CELL & TISSUE
นำเสนอโดย
นางสาวอนุตตรีย์ สีหะวงษ์
รหัสนักศึกษา 654991060
คำนำ
กายวิภาคเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Cell & Tissue และ
สิ่งที่ควรต้องรู้และหนังสือเล่มนี้ยังมีภาพประกอบด้วยเพื่อเพิ่มความเข้าใจกับผู้ที่สนใจยิ่งขึ้น
ผู้จัดทำหวังว่ากายวิภาคเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่อ่าน หรือ นักเรียน นักศึกษา ที่
กำลังหาและสนใจเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัย
มา ณ ที่นี้ด้วย
สารบัญ หน้า
เรื่อง 1
2
Connective tissue 3-6
-ลักษณะและตำแหน่งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 7-9
-องค์ประกอบของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 10
-ประเภทของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 11
-หน้าที่ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 12-15
16
Physiology of cell & cell transportation 17
-ส่วนประกอบของเซลล์ 18-19
-หน้าที่ของเซลล์ 20-22
-องค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์
-การขนส่งสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
Mind map
CONNECTIVE
เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน TISSUE
1
ลักษณะและตำแหน่งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
Connective tissue หรือ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
• เนื้อเยื่อพื้นฐานของร่างกาย
• แทรกอยู่ในช่องว่างระหว่างอวัยวะหรือเนื้อเยื่อ
• หน้าที่สำคัญ : ค้ำจุนโครงสร้างและเป็นตัวกลางให้สารผ่านระหวา่งเนื้อเยื่อ
Connective tissue proper : แทรกตามเนื้อเยื่อ
Adipose (fat) tissues : ไขมันใต้ผิวหนังและรอบอวัยวะ
Dense connective tissue : เอ็นยึดระหว่างกระดูกและกล้ามเนื้อ
Speclalized connective tissue : กระดูกอ่อน
Bone : กระดูก
Blood : เลือด
2
องค์ประกอบของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
Cells
• Fixed cells
Mesenchymal cells
ลักษณะ : ขนาดเล็กรูปกระสวยหรือรูปแฉกดาว มี cytoplasmic process เล็กบางยื่นออก
จากตัวเซลล์ นิวเคลียสกลม มีสาย chromatin กระจายภายในนิวเคลียส
หน้าที่ : แบ่งตัวเพิ่มจำนวนและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลลช์นิดอื่นของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
Macrophages
ลักษณะ : เซลล์ขนาดใหญ่ รูปร่างไม่แน่นอน สังเกตได้จากสิ่งที่เซลล์กินเข้าไปใน cytoplasm
มักเห็นนิวเคลียสเป็นรูปไต ขอบหยัก
หน้าที่ : กำจัดเชื่อโรค สิ่งแปลกปลอมหรือซากเซลล์ที่ตาย
Mast cells
ลักษณะ : รูปไข่ ขนาดใหญ่ นิวเคลียสทรงกลม ภายใน cytoplasm พบ basophilic
granule จำนวนมาก บรรจุ heparin และ histamine
หน้าที่ : เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการอักเสบและภูมิแพ้
3
Fibroblasts
ลักษณะ : แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1.รูปดาว นิวเคลียสรีขนาดใหญ่ใน cytoplasm มี RER และ golgi complex จำนวน
มาก
2.รูปกระสวย หัวท้ายเรียวมีขนาดเล็กกว่าชนิดแรก ภายใน cytoplasm มี organelles ไม่
มาก (Fibrocytes)
หน้าที่ : สร้างและหลั่งเส้นใยและสารที่อยู่ระหว่างเซลล์
Adipose cells
ลักษณะ : ขนาดใหญ่ ภายใน cytoplasm บรรจุหยดไขมันขนาดใหญ่ ทำให้นิวเคลียสถูก
ดันติดขอบเซลล์และถูกเบียดจนแบน cytoplasm หุ้มอยู่โดยรอบ มีลักษณะคล้ายวงแหวน
หน้าที่ : เก็บสะสมไขมัน
Pigmented cells
ลักษณะ : ภายใน cytoplasm มี granule ขนาดเล็กและติดสีบรรจุอยู่พบได้มากในชั้น
หนังแท้ เรียกว่า Melanocyte มีรูปร่างไม่แน่นอน
หน้าที่ : Melanocytes ส่งเม็ดสี หรือ melanin ไปให้ keratinocytes ทำใหเ้กิดสี
ผิวหนังขึ้น
4
• Wandering cells
Plasma cells
ลักษณะ : รูปทรงกลมหรือรูปไข่ นิวเคลียสทรงกลมอยู่ค่อนไปด้านใดด้านหนึ่งของเซลล์
ภายในนิวเคลียสพบ heterochromatin เกาะเป็นกลุ่มตามขอบนิวเคลียส cytoplasm
ติดสีน้ำเงินเข้มเนื่องจากมี ribosome เป็นจำนวนมาก
หน้าที่ : เปลี่ยนแปลงมาจาก B lymphocyte ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกัน
Leucocytes or white blood cells
• ขนาดใหญ่กว่าเม็ดเลือดแดง และมีนิวเคลียส
• สามารถเคลื่อนที่ออกจากหลอดเลือดไปอยู่ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันได้
• ภายใน cytoplasm พบ
- Azurophilic granules
- Specific granules พบในเม็ดเลือดขาวบางชนิด
White blood cells
Agranulocytes Granulocytes
Lymphocytes Neutrophils
Monocytes Basophils
Eosinophils
5
Extracellular matrix
• Fiber
Collagen fiber
ลักษณะ : พบมากที่สุดในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เป็นเส้นใยยาว หยักเป็นคลื่นความกว้างและความยาว
แตกต่างกัน
หน้าที่ : เสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อ
Elastic fiber
ลักษณะ : เล็กและบางกว่าเส้นใย collagen มีการแตกแขนง
หน้าที่ : ทำให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิม ป้องกันการฉีกขาดของ
เRนื้eอtเiยืc่อular fiber
ลักษณะ : เป็นเส้นใยที่บางที่สุดลักษณะคล้ายเส้นด้าย
หน้าที่ : จัดเรียงตัวเป็นโครงข่ายเชื่อมต่อในลักษณะสามมิติ เป็นโครงร่างสำหรับให้เซลล์ที่เป็น
องค์ประกอบของเนื้อเยื่อมาเกาะ
• Ground sabstance
• มีลักษณะกึ่งแข็งเหลวคล้ายวุ้น โปร่งแสงไม่มีสีแทรกอยู่ในช่องว่างระหว่างเซลล์และ
เส้นใย
• •Tiสsาsมuาeรถfดlูuดiซdับและอุ้มน้ำไว้ได้ในปริมาณมาก
• ของเหลวที่เคลื่อนผ่านออกมาจากผนังหลอดเลือดฝอย
• องค์ประกอบสำคัญ crystalloid ออกซิเจน และสารอาหาร
6
ประเภทของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
Embryonic connective tissue
• Mesenchyme
สานต่อกันเป็นโครงร่างสามมิติกึ่งเหลวแทรกระหว่างเซลล์ ปริมาณเส้นใยน้อยส่วนใหญ่เป็น
เส้นใย reticular ตัวอ่อนระยะแรก
• Mucous connective tissue
พบในตัวอ่อนเป็นโครงสร้างหลักในสายสะดือและชั้นใต้ผิวหนังของตัวอ่อน ค้ำจุน
โครงสร้างต่างๆ ลดแรงกระแทก
Adult connective tissue
• Connective tissue proper
General connective tissue proper
• Loose connective tissue
ลักษณะ : ส่วนประกอบของเซลล์มากกว่าปริมาณเส้นใย
หน้าที่ : เป็นตัวกลางให้อออกซิเจน สารอาหาร คาร์บอนไดออกไซด์และของเสียจากเนื้อเยื่อ
แพร่ผ่านแลกเปลี่ยนระหว่างหลอดเลือดขนาดเล็กและเนื้อเยื่อ
• Dense regular connective tissue
ลักษณะ : ประกอบด้วยเส้นใย collagen อยู่ด้วยกันหนาแน่นเรียงตัวขนานกันเป็นระเบียบอาจ
พบเส้นใย elastic ปนอยู่ มี fibroblast แทรกอยู่ระหว่างเส้นใย
• Dense irregular connective tissue
ลักษณะ : เส้นใย collagen เป็นองค์ประกอบหลักจำนวนเซลล์น้อย
fibroblast กระจายอยู่ทั่วเส้นใยจัดเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ ทนแรงตึงเครียดได้หลายทิศทาง
หน้าที่ : ให้ความแข็งแรงแก่เนื้อเยื่อ
7
Special connective tissue proper
Adipose tissue
• White adipose tissue
ลักษณะ : ประกอบด้วยเซลล์ไขมันขนาดใหญ่บรรจุ
อยู่หยดเดียว นิวเคลียสถูกเบียดไปชิดขอบเซลล์ด้าน
หนึ่งมีลักษณะ คล้ายวงแหวน
หน้าที่ : เป็นฉนวนกันการสูญเสียความร้อนออกจาก
ร่างกายและลดอันตรายจากแรงกระแทกจากภายนอก
• Brown adipose tissue
ลักษณะ : adipose cell ที่มีหยดไขมันขนาดเล็ก
หลายหยดบรรจุอยู่ภายใน เซลล์มีขนาดเล็กกว่า
white adipose tissue รูปร่างกลม นิวเคลียส
อยู่กลางเซลล์ ภายในเซลล์บรรจุ mitochondria
จำนวนมากทำให้เนื้อเยื่อมีสีน้ำตาล เนื้อเยื่อชนิดนี้มี
septum แบ่งออกเป็น lobules เล็กจำนวนมาก
หน้าที่ : ผลิตความร้อนให้แก่ร่างกาย
Elastic tissue
ลักษณะ : ประกอบด้วย fibroblasts และเส้นใย elastic
จำนวนมากเรียงขนานกันเป็นคลื่น
หน้าที่ : ค้ำจุนให้ความยืดหยุ่นแก่โครงสร้าง
Reticular tissue
ลักษณะ : ประกอบด้วยเส้นใย reticular และ reticular
cells พบที่ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลืองและไขกระดูก
หน้าที่ : เป็นโครงร่างให้เซลล์เกาะ
8
• Specialized connective tissue
Bone
ลักษณะ : ประกอบด้วยเซลล์ 4 ชนิด คือ Osteoprogenitor cells Osteoblasts
Osteocytes Osteoclasts โดย extracellular matrix มีเกลือแคลเซียมและฟอสเฟต
สะสมมีคุณสมบัติแข็งแต่เปราะและยืดหยุ่นน้อย
หน้าที่ : เป็นโครงร่างหลักของร่างกาย เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อและเอ็น ป้องกันอันตรายให้
อวัยวะต่าง ๆ เก็บสะสม แคลเซียมและฟอสฟอรัส
Cartilage
ลักษณะ : ประกอบด้วยเซลล์ chondrocyte เส้นใย collagen type II และ ground
substance ลักษณะคล้ายวุ้นมี chondroitin sulfate เป็นองค์ประกอบ
ประเภท : 1.Hyalincartilage
2.Elastic cartilage
3.Fibrocartilage
หน้าที่ : เป็นโครงร่างของทารกในครรภ์
Blood
• Red blood cells (Erythrocytes)
นิวเคลียส : เซลล์โตเต็มวัยไม่มีนิวเคลียสและ organelles
หน้าที่ : ขนส่งออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์
ตำแหน่งที่พบ : ในระบบไหลเวียนเลือด
• Platelets (Thrombocytes)
นิวเคลียส : ไม่มีนิวเคลียส
หน้าที่ : ปกคลุมผิวหรืออุดส่วนที่ขาดเป็นรูของผนังด้านใน
หลอดเลือด มีส่วนช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด
9
หน้าที่ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
1.ยึดเยื่อบุผิวให้ติดกับเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างใต้ ค้ำจุนโครงสร้างและอวัยวะต่างๆ
2.ประกอบเป็นเปลือกห่อหุ้มอวัยวะเพื่อแยกออกจากอวัยวะข้างเคียง
3.ยึดระหว่างกระดูกกับกระดูก ligament ยึดกล้ามเนื้อกับกระดูก
tendon
4.ในการเกิดใหม่ในกระบวนการซ่อมแซมภายหลังการบาดเจ็บ
5.เซลล์และโมเลกุลหลายชนิดทำหน้าที่ปกป้องเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกาย
6.แหล่งสะสมพลังงานและความร้อนให้แก่ร่างกาย
10
Physiology of cell
&
cell transportation
11
ส่วนประกอบของเซลล์
ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์
• โครงสร้างที่ห่อหุ้ม cytoplasm ของ
เซลล์ใ์ห้คงรูปร่างและแสดงขอบเขต ของ
เซลล์
• ผนังเซลล์ (Cell wall) และเยื่อหุ้มเซลล์
(Cell membrane)
Protoplasm
Nucleus
1.เยื่อหุ้มนิวเคลียส (Nuclear membrane/envelope)
• ลักษณะเหมือนเยื่อหุ้มเซลล์ ประกอบด้วยชั้นนอกและชั้นใน ทางผ่านเข้าออกของสาร
• มีไรโบโซมเกาะ
2.โครมาติน (Chromatin)
• DNA และ โปรตีน สร้าง mRNA
• โครโมโซม (Chromosome) : โครมาตินหดสั้นและหนาขณะที่เซลล์มีการแบ่งตัว
3.นิวคลีโอลัส (Nucleolus)
• รูปร่างกลมจำนวนไม่แน่นอน เกาะติดกับโครโมโซม ปะปนกับเส้นใยละเอียด ประกอบด้วย
RNA โปรตีน และ DNA
• มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง rRNA ไรโซมและมีเอ็นไซม์ทำหนา้ที่เกี่ยวกับการแบ่งเซลล์
12
Cytoplasm
Organelles
• ไม่มีเยื่อหุ้มเซลล์
ไรโบโซม (Ribosome)
• ไม่มีเยื่อหุ้มเซลล์ ขนาดเล็กทรงกลม
• ประกอบด้วยหน่วยย่อยขนาดเล็กและขนาดใหญ่ องค์ประกอบ โปรตีน และ rRNA
• หน้าที่ : สังเคราะห์โปรตีนและเกี่ยวข้องกับการแบ่งเซลล์
• พบในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
โครงกระดูกของเซลล์ (Cytoskeleton)
• ยึดโยงด้วยสายใยของโปรตีนภายในเซลล์
• ไมโครฟิลาเมนต์(Microfilaments)
• อินเตอร์มีเดียดฟิลาเมนต์ (Intermediate filament)
• ไมโครทูบูล (Microtubules)
• หน้าที่ : ค้ำจุนและทำใหเ้ซลล์คงรูปร่าง ช่วยในการเคลื่อนที่ของเซลล์โดยการหดสั้นเข้าหรือ
ยืดออก เช่น ป้องกันเชื้อโรค เพิ่มพื้นที่ในการดูดซึมและรับความรู้สึก พิเศษ
เซนทริโอล (Centriole)
• ไม่มีเยื่อหุ้ม มีลักษณะเป็นทรงกระบอก หรือ ท่อเล็กๆ 2 กลุ่ม ประกอบด้วยไมโครทูบูลเรียงตัว
กันเป็นวงกลม
• หน้าที่ : เกี่ยวข้องกับการแบ่งเซลล์
13
• มีเยื่อหุ้ม 1 ชั้น
เอ็นโดพลาสมิคเรติคูลัม (Endoplasmic reticulum: ER)
• ถุงขนาดใหญ่แบน กลม เรียงซ้อนกัน
• เยื่อหุ้มเป็นตัวกลางเลือกชนิดและขนาด โมเลกุลในการผ่านเข้า-ออกระหว่าง ER และ
cytosol
• ห1น)้าเทีอ่็น:โดสพร้าลงาโสมมเิลคกเุรลติโคูปลัรมตีชนนิแดลเะรีไยขบมัน(ใSห้mกับoอoอtรh์แกeแnนdลoplasmic reticulum :SER)
• ประกอบด้วยไขมัน และโปรตีน
• หน้าที่ : ลําเลียงสารผ่านเซลล์สังเคราะห์และลําเลียงสเตียรอยด์ กําจัดสารพิษ สะสม
แคลเซียมในเซลล์กล้ามเนื้อ
• พบมากในเซลล์ต่อมหมวกไตส่วนนอก เซลล์ในรังไข่และอัณฑะ
2) เอ็นโดพลาสมิคเรติคูลัมชนิดขรุขระ (Rough endoplasmic reticulum :RER)
• มีไรโบโซมจับ ที่ผิวด้านนอก
• หน้าที่ : สังเคราะห์โปรตีนในลักษณะของสารละลายนำออกจากเซลล์ผ่านทางกอลไจบอ
ดี
• พบในเซลล์สัตว์ ที่ทำหน้าที่ผลิตโปรตีนหรือไกลโคโปรตีนเซลล์ตับอ่อนที่ผลิตน้ำย่อย
กอลไจบอดีE (Golgi body)
• ถุงแบนหุ้มด้วยเยื่อบางๆ หลายถุงเรียงซ้อนกัน
หรือเป็นท่อเรียงซ้อนกัน
• รอบนอกมีถุงเดี่ยวขนาดเล็ก
• หนา้ที่ : 1. ปรับปรุงและคัดเลือกสาร
2. การสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต
14
กอลไจบอดีE (Golgi body)
• ถุงขนาดเล็กมีเยื่อหุ้ม
• หนา้ที่ : 1.ย่อยสลายสารที่ร่างกายไม่ต้องการ
2.เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยา cellular defense mechanism
• พบมากในเซลลเ์มด็เลือดขาวเซลลต์บัและมา้ม
เพอรอกซิโซม (Peroxisome)
• ขนาดเล็กรูปร่างคล้ายไลโซโซม
• แบ่งตัวไดเ้องคล้ายไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์
• หน้าที่ : เอนไซม์ Catalase ย่อยไฮโดรเจนเพอรอกไซด์ เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารพิษ
แวคิวโอล (Vacuole)
• พบในเซลล์พืชและสัตว์หลายชนิด
• หน้าที่ : เก็บหลั่งและถ่ายของเหลวภายในเซลล์
• แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Contractile, vacuole Foodvacuole ,Sap
vacuole
• มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น
ไมโตคอนเดรีย (Mitochondria)
• องค์ประกอบ : โปรตีนไขมัน DNARNA และ ไรโบโซม
• รูปร่างไม่แน่นอน : ก้อนท่อนยาว หรือ คล้ายกระบอง
• หน้าที่ : สร้างพลังงานและเผาพลาญให้ได้พลับงานในรูป A T P
15
หน้าที่ของเซลล์
1. การเคลื่อนไหว
2. การรับรู้และการตอบสนองต่อสิ่งที่มากระตุ้น
3. นำออกซิเจนเข้าไปใช้ในขบวนการ oxidation และขับถ่าย
คาร์บอนไดออกไซด์
4. นำสารอาหารและออกซิเจนไปใช้ในนการเผาผลาญให้ได้พลังงาน
5. ดูดซึมหรือเก็บกินสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกตัวเซลล์
6. คัดหลั่งสารที่เซลล์ผลิตออกมาและขับถ่ายของเสียที่เซลล์ไม่ต้องการ
7. เจริญเติบโต เพิ่มขนาด และมีความสามารถในการสืบพันธุ์และการแบ่งเซลล์
16
องค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์
เยื่อหุ้มเซลล์ (Cell membrane)
• บางๆ ห่อหุ้มสิ่งที่อยู่ภายในเซลล์ กั้นภายในของเซลล์ออกจากสิ่งแวดล้อม
• ป้องกัน การรั่วไหลของสารภายในเซลล์
• เยื่อเลือกผ่าน เลือกสารเข้า-ออก
• ประกอบดว้ย 1. ไขมัน
2. โปรตีน
3. คาร์โบไฮเดรต
หน้าที่ของเยื่อหุ้มเซลล์
1. กั้นระหว่างสิ่งที่อยู่ภายในและภายนอกตัวเซลล์ และแบ่งเขตช่องว่างภายในตัวเซลล์ซึ่งจะถูก
เรียกวา่ intracellular cell membrane
2. ทำให้เซลล์คงรูปร่าง
3. ควบคุมการผ่านเข้าออกของสาร เพราะมีสมบัติเป็นเยื่อเลือกผ่าน (semipermeable
membrane)
4. เกี่ยวข้องกับการยึดติดกันของเซลล์ (cell adhesion) และการจดจำกันของเซลล์ (cell
recognition)
5. การรับและส่งสัญญาณฮอร์โมนหรือสารควบคุมการเจริญเติบโต
6. ขนส่งสาร (Transporter)
7. เปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่อื่น
8. เป็นแหล่งให้น้ำย่อยหรือโปรตีนบางชนิดฝังตัวอยู่
17
การขนส่งสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
การขนส่งสารที่ไม่ได้ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดยตรง
Endocytosis : นําเข้า
พิโนไซโตซิส (Pinocytosis)
• การนำสารที่มีโมเลกลุ ใหญ่เข้าสู่เซลล์ในรูปของสารละลาย
• เยื่อหุ้มเซลล์จะเว้าเป็นแอ่งเข้าไปในเซลล์โอบล้อมโมเลกุลทค่มาสัมผัส
ฟาโกไซโตซิส (Phagocytosis)
• ขบวนการเก็บกลืนกิน
• การนำสารเข้าเซลล์โดยที่เยท่อหุ้มเซลล์มีการยื่นออกมาหรือการสร้างขาเทียมโอบล้อมรอบ
สารหรืออาหารไว้จากนั่นจะเปลี่ยนเป็นถุงหลุดเข้ไปในเซลล์
รีเซพเตอร์เมดิเอเทดเอนโดไซโตซิส (Receptor mediated endocytosis)
• การนำสารเข้าเซลล์ โดยต้องจับกับโปรตีนตัวรับที่จำเพาะกับสาร
• ตัวรับ : glycoproteins
- บางชนิดจะกระจายอยู่ทั่วไปบนเยื่อหุ้มเซลล์
- บางชนิดอยู่บริเวณที่เรียกวา่ coated pits
Exocytosis : ส่งออก
• การนำสารออกภายนอกเซลล์
• สารจะถูกเก็บไว้ใน vesicles
• เมื่อเกิดการกระตุ้น จะรวมตัวกับเยื่อหุ้มเซลล์และหลั่งสารออกนอกเซลล์
18
การขนส่งสารที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดยตรง
• การแพร่ของสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
การแพร่ (Simple diffusion)
• การเคลื่อนที่ของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงไปยังบริเวณต่ำกว่า
• ทำให้มีการกระจายตัวของสารอย่างสม่ำเสมอ
• คุณสมบัติของสารที่สามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ : ความสามารถในการละลายในไขมันและ
ขนาดของโมเลกลุ
การแพร่ของน้ำหรือออสโมซิส (Osmosis)
• การแพร่ของน้ำผ่านเยื่อเลือกผ่าน
• จากบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารละลายต่ำกว่าไปยังด้านที่มีความเข้มข้นสูงกว่า
• เยื่อหุ้มเซลล์ส่วนใหญ่ยอมให้น้ำแพร่ผ่านได้
• การขนส่งสารชนิดที่ต้องอาศัยตัวพา
การขนส่งสารแบบไม่ใช้พลังงาน (Passive transport)
การขนส่งหรือการแพร่แบบเร่งรัด (Facilitated diffusion)
• สารเคลื่อนจากด้านที่มีความเข้มข้นสูงไปยังด้านที่มีความเข้มข้นต่ำ
การขนส่งสารแบบใช้พลังงาน (Active transport)
การขนส่งแบบใช้พลังงานปฐมภูมิ (Primary active transport)
• ใช้พลังงานในรูป ATP
การขนส่งแบบใช้พลังานทุติยภูมิ (Secondary active transport)
• ใช้พลังงานที่เก็บสะสมไว้ในรูปของความลาดเชิงความเข้มข้นและเชิงศักย์ไฟฟ้าของสารอื่น
19
20
21
22
Thank you