ทศั นศลิ ป์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่1
ศพั ทท์ างทศั นศิลป์ทใี่ ช้
ในการบรรยายผลงาน
ศัพทท์ างทัศนศลิ ป์
การเรียนรู้เกี่ยวกับศัพท์ทางทัศนศิลป์ เพ่ือให้
ผู้เรียนได้เข้าใจเนื้อหาและจุดประสงค์ของผลงานทาง
ทัศนศิลป์ ทาให้ซาบซ้ึงและเข้าใจถึงศิลปะได้มากขึ้น
สามารถนาความรู้ในส่วนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใน
การศึกษาต่อทางด้านศิลปะ ศัพท์ทางทัศนศิลป์
ทีค่ วรรู้มดี งั น้ี
ศิลปะ (Art)
ศิลปะ เป็นผลงานท่ีมนุษย์สร้างสรรค์ข้ึนมาเพื่อตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึก ความ
ประทับใจและบันดาลใจจากความงามแห่งธรรมชาติ มีรูปแบบของผลงานแตกต่างกันไป
เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม ดนตรี ศิลปะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วิจิตรศิลป์
และศิลปะประยุกต์
วจิ ิตรศลิ ป์ (Fine Art)
วิจติ รศลิ ป์ เปน็ ผลงานศลิ ปะที่สรา้ งสรรค์ขน้ึ ด้วยความบริสุทธใ์ิ จ ได้รบั ความบนั ดาลใจ
และประทับใจในธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ แสดงเอกลักษณ์
ทางสุนทรียศาสตร์ ประกอบด้วย จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม
และดนตรี
ศิลปะประยุกต์ (Applied Art)
ศิลปะประยุกต์ เป็นผลงานศิลปะท่ีสร้างสรรค์ข้ึนเพื่อประโยชน์ใช้สอยเป็นสาคัญ
แต่คานึงถึงสุนทรียภาพด้วย ซ่ึงเป็นท่ีมาของการออกแบบ เพราะเป็นศิลปะท่ีต้องใช้
หลกั การออกแบบให้เกดิ คุณคา่ เพื่อประโยชน์ใช้สอยและความงามคกู่ นั
สนุ ทรยี ภาพ (Aesthetic)
สุนทรียภาพ เป็นคาท่ีใช้แสดงความซาบซึ้งในคุณค่าของความงดงาม ความไพเราะ
ความร่ืนรมย์จากธรรมชาติ หรือผลงานศิลปะ ความรู้สึกน้ีจะแตกต่างกันออกไป
ในแต่ละบคุ คล ตามความรสู้ ึกเฉพาะตนต้ังแตเ่ กิด สง่ิ แวดลอ้ ม และการศกึ ษา
รปู คนเหมอื น (Portrait)
รูปคนเหมือน เป็นภาพลายเส้น ภาพเขียน ภาพถ่าย รูปแกะสลัก หรือปูนป้ัน
ของบุคคลจริง ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายแล้วก็ตาม โดยปกติจะเน้นท่ีใบหน้า และอาจทา
รูปเหมือนเฉพาะหัว คร่ึงตัวหรือเต็มตัว อาจทาหน้าตรงหรือเอียง แต่มีส่วนน้อยท่ีจะทา
ด้านข้าง อาจอยู่ในท่าน่ัง ยืน หรือนอนด้วยขนาดเท่าตัวจริงหรือใหญ่กว่า รูปคนเหมือนท่ี
ทาเลก็ กวา่ คนจรงิ เชน่ ในเหรียญตรา หรือเหรยี ญกษาปณ์
ศิลปะพนื้ บา้ น (Folk Art)
ศิลปะพื้นบ้าน เป็นงานสร้างสรรค์โดยฝีมือชาวบ้านท่ีสร้างขึ้นเพ่ือสืบทอด
ประเพณีนยิ ม มลี กั ษณะเฉพาะตัวท่แี ตกตา่ งกันไปในแตล่ ะทอ้ งถ่ิน
อตุ สาหกรรมศิลป์ (Industrial Art)
อุตสาหกรรมศิลป์ เป็นศิลปะท่ีออกแบบและผลิตเป็นจานวนมาก ใช้วิทยาการ
การศึกษาและค้นคว้าด้านเทคโนโลยีและวัสดุ เพื่อนามาปรับใช้ในการออกแบบให้มีความ
งดงามกลมกลืนกบั หน้าที่และประโยชน์ใชส้ อยของผลิตภัณฑ์
ศพั ท์เทคนิคทางทศั นศิลป์
‘The School of Athens’ ราฟาเอล, งานโมเสก
จติ รกรรมฝาผนงั แบบปูนเปียก, ค.ศ. 1509 ประเทศสเปน, ค.ศ. 2013
ศพั ทเ์ ทคนคิ ทางทัศนศลิ ป์
ภาพพมิ พ์ยางแกะ ภาพปะตดิ
จิตรกรรมฝาผนงั แบบปนู เปยี ก (Buon Fresco)
จิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก เป็นวิธีท่ีใช้สีผสมน้าแล้ววาดลงบนปูนปลาสเตอร์
(Lime Mortar) ท่ีปาดไวบ้ าง ๆ บนผนัง เมื่อทาสีลงไปแลว้ ไม่จาเป็นต้องใชอ้ ะไรทาเคลือบ
ให้สีติด เพราะปูนปลาสเตอร์จะทาปฏิกิริยาเคมีกับสีติดปูน สีจะซึมลงไปในปูนท่ียังช้ืน
พอปูนแห้งก็จะทาปฏกิ ิรยิ าเคมีกับอากาศทาให้สตี ดิ ผนังได้อยา่ งถาวร
การหล่อ (Casting)
การหล่อ เป็นวิธีการสร้างงานประติมากรรมโดยการถ่ายแบบจากหุ่นต้นแบบ โดยใช้
วัสดุท่ีคงทนกว่าวัสดุเดิม ในการหล่อต้องมีการทาแม่พิมพ์ข้ึนมาก่อนจากตัวหุ่นต้นแบบ
เพ่ือเก็บรูปทรงและรายละเอียดวัสดุใหม่ก่อรูปขึ้นตามแม่พิมพ์นั้น ๆ สาหรับงานช้ินเล็ก ๆ
อาจหล่อเป็นรูปตันได้ แต่งานใหญต่ ้องทาเป็นรูปกลวง
ภาพปะติด (Collage)
ภาพปะติด เป็นงานศิลปะแบบหนึ่งที่ใช้วิธีปะแผ่นวัสดุบนพื้นในลักษณะแบนราบ
หรือนูนสูงขึ้นจากพ้ืนภาพเพียงเล็กน้อย แผ่นวัสดุท่ีใช้ปะติดอาจมีหลายชนิดรวมกัน
เช่น กระดาษ ผ้า เศษวัสดุ พ้ืนระนาบที่ใช้แผ่นวัสดุปะติดอาจเป็นแผ่นไม้ ผืนผ้าใบ
หรอื พื้นระนาบอื่น ๆ และอาจเพม่ิ เติมด้วยการระบายสี หรอื วาดภาพ หรอื พมิ พท์ ับ
ภาพพิมพย์ างแกะ (Linocut)
ภาพพมิ พ์ยางแกะ เป็นภาพพิมพ์ท่ีได้จากการสร้างแม่พิมพด์ ้วยแผ่นยางหรือก้อนยาง
ด้วยการแกะเป็นลวดลายตามที่ต้องการ จากน้ันนาไปกลิ้งสีให้ท่ัว แล้วเข้ากระบวนการ
พิมพด์ ้วยเคร่ืองพิมพห์ รือพมิ พด์ ้วยการกดด้วยมอื
การปน้ั (Modeling)
การป้ัน เป็นวิธีการสร้างงานประติมากรรมโดยวิธีบวกหรือพอกพูน โดยใช้วัสดุท่ี
ค่อนข้างนิ่ม เช่น ดินเหนียว ดินน้ามัน ขี้ผึ้ง ในการสร้าง ถ้าเป็นรูปใหญ่มักจะเสริมภายใน
ด้วยโครงโลหะก่อน เมื่อได้รูปทรงท่ีพอใจแล้ว อาจนาไปหล่อให้แข็งตามกรรมวิธีของ
งานหล่อตอ่ ไป
งานโมเสก (Mosaic)
งานโมเสก เปน็ การใชว้ สั ดชุ ้นิ เล็ก ๆ เรยี งตอ่ กันเปน็ ภาพหรือลวดลายประดบั ติดด้วย
กาวหรือปูนบนผนัง พื้น หรือเพดาน วัสดุท่ีใช้อาจเป็นวัสดุต่างชนิดกันหรือชนิดเดียวกัน
สีเดียวกันหรือต่างสีกันก็ได้ ข้ึนอยู่กับความเหมาะสมและขนาดของชิ้นงานน้ัน ๆ
ตวั อย่างวสั ดุทใี่ ช้ เชน่ กรวด กระจก กระเบือ้ งหิน หินออ่ น
ศพั ทย์ คุ สมัยทางทศั นศลิ ป์
รูปประดับเสาประตดู า้ นตะวนั ตกของมหาวหิ ารชาตร์ ‘Pilgrimage on the Isle of Cythera’
ประเทศฝรง่ั เศส, ศิลปะกอทกิ , ค.ศ. 1145 ชอง-อองตวน วาโต, ศลิ ปะโรโกโก, ค.ศ. 1717
ศพั ทย์ ุคสมยั ทางทัศนศลิ ป์
‘Two Sisters (On the Terrace)’ ‘Bonjour, Monsieur Courbet’
ปแี ยร-์ โอกสู ต์ เรอนัวร์, อิมเพรสชนั นิซึม, ค.ศ. 1881 กูสตาฟ กรู ์เบ, สัจนยิ ม, ค.ศ. 1854
ศลิ ปะกอทิก (Gothic Art)
ศิลปะกอทิก เป็นลักษณะรูปแบบของศิลปกรรมในยุโรปในราวคริสต์ศตวรรษที่ 12
และเส่ือมความนิยมลงในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ศิลปกรรมกอทิกเต็มไปด้วยคุณค่าอย่างสูง
โดยเฉพาะการแสดงออกถึงความศรัทธาในศาสนาครสิ ต์
ศลิ ปะโรโกโก (Rococo Art)
ศิลปะโรโกโก เป็นลักษณะรูปแบบศิลปะสมัยหน่ึงของยุโรป แสดงถึงความต้องการ
และรสนิยมของชนช้ันสูง ในด้านจิตรกรรม ภาพทิวทัศน์นิยมสร้างให้แสงปรากฏอย่าง
งดงาม นุ่มนวลตา และมีบรรยากาศราวกับความฝัน เร่ืองราวของภาพมักเก่ียวกับ
เร่ืองปรัมปรา งานรื่นเริงที่มีบรรยากาศหรูหราในด้านประติมากรรม มีการดัดแปลง
ให้มีขนาดเล็ก เพ่ิมความละเอียดประณีต ร่างกายของคนจะดบู อบบาง นุม่ นวล
อิมเพรสชันนซิ มึ (Impressionism)
อิมเพรสชันนิซึม เป็นศิลปะลัทธิหนึ่งท่ีนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในเร่ืองแสงและสี
มาใช้เพ่ือแสดงบรรยากาศธรรมชาติตามเวลาและฤดูกาล เกดิ ข้ึนกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19
ลักษณะของภาพวาดแบบอิมเพรสชันนิซึม คือ การใช้พู่กันตวัดสีอย่างเข้ม ๆ ใช้สีสว่าง มี
ส่วนประกอบของภาพที่ไม่ถูกบีบ เน้นไปยังคุณภาพที่แปรผันของแสง มักจะเน้นไปยัง
ผลลพั ธ์ท่ีเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา เน้ือหาของภาพเป็นเร่อื งทั่วไป และมีมุมมองท่ี
พิเศษ เน้นไปยังมมุ มองแบบกวา้ ง ๆ มากกว่ารายละเอยี ด
สัจนยิ ม (Realism)
สัจนิยม เป็นศิลปะลัทธิหน่ึงท่ีมีการสร้างงานเหมือนจริงดังท่ีปรากฏอยู่ในธรรมชาติ
เชน่ คน วัตถุ ทิวทศั น์ โดยยดึ หลักแสดงและเสนอดังทต่ี ามองเหน็
ศิลปะนามธรรม (Abstract Art)
ศิลปะนามธรรม เป็นผลงานท่ีศิลปินสร้างสรรค์ข้ึนจากความคิดอิสระ มีการตัดทอน
จากธรรมชาติใหเ้ หลือเพียงสัญลกั ษณท์ สี่ ่อื ความหมายเฉพาะตวั ของศลิ ปิน
ศิลปะกึง่ นามธรรม (Semi-Abstract Art)
ศลิ ปะกึ่งนามธรรม เป็นงานศลิ ปะทม่ี ีการตดั ทอนรูปทรงบางสว่ นออกไปหรือดัดแปลง
ให้เปลี่ยนไปจากความเป็นจริง
ตวั อย่างการบรรยายผลงานทัศนศลิ ปโ์ ดยใช้ศพั ทท์ างทศั นศิลป์
1. แนวความคิดในการสรา้ งผลงาน
กลไกของอานาจในปัจจุบัน เป็นสิ่งท่ีมิได้หยุดน่ิงตายตัว หากแต่เป็นประดิษฐกรรมทาง
สังคมชนิดหนึ่งอันเป็นยุทธศาสตร์ท่ีนาไปสู่การครอบงาในรูปของความรู้ ความจริง ภายใต้
รูปแบบของวาทกรรมต่าง ๆ เพ่ือทาให้เกิดการยอมรับจากสังคมในวงกว้าง อีกทั้งการผลิต
วาทกรรม ซ่ึงมีหน้าที่พลิกแพลงเพ่ือทาให้เรามองไม่เห็นถึงอานาจและอันตราย
รวมตลอดถึงความน่าเกลียด น่าสะพรึงกลัว ท้ังยังสามารถปกปิดธาตุแท้ความหยาบกร้านไว้
ด้วยการอาพรางกลไกการทางานของอานาจได้อย่างแนบเนียน เพ่ือครอบคลุมและครอบงา
ความคิดและจิตใจของมวลชนให้ตกอยู่ภายใต้กระแสการสร้างมายาภาพ อันส่งผลให้
เอ้ือประโยชน์ต่อผู้มีอานาจย่ิง ๆ ขึ้นไป ทาใหท้ ุกส่ิงทุกอย่างผันเข้าสู่ความไม่เทา่ เทียมกันของ
มนุษย์
ตวั อย่างการบรรยายผลงานทัศนศลิ ปโ์ ดยใช้ศพั ท์ทางทศั นศิลป์
1. แนวความคิดในการสรา้ งผลงาน (ตอ่ )
เนื้อหาสาระดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม
โดยการอุปมาอปุ ไมยด้วยภาพลกั ษณ์ของสัตวต์ ่าง ๆ ที่มลี กั ษณะเฉพาะ นามาเชื่อมโยง
‘รา่ งใหม-่ กายเดมิ ’ พรรษา พทุ ธรักษา,
สอี ะคริลิกบนผา้ ใบ, พ.ศ. 2550
2. ทัศนะโดย ธงชยั รกั ปทุม
ภาพ ‘ร่างใหม่-กายเดิม’ ศิลปินสร้างสรรค์ด้วยแนวคิดจากการวิเคราะห์เชิง
เปรียบเปรยอานาจมืดของนักการเมืองที่สร้างภาพมายาและอาพรางกฎ ระเบียบ กติกา
เพ่ือเอ้ือประโยชน์แก่พวกพ้องจนทาให้สังคมเกิดวิกฤตศรัทธา อันนาพาสังคมไปสู่
ความไม่เท่าเทียมกัน ทั้งท่ีโดยเนื้อหาสาระของภาพเป็นศิลปะก่ึงนามธรรม ศิลปินเน้นและ
แสดงออกโดยการนาสัตว์ต่าง ๆ มาจัดวางองค์ประกอบท่ีประสานสัมพันธ์กับสภาวะ
แห่งธรรมชาติ ณ ดินแดนท่ีเปน็ บรรยากาศของผนื นา้ กวา้ งใหญส่ ีสันงดงาม
2. ทัศนะโดย ธงชัย รกั ปทุม (ต่อ)
ให้รู้สึกสะเทือนอารมณ์ในมิติของความฝันท่ีเหนือจริงของสรรพสิ่งและสรรพชีวิตของ
สัตว์ทั้งหลายทัง้ ปวงน้ัน เปรยี บดังการแสดงอานาจบาตรใหญ่ของแมงป่องยักษก์ าลังเขมือบ
กินแมลงในจินตนาการตัวอ้วนใหญ่ มีสัตว์เล็กสัตว์น้อย พวกกบเขียดต่างกระโดดหนีตาย
เอาตัวรอด หัวดิ่งจมน้าบ้าง บางตัวกก็ ระโดดทะยานไปในอากาศบ้าง ซ่ึงมีต้นไม้ท่เี หย่ี วแห้ง
โน้มลาต้นเข้าหากันเสริมให้องค์ประกอบลงตัวพร้อมกับให้ความรู้สึกกินใจในความร่วงโรย
และเหี่ยวเฉาเช่นชีวิตในสังคมปัจจุบัน แม้ศิลปินจะให้สีสันสอดสัมพันธ์อย่างสวยงาม
เพียงใด แตส่ าระในการวางกรอบความคดิ ทเ่ี ป็นประเด็นหลักสาคญั น้นั ได้สอ่ งสะท้อนให้เหน็
ความสามารถของศิลปินในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างสวยงามและมีคุณค่าให้ ศิลปะ
อย่างดียิง่