Health science clinical research Volume 35 ORIGINAL ARTICLE
January - June 2020
ตารางที่ 2 ผลลพั ธ์การตดิ เช้ือปอดอกั เสบจากการใช้เครอื่ งช่วยหายใจ
ระยะของการศึกษา VAP incidence /1,000 ventilator-day Coef. 95% Cl p-value
กลุ่มท่ี 1 13.70
ระยะท่ี 1-2, n = 297)
กลมุ่ ที่ 2 12.80 0.94 0.32, 2.77 0.907
(ระยะท่ี 3, n =113)
*p <.05
จากตารางท่ี 2 อัตราการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้ (WHAPO Leader)ลดลงจากเดิม 1.07 เท่า (13.70 เทียบกับ
เครื่องช่วยหายใจหลังจากมีการใช้รูปแบบการเป็นผู้นำ�การปฏิบัติ 12.80 คร้งั ต่อ 1,000 วันใช้เครอ่ื งชว่ ยหายใจ) (p=0.907)
การพยาบาลเพอื่ ปอ้ งกนั ปอดอกั เสบทส่ี มั พนั ธก์ บั เครอื่ งชว่ ยหายใจ
อภปิ รายผล อังคาร และวันพุธ พยาบาลวิชาชีพคนที่ 4 มีหน้าที่เป็นผู้นำ�การ
การดูแลผู้ป่วยตามมาตรฐานการพยาบาลผู้ป่วยที่ใช้เคร่ือง ปฏบิ ตั ใิ นเร่อื งการดแู ลความสะอาดปากและฟนั (Oral care) โดย
ช่วยหายใจโดยใช้ VAP bundle เป็นแนวทางการปฏิบัติเพื่อ กระตนุ้ ให้แปรงฟนั ผปู้ ว่ ยท่ใี สเ่ ครื่องชว่ ยหายใจ
ป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ การดูแลผู้ป่วยตามรูปแบบการเป็นผู้นำ�การปฏิบัติการ
อบุ ตั กิ ารณก์ ารเกดิ VAP ในหอผู้ป่วยยังสูงกวา่ ตวั ช้ีวัดท่ตี ั้งไว้จงึ ได้ พยาบาลเพ่ือป้องกันปอดอักเสบท่ีสัมพันธ์กับเคร่ืองช่วยหายใจ
มีการพัฒนากลยุทธ์ในการปฏิบัติตาม VAP Bundle ใช้รูปแบบ (WHAPO Leader) ทำ�ให้มีการกระตุ้นการปฏิบัติตามมาตรฐาน
การเป็นผู้นำ�การปฏิบัติการพยาบาลเพ่ือป้องกันปอดอักเสบที่ การดูแลผู้ป่วยตาม VAP bundle ในด้านต่างๆ ได้ดีข้ึน แต่มีข้อ
สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ (WHAPO Leader) โดยมอบหมาย จำ�กัดคือ ภาระงานที่สูงร่วมกับข้อจำ�กัดในด้านอัตรากำ�ลังทำ�ให้
การเป็นผู้นำ�การปฏิบัติ WHAPO Leader ซ่ึงเป็นกลยุทธ์ให้ ไม่สามารถปฏิบัติตามแนวทางได้ทุกข้อ เช่น การแปรงฟันผู้ป่วย
พยาบาลมีส่วนร่วมในการเปล่ียนแปลงการปฏิบัติอย่างยั่งยืนผล ที่ใส่เครื่องช่วยหายใจวันละ 2 คร้ัง ในเวลาเช้าและเย็น จึงปรับ
การศึกษาของรายงานนี้ยืนยันการเป็นผู้นำ�การปฏิบัติ WHAPO การปฏิบัติให้เหมาะสมกับบริบทโดยกำ�หนดให้มีการแปรงฟันใน
Leader ท�ำ ใหล้ ดอบุ ัติการณ์ VAP ได้ ผู้ป่วยท่ีใส่เครื่องช่วยหายใจทุกเวรเช้า และยังพบปัญหาด้าน
รปู แบบการเปน็ ผนู้ �ำ การปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลเพอื่ ปอ้ งกนั ปอด อุปกรณ์ของใช้ไม่เพียงพอ เช่น สายเครื่องช่วยหายใจ ได้มีการ
อกั เสบทส่ี มั พนั ธก์ บั เครอ่ื งชว่ ยหายใจ (WHAPO Leader) เปน็ การ แก้ไขโดยให้เวรบ่ายวันจนั ทร์ และอังคารจดั เตรียมสายเครือ่ งช่วย
กำ�หนดบทบาทการเป็นผู้นำ�การปฏิบัติในแต่ละด้านภายในเวร หายใจไว้ให้พร้อมใช้สำ�หรับเปล่ียนในเวรเช้าวันอังคารและวันพุธ
โดยพยาบาลวชิ าชพี คนที่ 1 มหี นา้ ทเี่ ปน็ ผนู้ �ำ การปฏบิ ตั ใิ นเรอื่ งการ สอดคล้องกับการศึกษาของ เบญจมาศ ทำ�เจริญตระกูล และดล
หย่าเคร่ืองช่วยหายใจ (Weaning) โดยมีบทบาทในการกระตุ้น วิวัฒน์แสนโสม7 ท่ีได้ศึกษาผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล
พยาบาลในเวรใหม้ กี ารประเมนิ ผปู้ ว่ ย และใหก้ ารดแู ลตามแนวทาง เพ่ือป้องกันปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจในแผนก
การหย่าเคร่ืองช่วยหายใจ พยาบาลวิชาชีพคนที่ 2 เป็นผู้นำ� อายุรกรรม พบว่า WHAPO CNPG ช่วยลดอุบัติการณ์และลด
และกระตุ้นเพื่อนร่วมงานในเร่ืองการล้างมือ (Hand hygiene) ความเส่ียงการเกิด EVAP สอดคล้องกับการศึกษาของ สมจิตร
พยาบาลวิชาชีพคนท่ี 3 มีหน้าท่ีเป็นผู้นำ�การปฏิบัติในเรื่องการ พิริยะประภา และคณะ8 ที่ได้ศึกษาการประยุกต์ใช้การปฏิบัติใน
ปอ้ งกันการส�ำ ลัก (Aspiration precaution) โดยการจัดทา่ นอน การป้องกันการติดเช้ือปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วย
ศีรษะสูง และการใส่ลมในกระเปาะท่อชว่ ยหายใจให้อยู่ในระดบั ที่ หายใจ (WHAPO) พบว่า อุบัติการณ์การติดเชื้อปอดอักเสบจาก
เหมาะสม และเพมิ่ บทบาทการปอ้ งกนั การปนเปอื้ นโดยการเปลยี่ น การใชเ้ คร่ืองช่วยหายใจลดลง
วงจรเครื่องช่วยหายใจ (Prevention contamination) ทุกวัน
UT TAR hscr ISSUE 1S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
45
ORIGINAL ARTICLE Health science clinical research Volume 35
January - June 2020
การพัฒนากลยุทธ์การปฏิบัติดังกล่าวมีหัวหน้าหอผู้ป่วย และเปล่ียนอุปกรณ์เคร่ืองช่วยหายใจจนเกิดความม่ันใจจึงนำ�ไป
ผู้ช่วยหัวหน้าหอผู้ป่วย และแกนนำ�การเฝ้าระวังการติดเชื้อ ใช้ เนอ่ื งจากเปน็ กจิ กรรมทอ่ี าจท�ำ ใหเ้ กดิ ภาวะแทรกซอ้ นตอ่ ผปู้ ว่ ย
เป็นผู้ให้คำ�ปรึกษา นิเทศติดตามการปฏิบัติ กระตุ้นให้เกิดการ หรือพยาบาลเกิดความวิตกกังวลจนไม่ปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าว
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำ�ให้อุบัติการณ์การเกิด ควรมีการนิเทศและติดตามการปฏิบัติและให้คำ�ปรึกษาเก่ียวกับ
VAP ลดลง (p=0.907) (ตารางที่ 2) แตย่ งั ไมม่ นี ัยสำ�คญั ขอ้ จำ�กดั วิธีการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ โดยหัวหน้าหอผู้ป่วยหรือหัวหน้าทีม
ของการศึกษาน้ี คือ จำ�นวนผู้ป่วยที่ใช้ในการศึกษามีน้อยทำ�ให้ การพยาบาลอยา่ งตอ่ เนอ่ื งเพอ่ื ใหพ้ ยาบาลปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามแนว
อบุ ตั กิ ารณก์ ารเกดิ VAP ทล่ี ดลงยงั ไมม่ นี ยั ส�ำ คญั ทางสถติ เิ นอ่ื งจาก ปฏิบตั ิอย่างครบถ้วนและถกู ต้อง
อำ�นาจสถติ ิในการทดสอบไมเ่ พยี งพอ อาจมกี ารเกบ็ ขอ้ มูลในกล่มุ กติ ตกิ รรมประกาศ
ผ้ปู ่วยทเี่ พิ่มขึ้นในการศกึ ษาคร้งั ต่อไป คณะผู้วิจัยขอขอบคุณนายแพทย์ทรงวุฒิ ทรัพย์ทวีสิน
ขอ้ เสนอแนะ ผอู้ �ำ นวยการโรงพยาบาลอตุ รดติ ถ์ นางวมิ นต์ วนั ยะนาพร หวั หนา้
เน่ืองจากยังมีปัจจัยอื่นท่ีมีผลต่อการเกิด EVAP งานวิจัย พยาบาล ศ.ดร.นพ.ชยันตร์ธร ปทุมานนท์ ภาควิชาระบาดวิทยา
คร้ังต่อไปควรนำ�ปัจจัยเหล่านั้นมาศึกษาด้วย และการนำ�รูปแบบ คลินิกและสถิติศาสตร์คลินิกศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์
การเป็นผู้นำ�การปฏิบัติการพยาบาลเพ่ือป้องกันปอดอักเสบที่ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ รงั สติ รศ.ชไมพร ทวชิ ศรี และเจา้ หนา้ ท่ี
สัมพันธ์กับเคร่ืองช่วยหายใจ (WHAPO Leader) ไปใช้จะต้อง ผเู้ กยี่ วขอ้ งหอผปู้ ว่ ยอายรุ กรรมหญงิ 2 ทกุ ทา่ นทใี่ หค้ วามรว่ มมอื ใน
อบรมให้พยาบาลทุกคนมีทักษะด้านการทำ�กิจกรรมที่พยาบาล การรวบรวมขอ้ มูลและจดั ท�ำ รายงานวจิ ัยฉบับน้ี
ยังไม่คนุ้ เคย เช่น การทำ� Prevent contamination ในการดแู ล
เอกสารอ้างอิง 6. ธรรมชาติ อินทร์จันทร์ สุภาภรณ์ ด้วงแพง เขมารดี
1. Arabi Y., Al-Shirawi N., Memish Z., Anzueto A. มาสิงบุญ. (2552). ผลของการใช้แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิด
(2008). Ventilator- associated pneumonia in pneumonia ปอดอกั เสบทสี่ มั พนั ธก์ บั การใชเ้ ครอื่ งชว่ ยหายใจตอ่ อบุ ตั กิ ารณป์ อด
in adults in developing countries : A systematic review. อักเสบและระยะเวลาการใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยบาดเจ็บท่ี
International Journal of Infectious Diseases. 521,1- 8. ศรี ษะ. วารสารสภาการพยาบาล. 24, 50 - 63.
2. Diaz LA., Llaurado M., Rello J.,Restrepo MI.(2010). 7. เบญจมาศ ทำ�เจริญตระกูล และดลวิวัฒน์ แสนโสม.
Non pharmacological prevention of ventilator associated (2562). ผลการใชแ้ นวปฏบิ ตั ิการพยาบาลเพื่อป้องกันปอดอักเสบ
pneumonia. Arch Bronconeumol. 46, 188 - 195. ท่ีสมั พนั ธ์กบั เคร่อื งช่วยหายใจในผู้ปว่ ยแผนกอายรุ กรรม. วารสาร
3. Lim. K.P., Kuo, S.W., Ko, W.J., Sheng., W.H., Chang, วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครราชสมี า. 25 (1), 25-42
Y.Y., Hong, M.C. (2013). Efficacy of ventilator associated 8. สมจิตร พิริยะประภาและคณะ. (2557). การพัฒนา
pneumonia care bundle for prevention of ventilator as- รูปแบบการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ของพยาบาลในการป้องกันการ
sociated pneumonia in the surgical intensive care units of เกิดปอดอักเสบท่ีสัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ. วารสารวิจัยทาง
a medical center. Journal of Microbiology, Immunology วิทยาศาสตรส์ ุขภาพ, 8(1), 35-45.
and Infection. 122, 1-6. 9. กลุ่มงานการพยาบาล. (2560). แนวปฏิบัติเพ่ือป้องกัน
4. Cason, C.L., Tyner, T., Saunders, S., Broome, L. การเกิด VAP. กลุ่มการพยาบาล งานควบคุมและป้องกันการติด
(2007). Nurses implementation of guidelines for ventila- เชื้อ โรงพยาบาลอตุ รดติ ถ.์
tor associated Pneumonia from the centers for disease 10. สุจิตรา ลิ้มอำ�นวยลาภ, กาญจนา สิมะจารึก, เพลินตา
control and prevention. American Journal of Critical Care. ศิริปการ, และชวนพิศ ทำ�นอง. (2556). การปฏิบัติการพยาบาล
16, 28 - 38. ผูป้ ่วยผู้ใหญ่ระยะวกิ ฤต. (พิมพ์คร้ังท่ี 8). ขอนแก่น: โรงพิมพค์ ลัง
5. งานเวชระเบียนและสถิติ. (2560). สถิติหอผู้ป่วย นานาวทิ ยา.
อายรุ กรรมหญงิ 2 ระหวา่ งปี 2558-2560. งานเวชระเบยี นและสถติ ิ
โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ กระทรวงสาธารณสุข.
UT TAR hscrS P I TA L ISSUE 1
ISSUE 1
ADIT HO
hscr
46
Health science clinical research Volume 35 ORIGINAL ARTICLE
January - June 2020
A Study of Results Between Running Subcuti-
cular Suture and Interrupted Suture by
Non-absorbable Suture Material in Patients
Receiving Open Reduction Internal Fixation Surgery of
Distal End of Radius in Nongkhai Hospital
Chonlathit Laeatoong
Division of Orthopedic Surgery, Nongkhai Hospital
ABSTRACT
Objective To compare the treatment results between running subcuticular suture and interrupted
suture by non-absorbable suture material in patients receiving open reduction internal fixation surgery
of distal end of radius in Nong Khai Hospital
Methods A retrospective study was conducted in all patients who were diagnosed with fracture distal
end of radius undergoing open reduction internal fixation with plate and screw in Nongkhai hospital
from 1st July 2018 to 30th September 2020. The data were analyzed using chi-Square Test and
independent t-test
Results 103 patients were enrolled in this study, which were running subcuticular suture 51 patients
and interrupted suture 53patients. Running subcuticular suture has the wound evaluation scale higher
than interrupted suture a statistically significant at p<0.05. Running subcuticular suture has area per
length of scar less than interrupted suture a statistically significant at p<0.001. Running subcuticular
suture and interrupted suture were no statistically significant different in length of stay p>0.05.
Running subcuticular suture has the incidence of wound infection less than Interrupted suture but no
statistically significant p>0.05. Running subcuticular suture has limited range of motion less than
interrupted suture but no statistically significant p>0.05. It was found that patients were more
satisfied with running subcuticular suture than interrupted suture a statistically significant at p<0.001.
Conclusions From this research, we found that running subcuticular suture has better results than
interrupted suture included the wound evaluation scale, scar size and satisfaction level. While inter-
rupted suture has the incidence of wound infection, limited range of motion and length of stay slightly
more than running subcuticular but no statistically significant
Keywords Running subcuticular suture, interrupted suture, open reduction internal fixation surgery
of distal end of radius.
UT TARContact : Chonlathit LaeatoongS P I TA L
Address : Division of orthopedic surgery, Nongkhai hospital
Nongkhai Hospital No.1158, Mueang District, Nongkhai Provice, 43000
E-mail : [email protected]
hscr ISSUE 1
ADIT HO
hscr ISSUE 1
47
ORIGINAL ARTICLE Health science clinical research Volume 35
January - June 2020
การศกึ ษาเปรียบเทยี บผลการรกั ษาระหว่างการเยบ็ ปดิ แผลแบบรนั น่งิ สับคิวติคูล่า
และการเย็บปดิ แผลแบบอินเตอร์รับดว้ ยวัสดุเย็บแผลชนดิ ไม่ละลาย ในผ้ปู ว่ ยท่ีได้รับ
การผ่าตดั แบบเปิดบรเิ วณกระดูกขอ้ มือส่วนปลาย ในโรงพยาบาลหนองคาย
ชลธิศ ละเอียดออ่ ง
กลุ่มงานศลั ยกรรมกระดกู และข้อ โรงพยาบาลหนองคาย
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ เพ่ือเปรียบเทียบผลการรักษาระหว่างการเย็บปิดแผลแบบรันน่ิงสับคิวติคูล่าและการเย็บปิดแผลแบบอินเตอร์
รับดว้ ยวัสดุเย็บแผลชนดิ ไม่ละลายในผปู้ ว่ ยท่ีไดผ้ ่าตดั แบบเปิดบริเวณกระดูกขอ้ มือสว่ นปลายในโรงพยาบาลหนองคาย
วธิ กี ารศกึ ษา เกบ็ ขอ้ มลู แบบยอ้ นหลงั ในผปู้ ว่ ยทไี่ ดร้ บั การวนิ จิ ฉยั เปน็ กระดกู ขอ้ มอื สว่ นปลายหกั และไดผ้ า่ ตดั แบบเปดิ ดว้ ย ORIF
with plate and screw ทกุ รายทีโ่ รงพยาบาลหนองคายระหวา่ งวันท่ี 1 กรกฎาคม 2561 ถึง 30 กันยายน 2562 วิเคราะหโ์ ดย
ใชส้ ถิติ Chi-Square Test และ Independent t-test
ผลการศึกษา ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์จำ�นวน 103 รายเย็บปิดแผลวิธี running subcuticular suture 51 ราย และเย็บปิดแผลวิธี
interrupted suture 52 ราย พบวา่ 1. วิธเี ยบ็ ปิดแผลแบบรนั น่งิ สบั ควิ ติคูล่ามคี วามสวยงามของแผลมากกว่าแบบอนิ เตอรร์ ับ
อย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติ (p<0.05 ) 2. วิธีเย็บแผลแบบรันนิ่งสับคิวติคูล่ามีพ้ืนท่ีต่อความยาวแผลเป็นน้อยกว่าแบบอินเตอร์
รับอย่างมนี ยั สำ�คญั ทางสถิติ (p<0.001) 3. วิธีเย็บปิดแผลแบบรันนิ่งสบั คิวติคูลา่ มีระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลน้อยกวา่ แบบ
อินเตอรร์ ับอยา่ งไมม่ ีนัยส�ำ คญั ทางสถิติ (p>0.05) 4. วธิ ีเยบ็ ปดิ แผลแบบรนั นิง่ สับควิ ตคิ ลู า่ มีอัตราการตดิ เช้อื ของแผลน้อยกวา่
แบบอินเตอรร์ ับอย่างไม่มนี ัยส�ำ คญั ทางสถติ ิ (p>0.05 ) 5. วธิ ีเยบ็ ปิดแผลแบบรนั น่งิ สับคิวตคิ ูล่ามีการจ�ำ กัดพสิ ยั การเคลือ่ นไหว
ของข้อมอื นอ้ ยกว่าแบบอนิ เตอร์รับอย่างไม่มนี ัยส�ำ คญั ทางสถิติ ( p>0.05) 6. ผ้ปู ว่ ยมีความพงึ พอใจต่อแผลเปน็ ที่เย็บปิดแผล
แบบรันนงิ่ สบั คิวติคูล่ามากกวา่ แบบอนิ เตอร์รบั อย่างมีนัยส�ำ คญั ทางสถิติ (p<0.001 )
สรุป การเยบ็ ปดิ แผลแบบรนั น่ิงสบั คิวตคิ ูลา่ ใหผ้ ลการรักษาดกี ว่าแบบอนิ เตอรร์ บั ในเรือ่ งความสวยงามของแผล ขนาดของแผล
เป็น และระดับความพึงพอใจ จงึ เป็นอกี หนึ่งทางเลอื กหนง่ึ ในการเยบ็ ปดิ แผลผา่ ตัดบริเวณขอ้ มือทใ่ี ห้ผลการรกั ษาท่ีดี
คำ�สำ�คัญ การเย็บปิดแผลแบบรันนิ่งสับคิวติคูล่า, การเย็บปิดแผลแบบอินเตอร์รับ, การผ่าตัดแบบเปิดบริเวณกระดูกข้อมือ
ส่วนปลาย
ติดตอ่ : ชลธศิ ละเอยี ดอ่อง
สถานทต่ี ดิ ตอ่ : กล่มุ งานศลั ยกรรมกระดกู และขอ้ โรงพยาบาลหนองคาย
โรงพยาบาลหนองคาย 1158 ตำ�บลในเมอื ง อ�ำ เภอหนองคาย 43000
อีเมล์ : [email protected]
hscr ISSUE 1
UT TAR S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
48
Health science clinical research Volume 35 ORIGINAL ARTICLE
January - June 2020
บทนำ� ระเบยี บวธิ วี ิจัย
รูปแบบการวิจัย : Retrospective cohort study (การศึกษา
ปจั จบุ นั อบุ ตั กิ ารณข์ องผปู้ ว่ ยทปี่ ระสบอบุ ตั เิ หตแุ ละมกี ระดกู แบบยอ้ นหลงั )
ขอ้ มอื สว่ นปลายแตกหกั มจี �ำ นวนมาก1,2 โดยผปู้ ว่ ยสว่ นหนงึ่ จ�ำ เปน็ สถานท่ี : แผนกผู้ป่วยนอกศัลยกรรมกระดูกและข้อ
ต้องได้รับการผ่าตัดรักษาโดยการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อทำ�การดาม โรงพยาบาลหนองคาย
ด้วยโลหะดามกระดูก3,4,5 ซึ่งในปัจจุบันการเย็บปิดแผลผ่าตัด ระยะเวลา : 1 กรกฎาคม 2561 ถึง 30 กนั ยายน 2562
บรเิ วณนต้ี อ้ งใชร้ ะยะเวลานานและตอ้ งใชค้ วามประณตี ในการเยบ็ ประชากรทศี่ กึ ษา : ผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ บั การวนิ จิ ฉยั วา่ เปน็ close
ปิด เนอ่ื งจากเปน็ บริเวณท่ีต้องการความสวยงาม มโี ครงสร้างทาง fracture distal end of radius และไดร้ บั การผ่าตดั ORIF with
กายวภิ าคภายในทซ่ี บั ซอ้ น แตผ่ วิ หนงั บรเิ วณนค้ี อ่ นขา้ งบาง มพี นื้ ที่ plate and screw ที่มาทำ�การรักษาท่ีโรงพยาบาลหนองคาย
ในการเย็บคอ่ นขา้ งนอ้ ย และยงั เป็นบริเวณทีม่ ีการเคลือ่ นไหวของ ทกุ คน
ผวิ หนงั คอ่ นขา้ งมาก เพราะอยบู่ รเิ วณใกลข้ อ้ มอื 4 ซง่ึ วธิ กี ารเยบ็ ปดิ กลุ่มตัวอย่างท่ีศึกษา : ผู้ป่วยท่ีได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น
แผลทน่ี ยิ มท�ำ ในปจั จบุ นั คอื แบบ interrupted vertical mattress close fracture distal end of radius และได้รับการผ่าตัด
and horizontal mattress suturing methods6,7,8,9 แตเ่ นอ่ื ง ORIF with plate and screw ท่ีมาทำ�การรักษาท่ีโรงพยาบาล
ด้วยการเย็บแบบ interrupted suture มีข้อเสียคือ ใช้เวลาเย็บ หนองคายทุกคนในระหว่างวันท่ี 1 กรกฎาคม 2561 ถึง 30
แผลนาน7,9,10 ต้องใช้พื้นที่ในการดึงผิวหนังมาติดกันค่อนข้างมาก กันยายน 2562 จำ�นวน 103 คน แบ่งเป็นเพศชาย 40 คน เพศ
ท�ำ ให้มแี รงตงึ บรเิ วณผิวหนังสงู ข้ึน เกิด skin necrosis ได้ง่ายขน้ึ หญิง 63 คน อายุระหว่าง 15–80 ปี โดยเกบ็ ข้อมลู ผู้ป่วยทเ่ี ปน็ ไป
หลงั จากเยบ็ แลว้ แผลจะไมส่ วย มsี urface scarring เกดิ แผลเปน็ ได้ ตามเกณฑ์การคัดเลือกเข้าร่วมงานวิจัยดังนี้ 1. ได้รับการวินิจฉัย
งา่ ยและมขี นาดใหญ7่ ปจั จบุ นั จงึ ไดน้ �ำ เสนอวธิ กี ารเยบ็ ปดิ แผลแบบ เป็น close fracture distal end of radius และไดผ้ า่ ตดั ORIF
ใหมค่ อื running subcuticular suture ดว้ ย non-absorbable with plate and screw ที่โรงพยาบาลหนองคาย 2. ไดร้ ับการ
suture material ซ่ึงมีข้อดีคือเย็บได้เร็วแรงตึงผิวที่แผลน้อย การผา่ ตัดลงมดี เปดิ แผลแบบ volar approach 3. ได้รับการเยบ็
โอกาสเกิด skin necrosis น้อย แผลสวยกวา่ การเยบ็ ปิดแผลแบบ ปดิ แผลแบบ running subcuticular suture 4. ไดร้ บั การเยบ็ ปดิ
ด้ังเดิม8,11 แต่เนื่องด้วยเป็นวิธีใหม่สำ�หรับการเย็บปิดแผลบริเวณ แผลแบบ interrupted suture 5. ต้องได้รับการผ่าตัดมาแล้ว
ข้อมือ การศึกษาถึงผลการรักษาในระยะยาวโดยเฉพาะเรื่องแผล อย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วยออกจาก
เป็นจึงไม่ได้มีการประเมินอย่างชัดเจน ในการศึกษาคร้ังน้ีผู้วิจัย งานวจิ ัย คือ 1. ผู้ป่วยทไ่ี ดร้ ับการวินิจฉัยวา่ เปน็ open fracture
จึงได้ทำ�การศึกษาถึงเรื่องแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัดในระยะ distal end of radius 2. ไม่ได้รบั การเยบ็ ปดิ แผลแบบ running
ยาว คือที่ระยะเวลามากกว่า 6 เดือนหลังผ่าตัด4,12 ซ่ึงเป็นระยะ subcuticular suture และ interrupted suture 3. ผู้ป่วยท่ีมี
เวลาทแ่ี ผลหายด1ี 3 และกระดูกบริเวณที่ผา่ ตัดสามารถตดิ กนั ไดด้ ี โรคประจ�ำ ตวั อนื่ ๆ ทมี่ ผี ลตอ่ การหายของแผลทไี่ มเ่ ปน็ ไปตามปกติ
จนสามารถทำ�กิจวัตรของข้อมือได้ตามปกติ4 นอกจากน้ียังได้ (HIV infection, DM poor control, BMI มากกวา่ 30 kg/m2)
ประเมินเรอื่ งของ พิสยั การเคลือ่ นไหว (range of motion) ของ ตัวแปรทศ่ี ึกษา
ข้อมือ อัตราการติดเช้ือของแผลผ่าตัด ระยะเวลาในการนอน วิธีการเย็บปิดแผลผ่าตัดที่แตกต่างกันท้ังแบบ running
โรงพยาบาล และความพึงพอใจต่อแผลเป็นที่เกิดหลังจากผ่าตัด subcuticular suture และแบบ interrupted suture ในผปู้ ว่ ย
ดว้ ย12,14 close fracture distal end of radius ทีไ่ ด้รับผา่ ตดั ORIF with
วตั ถปุ ระสงค์ plate and screw มีผลการรกั ษาท่แี ตกต่างกนั หรอื ไม่
เพ่อื เปรียบเทยี บผลการรักษาระหวา่ งวธิ ี running subcu-
ticular suture และ interrupted suture ดว้ ย non-absorbable
suture material ในผู้ปว่ ยที่ได้รับการผ่าตดั แบบแบบเปดิ open
reduction internal fixation (ORIF) with plate and screw
บริเวณกระดกู ขอ้ มอื ส่วนปลายในโรงพยาบาลหนองคาย
UT TAR hscr ISSUE 1S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
49
ORIGINAL ARTICLE Health science clinical research Volume 35
January - June 2020
เครื่องมือวิจยั และการวัดผลการศึกษา วันเร่ิมเข้านอนจนถึงวันออกจากโรงพยาบาล 7. อัตราการติดเช้ือ
การศึกษาครั้งน้ีใช้เครื่องมือวิจัยเป็นแบบบันทึกข้อมูล ของแผล (infection rate) 8. ความพึงพอใจเก่ียวกับแผลผ่าตัด
ประกอบด้วย 1) แบบบันทกึ ข้อมลู ท่ัวไป ไดแ้ ก่ เพศ อายุ นา้ํ หนัก (satisfaction level) ตั้งแตร่ ะดับ 0 ถึง 10 โดย 0 คอื ไมพ่ ึงพอใจ
ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย ระยะเวลาในการประเมินแผล 2) แบบ และ 10 คือ พอใจมากที่สุดจากน้ันนำ�ข้อมูลมาทำ�การวิเคราะห์
บันทึกการวัดผลการศึกษาในแต่ละด้าน ได้แก่ความสวยงามของ เปรยี บเทียบผลการรักษาทางสถติ ติ ่อไป
แผล พนื้ ทตี่ อ่ ความยาวของแผลเปน็ การจ�ำ กดั พสิ ยั การเคลอ่ื นไหว การค�ำ นวณทางสถิติ
ของขอ้ มอื อตั ราการตดิ เชอื้ ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล และ สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) เพื่ออธิบาย
ความพึงพอใจ คุณลักษณะส่วนบุคคล เช่น เพศ อายุ นํ้าหนัก ส่วนสูง โดยการ
วธิ กี ารเก็บรวบรวมข้อมูลวิจยั หาจำ�นวน ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานมัธยฐานค่าตํ่า
ผู้วิจัยจะทำ�การเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่ แผนกผู้ป่วยนอก สุดคา่ สูงสดุ
ศัลยกรรมกระดกู และขอ้ ในผู้ปว่ ยทไ่ี ดร้ บั การวินิจฉยั close frac- สถิติเชิงอ้างอิง (Inferential Statistics) ใช้ Chi-Square
ture distal end of radius และไดร้ บั ผา่ ตัด ORIF with plate Test เพือ่ เปรียบเทยี บขอ้ มลู ความแตกต่างของผลการวจิ ยั ในเรือ่ ง
and screw ที่มารบั การรกั ษาทโ่ี รงพยาบาลหนองคายในระหว่าง เพศการจำ�กัดพิสัยการเคล่ือนไหวและอัตราการติดเชื้อส่วน
วนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2561 ถงึ 30 กันยายน 2562 โดยพจิ ารณาจาก Independent t test ใชเ้ พอ่ื เปรยี บเทยี บขอ้ มลู ความแตกตา่ งของ
เกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการและเกณฑ์การคัดเลือก ผลการรกั ษาในเรอ่ื ง ความสวยงามของแผล พนื้ ทต่ี อ่ ความยาวของ
ผปู้ ว่ ยออกจากโครงการดว้ ยวธิ เี กบ็ ขอ้ มลู จากการสบื คน้ เวชระเบยี น แผลเป็น ระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลและระดับความพึงพอใจ
ประวตั ิการรักษา และการสมั ภาษณ์ ที่ OPD โดยใช้แบบฟอรม์ ซ่งึ โดยใช้คา่ p-value ก�ำ หนดระดบั นยั สำ�คัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั 0.05
ประกอบไปดว้ ยข้อมูลท้ัง 8 ส่วน คือ 1. ข้อมูลของลักษณะบุคคล ผลการวจิ ยั
(อายุ เพศ นํ้�ำ หนกั สว่ นสงู โรคประจ�ำ ตัว) 2. ขอ้ มลู เก่ยี วกับการ ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การศึกษาจำ�นวน 103 รายเป็นเพศชาย
ผา่ ตดั (วันทีผ่ ่าตดั วธิ ีการเยบ็ ปดิ แผล ระยะเวลาท่ใี ชป้ ระเมนิ หลัง 40 ราย เพศหญิง 63 ราย โดยกลุ่มท่ีได้รับการเย็บแผลด้วยวิธี
ผ่าตัด) 3. ความสวยงามของแผลโดยใช้ Wound Evaluation running subcuticular suture เป็นชาย 17 คน หญิง 34 คน
Scale 4. ขนาดของแผลเป็นโดยใช้ อัตราส่วนพ้ืนท่ีต่อความยาว รวม 51 คน และวิธี interrupted suture เป็นชาย 23 คน หญงิ
ของแผลเปน็ (area per length) 5. พสิ ยั การเคลอ่ื นไหว range of 29 คน รวม 52 คนซึง่ ทง้ั 2 กลุม่ มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไม่มีนัย
motion (ROM) ของขอ้ มอื ซงึ่ วดั คา่ เปน็ full ROM กบั limit ROM ส�ำ คัญทางสถิติ (p>0.05)
โดยถ้า ROM อยู่ในเกณฑ์ปกติ ให้จัดอยู่ในกลุ่ม full ROM
6. ระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล (length of stay) จะนับต้ังแต่
UT TAR hscr ISSUE 1S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
50
Health science clinical research Volume 35 ORIGINAL ARTICLE
January - June 2020
ตารางท่ี 1 แสดงขอ้ มลู ท่ัวไปของผปู้ ่วย
วธิ กี ารเยบ็ ปดิ แผล
ขอ้ มูล Interrupt suture (n=52) Subcuticular suture (n=51) p-value
Mean Std. Deviation Mean Std. Deviation
อายุ (ปี) 44.60 19.22 53.78 15.55 < 0.05
> 0.05
นา้ํ หนัก (กโิ ลกรัม) 57.85 8.23 55.04 6.63 > 0.05
> 0.05
สว่ นสงู (เซนติเมตร) 161.37 6.15 160.37 5.52 < 0.05
ดัชนีมวลกาย 22.22 3.16 21.41 2.43
ระยะเวลาในการประเมินแผล (เดอื น) 11.04 4.59 13.47 3.67
*p<0.05 is statistically significant
ผูป้ ว่ ยท่ไี ดร้ บั การเยบ็ แผลด้วยวิธี interrupt suture มีอายุ 160.37 เซนติเมตร ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 21.41 ระยะเวลาในการ
เฉลยี่ 44.6 ปี น้าํ หนักเฉลย่ี 57.85 กโิ ลกรัม ส่วนสงู เฉลี่ย 161.37 ประเมนิ แผล เฉลย่ี 13.47 เดอื น พบวา่ ความแตกตา่ งทางดา้ นอายุ
เซนติเมตร ดัชนีมวลกายเฉล่ีย 22.22 ระยะเวลาในการประเมิน และระยะเวลาในการประเมินแผลมีความแตกต่างกันอย่างมีนัย
แผลเฉลยี่ 11.04 เดือน ส่วนวธิ ี running subcuticular suture สำ�คัญทางสถิติ p<0.05 ส่วนนํ้าหนัก ส่วนสูง และดัชนีมวลกาย
มอี ายุเฉลย่ี 53.78 ปี นํา้ หนกั เฉล่ยี 55.04 กโิ ลกรัม สว่ นสงู เฉลย่ี มีความแตกต่างกันอยา่ งไมม่ นี ัยสำ�คญั ทางสถิติ p>0.05
ตารางที่ 2 แสดงถงึ การเปรียบเทยี บความแตกต่างโดยใช้ Independent t-test p-value
วธิ ีการเยบ็ ปิดแผล
ข้อมูล Interrupt suture (n=52) Subcuticular suture (n=51)
Mean Std. Deviation Mean Std. Deviation
ความสวยงามของแผล 5.13 0.76 5.52 0.50 <0.05
<0.001
พ้นื ที่ของแผลเปน็ (ตารางมลิ ลเิ มตร) 181.73 63.37 83.39 34.01 <0.05
<0.001
ความยาวแผลเปน็ (มลิ ลิเมตร) 65.17 11.67 56.74 12.69 >0.05
<0.001
พ้นื ที่ตอ่ ความยาวของแผลเป็น 2.76 0.70 1.47 0.44
ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล (วนั ) 5.50 0.72 5.47 0.78
ความพึงพอใจ 7.69 0.75 8.41 0.77
*p<0.05 is statistically significant
การเปรียบเทียบผลการรักษาระหว่างวิธี running วธิ ี running subcuticular suture มีค่าเฉลี่ยพ้นื ท่ตี ่อความยาว
subcuticular suture และ interrupted suture พบว่าวิธี แผลเปน็ เทา่ กับ 1.47 (SD=0.44) น้อยกวา่ interrupted suture
running subcuticular suture มคี า่ เฉลยี่ ความสวยงามของแผล เท่ากับ 2.76 (SD=0.70) อย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ระดับ
เทา่ กบั 5.52 (SD=0.50) ซงึ่ มากกวา่ interrupted suture เทา่ กบั p<0.001 วิธี running subcuticular suture มีค่าเฉลี่ยระยะ
5.13 (SD=0.76) อย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ระดับ p<0.05 เวลาในการนอนโรงพยาบาลเทา่ กบั 5.47 วนั (SD=0.78) นอ้ ยกวา่
UT TAR hscr ISSUE 1S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
51
ORIGINAL ARTICLE Health science clinical research Volume 35
January - June 2020
interrupted suture เท่ากับ 5.50 วัน (SD=0.72) อยา่ งไม่มีนัย เทา่ กบั 8.41 (SD=0.77) ซงึ่ มากกวา่ interrupted suture เทา่ กบั
สำ�คัญทางสถิติ (p>0.05) และผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่อ 7.69 (SD=0.75) อย่างมีนัยส�ำ คัญทางสถิตทิ รี่ ะดับ p<0.001
แผลเป็นที่เย็บปิดแผลด้วยวิธี running subcuticular suture
ตารางท่ี 3 แสดงถงึ การเปรียบเทยี บความแตกตา่ งโดยใช้ Chi-Square Test p-value
อตั ราการตดิ เช้อื
Interrupt suture (n=52) Subcuticular suture (n=51)
Infection 3 (2.9%) 2 (1.9%) >0.05
Non-infection p-value
49 (47.6%) 49 (47.6%)
>0.05
Limit ROM การจ�ำ กัดพิสัยการเคล่ือนไหวของข้อมือ
Full ROM Interrupt sutu re (n=52) Subcuticular suture (n=51)
19 (18.4%) 14 (13.6%)
33 (32.0%) 37 (35.9%)
*p<0.05 is statistically significant
การเปรียบเทียบผลการรักษาระหว่างวิธี running ดว้ ย non-absorbable suture ถงึ แมจ้ ะมีโอกาสแผลตดิ เช้อื น้อย
subcuticular suture และ interrupted suture พบว่าวิธี กว่า แต่ก็มีข้อเสียคือ ใช้เวลาเย็บแผลนาน10,23 ต้องใช้พ้ืนท่ีใน
running subcuticular suture มอี ตั ราการตดิ เชอ้ื ของแผลเทา่ กบั การดึงผิวหนังมาตดิ กันคอ่ นข้างมาก ท�ำ ให้มีแรงตึงบรเิ วณผวิ หนัง
2 คน (1.9%) ซึ่งน้อยกว่า interrupted suture เท่ากับ 3 คน สงู ขึน้ เกิด skin necrosis ไดง้ ่ายขน้ึ หลงั จากเยบ็ แลว้ แผลจะไม่
สวย มี surface scarring เกิดแผลเป็นได้ง่ายและมีขนาดใหญ6่
(2.9%) อย่างไม่มีนัยสำ�คัญทางสถิติ (p>0.05) และวิธี running ปัจจุบันการเย็บแบบ running subcuticular suture ด้วย
subcuticular suture มกี ารจำ�กัดพสิ ัยการเคล่อื นไหวของขอ้ มือ non-absorbable suture materialสามารถเย็บได้เร็ว skin
เท่ากับ 14 คน (13.6%) น้อยกว่า interrupted suture เทา่ กับ necrosis นอ้ ย แผลสวย แตก่ ารศกึ ษาถงึ ผลการรกั ษาในระยะยาว
19 คน (18.4%) อย่างไม่มีนยั สำ�คญั ทางสถติ ิ (p>0.05 ) ยงั ไมม่ กี ารประเมนิ อยา่ งชดั เจน ในการศกึ ษาครง้ั นผี้ วู้ จิ ยั ไดท้ �ำ การ
วจิ ารณ์ ศึกษาถึงเรื่องแผลเป็นที่เกิดข้ึนหลังการผ่าตัดในระยะยาว คือท่ี
ปจั จบุ นั แพทยส์ ว่ นใหญน่ ยิ มเยบ็ ปดิ แผลผวิ หนงั บรเิ วณขอ้ มอื ระยะเวลา มากกวา่ 6 เดอื น หลงั ผา่ ตดั ซงึ่ เปน็ ระยะเวลาทแ่ี ผลหาย
ดว้ ย absorbablesuture material16 โดยเยบ็ เป็นแบบ running ดีและกระดูกติดกันดีจนสามารถทำ�กิจวัตรของข้อมือได้ตามปกติ
subcuticular suture หลายๆ ทา่ น ใช้ non- absorbable suture นอกจากน้ียังได้ประเมินเรื่องของพิสัยการเคล่ือนไหว (range of
เย็บปิดด้วยวธิ ีการ interrupted vertical mattress หรือ inter motion) ของข้อมือ อัตราการตดิ เชอ้ื ของแผลผา่ ตดั ระยะเวลาใน
rupted horizontal mattress suturing methods16,17 หรือ การนอนโรงพยาบาล และความพงึ พอใจตอ่ แผลเปน็ ทเี่ กดิ หลงั จาก
บางท่านอาจจะเย็บปิดด้วย staple ซึ่งก็เป็นการเย็บแบบ inter ผ่าตัดดว้ ย12,14 โดยในเรือ่ งความสวยงามวดั ผล 2 วิธี คอื wound
rupted รูปแบบหนึ่งซึ่งเย็บได้รวดเร็ว19,20,21,22 แต่มีโอกาสเกิด evaluation scale และ area per length ในสว่ นของ area per
แผลเป็นไม่สวยงาม16,17,18 และมีโอกาสติดเชื้อง่ายหลังจาก length จะมคี วามเหมาะสมมากกวา่ การวดั พน้ื ทขี่ องแผลเปน็ เพยี ง
remove staple23,24,25 การเย็บช้ันผิวหนังด้วย absorbable อยา่ งเดยี ว เนอื่ งจากแผลผา่ ตดั จะมคี วามยาวไมเ่ ทา่ กนั ในแตล่ ะคน
suture material โดยเย็บเป็นแบบ running subcuticular ซ่ึงจะข้ึนอยู่กับความยากง่ายของการผ่าตัดแต่ถ้าใช้พื้นที่ต่อหน่ึง
suture มีข้อดีคือไม่ต้องตัดไหม26 และแผลสวยงาม11,27 แต่ก็มัก หน่วยความยาวก็จะทำ�ให้ได้ค่าท่ีมีความน่าเช่ือถือมากขึ้น ท่ีผ่าน
จะเกิดข้อเสียคือแผลมีโอกาสติดเช้ือมากข้ึน7 และใช้เวลาในการ มามงี านวิจยั ท่มี ขี อ้ มูลสนบั สนนุ ดังน้ี
เย็บแผลค่อนข้างนาน11 ส่วนการเย็บแบบ interrupted suhtusrce r ISSUE 1
ADIT HOUT TARS P I TA L
hscr ISSUE 1
52
Health science clinical research Volume 35 ORIGINAL ARTICLE
January - June 2020
Kurinchi Selvan Gurusamy (2014) ศึกษาการเย็บปิด แตกต่างกันทำ�ให้ผลการหายของแผลอาจจะต่างกันได้ ส่วน
แผลแบบ continuous เทียบกบั เย็บแบบ interrupted ในผปู้ ว่ ย ระยะเวลาในการประเมนิ แผลแมจ้ ะมคี วามแตกตา่ งกนั ในทางสถติ ิ
ทไ่ี มใ่ ช่ obstetric surgery พบวา่ การเยบ็ ปดิ แผลแบบ continuous แต่ในทางคลินิกแล้วการหายของแผลที่ระยะเวลาเกิน 6 เดือนไป
มีการเกิด superficial wound dehiscence น้อยกว่า ในขณะ แลว้ อาจไมแ่ ตกตา่ งกนั ในกลมุ่ ทใ่ี ชว้ ธิ เี ยบ็ ปดิ แผล แบบ interrupted
ที่เรื่อง superficial surgical site infections และ length of suture จะรวมถงึ กลมุ่ ทเ่ี ย็บดว้ ย staple ดว้ ย ซง่ึ เปน็ วธิ กี ารเย็บที่
hospital stay ไมม่ ีความแตกตา่ งกนั อาจจะท�ำ ใหเ้ กดิ แผลเป็นไดม้ ากกว่าการเย็บแบบอ่ืน เพราะวัสดทุ ่ี
Geeta S. Ghag (2016) ศกึ ษาเปรยี บเทยี บผลการรกั ษาดว้ ย ใชเ้ ยบ็ ปดิ แผลเปน็ โลหะทม่ี ขี นาดคอ่ นขา้ งใหญเ่ มอ่ื เทยี บกบั nylon
การเยบ็ ปดิ แผลดว้ ยวธิ ี stapled closure, subcuticular closure ทใี่ ชเ้ ยบ็ แผลบรเิ วณขอ้ มอื ทมี่ ขี นาดเลก็ กวา่ มาก ดงั นน้ั ผลการรกั ษา
และ simple closure ในผู้ปว่ ยผา่ ตดั inguinal hernia ซง่ึ พบว่า โดยรวมในกลุ่มทีเ่ ยบ็ ปิดแผล แบบ interrupted suture อาจจะ
subcuticular closure มแี ผลเป็นน้อยและเจ็บบรเิ วณแผลผา่ ตดั ถูกดึงให้ได้ผลการประเมินที่ต่ํากว่าความเป็นจริง เน่ืองจากการ
น้อยที่สุด ส่วน stapled closure เย็บได้เร็วสุด และมี wound ศึกษาน้ีทำ�การศึกษาในส่วนของคนไข้ท่ีมีกระดูกแตกหักที่ข้อมือที่
complications นอ้ ยสุด ได้รับการผา่ ตดั รักษา ซึ่งมรี ะดบั ความรนุ แรงและความยากง่ายใน
P Valenzuela (2009) ศกึ ษาเปรียบเทยี บการเยบ็ ปดิ แผล การผ่าตัดแตกต่างกัน ดังน้ันการที่จะประเมินเรื่องความสวยงาม
แบบ continuous suture กับ interrupted sutures พบว่า ของแผลหลงั จากการผา่ ตดั ตลอดจนเรอื่ งของพสิ ยั การเคลอ่ื นไหว
การเย็บปดิ แผลแบบ continuous suture เยบ็ ได้เร็วกวา่ และใช้ ของข้อมือ อัตราการติดเชื้อของแผลผ่าตัดและระยะเวลาในการ
วสั ดเุ ยบ็ แผลในปรมิ าณนอ้ ยกวา่ ในขณะที่ incidence ของการเกดิ นอนโรงพยาบาล จึงขึ้นกับปัจจัยของการแตกหักของกระดูกและ
pain และ complication ไม่มคี วามแตกตา่ งกนั วธิ กี ารผ่าตัดรักษาด้วยอีกทงั้ ผู้ป่วยทีเ่ ขา้ เกณฑ์การศกึ ษาไดร้ ับการ
จากงานวจิ ยั นผ้ี ลการประเมนิ เพอ่ื เปรยี บเทยี บความแตกตา่ ง รักษาจากแพทย์หลายท่าน ซึ่งมีความชำ�นาญในการเย็บปิดแผล
ของทั้ง 2 วิธีพบวา่ การเยบ็ ปดิ แผลแบบ running subcuticular ไม่เหมือนกันจึงอาจทำ�ให้ข้อมูลที่ได้มามีความไม่แน่นอนเรื่องของ
suture ให้ผลลัพธ์ดีกว่าแบบ interrupted suture ในเร่ืองของ ความชำ�นาญส่วนบุคคลซึ่งอาจจะทำ�ให้ข้อมูลบางอย่างเกิดความ
ความสวยงามของแผล พนื้ ท่ตี ่อความยาวของแผลเป็น และระดบั ลำ�เอยี งได้ และในสว่ นระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล จะมีปจั จยั
ความพึงพอใจ โดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติ เร่ืองของโปรแกรมการกายภาพหลังผ่าตัดมาเกี่ยวข้องด้วยซ่ึงจะมี
ท่ีระดับความเช่ือม่ัน 95% (p<0.05) แต่เร่ืองของอัตราการติด ผลท�ำ ใหร้ ะยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลอาจจะไมส่ ามารถน�ำ มา
เช้ือของแผลผ่าตัด การจำ�กัดพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อมือ และ อา้ งองิ ถงึ คณุ ภาพในการผา่ ตดั ได้ การประเมนิ ระดบั ความพงึ พอใจ
ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลน้ัน พบว่าการเย็บปิดแผลแบบ เป็นการประเมินในภาพรวมท้ังหมดทั้งในด้านของความสวยงาม
interrupted suture มีมากกว่าแบบ running subcuticular และความสามารถในการใชง้ านไดข้ องขอ้ มอื ดว้ ย ซงึ่ ผทู้ ม่ี อี ายนุ อ้ ย
suture เล็กน้อย แต่ไม่พบความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำ�คัญทาง อาจจะให้ความส�ำ คญั กบั เรอ่ื งความสวยงามมากกว่าผสู้ ูงอายุ
สถิติ วิธีการเยบ็ ปดิ แผลผ่าตดั แบบ running subcuticular su-
ture ดว้ ย non-absorbable suture material สามารถเป็นทาง สรุป
เลอื กหนงึ่ ในการเยบ็ ปดิ แผลผา่ ตดั บรเิ วณขอ้ มอื ได้ นอกจากนยี้ งั น�ำ การเย็บปิดแผลแบบrunning subcuticular suture ให้
ไปประยกุ ต์ใชก้ บั แผลผา่ ตัดบริเวณอ่ืนๆ ในทางออร์โธปดิ กิ สไ์ ด้ใน ผลการรักษาดีกว่าแบบ interrupted suture ในเร่ืองของความ
การวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไปเพอ่ื ตอ่ ยอด ควรเกบ็ ขอ้ มลู จากแพทย์ ในหลายๆ สวยงามของแผลขนาดของแผลเป็น และระดับความพึงพอใจของ
โรงพยาบาลและควรกระจายให้ได้จำ�นวนใกล้เคียงกัน มีการแบ่ง ผปู้ ว่ ย โดยมคี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั ส�ำ คญั ทางสถติ ิ แตใ่ นเรอื่ ง
กลุ่มย่อยในเรื่องของความรุนแรงของการแตกหักของกระดูกท่ี ของอัตราการตดิ เช้อื ของแผลผา่ ตัด การจำ�กัดพิสยั การเคล่อื นไหว
แตกตา่ งกันมาวิเคราะห์ ซึ่งจะทำ�ใหไ้ ดผ้ ลลัพธท์ ีถ่ ูกตอ้ งมากขนึ้ ของขอ้ มือ และระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลนนั้ ไม่พบความ
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติ ดังนั้นการเย็บปิดแผลแบบ
ขอ้ จำ�กดั ของงานวิจัย running subcuticular suture ด้วย non-absorbable suture
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาข้อมูลแบบย้อนหลัง ทำ�ให้ไม่ material จึงเป็นอีกหน่ึงทางเลือกหนึ่งในการเย็บปิดแผลผ่าตัด
สามารถควบคุมปัจจัยท่ีเก่ียวข้องได้ข้อมูลผู้ป่วยด้านอายุท่ีมีความ บรเิ วณข้อมือทใี่ ห้ผลการรักษาท่ีดี และผูป้ ่วยพงึ พอใจ
hscr ISSUE 1
UT TAR S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
53
ORIGINAL ARTICLE Health science clinical research Volume 35
January - June 2020
ภาคผนวก
วธิ กี ารเย็บปดิ แผลแบบ Running Subcuticular Suture by non-absorbable suture material
12 3
4แผลผ่าตแดั ลกะอ่ ชน้ันเยfบ็ asชc้ันiamuscle แผ5ลผ่าตดั หลงั จาก เยบ็ ชั้น muscle โด6เรยม่ิ ตเักยเบ็ขจม็ าจกาดก้าsนkนinอกทแะผลลุ sผk่าinตัดใกนอ่แนนว
44
ชน้ั fascia และชั้น subcuticular vertical ห่างขอบแผลประมาณ
บางส่วน 0.5 cm ผูกปมไว้
55 66
7 85 9
4 6
ตักเ7ขม็ จากใหs้โkผinลม่ทาะทลมี่ ุ sมุ uแbผcลutaneous แจ8บาบกนRัน้unเรnิม่inเยgบ็ sชu้ันbcsuutbiccuultaarnseuotuurse su9bเcมuอ่ื tถicึงuขlอarบใแหผท้ละใลหุ ้ตskักinเข็มระจยากะห่าง
จนถึงขอบแผลอกี ด้าน ขอบแผลประมาณ 0.5 cm จากนน้ั ดึง
ไหมอีกรอบในแนวตามยาวของแผล
เพ่อื กระชับขอบแผลให้ชิดกนั
1.7แผลผา่ ตดั ก่อน7เยบ็ ชนั้ muscle และชนั้ fa8scia 8 99
2.แผลผา่ ตดั หลงั จาก เยบ็ ชนั้ muscle ชนั้ fascia และชนั้ subcuticular บางสว่ น
3.เริ่มเยบ็ จากด้านนอกแผลผา่ ตดั กอ่ น โดยตกั เข็มจาก skin ทะลุ skin ในแนว vertical หา่ งขอบแผลประมาณ 0.5 cm
ผกู ปมไว้
41.ตแผกั ลเขผ็มา่ จตาดั กกs่อkนเiยnบ็ ทชะนั้ลmุ subscluet aแลnะeชoนั้ fuass cใหia้โผ ลม่ าที่มมุ แผล
25.จแาผกลนผนัา่้ ตเรดั ิ่มหเลยงับ็ จชานั้กsเยuบ็ bชcนั้umtaunsecoleu sช นัแ้ fบaบsRciuan nแลinะชgนั้ ssuubbccuuttiiccuullaarr sบuาtงuสว่rนe จนถงึ ขอบแผลอีกด้านUT TARS P I TA L
36.เรมิ่มื่อเถยงึ บ็ ขจอาบกแดผ้าลนในหอ้ตกกัแเผขลม็ ผจา่ าตกดั sกu่อbนcโดuยtตicกั uเขlม็ aจrา กใหs้ทkะiลnุ s ทkะinลุ sรkะยinะห ใา่ นงแขนอวบแvผeลrปtรicะaมาl ณหา่ 0ง.ข5อcบmแผ ลจปากระนมนั้ าดณงึ ไ0ห.5มอcีกm
ใผ46รร7589ต123นออ...กู..กั ตเจแแเแบบกแมปรเานกัผขผ่ิผมอ่ใใื่อมกเม็วลนนลลนเขถนไยจผแแผผvว็มทงึ นัาบ็า่้นน้าe่ขา่่ีจจกตจตrววตอเะาtรดัาตตดัsบดiักผ่ิมcกkกาาหหแกใูaiเsดมมอ่หnยลผlปลk้านยย้แบ็งลังเัมทนพiนจเาาจชnยใะในววา่ือน่าหนัหลบ็้ ขขกอเก้ดทุ้ยตออsกsชเงึบ็จะกัkงงuยแนัไล้ดัผแแiเบห็nผขbmุกูผผstมลม็ ชอปcลลeukผใจuนีกัมu้หาเเi่nาbคพพsไn้แตtmกหsรccื่ื่ออaน ดััง้มiอsulกก่นnouกeีuกรรtพอ่ ensะะ คabนแอcชชoร nลทcขังบบััl้โueะอดี่uแeขขใชงผs ยนออotชนแั้ล ตแiบบนแัผufcก้กกนัทแแแaบfลอ่usรเว�ำผผผaขบsในะ ใlลลลหvใs็มหcจaทกRหใใมceาจ้แi่จีrหหร้aโย่uiาผ ะrะ้้ผขชชaใก ลผtจnอลtิิดดห hชiูกาeบs ม่้กกทcnแดิยจปknาแนนััaะsลกงึiมทผtinลผcslนัะenใี่ มลูกุหiชgทnเsro จพมุปนัด้sทk้ัง ้ ะsแ่ืมniอแงึoะisเไผuเไนnรล nหยuหีไยลวIbุ บ็ดมSมsไbบรแ้ดใcพSผะkผชหc้พยuกูUอลiิดแ้unะอปดtEตนจหดt มีiิดท่นาใciีา่ ไ1cนกทกพี่จuงหนuแนจี่ัขะอมlนั้นะอทaทlใจaวบําห่ีrาใrแ้ vแกหs ผนนeบ้แuลน่นัาrผ้ ปtงปtลuรสิiแดชแcะว่rผิดแผมaeนลผกลาlผ ลนใั ณจ่าหหจตทนตมา่าา0งัถดั้งก่มแ.ขงึหข5นนปขออลัน้cวอกบบังปแmบตจแแดิผาแิผผแลก ผลลจผลจจจปาละอาดักรตเีกะนราtดนมยีนeมั้ ้าบนัาnป้ ดนณชจsกงึiิดงึoตไผ0ตnหิ ก.ูิดม5ขปกออcันมีกงmไห ม
789ผ45...กูตตจกแปกัากัผอ่ มกเเลนขขนไผ็มทวม็ นั ้้า่ี่จจตะาเารดักผกิ่มหกู sเsลปยkkงบ็ัมiiจnชใnาหนั ้ ก้ดททsงึจะะuไลดัลหbุุstมscekuใuหinbn้แtscนa iอuน่onีกพtneคaอร onทขัง้ uอี่แeใงผนsoแลแ ผแuกนลบรsวใะบ หvจใADRหมIาeT ้Hโย่uOrขผtอtnลiheบม่cnnแาasiผทnslc ล่ีมiเg5oจพrมุ 4ะื่nอsแเเผuร ยีไยลIbบ็ดSบ้พผcSชกูอuUิดปดตtEมีiิดทcไก1ี่จหuนัะมlทaใจําหาrใ้แก หsนน้แu่นนัผ้ tปลuิ ดชrิดแeผก ลนั จตทนางั ถ้ มแงึ นปขวกอแตบผิแลผลจาอกีกนด้นัา้ นจงึ ผกู ปมไหม
6.เม่ือถงึ ขอบแผล ให้ตกั เข็มจาก subcuticular ให้ทะลุ skin ระยะหา่ งขอบแผลประมาณ 0.5 cm จากนนั้ ดงึ ไหมอีก
ORIGINAL ARTICLE Health science clinical research Volume 35
January - June 2020
เอกสารอา้ งองิ 11. Shwetha B R, Rema V Nair, Janaki Thankam M
1. The American Academy of Orthopaedic Pillai, Prashant V Solanke. Comparison between
Surgeons. Distal Radius Fractures (Broken Wrist) [Inter- interrupted vertical mattress suture versussubcuticular
net].2013[cited2020Apr1].Availablefrom:https://web. suture for skin closure in caesarean section at SMIMS.
archive.org/web/20170702084652/http://www.orthoinfo. International Journal of Research & Review.2016;3:33-36.
aaos.org /topic.cfm?topic=A00412. 12. Goto S, Hida K, Furukawa TA, Sakai Y. Subcu-
2. MacIntyre NJ and Dewan N. Epidemiology of ticular sutures for skin closure in non-obstetric surgery.
distal radius fractures and factors predicting risk and Cochrane Database of Systematic Reviews 2016.
prognosis.The Journal of Hand Surgery. 2016;29:136-145. 13. Anil K. Bhat, Nachiketa Kamleshbhai Parikh,
3. Alluri RK, Hill JR, Ghiassi A.Distal radius fractures: Ashwath Acharya. Orthopaedic surgical site infections: A
approaches, indications, and techniques.J Hand Surg Am. prospective cohort study. Canadian Journal of Infection
2016;41:845-854. Control.2018;33:227-229.
4. Charles M., Court-Brown, James D. Heckman, 14. Cirocchi R et al.Staples versus sutures for surgical
Margaret M. McQueen, William Ricci, PaulTornetta. wound closure in adults.Cochrane Database of System-
Rockwood and green’s fractures in adults. Vol. 2. 8th atic Reviews. 2014.
ed. Philadelphia: Wolters Kluwer Health; 2015. 15. Jamevs V. Quinn. An Assessment of clinical
5. American Academy of Orthopaedic Surgeons. wound evaluation scales. Aca Emerg Med.1998;5:583-
The treatment of distal radius fractures guideline and 586.
evidence report. Road Rosemont: The American Acade- 16. Ali A. Saalabian, Jennifer M. Covi, Raymund E.
my of Orthopaedic Surgeons;2009. Horch. A review on wound closure techniques. Journal
6. Thomas J.Zuber. The Mattress Sutures: Vertical, of Wound Technology.2011;14:10-14.
Horizontal,and Corner Stitch. Am Fam Physician. 17. Shantz et al. Sutures versus staples for wound
2002;66:2231-2236. closure in orthopaedic surgery: a randomized controlled
7. Geeta S. Ghag , Kamal S. Shukla , Ankur Karanjkar, trial. BMC Musculoskeletal Disorders.2012,13:89.
Dhirajkumar B. Shukla. A comparative study of stapled 18. Slade Shantz et al. Sutures versus staples
Vs subcuticular Vs simple interrupted closure of inguinal for wound closure in orthopaedic surgery: a pilot
hernia incision. Journal of Dental and Medical Sciences. randomized controlled trial. Patient Safety in Surgery
2016;15:97-105. 2013;7:1-6.
8. Andrew Hsu and Benjamin C. Taylor. Distal radius 19. Chaudhary et.al. Randomized controlled trial
fracture ORIF [Internet]. 2017 [cited2020Apr1]. Availa- comparing outcome of use of staples and nylonsutures
blefrom: https://www.orthobullets.com/trauma/12074/ for closure in elective orthopedic surgery. Health Renais-
distal-radius fracture-orif. sance.2015;13:137-143.
9. Closing the gap. Running Subcuticular Suturing[In- 20. Kathare SS, Shinde ND. A comparative study of
ternet]. 2013[cited2020Apr1]. Available from: https:// skin staples and conventional sutures for abdominal skin
lacerationrepair.com/techniques/advanced-wound-clo- wound closures. Int Surg J.2019;6:2168-2172.
sure-techniques/running-subcuticular-suturing/. 21. R.J.K.Khan et al. A comparison of three methods
10. Kudur MH, Pai SB, Sripathi H, Prabhu S. Sutures of wound closure following arthroplasty. J Bone Joint
and suturing techniques in skin closure. Indian J Dermatol Surg [Br].2006;88:238-242.
Venereol Leprol.2009;75:425-434.
UT TAR hscr ISSUE 1S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
55
Health science clinical research Volume 35 ORIGINAL ARTICLE
January - June 2020
22. Basit A, Abbasi SH, Haider S, Kiani YM, Shah 25. Toby O Smith. Sutures versus staples for
FH. To compare outcomes of stainless skin staples and skin closure in orthopaedic surgery: meta-analysis.
polypropylene sutures for skin closure in clean elective BMJ.2010;340:c1199.
surgeries. Isra Med J.2018;10:32-35. 26. Gurusamy KS, Toon CD, Allen VB, Davidson BR.
23. Ian Stockley. Skin closure using staples and Continuous versus interrupted skin sutures for non-ob-
Nylon sutures: a comparison of results. Annals of the stetric surgery. Cochrane Database of Systematic Reviews
Royal College of Surgeons of England.1987;69:76-78. 2014.
24. AA Shetty, VS Kumar, C Morgan-Hough, GA 27. Seyed Mohammad Reza Javadi et al. Comparison
Georgeu, KD James, JE Nicholl. Comparing wound of subcuticular and interrupted suturing methods for skin
complication rates following closure of hip wounds closure after appendectomy: A randomized controlled
with metallic skin staples or subcuticular vicryl suture: trial. Iran Red Crescent Med J.2018;20:1-5.
A prospective randomised trial. Journal of Orthopaedic
Surgery.2004;12:191–193.
UT TAR hscr ISSUE 1S P I TA L
ADIT HO
hscr ISSUE 1
56