มหาชาติ
มหาเวสสันดรชาดก
คำนำ ก
E-bookเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๔ เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง
มหาเวสสันดรชาดกหรือมหาชาติและได้ศึกษาและ
เข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์แก่การเรียน
ผู้จัดทำหวังว่า E-book เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน
หากมีข้อผิดพลาดประการใดคณะผู้จัดทำขอน้อมรับและ
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
สารบัญ หน้า ข
คำนำ ก
สารบัญ ข
บรรณานุกรม ๑
ผู้เเต่ง ๒-๓
๔
ที่มาของเรื่อง ,ลักษณะคำประพันธ์ ,จุดประสงค์ในการเเต่ง ๕-๑๑
กัณฑ์ที่ ๑๑-๑๓ ๑๒
คำศัพท์ ๑๓-๑๕
ข้อคิดที่ได้ของเเต่ละกัณฑ์ ๑๖-๑๙
๒๐
วิจารณ์ตัวละครคนสำคัญในเรื่อง ๒๑-๒๔
๒๕-๒๖
ฝนโบกขรพรรษา ๒๗
ทศชาติ
ข้อคิด
รายชื่อสมาชิก
บรรณานุกรม ๑
ลัดดา อดใจ. (ม.ป.ป.). วิเคราะห์วิจารณมหาเวสสันดรชาดา กัณฑ์มัทริ.
https://kriengkraikks.files.wordpress.com
เทศน์ แชนแนล. (ม.ป.ป.). เทศน็มหาชาติทำนองหลวง. https://www.xn--
03ce8b8evc.com/
Thianthong Setsri. (ม.ป.ป.). เนื้อเรื่อง ทศชาติชาดก.https://sites.google.
com/site/thianthongsetsri/bth-thi-1/1-1-neux-reuxng-
thschati-chadk
มูลนิธิศูนย์พิทัษ์สิทธิเด็ก. (๒๕๖๒). เทศน็มหาชาติเวสสันดรชาดก
ประจำปี๒๕๖๒.https://www.thaichildrights.org/projects/
donatemahachart/
ผู้เเต่ง ๒๒.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
๑.กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงพระราชนิพนธ์ ๓ กัณฑ์ คือ
ทรงนิพนธ์ ๔ กัณฑ์ คือ
๑.วนปเวสนี
๑.ทศพร ๒.หิมพานต์ ๒.จุลพน
๓.มหาราช ๔.นครกัณฑ์ ๓.สักบรรพ
๓.เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
นิพนธ์ ๒ กัณฑ์ คือ ๑.กุมาร ๒.มีทรี
ผู้เเต่ง ๓
๔.พระเทพโมลี (กลั่น) นิพนธ์ ๑ กัณฑ์ ๕.สำนักวัดถนน นิพนธ์ ๑ กัณฑ์ คือ
คือ มหาพล ทานกัณฑ์
๖.สำนักวัดสังข์กระจาย นิพนธ์๑ กัณฑ์
คือ ชูชก
ที่มาของเรื่อง ๔
เป็นเรื่องเล่าหรือนิทานของชาวพื้นเมืองอินเดียมาก่อน พัฒนาการ
วรรณกรรมมหาพระเวสสันดรในระยะแรก เเผนผังเเละตัวอย่างร่ายยาว
ลักษณะคำประพันธ์
มหาเวสสันดรชาดกเป็นมหาชาติกลอนเทศน์ มีลักษณะคำประพันธ์เป็น จุดประสงค์ในการเเต่ง
ร่ายยาวที่มีคาถาบาลีนำ ร่ายยาว บทหนึ่งไม่จำกัดจำนวนวรรค แต่ที่นิยม
คือตั้งแต่ ๕ วรรคขึ้นไป และแต่ละวรรคก็ไม่จำกัดจำนวนคำเช่นกัน แต่ไม่
ควรน้อยกว่า ๕ คำ ซึ่งคำสุดท้ายของวรรคหน้าจะส่งสัมผัสไปวรรคหลังคำ
ใดก้ได้ แต่เว้นคำสุดท้ายของวรรคอาจจบลงด้วย “คำสร้อย” (คำสร้อย เช่น
ฉะนี้ ดังนี้ นั้นเกิด นั้นแล แล้วแล ด้วยประการฉะนี้ เป็นต้น)
แต่งขึ้นเพื่อใช้เทศน์มหาชาติ ใช้เทศน์ให้ประชาชนฟัง เนื่องจากร่ายยาวมหาเสสันดร
ชาดกเป็นชาดกเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นชาติที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเสสันดร
ซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนจะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วเสด็จออกผนวชกระทั่ง
ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องราวในพระชาติที่เป็นพระเวสสันดรได้ทรง
บำเพ็ญทศบารมี ครบทั้ง ๑๐ ประการ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ทานบารมี ซึ่งทรงบริจาค
บุตรทารทาน คือ บริจาคพระชาลี พระกัณหา และพระนางมัทรี จึงเป็นชาติที่สำคัญ
และยิ่งใหญ่ เรียกว่า “มหาชาติ” หรือ “มหาเวสสันดรชาดก”
เนื้อเรื่องทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ๕
กัณฑ์ที่ ๑ ทศพร
เป็นกัณฑ์ที่พระอินทร์ประสาทพรแก่พระนางผุสดี ก่อนที่จะจุติลงมาเป็นพระราชมารดาของพระ
เวสสันดร
ภาคสวรรค์ พระนางผุสดีเทพอัปสรสิ้นบุญ ท้าวสักกะเทวราชสวามีทรงทราบจึงพาไปประทับยังสวน
นันทวันในเทวโลก พร้อมให้พร ๑๐ ประการ คือ ให้ได้อยู่ในประสาทของพระเจ้าสิริราชแห่งนครสีพี
ขอให้มีจักษุดำดุจนัยน์ตาลูกเนื้อ ขอให้คิ้วดำสนิท ขอให้พระนามว่า ผุสดี ขอให้มีโอรสที่ทรง
เกียรติยศเหนือกษัตริย์ทั้งหลายและมีใจบุญ ขอให้มีครรภ์ที่ผิดไปจากสตรีสามัญคือแบนราบใน
เวลาทรงครรภ์ ขอให้มีถันงามอย่ารู้ดำและหย่อนยาน ขอให้มีเกศาดำสนิท ขอให้มีผิวงาม และข้อ
สุดท้ายขอให้มีอำนาจปลดปล่อยนักโทษได้
กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์ ๖
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรบริจาคทานช้างปัจจัยนาค ประชาชนสีพีโกรธแค้นจึงขับไล่ให้ไปอยู่เขาวงกต
พระนางผุสดีได้จุติลงมาเป็นพระราชธิดาพระเจ้ามัททราช เมื่อเจริญชนม์ได้ ๑๖ ชันษาจึงได้อภิเษกสมรส
กับพระเจ้ากรุงสญชัย แห่งสีวิรัฐนคร ต่อมาได้ประสูติพระโอรสนามว่า “เวสสันดร”ในวันที่ประสูตินั้นได้มี
นางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็นช้างเผือกขาวบริสุทธิ์จึงนำมาไว้ในโรงช้างต้นคู่บารมีให้มีนามว่า “ปัจจัยนาค”
เมื่อพระเวสสันดรเจริญชนม์ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาก็ยกสมบัติให้ครอบครองและทรงอภิเษกกับนางมัทรี
พระราชบิดาราชวงศ์มัททราช มีพระโอรส ๑ องค์ชื่อ ชาลี ราชธิดา ชื่อ กัณหา พระองค์ได้สร้างโรงทาน
บริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ ต่อพระเจ้ากาลิงคะแห่งนครกาลิงครัฐได้ส่งพราหมณ์มาขอพระราชทานช้างปัจจัย
นาค พระองค์จึงพระราชทานช้างปัจจัยนาค พระองค์จึงพระราชทานช้างปัจจัยนาคแก่พระเจ้ากาลิงคะ ชา
วกรุงสัญชัย จึงเนรเทศพระเวสสันดรออกนอกพระนคร
กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรทรงแจกมหาสัตสดกทาน คือ การแจกทานครั้งยิ่งใหญ่ก่อนที่พระ
เวสสันดรพร้อมด้วยพระนางมัทรี ชาลี และกัณหาออกจากพระนคร จึงทูลขอพระราชทาน
โอกาสบำเพ็ญมหาสัตสดกทาน คือ การให้ทานครั้งยิ่งใหญ่ อันได้แก่ ช้าง ม้า โคนม นารี ทาสี
ทาสาสรรพวัตถาภรณ์ต่างๆ รวมทั้งสุราบานอย่างละ ๗๐๐
กัณฑ์ที่ ๔ วนประเวศน์ ๗
เป็นกัณฑ์สี่กษัตริย์เดินดงบ่ายประพักตร์สู่เขาวงกต เมื่อเดินทางถึงนครเจตราชทั้งสี่กษัตริย์จึงแวะเข้า
ประทับพักหนาศาลาพระกษัตริย์ผู้ครองนครเจตราชจึงทูลเสด็จครองเมือง แต่พระเวสสันดรทรงปฏิเสธ
และเมื่อเสด็จถึงถึงเขาวงกตได้พบศาลาอาศรม ซึ่งท้าววิษณุกรรมเนรมิตตามพระบัญชาของท้าวสักกะ
เทวราช กษัตริย์ทั้งสี่จึงทรงผนววชเป็นฤๅษีพำนักในอาศรมสืบมา
กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก
เป็นกัณฑ์ที่ชูชกได้นางอมิตตามาเป็นภรรยาและหมายจะได้โอรส และธิดาพระเวสสันดรมาเป็นทาสใน
แคว้นกาลิงคะมีพราหมณ์แก่ชื่อชูชก พนักในบ้านทุนวิฐะ เที่ยวขอทานในเมืองต่างๆ เมื่อได้เงินถึง
๑๐๐ กหาปณะ จึงนำไปฝากไว้กับพราหมณ์ผัวเมีย แต่ได้นำเงินไปใช้เป็นการส่วนตัวเมื่อชูชกมาท
วงเงินคืนจึงยกนางอมิตดาลูกสาวให้แก่ชูชก นางอมิตดาเมื่อมาอยู่ร่วมกับชูชกได้ทำหน้าที่ของ
ภรรยาที่ดี ทำให้ชายในหมู่บ้านเปรียบเทียบกับภรรยาตน หญิงในหมู่บ้านจึงเกลียดชังและรุมทำร้าย
ทุบตีนางอมิตดา ชูชกจึงเดินทางไปทูลขอกัณหาชาลีเพื่อเป็นทาสรับใช้ เมื่อเดินทางมาถึงเขาวงกตก็
ถูกขัดขวางจากพราหมณ์เจตบุตรผู้รักษาประตูป่า
กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๘
เป็นกัณฑ์ที่พรานเจตบุตรหลงชูชก และชี้ทางสู่อาศรมอจุตฤๅษีชูชกได้ชูกลักลักพริก
ขิงแก่พรานเจตบุตรอ้างว่าเป็นพระราชสาสน์ของเจ้ากรุงสญชัยจึงได้พาไปยังต้นทาง
ที่จะไปอาศรมฤๅษี
กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน
เป็นกัณฑ์ป่าใหญ่ ชูชกหลอกหล่อจุตฤๅษีให้บอกทางสู่อาศรมพระเวสสันดรแล้วก็
รอนแรมเดินไพรไปหาเมื่อถึงอาศรมฤๅษี ชูชกได้พบกับจุตฤๅษี ชูชกใช้คารมหลอก
หล่อนจนอจุตฤๅษี ให้ที่พักหนึ่งคืนและบอกเส้นทางไปยังอาศรมพระเวสสันดร
กัณฑ์ที่ ๘ กัณฑ์กุมาร ๙
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรทรงได้ทานสองโอรสแก่เฒ่าชูชกพระนางมัทรีฝันร้ายเหมือน
บอกเหตุแห่งการพลัดพรากรุ่งเช้าเมื่อนางมัทรีเข้าป่าหาอาหารแล้วชูชกจึงเข้าเฝ้าทูลขอ
สองกุมาร สองกุมารจึงพากันลงไปซ่อนตัวอยู่ที่สระพระเวสสันดรจึงลงเสด็จติดตาม
สองกุมาร แล้วจึงมอบให้แก่ชูชก
กัณฑ์ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี
เป็นกัณฑ์ที่พระนางมัทรีทรงได้ตัดความห่วงหาอาลัยในสายเลือด อนุโมทนาทานโอรสทั้งสอง
แก่ชูชก
พระนางมัทรีเดินเข้าไปหาผลไม้ในป่าลึกจนคล้อยเย็นจึงเดินทางกลับอาศรม แต่มีเทวดาแปลง
กายเป็นเสือนอนขวางทางจนค่ำ เมื่อกลับถึงอาศรมไม่พบโอรส พระเวสสันดรได้กล่าวว่านาง
นอกใจ จึงออกเที่ยวหาโอรสและกลับมาสิ้นสติต่อเบื้องพระพักตร์ พระองค์ทรงตกพระทัยลืมตน
ว่าเป็นดาบส จึงทรงเข้าอุ้มพระนางมัทรีและทรงกันแสง เมื่อนางมัทรีฟื้ นจึงถวายบังคม
ประทานโทษพระเวสสันดรจึงบอกความจริงว่าได้ประทานโอรสแก่ชูชกแล้ว หากชีวิตไม่สิ้นคงจะ
ได้พบนางจึงได้ทรงอนุโมทนา
กัณฑ์ที่ ๑๐ สักกบรรพ ๑๐
เป็นกรรณที่พระอินทร์เจ้าจำแลงกายเป็นพราหมณ์มาขอพระนางมัทรี แล้วสลบลงเมื่อ
ได้พบท้าวสักกะเทวราชเสด็จแปลงเป็นพราหมณ์เพื่อทูลขอนางมัทรีพระเวสสันดรจึง
พระราชทานให้พระนางมัทรีก็ยินดีอนุโมทนาเพื่อร่วมทานบารมีให้สำเร็จพระสัมโพธิ
ญาณเป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวสะท้าน ท้าวสักกะเทวราชในร่างพราหมณ์จึงฝากนา
งมัทรีไว้ยังไม่รับไป ตรัสบอกความจริงและถวายคืนพร้อมถวายพระพร ๘ ประการ
กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช
เป็นกัณฑ์ที่เทพเจ้าจำแลงองค์องค์ทำนุบำรุงขวัญสองกุมารก่อนเสด็จนิวัติถึงมหานครสีพีเมื่อ
เดินทางผ่านป่าใหญ่ชูชกจะผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ส่วนตนปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้เหล่า
เทวดาจึงแปลงร่างลงมาปกป้องสองกุมาร จนเดินทางถึงกรุงสีพีเกิดนิมิตฝันตามคำทำนายยัง
ความปีติปราโมทย์ เมื่อเสด็จลงหน้าลานหลวงตอนรุ่งเช้าทอดพระเนตรเห็นชูชกพากุมารน้อย
สองพระองค์ ทรงทราบความจริงจึงพระราชทานค่าไถ่คืน ต่อมาชูชกก็ดับชีพตักษัยด้วยเพราะ
เดโชธาตุไม่ย่อย ชาลีจูงได้ทูลขอให้ไปรับพระบิดาพระมารดานิวัติพระนคร ในขณะเดียวกันเจ้า
นครกลิงคะได้โปรดคืนช้างปัจจัยนาคแก่นครสีพี
กัณฑ์ที่ ๑๒ ฉกษัตริย์ ๑๑
เป็นกัณฑ์ที่ทั้งหกกษัตริย์ถึงวิสัญญีภาพสลบลงเมื่อได้พบหน้า ณ อาศรมดาบสที่เขาวงกต
พระเจ้ากรุงสญชัยใช้เวลา ๑ เดือน กับ ๒๓ วัน จึงเดินถึงเขาวงกต เสียงโห่ ร้องของทหารทั้ง ๔
เหล่า พระเวสสันดรทรงคิดว่าเป็นข้าศึกมารบนนครสีพี จึงชวนนางมัทรีขึ้นไปแอบดูที่ยอดเขา
พระนางมัทรีทรงมองเห็นกองทัพพระราชบิดา ได้ทรงตรัสทูลพระเวสสันดรและเมื่อหก
กษัตริย์ได้พบหน้ากันทรงกันแสงสุดประมาณ รวมทั้งทหารเหล่าทัพ ทำให้ป่าใหญ่สนั่นครั่น
ครืน ท้าวสักกะเทวราชจึงได้ทรงบันดาลให้ฝนตกประพรมหกกษัตริย์และหวยหาญได้หายเศร้า
โศก
กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์
เป็นกัณฑ์ที่หกกษัตริย์นำพยุหโยธาเสด็จนิวัติพระนครททพระเวสสันดรขึ้นครองราชย์แทนพระ
ราชบิดาพระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสสารภาพผิด พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวชพร้อมทั้งพระนางมัท
รีและเสด็จกลับสู่สีพีนคร เมื่อเสด็จถึงจึงรับสั่งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระ
เวสสันดรทรงปริวิตกว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับบริจาคทาน พระองค์จะประทานสิ่งใด
แก่ประชาชนท้าวโกสีห์ได้ทราบจึงบันดาลให้มีฝนแก้ว ๗ ประการ ตกลงมาในนครสีพีสูงถึงหน้า
แข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนขนเอาตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าคลังหลวง
ในการต่อมาพระเวสสันดรเถลิงราชสมบัติปกครองนครสีพีโดยทศพิธราชธรรมบ้านเมือง
ร่มเย็นเป็นสุขตลอดพระชนมายุ
• คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์ทศพร คำศัพท์• คำศัพท์ที่ปรากฎในกัณฑ์สักกบรรพ
ดวงเนตร หมายถึง ดวงตา ดำริ หมายถึง ตริ, คิด, ไตร่ตรอง
พระครรภ์ หมายถึง ตั้งครรภ์,ตั้งท้อง เข็ญใจ หมายถึง ยากจนข้นแค้น
พระถัน หมายถึง นม
สำแดง หมายถึง แสดง, ทำให้เห็น • คำศัพท์ที่ปรากฎในนครกัณฑ์
พระเกศา หมายถึง ผม ประวิง หมายถึง ถ่วงเวลาให้เนิ่นข้าออกไป, หน่วง
ไว้ให้นานออกไป
พระฉวีวรรณ หมายถึง ผิวหนัง
ช้างปัจจัยนาค หมายถึง ช้างที่ท่องเที่ยวไปในอากาศ ทศพิธราชธรรม หมายถึง จริยาวัตรที่พระเจ้าแผ่น
• คำศัพท์ที่ปรากฎในกัณฑ์กุมาร • คำศัพท์ที่ปรากฎในกัณฑ์มหาราช ดินควรประพฤติเป็นหลักธรรมประจำพระองค์ หรือ
ตกระกำลำบาก หมายถึง คำแสดงความรู้สึก สุบิน หมายถึง ความฝัน คุณธรรมของผู้ปกครองบ้านเมือง มี ๑0 ประการ
เดือดร้อนเพราะกรรมหรือชะตากรรมของ พระกรรณ หมายถึง หู คือ ทาน ศีล บริจาค อาชวะ มัทวะ ตบะ อักโกระ อ
ราตรี หมายถึง กลางคืน, เวลามืด พระนาสา หมายถึง จมูก วิหิงสา ขันติ อวิโรธนะ
บรรทม หมายถึง นอน พงไพร หมายถึง คงหญ้าหรือดงไม้ที่รวมกันเป็น
ผืนป่า
ปราโมทย์ หมายถึง ปราโมช, ความยินดี,
• คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์กุมาร ความบันเทิงใจ
เคหา หมายถึง บ้าน, เรือน, ที่อยู่ • คำศัพท์ที่ปรากฎในกัณฑ์ฉกษัตริย์
พระภัสดา หมายถึง สามี วิปโยค หมายถึง ความพลัดพราก, ความกระจัดกระจาย, ความจากกัน, ความพ้นไปจาก
สรวล หมายถึง หัวเราะ โศกศัลย์ หมายถึง ทุกข์โศกมาก
พระชนนี หมายถึง แม่ ฝนโบกขรพรรษ หมายถึง น้ำฝนวิเศษไม่เปียกผู้ที่ไม่ต้องการให้เปียก (เหมือนน้ำที่
วิสัญญี หมายถึง หมดความรู้สึก, สิ้นสติ, สลบ ตกลงบนใบบัว) ตกลงแล้วไหลซึมซาบดินหายไปโดยเร็ว
๑๒อารารนา หมายถึง เชื้อเชิญ, นิมนต์, อ้อนวอน, ใช้แก่พระภิกษุสามเณร และสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์
ข้อคิดที่ได้ในเเต่ละกัณฑ์
• กัณฑ์ทศพร - การทำบุญจะได้ตามประสงค์ ต้อง
อธิษฐานจิต ตั้งเป้าหมายชีวิตที่ตนปรารถนาไว้ตั้ง
มั่นเเละบริบูรณ์ในศีล
• กัณฑ์หิมพานต์-การทำความดีมักมีอุปสรรค
• ทานกัณฑ์ - พึงยอมเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว
เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม
• กัณฑ์วนประเวศน์ - ยามยาก ยามเจ็บ ยามจน
ยามจาก ควรได้รับการเหลียวเเลจากมิตร มิตรเเท้ไม่
ทอดทิ้งเพื่อนยามทุกข์ยาก ยามลำบาก มิตรเเท้จัก
อุ้มชูเพื่อนยามตกต่ำ น้ำใจของคนดีมักเสียสละตน
สละโอกาส เเละสละโชคลาค อันพึงได้โดยความ
๑๓ชื่นชม
ข้อคิดที่ได้ในเเต่ละกัณฑ์ ๑๔
• กัณฑ์ชูชก - อย่าฝากของมีค่า ของสำคัญ หรือของหวงเเหนไว้กับผู้อื่น
กัณฑ์จุลพน - การรอบรู้กิจการงาน ผู้ที่ไม่รู้กิจการงานที่ทำ เเม้จะเป็นคน
ฉลาดเฉลียวก็อาจทำให้การงานเสียหายได้ เเต่ถ้าคนฉลาดได้เรียนรู้ก็จะทำ
ภารกิจได้ดี
• กัณฑ์มหาพน - การเป็นคนฉลาด หากขาดสติ ก็อาจพลาดท่าเสียทีได้ ดังนั้น
จึงต้องมีสติไตร่ตรองเเละรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่ น
• กัณฑ์กุมาร - ความเป็นผู้รู้จักกาลเทศะ รู้จักโอกาส
รู้ความควรไม่ควร จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่
ตนเองปรารถนา
• กัณฑ์มัทรี - ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่เท่าพ่อเเม่
ข้อคิดที่ได้ในเเต่ละกัณฑ์ ๑๕
• กัณฑ์สักกบรรพ - การทำความดีเเม้ไม่มีใครเห็น เเต่เทวดาอารักษ์เห็น
• กัณฑ์มหาราช - คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ย่อมได้รับการคุ้มครอง
ปกป้องทุกที่ในทุกสถาน
• กัณฑ์ฉกษัตริย์ - การให้อภัยสามารถลบรอยร้าวฉานเเละความ
บาดหมางทั้งปวง ก่อให้เกิดสันติสุขเเก่ส่วนรวม
• กัณฑ์นครกัณฑ์ - การทำความดี ย่อมได้รับผลตอบเเทน การ
ใช้ธรรมะในการปกครองจะทำให้บ้านเมืองมีเเต่ความสงบร่มเย็น
ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ๑๖
พระเวสสันดร
เป็นพระโอรสของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดี
แห่งเมืองสีพีมีอุปนิสัยและพฤติกรรมที่สำคัญคือ
การบริจาคทานพระราชกุมารเวสสันดรทรงบริจาค
ทานตั้งแต่เกิด
พระนางมัทรี
พระนางมัทรีเป็นพระราชธิดาแห่งกษัตริย์มัทราช อภิเษกสมรสกับพระเวสสันดร
มีพระโอรสชื่อพระชาลีและมีพระธิดาชื่อพระกัณหาเเละนางตามเสด็จพระเวสสันดรไปยัง
เขาวงกต เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติต่างๆทั้งการเป็นแม่ที่ประเสริฐของลูก
และการเป็นภรรยาที่ดีของสามี คือมีความอ่อนน้อม นอบน้อม และอดทน เป็นภรรยาแม่
แบบผู้มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตรของสามีนับสนุนเป้าหมายชีวิตอันประเสริฐที่พระสวามีได้
ตั้งไว้ เป็นบบอย่างของภรรยาตามทัศนะของคนตะวันออก เช่น ปฏิบัติ แลเรื่องข้าวปลา
อาหาร และมีคุณธรรมสำคัญคือ ชื่อตรง จงรักละหนักแน่นต่อสามี
ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ๑๗
พระชาลี
พระชาลีเป็นพระราชโอรสของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรีเป็นพระเชษฐาของพระกัณหา
พระนัดดาของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีเมื่อเวลาประสูติพระประยูรญาติ
ได้ทรงนำตาข่ายทองมารองรับ จึงได้รับพระราชทานนามว่า ชาลี แปลว่าผู้มีตาข่าย
พระชาลีทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและมีคารมคมคายพระชาลีทรงมีความอ่อนน้อมถ่อม
ตนและมีคารมคมคาย
พระกัณหา
พระกัณหาเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้พระเวสสันดรได้บำเพ็ญบุตรทานบารมี
ซึ่งเป็นทานอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถทำได้
พระกัณหาเป็นผู้ที่มีความกตัญญูเชื่อฟังคำสั่งสนและมีความเฉลียวฉลาด
ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ๑๘
ชูชก
ชูชกเป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดร
ชาดกเป็นผู้เกิดในตระกูลพราหมณ์โกวาทิกชาติซึ่งเป็นพราหมณ์พวกที่
ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นมักใช้คำว่า "โก"แปลว่า "ผู้เจริญ" เป็น
คำร้องเรียก แม้ชูชกจะเกิ้ดในตระกูลพราหมณ์ที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่า
ผู้อื่นแต่ชูชกก็ยากจนเข็ญใจยิ่ง ต้องเที่ยวขอทานเขาเลี้ยงชีพ ชูชกมีบ้าน
อยู่ในหมู่บ้านทุนนวิฐติดกับเมืองกลิงคราษฎร์ มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด
ประกอบด้วยบุรุษโทษ ๑๘ ประการ
พระเจ้ากรุงสญชัย
พระเจ้ากรุงสญชัยเป็นพระราชาแห่งกรุงสีพีราษฎร์พระราชบิดาของพระเวสสันดร
เมื่อพระโอรสมีพระชนมายุสมควรจะสืบราชสมบัติ แล้วก็ทรงสละราชสมบัติให้ทรงปกครองต่อ
ไปพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ส่วนพระองค์เอง
ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ๑๙
พระผุสดี
พระผุสดีเป็นธิดากษัตริย์มัททราช มเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัยแห่งกรุงสีพีราษฎร์และ
พระมารดาของพระเวสสันดร พระนางผุสดีมีอุปนิสัยรักสวยรักงาม ในฐานะพระราช
มารดาทรงเป็นแม่ที่รักลูก ห่วงใยลูก เมื่อลูกมีปัญหาก็รีบหาทางช่วยแก้ไข
ฝนโบกขรพรรษ ๒๐
ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระประยูรญาติ เมื่อพระองค์เสด็จถึงพระนครกบิล
พัสดุ์แล้ว ฝ่ายพระประยูรญาติมีพระเจ้าสุทโรทนะเป็นประรานเสด็จมาต้อนรับ ต่างก็ยังมีทิฐิ
มานะแรงกล้าไม่ยอมนอบน้อมนมัสการพระบรมศาสดา ด้วยเห็นว่าพระพุทธองค์มีวัยอ่อน
กว่าตนพระพุทธองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเหตุดังนั้น จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เสด็จลอยขึ้นไป
จงกรมอยู่บนอากาศ ให้ธุลีละอองพระบาทหล่นลงมาบนพระเศียรเหล่าพระประยูรญาติ
ลำดับนั้นหมู่พระประยูญาติต่างพากันคลายทิฐิมานะประคองอัญชลิ่นมัสการชื่นชมโสมนัส
ด้วยบุญญาภินิหารของพระพุทธองค์ ขณะนั้น "ฝนโบกขรพรรษ" ก็ตกลงมาเป็นที่น่า
อัศจรรย์
ฝนโบกขรพรรษมีลักษณะ ดังนี้
๑. น้ำฝนมีสีแดงดังเท้านกพิราบ เสียงสนั่นลั่น
ออกไปดังสายฝนธรรมดา
๒. ผู้ใดปรารถนาจะให้เปียกกายจึงจะเปียก
หากมิได้ปรารถนาแม้แต่เม็ดหนึ่งก็มิได้เปียก
๓.เมื่อถูกกายแล้วจะหล่นสู่พื้นดินเสมือนหยาด
น้ำที่ตกลงสู่ใบบัวแล้วกลิ้งตกลงไปฉะนั้น
๔. ไม่เจิ่งนองพื้นดิน เมื่อตกลงแล้วก็ซึมหายไป
ในแผ่นดินทันที
ทศชาติ ๒๒
๑. เตมีย์ชาดก - บำเพ็ญเนกขัมมบารมี
พระโพธิสัตว์ ทรงระลึก ถึงอดีตชาติได้ว่า เมื่อเป็นพระราชา ได้กระทำซึ่งการพิพากษา
ลงโทษคนสิ้นชีวิตแล้ว ได้เสวยผลกรรม ในนรก จึงไม่ปรารถนา เพื่อจะครอง ซึ่งราชย์
สมบัติแต่ ปรารถนาในบรรพชา โดยทรงแกล้งทําเป็นคนใบ้เป็นต้น พระราชบิดาจึง
รับสั่งให้นำไปฝังในป่าช้าท่านจึงได้โอกาสสอนนายสารถี แล้วเสด็จออกบรรพชา
๒. ชนกชาดก - บำเพ็ญวิริยบารมี
พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติ เป็นมหาชนก เดินทางไปค้าขาย ที่สุวรรณภูมิ แต่เรือแตกจมลง ใน
มหาสมุทรแม้ไม่เห็นฝั่ ง ท่านก็ไม่ท้อถอยเพียรพยายามว่ายอยู่ ในมหาสมุทรจนถึงวันที่๗ เวลานั้น
นางมณีเมขลา ซึ่งเป็นเทพธิดาผู้รักษามหาสมุทร ได้ช่วยเหลือ นำท่านขึ้นที่กรุงมิถิลา
๓. สุวรรณสามชาดก - บำเพ็ญเมตตาบารมี
พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นสุวรรณสามดาบสเลี้ยงดูบิดามารดาผู้ตาบอดอยู่ในป่า วันหนึ่ง
สุวรรณสามถูกพระเจ้าปิลยักษ์ยิ่งด้วยลูกศร ก็ไม่ยั้งความโกรธของตนให้เกิดขึ้น แต่ได้กล่าว
ขึ้นว่าใครกันหนอใช้ลูกศรยิงเราเพราะเนื้อของเราก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรกิน หนังของเราก็ไม่มี
ประโยชน์เมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุอะไรหนอ จึงเข้าใจว่า เราเป็นผู้ควรยิง
ทศชาติ ๕. มโหสถชาดก - บำเพ็ญปัญญาบารมี
พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นมโหสธบัณฑิตผู้มี
๔. เนมิราชชาดก - บำเพ็ญอธิษฐานบารมี ปัญญาดุจแผ่นดินนั้นรับราชการอยู่ประจำในราชสำนัก
พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าเนมิราช เป็นผู้ ของพระเจ้าจูฬนีในท่ามกลางปัญหาและอุปสรรค
มั่นคงในการให้ทานทรงเบญจศีลเป็นนิจ สมาทานอุโบสถ นานัปการ ท่านได้ใช้ปัญญาที่อบรมมาดีแล้ว เข้าแก้ไข
ทุกวันปักษ์ทรงแสดงธรรมให้ทราบทางสวรรค์ ยังหมู่ชน ปัญหา ทุกอย่างให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีมาโดยลำดับ.
ให้กลัวนรกครั้งนั้นมาตลีเทพบุตรได้นำราชรถไปรับ ครั้นเมื่อสิ้นอายุแล้วได้ไปเกิดในเทวโลก ตามกรรม
พระเจ้าเนมิราช เพื่อชมนรกต่าง ๆ ก่อน แล้วจึงขึ้นไปเที่ยว
ชมสวรรค์ ในกาลต่อมา เมื่อพระเกศาหงอกแล้วได้เสด็จ ของตน
บรรพชาบำเพ็ญฌานสมาบัติสวรรคตแล้วไปสู่พรหมโลก
๖.พระภูริทัตชาดก - บำเพ็ญศีลบารมีพระโพธิสัตว์เสวยพระ
ชาติเป็นพญานาคชื่อว่าภูริทัต รักษาอุโบสถศีลอยู่ที่จอมปลวก
แห่งหนึ่ง แต่ ถูกพราหมณ์หมองูผู้รู้มนต์อาลัมพายนะจับตัวไป
เที่ยวแสดงละคร หาเงินตามสถานที่ต่าง ๆ, นาค ไม่มีความ
แค้นเคืองคิดจะทำลายชีวิตพราหมณ์หมองูนั้น เพราะความที่
ตนรักษาอุโบสถศีลเมื่อสิ้นชีวิตแล้วไปเกิดในเทวโลก
๒๓
ทศชาติ ๘. พระนารทชาดก - บำเพ็ญอุเบกขาบารมี ๒๔
พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติ เป็นท้าว
๗.พระจันทกุมารชาดก - บำเพ็ญขันติบารมีพระโพธิสัตว์ เสวยพระ
ชาติเป็นพระจันทกุมาร ราชโอรสของพระเจ้าเอกราชแห่งเมืองปูปวดี มหาพรหมชื่อว่านารทะ พระเจ้าอังคต มี
พระราชบิดาทรงเชื่อคำของบัณฑาลปุโรหิต จึงทรงรับสั่งให้จับพระ ความเห็นผิดว่านรกไม่มีสวรรค์ไม่มี เป็นต้น
ในเวลานั้น ท้าวมหาพรหมลงมาแสดงโทษ
จันทกุมาร พร้อมด้วยคนอื่นอีกมาก นำไปบูชายัญท้าวสักกเทวราช
ได้เสด็จมาช่วยชีวิตไว้ แม้ถูกระทำอย่างนี้ พระโพธิสัตว์ก็ทำเหมือน แห่งความเห็นผิดให้พระเจ้าอังคติสดับ
ไม่มีจิตใจด้วยการไม่ยังความโกรธในพระราชบิดา และขัณฑหาล ทำให้พระองค์ทรงคลายจากมิจฉาทิฏฐิเมื่อ
ปุโรหิตให้เกิดขึ้น จากนั้นได้ขึ้นครองราชย์ สิ้นชีวิตแล้วไปเกิดใน
สวรรคตแล้ว จึงไปเกิด ในสวรรค์
เทวโลก
๙. พระวิทูรชาดก - บำเพ็ญสัจจบารมีพระโพธิสัตว์ ๑๐. เวสสันดรชาดก - ทานอุปบารมี
เสวยพระชาติ เป็นอำมาตย์ ชื่อว่าวิธุระ เป็นผู้สอนอรรถ พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติ เป็นพระเวสสันดร
พระองค์ทรงพอพระทัยในการบริจาคทานโดยที่สุดแม้
ธรรมแด่ พระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะแห่งกรุงอินทปัตถ์ ชีวิตก็ให้เป็นทาน ดังที่ตรัสว่า“เมื่อครั้ง เรามีอายุ ๘ ปี
พระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะทรงเล่นสกาพ่ายแพ้ต่อปุณณก นั่งอยู่บนปราสาท มีความคิดที่จะให้ทานว่าถ้าใครๆ
มาขอ ซึ่งดวงหทัย ดวงตา เนื้อและเลือด กะเรา เราก็จะ
ยักษเวลานั้นปุณณกยักษ์ถามวิธูรบัณฑิตว่า ท่านเป็น ให้”ดังนี้ พระองค์ ได้ทรงบริจาคมหาทานและรักษา
ทาสหรือมิได้เป็นทาส ของพระราชา ท่านตอบด้วยสัจจ อุโบสถศีล ตลอดพระชนมายุ สวรรคตแล้ว ไปสู่
วาจาว่า "เป็นทาส" จึงถูกปุณณกยักษ์จับตัวไป แต่ ถ้า
ตอบว่ามิได้เป็นทาส ก็จะไม่ถูกปุณณกยักษ์จับตัวไป สวรรค์ชั้นดุสิต
๒๕
ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
กัณฑ์ทศพร - การทำบุญจะได้ตามประสงค์ ต้องอธิษฐานจิต ตั้งเป้า
หมายชีวิตที่ตนปรารถนาไว้ตั้งมั่นเเละบริบูรณ์ในศีล
กัณฑ์หิมพานต์ - การทำความดีมักมีอุปสรรค
ทานกัณฑ์ - พึงยอมเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุข
ของส่วนรวม
กัณฑ์วนนั้นจึงต้องมีสติไตร่ตรองเเละรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น
กัณฑ์กุมาร - ความเป็นผู้รู้จักกาลเทศะ รู้จักโอกาส รู้ความควรไม่ควร
จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองปรารถนา
๒๖
ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
กัณฑ์มัทรี - ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่เท่าพ่อเเม่
กัณฑ์สักกบรรพ - การทำความดีเเม้ไม่มีใครเห็น เเต่เทวดาอารักษ์เห็น กัณฑ์
มหาราช - คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ย่อมได้รับการคุ้มครอง ปกป้องทุกที่
ในทุกสถาน
กัณฑ์ฉกษัตริย์ - การให้อภัยสามารถลบรอยร้าวฉานเเละความบาดหมางทั้ง
ปวง ก่อให้เกิดสันติสุขเเก่ส่วนรวม
กัณฑ์นครกัณฑ์ - การทำความดี ย่อมได้รับผลตอบเเทน การใช้ธรรมะในการ
ปกครองจะทำให้บ้านเมืองมีเเต่ความสงบร่มเย็น
จั ด ทำ โ ด ย ผลงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรายวิชา
ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย ๒ เสนอ
ครูสุชาติ พิบูลย์วรศักดิ์ ครูประจำวิชา
นายธนกร จงบัญญัติ เลขที่๓ ๒๗
นายธนวุฒิ กิ่งมาลา เลขที่๔
นายพงศ์ สฤษฎิ์ โชติเชวงวิวัฒน์ เลขที่๑๔
นายพงศกร ศรีสุวรรณ เลขที่๑๗
น.ส.กมลชนก ปลัดปกครอง เลขที่๓๐
น.ส.ณภัทร เอี่ยมองอาจ เลขที่๓๑
น.ส.ณัฐธิดา เชี่ ยวชาญ เลขที่๓๒
น.ส.บัณฑิตา ตะเคียนสก เลขที่๓๓
น.ส.เมย์ชญา สระทองเย็น เลขที่๓๔
น.ส.เมษญา ไชยธงรัตน์ เลขที่๓๕