ประจำ เรือนจำ ที่ทำการประหารชีวิตนักโทษหรือแพทย์ของทางราชการ ๑ คน ร่วมกับคณะกรรมการตามข้อ ๗ ตรวจพิสูจน์การตายของนักโทษ โดยให้แพทย์และคณะกรรมการทำ บันทึกยืนยันการตาย ของนักโทษที่ถูกประหารชีวิต และประกาศผลการประหารชีวิตให้สักขีพยานทราบในวันนั้น ข้อ ๑๗ การถ่ายภาพหรือบันทึกให้ปรากฏด้วยแถบเสียง แถบภาพ หรือด้วยวิธีอื่นที่จะเกิดผลในทำ นอง เดียวกันต่อนักโทษที่จะถูกประหาร สถานที่ประหารชีวิตและวิธีการประหารชีวิตนั้นจะกระทำ มิได้ เว้นแต่เป็นการดำ เนินการ ในทางราชการ ข้อ ๑๘ ให้เรือนจำจัดเก็บศพของนักโทษที่ถูกประหารชีวิตไว้ในเรือนจำ เป็นเวลาไม่ต่ ำกว่า ๑๒ ชั่วโมง เมื่อล่วงเลยระยะเวลาดังกล่าวแล้วให้แพทย์ของทางราชการร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำตรวจสอบโดยทำ บันทึกยืนยันการ ตายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อนักโทษเสียชีวิตแล้วให้เรือนจำแจ้งญาติทราบในโอกาสแรก หากมีญาติมาขอรับให้มอบศพนั้นไป แต่ถ้า ไม่มีญาติมาขอรับก็ให้จัดการเผาหรือฝังตามที่เรือนจำจะเห็นสมควรต่อไป ข้อ ๑๙ ให้เรือนจำ รายงานผลการดำ เนินการประหารชีวิตพร้อมบันทึกของแพทย์และคณะกรรมการ ยืนยันผลการตรวจพิสูจน์การตาย ตามข้อ ๑๖ (๔) และผลการตรวจสอบยืนยันภายหลังการตายตามข้อ ๑๘ ให้กระทรวง ยุติธรรมทราบโดยเร็ว ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ (ลงชื่อ) พงศ์เทพ เทพกาญจนา (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 238 รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกี่ยวข้อง


Click to View FlipBook Version