The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มหาเวสสันดรชาดกกันฑ์มัทรี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krutuk709, 2022-06-25 03:21:42

มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

มหาเวสสันดรชาดกกันฑ์มัทรี

ตวั ชี้วดั

วเิ คราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์เบ้ืองตน้ (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑)
วเิ คราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกบั การเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตร์และวถิ ีชีวติ

ของสังคมในอดีต (ท ๕.๑ ม. ๔-๖/๒)
วเิ คราะห์และประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดก

ทางวฒั นธรรมของชาติ (ท ๕.๑ ม. ๔-๖/๓)
สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพอื่ นาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง

(ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔)
รวบรวมวรรณกรรมพ้นื บา้ นและอธิบายภูมิปัญญาทางภาษา (ท ๕.๑ ม. ๔-๖/๕)
ท่องจาํ และบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่กาํ หนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ

และนาํ ไปใชอ้ า้ งอิง (ท ๕.๑ ม. ๔-๖/๖)

แผนผงั สาระการเรียนรู้

บทนาํ เร่ือง วรรณคดีศึกษา บทวิเคราะห์
คดั สรรวรรณกรรมน่าอ่าน ความรู้จากวรรณคดี
ร่ายยาว
มหาเวสสันดรชาดก

กณั ฑ์มทั รี

สังเคราะห์ขอ้ คิด

คาํ วา่ “ชาดก” มาจากคาํ วา่ ชาตก (ชา-ตะ-กะ)
ในภาษาบาลี หมายถึง เรื่องพระพทุ ธเจา้ ที่มีมา
ในชาติก่อน ๆ ตามท่ีกล่าวไวใ้ นคมั ภีร์

ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี
แตง่ โดยเจา้ พระยาพระคลงั (หน)

เน้ือหาสะทอ้ นความรักอนั ยงิ่ ใหญข่ องแม่
ที่มีตอ่ ลูกซ่ึงไม่มีส่ิงใดเสมอเหมือนได้

จุดประสงคใ์ นการแต่งร่ายยาว
มหาเวสสนั ดรชาดก คือ เพื่อนาํ ไป
เทศนใ์ หป้ ระชาชนฟัง แตด่ ว้ ยสาํ นวน
ภาษาที่ดี ไพเราะ ทาํ ใหผ้ อู้ า่ น
หรือผฟู้ ังอ่ิมอารมณ์และไดอ้ านิสงส์

มูลเหตขุ องการตรัสเทศนาเรื่องมหาเวสสนั ดรชาดก
มาจากเมื่อคร้ังพระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ไปยงั เมืองกบิลพสั ดุ์
เพื่อโปรดพระราชบิดาและพระประยรู ญาติ พระประยรู ญาติ
ทุกพระองคท์ รงมีทิฐิมานะ ต่างนึกในพระทยั วา่
พระพทุ ธองคม์ ีพระชนมายรุ ุ่นลูกรุ่นหลาน จึงชวนกนั นงั่ อยู่
ขา้ งหลงั และใหพ้ ระราชกมุ ารผเู้ ยาวน์ ง่ั ขา้ งหนา้ เพอื่ ให้
ทาํ ความเคารพ พระพทุ ธเจา้ จึงทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์
เสดจ็ ข้ึนไปบนทอ้ งฟ้าราวกบั จะใหล้ ะอองธุลีพระบาทเรี่ยราย
ลงบนเศียรของพระประยรู ญาติ และทาํ ใหพ้ ระประยรู ญาติทุก
พระองคล์ ะทิฐิแสดงความเคารพ

พระเวสสนั ดรไดอ้ ภิเษกกบั พระเวสสนั ดร ชูชกเดินทางไปท่ี
พระนางมทั รี พระราชทานชา้ ง เขาวงกต เพอ่ื ไปขอ
มีพระราชโอรสทรง แก่เมืองกลิงคราษฐ์ สองกมุ าร พระเวสสันดร
พระนามวา่ ชาลีและมี พระเจา้ กรุงสญชยั จึงให้ ทรงยกสองกมุ ารใหช้ ูชก
พระราชธิดาทรงพระนาม เนรเทศพระเวสสนั ดร
วา่ กณั หา ออกจากเมืองไปอยทู่ ี่
เขาวงกต

ฝ่ ายพระอินทร์แปลงพระองคเ์ ป็นพราหมณ์มาทูลขอ
พระนางมทั รีจากพระเวสสนั ดร เมื่อไดร้ ับพระราชทานแลว้
พระอินทร์แปลงกแ็ สดงพระองคถ์ วายพระนางคืนแก่พระเวสสันดร
และประทานพร ๘ ประการ

ตอ่ มาชาวเมืองกลิงคราษฐน์ าํ ชา้ งปัจจยั นาคมาคืนกรุงสีวริ าษฎร์
พระเวสสันดรจึงเสดจ็ กลบั ไปครองเมืองดว้ ยทศพธิ ราชธรรม และทรง
บริจาคทานจนพระชนมพรรษาได้ ๑๒๐ พรรษา จึงเสดจ็ สวรรคตไปจุติ
เป็นสนั ดุสิตเทวราชในสวรรคช์ ้นั ดุสิต

๑. คุณค่าดา้ นอารมณ์
ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี โดดเด่นใน

การถา่ ยทอดอารมณ์ของตวั ละครใหส้ ะเทือนใจผอู้ ่าน
ตวั ละครเอกของเน้ือเร่ืองกณั ฑน์ ้ี คือ

พระนางมทั รี ผทู้ ่ีตอ้ งสูญเสียลกู ไปอยา่ งกะทนั หนั
ความรู้สึกของผเู้ ป็นแม่ที่พยายามตามหาลูกจนสุดกาํ ลงั
ทาํ ใหผ้ อู้ า่ นรับรู้ไดถ้ ึงความเศร้าโศกเสียใจที่ท่วมทน้ ในอก
ของพระนางมทั รี

“...พระเยาวมาลยเ์ ธอเที่ยวหาพระลูก พระนางเธอเสวยทุกขแ์ สนเขญ็
ต้งั แตย่ ามเยน็ จนรุ่งเชา้ กส็ ุดสิ้นที่จะเที่ยวคน้ ทุกตาํ แหน่งแห่งละสามหน
เธอเที่ยวหา ถา้ จะคล่ีคลายขยายมรคากไ็ ดส้ ิบหา้ โยชนโ์ ดยนิยม นางจ่ึงเซซงั
เขา้ ไปสู่พระอาศรมบงั คมบาทพระภสั ดา ประหน่ึงวา่ ชีวาจะวางวายทาํ ลายลว่ ง
สองพระกรเธอขอ้ นทรวงทรงพระกนั แสงครวญคร่าํ แลว้ ราํ พนั วา่
โอเ้ จา้ ดวงสุริยนั จนั ทรท้งั คูข่ องแม่เอย่ แม่ไม่รู้เลยวา่ เจา้ จะหนีพระมารดาไปสู่
พาราใดไม่รู้ท่ี หรือจะขา้ มนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถา้ รู้แจง้
ประจกั ษใ์ จ แม่กจ็ ะตามเจา้ ไปจนสุดแรง...”

ความรักของแม่ยง่ิ ใหญ่ เป็นความรักท่ีบริสุทธ์ิ
และสละไดแ้ มก้ ระทงั่ ชีวิตของแม่เองเพอ่ื ลูก

๒. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์

ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี มีคุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์ หลายประการ เช่น
๑. การเล่นเสียงสัมผัสในวรรค

๑.๑ สัมผสั พยญั ชนะ

“แถวโนน้ กแ็ กว้ เกดพิกลุ แกมกบั กาหลง”
“พอแจ่มแจง้ แสงสีศศิธร”
“ท่ีความโศกกเ็ สื่อมสร่างสงบจิตเพราะเจบ็ ใจ”

๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์

๑.๒ สัมผัสสระ
“อีกองคห์ น่ึงเป็นเสือเหลืองเน่ืองคะนองย่องหยดั สะบัดบาท”
“ทุกสุมทุมพ่มุ พฤกษาป่ าสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง”

๑.๓ บางแห่งเล่นท้ังสัมผสั พยญั ชนะและสระ
“ท้งั จกั จนั่ พรรณลองไนเรไรร้องอยหู่ ร่ิงๆ ระเร่ือยโรย”

๒. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์
๒. การเล่นคํา

๒.๑ เล่นคาํ ซํ้า

“พระนยั นเนตรกพ็ ร่าง ๆ อยพู่ รายพร้อย”
“โอแตก่ ่อนเอยแม่เคยไดย้ นิ แต่เสียงเจา้ เจรจาแจ้ว ๆ อยตู่ รงน้ี”
“ท้งั เวลากเ็ ยน็ ลงเยน็ ลงไร ๆ จะค่าํ แลว้ ”

๒. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์
๒.๒ เล่นซํ้าคํา

“สุดสายนยั นาที่แม่จะตามไปเลง็ แล สุดโสตแลว้ ท่ีแม่จะซบั ทราบ
ฟังสาํ เนียง สุดสุรเสียงท่ีแม่จะร่าํ เรียกพิไรร้อง สุดฝี เทา้ ท่ีแม่จะเย้อื งยอ่ ง

ยกยา่ งลงเหยยี บดิน กส็ ุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดคน้ เห็นสุดคิด”

๒. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์
๒.๓ เล่นคาํ อพั ภาส

คือ คาํ ซ้าํ ท่ีกร่อนคาํ หนา้ ใหส้ ้นั ลง

“เสดจ็ ด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิลมุ่งละเมาะไมม้ องหมอบ”
“ทรงพระสรวลสาํ รวลร่าระร่ืนเริงรีบรับเอาขอคาน”
“ยะเหยาะเหยา่ ทุกฝี ยา่ งไม่หยอ่ นหยดุ ”

๒. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์

๓. การใช้โวหารภาพพจน์

๓.๑ อุปมา
การเปรียบเทียบส่ิงหน่ึงเหมือนอีกสิ่งหนึ่ง

“...ทา้ วเธอกข็ งั ขึงตึงพระองค์ ดูเหมือนทรงพระขดั เคืองเตม็ เดือด
ดว้ ยอนั ใด นางกเ็ ศร้าสร้อยสลดพระทยั ด่งั เอาเหลก็ แดงมาแทงใจใหเ้ จบ็ จิต
นี่เหลือทน อุปมาเหมือนคนไขห้ นกั แลว้ มิหนาํ ยงั แพทยเ์ อายาพิษมาวางซ้าํ
ใหเ้ วทนา เห็นชีวาน้ีคงจะไม่รอดไปสกั กี่วนั ...”

๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์

๓.๒ อุปลักษณ์

การเปรี ยบเทียบสิ่ งหนึ่งเป็ นอีกส่ิ งหนึ่ง

“...เจา้ จะเอาป่ าชัฏน่ีหรือมาเป็ นป่ าช้า จะเอาพระบรรณศาลาน่ีหรือ
เป็ นบริเวณพระเมรุทอง จะเอาแต่เสียงสาลกิ าอนั ร่ําร้องนน่ั หรือ
มาเป็ นกลองประโคมใน จะเอาแต่เสียงจักจ่นั และเรไรอนั ร่ําร้องนน่ั หรือ
มาต่างแตรสังข์และพณิ พาทย์ จะเอาแต่เมฆหมอกในอากาศนนั่ หรือ
มาก้นั เป็ นเพดาน จะเอาแตย่ ูงยางในป่ าพระหิมพานตม์ าต่างฉัตรเงิน
และฉัตรทอง จะเอาแตแ่ สงพระจนั ทร์อนั ผดุ ผอ่ งมาต่างประทีปแก้ว
งามโอภาส...”

๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์
๓.๓ อติพจน์

การกล่าวเกินจริ ง

“...ฝ่ ายฝงู เทพยทุกสถานพมิ านไมไ้ ศลเกริ่นเนินแนวพนาวาส
ไดส้ ดบั คาํ ประกาศสองกมุ าร ทรงสัง่ สาส์นจนสุดเสียง
ดงั ทิพยาพมิ าน จะเอนเอียงออ่ นลงชอ้ ยชด...”

๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์
๓.๔ ปฏิปุจฉา

การใช้คาํ ถามท่ีไม่ต้องการคาํ ตอบ
“...น้าํ เอ๋ยเคยมาเป่ี ยมขอบเป็นไรจ่ึงขอดขน้ ลงขนุ่ หมอง
พระพายเจา้ เอ๋ยเคยมาพดั ตอ้ งกลีบอุบล พากล่ินสุคนธ์ขจรรสมารวยร่ืน
เป็นไรจ่ึงเส่ือมหอมหายช่ืนไม่เฉ่ือยฉ่าํ ฝงู ปลาเอ๋ยเคยมาผดุ คล่าํ ดาํ แฝงฟอง
บา้ งกข็ ้ึนล่องวา่ ยอยลู่ อยเลื่อนชมแสงเดือนอยพู่ ราย ๆ เป็นไรจ่ึงไม่วา่ ย
เวยี นวง นกเจา้ เอย่ เคยบินลงไลจ่ ิกเหยอื่ ทุกเวลา วนั น้ีแปลกเปล่าตาแม่
แลไม่เห็น พระลกู เอย่ เจา้ เคยมาเท่ียวเล่นแม่แลไม่เห็นแลว้
โอแ้ ลเห็นแต่สระแกว้ อยอู่ า้ งวา้ งวงั เวงใจ...”

๒. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์
๓.๕ สัทพจน์

การใช้คาํ เลยี นเสียงธรรมชาติ

“แต่ยา่ งเหยยี บเกรียบกรอบกเ็ หลียวหลงั ”

๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์

๔. การใช้พรรณนาโวหาร
ทาํ ให้ผ้อู ่านเกิดจินตนาการ เห็นภาพชัดเจน และเกิดอารมณ์สะเทือนใจ

“...ไดย้ นิ แต่เสียงดุเหวา่ ละเมอร้องกอ้ งพนาเวศ พระกรรณเธอสงั เกตวา่
สองดรุณเยาวเรศเจา้ ร้องขานอยแู่ วว่ ๆ ใหห้ วาดวา่ สาํ เนียงเสียงพระลกู แกว้
เจา้ ขานรับพระมารดา นางเสดจ็ ลีลาเขา้ ไปหาดู เห็นหมูส่ ตั วจ์ ตุบาท
กลาดกลมุ้ เขา้ สุมนอน นางก็ยง่ิ สะทอ้ นถอนพระทยั เทวษครวญ เสดจ็
ด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิลมงุ่ ละเมาะไมม้ องหมอบ แตย่ า่ งเหยยี บเกรียบกรอบ
กเ็ หลียวหลงั พระโสตฟังใหห้ วาดแวว่ วา่ สาํ เนียงเสียงพระลูกแกว้ เจา้ บ่น
อยงู่ ึม ๆ พ่มุ ไมค้ ร้ึมเป็นเงา ๆ ชะโงกเง้ือม พระเนตรเธอแลเหลือบ
ใหล้ ายเลื่อมเห็นเป็นรูปคนตะคุม่ ๆ อยคู่ ลา้ ย ๆ แลว้ หายไป...”

๓. คุณคา่ ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม
สภาพสงั คมท่ีสะทอ้ นใหเ้ ห็นในร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก

กณั ฑม์ ทั รี คือ ผหู้ ญิงท่ีแต่งงานแลว้ มีหนา้ ท่ีตอ้ งดูแลลกู และปรนนิบตั ิสามี

ในอดีตผหู้ ญิงตอ้ งเคารพและเช่ือฟังสามี ไม่ทาํ สิ่งใดใหข้ ดั เคืองใจ
เห็นไดจ้ ากท่ีพระเวสสันดรแกลง้ ตดั พอ้ พระนางมทั รีวา่ กลบั มาจนค่าํ มืด
แมพ้ ระนางมทั รีท้งั เจบ็ ใจและนอ้ ยใจ แต่กย็ อมรับผดิ และกลา่ วขอโทษ

ตวั อย่างบทวิเคราะห์คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
“...พระคุณเอย่ ถึงพระองคจ์ ะสงสยั อนั น้าํ ใจ
ของมทั รีน้ีกตเวทีเป็นไมเ้ ทา้ กา้ วเขา้ สู่ท่ีทางทดแทน
อปุ มาแมน้ เหมือนสีดาอนั ภกั ดีตอ่ สามีรามบณั ฑิต
ปานประหน่ึงวา่ ศิษยก์ บั อาจารย์ พระคุณเอย่ เกลา้
กระหม่อมฉานทาํ ผิด แตเ่ พยี งน้ี เพราะวา่ ล่วงราตรี
จ่ึงมีโทษ ขอพระองคจ์ งทรงพระกรุณาโปรด
ซ่ึงโทษานุโทษกระหม่อมฉนั มทั รี แตค่ ร้ังเดียวน้ีเถิด”

๓. คุณคา่ ดา้ นสังคมและวฒั นธรรม

นอกจากนี้ ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี ยังสะท้อนความเช่ือของคนไทย
หลายประการ เช่น

๑. ความเช่ือเร่ืองความฝัน เห็นไดจ้ ากตอนท่ีพระนางมทั รีตามหาสองกมุ าร

ไม่พบ พระนางเสียใจมากเกรงวา่ ลูกจะเป็นอนั ตรายเหมือนในความฝัน

๒. ความเช่ือเร่ืองโชคลาง เห็นไดจ้ ากตอนท่ีพระนางมทั รีเสด็จไปหาผลไม้

ในป่ าเกิดเหตุการณ์ประหลาดหลายอยา่ ง ซ่ึงพระนางเช่ือวา่ เป็นลางร้าย ทาํ ให้
เป็นทุกขพ์ ระทยั ยงิ่ ข้ึน

๓. ความเช่ือเรื่องเทวดา ปรากฏอยหู่ ลายตอน แต่ที่ชดั เจนท่ีสุด คือ ตอนที่เทพ

อนั ดบั ท้งั ๓ องค์ นิมิตกายเป็นราชสีห์และเสือไปนอนขวางทางเพอ่ื ใหพ้ ระนางมทั รี
เสดจ็ กลบั อาศรมไม่ไดก้ ่อนพระอาทิตยต์ ก

๑. ไดค้ วามรู้เกี่ยวกบั ดอกไมไ้ ทยจากการกลา่ วถึง เช่น ดอกเกด ดอก ดอก
พิกลุ กาหลง ดอก
ดอกแก้ว
ดอก ยมโดย
สายหยดุ ดอก
ประยงค์

๒. ไดค้ วามรู้เกี่ยวกบั การเล่นของเดก็ ไทยสมยั ก่อน เช่น เล่น เล่น
กรวด ชิงช้า เล่น
ตัวอย่าง ทราย
ซ่อนหา

โน่นกก็ รวดทรายเจา้ ยงั รายเล่นเป็นกอง ๆ สิ่งของท้งั หลายเป็นเคร่ืองเลน่ ยงั เห็นอยู่
เจา้ เคยมาหอ้ ยโหนโยนชิงช้าชวนกนั แกวง่ ไกว

แลว้ เลน่ ไล่ปิ ดตาหาเร้นแทบหลงั บริเวณพระอาวาส

๓. ไดค้ วามรู้เก่ียวกบั การบาํ เพญ็ ทานบารมีและเรื่องราวในชาดก

๑. ทุกคนตอ้ งประสบกบั ๔. เราควรเป็นผใู้ ห้
การสูญเสียส่ิงอนั เป็นท่ีรัก มากกวา่ เป็นผรู้ ับ
จึงตอ้ งเตรียมใจและยอมรับ
๕. เราควรหมนั่ ทาํ ความดี
๒. ความรักของแม่น้นั ยง่ิ ใหญ่ เพราะความดีจะทาํ ให้
ยอมลาํ บากไดท้ ุกอยา่ งเพื่อลกู มีความสุข
ลูกจึงตอ้ งทดแทนพระคุณแม่
และรักแม่ใหม้ ากเช่นเดียวกนั

๓. สามีภรรยาที่ดี
ควรร่วมทุกขร์ ่วมสุข
และส่งเสริมซ่ึงกนั และกนั


Click to View FlipBook Version