ประวัวั วั ติ วั ติ ติ ตัติ ตั ตั ว ตั วละคร ... 644106109 จัดทำ โดย นางสาว วิภารัตน์ ศรีนาวา
อากาศตะไล กายสีแดงเสน สวมเทริดน้ำ เต้า 5 ยอด ปากแสยะ ตาโพลง 4 หน้า 8 มือ อาวุธประจำ กาย ได้แก่ จักร พระขรรค์ ตรี คทา ง้าว ศร โตมร ค้อน เหล็ก ใส่เสื้อแขนสั้น นุ่งผ้าจีบหน้านาง (จาก จิตรกรรม บาน ประตู วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ) ในการแสดงการ ลักษณะ ศีรษะโขน สวม ม งกุฏ ยอดน้ำ เต้า 5 ยอด ปากแสยะ ตาโพลง มีหน้าเล็กๆ 3 หน้าด้านหลัง นุ่งผ้าจีบหน้านางไม่เหมาะในการเข้ารบ จึงเปลี่ยนมานุ่งโจงกระเบน สวม เสื้อแขนยาว ห่ม สไบ นาง 2 ชาย ห้อยสะอิ้ง อาวุธที่ใช้ในการแสดงมี จักร (คล้อง พระขรรค์ ) พระขรรค์ ตรี คทา (เหน็บเอว) ศร (เหน็บข้าง หลัง) ถือ ง้าว หรือโตมร อังกาศตไล หรือ อากาศตะไล หรือ นางสุรสา ( อังกฤษ : Surasa ) เป็น ชื่อตัวละครในเรื่อง รามายณะ ของ อินเดีย และ รามเกียรติ์ ของ ไทย ใน เรื่อง รามายณะ ของ อินเดีย เป็น เทวี ซึ่งเป็น มารดา ของเหล่า นาค และ ดูแล มหาสมุทร ก่อนถึง กรุงลงกา และเป็น สตรี หนึ่งในสามคนที่รักษา กรุง ลงกา ได้แก่ นางสุรสา นางสิมหิกา และ ผีเสื้อสมุทร ใน รามเกียรติ์ ของ ไทย เป็น ยักษิณี ซึ่งเป็น เสื้อเมือง กรุงลงกา รักษา ด่านทางอากาศ และเป็น หนึ่งในเจ็ดกองลาดตระเวนตรวจการ กรุงลงกา เมื่อ หนุมาน มาถวายแหวน ให้แก่ นางสีดา ที่ สวนขวัญ ใน กรุงลงกา อากาศตะไลได้รบกับ หนุมาน และ พ่ายแพ้ถูก หนุมาน สังหารถึงแก่ความตาย ( ชื่ออากาศตไล เขียนตามบทพระ ราชนิพนธ์เรื่อง รามเกียรติ์ ใน รัชกาลที่ ๑ , ชื่ออังกาศตะไล เขียนตามบท พระราชนิพนธ์ เรื่อง รามเกียรติ์ ใน รัชกาลที่ ๒ )
อากาศตะไล อากาศตะไลเป็นตัวละครในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ เป็นยักษ์เสื้อเมือง ที่รักษาด่านกรุงลงกา* มี 4 หน้า 8 มือ ถืออาวุธดังนี้ มือหนึ่งถือจักร แกว่งกวัด หัตถ์สองถือพระขรรค์ชัยศรี มือสามอสุราถือตรี มือสี่นั้นถือ คทาธร มือห้าถือง้าวกวัดแกว่ง มือหกนั้นถือพระแสงศร มือเจ็ดนั้นถือ โตมร มือแปดถือค้อนเหล็กพราย เมื่อหนุมาน*ไปสืบข่าวนางสีดา* อากาศตะไลเห็นหนุมานเข้ามาในเขต กรุงลงกา ก็เข้าต่อสู้ แต่สู้ไม่ได้จึงถูกหนุมานสังหาร
พระพาย พระพาย ( เทวนาครี : वा यु; "วายุ") เป็น เทพแห่งลม ตามคติ ศาสนา ฮินดู เป็นเทพแห่งธรรมชาติ เช่นเดียวกับ พระพิรุณ (ฝน), พระอัคนี (ไฟ), พระแม่คงคา (น้ำ ), พระแม่ธรณี (พื้นดิน) พระพายเป็นบุตรของ พระกัศยปะ และ พระแม่อทิติ มีหน้าที่ให้ลมแก่ สามโลก ในวรรณคดี มหาภารตะ พระพายเป็นบิดาของ ภีมะ และใน วรรณคดี รามเกียรติ์ พระพายเป็นบิดาของ หนุมาน และยังเป็นปู่ของ มัจฉานุ กับ อสุรผัด ตามคัมภีร์วิษณุปุราณะว่า พระพายเป็นกษัตริย์แห่งคนธรรพ์ สำ หรับ รูปร่างลักษณะของพระพาย มีแตกต่าง หลากหลายออกไป ในพระเวท ระบุว่า พระพาย มีกายสีขาวลักษณะงดงามยิ่งนัก ทรงสัตว์พาหนะ จำ พวกแอนทิโลปหรือกวรง นอกจากนี้แล้ว พระพายยังถือเป็นเทพประจำ ทิศตะวันตกเฉียง เหนือ(พายัพ) โดยคำ ว่า "พายัพ" เป็นภาษาสันสกฤต อ่านว่า "วายวฺย" เมื่อถอดความแล้วจะหมายถึง "ทิศของวายุ"
พระพาย มีกำ เนิดจากพระกัศยปเทพบิดร และ นางทิติ ซึ่งในเรื่องพระอินทร์ พระอาทิตย์ พระอัคคี และพระพิรุณ ได้เล่าไว้แล้วว่าเป็นโอรสของพระ กัศยปเทพบิดร กับ นางอทิติ และ พระกัศยปเทพบิดร มีโอรสกับชายา น้อย คือ นางทิติ (น้องสาวของนางอทิติ) ได้แก่พวกอสูร เมื่อพระอินทร์ กับบริวารชิงสวรรค์ดาวดึงส์ไปครอง พวกอสูรต้องลงไปอยู่ ณ อสูร พิภพ นางทิติสงสารโอรสของตนจึงทูลขอโอรส องค์ใหม่ที่เก่งกว่า พระอินทร์ เพื่อจะได้แก้แค้นให้พวกอสูร พระกัศยปเทพบิดรได้แนะนำ ให้นางไปบำ เพ็ญตบะ ณ ตำ บลกุศปลพ ตามกำ หนดว่าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งพันปี แต่ในระหว่างนั้นพระอินทร์ได้มา ปรนิบัติเอาใจจนนาง ทิติหลงตายใจรักพระอินทร์เหมือนโอรสของ ตนเอง และเปลี่ยนใจจะให้โอรสที่เกิดใหม่เป็นมิตรกับพระอินทร์ แต่ พระอินทร์ไม่วางใจ ครั้นวันหนึ่งเมื่อนางทิตินอนผิดทิศโดยหันเท้าไปทาง ทิศที่เป็นหัวนอน พระอินทร์จึงถือโอกาสเข้าไปในครรภ์ของนางและใช้ วัชระตัดโอรสในครรภ์ของนางออกเป็น ๗ ภาคโอรสของนางทิติจึงได้ นามว่า มรุต หรือ พระพาย และได้รับหน้าที่แบ่งกันไปทำ ดังนี้
พระพาย ส่วนที่ ๑ ไปเป็นลมประจำ อยู่ในพรหมโลก ส่วนที่ ๒ ไปเป็นลมอยู่ในเทวโลก ส่วนที่ ๓ เป็นทิพยวายุ คือ เป็นอากาศ อีก ๔ ส่วนให้ไปเป็นลมประจำ ทิศทั้ง ๔ คือ ลมตะวันออก ลมตะวันตก ลมเหนือ และลมใต้ เป็นอันว่า พระอินทร์สามารถกำ จัดศัตรูสำ คัญไปได้ ซึ่งความจริงไม่ใช่ ใครที่ไหน เป็นพี่น้องคนละแม่ ของพระอินทร์ นั่นเอง
มัมั มั จ มั จฉานุนุ นุนุ มัจฉานุ เป็นบุตรของ หนุมาน กับ นางสุพรรณมัจฉา จึงมีร่างกายเป็น ลิงเผือกเช่นเดียวกับหนุมาน แต่มี หางเป็นปลา เมื่อนางสุพรรณมัจฉา คลอดมัจฉานุออกมาแล้ว ก็กลัวทศกัณฐ์จะรู้ จึงนำ มัจฉานุไปทิ้งที่ ชายหาด ไมยราพซึ่งเป็นญาติกับทศกัณฐ์มาพบเข้า มีความสงสาร จึง ได้นำ ไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม ต่อมาไมยราพ ลักพาตัวพระรามมา ไว้ที่เมืองบาดาล หนุมานติดตามมาด้วย ได้พบกับมัจฉานุจึงต่อสู้กัน แต่ ไม่สามารถเอาชนะกันได้ หนุมานจึงได้ถามมัจฉานุว่าเป็นลูกใครพ่อแม่ ชื่ออะไร เมื่อได้ยินคำ ตอบของมัจฉานุ หนุมานก็ดีใจมากเมื่อได้พบลูก ของตน เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาครั้งที่ 2 และศึกกรุงมลิวัน มัจฉานุ จึงได้ รับการแต่งตั้งเป็น พญาหนุราช ครองกรุงมลิวัน มัจฉานุเป็นสัตว์ที่มีกายเป็นลิงมีหางเป็นปลา มัจฉานุเป็นตัวละครหนึ่งใน เรื่องรามเกียรติ์ เป็นบุตรของตัวละครหลัก หนุมาน กับนางเงือกชื่อ นางสุพรรณมัจฉา
มัมั มั จ มั จฉานุนุ นุนุ ลักษณะของมัจฉานุ สีขาวผ่อง ปากอ้า สวมมาลัยทอง มีหางเป็นปลา เหมือนนางสุพรรณมัจฉา (ผู้เป็นมารดา) ภายหลังพระรามตัดให้พ้นเพศปลา สีกลีบบัวขาวอมชมพู และได้รับการ แต่งตั้งเป็น พญาหนุราช ครองกรุงมลิวัน
พิเภก พิเภก เป็นตัวละครในเรื่อง รามเกียรติ์ มีกายสีเขียว เป็นน้องชาย ของ ทศกัณฐ์ และ กุมภกรรณ มีความรู้ทางโหราศาสตร์ อดีตชาติเป็น เวสสุญาณเทพบุตร พระอิศวร สั่งให้ไปจุติเป็นพี่น้องร่วมท้อง เดียวกันกับทศกัณฐ์เพื่อเป็นไส้ศึก คอยบอกความลับต่าง ๆ ให้แก่ พระราม พร้อมประทานแว่นวิเศษติดที่ดวงตาขวา มองเห็นได้ทั้งสาม โลก แม้กระทั่งอดีตและอนาคต พิเภกถูกทศกัณฐ์ขับไล่ออกจากกรุง ลงกาเพราะทำ นายฝันและแนะนำ ให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดาแก่พระราม พิเภกจึงไปสวามิภักดิ์กับฝ่ายพระราม ทำ หน้าที่เป็นโหรประจำ ทัพช่วย ทำ นายเหตุการณ์ บอกกลศึกของฝ่ายทศกัณฐ์และออกอุบายต่าง ๆ จน ฝ่ายพระรามชนะสงคราม
พิเภก พิเภกได้รับการสถาปนาเป็นท้าวทศคีรีวงศ์ครองกรุงลงกาต่อจากทศ กัณฐ์ ด้วยความที่พิเภกเป็นยักษ์ไม่มีฤทธิ์ พระรามจึงต้องแผลงศรไป ถามข่าว หากมีข้าศึกประชิดเมืองก็ให้เขียนสารแขวนติดมากับศรเพื่อขอ ความช่วยเหลือ อย่างตอน ท้าวมหาบาล ยกทัพมาแก้แค้นทศกัณฐ์ เวลาต่อมานางมณโฑคลอดโอรสนามว่า ไพนาสุริยวงศ์ ซึ่งเป็นลูกทศ กัณฐ์ติดท้องมา แต่พิเภกกลับคิดว่าเป็นลูกของตนและเลี้ยงดูเป็นอย่าง ดี จนเมื่อไพนาสุริยวงศ์เติบโตขึ้นได้รู้ความจริงจากพี่เลี้ยงก็คิดก่อกบฏ ลอบไปขอความช่วยเหลือจากท้าวจักรวรรดิสหายทศกัณฐ์ให้มาชิงเมือง พิเภกรบแพ้และถูกจองจำ ส่วนไพนาสุริยวงศ์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ลงกา นามว่าทศพิน พระรามทราบข่าวจากหนุมานและอสุรผัด จึงให้พระพรต และพระสัตรุดยกกองทัพไปช่วยปราบทศพิน ตอนศึกกรุงมลิวันพิเภก ก็ได้ติดตามไปช่วยด้วย เมื่อเสร็จศึกก็กลับมาครองกรุงลงกาดังเดิม
นางตรีรี รีชรี ฎา นางตรีชฎา เป็นตัวละครในวรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ เป็นมารดาของ นางเบญกาย และ เป็นภรรยาของพิเภก เมื่อพิเภกถูกทศกัณฐ์ขับออก จากเมือง นางตรีชฎาและนางเบญกายก็ถูกถอดยศ ไปเป็นข้ารับใช้ของ นางสีดา ลักษณะของนางตรีชฎา กายและสีหน้าเป็นสีขาวนวล มี 1 พักตร์ 2 กร ทรงรัดเกล้ายอด นางตรีชฎา หนึ่งในตัวละครสำ คัญที่จะทำ การแสดงโขนรามเกียรติ์ ตอน พิเภกสวามิภักดิ์
สารบับั บั ญ บั ญ อากาศตะไล พระพาย มัจฉานุ พิเภก ตรีชฎา 1-2 3-5 6-7 8-9 10