The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bunsitamoonsan1992, 2021-11-11 19:22:27

แผนนิเทศ2.63

แผนนิเทศ2.63

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 12

ช่อื วชิ า วทิ ยาศาสตร์ 2 รหสั วิชา ว21103 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1
โรงเรียนปางศลิ าทองศึกษา ภาคเรียนท่ี 2

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การถา่ ยโอนความร้อน เวลาเรียน 14 ชั่วโมง

เรอื่ ง ทำอย่างไรใหก้ ้งุ สุก เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด

มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน

ปฏิสัมพันธร์ ะหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้อง

กับเสียง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วดั ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจำลองท่ีอธบิ ายการถ่ายโอนความร้อน โดยการนำความร้อน การพา

ความรอ้ น การแผ่รงั สคี วามร้อน

2. สาระสำคญั

การพาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนรูปแบบหนึ่งที่อาศัยตัวกลางที่เป็นของเหลวหรือแก๊ส

ตัวกลางจะพาความร้อนไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ของอนุภาคของตัวกลาง เราสามารถนำความรู้เรื่องการพา

ความร้อนไปใช้ประโยชน์ ในการออกแบบระบบระบายอากาศในอาคาร โดยทำช่องเปิดหรือหน้าต่างบริเวณ

ด้านบนอาคารหรือหลังคาเพื่อระบายอากาศที่มีอุณหภูมิสูงให้ออกจากอาคาร หรือนำความรู้มาใช้อธิบาย

ปรากฏการณ์ในธรรมชาติ เชน่ การเกิดลม การเคลื่อนท่ขี องกระแสน้ำในมหาสมุทร เป็นต้น

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 นักเรียนสามารถอธิบายการพาความรอ้ นได้อย่างถูกตอ้ ง (K)

3.2 นกั เรียนสามารถทดลองเกย่ี วกับการพาความรอ้ นได้ (P)

3.3 นักเรยี นสามารถสรา้ งแบบจำลองเพอื่ อธิบายการพาความรอ้ นไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง (P)

3.4 นกั เรยี นมีความใฝเ่ รยี นรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

4.1 ความรู้ (K)

1. การพาความรอ้ น

2. ตวั กลางในการพาความร้อน

3. การนำความรูเ้ รอ่ื งการพาความรอ้ นไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจำวัน

4.2 ทักษะ/กระบวนการ (P)

1. การทดลอง

2. การสร้างแบบจำลอง

4.3 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)

1. ใฝเ่ รียนรู้

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1.ใฝ่เรียนรู้

6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1.ความสามารถในการคดิ
2.ความสามารถในการสื่อสาร
3.ความสามารถในการแก้ปัญหา

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ 1

7.1 ข้นั นำเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูนำเข้าสบู่ ทเรยี นเรอื่ ง ทำอย่างไรให้กุ้งสุก โดยถามคำถามดังต่อไปน้ี
- การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในช่วงเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นที่จังหวัดใด
ตอบ จังหวดั สมุสาคร
- จงั หวัดกำแพงเพชรพบผตู้ ดิ เชื้อ Covid-19 ในช่วงเดอื นธันวาคมของปีที่แล้วหรอื ไม่ ถา้ พบประกอบ
อาชีพอะไร ตอบ พบการติดเช้อื ในจงั หวดั เป็นพ่อคา้ ขายกุ้ง
- เมือ่ พบการตดิ เชือ้ Covid-19 ในจังหวังกำแพงเพชร เพราะเหตใุ ดคนจงึ ไม่กลา้ ซอื้ กุง้

ตอบ คนไมก่ ล้าซ้อื กุง้ เพราะกลวั ติดเชื้อ Covid-19
2. ครูเล่าเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในช่วงเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมาให้
นักเรียนฟังอีกครั้ง ว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคากุ้งและอาหารทะเลตกต่ำ แต่เมื่อกระทรวง
สาธารณสุขลงพื้นที่นำกุ้งในตลาดไปตรวจแต่ไม่พบเชื้อ Covid-19 การแพร่ระบาดในครั้งนั้นเป็นผลมาจาก
แรงงานชาวเมยี นมาร์ทีล่ กั ลอบเขา้ มาทำงานในจังหวดั สมุทรสาคร

7.2 ข้ันสำรวจและค้นหา
1. ครูจำลองห้องเรียนเป็นสนามแข่งมาสเตอร์เชฟ โดยครูสร้างสถานการณ์ให้กับนักเรียนว่า ทำ

อยา่ งไรให้ก้งุ สกุ โดยไม่นำกงุ้ ไปต้มหรอื ย่าง โดยมีอุปกรณ์ใหน้ ักเรียนเลอื กใช้ตามความต้องการ
2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามเกี่ยวกับขั้นตอนการทำกิจกรรมท่ีนักเรียนยังไม่เข้าใจ จากนั้นครู

และนักเรียร่วมกันอภิปรายในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ เน้นย้ำเกี่ยวกับวิธีการบันทึกผล ข้อระวังในการทำกิจกรรม
รวมถึงสอดแทรกคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ในเรือ่ งความสามัคคี ความเอื้อเฟ้ือเผอ่ื แผ่ ชว่ ยเหลอื ซงึ่ กนั และกันภายใน
กลุ่มใหก้ บั นักเรียนดว้ ย

3. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเรื่องการถ่ายโอนความร้อน โดยการพาความร้อน จากหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.1 เล่ม 2 สสวท. จากนั้นชว่ ยกันออกแบบการทดลองและลงมอื ปฏิบัติกิจกรรม
“ทำอย่างไรให้กงุ้ สุก”

4. ครูสังเกตพฤตกิ รรมความใฝเ่ รยี นรูข้ องนักเรยี นในระหวา่ งทำกิจกรรม

ชว่ั โมงที่ 2

7.3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกผลการทดลองที่ได้ลงในตาราง สร้างแบบจำลองการพาความร้อนและ

ช่วยกันลงข้อสรปุ ของกลมุ่ ร่วมกนั

7.4 ข้ันขยายความรู้

1. แตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ช้นั เรยี น เพอื่ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ซงึ่ กนั และกนั
2. ครูและนักเรียนสรุปองค์ความรทู้ ีไ่ ดร้ ่วมกันว่า การพาความรอ้ นเป็นการถา่ ยโอนความร้อนรูปแบบ
หนึง่ ท่ีอาศัยตวั กลางในการเคลื่อนท่ที ่ีเปน็ ของเหลวหรอื แกส๊
3. จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการนำความรู้เรื่องการพาความร้อนไปใช้
ประโยชนใ์ นการออกแบบระบบระบายอากาศในอาคาร การทำชอ่ งเปดิ หรอื หน้าต่างบริเวณดา้ นบนอาคารหรือ
หลังคาเพื่อระบายอากาศที่มีอุณหภูมิสูงให้ออกจากอาคาร หรือนำความรู้มาใช้อธิบายปรากฏการณ์ใน
ธรรมชาติ เช่น การเกิดลม การเคลอื่ นท่ขี องกระแสนำ้ ในมหาสมทุ ร เปน็ ตน้
4. ครูให้นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับเรื่องสิ่งประดิษฐ์ที่อาศัยหลักการพาความร้อน จากห้องสมุดหรือ
อินเทอร์เนต็ มาคนละ 1 อยา่ ง นำเสนอในชว่ั โมงถัดไป
7.5 ขั้นประเมิน

1. ครตู รวจให้คะแนนใบกิจกรรมการทดลอง

2. ครปู ระเมนิ ทักษะกระบวนการทำงวิทยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้คะแนน

3. ครูประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์จากเกณฑ์การให้คะแนน

4. ครูประเมนิ สมรรถนะผเู้ รียนจากเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

8. ส่ือ วัสดุอุปกรณ์ และแหลง่ เรียนรู้

8.1 ส่ือส่ิงพิมพ์

1.หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.1 เลม่ 2 สสวท.

2.ใบกิจกรรมการทดลอง เรื่อง ทำอย่างไรใหก้ งุ้ สุก

8.2 สือ่ เทคโนโลยี

1. Power point เรอ่ื งทำอยา่ งไรใหก้ งุ้ สกุ

2. https://teach.classdojo.com

3. https://www588b.dltv.ac.th/teachplan/episode/31849

8.3 แหลง่ เรยี นรู้

1. ห้องสมุด

2. อนิ เทอร์เนต

8.4 วัสดอุ ุปกรณ์

1. บกี เกอรข์ นาด 250 cm3 1 ใบ

2. ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชดุ

3. เทอรม์ อมเิ ตอร์ 2 อัน

4. ก้งุ สดกลุม่ ละ 1 ตัว

6. น้ำ 100 cm3

7. ไฟแชค็ 1 อัน

8. นาฬิกาจบั เวลาหรือโทรศพั ท์ 1 เครือ่ ง

9. ไม้เสยี บลูกช้นิ 1 แผน่

10. เทียนไข 1 เลม่

11.กระดาษ A4 1 แผน่

12 ดนิ น้ำมนั 1 ก้อน

9. การประเมินผล

9.1 วธิ ีการวดั ผล

1. ตรวจใบกจิ กรม

2. ตรวจแบบจำลอง

3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้คะแนน

4. ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์จากเกณฑ์การใหค้ ะแนน

5. ประเมนิ สมรรถนะผ้เู รียนจากเกณฑ์การให้คะแนน

9.2 เครอ่ื งมอื การวัดผล

1. แบบให้คะแนนใบกิจกรรม

2. แบบประเมินแบบจำลอง

3. แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

4. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

5. แบบประเมินสมรรถนะผ้เู รียน

9.3 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

1. คะแนนใบกิจกรรม ผา่ นเกณฑต์ ้ังแตร่ ะดบั คุณภาพ 2 ขนึ้ ไป

2. คะแนนแบบจำลอง ผา่ นเกณฑต์ ้งั แตร่ ะดับคุณภาพ 2 ข้นึ ไป

3. คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ตั้งแต่ระดับคุณภาพ 2 ขึ้นไป

4. คะแนนคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ผา่ นเกณฑ์ต้ังแต่ระดบั คุณภาพ 1 ขน้ึ ไป

5. คะแนนสมรรถนะผเู้ รยี นผ่านเกณฑ์ต้งั แตร่ ะดับคณุ ภาพ 1 ขนึ้ ไป

9.4 ตารางแสดงเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

1. เกณฑก์ ารประเมินใบกิจกรรม

เกณฑ์การตัดสนิ ระดบั คุณภาพ
คะแนน 10-12 คะแนน 3 (ดเี ยยี่ ม)
คะแนน 6-9 คะแนน
คะแนน 3-5 คะแนน 2 (ด)ี
คะแนน 0-2 คะแนน 1 (พอใช้)
0 (ปรบั ปรุง)

ต้ังแตร่ ะดับคณุ ภาพ 2 ข้ึนไป

2. เกณฑ์การใหค้ ะแนนทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ทักษะการทดลอง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

คณุ ภาพ

เกณฑ์ ดีเยีย่ ม (4) ดี (3) พอใช้ (2) ตอ้ งปรับปรุง (1)

การออกแบบการทดลอง สอดคลอ้ งกับ สอดคล้องกับ สอดคลอ้ งกับ ไมส่ อดคล้องกบั

สมมตฐิ านและควบคมุ สมมติฐานแต่ควบคุม สมมตฐิ านแตค่ วบคมุ สมมติฐานและ

ตวั แปรถูกตอ้ งครบถว้ น ตวั แปรถกู ต้องแตไ่ ม่ ตัวแปรไมถ่ กู ต้อง ควบคมุ ตวั แปร

ครบถ้วน

อ ุปก ร ณ์ที่ใช้ใน การ เลือกใช้อุปกร ณ์ไ ด้ เลอื กใช้อุปกรณไ์ ด้ เลือกใช้อุปกรณ์ เลอื กใช้อุปกรณไ์ ม่

ทดลอง ถูกต้องและเหมาะสม ถูกตอ้ งและเหมาะสม บางสว่ นถกู ตอ้ ง ถูกต้องและ

ใชถ้ กู วธิ ี เหมาะสม ใช้ไมถ่ กู

วิธี

การดำเนนิ การทดลอง ดำเนนิ การทดลองได้ ดำเนินการทดลองได้ ดำเนนิ การทดลองได้ ดำเนินการทดลอง

ถกู ต้องและสมบรู ณ์ ถูกตอ้ ง ถูกต้องเป็นสว่ นใหญ่ ไม่ถูกต้องและไม่

สมบรู ณ์

บ ั น ท ึ ก ข ้ อ ม ู ล ต ร ง บนั ทึกข้อมูลตรง บันทึกข้อมูลตรง บนั ทกึ ข้อมูลไม่ตรง

การบนั ทกึ ข้อมูล จุดประสงค์ที่ต้องการ จุดประสงค์ท่ีต้องการ จุดประสงค์ท่ตี ้องการ จดุ ประสงค์ทีต่ ้องการ

ศกึ ษาและละเอยี ด ศึกษาและถูกต้อง ศกึ ษา ศกึ ษา

เกณฑ์การตัดสนิ ระดับคณุ ภาพ
คะแนน12-16 คะแนน 3 (ดเี ยี่ยม)
คะแนน 8-11 คะแนน
คะแนน 4-7 คะแนน 2 (ด)ี
คะแนน 0-3 คะแนน 1 (พอใช้)
0 (ปรบั ปรงุ )

เกณฑก์ ารผ่าน ต้ังแต่ระดบั คณุ ภาพ 2 ขน้ึ ไป

3. เกณฑ์การให้คะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ทกั ษะการสร้างแบบจำลอง เกณฑ์การให้คะแนน

ระดบั คณุ ภาพ

เกณฑ์ ดีเย่ียม (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรับปรุง (1)

1. ตรงกับ ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานไม่สอดคลอ้ ง
จุดประสงค์ที่ จดุ ประสงคท์ กุ จุดประสงค์ เปน็ สว่ น จุดประสงค์บาง กับจุดประสงค์

กำหนด ประเด็น ใหญ่ ประเด็น

2. ความถูกต้อง เนื้อหาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เน้ือหาสาระของ
สมบรู ณ์ ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถูกตอ้ งเป็นส่วน ผลงานถูกตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ต้อง
ครบถว้ น ใหญ่ บางประเดน็ เป็นส่วนใหญ่

3. มีความคิด แสดงออกถงึ มแี นวคดิ แปลกใหม่แต่ มีความน่าสนใจ แต่ ไมแ่ สดงแนวคิดใหม่

สร้างสรรค์ ความคดิ สร้างสรรค์ ยังไมเ่ ปน็ ระบบ ยงั ไม่มีแนวคิดแปลก
แปลกใหม่ และ ใหม่
เปน็ ระบบ

4. ความเปน็ ระเบียบ มีความเป็นระเบยี บ สว่ นใหญม่ ีความเป็น มคี วามเปน็ ระเบยี บ ส่วนใหญไ่ มเ่ ป็น

ดเู ข้าใจงา่ ย ระเบยี บแตย่ งั มี แตม่ ขี อ้ บกพร่อง ระเบยี บ และมีข้อ
บกพรอ่ งมาก
ข้อบกพร่องเล็กนอ้ ย บางส่วน

เกณฑ์การตัดสนิ ระดับคณุ ภาพ
คะแนน 12-16 คะแนน 3 (ดีเยย่ี ม)
คะแนน 8-11 คะแนน
คะแนน 4-7 คะแนน 2 (ด)ี
คะแนน 0-3 คะแนน 1 (พอใช้)
0 (ปรับปรุง)
เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแตร่ ะดบั คณุ ภาพ 2 ขนึ้ ไป

4. แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

ใฝเ่ รียนรู้ เกณฑ์การให้คะแนน

รายการ ระดับคุณภาพ

ประเมิน 3 2 10

1. ต้ังใจ เพยี ร เขา้ เรียนตรงเวลา ตงั้ ใจเรียน เอา เข้าเรียนตรงเวลา ต้งั ใจเรยี น เข้าเรียนตรงเวลา ไม่ตัง้ ใจเรยี น

พยายามในการ ใจใส่ และมีความเพยี รพยามใน เอาใจใส่ และมีความเพียร ตั้งใจเรยี น เอาใจใสใ่ น

เรยี น และเขา้ รว่ ม การเรียนรู้ มสี ่วนรว่ มในการ พยามในการเรยี นรู้ มสี ว่ น การ เรียน มีสว่ นร่วม

กิจกรรมการ เรียนรู้และเข้าร่วมกจิ กรรมการ รว่ มในการเรียนรแู้ ละเข้า ในการเรียนรู้และเข้า

เรียนรู้ เรียนรู้ ต่าง ๆ ทั้ง รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ร่วมกจิ กรรมการ

ภายในและภายนอกโรงเรยี นเปน็ ต่าง ๆ บ่อยครง้ั เรียนรูต้ า่ ง ๆ เป็น

ประจำ บางครง้ั

2. แสวงหา ศกึ ษาค้นควา้ หาความรู้ จาก ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ จาก ศึกษาคน้ คว้าหา ไมศ่ ึกษา

ความรู้จากแหล่ง หนงั สอื เอกสาร สงิ่ พิมพ์ สือ่ หนังสือ เอกสาร สิง่ พมิ พ์ สื่อ ความรู้ จากหนังสือ คน้ ควา้ หา

เรียนร้ทู ง้ั ภายใน เทคโนโลยี และสารสนเทศแหล่ง เทคโนโลยี และสารสนเทศ เอกสาร สง่ิ พิมพ์ ส่อื ความรู้

และภายนอก เรียนรู้ ท้ังภายในและภายนอก แหล่งเรยี นรู้ ทงั้ ภายในและ เทคโนโลยี แหลง่

โรงเรยี น ด้วยการ โรงเรยี น เลือกใช้สอื่ ไดอ้ ย่าง ภายนอกโรงเรยี น เลอื กใช้ เรียนรู้ ท้งั ภายในและ

เลอื กใช้ส่อื อยา่ ง เหมาะสม มกี ารบันทกึ ความรู้ สอื่ ไดอ้ ย่างเหมาะสม มกี าร ภายนอกโรงเรียน

เหมาะสม สรปุ วเิ คราะหข์ อ้ มลู สรปุ เปน็ องค์ บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ เลอื กใช้สอ่ื ไดอ้ ย่าง

เปน็ องค์ความรู้ ความรู้ และแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ข้อมูล สรุปเปน็ องค์ความรู้ เหมาะสม และมีการ

และนำไปใชใ้ น ดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย และ และแลกเปล่ยี นเรียนรกู้ บั บันทึกความรู้

ชวี ิตประจำวันได้ นำไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ ผอู้ นื่ ได้

เกณฑ์การตัดสนิ

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา

ดีเย่ียม (3) 1 ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเย่ียมทุกตวั ชีว้ ัด หรือ
2 ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเยีย่ มและดี ระดบั ละ 1 ตัวช้วี ดั

ดี (2) 1 ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดที กุ ตัวช้วี ดั หรอื
2 ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยย่ี มและระดับผ่านระดับละ 1 ตัวชี้วดั

ผ่าน (1) 1 ได้ผลการประเมนิ ระดบั ผ่านทุกตัวชีว้ ดั หรือ
2 ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดแี ละระดบั ผ่าน ระดับละ 1 ตวั ช้วี ัด

ไม่ผา่ น (0) ไดผ้ ลการประเมินระดับไมผ่ า่ นอยา่ งน้อย 1 ตวั ชีว้ ัด

เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแตร่ ะดบั คณุ ภาพ 1 ข้ึนไป

5. แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รียน
ความสามารถในการคิด เกณฑ์การให้คะแนน

รายการประเมิน 3 ระดับคณุ ภาพ 0
ปฏิบตั ชิ ัดเจน 21 ไมเ่ คย
1. มีความสามารถในการคิด และสม่ำเสมอ ปฏิบตั ิชัดเจน ปฏิบตั เิ ป็น ปฏิบตั ิ
วิเคราะหเ์ พอ่ื สร้างองค์ความรู้ ปฏบิ ัตชิ ดั เจน และบอ่ ยครั้ง บางครง้ั ไมเ่ คย
และสมำ่ เสมอ ปฏบิ ตั ชิ ดั เจน ปฏิบตั ิเปน็ ปฏบิ ตั ิ
2. มคี วามสามารถในการคดิ ปฏบิ ัตชิ ัดเจน และบอ่ ยครั้ง บางครงั้ ไมเ่ คย
สังเคราะห์เพอื่ สร้างองค์ความรู้ และสมำ่ เสมอ ปฏิบัตชิ ัดเจน ปฏิบตั เิ ป็น ปฏบิ ัติ
ปฏบิ ัตชิ ัดเจน และบอ่ ยครัง้ บางครง้ั ไมเ่ คย
3. มีความสามารถในการคดิ อยา่ ง และสม่ำเสมอ ปฏบิ ัติชดั เจน ปฏบิ ตั ิเปน็ ปฏิบัติ
สร้างสรรค์เพอื่ สร้างองค์ความรู้ ปฏิบัตชิ ดั เจน และบ่อยคร้งั บางครง้ั ไม่เคย
และสมำ่ เสมอ ปฏิบัติชดั เจน ปฏิบตั เิ ปน็ ปฏิบัติ
4. มีความสามารถในการคิดอย่างมี และบอ่ ยครั้ง บางครง้ั
วิจารณญาณเพอื่ สรา้ งองค์ความรู้

5. มคี วามสามารถในการคิดเป็น
ระบบเพอ่ื สร้างองค์ความรู้

6. แบบประเมนิ สมรรถนะผ้เู รียน
ความสามารถในการสอ่ื สาร เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

รายการประเมิน 3 ระดับคุณภาพ 0
ปฏิบตั ชิ ัดเจน ไมเ่ คยปฏิบัติ
1. มีความสามารถในการรบั และสง่ และสมำ่ เสมอ 21 ไมเ่ คยปฏิบตั ิ
สาร ปฏบิ ตั ชิ ดั เจน
และสม่ำเสมอ ปฏิบัตชิ ัดเจน ปฏบิ ัตเิ ป็น ไมเ่ คยปฏบิ ัติ
2. มีความสามารถถ่ายทอดความรู้ และบอ่ ยครั้ง บางครั้ง ไมเ่ คยปฏิบัติ
ความคดิ ความเข้าใจ ของตนเอง ปฏิบัตชิ ดั เจน ปฏบิ ัตชิ ดั เจน ปฏิบัตเิ ปน็
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม และสมำ่ เสมอ และบอ่ ยครั้ง บางครงั้ ไม่เคยปฏบิ ตั ิ
ปฏบิ ัติชดั เจน
3. เลือกรบั หรอื ไมร่ บั ขอ้ มลู ข่าวสาร และสม่ำเสมอ ปฏิบตั ชิ ัดเจน ปฏบิ ตั เิ ป็น
ดว้ ยหลักเหตุผลและความถกู ต้อง และบอ่ ยคร้งั บางครั้ง
ปฏบิ ัติชัดเจน
4. สามารถเลือกใช้วิธีการสอ่ื สาร ที่มี และสม่ำเสมอ ปฏิบัติชดั เจน ปฏิบัตเิ ปน็
ประสิทธิภาพโดยคำนงึ ถึง และบ่อยครั้ง บางครง้ั
ผลกระทบทีม่ ตี ่อตนเองและสังคม
ปฏบิ ัติชัดเจน ปฏบิ ัตเิ ป็น
5. สามารถเจรจาต่อรองเพ่ือขจัด และบอ่ ยครงั้ บางครัง้
และลดปญั หาความขดั แยง้

7. แบบประเมินสมรรถนะผเู้ รียน
ความสามารถในการแก้ปัญหา เกณฑก์ ารให้คะแนน

รายการประเมิน 3 คุณภาพ 1 0
ปฏบิ ตั ิชัดเจนและ 2 ปฏบิ ตั ิเป็น ไมเ่ คย
1. สามารถแก้ปญั หาและอปุ สรรค ปฏิบัติชดั เจนและ บางคร้งั ปฏิบัติ
ต่าง ๆ ท่เี ผชญิ ได้ สม่ำเสมอ บอ่ ยคร้งั ปฏบิ ตั ิเป็น ไม่เคย
ปฏิบตั ิชดั เจนและ ปฏิบัตชิ ดั เจนและ บางคร้งั ปฏบิ ัติ
2. แก้ปญั หาโดยใช้เหตผุ ลควบคู่ บ่อยครง้ั ปฏบิ ตั ิเปน็ ไม่เคย
คณุ ธรรม สมำ่ เสมอ ปฏิบตั ชิ ัดเจนและ บางครั้ง ปฏิบัติ
ปฏิบัตชิ ัดเจนและ บอ่ ยครั้ง ปฏิบตั ิเป็น ไม่เคย
3. เข้าใจความสมั พันธแ์ ละการ ปฏิบตั ิชดั เจนและ บางครั้ง ปฏบิ ตั ิ
เปลีย่ นแปลงในสงั คม สมำ่ เสมอ บอ่ ยครง้ั
ปฏบิ ัตชิ ดั เจนและ ไม่เคย
4. แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้ ปฏบิ ัติ
มาใช้ในการปอ้ งกนั และแก้ไข สมำ่ เสมอ
ปญั หา
ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและ ปฏิบตั ชิ ดั เจนและ ปฏบิ ตั ิเปน็
5. มกี ารตัดสนิ ใจท่คี ำนงึ ถึง
ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน สมำ่ เสมอ บอ่ ยครั้ง บางครง้ั

เกณฑ์การตัดสิน คะแนน 14-15 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 3 (ดเี ย่ยี ม)
เกณฑก์ ารผา่ น คะแนน 11-13 คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 (ดี)
คะแนน 8-10 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 (ผา่ น)
คะแนน 0-7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 0 (ไมผ่ า่ น)
ต้งั แตร่ ะดบั คณุ ภาพ 1 ขน้ึ ไป

10. ความคิดเหน็ ของผู้บรหิ าร หรือ ผ้ทู ี่ไดร้ ับมอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชือ่ ...............................................
()
ตำแหนง่ ……………………………..

11. บันทึกผลหลงั สอน
11.1 ผลการสอน
ด้านความรู้ นักเรียน จำนวน..........คน ผ่านเกณฑ์ จำนวน.........คน คิดเป็นร้อยละ..............

ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ..............
ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน จำนวน..........คน ผ่านเกณฑ์ จำนวน........คน คิดเป็นร้อยละ

..............ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ..............
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรยี น จำนวน..........คน ผา่ นเกณฑจ์ ำนวน.........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ

..............ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ..............
11.2 ปัญหา/อปุ สรรค
................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

11.3 ขอ้ เสนอแนะ/แนวทำงแก้ไข
................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

(ลงช่อื )…………………….….………...ผู้สอน
(นางสาวรัตนาภรณ์ กันตี)
ตำแหนง่ ครู คศ.1

กจิ กรรมการทดลอง
เรอ่ื ง ทาอย่างไรใหก้ งุ้ สุก

1. จุดประสงค์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2.สมมตฐิ าน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3.ตวั แปรทศ่ี กึ ษา

3.1 ตวั แปรตน้ คอื …………………………………………………………………………….

3.2 ตวั แปรตาม คอื ………………………………………………………………………….

3.3 ตวั แปรควบคุม คอื ………………………………………………………………………

4. วสั ดแุ ละอุปกรณ์ในการทดลอง (ทเ่ี ลอื กใช)้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……

5. วธิ กี ารทดลอง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
.…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

6.ผลการทดลอง เวลา (นาท)ี ผลการเปลี่ยนแปลง

อณุ หภูมิ (๐C)

7. สรปุ ผลการทดลอง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

แบบจาลองการถา่ ยโอนความรอ้ น โดยวธิ …ี ……………..

คำถำมท้ำยกิจกรรม

1. การถา่ ยโอนความรอ้ นไปยงั กงุ้ เป็นการถา่ ยโอนความรอ้ นโดยวธิ ใี ด

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…

2. นักเรยี นทราบไดอ้ ยา่ งไรว่ากงุ้ สกุ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…

3. จงยกตวั อยา่ งการถา่ ยโอนความรอ้ นทอ่ี าศยั ตวั กลางทเ่ี ป็นของเหลวหรอื แกส๊ ในชวี ติ ประจาวนั มาสกั
4 อย่าง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…

สมำชิก

1…………………………………………………………………เลขท…่ี ………
2…………………………………………………………………เลขท…่ี ………
3…………………………………………………………………เลขท…่ี ………
4…………………………………………………………………เลขท…่ี ………
5….……………………………………………………..………เลขท…่ี ………
6….……………………………………………………..………เลขท…่ี ………
7….……………………………………………………..………เลขท…่ี ………
8….……………………………………………………..………เลขท…่ี ………

ชนั้ ม.1/……

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การถา่ ยโอนความร้อน แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน รหสั วชิ า ว21103
วิชาวทิ ยาศาสตร์ 2 เวลาสอบ 15 นาที
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1
คะแนนเตม็ 15 คะแนน ภาคเรียนท่ี 2

กรณุ าอ่านคำอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจกอ่ นลงมือทำข้อสอบ
คำอธิบาย

1. แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียนฉบบั นี้มที ้ังหมด 15 ขอ้ 15 คะแนน
2. ให้นกั เรยี นเขยี น ชือ่ -สกลุ ชนั้ และเลขที่ ลงในกระดาษคำตอบให้เรยี บร้อยก่อนลงมอื ทำข้อสอบ
3. เวลาท่ีใชใ้ นการทำขอ้ สอบท้ังหมด 10 นาที

คำสง่ั จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

ตัวชีว้ ัด 2.1 ม.1/4 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรูข้ องการหด และขยายตัวของสสารเนอื่ งจากความ
รอ้ นโดยวิเคราะห์สถานการณป์ ัญหา และเสนอแนะวธิ ีการนำความรมู้ าแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวัน
1.เมือ่ ให้ความร้อนแก่แทง่ เหลก็ ข้อใดอธิบายการเปลย่ี นแปลงอนุภาคของแท่งเหลก็ เม่ือไดร้ ับความรอ้ นได้

ถกู ต้อง
ก. อนภุ าคของแทง่ เหลก็ มขี นาดใหญข่ ้ึน

ข. อนภุ าคของแท่งเหล็กมีจำนวนเพมิ่ ข้ึน
ค. อนุภาคของแท่งเหล็กเกิดการสัน่ และถา่ ยโอนความรอ้ น
ง. อนภุ าคของแทง่ เหล็กมแี รงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าคเพิม่ ขน้ึ

2.ข้อใดเปน็ การนำหลักของการขยายตัวของวตั ถเุ นื่องจากความร้อนไปใชป้ ระโยชน์อย่างถูกตอ้ ง
ก. การนอนอาบแดดในฤดูรอ้ น

ข. การวางรางรถไฟโดยเว้นช่องวา่ งใหห้ ่างกนั พอสมควร
ค. การทำที่จับพลาสติกของหมอ้ ต้มเพ่อื ป้องกันความรอ้ น
ง. การเตมิ น้ำในหมอ้ น้ำรถยนต์จนเต็มเพอ่ื ป้องกนั เครือ่ งยนตเ์ สียหาย

3.รถยนต์ท่ีวง่ิ บนถนนทรี่ อ้ นจดั ยางรถยนตม์ ักระเบดิ เนื่องมาจากสาเหตใุ ด
ก. การหดตัวของเนอื้ ยางรถยนต์

ข. การหลอมเหลวของเน้ือยางรถยนต์
ค. การหดตัวของอากาศในยางรถยนต์
ง. การขยายตัวของอากาศในยางรถยนต์

4.ขอ้ ใดอธบิ ายการถ่ายโอนความร้อนได้ถูกต้อง
ก. ความร้อนจะถ่ายเทจากทีต่ ำ่ ไปสู่ที่สูง

ข. ความร้อนจะถา่ ยเทจากทีส่ ูงไปสู่ที่ตำ่
ค. ความร้อนจะถ่ายเทจากอุณหภูมติ ่ำไปสอู่ ุณหภมู ิสูง
ง. ความรอ้ นจะถ่ายเทจากอุณหภมู สิ งู ไปสู่อุณหภมู ิต่ำ

5.ชายคนหน่ึงออกแบบบ้านให้มีชอ่ งลม และตดิ พัดลมระบายอากาศ เมื่ออากาศรอ้ นลอยตวั สูงข้ึนออกไปตาม
ช่องลม อากาศเย็นก็จะพัดเข้ามาแทนที่ การออกแบบบ้านให้มีการระบายอากาศเช่นนี้ใช้หลักการถ่ายโอน

ความร้อนในขอ้ ใด (O-NET)
ก. การแผร่ งั สี
ข. การพาความร้อน

ค. การนำความร้อน และการทำความร้อน
ง. การแผ่รงั สี และการนำความร้อน

ตวั ชีว้ ัด ว2.1 ม.1/5 วเิ คราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความร้อน และคำนวณปริมาณความร้อนที่ถา่ ยโอน
ระหว่างสสารจนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้ สมการ Qสญู เสีย = Qไดร้ ับ
6.การถ่ายโอนความร้อนทโ่ี มเลกลุ ของสารเคลอ่ื นทไี่ ปดว้ ย เปน็ การถา่ ยโอนความรอ้ นในรปู แบบใด

ก. การพาความรอ้ น
ข. การนำความรอ้ น

ค. การแผ่รงั สคี วามรอ้ น
ง. การดูดกลนื ความร้อน
7.เพราะเหตใุ ดดา้ มจับของภาชนะหงุ ตม้ จึงมักหอ่ หุ้มด้วยพลาสตกิ

ก. พลาสตกิ ดูดกลนื ความร้อนได้ดี
ข. พลาสตกิ เปน็ วัสดนุ ำความร้อน

ค. พลาสติกเปน็ ฉนวนกนั ความร้อน
ง. พลาสติกปอ้ งกันการแผร่ งั สีความร้อนได้ดี
8. การใชแ้ ผ่นอะลมู ิเนียมฟอยล์ห่อห้มุ อาหาร เพ่ือใหอ้ าหารรอ้ นได้นานขน้ึ เปน็ การนำความรเู้ รอื่ งการถา่ ยโอน

ความร้อนแบบใดมาใช้ประโยชน์
ก. การนำความร้อน

ข. การพาความรอ้ น
ค. การแผ่รงั สีความร้อน
ง. การดดู กลนื ความร้อน

9. พลงั งานความรอ้ นเดนิ ทางจากดวงอาทติ ยม์ าถึงโลกโดยวิธใี ดใด
ก. ความรอ้ นถูกแผร่ งั สโี ดยไม่ผ่านตวั กลาง

ข. ความรอ้ นเดนิ ทางผา่ นลม
ค. ความร้อนถกู นำผ่านโมเลกุลอากาศ
ง. การพาความรอ้ นผา่ นกระแสอากาศ

10.ครอบลกู โปง่ ทย่ี ังไม่พองเขา้ กับปากขวดให้สนทิ จากนนั้ นำขวดไปแชล่ งในของเหลวชนิดหนึง่ แล้วตงั้ ทิง้ ไวใ้ น
หอ้ ง พบว่าลูกโปง่ ขยายตวั ออกดังภาพท่ี 1 เมอื่ เวลาผ่านไปลูกโป่งมขี นาดเล็กลงดังภาพท่ี 2 (O-NET)

จากภาพที่ 1 ไปภาพท่ี 2 ความดนั ของแกส๊ ในลูกโป่งและอุณหภูมขิ องของเหลวเปลีย่ นแปลงหรอื ไม่ อยา่ งไร

ความดนั ของ อุณหภมู ขิ อง

แก๊สภายใน ของเหลว

ลูกโปง่

ก. ลดลง ลดลง

ข. ลดลง เท่าเดิม

ค. เท่าเดิม ลดลง

ง. เทา่ เดิม เทา่ เดิม

11. เทอรม์ อมิเตอร์อนั หนง่ึ ถูกแบ่งสเกลเป็น 5 ชอ่ งเทา่ กัน โดยใหข้ ดี 0 ตรงกับอุณหภมู ิ 0 องศาเซลเซียส ขีด
5 ตรงกับอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ใช้เทอร์มอมิเตอร์นี้วัดอุณหภูมิของอากาศในห้อง A พบว่าลำปรอท
สูงขึ้นถึง 2 ขีดพอดีดังภาพที่ 1 จากนั้นนำไปวัดอุณหภูมิของอากาศในห้อง B พบว่าปรอทค่อยๆต่ำลง
จนกระท่งั หยดุ นิง่ ท่ขี ีด 1 พอดี ดงั ภาพท่ี 2อากาศในหอ้ ง A และ B มีอณุ หภมู ติ ่างกนั เท่าใด และเพราะเหตุใด
ขณะทวี่ ดั อุณหภูมิอากาศของห้อง B ลำปรอทจงึ คอ่ ยๆลดต่ำลง (O-NET)

ก. 10 องศาเซลเซียส และความร้อนจากปรอทถูกถ่ายโอนสู่อากาศภายนอก
ข. 10 องศาเซลเซียส และความเย็นจากอากาศภายนอกถ่ายโอนสู่ปรอท
ค. 20 องศาเซลเซยี ส และความเย็นจากอากาศภายนอกถ่ายโอนสู่ปรอท
ง. 20 องศาเซลเซียส และความรอ้ นจากปรอทถูกถ่ายโอนสู่อากาศภายนอก

12.จากขอ้ ความต่อไปน้ี ใหน้ กั เรียนพิจารณาว่า เปน็ การถ่ายโอนความร้อนโดยวธิ ีใด (1) ความร้อนจากเตาไฟ
มาถงึ ตวั ปลาขณะกำลังป้งิ (2) ความร้อนจากเตาไฟมาถงึ มอื ทจ่ี ับตะแกรงขณะกำลงั ปง้ิ (3) ความรอ้ นจากเตา
ไฟมายังหน้าคนปิ้งปลา

ก. (1) คือ การนำความร้อน
(2) คอื การพาความร้อน
(3) คอื การแผ่รงั สีความร้อน

ข. (1) คือ การพาความรอ้ น
(2) คือ การนำความร้อน
(3) คอื การแผ่รังสีความรอ้ น

ค. (1) คอื การแผร่ ังสคี วามร้อน
(2) คอื การนำความร้อน
(3) คอื การพาความรอ้ น

ง. (1) คอื การแผ่รงั สีความร้อน
(2) คือ การพาความร้อน
(3) คือ การนำความรอ้ น

13.บรเิ วณด้านลา่ งของภาชนะหุงต้มอาหารที่ทำจากโลหะควรเคลอื บด้วยสีใด จึงจะทำใหภ้ าชนะรอ้ นได้เรว็
และชว่ ยประหยดั พลงั งาน

ก. สขี าว
ข. สดี ำ
ค. สีเงนิ
ง. สแี ดง

14. อุปกรณ์ใดต่อไปนใ้ี ช้หลักการขยายตัวของวัตถเุ มอ่ื ไดร้ บั ความร้อน
ก. สวติ ช์ไฟฟ้า
ข. ถา่ นไฟฉาย
ค. เครื่องเตอื นไฟไหม้
ง. มอเตอรไ์ ฟฟ้า

15. วัสดใุ ดนิยมนำมาทำฉนวนความร้อน
ก. พลาสติก
ข. เงนิ
ค. ทองเหลือง
ง. อะลมู เิ นยี ม

ขอ้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

เฉลย ค. ข. ง. ง. ข. ก. ค. ก. ก. ก. ง. ข. ข. ค. ก.

เกณฑ์การประเมินผล ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ คอื ไดค้ ะแนน 10 คะแนนข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน การประเมนิ ผล
12-15 ผา่ น
ระดบั คณุ ภาพ 9-11 ผ่าน
ดเี ย่ยี ม (4) 8 ผา่ น
ดี (3) 0-7 ไมผ่ า่ น
พอใช้ (2)
ปรบั ปรุง (1)

ชอ่ื -สกุล…………………………………………………………ชั้น…ม.1/…………..เลขที่……….

คำส่งั จงเลอื กคำตอบท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ุดเพียงคำตอบเดยี ว

ขอ้ ก ข ค ง
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.


Click to View FlipBook Version