The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เกิดจากการรวบรวมเรียบเรียงข้อมูลชุมชน เพื่อทำวีดีทัศน์ส่งเสริมการท่องเที่ยวฯ ในนาม พัฒนาชุมชนท่ายาง
เมื่อผลิตงานวีดีทัศน์เสร็จแล้ว จึงทำเป็นหนังสือเล่มเล็กแจกทีมงานท่องเที่ยวชุมชนหนองจอกด้วย

โดย เค กราฟิก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by n.suksawat, 2021-11-24 04:30:15

ชุมชนหนองจอก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

เกิดจากการรวบรวมเรียบเรียงข้อมูลชุมชน เพื่อทำวีดีทัศน์ส่งเสริมการท่องเที่ยวฯ ในนาม พัฒนาชุมชนท่ายาง
เมื่อผลิตงานวีดีทัศน์เสร็จแล้ว จึงทำเป็นหนังสือเล่มเล็กแจกทีมงานท่องเที่ยวชุมชนหนองจอกด้วย

โดย เค กราฟิก

มาดุ๊หนอดงอจกอบกัวใหญจ่ งั

รปู สถานรี ถไฟหนองจอกในอดตี

“เรื่องเลา่ ของชาวชุมชนหนองจอก”

เมอ่ื เอย่ ถึงบ้านหนองจอก ผคู้ นคงจะเดาไดไ้ ม่ยากว่า หมบู่ ้านนีค้ งมดี อกจอก
เยอะแยะ ผสมกับค�ำ วา่ “หนอง” กค็ ือบึงน�้ำ หนองนำ�้ รวมกนั จึงกลายเป็นค�ำ เรียกว่า
“หนองจอก” บา้ นหลายๆ บ้านรวมกันก็เกิดเป็นตลาด เปน็ ชุมชนข้ึนมา

“ท่เี รยี กหนองจอก เพราะสมัยก่อนลำ�หว้ ยมดี อกจอกเต็มล�ำ หว้ ย ดอกจอกใหญ่
งาม และรากยาวเปน็ ศอกเป็นเมตร ลำ�ห้วยลกึ นำ้�สะอาด ไมข่ าดน�ำ้ ลำ�ห้วยเกา่ กว้าง
กวา่ ปจั จุบันมาก และ 2 ฝัง่ มีระดับลาดจากกน้ ล�ำ ห้วยไปหาฝงั่ ประมาณ 30 วา”
จากบนั ทกึ ของครลู าภ จันทร์เหมือน ปชู นียบุคคล
ของชาวหนองจอกเล่าไว้

ในปจั จบุ ันทีแ่ ทบทกุ คนเขา้ ถึงโลกออนไลน์ มี
เฟส หรอื ไลน์ คงไดเ้ หน็ ชมุ ชนหนองจอกผ่านเพจ
“อ�ำ เภอเก่าชุมชนหนองจอก” มาบ้าง เพราะมกี าร
แชร์ การไลคใ์ นสงั คมออนไลนอ์ ยู่ไม่น้อย
อย่างงาน “เปิดบา้ นย่านชุมชนเกา่
หนองจอก” ที่จดั คร้ังแรก ปี 2559 โดยการ
สนบั สนนุ หลกั ของมหาวิทยาลยั ราชภฎั เพชรบรุ ี กไ็ ด้
รับกระแสตอบรบั ท่ดี มี ากจากชาวโซเชียล ทำ�ใหผ้ คู้ น
รจู้ ักชุมชนหนองจอก และอยากมาเท่ียวบ้านเรา
ตอ่ ๆ มา ภาครัฐและเอกชนอกี หลายคณะก็ได้ลงมา
วิจัยแนะน�ำ ในหลายๆ ด้าน อาทิ โครงการท่องเทยี่ ว เพชรสมุทรครี ี ตามวิถปี ระชารฐั
รว่ มกับจงั หวดั เพชรบรุ ี พัฒนาชมุ ชน และสมาคมสถาปนกิ สยามฯ และชาวหนองจอก
ได้รว่ มกนั ฝากผลงาน “สตรีทอารต์ ” ไว้ทบี่ า้ นตลาดหนองจอก ล่าสุดกม็ ีโครงการ
ชมุ ชนท่องเทีย่ ว “โอท็อปนวตั วถิ ี” โดย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย มา
เป็นพี่เล้ียงให้ชาวหนองจอกได้ประแป้งแต่งตัวคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนบ้าน
เรา

บวั หลวงพระราชินี ท่หี ลงั วัดหนองจอก

บวั หลวงพันธพ์ุ เิ ศษ คน้ พบท่บี ึงหลังวดั หนองจอกแห่งน้ีเปน็ คร้ังแรก โดยพระ
ราชนิ ีในรัชกาลที่ 9 ครง้ั ท่ีเสด็จมาประทบั ณ วังไกลกงั วล หวั หิน บ่อยๆ

ทางเทศบาลหนองจอกได้ทำ�ป้ายติดไว้
บรเิ วณรมิ สระต้ังแต่ปี พ.ศ.2542

เมื่อซักถามสืบค้นย้อนหลังกันไปจน
ทั่วหนองจอก ก็พบวา่ เมอื่ ประมาณ 20 ปี
ก่อน มนี ายทหารกองอำ�นวยการร่วมถวาย
ความปลอดภยั จาก มทบ.15 (กองพนั บน
เพชรบรุ )ี นามว่าพันเอกบัญชา กลบั ประดษิ ฐ์
มีภรรยาทำ�งานอยู่ท่เี ทศบาลหนองจอก ช่อื
นางมาลี เจริญเรอื งทรัพย์ (พต่ี ๋ิม) ได้เกบ็ บวั
หลวงในสระหลังวัด 1 กำ�มือใหท้ ่านผู้พันไป
โดยตดั กา้ นสน้ั เพียง 1 ศอก ตามทเ่ี ขาขาย
กนั ในตลาด มาทราบภายหลงั วา่ ผู้พันสง่ ต่อ

ไปถวายพระราชินีที่วังไกลกังวล เพราะหลงั จากน้ัน ก็มีขา้ ราชบรพิ ารในชุดเคร่ืองแบบ
สกี ากีมาเกบ็ บัวหลวงจากสระนไี้ ปใชใ้ นการพระราชกศุ ลเป็นประจำ� เคยเหน็ เขาแต่ง
เครอ่ื งแบบสกี ากีเต็มยศลงสระบวั ซ่งึ น�ำ้ ลกึ มิดศรษี ะ บางนายก็เห็นลอยคอเกบ็ บวั อยู่
กลางสระ โดยเขาเอาบัวทง้ั ก้านยาวๆ เปน็ เมตรทั้งน้นั ทราบวา่ พระราชินีได้ส่งมอบ
ปจั จยั มาถวายหลวงพ่อวดั หนองจอกด้วย

ภายหลงั พระราชินีทรงใหเ้ จ้าหนา้ ทีม่ าเกบ็ ตน้ พันธบ์ุ วั หนองจอกไปปลกู อนุรักษ์
ทีศ่ นู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพิกุลทอง จงั หวัดนราธวิ าส เมือ่ ปี พ.ศ.2543 จากนั้น “ชมรม
ผู้รักบัว” น�ำ โดย ดร.ปริมลาภ และ ดร.เสริมลาภ จึงได้ไปเก็บต้นพันธุช์ ุดหนึง่ จากศูนย์
ดงั กลา่ วน�ำ มาปลกู ศกึ ษาอนุรกั ษท์ ี่ปางอบุ ล ปี พ.ศ.2544 ตอ่ มาจงึ มคี ำ�เรยี กขานบัว
หลวงสชี มพดู อกใหญจ่ ากบึงหลังวดั นวี้ ่า “บัวหลวงพระราชิน”ี ซง่ึ มลี กั ษณะพิเศษคอื
ต้นสูงใหญ่ กา้ นใบก้านดอกยาวท่วมศรษี ะ โดยสูงพน้ น้�ำ ถึง 1 - 1.5 เมตร

คณุ ยายทมิ ภูส่ วัสด์ิ สาวหนองจอกผูย้ ังคงความเปน็ นางสาวมาถึง
ปัจจบุ ันนบั ได้ 91 ปี ก็ได้เล่าไว้ตรงกบั ครูลาภซ่ึงมีวยั ไลเ่ ล่ียกันวา่ “หมอเจยี ก
ไม้แก้ว หมอยาประจำ�ต�ำ บลสมัยนั้นได้เป็นผนู้ �ำ บัวหลวงพันธ์ุพเิ ศษน้มี าปลูกเพอ่ื ไวใ้ ช้
เขา้ ยา” และนางเหลอ่ื ม คนตระกูลไม้แก้ว ก็เปน็ ผ้บู ริจาคทีใ่ หส้ ร้างวัดหนองจอก ณ
ทต่ี ัง้ ปัจจุบัน

ปัจจุบันชาวหนองจอกก็ไม่ได้ใช้สารเคมีท่ี
เป็นพิษใดๆ กบั บัวในบึง คงปลอ่ ยให้บึงบวั แหง่ น้ี
เตบิ โตตามธรรมชาติ คนในชุมชนไดอ้ าศยั เกบ็ ดอก
ผล และนำ�มาแปรรปู เปน็ อาหารคาวหวาน เครอื่ ง
ดม่ื และยา โดยเฉพาะเมนูเด็ดของ “ครวั บวั
หลวง” ปลายจวักของแมต่ ิว๋ ลูกผูใ้ หญฟ่ กั บวั
ศิริ ท่ีเคยไปกบั คณะทา่ นผู้วา่ เมืองเพชรฯ ได้ออก
ทีวีรายการ “แจว๋ แฟมิลี่” ชอ่ ง 3 มาแล้ว เมนบู ัว
ของหนองจอกเราทำ�เอาระส่ำ�ระสายน้ำ�ลายสอกัน
ไปทั้งหอ้ งส่ง

อ�ำ เภอเกา่ อายุร้อยกวา่ ปี

บา้ นหนองจอกเคยเจรญิ ร่งุ เรืองมากเพราะมีทางรถไฟตัดผา่ น ในสมัยรัชกาลที่ 5
ยอ้ นอดีตไปในสมัยท่ียังไมม่ ถี นนเพชรเกษม ยังไมม่ รี ถยนต์แนน่ ถนนเหมือนยุคนี้ ผคู้ น
ยังเดนิ ทางกนั โดยสองเท้า ววั และเกวียน จักรยานสักคันยังหายากและราคาแพง แต่
ชาวหนองจอกมสี ถานรี ถไฟ ซ่ึงเป็นยคุ บุกเบกิ ของการรถไฟไทย เปน็ รถจกั รไอน้�ำ ต้อง
ใสฟ่ นื เปน็ เชอ้ื เพลงิ เร่อื งน้ี ครลู าภเคยเลา่ ไวว้ า่ “...รถไฟใช้ฟืน เคยรบั จา้ งโยนฟนื ใส่ตู้
ช่วยมารดาโยนฟืนใส่ตรู้ ถไฟ” และเล่าวา่ ทสี่ ถานหี นองจอกกเ็ ป็นคลังเกบ็ ฟนื ไว้เตมิ เปน็
เช้ือเพลิงใสร่ ถไฟด้วย พอรถไฟวงิ่ มาถงึ สถานีหนองจอกก็จอดเตมิ ฟืน ชาวบา้ นกเ็ ลยมี
อาชพี เสรมิ รับจ้าง “ใส่ไฟ” กันโดยไม่มีใครวา่ (ฮา)

“มคี นจีนมารบั จา้ งขดุ ดินท�ำ ถนนรถไฟ หลุมตา่ งๆ ตามถนนเขาเรียกว่าหลุม
เจก๊ แต่คนเขยี นเกิด พ.ศ.2468 เกดิ ทนั จำ�ความได้ รู้จักช่ือคนจีนสมยั น้ันดี”

นอกจากน้คี รูลาภยงั ไดเ้ ขยี นช่อื ชาวจีน บอกอาชีพ และบอกว่าเปน็ ตน้ ตระกลู ใด
ในหนองจอกอีกร่วม 20 ตระกลู เลยทีเดยี ว
เช่น เจ๊กอา มาปลูกบ้านท่สี วนมะมว่ ง
เรียกวา่ ไร่ตายงั , เจก๊ เกยี รติ เจก๊ ต๋ี ตระกลู
นายเซยี่ ม แซโ่ งว้ ตน้ ตระกูลขนมเป๊ียะ
หนองจอกช่ือดงั ในปัจจบุ ัน

โตะ๊ ไมโ้ บราณที่มกี ารท�ำ
ลวดลายด้วยเสน้ ลวดเป็นที่มา
ของคำ�ว่า “ลวดลาย”
รอ่ งรอยทางวัฒนธรรมของ
คนหนองจอก มใี หช้ ม ณ
“หอประวตั ิศาสตร”์ ของเรา

ปี พ.ศ. 2457 (ตน้ สมัยรชั กาลท่ี 6) ทางการไดย้ า้ ยอ�ำ เภอนายาง มาตงั้ ที่บา้ น
หนองจอก และเปลีย่ นชอ่ื จาก “อ�ำ เภอนายาง” เปน็ “อ�ำ เภอหนองจอก”

มีบันทึกโบราณคดีเลา่ ว่า“...ขณะนัน้ บ้านชะอำ�ยังเป็นหมูบ่ า้ นหนงึ่ ทข่ี ึ้นกบั อำ�เภอ
หนองจอก โดยมีหลวงศรเี ปน็ นายอ�ำ เภอ หมื่นสรรคเ์ ปน็ ปลดั อำ�เภอ คหบดหี ญงิ ชอื่
ยายเกก็ ได้รบั ราชทินนามวา่ นางพานชิ มเี สมยี นตราคอื หม่ืนยวงวลัยเพชร อ�ำ เภอตั้ง
อยู่ใกลโ้ รงพกั ในหลวงรชั กาลที่ 5 ทรงตั้งใหเ้ ป็นจดุ ค้าน้ำ�ตาลใหญท่ ่ีสุด และอาหาร
ทะเลแหง้ ที่มีเสน้ ทางเกวียนมาจากชายทะเลบ้านท่า มาด้านหลังโรงเรยี น ผ่านบ้านยาย
ไกร บ้านครลู าภไปศาลาตาโช ตอ่ มาความคกึ คักเริม่ น้อยลง ในตอนน้ันมีลกู ยายทรพั ย์
ชอื่ เหมน็ ไดเ้ ปน็ ขนุ พรพลารักษ์ กำ�นนั หนองจอก ตอ่ จากขนุ หนองจอกเจนประจันต์
(สกลุ ใจเทย่ี ง)” เอกสารบันทกึ ไว้อยา่ งน้ี แตอ่ นั ท่ีจริงขุนพรพลารักษ์ หรือก�ำ นนั เหม็น
มศี กั ด์ิเป็นลูกเขยของขุนหนองจอกเจนประจนั ต์ หรือกำ�นนั น้อย ใจเทีย่ ง นั่นเอง ตาโช
ทจ่ี รงิ แลว้ ชือ่ ตาชู เปน็ ทิดหน่มุ ใหญอ่ กหักจากสาวท่ีตนหมายปอง เงนิ ทเ่ี ตรียมไว้ขอ
สาวจึงน�ำ มาสรา้ งศาลาใหผ้ ูค้ นมาพักรอรถไฟ และรอทำ�ธุระทอี่ �ำ เภอด้วย เรยี กกันตอ่
มาว่า “ศาลาพอ่ ช”ู เป็นตวั อยา่ งของการอกหักอย่างสร้างสรรคเ์ ข้าข้นั ทานบารมีของ
ผคู้ นสมยั ก่อน

ขนุ หนองจอกเจนประจนั ต์ สมยั นนั้ มีนามว่าก�ำ นนั นอ้ ย ใจเทย่ี ง ปัจจบุ ันมหี มอ
ถม หรอื คณุ ปราณตี ทองสขุ เป็นทายาทรุน่ หลาน เล่าว่า กง๋ นอ้ ยเป็นแพทยป์ ระจำ�
ต�ำ บลหนองจอก ทีบ่ ้านมโี กรง่ บดยา และอปุ กรณ์ในการผลิตยารุ่นเก่าๆ

หลวงพอ่ ทองดี เจ้าอาวาสรูปที่ 7 วดั หนองจอก ก็เป็นบตุ รชายคนหัวปีของ
กำ�นันน้อย ยายกุด ลูกสาวกำ�นันนอ้ ยเปน็ ภรรยาก�ำ นนั เหมน็ หรอื ขนุ พรพลารกั ษ์ บตุ ร

ชายคนสุดทอ้ งคือ ครเู ปลยี่ น ใจเท่ียง เปน็
อดีตครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนวัดหนอง
จอก (ศรีสรรคพ์ านชิ ) และเปน็ เจา้ ของรปู
อ�ำ เภอหนองจอก กับอาคารเรียนหลังแรก
โดยครูเปลี่ยนบันทึกไว้บนการ์ดรองหลังรูป
ว่า ปี พ.ศ.2475

รูปอาคารเรียนมีตัวอักษรเขียนที่
หนา้ จ่วั หลังคาว่า “ศรีสรรคพ์ านชิ ” ตาม
นามของผบู้ รจิ าค คอื หลวงศรสี วสั ด์ิและ
นางสรรคพ์ านชิ ซงึ่ คุณยายทมิ เลา่ ว่าหลวง
ศรีสวัสด์นิ ั้น ชาวบ้านรู้จกั ในนามเจก๊ ก่ีและ
หมนื่ ก่ี สว่ นนางสรรคพ์ านชิ น้ัน มีนามว่า
ยายคลา้ ย

ธ ร ร ม า ส น์ เ ก่ า ห ลั ง ห น่ึ งใ น วั ด
หนองจอก มีจารึกด้านหนา้ วา่ “พ.ศ.2467
ณ วนั จันทร์ ตรงกับปวี อก เดอื นสาม ขนึ้
สิบสามคำ่� โทศก อุทศิ ให้กับภรรยา มอน
ใจเทีย่ ง ในงานศพ ขอเป็นปจั จยั แกพ่ ระ
นิพพาน” และด้านหลงั จารกึ ว่า “ขนุ
หนองจอก เจนประจนั ต์ น้อย ใจเทีย่ ง”
ปี พ.ศ. 2487 หลังสงครามมหาเอเชยี บูรพา อ�ำ เภอหนองจอกไดย้ า้ ยไปตัง้ ท่ี
อ�ำ เภอชะอ�ำ ตามเดิม ท�ำ ให้อ�ำ เภอหนองจอกกลบั มามีฐานะเป็นสุขาภิบาล และเป็น
เทศบาลตำ�บลดังในปัจจุบัน รวมเวลาท่หี นองจอกเป็นอ�ำ เภอราว 30 ปี

วดั หนองจอก ศูนยก์ ลางแหง่ ความศรัทธา

วดั หนองจอกแห่งนี้ มี “พระวชริ ธรรมคณ”ี หรอื ท่านเจ้าคณุ หลวงพ่อผ่อง สุวี
โรเจา้ คณะจงั หวดั เพชรบรุ ี เปน็ เจา้ อาวาสรปู ท่ี 9 ปกครองวัดตัง้ แตป่ ี พ.ศ. 2535 ถึง

ปัจจบุ นั ซึง่ ท่านได้สร้างสรรค์พฒั นาวัดหนองจอกจนได้เป็นวดั พฒั นาตัวอย่าง ในวดั
มีทั้งของเก่าที่ท่านดูแลบูรณะอนุรักษ์ไว้ให้ชาวหนองจอกและผู้มาเยือนได้ทัศนะศึกษา
อาทิ ธรรมาสถเ์ ก่าสมัยรชั กาลท่ี 6 ของขุนหนองจอกเจนประจนั ตส์ รา้ งถวายอุทศิ
สว่ นกศุ ลให้ภรรยา และมธี รรมมาสถ์ศลิ ปะจ�ำ หลกั ไมโ้ ดยศิลปินช้นั ครูระดบั ประเทศ “ครู
เลิศ พ่วงพระเดช” สรา้ งถวายโดยผใู้ หญป่ ุ่น นางผาด เมอื่ พ.ศ.2487 (สมยั รชั กาล
ท่ี 8) มหี มู่กุฎสิ งฆ์สรา้ งดว้ ยไมเ้ นอ้ื แขง็ จำ�นวน 42 ห้อง แลน่ ตลอดถึงกนั ได้หมด โดย
ท่านเจ้าคณุ หลวงพอ่ ฯ เล่าถึงการสร้างวัด
และการสร้างงานจิตรกรรมฝาผนังไว้ใน
โบสถ์วา่ ...

(ตัดคลิปตอนท่ีคุยกับหลวงพ่อมา
ใส่ เฉพาะตอนท่เี ล่าถึงหมู่กุฏิสงฆ์แบบดาว
ลอ้ มเดอื น เป็นธรรมเนียมนยิ มของสกลุ
ช่างเมืองเพชรเพ่ือสะดวกในการปกครอง,
กบั ตอนทีใ่ ห้ไอเดยี ช่างเรื่องการวาดพระแมธ่ รณีบีบมวยผม)

และท่านเจ้าคณุ หลวงพ่อผ่องน้เี อง ที่ได้ตดิ ตามสืบค้นประวัตวิ ดั มาจากบนั ทึก
ในปฏทิ ิน 150 ปี ของหลวงพ่อแอว๋ “พระครญู าณเพช็ รรตั น”์ อดีตเจ้าอาวาสรปู ท่ี
8 และด�ำ เนินเร่ืองขอเอกสารราชการไปทก่ี รมการศาสนา ทำ�ใหเ้ กิดภาพประวตั ิศาสตร์
ของหนองจอกยุคสรา้ งสถานรี ถไฟ และยคุ ตัง้ อ�ำ เภอได้ชดั เจนแมน่ ย�ำ มีประทับตรา

ครฑุ รับรอง ทำ�ใหท้ ราบวา่ เดิมวัดหนองจอกตงั้ อยทู่ บ่ี ริเวณ สภ.หนองจอก รพ.สต.
หนองจอก และประปา ในปจั จุบนั

โดยหนังสอื รับรองสภาพวดั ระบวุ า่ วัดหนองจอกไดต้ ั้งเป็นวัด เม่ือ พ.ศ.2435
(สมัยรัชกาลท่ี 5) และไดร้ ับพระราชทานวิสงุ คามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2479 (สมัยรัชกาล
ท่ี 8) ซึ่งใช้ระยะเวลานานมากทเี ดยี ว เพราะยุคน้ันมที ้งั การก่อสร้างทางรถไฟ สงคราม
มหาเอเชียบูรพา และการเปล่ยี นแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ.2475

”เม่อื พ.ศ.2451 ทางรฐั บาลได้ตดั ทางรถไฟผา่ นทดี่ ินของวัดหนองจอก และสุด
ปลายทางทหี่ มูบ่ ้านชะอำ� จงึ ท�ำ ให้ท่ีดนิ ของวดั ถูกแบง่ ออกเป็น 2 ฝง่ั คอื ฝ่ังทิศตะวัน
ตก และฝงั่ ทศิ ตะวนั ออกของทางรถไฟ

และเม่ือวนั ท่ี 19 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2454 รถไฟกไ็ ดว้ ่ิงผา่ นหม่บู ้านหนองจอกเป็น
คร้ังแรก ต่อมาในปี พ.ศ.2457 ทางราชการได้มาตัง้ ทว่ี ่าการอำ�เภอหนองจอก...”

เมอ่ื ทางรถไฟตัดผ่านหน้าวัดเดมิ ท่ดี นิ ของวดั จึงยงั คงเหลืออย่เู พยี ง 4 ไร่ 1
งาน 20 ตารางวา ซงึ่ ไม่สะดวกในการดำ�เนินการก่อสร้างถาวรวัตถใุ ดๆ

เมอื่ เทียบ พ.ศ. ในทำ�เนยี บเจา้ อาวาส น่าจะเปน็ ยุคของหลวงพ่อทอง ซง่ึ ครอง

วัดระหวา่ งปี พ.ศ. 2450 – 2460 ซึ่ง
ยายทมิ กไ็ ด้เลา่ ถึงหลวงพ่อทองว่า เปน็ ผู้
สรา้ งฐานโบสถ์ และยคุ ตอ่ มา คอื หลวง
พอ่ แปลก จงึ ได้ข้ึนฝาผนงั โบสถ์

ใ น ทำ � เ นี ย บ เ จ้ า อ า ว า ส วั ด
หนองจอก ซงึ่ ท่านเจา้ คุณหลวงพ่อ
ผ่องไดค้ ดั มา มีรายละเอยี ดนามเจ้า
อาวาส สมณศักด์ิ และระยะเวลาที่
ปกครอง ต้งั แต่ พ.ศ.2429 ต่อเนือ่ ง
มาจนถึงปจั จบุ นั เลยทีเดยี ว ทา่ นใดสนใจ
ไปขอความรู้จากทา่ นเจา้ คณุ หลวงพ่อผอ่ งได้

ท่วี ดั หนองจอก จะมีศาลหลงั หนงึ่ อยใู่ ตต้ น้ โพธ์ิข้างโบสถ์ ชื่อว่า “ศาลหลวง
พ่อเสน” ทา่ นเป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปท่ี 2 ซึง่ ปรากฎนามในหนงั สือ “ทำ�เนยี บคณะ
สงฆ์ รศ.123” สมยั รัชกาลท่ี 5 ว่าหลวงพ่อเสน เป็นพระอุปัชฌาย์ดว้ ย สอดคล้อง
กับเอกสารของท่ีวัด เล่ากนั ตอ่ มาว่า หลวงพอ่ แอ๋ว อดตี เจา้ อาวาสวัดหนองจอก เกดิ
อาพาธขนึ้ โดยไมท่ ราบสาเหตุ และได้มนี ิมติ ถงึ หลวงพ่อเสนซงึ่ ท่านไม่เคยได้พบมากอ่ น
จากนัน้ หลวงพ่อแอว๋ กห็ ายจากอาการอาพาธดังกลา่ ว แลว้ สรา้ ง “ศาลหลวงพอ่ เสน”
มาตัง้ แต่บดั นัน้ พระเณรก่อนเข้าพธิ ีอปุ สมบท และลาสกิ ขา มีประเพณีว่าต้องไหว้
ศาลหลวงพ่อเสนดว้ ยทุกครง้ั ไป ล่าสุด วัดเพ่ิงจัดพธิ หี ล่อรปู เหมอื นอดีตเจา้ อาวาสวัด
หนองจอก 3 องค์ ปรากฏวา่ ช่างได้เหน็ คนชุดขาวออกมาจากศาลหลวงพ่อเสน จน
เกิดอาการหวาดเกรงจนแทบไมก่ ล้าทำ�งาน ตอ้ งไปบอกกล่าวท่ีศาลหลวงพอ่ เสนกอ่ น
ทำ�การใหญ่ คนหนองจอกก็มกั จะพากนั มาบนบานศาลกลา่ วเร่อื งตา่ งๆ กนั อยเู่ สมอ

หนองจอก ยุคสงครามมหาเอเชยี บรู พา

(ปี พ.ศ.2484 – พ.ศ.2488 เอเชียบรู พา รวมถึงประเทศไทย ญ่ีป่นุ เป็นเขตสงครามหน่ึงของ
สงครามโลกครงั้ ท่ี 2)

ยายทมิ เลา่ วา่ ตอนยคุ สงคราม ทว่ี า่ การอ�ำ เภอหนองจอกเริ่มรา้ งแล้ว ทหาร

ญป่ี ่นุ มาตั้งฐานทัพตรงบริเวณถนนเพชรเกษม ซง่ึ ยายทมิ เรยี กว่า ถนนหมายเลข 19
ระหว่างหนองบ้วย และวดั เขากระจวิ มกี ารรบั แรงงานชาวไทยให้ไปรับจ้างสร้างสนาม
บนิ ตรงตลาดหนองบว้ ยปัจจบุ ัน แต่ก่อนเปน็ ทวี่ ่างเปลา่ ยายทิมเองก็เปน็ สาวนอ้ ยวัย
แรกรนุ่ ไปรับจา้ งสร้างสนามบนิ พรอ้ มกบั คนอ่ืนๆ อีกหลายคน ได้ค่าแรงตั้งเดือนละ
40 บาท โดยทหารญ่ีปุน่ จา่ ยคา่ แรงทีละคร่ึงเดือนคือ 20 บาท มีบทความของ นายยกุ
ตนนั ท์ จำ�ปาเทศ เขยี นถึงเหตกุ ารณต์ อนน้ไี ว้ว่า

“ปลายปี พ.ศ. 2484 กองทพั จกั รวรรดิญ์ ป่ี ุน่ ไดย้ กพลขึ้นบกในพน้ื ที่ จังหวัด
ประจวบครี ขี นั ธ์ และส่งหนว่ ยลาดตระเวนมาทาง รถไฟ ลงท่สี ถานรี ถไฟหนองจอก
อ�ำ เภอหนองจอก ท�ำ การส�ำ รวจพ้ืนทีโ่ ดยรอบเพอื่ พิจารณาหาเส้นทางเคลื่อนกองทัพ
บกุ เขา้ ไปประเทศพม่าและอนิ เดยี แล้วเล็งเห็นว่าท่ายางเป็นจุดยทุ ธศาสตร์ท่สี �ำ คัญ
และเปน็ ปมคมนาคม ไมว่ ่าจะเปน็ การเดินทางด้วยรถไฟ ทางแม่น�ำ้ (เพชรบุร)ี และทาง
ถนนเป็นอย่างดี อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากฝ่งั ทะเลมากนัก จึงไดใ้ ชพ้ ้นื ที่บรเิ วณถนนสาย 19
หรอื ถนนเพชรเกษมปจั จบุ ัน บริเวณปากทางเข้าหนองจอก สร้างค่ายพักและรวบรวม
เชลยศกึ ซึง่ ส่วนใหญเ่ ปน็ ชาวออสเตรเลยี เพื่อนำ�แรงงานไปสร้างทางรถไฟสายมรณะ
ที่กาญจนบุรี และได้เลง็ เห็นวา่ ทา่ ยางควรมีการคมนาคมทางอากาศด้วย ทหารญีป่ ุ่น

จึงได้ก่อสร้างสนามบินบริเวณบ้านหนอง
บว้ ย ซ่ึงเดิมเป็นป่ารกทบึ ทางทิศใต้ของ
อำ�เภอทา่ ยาง และเมือ่ ญปี่ ุ่นประกาศยอม
แพ้สงครามโลกแก่ฝา่ ยสมั พันธมติ รเมื่อ 15
สงิ หาคม พ.ศ.2488 สนามบนิ ดงั กลา่ วได้
ถูกโอนให้กองทพั อากาศรบั ผิดชอบ แตม่ ิได้
มกี ารใชง้ านหรือปรับปรงุ เพมิ่ เตมิ แตก่ ลบั
ได้ย้ายภารกิจไปยังท่าอากาศยานหัวหิน
แทน สนามบนิ หนองบว้ ยจงึ กลายเปน็ ท่ี
รกร้างว่างเปล่า ปัจจบุ ันพ้ืนท่ีสนามบิน
ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นตลาดกลางสหกรณ์
การเกษตรและสนามกีฬาของตำ�บลท่ายาง

ในช่วงเวลาทกี่ องทัพญี่ปุ่นอย่ทู ่ายาง ทหารญีป่ ่นุ มกั จะขบั รถมาจอดบรเิ วณหนา้ อำ�เภอ
แลว้ ลงมาจบั จา่ ยใชส้ อยซ้ือข้าวของท่ีตลาดทา่ ยางอย่บู า้ ง” จะเหน็ ไดว้ า่ คุณยายทิม
เปน็ สาววัย 91 ปี ท่นี อกจากจะไมห่ ลงลมื แล้วยงั มคี วามทรงจ�ำ ที่แม่นย�ำ มาก ชอ่ื ถนน
หมายเลข 19 ถา้ ไมไ่ ปพบจากแหล่งอ่นื คงไม่แนใ่ จวา่ เปน็ ชอื่ เรยี กถนนเพชรเกษมใน
ปจั จุบนั นอกจากนี้ยายทิมยังเลา่ เรอื่ งราวสมัยเมือ่ 70 กว่าปกี ่อนไดร้ าวกับเหตกุ ารณ์
เพ่งิ ผ่านมาไมก่ ว่ี ันกอ่ น ซ่ึงน่าจะเปน็ เพราะคุณยายเปน็ ผปู้ ฎิบตั ิธรรม ไปถอื ศลี อุโบสถที่
วัดหนองจอกอยู่เสมอ

ยคุ นนั้ หลวงพอ่ ทองดี เปน็ เจา้ อาวาสวัดหนองจอก อาจารยพ์ งษ์ หนองจอก
เป็นศาสนพิธีกร หรือชาวบ้านจะรจู้ ักวา่ เป็นมคั ทายก หรอื จะว่าเป็นคนนำ�พธิ ตี า่ งๆ
ก็ได้ (มีรปู อาจารย์พงษซ์ ึง่ ก�ำ ลงั น�ำ นาคเขา้ พิธอี ปุ สมบท)

อาจารย์พงษ์ หนองจอก เปน็ ที่รู้จกั กนั ทัง้ ในพนื้ ที่และต่างถนิ่ ว่าเปน็ ผูม้ ีวิชา
อาคม เปน็ อาจารยส์ ักยันต์ทม่ี ีชือ่ เสียง แมแ้ ตห่ ลวงพอ่ ตัด วดั ชายนา พระเกจชิ ่อื ดัง
ระดบั ประเทศ ยงั เป็นศิษย์อาจารยพ์ งษด์ ว้ ย โดยทา่ นเคยเล่าวา่ “อาจารย์พงษ์เกง่ มาก
ขวดหรอื แก้วมาน่ที า่ นเค้ียวกร้วมๆๆ เลย”

ชาวบา้ นเล่าลือกันวา่ หลวงพ่อทองดี และอาจารย์พงษ์ถูกทหารญ่ีป่นุ มาตาม

จบั ไปกรอกน้�ำ สบู่แย่เลย
แต่ปรากฏว่า เมอื่ ไดส้ อบถามกับ

ยายทิม ยายเล่าความจริงอีกดา้ นที่ไม่เคย
มีใครรวู้ า่ (ตดั คลปิ ตอนทยี่ ายทิมเล่าถงึ นา้
พงษข์ องยายวา่ น้าพงษ์เขาไปเป็นแรงงาน
ในกองทพั ญี่ปนุ่ ด้วย แลว้ วนั หนง่ึ ก็พาเชลยซ่งึ เป็นทหารองั กฤษหลบหนอี อกมา โดย
ตอนแรกน�ำ ไปซอ่ นไวใ้ นโบสถ์ วดั หนองจอก ทหารญ่ปี ุ่นไดต้ ดิ ตามมาทนั ควนั มากัน
มากมายเตม็ ตลาดเตม็ วัดไปหมด เขา้ ไปคน้ ในโบสถ์ดว้ ย แตก่ ไ็ มพ่ บทง้ั เชลย และอาจาร
ยพ์ งษ์ ถึงกบั เล่าลอื กันว่าโบสถ์เราขลัง ทหารญป่ี ุน่ เยอะแยะกลบั มองไม่เห็นคนหลบ
หนี แต่อนั ที่จริง อาจารย์พงษ์ได้พาหลบออกไปก่อนท่ีญป่ี นุ่ จะติดตามมาได้อย่างทเ่ี รียก
วา่ “แคล้วคลาด” หวุดหวิด และยังหลบหนีไดต้ ลอดรอดฝง่ั สง่ ทหารเชลยผูน้ ้ันกลบั
ประเทศไปทางทะเลจนได้
เมอ่ื ทหารญี่ปุ่นตามมาถงึ วัด ไม่พบเชลยชาวตะวนั ตกและสายลับคนไทย จงึ จับ
หลวงพ่อทองดี และลูกของอาจารยพ์ งษ์ชอื่ ตาฉนุ ซงึ่ ตอนนนั้ ยงั เป็นเดก็ นอ้ ยวัยขวบ
เศษ ไปสอบปากค�ำ ท่ี “ศาล” ซึง่ มที งั้ ทหารญ่ีปุ่นและข้าราชการไทยร่วมกนั ดแู ล โดยที่
หลวงพอ่ ไมไ่ ดถ้ กู กรอกน้ำ�สบอู่ ย่างทเ่ี ล่าลือ สว่ นอาจารยพ์ งษก์ ็รอดไปได้ โดยท่ญี ี่ปุ่น
จับผู้อื่นไปกรอกนำ�้ สบแู่ ทน)
ยายทมิ เลา่ วา่ หลงั จากเชลยชาวอังกฤษ หรอื ชาวตะวนั ตกผนู้ ั้นกลบั ไปประเทศ
ของตนได้ สงครามกย็ ุติ เพราะญีป่ ุ่นถกู ทิ้งระเบดิ จนต้องยอมแพ้ ทางฝง่ั ไทยก็ถูกทิ้ง
ระเบดิ ตามถนนและทางรถไฟเช่นกนั เปน็ การตดั ทางหนีของทหารญ่ีปนุ่
โดยยายทิมเลา่ วา่ “เขาจะบอกคนไทย ใหอ้ อกไปอยหู่ า่ งๆ เขาจะทงิ้ ระเบิดทาง
ไมไ่ ดท้ ้งิ ลงบ้านคนไทย” และเชลยคนสำ�คญั ท่ีอาจารย์พงษพ์ าหนไี ปได้ เป็นผู้ที่กลับมา
กบั เคร่อื งบินชจี้ ุดทิง้ ระเบดิ น่ันเอง
(ตัดคลปิ ตอนยายทมิ เลา่ เร่ืองเครื่องบินมาทิ้งระเบดิ เลยสถานีหนองจอกไปลง
หนองไม้เหลอื ง)
อันวา่ การสงคราม ไม่มีอะไรดี แตต่ า่ งคนตา่ งเช้ือชาตกิ ็ต่างบทบาทกันไป สงคราม
มแี ต่ความเศร้าและความสูญเสีย ในภาวะสงครามท่ีรัฐไทยประกาศเปน็ พนั ธมติ รกับ

ญ่ีปนุ่ เราก็ยังมขี บวนการทเี่ รียกว่าเสรีไทยทำ�งานกับฝา่ ยสมั พนั ธมิตรดว้ ยอาจารย์พงษ์
หนองจอก ผขู้ ลงั วิชาจงึ นา่ จะปฏิบัตภิ ารกิจส�ำ คัญในฐานะเสรไี ทยคนหนึ่ง ยายทิม
เลา่ ว่า ทหารญปี่ ุ่นระดบั ล่างๆ ก็ใจดีกับคนไทย แมอ้ าจจะใจรา้ ยกับเชลย กเ็ พราะ
นายส่งั มา และพอทหารญ่ีปุ่นระดับนายทราบวา่ แพส้ งครามแลว้ กพ็ ากันกระท�ำ
อัตวนิ ิบาตกรรมกันไปจนหมด เราฟังยายทมิ เล่าเป็นฉากราวกบั ดภู าพยนตรท์ มี่ คี รบทกุ
รส แตเ่ วลาท่ีจ�ำ กัดท�ำ ใหต้ ้องตัดตอนมาเลา่ เพียงบางส่วน

อดีตคอื บทเรยี น อนาคตคือปรศิ นา ปัจจบุ นั คอื ชวี ติ
ชุมชนหนองจอกในปจั จบุ ัน กลบั มคี วามเก่าใหมผ่ สมผสานลงตวั เป็นเสนห่ ท์ ี่
เป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะของเรา รอทกุ ท่านเข้ามาสัมผสั คน้ หา และเยยี่ มชมทุกวัน : )

ชุมชนหนองจอก

ชมบวั บึงใหญ่ นั่งรถไฟมาบ้าน เหน็ ดอกจอกบาน
ไหว้ศาลหลวงพ่อเสน ของฝากเดน่ ขนมเป๊ยี ะดงั


Click to View FlipBook Version