ื
ิ
็
ิ
ั
ื่
หนงสออเลกทรอนกสเรอง
ิ
ระบบทางเดนอาหารโค
ึ
ํ
ผู้จดทา อาจารยท ปรกษา
ั
์
ี
ี
ํ
ั
ิ
นางสาวกัญญาภค นยมนนทพร ผศ.จาลอง ศรสุวรรณ ์
ั
แขนงวิชาเทคโนโลยีการผลตสัตว์
ิ
ภาควิชาครศาสตรเกษตร
ุ
์
ุ
ุ
์
คณะครศาสตรอตสาหกรรมและเทคโนโลย ี
สถาบันเทคโนโลยพระจอมเกลาเจาคณทหารลาดกระบัง
้
ี
ุ
้
ก
คํานา
ํ
ื
ิ
ื
ั
ิ
ป ญหาพิเศษ เร อง หนงสืออเล็กทรอนกส์ เร อง ระบบ
ทางเดินอาหารโค จดทําขึ นเพื อใช้เป นสื อประกอบการ
ั
ี
ึ
เรยนการสอน โดยเป นส่วนหน งของรายวิชาป ญหาพิเศษ
ั
รหัสวิชา 03606045 โดยป ญหาพิเศษเร องหนงสือ
ื
ึ
็
ิ
อเลกทรอนกส์เร องระบบทางเดินอาหารโค เป นส่วนหน ง
ิ
ื
ี
ของรายวิชา กายวิภาคและสรระของสัตว์เศรษฐกิจ รหัส
ั
วิชา 03606225 สําหรบนกศึกษาชั นป ที 2 กลุ่มวิชา
ั
ุ
ิ
์
ุ
เทคโนโลยการผลตสัตว์ หลักสูตรครศาสตรอตสาหกรรม
ี
ั
ุ
บัณฑิต (หลกสูตร 4 ป ) ภาคครศาสตรเกษตร คณะ
์
์
ั
ู้
ุ
ุ
ครศาสตรอตสาหกรรมและเทคโนโลยี ผจดทําได้ทําการ
แบ่งเน อหาของหนงสืออเล็กทรอนกส์น ไว้ ได้แก่ ส่วน
ื
ั
ิ
ี
ิ
่
ประกอบของระบบทางเดินอาหารโคและส่วนที รางกายโค
ํ
นาไปใช้ในแต่ละกระเพาะ
ั
่
ู้
ํ
ั
ผจดทาหวังเป นอยางยิ งว่า เน อหาสาระของหนงสือ
ื
่
ี
ิ
็
ิ
ื
อเลกทรอนกส์ เร อง ระบบทางเดินอาหารโคเลมน จะเป น
ู
้
์
ประโยชนและให้ความรแก่ผู้เรยน
ี
กัญญาภค นยมนนทพร
ั
ั
ิ
ู้
ผจดทา
ํ
ั
4 เมษายน 2565
ข
สารบัญ
้
หนา
ส่วนประกอบระบบทางเดินอาหารโค 1
ื
ิ
้
ู
รเมน (Rumen) หรอผาขี ร ว 3
ื
ู
เรติคลม (Reticulum) หรอรงผึ ง 4
ั
ั
ั
โอมาซม (Omasum) หรอสามสิบกลีบ 5
ื
อโบมาซม (Abomasum) 6
ั
หรอกระเพาะแท ้
ื
1
ระบบทางเดินอาหารโค
ประกอบด้วย
1. ปาก (Mouth)
2. คอหอย (Pharynx)
3. หลอดอาหาร (Esophagus)
ิ
4. รเมน (Rumen) หรอผ้าขี ร ว
ื
ู
ั
ู
ื
5. เรติคลม (Reticulum) หรอรงผึ ง
ั
ั
6. โอมาซม (Omasum) หรอสามสิบกลีบ
ื
้
7. กระเพาะแท (Abomasum)
็
ํ
8. ลาไส้เลก (Intestine)
9. ลาไส้ใหญ (Colon)
่
ํ
ั
10. ทวารหนก (Anus)
2
่
ั
ี
ั
ํ
ํ
สิ งท จะนาเสนอในหนงสือเลมน คือ การทางานของกระเพาะท งสี กระเพาะ
ี
ู
ิ
ื
้
ได้แก่ รเมน (Rumen) หรอผาขี ร ว
ื
ั
ั
ู
เรติคลม (Reticulum) หรอรงผึ ง
ี
โอมาซม (Omasum) หรอสามสิบกลบ
ั
ื
ื
ั
อโบมาซม (Abomasum) หรอกระเพาะแท ้
3
ู
รเมน (Rumen)
้
ิ
หรอผาขี ร ว
ื
ํ
ี
ิ
่
ี
ิ
ี
เป นส่วนท คนนยมนามาบรโภค เป นกระเพาะส่วนแรกท มีขนาดใหญท สุด
ั
ความจจากกระเพาะท งหมดประมาณ 80% ผนงด้านในมีลักษณะตุ่มเล็กๆ
ุ
ั
จานวนมากคลายผาขนหน เรยกว่า papilae ทาหนาท คลกเคลาอาหารและเป น
้
ํ
ุ
ี
ู
ี
้
้
้
ํ
ี
ี
ท อยู่อาศัยของจลนทรย์ อาหารหรอหญ้าท กินเข้าไปจะอยในกระเพาะน ก่อน
ี
ื
ี
ู่
ุ
ิ
์
ภายในกระเพาะน ไม่มีเอนไซม์มาช่วยย่อยแต่มีจลนทรยท มีประโยชย์แก่โค คือ
ี
ุ
ิ
ี
ี
ี
ั
แบคทเรย โปรโตซว และเชื อรา ซ งผลจากการย่อยของแบคทเรยท สําคัญ
ึ
ี
ี
ี
ี
ได้แก่ กรดไขมันระเหยง่าย (VFA) และแอมโมเนย ซ งจะดูดซมผ่าน
ึ
ึ
ี
้
ี
ื
ุ
ิ
papilae จลนทรย์ก็จะสะสมหรอใช้อาหารท ย่อยแลวเก็บไว้ภายในเซลล์ของ
ี
ู
ิ
ี
ี
ี
จลนทรย์ สภาพท เหมาะสมต่อการเจรญเติบโตของจลินทรย์ในรเมน คือ pH
ิ
ุ
ุ
ู
ู
5.8-6.5 ภายในรเมนอาหารจะถูกแยก ส่วนบนจะเป นอาหารในรปของแข็ง
่
็
ี
ี
ส่วนลางเป นรปของเหลวและอาหารท ย่อยจนมีขนาดท เลกแล้ว และส่วนของ
ู
ี
ี
่
ี
ก๊าซท ลองลอยอยู่ ก๊าซท เป นผลจากการย่อยท สําคัญ ได้แก่ ก๊าซมีเทน ก๊าซ
์
ไนโตรเจน ก๊าซไฮโดรเจน และคารบอนไดออกไซด์ ซ งขจดออกโดยการเรอ
ั
ึ
ั
หากขจดออกไม่ได้จะส่งผลให้ทองอด หรอ โรค bloat อาจถึงตายได้
้
ื
ื
4
ั
เรติคลม (Reticulum)
ู
ั
หรอรงผึ ง
ื
ั
ี
เป นกระเพาะท รบอาหารจากหลอดอาหาร มีความจของ
ุ
ั
็
ั
กระเพาะท งหมดประมาณ 5% มีลกษณะเป นถุงขนาดเลก
้
่
ั
ั
และยงมี esophageal groove ลกษณะเป นทอทําหนาที เป น
ทางเชื อมระหว่าง reticulum และ omasum ทําให้อาหารไหล
ื
ี
่
ผ่านโดยไม่ถูกยอยในรเมน ในทอน จะถูกให้ดูดเกลอของ
่
ู
โซเดียมและคอปเปอร ส่วนอาหารหยาบจะถูกขยอกไปรเมน
์
ู
ี
และออกมาสู่ปาก เพื อเค ยวอีกทหน ง เรยกว่า เค ยวเอื อง
ี
ี
ึ
ี
เหตุผลท โคต้องขยอกหญาออกมาเค ยวใหม่เพื อให้หญามี
้
้
ี
ี
้
็
ขนาดเลกลง แลวหญาท เค ยวเอื องก็จะเคล อนไปสู่กระเพาะที
้
ื
ี
ี
3 ต่อไป
5
ั
โอมาซม (Omasum)
หรอสามสิบกลีบ
ื
มีความจใกลเคียงกับกระเพาะแท้ ประมาณ 7-8 %
ุ
้
ั
ี
่
ื
ึ
ซ งภายในมีลกษณะเป นแผนหลบๆ ซอนกัน เรยกว่า
้
้
laminae ทําหนาที ในการบดย่อยและกรองอาหาร
้
็
ให้มีขนาดเลกลงหรอดูดซบนา แลวอาหารก็จะ
ื
ั
เคล อนไปสู่กระเพาะท 4 ต่อไป
ี
ื
6
ั
อโบมาซม (Abomasum)
หรอกระเพาะแท ้
ื
ื
ิ
ั
เหมือนกับของคนหรอสัตว์กระเพาะเดี ยว ผนงด้านในจะมีต่อมผลต
่
ื
ั
ของเหลวท เป นนาย่อย (Gastric juice) หรอเอนไซม์สําหรบยอยอาหาร
ี
ิ
ี
ั
มีลกษณะเป นของเหลวใส ไม่มีสี มีฤทธ เป นกรด เอนไซม์ท พบได้ คือ เอน
ไซม์เปปซน (pepsin) และเอนไซม์เรนนน (rennin) มีหนาท ยอยโปรตีน
่
ิ
ี
ิ
้
ี
้
ิ
ี
นอกจากน เอนไซม์เรนนน (rennin) ยังมีหนาท ย่อยโปรตีนเคซน
ี
(casein) ในนานม
ี
ั
ื
โดยการเปล ยนนานมจะมีลกษณะเป นของกึ งเหลว ข้นหรอเป นก้อน ใน
ส่วนของเหลวจากก้อนเรยกว่า เวย์ (whey) จะถูกย่อยสลายโดยเอนไซม์
ี
ทรพซน (trypsin) ในลาไส้เลก และส่วนของก้อนหรอล มเรยกว่า curd จะ
ื
ิ
ิ
็
ิ
ี
ํ
่
ถูกย่อยด้วยเอนไซม์เรนนน ส่วนเอนไซม์ไลเพส (lipase) มีหนาท ยอยไข
ิ
ี
้
มัน ต่อจากกระเพาะแทก็เป นลําไส้เลก ซ งท ลาไส้เลกน ก็จะมีการย่อยด้วย
ี
็
ี
ึ
็
้
ํ
ี
ั
้
เอนไซม์อก อาหารท ย่อยแลวคร งสุดทายก็จะแพรเข้าสู้กระแสเลือดใน
่
้
ี
็
บรเวณลาไส้เลก และถูกลาเลยงไปยังเซลลต่างๆ ท วรางกายเหมือนกับ
ิ
ํ
ํ
ั
่
ี
์
ของคนเราและสัตว์อ นๆ
ื
ค
อ้างอิง
บุญลอม ชีวะอสระกุล. 2546. ชีวเคมีทางสัตวศาสตร. ์
้
ิ
์
ภาควิชาสัตวศาสตร คณะเกษตรศาสตร ์
มหาวิทยาลยเชียงใหม่. : เชียงใหม่ 202 หนา
ั
้
์
เมธา วรรณพัฒน, 2533. โภชนะศาสตรสัตว์เคี ยวเอ อง.
ื
์
คณะเกษตรศาสตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น :
์
ขอนแก่น. 473 หนา
้
์
ื
วิศิษฐพร สุขสมบัติ. 2538. โภชนศาสตรสัตว์เคี ยวเอ อง.
ิ
เอกสารประกอบการสอน. สาขาวิชาเทคโนโลย ี
ิ
ี
การผลตสัตว์ สํานกวิชาเทคโนโลยการเกษตร
ั
ั
มหาวิทยาลยเทคโนโลยสุรนาร นครราชสีมา 97
ี
ี
หนา
้