ประเภทตี โรงเรียนมัธยมป่ากลาง เครื่องดนตรีไทย
ส า ร บั ญ เ รื่ อ ง คำ นำ ร ะ น า ด เ อ ก ฆ้ อ ง ว ง ใ ห ญ่ บั ณ เ ฑ า ะ ว์ เ ปิ ง ม า ง ค อ ก ขิ ม ฉ า บ ห น้ า ก123-456-78
คำ นำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ดนตรี และนาฏศิลป์เป็นกลุ่มสาระที่จะช่วย พัฒนานักเรียนทั้งทั้ด้าน ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอด จนนำ ไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต ของนักเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนมี ความเชื่อมั่นมั่ ในตนเอง ผู้จัดทำ ตระหนักในความสำ คัญดังกล่าว จึงจัดทำ เอกสารประกอบ การเรียน ดนตรีไทย ชั้นชั้มัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เครื่องดนตรีไทย ประเภทเครื่องตีเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน ทั้งทั้นี้นักเรียนสามารถ ใช้ในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ศึกษารายละเอียดเนื้อหา เอกสาร ประกอบการเรียนและเพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ เกิด ทักษะในการฝึกปฏิบัติ ตระหนักและเห็นคุณค่าของดนตรีไทย ขอขอบพระคุณครูจิรายุ จันทร์เพ็ง ที่ให้คำ ปรึกษาและแนะนำ ในการ จัดทำ เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้จนเสร็จ ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า เอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดการเรียนการสอน ช่วยให้นักเรียนได้รับความรู้ มีทักษะช่วยพัฒนานักเรียนให้มี คุณลักษณะอันพึงประสงค์และนำ ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิต ประจำ วันได้เป็นอย่างดี คุณค่าของเอกสารประกอบการเรียนดนตรีไทย นี้ขอมอบ แด่พ่อ แม่ ลุง ป้า ครูอาจารย์ ที่ได้สั่งสั่สอนอบรมผู้จัดทำ และ เพื่อนพี่น้องทุกคน ที่ทำ ให้การจัดทำ เอกสารประกอบการเรียนดนตรี ไทยสำ เร็จลุล่วงไปด้วยดี ก
ระนาดเอก ประวัติ ระนาดเอกเป็นเครื่องตีชนิดหนึ่ง ที่วิวัฒนาการมาจากกรับ แต่เดิมคงใช้กรับสอง อันตีเป็นจังหวะ ต่อมาก็เกิดความคิดว่า ถ้าเอากรับหลาย ๆ อันวางเรียงราดลงไป แล้วแก้ไขประดิษฐ์ให้มีขนาดลดหลั่นลั่กัน แล้วทำ รางรองอุ้มเสียง และใช้เชือกร้อยไม้ กรับขนาดต่าง ๆ กันนั้นนั้ ให้ติดกัน และขึงไว้บนรางใช้ไม้ตีให้เกิดเสียง นำ ตะกั่วกั่ผสม กับขี้ผึ้ขี้ ผึ้งมาถ่วงเสียงโดยนำ มาติดหัวท้ายของไม้กรับนั้นนั้ ให้เกิดเสียงไพเราะยิ่งขึ้น เรียกไม้กรับที่ประดิษฐ์เป็นขนาดต่างๆกันนั้นนั้ว่า ลูกระนาด เรียกลูกระนาดที่ผูกติด กันเป็นแผ่นเดียวกันว่า ผืน ระนาดเอกใช้ในงานมงคล เป็นเครื่องดนตรีที่เป็นมงคล ในบ้าน บรรเลงในวงปี่พาทย์และวงมโหรี โดยระนาดเอกนี้ทำ หน้าที่เป็นผู้นำ วง ดนตรี ตีตรงกลางลูกระนาด วิธีการเล่น การเคลื่อนของมือ โดยที่มือซ้ายและมือขวาต้องอยู่ในแนวขนานกัน ตำ แหน่ง ของหัวไม้อยู่กึ่งกลางลูกระนาด และเอียงตามทิศทางของผืนระนาด การยกไม้ เสียง ของระนาดเอกจะดังมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับพลังในการตี ควรยกไม้ระนาดให้สูงจาก ผืนระนาดประมาณ 6 นิ้วสำ หรับตีฉาก และ 2 นิ้วสำ หรับตีสิม น้ำ หนักมือ ต้องลงน้ำ หนักของมือซ้ายและมือขวาให้เท่ากัน การเก็บรักษา ปลดเชือกคล้องหูระนาดข้างซ้ายมือลงข้างหนึ่ง ใช้ผ้าคลุม กันฝุ่นจับ ถ้าเลิกใช้ งานโดยถาวร ควรม้วนผืนระนาดเก็บ การม้วนผืนระนาดควรหาผ้ารองหลังผืน ระนาดเพื่อป้องกันการเกิดริ้วริ้รอย หากตะกั่วกั่หลุด ควรติดให้อยู่ในสภาพเดิม หากผ้า พันไม้ตีหลุด ให้รีบพันไว้อย่างเดิม ป้องกันลูกระนาดแตก 1
ฆ้องวงใหญ่ ประวัติ ฆ้องวงใหญ่ เป็นเครื่องดนตรีที่วิวัฒนาการมาจากฆ้องรางของอินโดนีเซีย สันนิษฐานว่ามีมาตั้งตั้แต่สมัย สุโขทัย ส่วนประกอบของฆ้องวงใหญ่ประกอบ ด้วยลูกฆ้องและวงฆ้อง ลูกฆ้องมี 16 ลูกทำ จาก ทองเหลือง เรียงจากลูกเล็ก ด้านขวา วงฆ้องสูงประมาณ 24 เซนติเมตร ใช้หวายโป่งทำ เป็นราง ให้หวายเส้น นอกกับเส้นในห่างกัน 14-17 เซนติเมตร ใช้หวาย 4 อัน ด้านล่าง 2 อันขดเป็น วงขนานกัน เว้นที่ไว้ให้นักดนตรีเข้าไปบรรเลง วิธีการเล่น 1. ต้องตีให้หน้าไม้ตีตั้งตั้ฉากกับลูกฆ้อง 2. ตีถูกตรงกลางปุ่มฆ้องใหเ้ต็ม 3. ใช้ข้อมือและกล้ามเนื้อแขนเป็นหลัก 4. ยกไม้ตีให้สูงพอควร 5. ขณะบรรเลงควรหมุนหน้าไม้ตีเพื่อไม่ให้หัวไม้ตีเสียรูปทรงและทำ ได้ ถูกกาละเทศะ 6. ขณะเตรียมปฏิบัติห้ามใช้ข้อศอกท้าวไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของวงฆ้อง การเก็บรักษา 1. เวลาเก็บให้วางราบกับพื้น ไม่ควรวางตั้งตั้จะทำ ให้วงฆ้องหักเร็ว แล้วใช้ผ้า คลุมให้เรียบร้อย 2. ระวังอย่าให้น้ำ ถูกเชือกแขวนลูกฆ้อง 3. หากตะกั่วกั่ถ่วงลูกฆ้องหลุด ต้องติดให้เรียบร้อย 2
บัณเฑาะว์ ประวัติ บัณเฑาะว์ บ้างเรียก ปงปัง เป็นเครื่องดนตรีประเภทกลองจากอินเดีย มี ลักษณะหัวและท้ายใหญ่ ตรงกลางคอด ขนาดประมาณ 15 เซนติเมตร ใช้เชือกผูก กับลูกตุ้ม กลองชนิดนี้ไม่ได้ตีด้วยไม้หรือมือ แต่ใช้มือถือพลิกข้อมือกลับไปกลับมา ให้ลูกตุ้มที่ปลายเชือกกระทบหนังหน้ากลองทั้งทั้สองด้าน ชื่อบัณเฑาะว์ มาจากคำ บาลีว่า "ปณวะ" ในอินเดียเรียกว่า "ฑมรุ" ( อักษรเทว นาครี डमरू; ḍamaru) เป็นเครื่องดนตรีที่พบเห็นในหัตถ์ขวาของ พระศิวะ ในประเทศไทย บัณเฑาะว์ใช้เป็นเครื่องให้จังหวะในการบรรเลงประกอบ "ขับไม้" ในงานพระราชพิธี เช่น ขับกล่อมสมโภชพระมหาเศวตฉัตร สมโภชพระยา ช้างเผือกและช้างสำ คัญ เรียกว่า "ขับไม้บัณเฑาะว์" โดยอาจใช้บัณเฑาะว์ลูกเดียว หรือใช้บัณเฑาะว์ 2 ลูก ไกวพร้อมกันทั้งทั้สองมือ วิธีการเล่น การตีบัณเฑาะว์ ไม่ได้ใช้มือหรือนิ้วตีให้เกิดเสียง แต่ต้องวางส่วนที่คอดของ หุ่นบัณเฑาะว์ ลงในอุ้งมือแล้วใช้นิ้วช่วยประคองไว้ ชุดหนึ่งจึงมีบัณเฑาะว์สำ หรับ มือขวาและมือซ้าย รวมเป็นสอง ใช้วิธีไกวพร้อมกันทั้งทั้สองข้าง โดยยื่นมือทั้งทั้สอง ออกไปข้างหน้า เสมอระดับอก เคลื่อนมือทั้งทั้สองข้างให้เป็คู่ขนานกันไปในท่าไกว ไปซ้ายแล้วย้ายมาขวา เวียนคล้ายเลข 8 (อารบิก) ตามแนวนอนขนานกับพื้น ให้ ตุ้มที่ผูกปลายเชือกนั้นนั้กระทบกับหน้ากลองเป็นจังหวะ ผู้ที่มีความชำ นาญจะไกว บัณเฑาะว์พร้อมกันทั้งทั้สองมือ จะได้ยินเสียงที่ลูกตุ้มทั้งทั้สองข้างกระทบหน้ากลอง พร้อมกันอย่างไพเราะ 3
การเก็บรักษา 1. ควรเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นน้อย 2. เครื่องหนังบางชนิด เช่น ตะโพน กลองทัด ควรแกะข้าวที่ใช้ถ่วงหน้าล้าง ให้สะอาด 3. กลองบางอย่าง เช่น กลองมลายู ควรลดสายที่เร่งเสียงให้หน้าหย่อน 4
เปิงมางคอก ประวัติ จากส่วนประกอบที่มีลูกเปิงมาง 7 ใบและคอกใส่ลูกเปิงมาง 1 คอก จึงเรียก เครื่อง ดนตรีชนิด นี้ว่า เปิงมางคอก แต่เดิมเป็นเครื่องดนตรีของชาวมอญ เล่นใน วงปี่พาทย์มอญ ภายหลังชาวไทยนิยม นำ มา บรรเลง โดยมีการรับอิทธิพลนี้มา ตั้งตั้แต่สมัยอยุธยา วิธีการเล่น 1. ตีทีละลูก คือใช้มือทั้งทั้สองตีลงบนหน้าเปิงแต่ละลูก โดยใช้มือซ้ายตีทาง ด้านเสียงต่ำ และมือขวาตีทางด้านเสียงสูงตีแล้วเปิดมือเพื่อให้เสียงดังกังวาน 2. ตีรัว คือการตีด้วยมือทั้งทั้สองลงที่ลูกเปิงด้วยความเร็ว เรียงจากสูงไปหาต่ำ และ จากต่ำ ไปหาสูง 3. ตีเสียงป๊ะ คือการตีด้วยมือ (ส่วนมากเป็นมือขวา) ลงที่เปิงมางลูกใดลูก หนึ่งด้วย กำ ลังแรง ตีแล้วห้ามเสียงโดยกดแนบฝ่ามือชิดติดกับหน้าหนัง การเก็บรักษา 1. ควรเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นน้อย 2. เครื่องหนังบางชนิด เช่น ตะโพน กลองทัด ควรแกะข้าวที่ใช้ถ่วงหน้า และ ล้างให้สะอาด 3. กลองบางอย่าง เช่น กลองมลายู ควรลดสายที่เร่งเสียงให้หน้าหย่อน 5
ขิม ประวัติ ขิมนั้นนั้จัดเป็นเครื่องดนตรีที่มีความสวยงาม และมีความไพเราะอย่างมาก โดยตัวเครื่องดนตรีนั้นนั้มีลักษณะคล้ายกับพระจันทร์ครึ่งซีก ถือเป็นเครื่องดนตรี ที่มีถิ่นกำ เนิดจากประเทศจีน ที่เพิ่งมีการนำ เข้ามาในประเทศไทยจากพ่อค้าช่า วจีนในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะการเจริญทางการค้า และวัฒนธรรมของจีนที่ เข้ามามีบทบาทอย่างมากในไทย รวมถึงคนจีนที่เริ่มมาตั้งตั้รกรากใน ประเทศไทยจำ นวนมาก ขิมจึงถูกนำ เข้ามาใช้ในการบรรเลงในงานแสดง เฉลิม ฉลอง หรือช่วงเทศกาลต่าง ๆ วิธีการเล่น วิธีการบรรเลงโดยเริ่มที่การจับไม้ตีขิม จับโดยใช้นิ้วชี้แตชี้ะตรงส่วนล่างของ ไม้ตีขิม และนำ นิ้วหัวแม่มือมาวางตรงด้านบนของไม้ตีขิม แล้วนำ นิ้วที่เหลืออีก 3 นิ้วมาจับประคองไม้ตีขิมทางด้านล่าง เมื่อเวลาจะเริ่มตีปฏิบัติโดยใช้ข้อมือ ขึ้น และ ลง ไป - มาสลับ ซ้าย และ ขวา โดยให้ลักษณะของปลายไม้จะมีการก ระดก ขึ้น - ลง อยู่ภายในอุ้มมือของผู้บรรเลง เวลาบรรเลงนั่งนั่พับเพียบหลังขิม ลำ ตัวและใบหน้าตรง ตามองมุมต่ำ 6
การเก็บรักษา 1. การบรรเลงขิม ควรนั่งนั่พับเพียบให้อยู่ตรงกลางขิม ระยะห่างประมาณ 1 คืบ นั่งนั่ตัวตรงไม่โน้มตัวไปทางใดทางหนึ่ง การจับไม้ตีขิม ใช้นิ้วหัวแม่มือและ นิ้วชี้ทั้ชี้ทั้งทั้2 มือจับไม้ตีขิม นิ้วที่เหลือหุ้มในลักษณะดอก บัวตูม 2. เมื่อบรรเลงเสร็จควรปิดฝาขิม 3. การเก็บไม้ขิมควรมีกล่องใส่ที่มิดชิด หรือถ้าเป็นถุงต้องระมัดระวังจาก การกระทบกระเทือนเพราะไม้ตีมี ความอ่อนแอมาก 4. การทำ ความสะอาดขิม ควรใช้ที่ปัดฝุ่นหรือแปรงขนาดเล็กปัด เพราะผ้า ไม่สามรถเข้าไปในซอก เล็กๆของ ขิม ได้ 7
ฉาบ ประวัติ ฉาบเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี ทำ ด้วยโลหะคล้ายฉิ่ง แต่หล่อให้บางกว่า ฉาบมี 2 ชนิดคือฉาบเล็ก และ ฉาบใหญ่ ฉาบเล็กมีขนาด ที่วัดผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 12 ถึง 14 เซนติเมตร ส่วนฉาบใหญ่มีขนาดที่วัดผ่าน ศูนย์กลาง ประมาณ 24 ถึง 26 เซนติเมตร เวลาบรรเลงใช้ 2 ฝามาตีกระทบกันให้เกิด เสียงตามจังหวะ เมื่อฉาบทั้งทั้สองข้างกระทบกันขณะตีประกบกันก็ จะเกิดเสียง ฉาบ แต่ถ้าตีแล้วเปิดเสียงก็จะได้ยินเป็น แฉ่ง แฉ่ง แฉ่ง เป็นต้น วิธีการเล่น ฉาบคือเครื่องตีกระทบ มีหลายลักษณะบางชนิดใช้ตีเป็นคู่ให้ เกิดเสียงผู้ตี ต้องสอดมือเข้าไปที่หูร้อยฉาบซึ่งทำ ด้วยสายหนังแบฝ่ามือประกบแนบกับฝา ฉาบตรงส่วน นูนกลางฉาบ แล้วตีกระทบฝาฉาบด้วยมือทั้งทั้สองข้าง ฉาบบาง ชนิดใช้เพียงข้างเดียว ตีด้วยไม้ตี ฉาบ ประเภทนี้ต้องติดตั้งตั้บนขาตั้งตั้เช่นฉาบ สำ หรับกลองชุด ฉาบมีหลายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากก็จะทำ ให้เกิดเสียงดัง และความก้องกังวานมากขึ้นด้วย การเก็บรักษา หลังจากทำ ความสะอาดฉาบแล้วให้หยดน้ำ ยาเคลือบฉาบลงบนผ้าที่แห้งและ สะอาดและเช็ดไปตามร่องของฉาบ น้ำ ยาเคลือบฉาบจะทำ หน้าที่เสมือนกับสาร เคลือบฉาบชั่วชั่คราวและป้องกันผิวฉาบจากการอ๊อกซิไดซ์ แน่นอนว่ามันคุ้มค่าที่จะ ทำ ความสะอาดและเคลือบฉาบของคุณเพื่อฉาบดูใหม่ สะอาด และ ปราศจากสนิม 8
จัดทำ โดย นายสุขุม แสนคำ แพ ชั้นชั้ม.6/2 นางสาวธัญจิรา ศิลป์ท้าว ชั้นชั้ม.6/2