The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nittha Budwicha, 2020-06-23 12:35:27

1044_ภูมิศาสตร์ 4-6

1044_ภูมิศาสตร์ 4-6

หนงั สือสรุป รายวิชาพ้ืนฐาน สังคม ศาสนา และวฒั นธรรม

ภมู ิศาสตร์

กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่

๔-๖

ผ้เู รียบเรียง
นางสาว สพุ ชั ชา ง้วนจินดา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5/2 เลขท่ี13 ข.

1

คานา

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นีจ้ ัดทาขึน้ เพ่ืการศึกษาทาง
ออนไลน์ในรายวิชาพืน้ ฐานสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธร
รมภมู ศิ าสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่4-6ตามมาตรฐานการเรียนรู้
และ ตวั ชีว้ ดั สาระภูมิศาสตร์ภูมิศาสตร์ ผู้เขียนหวังอย่างยิ่ง
ว่า หนังสือเล่มนีจ้ ะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนถ้า
ผิดพลาดประการใดต้องขออภยั ไว้ ณ ทน่ี ดี ้ ้วย

2

สารบญั หนา้

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เครื่องมือและเทคโนโลยที างภมู ศิ าสตร์ 5
• เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ 5
• เทคโนโลยภี มู ิสารสนเทศ 6
10
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ 10
• ลกั ษณะทางกายภาพและการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของโลก 11
• การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพท่สี ่งผลต่อภมู ปิ รภเทศ
ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ 14
14
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ประชากรและการต้งั ถนิ่ ฐาน. 14
• ประชากรโลก 19
• การกระจายของประชากรโลก. 20
• การเปล่ียนแปลงประชากรโลก. 22
• โครงสร้างประชากร. 24
• การต้งั ถ่ินฐาน. 27
• กิจกรรมทาเศรษฐกิจ. 27
32
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ภยั พบิ ตั ิธรรมชาติ. 34
• ภยั พิบตั ิธรรมชาติทางธรณีภาค. 35
• ภยั พิบตั ิธรรมชาติทางบรรยากาศภาค
• ภยั พิบตั ิธรรมชาตทิ างอุทกภาค
• ภยั พบิ ตั ิธรรมชาติทางชีวภาค

3

หนา้

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม. 37

• ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม. 37

• สถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม. 38

• มาตรการป้องกนั แกไ้ ขและประสานความร่วมมอื 41

ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มตามแนวทางการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื

• การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มเพอ่ื การพฒั นาทยี่ ง่ั ยืน. 45

4

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

เคร่ืองมือและเทคโนโลยีทางภมู ศิ าสตร์

ทีป่ รากฏอย่บู นโลกใหเ้ ขา้ ใจอย่างรวดเร็วและถกู ตอ้ งตอ้ งใชเ้ ครื่องมอื และเทคโนโลยีทางภูมศิ าสตร์ประกอบ
• มนุษยส์ ามารถรับรูแ้ ละเขา้ ใจถงึ ปรากฏการณต์ ่างๆที่เกิดข้ึนตามธรรมชาตแิ ละท่ีเกิดข้นึ จากการกระทา
ของมนุษย์
• รวมท้งั สามารถอธิบายและวิเคราะห์ถึงผลกระทบและความสัมพนั ธ์

1.เครื่องมอื ทางภมู ศิ าสตร์

เครื่องมอื ทางภมู ศิ าสตร์ทมี่ นุษยส์ รา้ งข้นึ เพอื่ นามาใชใ้ นการสารวจการรวบรวมบนั ทึกวิเคราะหข์ อ้ มลู การตดั สินใจ
ในการวางแผนการดาเนินกิจกรรมต่างๆ1 แผนท่ี 2 รูปถา่ ยทางอากาศ 3 ภาพถ่ายจากดาวเทยี ม
1.แผนท่ี
1.1 ความหมายของแผนท่ีในรูปกราฟิกยอ่ ส่วนใหเ้ ลก็ ลงโดยมาตราส่วนต่างๆใชส้ ญั ลกั ษณ์และสีแผนทเ่ี ป็น
เคร่ืองมอื ส่ือสารขอ้ มลู ทางภูมศิ าสตร์ทีใ่ หข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตาแหน่งและการกระจายของลกั ษณะทางธรรมชาตแิ ละส่ิง
ทม่ี นุษยส์ ร้างข้นึ
1.2 การจาแนกชนิดแผนที่
1. แผนทีอ่ า้ งองิ ทวั่ ไป (general reference maps)
2. แผนท่เี ฉพาะเรื่อง(thematic map)

มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 เป็นแผนทฐ่ี าน
1.3 องคป์ ระกอบของแผนทภ่ี มู ปิ ระเทศ
องคป์ ระกอบของแผนทภ่ี มู ิประเทศหมายถงึ ส่ิงต่างๆทปี่ รากฏอยบู่ นแผนท่ซี ่ึงผูผ้ ลติ แผนทีจ่ ดั แสดงไวเ้ พอ่ื เป็น
เคร่ืองมอื ใหผ้ ใู้ ชแ้ ผนทไ่ี ดร้ ับทราบขอ้ มลู และรายละเอยี ดสาหรับการใชแ้ ผนที่ไดแ้ ก่
1. ขอบระวาง
2. พิกดั ภูมิศาสตร์สามารถตราส่วน

5

3. คาอธิบายสญั ลกั ษณ์
4. ทศิ
1.4 องคป์ ระกอบของแผนท่ีเฉพาะเรื่อง
องคป์ ระกอบของแผนที่เฉพาะเร่ืองคือสิ่งท่ปี รากฏอย่บู นแผนทเ่ี พอ่ื ใหผ้ ูใ้ ชแ้ ผนทท่ี ราบขอ้ มูลรายละเอียดต่างๆ
สาหรับการใชแ้ ผนท่ีเฉพาะเร่ือง
1. ช่ือแผนทเี่ พ่ือแสดงไวใ้ ห้ผใู้ ชแ้ ผนทท่ี ราบว่าแผนทท่ี ี่ระวงั น้นั เป็นแผนที่เร่ืองอะไร
2. มาตราส่วนเพ่ือแสดงใหร้ ูว้ ่าแผนท่รี ะวงั น้นั ย่อจากพนื้ ผิวโลกจริงดว้ ยอตั ราส่วนเท่าใด
3. ทศิ กาหนดไวใ้ นแผนทเ่ี พอื่ ใชอ้ า้ งอิงทิศหลกั
4. ระยะพิกดั ของแผนท่เี ป็นเส้นหรือตารางแสดงไวใ้ นขอบระวางแผนที่เพื่อใชใ้ นการกาหนดพกิ ดั ของตาแหน่ง
5. คาอธิบายสญั ลกั ษณ์ประกอบดว้ ยตวั อย่างสญั ลกั ษณท์ ี่ใชอ้ ธิบายรายละเอียดในแผนทร่ี ะวางน้นั
1.5 การอ่านแผนทีเ่ ฉพาะเร่ือง
ตวั อย่างแผนท่ีเฉพาะเร่ือง
1. แผนท่ีจุดแสดงความหนาของประชากรและการกระจายของประชากร
2. แผนทส่ี ญั ลกั ษณส์ ัดส่วนเป็นแผนทท่ี ใ่ี ชร้ ูปทรงเรขาคณิตและกราฟแบบตา่ งๆ
3. แผนทเ่ี สน้ เทา่ โดยเส้นแตล่ ะเส้นจะลากผา่ นตาแหน่งทมี่ ขี อ้ มูลประมาณค่าเทา่ กนั ตลอดเช่นปริมาณฝนความสูง
ของพ้ืนทคี่ วามกดอากาศและต่างๆ
4. แผนที่แสดงการเคล่ือนทก่ี ารเคล่อื นยา้ ยตาแหน่งหน่ึงไปอกี ตาแหน่งหน่ึง
5. แผนทโ่ี คโรเพลทเป็นแผนทีท่ ี่ใชข้ อ้ มูลเป็นหน่วยพน้ื ที่
6. แผนทแ่ี จงสีใชส้ ีเป็นสญั ลกั ษณแ์ สดงความแตกต่าง
7. แผนที่ไดอะแกรม แผนที่ภาพแสดงสถานะทาให้เหน็ ถึงการเปลี่ยนแปลง
1.6 ประโยชนข์ องแผนท่ี
1. การนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
2. ดา้ นการเรียนการสอน
3. ดา้ นวางแผนพฒั นาประเทศ
4. ดา้ นการเมอื งการปกครอง
5. ดา้ นการทหาร
6. ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นสงั คม
7. ดา้ นการทอ่ งเท่ียว
8. การรบั รูจ้ ากระยะไกล

2.เทคโนโลยีภูมสิ ารสนเทศ

การรบั รู้จากระยะไกลหมายถงึ การรวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั วตั ถหุ รือปรากฏการณต์ ่างๆ
1.1 หลกั การทางานของการรับรู้จากระยะไกล

6

1. การไดร้ ับขอ้ มูล
2. การวิเคราะห์ขอ้ มูลมี 2 วธิ คี อื
1. การวิเคราะหด์ ว้ ยสายตา
2. การวเิ คราะห์ดว้ ยเคร่ืองคอมพิวเตอร์

1.2ประเภทของเทคโนโลยกี ารรบั จากระยะไกล
1. รูปถา่ ยทางอากาศ
2. ภาพถ่ายจากดาวเทียม
3. การอา่ นและการแปลความรูปหมายทางอากาศและภาพจากดาวเทยี ม
องคป์ ระกอบสาคญั ที่ใชใ้ นการอ่านและการแปลความหมายของรูปถา่ ยทางอากาศและภาพจากดาวเทียมมีดงั น้ี
1.สีและความเขม้ ของสี
2. ขนาด
3. รูปร่างสีเน้ือภาพ
5. รูปแบบ
6 เงา
7. ที่ต้งั และความสมั พนั ธ์
4. วิธีการศกึ ษาขอ้ มลู ภสพจากดาวเทียม
1. วิเคราะหภ์ าพดว้ ยสายตา
2. ประมวลภาพดว้ ยคอมพิวเตอร์
ในประเทศไทยขอ้ มลู ภาพจากดาวเทียมถูกประยกุ ต์ใชใ้ นดา้ นตา่ งๆเพอื่ การวางแผนการจดั การและการตดั สินใจ
ดงั น้ี
1. ดา้ นภมู ปิ ระเทศ
2. ดา้ นธรณีวทิ ยา

7

3. ดา้ นสมุทรสาครการประมง
4. ดา้ นการใชท้ ี่ดนิ
5. ดา้ นการวางผงั เมอื ง
6. ดา้ นโบราณคดี
7. ดา้ นป่ าไม้
8. ดา้ นงานแผนท่ี
1.2 ประโยชน์ของเทคโนโลยกี ารรบั รูจ้ ากระยะไกล
1. ประโยชนข์ องการใชร้ ูปถา่ ยทางอากาศเช่น
ดา้ นเกษตรกรรม ดา้ นการคมนาคมขนส่ง ดา้ นผงั เมืองดา้ นการทหาร ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม
2. ประโยชนข์ องการใชภ้ าพถา่ ยดาวเทียม
ดา้ นตาแหน่งทีต่ ้งั และขอบเขต
ดา้ นปรากฏการณท์ ่ีเกดิ ข้นึ บนผิวโลก
3.ดา้ นการแกป้ ัญหาเก่ยี วกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ
ดา้ นการเปลย่ี นแปลงขอ้ มลู บนพ้ืนโลก
2 ระบบกาหนดตาแหนง่ บนพนื้ โลกหรือ GPS
ระบบกาหนดตาแหน่งบนพื้นโลกหรือ GPS หมายถึงเทคโนโลยีทใ่ี ชก้ าหนดตาแหน่งบนพนื้ โลกโดยอาศยั
ดาวเทยี มสถานีภาคพืน้ ดินและเครื่องรับ GPS
ประโยชนข์ อง GPS นามาประยุกตใ์ ชก้ บั งานดา้ นตา่ งๆไดห้ ลากหลายข้นึ อยกู่ บั ความตอ้ งการของผูใ้ ชด้ งั น้ี
1. ดา้ นระบบของส่งสินคา้ หรือโลจสิ ตกิ ส์
2. ดา้ นระบบตดิ ตาม
3. ดา้ นการใชป้ ระโยชน์ท่ดี นิ
4 ดา้ นการกฬี า
5. ดา้ นการเกษตรกรรม
3. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์หรือ GIS
ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์หมายถึงเคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตร์ทใ่ี ชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์ช่วยในการนาขอ้ มลู เขา้ จดั เกบ็
3.1 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์
ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์มอี งคป์ ระกอบทส่ี าคญั อยู่ 5 ส่วนไดแ้ ก่ขอ้ มลู /สารสนเทศระบบฮาร์ดแวร์ซอฟตแ์ วร์
ทางานกระบวนการวเิ คราะหข์ ้นั ตอนการทางานและบุคลากร

8

3.2 ประโยชน์ของระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์
1. ระบบการจดั เก็บขอ้ มลู
2. ผลติ ขอ้ มลู เชิงพน้ื ทที่ ีแ่ สดงข้นั ตอนของการเปลย่ี นแปลงไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง
3. การเรียกใชข้ อ้ มูล
4. การปรับปรุงและแกไ้ ขขอ้ มลู ไดง้ ่ายและทนั ที
5. การวิเคราะหแ์ ละตรวจสอบขอ้ มูล

9

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ

1 .ลกั ษณะทางกายภาพและการเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของโลก

บทที่ 2 การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ
(1)โลกและสณั ฐานของโลกโลกเป็นดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะหมนุ รอบตวั เองและโคจรรอบดวงอาทิตย์
(2)ธรณีภาค
2.1 โครงสร้างของโลกการแบง่ ช้นั โครงสร้างภายในโลกแบ่งได้ 2 แบบดงั น้ี
1) แบ่งตามองคป์ ระกอบทางเคมี แบง่ เป็น 3 ช้นั ไดแ้ ก่เปลือกโลกเน้ือโลกและแกนโลก
2) แบง่ ตามคุณสมบตั เิ ชิงกลแบ่งเป็น 5 ช้นั ไดแ้ กแ่ ผ่นธรณีภาคและฐานธรณีภาคคอื เน้ือโลกตอนบนเน้ือโลก
ตอนลา่ งแกน่ โลกช้นั นอกและแกน่ โลกช้นั ใน
1.ช้นั เปลือกโลกเปลอื กโลกประกอบดว้ ยเปลือกโลกส่วนที่เป็นภาคพ้ืนทวีปและเปลอื กโลกทอี่ ยู่ในส่วนใต้
มหาสมทุ รวางตวั อย่บู นช้นั เน้ือโลก
2.ช้นั เน้ือโลกช้นั เน้ือโลกมคี วามหนาประมาณ 2,900 กิโลเมตรประกอบดว้ ยหินเหลวและหินหนืดอณุ หภมู ิในช้นั
เน้ือโลกตอนล่างใกลแ้ ก่นโลกสูงประมาณ 2800 องศาเซลเซียสเน้ือโลกตอนบนใกลเ้ ปลอื กโลกอณุ หภูมิสูง
ประมาณ 1800 องศาเซลเซียสเน้ือโลกช้นั ในตอนบนประกอบดว้ ยช้นั เน้ือโลกตอนบนสุดช้นั ฐานธรณีภาคและช้นั
ฐานธรณีภาคเขตเปลี่ยนแปลงตอ่ จากน้นั เป็นช้นั เน้ือโลกตอนลา่ ง
3.ช้นั แก่นโลกเป็นมวลสารทม่ี คี วามรอ้ นสูงซ่ึงเป็นส่วนในสุดของโลกแบง่ ออกเป็น 2 ช้นั ไดแ้ ก่
1)แกนโลกช้นั ใน
2)แกนโลกช้นั นอกโลก
2.2 กระบวนการการเปลย่ี นแปลงทางธรณีภาคแผ่นธรณีภาคคอื เปลือกโลกและเน้ือโลกตอนบนสุดมีการ
ปรบั เปลี่ยนสภาพตลอดเวลากระบวนการเปลยี่ นแปลงธรณีภาคแบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะคอื กระบวนการ
เปล่ยี นแปลงจากแรงภายในโลกและกระบวนการเปลย่ี นแปลงภายนอกโลกดงั น้ี
1)กระบวนการการเปลี่ยนแปลงจากแรงภายในโลกความร้อนและความดนั ภายในโลกเป็นพลังงานขบั เคลื่อน
หมนุ เวียนหินหนืดภายในโลกทาให้เปลอื กโลกและเน้ือโลกตอนบนสุดคือธรณีภาคเกดิ การเคลอื่ นทแี่ ละ
เปลยี่ นแปลง
1. แผน่ ธรณีเคลื่อนทอ่ี อกจากกนั เกิดจากแรงดนั ในช้นั ฐานธรณีภาคดนั ให้แผน่ ธรณีโกง่ ตวั ข้ึนจนเกิดรอยแตก
2. แผ่นธรณีเคลอื่ นท่ีเขา้ หากนั ทาใหแ้ ผ่นธรณีปะทะกนั ในบริเวณเขตมุดตวั เป็นสาเหตุของแผน่ ดนิ ไหวรุนแรง
3. แผ่นธรณีเคลือ่ นท่ผี ่านกนั แผ่นธรณี 2 แผ่นเคล่อื นทีผ่ ่านกนั ในแนวราบเกดิ ท้งั บนทวีปและในมหาสมุทรเชน่
รอยตอ่ แซนแอนเดรียส

10

2.การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพท่สี ่งผลตอ่ ภมู ปิ ระเทศภมู อิ ากาศ แล

ทรพั ยากรธรรมชาติ

กระบวนการแปรสณั ฐานของแผ่นธรณีทาให้แรงกระทาตา่ งๆกระทาต่อหินในเปลอื กโลกกอ่ ให้เกดิ การ
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธรณีวทิ ยาของช้นั หินเปลือกโลกท้งั ในระดบั ต้ืนและระดบั ลกึ มลี กั ษณะต่างๆดงั น้ี
1.ช้นั หินโคง้
คือรอยคดโคง้ ท่ปี รากฏในหินเปลอื กโลก
รอยช้นั หินคดโคง้ ท่ีสาคญั ประกอบดว้ ยประกอบดว้ ยช้นั หินคดโคง้ รูปประทนุ ช้นั หินคดโคง้ รูปประทนุ หงายช้นั หิน
คดโคง้ แบบนอนทบั และช้นั หินคดโคง้ แบบพบั ผา้
2.รอยเลอื่ นคอื ช้นั หินเมอื่ ถูกแรงเคน้ มากระทาจนแตกหักและเคลอื่ นท่ีตามระนาบรอยแตกสามารถจาแนกรอยเล่อื น
ตามแรงแคน้ ท่ีมากระทาได้ 3 ประเภทดงั น้ี
1รอยเลอื่ นแนวดิ่ง
2รอยเล่ือนแนวราบ
3รอยเล่อื นแนวเฉยี ง
3. แนวแตกคอื ร่องรอยท่ีเกดิ จากแรงเครียดและแรงเคน้ จากกระบวนการภายในโลกทกี่ ระทาตอ่ มวลหินขนาดใหญ่
ท่สี าคญั คอื
1) เกิดจากการหดตวั เนื่องจากอณุ หภมู ลิ ดลงหรือจากการเยน็ ตวั ของหินอคั นี
2) เกิดจากสิ่งท่เี คยกดทบั ถูกพาออกไปทาใหเ้ น้ือดนิ ดา้ นล่างกระเทาะแตกออกเป็นแผ่น
2. กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายนอกโลกเกดิ จากตวั การภายนอกโลกกระทาต่อเปลอื กโลกและโครงสรา้ งทาง
ธรณีวิทยา
1) กระบวนการผพุ งั อยกู่ บั ท่ี
การผพุ งั อย่กู บั ทเี่ ป็นการผพุ งั ของหินดว้ ยลมฟ้าอากาศปัจจยั สาคญั คืออณุ หภมู ิและความช้ืนในบรรยากาศ 1.1
กระบวนการผุพงั อยู่กบั ทที่ างฟิสิกสก์ ารขยายตวั และหดตวั ของแร่ประกอบหินทแ่ี ตกต่างกนั จากอณุ หภมู ิและ
ความช้ืน
1.2 กระบวนการผุพงั อยูก่ บั ที่ทางเคมีเป็นกระบวนการการสลายแร่ประกอบหินดว้ ยการทาปฏกิ ิริยาทางเคมที เ่ี ป็น
กรดและด่าง
1.3 กระบวนการการผพุ งั อยู่กบั ท่ีทางชีวภาพเป็นกระบวนการการผพุ งั ทีเ่ ปลือกหินโรคท่เี กิดจากการกระทาของพืช
และสตั วก์ ระบวนการการทางชีวภาพจะทางานท้งั ทางฟิสิกสแ์ ละเคมีร่วมกนั
2) กระบวนการเคลื่อนท่ขี องมวล
การเคลื่อนที่ของมวลเป็นกระบวนการทีเ่ ศษดินเศษหินบนพืน้ ทลี่ าดเขาเคลอ่ื นที่ตามอทิ ธิพลแรงโนม้ ถ่วงลงสู่พ้ืนที่
ดา้ นลา่ ง
กระบวนการการเคล่อื นที่ของมวลทส่ี าคญั เช่น
แผ่นดนิ ถล่ม การเลอ่ื นไหล หินถลม่ การไหลของดนิ
3) กระบวนการกร่อน

11

กระบวนการการกร่อนเป็นกระบวนการการปรบั ระดบั พนื้ ผิวโลกดว้ ยการกดั เซาะออกไป
3.1 กระบวนการกร่อนทสี่ าคญั มีดงั น้ี
การกลนั่ สลาย การกร่อนขดู ถู การกอ่ นกระทบกระแทกใหแ้ ตก การกร่อนพดั กราด
3.2 กระบวนการพฒั นาท่ีสาคญั มีดงั น้ี
การพฒั นาทอ้ งทาน การพบั ผา้ แขวนลอย การกลง้ิ
การเลื่อน การกระดอน
3.3 กระบวนการการทบั ถมท่สี าคญั การทบั ถมโดยน้าการทบั ถมโดยร่มการทบั ถมโดยธารน้าแข็ง
3 บรรยากาศภาค
บรรยากาศคืออากาศทห่ี ่อหุม้ โลกมีอุณหภมู คิ วามหนาแนน่ ความกดอากาศแตกตา่ งตามความตามระดบั ความสูง
3.1 ส่วนประกอบของบรรยากาศพาทยป์ ระกอบดว้ ยแกส๊ ชนิดต่างดงั น้ี
ไนโตรเจน 78.084%
ออกซิเจน 20.946%
กากอน 0.934%
คาร์บอนไดออกไซด์ 0.033%
อื่นๆ 0.003%
3.2 ช้นั บรรยากาศช้นั บรรยากาศโลกแบง่ ออกเป็น
2 ส่วนใหญๆ่ คอื ช้นั โฮโมสเฟียร์และช้นั เฮเทอโรสเฟียร์
โดยจาแนกตามเกณฑก์ ารเปล่ียนแปลงอณุ หภูมติ ามความสูงไดเ้ ป็น 5 ช้นั ดงั น้ี
1.โทรโพสเฟี ยร์
2.สแตรโทสเฟี ยร์
3.เมโซสเฟี ยร์
4.เทอรโ์ มสเพียร์
5.เอกโซสเฟี ยร์
3.3 พลงั งานจากดวงอาทติ ยบ์ รรยากาศของโลกรกั ษพ์ ลงั งานความร้อนมาจากการแผร่ ังสีของดวงอาทติ ยใ์ นรูปแบบ
ของคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า
พลงั งานจากดวงอาทติ ยส์ ่งผลต่ออุณหภมู ิของโลกความกดอากาศของโลกระบบลมของโลกมวลอากาศของโลก
ความช้ืนในบรรยากาศและหยาดน้าฟ้าดงั น้ี
1) กระบวนการการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมโิ ลกอณุ หภูมขิ องบรรยากาศคือระดบั ความร้อนหรือเยน็ ของอากาศท่ี
บรรยากาศดดู ซับพลงั งานความรอ้ นทแี่ ผร่ งั สีคลน่ื ยาวมาจากผิวโลกปัจจยั สาคญั ท่ีเป็นตวั ควบคุมอณุ หภมู ขิ องโลก
ไดแ้ ก่
1. ตาแหน่งท่ีต้งั ตามละติจดู
2. ระดบั ความสูงตา่ ของผิวโลก
3. ชนิดมวลสารที่ผิวพน้ื ผิวโลกแตกตา่ งกนั
4 .ฤดูที่แตกต่าง

12

5.การผนั แปรปรวนอณุ หภมู ปิ ระจาวนั
2) ความกดอากาศของโลกความกดอากาศของโลกเฉลย่ี ประมาณ 1013.25 ทร่ี ะดบั ปานกลางของน้าทะเล
แนวความกดอากาศของโลกมีความสัมพนั ธก์ บั ระบบลมประจาโลกดงั น้ี
1. แนวความกดอาก
สารละลายในน้าทะเลมดี งั น้ี
คลอไรด์ 54.3 %
โซเดยี ม 32% ซัลเฟต7.6%
แมกนีเซียม 3.7%
แคลเซียม 1.2%
โปแตสเซียม 1.1%
อน่ื 1.9%
แวดลอ้ มทางภมู ศิ าสตร์ประเทศคณุ แมอ่ ากาศคลา้ ยคลึงกนั ความสัมพนั ธ์ระบบอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสลบั ซับซ้อนของ
สิ่งมชี ีวิตเรียกวา่ ระบบนิเวศ

13

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3

ประชากรและการตงั้ ถ่ินฐาน

1.การประชากร

ประชากร (population) หมายถึง เป็นกลุม่ ของสิ่งมชี ีวติ ชนิดหน่ึงเดียวกนั อยอู่ าศยั บริเวณเดยี วกนั แตม่ ี
จานวนประชากรแตกตา่ งกนั มีการรวมกลุม่ ทางสงั คม และประกอบกิจกรรมต่างๆร่วมกนั ภมู ิศาสตร์ประชากรเป็น
ศาสตร์ท่ีศึกษาเกย่ี วกบั ประชากรในทอ้ งถิ่นของโลกโดยพจิ ารณา ถึงสภาพภูมศิ าสตร์ ท่เี กีย่ วขอ้ งหรือมผี ลต่อเป็นอยู่
ของประชากรในทอ้ งถิ่นน้นั ๆ แต่ละพน้ื ทีม่ คี วามหนาแน่นและการกระจายของประชากรแตกต่างกนั ไปตามปัจจยั ท่ี
เอ้อื ตอ่ การดารงชีวติ ของมนุษย์

2. การกระจายของประชากรโลก

การกระจายรายไดแ้ ตล่ ะพน้ื ทถ่ี กู กาหนดโดยสภาพแวดลอ้ มภูมิศาสตร์และสงั คมโดยปัจจยั ทางภมู ศิ าสตร์ท่ีแหล่ง
อาหารและทรพั ยากรธรรมชาติทีอ่ ุดมสมบูรณแ์ ละปัจจยั ทางสงั คม
การกระจายรายไดข้ องประชากรในแต่ละพ้ืนท่ีจึงมีความหนาแนน่ และเบาบางตา่ งกนั นอกจากน้ยี งั มีปัจจยั จากการ
คมนาคมท่สี ะดวกและเป็นศนู ยก์ ลางเศรษฐกิจ
1.การกระจายรายไดข้ องประชากรในทวีปเอเชีย
ทวีปเอเชียมีจานวนประชากรมากท่ีสุดในโลก 4494 ลา้ นคน มีความหนาแน่นของประชากรประมาณ 101 คนตอ่
ตารางกโิ ลเมตรบริเวณทป่ี ระชากรต้งั ถนิ่ ฐานหนาแน่น
1. การกระจายรายไดข้ องประชากรทวปี เอเชีย

14

เอเชียมจี านวนประชากรมากทีส่ ุดในโลกประมาณ 4494 ลา้ นคนมคี วามหนาแน่นของประชากร 101 ต่อคนตอ่
ตารางกโิ ลเมตรบริเวณที่มปี ระชากรต้งั ถนิ่ ฐานหนาแน่นไดแ้ ก่

• ภูมิภาคเอเชียตะวนั ออก
• ภูมภิ าคเอเชียใต้
• ภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
2. การกระจายของประชากรในทวีปแอฟริกา

15

เขตที่มปี ระชากรอาศยั อยู่หนาแน่น ไดแ้ ก่ บริเวณทม่ี สี ภาพแวดลอ้ มธรรมชาตสิ ่งเสริมต่อการต้งั ถ่ินฐาน

อยู่อาศยั คอื มคี วามช้ืน เพยี งพอมีดนิ อดุ มสมบรู ณแ์ ละมอี ากาศไมร่ อ้ นจดั เกนิ ไป ไดแ้ ก่

• ทรี่ าบล่มุ แม่น้าไนล์

• ท่ีราบลุม่ แมน่ ้าไนเจอรแ์ ละชายฝั่งอา่ วกินี

• ทีร่ าบสูงภาคตะวนั คาบสมทุ รภาคใต้

• ทร่ี าบสูงดา้ นตะวนั ออก

3. การกระจายของประชากรในทวปี ยโุ รป

ทวีปยโุ รปมีจานวนประชากรประมาณ 74 ลา้ นคนมีความหนาแน่นของประชากรประมาณ 269 คนตอ่ ตาราง
กิโลเมตร ทวปี ยโุ รปไดร้ ับอารยธรรมมาจากโรมนั ที่มคี วามเจริญรุ่งเรือง มาต้งั แตอ่ ดตี บริเวณทป่ี ระชากรต้งั ถิ่นฐาน
อาศยั อยหู่ นาแนน่ ในทวปี ยโุ รปไดแ้ ก่

• บริเวณอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม
• บริเวณเขตเกษตรกรรม
4. การกระจายรายไดข้ องประชากรในทวปี อเมริกาเหนอื

16

ทวปี อเมริกาเหนือมีจานวนประชากร 52 ลา้ นคนมคี วามหนาแน่นของประชากรประมาณ 24 คนตอ่ ตาราง
กโิ ลเมตรบริเวณทมี่ ีประชากรหนาแน่นไดแ้ ก่เขตที่ราบชายฝ่ังตะวนั ออกของทวีป เน่ืองจากเป็นทรี่ าบขนาดใหญอ่ ยู่
ติดชายฝ่งั ทะเลมหาสมทุ รแอตแลนติกจึงเป็นท่ีต้งั ของสหรัฐอเมริกาและกรุงออตตาวา เมอื งหลวงของประเทศ
แคนาดา บริเวณทีม่ ีประชากรอาศยั อย่หู นาแน่นไดแ้ ก่ ลอสแอนเจลสิ แซนแฟรนซิสโก แซนดเี อโก รวมถึง พาณิช
ยกรรมของอเมริกากลาง และหมูู่เกาะแคริบเบียน เชน่ กรุงเมก็ ชิโกซิติ ฮาวานา
5. การกระจายของประชากรในทวีปอเมริกาใต้

17

ทวปี อเมริกาใตม้ ีจานวนประชากรประมาณ 42 ลา้ นคนมีความหนาแน่นของประชากรประมาณ 23 คนตอ่ ตาราง
กโิ ลเมตรบริเวณประชากรอาศยั อยหู่ นาแน่นของทวปี อเมริกาใตไ้ ดแ้ ก่ชายฝง่ั ชายฝ่งั มหาสมุทรแอตแลนตกิ
เหมาะสมต่อการต้งั ถ่นิ ฐานการ และประกอบอาชีพ
6. การกระจายของประชากรในทวปี ออสเตรเลยี และโอเชียเนีย

ออสเตรเลยี และโอเชียเนีย จานวน จานวนประชากรประมาณ 12 ลา้ นคน มคี วามหนาแน่นของประชากร 6 คนตอ่
กิโลเมตร ถอื เป็นทวีปทีม่ ีความหนาแนน่ ของจานวนประชากรนอ้ ยท่ีสุดบริเวณทมี่ ปี ระชากรอาศยั อยู่หนาแน่น
ไดแ้ ก่ บริเวณเมืองแถบชายฝ่ังตะวนั ออกของประเทศออสเตรเลยี ซ่ึงเป็นเมอื งท่า เป็นแหล่งอุตสาหกรรมและพาณิช
ยกรรม เช่น เมืองชิดนีย์ เมลเบริ ์นโกลดโ์ คสต์ และชายฝง่ั ตะวนั ตกของประเทศ ไดแ้ ก่ เมืองเพิร์ท บริเวณเกาะเหนือ
ของประเทศนิวซีแลนด์ ไดแ้ ก่ เมอื งโอกแลนด์ บริเวณทมี่ ปี ระชากรอาศยั อยเู่ บาบางเบาๆไดแ้ ก่ตอนกลางและตอน
เหนือของประเทศออสเตรเลีย เป็นหมู่เกาะขนาดเลก็ ในโอเชียเนีย
7. การกระจายของประชากรในประเทศไทย

18

เจา้ แผนท่ีจะเหน็ ว่ามกี ารกระจายของประชากรไม่สม่าเสมอในแต่ละพื้นท่ี แตล่ ะบริเวณของประเทศไทยมโี ดยมี
เหตผุ ลและปัจจยั ทางธรรมชาตเิ ศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรมต่างๆ เป็นปัจจยั กาหนดแต่ละภาคไดด้ งั น้ี

• ภาคเหนือมปี ระชากรอาศยั อยูห่ นาแน่นตามแหลง่ ทร่ี าบระหวา่ งภเู ขา
• ถา้ ตะวนั ออกเฉียงเหนือบริเวณประชากร อาศยั อยหู่ นาแน่นคอื ตามแนวเสน้ ทางคมนาคมขนส่งสายหลกั
• ภาคกลางบริเวณทม่ี ีประชากรอาศยั อยหู่ นาแนน่ คือตวั เมืองทอ่ี ยใู่ กลแ้ นวแมน่ ้าศยั อยหู่ นาแน่น
• ภาคตะวนั ออกบริเวณประชากรอาศยั อยหู่ นาแน่นมี 2 บริเวณคือตามแมน่ ้าสายสาคญั ท่เี อ้อื ต่อการทา

เกษตรกรและบริเวณชายฝงั่ ทเ่ี อ้ือตอ่ การทาเป็นทา่ เมืองสาหรบั ขนส่งวตั ถดุ บิ และสินคา้ ในอุตสาหกรรม
• ภาคตะวนั ตกเป็นบริเวณทปี่ ระชากรอาศยั อยู่หนาแน่นคอื เมืองใหญต่ ามแนวของแมน่ ้าแมก่ ลองซ่ึงเป็น

เขต เกษตรกรรมท่ีสาคญั
• ภาคใตบ้ ริเวณ ประชากรอาศยั อยู่หนาแน่นคอื เมืองตามชายฝ่ังทะเลทางดา้ นตะวนั ออกและชายฝ่ังทะเล

ดา้ นตะวนั ตก

3.การเปลยี่ นแปลงประชากรโลก

การเปลย่ี นแปลงประชากรคือการเปลีย่ นแปลงขนาดจานวนและโครงสรา้ ง ในประชากรพ้ืนท่ีใดพน้ื ทห่ี น่ึงการ
เปลยี่ นแปลงดงั กลา่ วมีองคป์ ระกอบสาคญั คอื อตั ราเกดิ อตั ราตาย และการยา้ ยถ่นิ ดงั น้ี
1.อตั ราเกิด (birth rate) หมายถงึ จานวน การเกิดวา่ มชี ีพตอ่ ประชากร 1 พนั คนในปีใดปีหน่ึงในคศ 2017
อตั ราการเกิดของประชากรโลกเท่ากบั 20 แสดงว่าในปีน้นั ประชากรโลกมีทารกแรกเกิดรอด 20 คนสาหรับ
ประชากรทุก 1000 คน
2.อตั ราตาย (death rate)

19

หมายถงึ จานวนผเู้ สียชีวิตตอ่ ประชากร 1 000 คนในปีใดปีหน่ึงใน 2017 อตั ราตาย ประชากรโลกเท่ากบั 8 แสดงวา่
ปีน้นั ประชากรโลกมผี ูเ้ สียชีวติ 8 คนตอ่ ประชากรทกุ 1000 คน
3. การยา้ ยถน่ิ (migration) หมายถึง การเคลือ่ นยา้ ยของบคุ คลหรือกลุ่มคนจดั สถานท่ที ีอ่ าศยั อยู่เหมือนเดิม
ไปยงั สถานที่ใหมแ่ บบถาวรและก่งึ ถาวร เออ การยา้ ยถ่ินฐานเป็นเหตใุ หเ้ กดิ การเปล่ียนแปลง ประชากรเชน่ เดยี วกบั
อตั ราเกิดและอตั ราตาย

4.โครงสร้างประชากรโลก

โครงสร้างประชากร เป็ นการจาแนกสัดส่วนประชากรตามอายุและเพศเรียกว่า พีระมดิ ประชากร ซึ่งช่วย
ให้เหน็ สัดส่วนประชากร ในวยั พ่งึ พิงคอื แรกเกิดถึง 14 และ อายุ 60 ปี ขนึ้ ไปกบั วยั ทางานคอื ช่วงอายุ
ระหว่าง 15 ถึง 59 ปี

20

จากภาพพีระมิดประชากรโลก คศ 1950 จะเหน็ ได้ว่า ฐาน ของพีระมดิ กว้างคอื มปี ระชากรวัย
แรกเกดิ ถึง 4 ปี ในสัดส่วนที่สูงและเหน็ ให้ถงึ อตั รา เกดิ ของประชาโลกสูง จะเห็นได้ว่ามีฐานแคบลง
ประชากรกล่มุ อายุ 0-4 ปี ลดลง แสดงให้เหน็ ถึงประชากรเพ่มิ ปานกลางและเร่ิมลดลง แต่มปี ระเด็นทีน่ ่า
สังเกตคอื กล่มุ ประชากรอายุ 60 ปี ขนึ้ ไปมีจานวนประชากร ถ้ามากขนึ้ อย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทยี บกับ
พีระมิดประชากรโลก แสดงถงึ ประชากรสูงวยั ซ่ึงเป็ นวยั พง่ึ พงิ มีแนวโน้มเพม่ิ ขนึ้ จากภาพพรี ะมิดประชากร
ไทยคศ 1950 จะเห็นได้ ว่าฐานพรี ะมิดกว้างมปี ระชากรวยั แรกเกิดถงึ 4 ปี ในสัดส่วนท่ีสูงแสดงให้ถงึ อตั รา
การเกดิ ประชากร สูงและเพิม่ ขนึ้ อย่างรวดเร็ว พรี ะมดิ ประชากรไทย คศ 2017 จะเห็นได้ว่าฐานพรี ะมดิ
แคบคือ ประชากรแรกเกดิ ถงึ 4 ปี ตดั ส่วนน้อยแสดงถงึ อตั ราเกิดของประชากรต่า แล้วจากข้อมูลพบว่าอตั รา
เกิดประชากร ต่อ 1,000 คนเท่ากับ 11 คน อตั ราตายประชากรต่อ 1,000 คนเท่ากบั 8 คน ทาให้อตั ราเพม่ิ
ตามธรรมชาตเิ ท่ากบั ร้อยละ 0.3 สัดส่วนของประชากร ช่วงอายุ 35 ถงึ 59 ปี มสี ัดส่วนสูงทส่ี ุด การคาดการณ์
พรี ะมดิ ประชากรไทย คศ 2050 จะเหน็ ได้ว่า

21

พีระมดิ มีฐานแคบทส่ี ุดกล่มุ ลดลงกล่มุ ประชากรวัยทางานมีสัดส่วนสูง และกล่มุ ประชากรวัยสูงอายุมี
สัดส่วนเพ่มิ ขนึ้ แสดงถึงแนวโน้มการเข้าสังคมผ้สู ูงอายถุ งึ จะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศและการเตรียม
ความพร้อมรองรับสถานการณ์สังคมผ้สู ูงอายุของภาครัฐคร้ังต่อไป

5.การต้งั ถน่ิ ฐาน

การต้งั ถ่ินฐานของมนษุ ย์ขนึ้ การเลือกทต่ี ง้ั บ้านเรือน สาหรับอยู่อาศยั และประกอบอาชีพโดยท่ัวไปการต้งั
ถนิ่ ฐานของมนษุ ย์มี 2 แบบ รูป คือ การต้งั ถิน่ ฐานแบบชุมชนชนบทและการต้งั ถิ่นฐานแบบชุมชนเมือง

1.ขนาดของการต้งั ถิน่ ฐาน
การต้งั ถน่ิ ฐานสามารถจดั เรียงลาดบั จากขนาดเลก็ ไปขนาดใหญ่

2. แบบรูปการกระจายของการต้งั ถิน่ ฐาน
การต้งั ถน่ิ ฐานจาแนกเป็น 2 แบบรูปคอื การต้งั ถนิ่ ฐานแบบชนบท และการต้งั ถน่ิ ฐานแบบเมอื ง

2.1 การต้งั ถิ่นฐานแบบชนบท
คือการต้งั ถ่ินฐานอยนู่ อกเขตเมอื งหรือเขตเทศบาล ประชากรส่วนใหญป่ ระกอบอาชีพเกษตรกรรมมแี บบรูปการต้งั
ถนิ่ ฐานแบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะคือการต้งั ถนิ่ ฐานแบบรวมกลุ่มและการต้งั ถ่นิ ฐานแบบกระจาย

22

1. การต้งั ถ่นิ ฐานแบบรวมกลมุ่ คอื การต้งั ถน่ิ ฐานโดยมีทอี่ ยู่อาศยั และส่ิงปลกู สร้างต่างๆเช่น โรงเรียน ศาสน
สถาน ต้งั อยรู่ ่วมกนั ในหม่บู า้ นมี 2 ประเภทคือ
• การต้งั ถน่ิ ฐานเรียงรายตอ่ เน่ืองเป็นแนวยาว
• การต้งั ถนิ่ ฐานอยรู่ ่วมกนั เป็นกลุ่ม

2. การต้งั ถน่ิ ฐานแบบกระจายคือ การต้งั ถน่ิ ฐานบา้ นเรือนในพื้นที่เพาะปลกู ของตนเองมขี นาดพื้นทกี่ วา้ งและ
เรือนต้งั อยหู่ ่างกนั

2.2 การต้งั ถ่ินฐานแบบเมือง

ชมุ ชนเมอื งเป็นชุมชนท่ีมจี านวนและความหนาแนน่ ประชากรมากบา้ นเรือนต้งั อยูห่ นาแน่นประชากรส่วนใหญ่
ประกอบอาชีพอตุ สาหกรรมพาณิชย์ และการบริการ มีสภาพแวดลอ้ มส่วนใหญเ่ ป็นส่ิงท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึนเชน่ ที่อยู่
อาศยั เส้นทางคมนาคมส่ิงอานวยความสะดวกการบริการต่างๆ

1. เกณฑ์ชุมชนเมือง

ไปทวั่ ไปนิยมใชจ้ านวนประชากรความหนาแน่นของประชากรและการประกอบอาชีพเป็นเกณฑ์เน่ืองจากมคี วาม
สะดวกในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในประเทศต่างๆ
2. ความเป็นเมอื ง(urbanization)
ความเป็นเมอื งหมายถงึ อตั ราส่วน ประชากรท่ีอยอู่ าศยั ในเขตเมือง ประชากรท้งั หมดคดิ เป็นรอ้ ยละอาจจะพจิ ารณา
ระดบั ประเทศหรือระดบั เขตปกครองทเ่ี ลก็ ลงโดยมคิ าจากดั ความของเมอื งทีช่ ดั เจน
3. โครงการสร้างเมือง
โครงการเมืองพิจารณาไดจ้ ากการใชท้ ี่ดนิ ต่างๆดงั น้ี

1. ย่านที่อยู่อาศยั
2. ย่านธุรกจิ การคา้
3. ยา่ นอุตสาหกรรม
4. ย่านหน่วยงาน
5. ระบบโครงขา่ ยการคมนาคม
6. พ้ืนทว่ี ่าง
4. ปัญหาการต้งั ถ่นิ ฐานเมือง
ปัญหาถ่นิ ฐานเมืองทพ่ี บทวั่ ไปเมืองตามเมอื งต่างๆมีดงั น้ี
1. ปัญหาการจราจรติดขดั
2. ปัญหาชุมชนแออดั
3. ปัญหาอาชญากรรม
4. ปัญหาเกาะความรอ้ น
5. ปัญหาขยายตวั ของเมืองอยา่ งไร้ทิศทาง

23

6.กิจกรรมทางเศรษฐกิจ

โดยกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ในแต่ละพื้นท่ีข้นึ อย่กู บั สภาพแวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพ้ืนท่ี ความรูค้ วามสามารถ
ดา้ นการผลติ หรือการนาทรพั ยากรมาใชค้ วามกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี
1. เกษตรกรรม
1.1 ความหมายของเกษตรกรรม
เกษตรกรรมหมายถึงการดาเนินกจิ กรรมทีเ่ พื่อการเพาะปลูกและเล้ยี งสัตวเ์ พ่อื ตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
เกษตรกรรมแบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะไดแ้ ก่

• เกษตรกรรมแบบยงั ชีพ
• เกษตรกรรมแบบการคา้
1.3 การผลิตที่สาคญั ในแตล่ ะภูมิภาคของโลก
1. ทวปี เอเชีย
2. ทวีปยโุ รป
3. ทวีปอเมริกาเหนือ
4. ทวปี อเมริกาใต้
5. ทวีปแอฟริกา
6. ทวีปออสเตรเลยี และโอเชียเนีย
2. อุตสาหกรรม
2.1 ความหมายของอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมหมายถงึ กิจกรรมท่ตี อ้ งใชท้ นุ และแรงงานเพอ่ื ผลิตสิ่งของหรือบริการในกิจการใหญๆ่
อตุ สาหกรรมที่สาคญั ของโลกเชน่ อุตสาหกรรมโลหะและเคร่ืองจกั ร อตุ สาหกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ อุตสาหกรรมปิ โตรเคมี
อตุ สาหกรรมอาหารและเคร่ืองดม่ื อตุ สาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมตอ่ เรือ อตุ สาหกรรมส่ิง
ทอและเครื่องนุ่งห่ม รายละเอียดของอุตสาหกรรมไดส้ รุปตามทวีปแต่ละทวปี ประเภทอตุ สาหกรรมที่สาคญั มดี งั น้ี
1. อุตสาหกรรมทวปี เอเชีย
2. 2 ศึกษาการทวีปยโุ รป
3. อุตสาหกรรมทวปี อเมริกาเหนือ
4. อุตสาหกรรมทวีปอเมริกาใต้
5. อุตสาหกรรมทวีปแอฟริกา
6. อตุ สาหกรรมออสเตรเลยี และโอเชียเนีย
3. การบริการและการท่องเทีย่ ว
3.1 การบริการ
การบริการในทางเศรษฐกจิ หมายถงึ กิจกรรมทางเศรษฐกิจทไ่ี ม่มีการผลิตสินคา้ ใดๆแตเ่ ป็นกจิ กรรมท่ตี อบสนองความ
ตอ้ งการของประชากรในดา้ นตา่ งๆท่ีสาคญั เชน่ การบริการทางสินคา้ การบริการทางการคา้ การบริการทางการเงนิ การ
บริการดา้ นการคมนาคมขนส่ง การบริการประกนั ภัย การบริการท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว
3.2 การท่องเท่ียว
การทอ่ งเที่ยวหมายถึงกิจกรรมการเดนิ ทางของมนุษยจ์ ากสถานทห่ี น่ึงเป็นสถานท่หี น่ึงแบบชว่ั คราว เพ่อื วตั ถปุ ระสงค์
ตา่ งๆ เช่น การพกั ผ่อน การประกอบธุรกจิ การศกึ ษา การประชุมสัมมนา

24

1. องคป์ ระกอบของการทอ่ งเท่ยี ว
• แหล่งทอ่ งเที่ยว
• นกั ทอ่ งเท่ยี ว
• แรงจงู ใจในการทอ่ งเที่ยว
• การบริการ ส่ิงอานวยความสะดวกและความปลอดภยั
• รายได้

2. สถานการณ์การท่องเที่ยว
1. ฝรง่ั เศสไป 82.6 ลา้ นคน
2. สหรัฐอเมริกา 75.6 ลา้ นคน
3. สเปน 75.6 ลา้ นคน
4. จนี 59.3 ลา้ นคน
5. อิตาลี 52.4 ลา้ นคน
6. สหราชอาณาจกั ร 35.8 ลา้ นคน
7. เยอรมนี 35.6 ลา้ นคน
8. เมก็ ซิโก 35.0 ลา้ นคน
9. ไทย 32.6 ลา้ นคน
10. ตุรกี จานวนไม่แน่ชดั

3.3 การท่องเทย่ี วในทวปี ต่างๆ
1 ทวีปเอเชีย

• เมืองนารา ประเทศญปี่ ่ นุ
• นครวดั ประเทศกมั พชู า
• อทุ ยานแห่งชาติจา้ งเจยี เจ้ีย ประเทศจนี
• แม่น้าซนั สการ์ เลห์ ลาดกั ประเทศอินเดยี
• ทชั มาฮาล ประเทศอนิ เดยี
2. ทวปี ยโุ รป
• บลลู ากนู ประเทศไอซ์แลนด์
• อุทยานแห่งชาติพลิทไวซ์ โครเอเชีย
3. ทวีปแอฟริกา
• พีระมดิ แห่งเมอื งกซี า ประเทศอยี ิปต์
• ซาฟารี ประเทศเคนยา
4. กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ตั น์
4.1 อุตสาหกรรมการผลติ ภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ตั น์
1. นวตั กรรมทางเทคโนโลยี
2. การเปลีย่ นแปลง นโยบายเศรษฐกิจ
4.2 การท่องเท่ียวภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์
1. นวตั กรรมเทคโนโลยีการขนส่ง

25

2. นวตั กรรมเทคโนโลยีการส่ือสาร
3. นโยบายเศรษฐกจิ และการเมืองของประเทศตา่ งๆ

26

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4

ภัยพิบัติธรรมชาติ

ภยั พบิ ตั ธิ รรมชาติหมายถึงเหตกุ ารณ์อนั ตรายหรือภยั พิบตั ทิ ี่เกดิ จากความรุนแรงของกระบวนการทาง
ธรรมชาติ
ลกั ษณะของภยั พบิ ตั ิธรรมชาติ

• ภยั ท่ีเกิดจากความรุนแรงของการกระบวนการทางธรรมชาตทิ ีเ่ กิดข้นึ เป็นประจา
• ภยั ท่ีเกดิ จากการระบาดเจบ็ และเสียชีวิตจานวนมากกว่าปกติ
• ภยั ท่สี รา้ งความเสียหายต่ออาคารบา้ นเรือนและทรพั ยส์ ินผคู้ นจานวนมาก
• ภยั ท่ีเกดิ ข้นึ แลว้ ส่งผลต่อการดาเนินชีวิตการประกอบอาชีพและเศรษฐกิจทอ้ งถน่ิ ทปี่ ระสบภยั ในท้งั ระยะ

ส้นั และระยะยาว

1.ภยั พิบตั ิธรรมชาตทิ างธรณีภาค

1 ความหมายของแผน่ ดนิ ไหว
ให้แผ่นดนิ ไหวหมายถงึ ภยั ทเ่ี กดิ จากการสนั่ สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหวทีร่ ุนแรง ขนาดมากกวา่ 5 ข้นึ ไปจากรอย
เล่อื นมพี ลงั งานและภเู ขาไฟปะทุซ่ึงทาใหพ้ ลงั งานเกิดจากความที่สะสม
2 กระบวนการเกดิ แผ่นดนิ ไหวมีดงั น้ี

1. เกิดจากการเคลอ่ื นตวั ของแผ่นดนิ เกิดจากการเคลือ่ นตวั ของแผน่ ดนิ กรณีภาพ
2. มีความเครียดสูงสุด
3. พลงั งานถกู ปลดปลอ่ ยออกมาเป็นเคลื่อนไหวส่ันสะเทอื นเป็นเหตุใหก้ ารส่ันสะเทอื นของแผน่ ดนิ
4. การปะทุของภูเขาไฟที่แมกมาเทรกดนั ข้ึนมา ตามรอยแตกหรือปลอ่ งภเู ขาไฟ
3. ประเภทของแผ่นดนิ ไหว แผน่ ดินไหวแบ่งตามระดบั ความลกึ ได้ 3 ระดบั ดงั น้ี

• แผน่ ดนิ ไหวระดบั ต้นื เกดิ ความลกึ นอ้ ยกวา่ 70 กิโลเมตรจากผิวโลก
• แผน่ ดินไหวระดบั ปานกลางเกิดท่คี วามลึก 70-30 100 กโิ ลเมตรจากผิวโลก
• แผน่ ดินไหวระดบั ลึกเกิดทคี่ วามลึกมากกวา่ 300 กิโลเมตรจากผิวโลก
4. สาเหตุของการเกิดแผ่นดนิ ไหว

27

แผน่ ดินไหวเกิดจากการสาเหตุ แผ่นดนิ ไหวเกิดจากสาเหตหุ ลกั 3 ประการดงั น้ี
1. การเคลอ่ื นตวั ฉับพลนั ของรอยเลื่อนมีพลงั
2. การปะทุของภเู ขาไฟ

5. ขนาดและความรุนแรงของแผน่ ดินไหว
• ขนาดแผ่นดินไหว เป็นปริมาณของพลงั งานท่ถี กู ปล่อยออกมาจากศนู ยก์ ลางแผ่นดนิ ไหวในแตล่ ะคร้ัง
ปัจจบุ นั มาตราวดั ขนาดแผ่นดนิ ไหวหลายมาตราเช่น มาตราริกเตอร์ มาตราโมเมนต์ และอน่ื ๆ
• ความรุนแรงของแผ่นดนิ ไหว เป็นผลกระทบของแผน่ ดินไหว ณ จดุ ใดจุดหน่ึงทม่ี ตี ่อมนุษยโ์ ครงสร้าง
อาคาร และพ้ืนดิน มมี าตราวดั รุนแรงหลายมาตราประเทศไทย ใชม้ าตราเมอร์คลั ลี มีระดบั ความรุนแรง 12
ระดบั

6. การกระจายการเปิดการกระจายการเกดิ แผน่ ดนิ ไหวของโลก

ปรากฏการณแ์ ผน่ ดนิ ไหวในโลกเกิดตามแนวท่ีแผ่นเปลือกโลกมีการชนกนั หรือเกลยี ดกันแนวแผ่นดนิ ไหวของ
โลกมี 3 แนวหลกั ดงั น้ี

1. แนววงแหวนแห่งไฟ
2. แนวภูเขาเเอลป์ -หิมาลยั
3. แนวสนั เขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก
7. ภยั ตา่ งๆท่ีเกดิ จากแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงมี ดงั น้ี
1. สิ่งก่อสรา้ ง
2. แผน่ ดนิ แยก เคล่ือน หรือทรุด
3. มนุษยท์ ่อี าศยั อยู่บริเวณเกดิ แผ่นดนิ ไหวไดร้ บั บาดเจ็บและเสียชีวติ จากการถกู สร้างอาคารหรือสิ่งปลกู

สรา้ งถลม่
4. แผ่นดนิ ถลม่ จากแรงสัน่ สะเทือนทรี่ ุนแรง
5. เกิดสึนามจิ ากแผน่ ดินไหวขนาดรุนแรง
6. ไฟไหมจ้ ากระบบทอ่ ส่งแก๊สตม้ หุงภายในอาคารบา้ นเรือนเกดิ การแตกรัว่
8. การจดั การภยั พบิ ตั แิ ผน่ ดนิ ไหว

28

ก่อนเกดิ แผ่นดนิ ไหว
1. รณรงคใ์ หป้ ระชาชนทุกคนมีความรูแ้ ละความเขา้ ใจเกีย่ วกบั เร่ืองแผ่นดนิ ไหว เพื่อใหส้ ามารถปฏิบตั ิตน
ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเมอื่ เกิดแผน่ ดนิ ไหว
2. ในกรณีท่ีอยู่ในเขตแผน่ ดนิ ไหวควรสรา้ งบา้ นอาคารหรือให้เป็นไปตามเกณฑส์ าหรบั พนื้ ท่เี สี่ยงภยั
แผน่ ดนิ ไหว รวมท้งั เคร่ืองใชใ้ นบา้ นควรทาการยึดอุปกรณ์ทอ่ี าจจะเกิดก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั ฟ้าบา้ นหรือ
เสาให้มนั่ คงแขง็ แรงไมค่ วรวางของหนกั ไวช้ ้นั บนหรือยง่ิ สูงและควรเรียนรู้การปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้

ขณะเกิดแผ่นดนิ ไหว
1. ถา้ อยใู่ นภายในบา้ นใหย้ นื หรือมอบในบริเวณท่มี โี ครงสร้างแข็งแรงสามารถรบั น้าหนกั ไดม้ ากหรือลบอยู่
ใตโ้ ต๊ะใตเ้ ตียงระวงั สิ่งของท่ีสูงตกใส่
2. ถา้ อยู่ในอาคารสูงควรให้รีบออกจากอาคารโดยเร็วอยา่ ใชล้ ฟิ ท์ ถา้ อยูน่ อกอาคารให้อยู่ห่างจากอาคารสูง
กาแพงเสาไฟ
3. ถา้ อยู่ในรถให้อยใู่ นที่ที่ปลอดภยั จนกระทง่ั แรงสนั่ สะเทือนหยุด

หลงั เกดิ แผ่นดินไหว
1. หลงั เกดิ แผ่นดนิ ไหวใหส้ ารวจตนเองและคนรอบขา้ งวา่ ไดร้ บั บาดเจ็บหรือไม่ ถา้ บาดเจบ็ ควรปฐม
พยาบาลเบ้อื งตน้ แลว้ รีบนาส่งโรงพยาบาล
2. ตรวจดคู วามเสียหายภายในบา้ นและบริเวณบา้ นโดยรอบมี ความผิดปกติของสิ่งก่อสร้างโครงสร้างอาคาร
ให้รีบออกห่างบริเวณน้นั เพราะอาจจะเกดิ การพงั ทลายลงมาและคอยตดิ ตามข่าวสารอยา่ งใกลช้ ิดและ
ต่อเน่ือง

1.2 ภูเขาไฟปะทุ(volcanic eruption)
1. ความหมายของภูเขาไฟปะทุ
ภูเขาไฟปะทหุ มายถงึ การที่หินหนืดๆผิวเปลอื กโลกแทรกดนั ข้นึ มาตามรอยแตกหรือกล่องคณุ พน้ื ผวิ เปลือกโลก
หรือการเกดิ การระเบดิ อย่างรุนแรงเป็นเหตุให้แกส๊ ไอน้าและทีฟรา

29

2. ประเภทปะทุของภเู ขาไฟ
ประเภทการปะทขุ องภูเขาไฟมคี วามสาคญั เรียบเรียงความสาคญั จากรุนแรงมาก เป็นไปยงั รุนแรงนอ้ ยดงั น้ี

1. หน่ึงภเู ขาไฟปะทแุ บบพลิเนียน
2. ภเู ขาไฟปะทแุ บบวลั เคเนยี น
3. ภเู ขาไฟปะทุแบบสตรอมโบเลียน
4. ภเู ขาไฟปะทแุ บบฮาวายเอ้ียน
3. การกระจายของภูเขาไฟมีพลงั งานในโลก

จากแผนภาพทีป่ รากฏภเู ขาไฟปะทโุ ลกส่วนใหญ่เกดิ ตามแนวการชนกนั ของแผ่นเปลอื กโลกที่ทอดตวั อยู่โดยรอบ
มหาสมทุ รแปซิฟิกเรียกวา่ แหวนวงแหวนไฟซ่ึงเป็นบริเวณพื้นผิวเปลอื กโลกมพี ลงั อย่จู านวนมาก ภเู ขาไฟบางแห่ง
มีการแตกต่างจากทวั่ ไปเช่น ภเู ขาไฟปะทใุ นฮาวาย ทไี่ มไ่ ดเ้ กดิ จากการเคล่อื นตวั ของแผน่ เปลอื กโลกแตเ่ กดิ จาก
บริเวณเรียกวา่ จุดร้อน ซ่ึงเป็นบริเวณที่หินหนืดดนั ตวั สูงพื้นผวิ เกดิ เป็นภูเขาไฟจากแมกมาภายในโลก
4. ภยั ตา่ งๆท่เี กดิ จากภเู ขาไฟรุนแรง

1. เกิดจาก ภยั จากแกส๊ ที่ปลอ่ ยออกมา
2. ภยั จากลาวาหลากไหลออกมาจากปล่องภเู ขาไฟ
3. ภยั จากลาฮาร์
4. ทฟี ราหรือวตั ถขุ องแขง็ ตา่ งๆ
5. แผ่นดนิ ถลม่ จากการปะทรุ ุนแรงของภูเขาไฟ
6. การปะทุแบบรุนแรงพน่ ชิ้นส่วนภูเขาไฟออกมา
6. การจดั การภยั พิบตั ิภเู ขาไฟปะทุ
ก่อนเกิดภเู ขาไฟปะทุ
1. ใหค้ วามรู้เกี่ยวกบั ภยั พบิ ตั แิ ละการรับมอื จากภูเขาไฟแก่ประชาชนในพื้นท่ี
2. ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการเม่ือมคี าสั่งให้อพยพออกจากพน้ื ท่ีควรรีบ อพยพทนั ที
3. จดั เตรียมอปุ กรณย์ งั ชีพทีจ่ าเป็น เช่นน้า อาหารแห้ง ยารกั ษาโรค ไฟฉาย
4. สารวจตรวจสอบสถานทีห่ ลบภยั และเส้นทางหลบภยั ในล่วงหนา้

30

5. ประชุมกบั สมาชิกในครอบครัวเกย่ี วกบั จดุ นดั พบหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉนิ
ขนาดเกดิ ภเู ขาไฟปะทุ

1. สวมเส้ือคลมุ กางเกงขายาวถงุ มอื เพ่ือปอ้ งกนั เถา้ จากภูเขาไฟ
2. สวมแว่นตาและหน้ากากอนามยั
3. นาเสบียง อปุ กรณ์ยงั ชีพและเคร่ืองมือส่ือสารติดตวั ระหว่างอพยพ
4. อพยพออกจากพ้นื ทโ่ี ดยเร็วที่สุดเพอ่ื ไปยงั สถานทห่ี ลบภยั
5. ตดิ ตามขอ้ มลู ข่าวสารอย่างตอ่ เน่ืองและปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนาจากหน่วยงานราชการ
หลังเกิดภูเขาไฟปะทุ
1. ตดิ ตามขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ียวกบั ความเสียหายทีเ่ กิดข้ึนและเขา้ พ้ืนทห่ี ลงั จากมีการประกาศเรื่องความ

ปลอดภยั
2. ตรวจสอบสภาพทอ่ี ยู่อาศยั และความประกาศกอ่ นเนื่องจากภเู ขาไฟอยบู่ นหลงั คาแลว้ ทาใหห้ ลงั คาพงั ลงมา

ได้
3. ส่วนแว่นตาและหนา้ กากอนามยั ขณะท่ที าความสะอาด
4. ตรวจสอบความเสียหายของสถาบนั โรคเส้นทางคมนาคมและแจง้ ความเสียหายใหแ้ ก่ผดู้ ูแล
5. ไม่ควรใชน้ ้าท่มี กี ารปนเป้ือนจากเถา้ ภูเขาไฟ
1.3 สึนามิ (tsunami)
1. ความหมายของสึนามิ
สึนามิหมายถงึ คล่นื ที่เกิดจากการแผ่นดนิ ไหวหรือภเู ขาไฟปะทใุ ตท้ ะเลอย่างรุนแรงเมอื่ เคลอ่ื นเขา้ ปะทะชายฝ่งั มี
ความยาวข้ึน คาบคลื่นจะลดลงแตค่ วามสูงคลนื่ จะเพมิ่ ข้นึ ทาใหม้ ีพลงั ทาลายรุนแรงนอกจากการเกดิ ชีวติ หรือ
บาดเจบ็ ของบุคคลรวมถงึ สิ่งปลูกสรา้ งในพงั เสียหาย
2. กระบวนการการเกดิ สึนามิ
ฉนั ไม่สนใหญ่ เกดิ จากแผน่ ดนิ ไหวใตท้ ะเลสาบผา่ นธรณีภาคมีการเคลื่อนตวั ทาใหเ้ กิดรอยเลอื่ นจงึ ทา จงึ เกดิ แรง
เพ่ือ อยา่ งรุนแรงบริเวณศนู ยก์ ลางการเคลอ่ื นทซ่ี ่ึงแรงกบั เพือ่ ถูกถา่ ยเทสู่ทะเลทาใหเ้ กดิ ข้ึนไดน้ ้า

3. ประเภทของสึนามิ
การใชร้ ะยะเดินทางของคลืน่ และระยะห่างของศูนยก์ ลางของแผน่ ดนิ ไหวใตท้ ะเลเป็นเกณฑ์ดงั น้ี

1. สึนามิระยะไกล
2. สึนามริ ะยะใกล้
4. สาเหตกุ ารเกดิ สึนามิ
มี 3 สาเหตุดงั น้ีแผน่ ดินไหวรุนแรงใตท้ ะเล แผน่ ดนิ ถล่มใตท้ ะเล ภเู ขาไฟปะทภุ เู ขาไฟปะทุอย่างรุนแรงใตท้ ะเล

31

5. ภยั ตา่ งๆท่ีเกดิ จากสึนามิ
1. เกดิ การบาดเจบ็ และเสียชีวิต
2. ภยั ต่อทรัพยส์ ินและส่ิงปลกู สร้าง
3. ใครตอ่ สิ่งแวดลอ้ มบริเวณชายฝัง่
4. ใหซ้ บั ซอ้ นเกดิ ข้นึ หลงั จากเหตกุ ารณผ์ ่านไปแลว้

1.4 แผ่นดนิ ถล่ม(landslide)
1. ความหมายของดินถล่ม
กระบวนการเคลือ่ นทข่ี องดนิ ตวั กระทงั่ มนี ้าหนกั และ มวลเคล่ือนท่ี เส้นลายสัก การเกิดฝนตกหนกั ติดต่อกนั นาน
บริเวณภูมิภาคลาดช้นั
2. กระบวนการเกดิ แผน่ ดนิ ถล่ม

1. เมือ่ ฝนตกหนกั ติดตอ่ กนั เป็นเวลานาน
2. เมือ่ มีความดนั ในชอ่ งว่างของแผ่นดนิ เพม่ิ สูงข้นึ ในระดบั หน่ึง
3. สุขสมดุลกอ่ นฉนั เดนิ เริ่มเลอื่ นไหล
4. ดินเกดิ การเลอื่ นไหลลงมา
3. การจดั การภยั พิบตั แิ ผ่นดินถลม่
ก่อนเกดิ แผ่นดนิ ถล่ม
1. สารวจพืน้ ท่อี ยากจะให้โอกาสดินถลม่
2. ผูท้ ่ตี ้งั เรือนอยูบ่ า้ นใกลภ้ ูเขาถา้ ฝนตกติดต่อกนั เป็นเวลานานควรมาจากพ้นื ท่ี
3. ฟังประกาศเตือนจากกรมอตุ ุนิยมวิทยา ว่ามีพายพุ ดั ผา่ นและมีฝนตกหนกั ตดิ ตอ่ กนั เมือ่ ใด
ขณะเกิดแผ่นดนิ ถล่ม
1. ออกจากพน้ื ท่ีเล็กทสี่ ุดเม่อื เร่ิมรูส้ ึกถงึ การสัน่ สะเทอื นของแผ่นดนิ เสียงผดิ ปกติ
2. หากพลดั ตกลงไปในกระแสน้าควรหาทยี่ นื เกาะแขง็ แรงที่สุดและรีบบนิ หนีนะไม่ควรวา่ ยน้าหนี อาจจะ

ถกู สร้างตน้ ไมก้ ระแทกได้
หลงั เกดิ แผ่นดนิ ถล่ม

1. อพยพไปยงั บริเวณทป่ี ลอดภยั
2. ติดตามสถานการณแ์ ละขา่ วพยากรณ์อากาศอย่างใกลช้ ิด
3. สารองอาหารน้าดมื่ ยารกั ษาโรคและอปุ กรณย์ งั ชีพตา่ งๆ

2.ภยั พบิ ตั ิธรรมชาติทาบรรยากาศภาค

1. วาตภยั คือภยั หรืออนั ตรายทเ่ี กดิ จากลมพายุ รุนแรงขอให้เกดิ อนั ตรายต่อชีวติ และสรา้ งความเสียหายต่ออาคาร
บา้ นเรือน
จะภยั หรือภยั จากพายุ
2. ประเภทของกระบวนการเกดิ วาตภยั

32

• พายุฝนฟ้าคะนอง
• พายเุ ขตรอ้ น
• พายทุ อร์นาโด
3. สาเหตุของวาตภยั
1. พายุฝนฟ้าคะนอง
2. พายหุ มุนเขตรอ้ น
3. พายทุ อร์นาโด
4. แหลง่ กาเนิดพายุหมนุ เขตรอ้ นและคอนโด
ถา้ ไทยเกิดจากพายุหมนุ เขตรอ้ น เป็นธรรมชาติทางบรรยากาศทีพ่ บกระจายอยใู่ นเขตร้อนและบริเวณ ใกลเ้ คียง
หลายบริเวณของโลก

วาตภยั จากพายุทอร์นาโด วาตภยั จากพายทุ อร์นาโดพบบริเวณทวปี แอฟริกาเหนือ
5.ภยั ต่างๆท่เี กิดจากวาตภยั รุนแรง

1. ภยั จากพายฝุ นฟ้าคะนอง
2. ภยั จากพายุทอร์นาโดระดบั EF4-EF5
3. ภยั จากพายหุ มุนเขตรอ้ น
5. การจดั การภยั พิบตั ิวาตภยั
ก่อนเกดิ วาตภัย
1. ติดตามขา่ วสารสภาพอากาศ
2. เกมวิทยุและอปุ กรณ์สื่อสาร
3. ตรวจสอบและซ่อมแซมอาคารท่ีอยอู่ าศยั
4. เตรียมอุปกรณบ์ ริโภคและอปุ โภค
ขณะเกิดวาตภยั
1. วลั ลภอยูใ่ นอาคาร มนั หลบอยูใ่ นอาคารทมี่ น่ั คงแข็งแรง
2. ถา้ อยใู่ นบา้ นหรือในอาคารใหอ้ อกห่างจากหนา้ ตา่ งหรือวตั ถตุ า่ งๆ

33

3. เรียกแลกกนั อย่ใู กลส้ ายฟ้าและตน้ ไม้

3.ภยั พบิ ตั ิธรรมชาติทางอทุ กภาค

3.1 อทุ กภยั (flood)
1.ความหมายของวาตภยั
อทุ กภยั หมายถึงภยั อนั ตรายท่ีเกดิ จากน้าทว่ มฉับพลนั ในพนื้ ทีบ่ ริเวณใดบริเวณหน่ึง
2. ประเภทและกระบวนการเกดิ เหตอุ ุทกภยั และรา้ ยเเรง

1. น้าป่ าไหลหลาก
2. น้าท่วมขงั
3. น้าลน้ ตล่งิ
3 พื้นทเี่ สี่ยงการเกิดอุทกภยั

บริเวณท่ีมีความเส่ียงอทุ กภยั รุนแรง ของโลกมคี วามสมั พนั ธก์ บั บริเวณท่เี กิดพายุหมนุ เขตรอ้ น บริเวณท่ีสมั พนั ธ์
กบั การเกดิ อทุ กภยั และแรงคือบริเวณตาม แม่น้าสายสาคญั บริเวณท่ีมีความเสี่ยงอทุ กภยั ร้ายแรงไดแ้ กภ่ มู ิภาคเอเชีย
ตะวนั ออก ภมู ภิ าคเอเชียใต้ ภูมภิ าคแอฟริกาตอนกลาง บริเวณเหนืออา่ วเมก็ ซิโก และทางตะวนั ออกเฉียงเหนือของ
ทวปี ออสเตรเลีย
3.2 ภยั แลง้ (drought)
1.ความหมายของภยั แลง้
ภยั แลง้ หมายถึงภยั ท่เี กดิ จากการมฝี นนอ้ ยกวา่ ปกติหรือไมต่ กตอ้ งตามฤดกู ารทาใหเ้ กดิ การขาดแคลนน้า กนิ น้า น้า
ใชท้ า น้าใชเ้ กษตรกร ความแรงของภยั แลง้ ข้นึ อยู่กบั ความช้ืนในอากาศระยะเวลาเกดิ ภยั แลง้
2.ประเภทของภยั แลง้

1. ภยั แลง้ ดา้ นอุตนุ ิยมวทิ ยา
2. ภยั แลง้ ดา้ นเกษตรกร
3. ภยั แลง้ ดา้ นอทุ กวทิ ยา
3. บริเวณท่เี ส่ียงการเกิดภยั แลง้

34

บริเวณเสี่ยงเกดิ ภยั แลง้ ของโลกมคี วามสมั พนั ธก์ บั ปริมาณฝนบริเวณประสบภยั และแรงมากที่สุดเชน่ บริเวณ
ประเทศจนี ดา้ นตะวนั ออกเฉียงเหนือต่อเน่ืองกบั เกาหลเี หนือและรสั เซียตะวนั ออกเฉียงใต้ บริเวณชายฝ่ังทะเลอา่ ว
กินีของทวปี แอฟริกา บริเวณดา้ นชายฝ่งั ดา้ นใตแ้ ละ เกาะเสมด็ มีเมียของประเทศออสเตรเลยี เกาะเหนือของประเทศ
นิวซีแลนด์ บริเวณประสบภยั แลง้ รุนแรงรองมา เช่นบริเวณตอนกลางของรัสเซีย ประเทศมองโกเลีย บางเขนของ
ประเทศอินเดยี ตอนกลางของสหรัฐอเมริกา
4. การจดั การภยั พบิ ตั ภิ ยั แลง้
ก่อนเกิดภยั แล้ง

1. จดั วางแผนการใชน้ ้าเหมาะสม
2. จดั ระบบเก็บน้าในอ่างน้า
3. สรา้ งฝายตน้ น้า
4. การนาน้ามาหมุนเวียนใช้
ขณะเกิดภัยแล้ง
1. การทาฝนเทยี ม
2. แกป้ ัญหาเฉพาะหน้าโดยการแจกน้าให้ประชาชน
หลังเกิดภยั แล้ง
1. พฒั นาซุม้ น้าและแหล่งน้า
2. วางแผนดาเนินการจดั เก็บน้าดา้ นเศรษฐกรแอร์และใชน้ ้าอย่างรอบคอบ
3. ชว่ ยเหลอื เกษตรกรทป่ี ระสบภยั แลง้
4. ส่งเสริมการอนรุ กั ษด์ นิ และน้า

4.ภยั พบิ ตั ิธรรมชาติทางชีวภาค

ไฟป่ า(forest fire)
1. ความหมายของไฟป่ า
ไฟป่ าหมายถึงไฟทเี่ ผาไหมเ้ ช้ือเพลิงธรรมชาตใิ นป่ าหรือทงุ่ หญา้ แลว้ ลุกลามโดยอสิ ระไม่สามารถควบคมุ ไดส้ รา้ ง
ความเสียหายตอ่ สมดลุ ธรรมชาติ
2. ประเภทของไฟป่ า

1. ไฟใตด้ นิ

35

2. ไฟผวิ ดิน
3. ไฟเรือนยอด
3. พ้นื ท่เี ส่ียงการเกดิ ไฟป่ าโลก
พื้นทเี่ กดิ ไฟป่ าโลกมีความสาคญั กบั ชนิดของป่ าไมท้ ส่ี าคญั เชน่ เขตทุง่ หญา้ เขตป่ าสน เขตป่ าพรุ บริเวณทีม่ กี าร
เกิดไฟป่ าของโลกทีส่ าคญั คอื เขตสะวนั นาและวีปแอฟริกา ทวปี อเมริกาใต้ และภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้
4. การจดั การพิบตั ไิ ฟป่ า
ก่อนเกิดไฟป่ า
1. ใหค้ วามรูเ้ กย่ี วกบั ไฟป่ าแก่ประชาชน
2. มาร้องให้หยดุ หรือเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมการเผาป่ า
3. ประชาชนทกุ คนควรร่วมมือในการเฝ้าสงั เกต
ขณะเกดิ ไฟป่ า
1. พฒั นาการเขา้ ไปดบั ไฟถา้ ไมม่ คี วามเขา้ ใจ อาจจะไดร้ บั อนั ตรายได้
2. แจง้ หน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ งโดยทนั ที เม่อื เหน็ ไฟลุกไหมป้ ่ า
หลังเกิดไฟป่ า
1. ตรวจดูบริเวณทีย่ งั มไี ฟคกุ รุ่นแลว้ รีบดบั ใหส้ นิท
2. คน้ หาชว่ ยเหลือคนและสัตวท์ ีห่ นีไฟออกมาและไดร้ ับบาดเจบ็
3. การจดั แนวกนั ไฟเพอ่ื ปกป้องไฟลกุ ลามของป่ า

36

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

1. ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม

1. ความหมายของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม
1.1 ทรพั ยากรธรรมชาติ(natural resource) หมายถงึ สิ่งท่เี กดิ ข้ึนเองตามธรรมชาติและมีอยูใ่ นธรรมชาติ
มนุษยใ์ ชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติในการดารงชีวิต เชน่ ดิน น้า ป่ าไม้ แร่
ทรัพยากรธรรมชาติแบง่ ออกเป็น 3 ประเภทไดแ้ ก่

1. ทรัพยากรท่ีใชไ้ ปหมดแลว้
2. ทรัพยากรธรรมชาตทิ ีใ่ ชแ้ ลว้ ไม่หมดสิ้น
3. ทรพั ยากรธรรมชาติท่ใี ชแ้ ลว้ นามาทดแทนได้
1.2 สิ่งแวดลอ้ ม(environment) หมาถงึ ส่ิงตา่ งๆท้งั ส่ิงมีชีวิตและไมม่ ชี ีวติ ที่อยู่รอบตวั มนุษยม์ สี าคญั ต่อ
การดารงชีวิตของมนุษยแ์ ละสรรพส่ิง
ส่ิงแวดลอ้ มแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่
1. สิ่งแวดลอ้ มตามธรรมชาติ
2. ส่ิงแวดลอ้ มทีม่ นุษยส์ รา้ งข้นึ
2. ลกั ษณะของปัญหาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม
2.1 ความเส่ือมโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
การนาทรัพยากรมาใชม้ ากเกนิ ไปทาให้มคี วามขาดแคลนและส่งผลใหท้ รัพยากรเกดิ ความเส่ือมโทรมเช่นการปลกู
พืชบางชนิดลดลงจึงมีการเพิ่มปริมาณป๋ ยุ เคมมี ากข้นึ รวมท้งั ใชส้ ารเคมีต่างๆ ซ่ึงเป็นเหตใุ ห้ดนิ แข็งและเกิดความ
เส่ือมโทรม
2.2 มลพษิ สิ่งแวดลอ้ ม
ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดลอ้ มทส่ี ะสมจนเกินขีดความสามารถในการรับไดข้ องส่ิงแวดลอ้ มนาไปสู่การเกดิ
มลพษิ เช่น การทิ้งขยะและการปลอ่ ยน้าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมลงแหล่งน้า ควนั เสียจากรถยนตแ์ ละโรงงาน
อุตสาหกรรม
3. สาเหตขุ องการเกิดปัญหาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม
3.1 สาเหตจุ ากธรรมชาติ
เกดิ จากการท่ธี รรมชาตปิ รบั สมดลุ กระบวนการการเปลยี่ นแปลงภายในและภายนอกโลก ทาให้มีการเปลีย่ นแปลง
ต่างๆ ซ่ึงมีผลกระทบต่อธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มเช่น การเกิดแผ่นดินไหว ภเู ขาไฟปะทุ อุทกภยั วาตภยั ภยั แลง้
ดนิ โคลนถลม่ สึนามิ
3.2 สาเหตจุ ากมนุษย์
ปัจจบุ นั มนุษยเ์ ป็นเหตุสาคญั ทที่ าให้เกิดปัญหาทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มมากทส่ี ุด เนื่องจากใชผ้ ิดวธิ ีการ
ดแู ลและขาดการควบคมุ ปริมาณการใช้ สามารถวิเคราะหไ์ ดด้ งั น้ี

37

1. การเพมิ่ ข้นึ ของจานวนประชากร
2. การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ และความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี
3. การขาดความรู้ความเขา้ ใจ

2. สถานการณก์ ารเปล่ยี นแปลงดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม

สถานการณก์ ารเปล่ยี นแปลงทางดา้ นทรพั ยากรและสิ่งแวดลอ้ มในภมู ิภาคตา่ งๆของโลกทวีความรุนแรงมาก
ข้ึน วกิ ฤตการณ์ ทสี่ หประชาชาติใหค้ วามสาคญั มากท่ีสุดไดแ้ ก่ ปัญหาการทาลายทรัพยากรทางธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอ้ มทส่ี ่งผลกระทบต่อสภาวะการขาดแคลนอาหาร ปัญหาดา้ น พลงั งาน ปัญหาการเพม่ิ ข้ึนของจานวน
ประชากรและมลพิษต่างๆ
1.สถานการณก์ ารเปลย่ี นแปลงดา้ นทรัพยากรดิน
สถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงดา้ น ทรพั ยากรดนิ ทาใหเ้ กิดความเสื่อมคณุ ภาพของดนิ มที ้งั สาเหตุจากธรรมชาตแิ ละ
จากการกระทาของมนุษยด์ งั น้ี

1. ความเส่ือมคุณภาพของดนิ ทางกายภาพ
2. ความเสื่อมคณุ ภาพของดินทางเคมี
3. ความเสื่อมคณุ ภาพของดินทางชีวภาพ
ผลกระทบจากการเปลีย่ นแปลงด้านทรัพยากรดิน
1. การเส่ือมสภาพโครงสร้างดนิ ทางกายภาพ
2. ผลจากการใชด้ ินต่อเนื่องมายาวนานและการชะลา้ งดนิ ทมี่ มี าก
3. ผลจากการใชด้ ินซ้าซาก
4. ในระยะหลงั มีการปลกู พชื เชิงเดี่ยวเพอื่ การคา้ มากข้ึน
แนวทางการจดั การทรพั ยากรดนิ
1. ปัญหาโครงสรา้ งดนิ เมื่อถูกใชม้ ายาวนานจาเป็นตอ้ งมกี ารไถพรวนเพือ่ การทาลายช้นั ดา้ นในดนิ เพอื่ ให้

นาหนา้ ดินซึมซาบลงดนิ ไดต้ ลอดทุกช้นั เป็นการลดไหลบางและลดการชะลา้ งทาลายโครงสรา้ งของดิน
2. ปัญหาดนิ ขาดอาหาร ควรลดปริมาณการใชป้ ๋ ยุ เคมหี ันมาใชป้ ๋ ยุ อินทรียท์ างธรรมชาติ
3. ปัญหาดินขาดอนิ ทรียวตั ถคุ วรปลูกพืชหมุนเวยี นประจาปีและปลูกพชื หลากหลายชนิดอยา่ งผสมผสาน

ลดการปลูกพชื เชิงเด่ยี ว
4. บริหารจดั การใชด้ นิ อย่างเป็นระบบโดยการปลูกพชื เชิงเด่ียวหันมาทาเกษตรกรแบบผสมผสานลดใช้

ป๋ ยุ เคมี เพราะความช้ืนในดินมผี ลต่อการพฒั นาและใชป้ ระโยชนจ์ ากแร่ธาตุอาหารและพฒั นาจลุ ชีพในดนิ
2. สถานการณเ์ ปลย่ี นแปลงดา้ นทรพั ยากรน้า
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงดา้ นทรพั ยากรนา้ํ ในประเทศตา่ งๆคอื การเปลยี่ นแปลงปริมาตรน้าและคุณภาพที่
มนุษยน์ ามาใชป้ ระโยชน์
มสี าเหตสุ าคญั ดงั น้ี

1. การเพิ่มข้นึ ของจานวนประชากรในประเทศต่างๆทาให้ตอ้ งการน้ามากข้นึ

38

2. ภาวะโลกรอ้ นส่งผลให้ วฏั จกั รของน้าทาใหแ้ หล่ง น้าผวิ ดินเช่น ทะเลสาบ และแม่น้าแห้งขอด
2.1 สถานการณก์ ารขาดแคลนน้า
รายงานสถานการณน์ ้าโลกสหประชาชาติที่เห็นวา่ ประชากร 1 ใน 5 คนไมส่ ามารถเขา้ ถึงน้าสะอาดและขาดแคลน
น้าดื่ม ในราวค.ศ. 2025 ประชากร 4 พนั ลา้ นคนใน 48 ประเทศ จะไปเชิญปัญหาการขาดแคลนน้าในขณะที่
ธนาคารโลกประมาณ การวาด 30 ปีขา้ งหน้าประชากรคร่ึงหน่ึงของโลกจะประสบปัญหาขาดแคลนน้าถา้ หากยงั มี
การใชน้ ้าอยา่ งไรในปัจจุบนั
ผลกระทบจากการขาดแคลนทรัพยากรนา้

1. จกั รยานสหประชาชาตแิ ละพบว่าประชากรประมาณ 3 พนั ลา้ นคนขาดแคลนน้าดม่ื ตามหลกั สุขาภิบาล
ทาใหป้ ระชากร 5 ลา้ นคนตอ่ ปีเสียชีวิตดว้ ยโรคท่ีเกิดจากน้าไมส่ ะอาด ปัญหาดงั กล่าวซ่ึงถอื ว่าเป็นปัญหา
ดา้ นปริมาณของทรพั ยากรน้าตน้ ทนุ ในประเทศทไ่ี มเ่ พยี งพอต่อการใชป้ ระโยชน์

2. เมอื งใหญห่ ลายแห่งทวั่ โลกประสบปัญหาการขาดแคลนน้าดม่ื และอุปโภคจากปริมาณน้าดมื่ ไมเ่ พยี งพอ
และมสี ารปนเป้ือน

3. ผลการผลติ ภาคเกษตรกรรมท้งั พนื้ ที่อาหารและสตั วเ์ ล้ียงเพื่อการบริโภคลดลงจะไม่มผี ลตอ่ ประชากร
โลก

แนวทางการจดั การขาดแคลนทรัพยากรน้า
1. วางแผนการใชน้ ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
2. สร้างและจดั หาพ้ืนทก่ี กั เก็บผวิ น้าดนิ ทไ่ี ดจ้ ากน้าฝน
3. จดั การและอนุรกั ษพ์ ื้นท่ีป่ าไมบ้ ริเวณตน้ น้า

2.2 สถานการณม์ ลพษิ ทางน้า
ผลกระทบทีเ่ กิดจากมลพิษทางนา้

1. ส่งผลต่อวงจรชีวิตของสตั วน์ ้า
2. เป็นแหลง่ แพร่ระบาดของเช้ือโรค
3. ส่งผลกระทบตอ่ การเพาะปลูก
4. น้าเน่าเสีย
แนวทางการจดั การมลพษิ ทางนา้
• สร้างจิตสานึกให้แกป่ ระชา ชนตระหนกั ถึงความสาคญั ในการอนุรักษ์ แหลง่ น้า
• รณรงคใ์ หอ้ งคก์ รหน่วยงานต่างๆมีการบาบดั ขจดั พิษก่อนที่จะปล่อยลงสู่แหล่งน้า
• ลดปริมาณการใชน้ ้า
• ไมท่ ิ้งขยะหรือส่ิงปฏกิ ูลหรือสารพิษลงแหล่งน้ามนั ตา่ งๆ
3 สถานการณก์ ารเปลยี่ นแปลงคุณภาพอากาศ
สาเหตุของมลพิษทางอากาศ
1. การปลอ่ ยควนั เสียจากโรงงานอุตสาหกรรม
2. การปลอ่ ยควนั เสียจากยานพาหนะ
3. การเผาวชั พืชหรือเศษขยะเศษวสั ดุเพือ่ เตรียมสาหรับเกษตรกรรม

39

4. เกิดภยั ธรรมชาติ เช่น ไฟป่ า ภเู ขาไฟปะทุ
ผลกระทบจากมลพษิ ทางอากาศ

1. ส่งผลตอ่ ระบบทางเดินหายใจของมนุษยแ์ ละสัตว์
2. ส่งผลกระทบตอ่ วสิ ยั การมองเห็นเส้นทางของผขู้ บั ข่ยี านพาหนะ อาจจะนาไปสู่การเกดิ อบุ ตั ิเหตุ
3. เมื่อปนเป้ือนกบั ฝนหรือดินทาให้มคี ุณภาพลดลงหรือเกิดฝนกรด
แนวทางการจดั การคุณภาพอากาศ
1. ตดิ ตามตรวจสอบระบบอากาศจากแหล่งกาเนิดต่างๆ เช่น โรงงานอตุ สาหกรรม โรงงานไฟฟ้า
2. ตารางคุณภาพอากาศดว้ ยการตรวจวดั อยา่ งสม่าเสมอและต่อเน่ือง
3. ควบคุมมลพิษทางอากาศ รถใชร้ ถยนต์ส่วนบุคคลลง

4.สถานการณ์การเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศ
สถานการณก์ ารเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศท่ีสาคญั ของโลกส่งผลกระทบในวงการคือการเกิดช่องโหว่โอโซนในช้นั
บรรยากาศสาเหตจุ ากการปลอ่ ยสาร CFC หรือสารโรฟลูออโรคาร์บอน ข้นึ สู่ช้นั บรรยากาศแลว้ นาไปทาลาย
โอโซนO3 ในช้นั สแตรโทสเฟี ยร์ ผลกระทบคอื ทาให้รงั สีอลั ตราไวโอเลต UV ผา่ นลงมายงั พ้นื ผวิ โลกมากข้นึ
โดยสถานการณ์รุนแรงมากบริเวณทวปี แอนตาร์กติกาในข้วั โลกใตซ้ ่ึงเป็นอนั ตรายตอ่ สิ่งมีชีวติ ต่างๆนน่ั คือมนุษยท์ ่ี
เจ็บไขไ้ ดป้ ่ วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนงั การขจดั ปัญหาช่องโหวโ่ อโซนคือควบคุมใชว้ ตั ถสุ ารเคมีท่ีก่อใหเ้ กิดสาร
CFC เช่น กระป๋ องสเปรย์ สารทาความเยน็
5. สถานการณ์ทรัพยากรป่ าไม้
สถานการณ์การเปล่ยี นแปลงพ้นื ทปี่ ่ าไมข้ องโลกทสี่ าคญั คอื การสูญเสียป่ าไมเ้ ป็นจานวนมากจากสถติ ิพบวา่ รวม
พ้นื ที่ป่ าไมถ้ ูกทาลายประมาณ ปีละ 300 กวา่ ตารางกโิ ลเมตร โดยพื้นที่ป่ าไมท้ ถ่ี ูกทาลายส่วนใหญอ่ ยใู่ นประเทศ
กาลงั พฒั นาการลดลงของ พื้นท่ีป่ าไมโ้ ดยเฉพาะป่ าไมเ้ ขตรอ้ นช้ืนกระทบตอ่ ความหลากหลายทางชีวภาพคือโลก
กาลงั สูญเสียสตั วป์ ่ าและพนั ธุ์พืชในป่ าเขตรอ้ น
ผลกระทบจากการสูญเสียพนื้ ท่ีป่ าไม้

1. การสูญเสียพน้ื ที่ป่ าไมท้ าให้ปริมาณและสตั วป์ ่ าและพชื ลดลง
2. พ้นื ทีป่ ่ าไมล้ ดลงทาใหเ้ กดิ ความแหง้ แลง้ ฝนไมต่ กตามฤดูกาลสภาพอากาศเปลีย่ นแปลง
3. เม่ือฝนตกหนกั และไมม่ ตี น้ ไมย้ นื เกาะหน้าดินทาใหเ้ กิดดนิ ถล่มบริเวณภมู ภิ าคลม้ ทบั บา้ นเรือนและทาให้

แหล่งน้าต้นื เขนิ
4. ป่ าไมล้ ดลงทาใหร้ ะบบอทกวิทยา ในพื้นทีเ่ กดิ การเปล่ียนแปลง โดยแมน่ ้าเกดิ การขาดแคลนน้าความช้ืน

ในดนิ มกี ารระเหยมากข้นึ
5. ป่ าไมล้ ดลงทาใหส้ ูญเสียทอ่ี ยูอ่ าศยั และแหลง่ อาหารของสิ่งมชี ีวติ ท้งั สตั วแ์ ละมนุษย์
แนวทางการจัดการทรพั ยากรป่ าไม้
1. ลดปริมาณการตดั ตน้ ไมท้ าลายป่ า
2. ป้องกนั การสูญเสียป่ าไมท้ ีเ่ กิดจากไฟป่ าในทุกประเทศ
3. การฟ้ืนฟูป่ าไม้

40

4. การเพิ่มพ้นื ทป่ี ่ าไมด้ ว้ ยการปลกู ป่ าทดแทนป่ าทถ่ี กู ทาลาย
6. การความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ(biodiversity) หมายถึงภาพทม่ี ีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดมาอยูเ่ มืองกาญจน์
ในบริเวณใดบริเวณหน่ึงหรือในระบบนิเวศหน่ึงจาแนกได้ 3 ลกั ษณะคือ

1. ความหลากหลายของชนิด
2. ความหลากหลายทางพนั ธุกรรม
3. ความหลากหลายของระบบนิเวศ
ผลกระทบจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
1. นาไปสู่ภาวะโฮโมโซโกซิตี
2. การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ทาให้ระบบนิเวศในแต่ละระบบขาดตอน
3. ทาใหส้ ูญเสียถิ่นทีอ่ ย่อู าศยั ของส่ิงมีชีวิต
4. ส่งผลตอ่ ระบบเศรษฐกจิ ของประเทศในการขาดแคลนอาหาร
5. มผี ลกระทบต่อการผลิตยารกั ษาโรค
แนวทางการจัดปญั หาความหลากหลายทางชีวภาพ
1. ลดการทาลายป่ าไมแ้ ละส่ิงแวดลอ้ ม
2. ออกมาตรการทางกฎหมายคุม้ ครองป่ า ชนิดพนั ธุพ์ ชื และสตั วป์ ่ า
3. จดั ระบบนิเวศใหใ้ กลเ้ คยี งตามธรรมชาติ
4. จดั ให้มศี นู ยอ์ นุรกั ษแ์ ละพทิ กั ษส์ ิ่งมชี ีวติ ในถน่ิ กาเนิดและนอกถน่ิ กาเนิด
5. ส่งเสริมการเกษตรแบบไร่นาสวนผสม
7. สถานการณ์การเปลย่ี นแปลงทรัพยากรแร่และพลงั งาน
ทรัพยากรแร่และพลงั งานเป็นทรัพยากรทส่ี าคญั ตอ่ การพฒั นาทางดา้ นเศรษฐกจิ ส่งผลใหม้ ีความมนั่ คงของประเทศ
เป็นวตั ถุดบิ ท่ีสาคญั ในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมทาใหค้ วามตอ้ งการพลงั งานสูงข้นึ โดยเฉพาะในประเทศกาลงั
พฒั นาการผลิตและสารวจหาแหล่งทรพั ยากรแร่และพลงั งานเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของมนุษยท์ ี่มากข้นึ
ผลกระทบจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทรัพยากรแร่และพลังงาน
ทรพั ยากรแร่และพลงั งานเมื่อนามาใชใ้ นปริมาณทม่ี ากจะส่งผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม เชน่ มลพิษทางอากาศ มลพษิ
ทางน้าจึง จาเป็นตอ้ งนามาใชใ้ ห้ถูกวธิ ีและเกดิ ผลกระทบตอ่ ระบบนิเวศเพราะทีส่ ุดรวมท้งั ส่งผลกระทบต่อความ
มน่ั คงทางพลงั งานของชาติทาใหต้ อ้ งพ่งึ พากนั เขา้ ใจจากต่างประเทศมากข้ึน
แนวทางจดั การสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทรัพยากรแร่และพลังงาน
การจดั การ กบั ทรพั ยากรแร่และพลงั งานในหลายประเทศใชแ้ นวทางพลงั งานทางเลือกทดแทนทรพั ยากรเช้ือเพลงิ
ฟอสซิลท่มี ีจากดั ซ่ึงสามารถผลิตและนามาหมุนเวยี นใชไ้ ดอ้ กี รวมท้งั พลงั งานสะอาดท่ีไม่ส่งผลกระทบตอ่
ส่ิงแวดลอ้ ม เช่น พลงั งานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ พลงั งานชีวมวล พลงั งานน้า

41

3. มาตรการป้องกนั แกไ้ ขและประสานความร่วมมือดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและ

ส่ิงแวดลอ้ มตามแนวทางการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยืน

1. มาตรการการป้องกนั และแกป้ ัญหาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของโลก
สหประชาชาตไิ ดก้ าหนดเป้าหมายการพฒั นาทย่ี ง่ั ยืนสาหรบั สงั คมโดยมมี าตรการเก่ียวกบั การป้องกนั และ
แกป้ ัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มในระยะเวลา 15 ปี ค.ศ. 2016-2530 ดงั น้ี

• เป้าหมายที่ 6 สรา้ งหลกั ประกนั ให้มีน้าการบริการจดั การน้าและการสุขาภิบาลอยา่ งยงั่ ยนื สาหรับทกุ คน
• เป้าหมายที่ 7 สร้างหลกั ประกนั ใหท้ กุ คนเขา้ ถงึ พลงั งานสมยั ใหมใ่ นราคาท่ีสามารถหาซ้ือไดเ้ ชื่อถือได้

และยงั่ ยนื
• เป้าหมายท่1ี 3ดาเนินการอย่างเร่งด่วนเพอ่ื ต่อสูก้ บั การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู ิอากาศและผลกระทบที่

เกิดข้ึน
• เป้าหมายท่ี 14 อนุรักษแ์ ละใชป้ ระโยชนจ์ ากมหาสมทุ ร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลไดอ้ ย่างยงั่ ยนื
• เป้าหมายท่ี 15 ปกป้อง ฟ้ื นฟู และสนบั สนุนใชร้ ะบบนิเวศบนบกอยา่ งยงั่ ยืน จดั การป่ าไมอ้ ย่างยงั่ ยนื ต่อสู้

การกลายสภาพเป็นทะเลทราย หยุดการเส่ือมโทรมของท่ีดนิ และฟ้ืนฟูสภาพกบั มาใหม่ และหยุดการ
สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
2. มาตรการการปกป้องและแกป้ ัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มในประเทศไทย
ประเทศไทยไดม้ ีการ ตราพระราชบญั ญตั สิ ่งเสริมและรกั ษาสภาพแวดลอ้ มพ.ศ 2535 และก่อต้งั
สานกั งานคณะกรรมการสิ่งแวดลอ้ มแหง่ ชาตอิ นั เป็นจุดเร่ิมตน้ ทสี่ าคญั การดาเนินงานดา้ นส่ิงแวดลอ้ มในประเทศ
ไทย
มาตรการการป้องกนั และแกป้ ัญหาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มมดี งั น้ี
2.1 การต้งั กลุ่ม ชมรม สมาคม หรือองคก์ รอสิ ระดา้ นส่ิงแวดลอ้ มเพอื่ อนุรกั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม
2.2 ออกกฎหมายและขอ้ บงั คบั ต่างๆที่นามาใชเ้ พอ่ื การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
2.3 การกาหนดนโยบายและวางแนวทางของรฐั บาลในการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
2.4 การใหศ้ กึ ษาแก่ประชาชนโดยสนบั สนุนการศกึ ษาดา้ นการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มท่ี
ถูกตอ้ ง
2.5 ส่งเสริมการศกึ ษาวิจยั คน้ หาวิธีการพฒั นาเทคโนโลยเี พ่อื นามาใชจ้ ดั สรรทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
ให้ประโยชนใ์ ห้เกดิ ประโยชน์สูงสุด
3. องคก์ รในการจดั ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
3.1 องคก์ รท่มี บี ทบาทในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มในประเทศไทย
1. หน่วยงานภาครฐั
• กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม
• กรมส่งเสริมคุณภาพและส่ิงแวดลอ้ ม
• กรมป่ าไม้
• กรมทรพั ยากรน้า

42

• กรมทรพั ยากรธรณี
• กรมควบคมุ มลพิษ
• กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
• กรมชลประทาน
• กรมพฒั นาทีด่ นิ
• กระทรวงอตุ สาหกรรม
• กรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม
• กรมโรงงานอุตสาหกรรม
• กระทรวงสาธารณสุข
• กรมควบคมุ โรค
• กรมอนามยั
2. หน่วยงานภาคเอกชน
สมชั ชาองคก์ รเอกชนดา้ นการคุม้ ครองส่ิงแวดลอ้ มและอนรุ ักษท์ รพั ยากร ( สคส.)
• มลู นิธิคุม้ ครองสตั วป์ ่ าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถมั ภ์
• มูลนิธิโลกสีเขียว
• มูลนิธิสืบนาคะเสถยี ร
• มูลนิธิสถาบนั สิ่งแวดลอ้ มไทย
3.2 องคก์ รระหวา่ งประเทศในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
องคก์ รส่ิงแวดลอ้ มโดยมบี ทบาทใหใ้ นการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มเช่น
1. กรีนพีช
2. โครงการส่ิงแวดลอ้ มแห่งสหประชาชาติ
3. องคก์ รทุนสตั วป์ ่ าโลกสากลหรือกองทุนสตั วป์ ่ าโลก
4. กฎหมายเก่ียวกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของประเทศไทย
กฎหมายเกีย่ วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มเร่ิมมีข้ึนคร้ังแรกในยคุ ปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม
ประมาณชว่ งพ.ศ 2503 กฎหมายเป็นเคร่ืองมือในการควบคมุ และแกไ้ ขปัญหาทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
ใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากข้ึน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มของประเทศไทยท่สี าคญั มดี งั น้ี
• พระราชบญั ญตั ิ ส่งเสริม และรกั ษาคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มแห่งชาตพิ .ศ. 2535
• พระราชบญั ญตั ปิ ่ าไมพ้ .ศ. 2484
• พระราชบญั ญตั อิ ุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
• พระราชบญั ญตั ิป่ าสงวนแห่งชาตพิ .ศ. 2507
• พระราชบญั ญตั ิสวนป่ าพ.ศ. 2535
• พระราชบญั ญตั สิ งวนและคุม้ ครองสตั วป์ ่ าพ.ศ. 2535
• พระราชบญั ญตั ิโรงงานพ.ศ. 2535
• พระราชบญั ญตั กิ ารพฒั นาท่ีดินพ.ศ. 2551

43

• กฎหมายเก่ยี วกบั การจดั การขยะของประเทศไทย
5. การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม

ปัจจุบนั ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มมีความเส่ือมโทรมมากหลายประเทศทว่ั โลกจงึ ทาให้
ขอ้ สอบระหวา่ งประเทศเพือ่ ชว่ ยการอนรุ กั ษ์ ธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มโดยการลงสนามรบั รองการเขา้ เป็นภาคหี รือ
สมาชิกของ อนุสัญญาซ่ึงมีผลผกู พนั ให้ตอ้ งปฏิบตั ติ ามพนั กรณีของอนุสัญญา
5.1 อนุสัญญาดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ
มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่ออนุรักษธ์ รรมชาติและวฒั นธรรมทมี่ อี ยู่ไมใ่ ห้เสื่อมสภาพหรือหายสาบสูญไปรวมถึงฟ้ืนฟูส่วนที่
เสื่อมโทรมใหก้ ลบั คืนมา อนุสญั ญาที่สาคญั ไดแ้ ก่

1. อนุสญั ญาวา่ พืน้ ท่ีชุ่มน้าทีม่ คี วามสาคญั ในระดบั นานาชาตโิ ดยเฉพาะการเป็นถนิ่ ทีอ่ ยขู่ องนกน้าหรือ
อนุสญั ญาแรมซาร์

2. อนุสญั ญาว่าดว้ ยความหลากหลายทางชีวภาพ
3. อนุสัญญาว่าดว้ ยการคา้ ระหวา่ งประเทศซ่ึงชนิดสัตวป์ ่ าท่ีใกลส้ ับสนหรืออนุสญั ญาไซเตส
4. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยการคุม้ ครองมรดกโลกทางวฒั นธรรมและทางธรรมชาติหรืออนุสญั ญามรดกโลก
5. แผนปฏิบตั กิ าร 21
5.2 อนุสัญญาดา้ นการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม
มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ครอบคลมุ และลดปริมาณสารพษิ เพอื่ รักษาสิ่งแวดลอ้ มอนุสัญญาที่สาคญั ไดแ้ ก่
1. อนุสญั ญาสหประชาชาติวา่ ดว้ ยการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู ิอากาศ (UNFCCC)
2. อนุสัญญาเวยี นนาว่าดว้ ยการคุม้ ครองบรรยากาศช้นั โอโซนและพธิ ีการมอญทรีออน
3. อนุสัญญาบราซิลว่าดว้ ยการควบคมุ เคลอ่ื นยา้ ยขา้ มแดนและการกาจดั ซ่ึงขอ้ เสียอนั ตรายขา้ มแดน
4. อนุรกั ษล์ อตเตอร์ดมั ว่าดว้ ยกระบวนการแจง้ ขอ้ มูลสารเคมลี ว่ งหนา้ สาหรบั สารเคมีอนั ตรายและสารเคมี

ป้องกนั กาจดั ศตั รูพชื และสัตวบ์ างชนิดในการคา้ ระหวา่ งประเทศ
5. อนุสญั ญาสตอกโฮลม์ วา่ ดว้ ยมลสารพิษที่ตกคา้ งยาวนาน
6.การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม

การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มหมายถงึ การนาทรพั ยากรธรรมชาติมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์
สูงสุดท้งั ดา้ นปริมาณคณุ ภาพโดยใหผ้ ลกระทบตอ่ สิ่งแวดลอ้ มมากทส่ี ุดและสามารถใชป้ ระโยชน์จาก
ทรพั ยากรธรรมชาติน้นั ไดต้ ลอดไป
6.1 แนวทางการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม

1. การสารวจ
2. การป้องกนั และปรับปรุงคณุ ภาพทรัพยากรธรรมชาติ
3. การลดอตั ราการสูญเสีย
4. การนาทรัพยากรมาใชท้ ดแทนกนั
5. การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีมีคณุ ภาพรองลงมา
6. การเพ่ิมประสิทธิภาพในการใชง้ าน
7. การกลบั มาใชป้ ระโยชนอ์ ีก

44

8. การประดษิ ฐ์ของเทยี มข้ึนมาใช้
9. การปฏเิ สธการใชว้ ตั ถยุ ่อยสลายยากโดยไม่จาเป็น
6.2 แนวทางการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มในภมู ิภาคตา่ งๆของโลก

หลกั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มท่ปี รากฏในภมู ภิ าคต่างๆของโลกมคี วามคลา้ ยคลึง
กนั หลายประการท่สี าคญั เช่นการใชป้ ระโยชนใ์ หค้ ุม้ คา่ สูงสุดคานึงถงึ การใชร้ ะยะยาวการหาทรพั ยากรชนิดอนื่ ๆท่ี
สามารถฟ้ืนฟูไดม้ าทดแทนจาแนกตามทวีปต่างๆของโลก ดงั น้ี

1. ทวีปเอเชีย
2. ทวีปยโุ รป
3. ทวปี แอฟริกา
4. ทวปี อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้
5. ทวปี ออสเตรเลยี และโอเชียเนีย
6.3 การมีส่วนร่วมในการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม

การมสี ่วนร่วมในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มท่ปี ระชาชนส่วนใดไมส่ ามารถ
ดาเนินการดว้ ยตนเองไดท้ นั ทีคือการสร้างอุปนิสัยเป็นผบู้ ริโภคสีเขียวซ่ึงเป็นการบริโภคสินคา้ และบริการท่ีคานึงถงึ
ผลกระทบทเี่ กิดข้นึ กบั สิ่งแวดลอ้ มการใชส้ ินคา้ และบริการแนวคดิ การเป็นผูบ้ ริโภคสีเขยี วที่สามารถมีส่วนร่วมใน
การจดั ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มมี ดงั น้ี

1. การลดการใช้
2. การใชซ้ ้า
3. การนากลบั มาใชใ้ หม่
4. การซ่อมแซม
5. การปฏิเสธ
6. การตอบแทน
7. การเปล่ียนความคิด

4. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มเพ่ือการพฒั นาที่ยง่ั ยืน

1. แนวทางการจดั การทรพั ยา กลอนธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งยงั่ ยืน
การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มเป็นการดาเนนิ งานตอ่ ทรัพยากรชาติและส่ิงแวดลอ้ มอย่างมี
ประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความตอ้ งการในระดบั ต่างๆของมนุษยท์ เ่ี พม่ิ มากข้ึนเพ่อื ใหท้ รัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอ้ มมใี ชไ้ ม่ขาดแคลนและยงั่ ยืนแนวทางจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มมดี งั น้ี
1.1 การจดั ใชท้ รัพยากรดนิ
ดนิ เป็นปัจจยั การผลติ ท่สี าคญั ในภาคเกษตรกรเป็นท่ีต้งั ถน่ิ ฐานของมนุษยแ์ ต่การเพ่ิมข้ึนของจานวนประชากรทา
ใหเ้ กิดการใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรดนิ ไมเ่ หมาะสม เกดิ ปัญหาดนิ เส่ือมโทรมการจดั การทรพั ยากรมีดงั น้ี

1. การฟ้ืนฟแู ละป้องกนั ดินสึกกร่อนพงั ทลาย

45

2. การแกไ้ ขดินท่ีมปี ัญหา
1.2 การจดั การทรพั ยากรน้า
น้าเป็นทรพั ยากรท่มี คี วามสาคญั ต่อการทากจิ กรรมต่างๆในชีวิตประจาวนั ของมนุษยเ์ ช่นอปุ โภคการเกษตรกร
อตุ สาหกรรมคมนาคมขนส่งการประมงการทอ่ งเที่ยวน้าใชอ้ ยา่ งส้ินเปลืองและขาดการควบคมุ ดูแลทถี่ กู วธิ ีเกิด
ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มมากมายการจดั การทรพั ยากรน้ามีดงั น้ี

1. การบาบดั น้าเสีย
2. มกี ารวางแผนพฒั นาแหลง่ น้าให้เป็นระบบท้งั ลุ่มน้า
3. ใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาสภาพแหล่งน้า
4. ชุตกิ าญจนร์ ุง้ ล้าป่ าชายเลน
1.3 การจดั การทรพั ยากรป่ าไมแ้ ละสัตวป์ ่ า
การเปลยี่ นแปลงของพน้ื ทปี่ ่ าไมย้ อ่ มส่งผลกระทบตอ่ ทรพั ยากรอื่น ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
คอื ชนิดพนั ธพุ์ ชื และสตั วป์ ่ าเริ่มสูญพนั ธุไ์ ป การจดั การทรัพยากรป่ าไมแ้ ละสตั วป์ ่ ามี ดงั น้ี
1. กาหนดพ้ืนทปี่ ่ าเพอ่ื อนุรักษ์
2. อนรุ ักษค์ วามสมบูรณข์ องป่ า
3. ออกกฎหมายกาหนดสตั วห์ รือพืชป่ าชนิดใดเป็นส่ิงหายาก
1.4 การจดั การทรพั ยากรแร่และพลงั งาน
1. การหมนุ เวียนนากลบั มาใชแ้ ละการกลบั ไปผลิตใหม่
2. ออกกฎระเบยี บหรือกฎหมายส่งเสริมการอนุรักษพ์ ลงั งาน
3. การใชพ้ ลงั งานทดแทนหรือพลงั งานหมนุ เวียน
2 โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระจอมปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช บรมนาถ
บพติ ร เพอ่ื จดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม
ปัญหาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม เส่ือมโทรมในประเทศ มคี วามรุนแรงมากข้ึน พระบาทสมเด็จพระจอม
ปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จงึ พระราชทานพระราชดาริจดั ต้งั "โครงการอนั เนื่องมาจาก
พระราชดาริ" เพือ่ ฟ้ืนฟทู รัพยากรธรรมชาตแิ ละแกป้ ัญหาส่ิงแวดลอ้ มทสี่ าคญั มดี งั น้ี
1.2 การบริจาคจดั การน้า
โครงการแกม้ ลงิ เป็นโครงการทช่ี ว่ ยลดความรุนแรงดา้ นปัญหาน้าท่วมที่กรุงเทพฯและบริเวณใกลเ้ คยี ง นอกจาก
จะช่วยเก็บน้าแลว้ ยงั เป็นการอนุรกั ษท์ รัพยากร โดย น้าทถ่ี ูกกกั ไวเ้ มอ่ื ระบายสู่คลองจะช่วยบาบดั น้าเสียใหเ้ จือจาง
ลง
2.2 การจดั ปัญหาน้าเสีย
กงั หันน้าชยั พฒั นาเป็นเคร่ืองกลเตมิ อากาศทหี่ มุนชา้ แบบทนุ่ ลอย ท่พี ระบาทสมเดจ็ พระจอมปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอ
ดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ไดท้ รงคิดจากหลกุ ซ่ึงเป็นอปุ กรณ์วิดน้าเขา้ นา เพ่ือนามาใชบ้ าบดั น้าเสียชว่ ยเพิ่ม
ออกซิเจนในน้าลดกล่ินเหม็นของน้าและทาใหน้ ้าสะอาดข้นึ
2.3 การฟ้ืนฟแู หล่งน้าทเ่ี สื่อมโทรม

46

เป็นเสมือนไปธรรมชาติ ของกรุงเทพฯให้กลบั มามีสภาพท่ีดีโดยใชร้ ูปแบบของเคร่ืองกรองน้าธรรมชาตคิ ือใช้
ผกั ตบชวาดดู ซบั สารพิษและส่ิงสกปรกไปในบงึ โดยอาศยั ระบบบาบดั เรียกว่าระบบสายลมและแสงแดดซ่ึงเป็น
ระบบบาบดั น้าเสียแบบธรรมชาติท่ใี ชง้ านของพืชน้าไดแ้ กส่ าหร่ายกบั แบคทเี รียและผกั ตบชวาทาหน้าที่ดดู ซับสิ่ง
โสโครกและ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซดใ์ นน้า
2.4 การบาบดั น้าเสียดว้ ยบอ่ บาบดั และวชั พืช
โดยการปลูกพืชหรือหญา้ ในบ่อกกั น้าเสียเช่นหญา้ แฝกอินโดนีเซีย กกธูปฤๅษซี ่ึงพชื เหลา่ น้ีมคี ุณสมบตั ิในการดดู
ซับของเสียทอี่ ยู่ในน้าไดด้ ี
2.5 การฟ้ืนฟูคลองทม่ี ปี ัญหาน้าเสีย
โดยการปลอ่ ยน้าเขา้ ไปในคลองหลกั และให้กระแสน้าไหลไปตามคลองซอยท่เี ช่ือมกบั แมน่ ้าเจา้ พระยาเพอ่ื น้า ภทั
ราส่ิงโสโครกออกไปและชว่ ยเจอื จางน้าเน่าเสียทาใหน้ ้ามสี ภาพดขี ้ึน
2.6 การฟ้ืนฟปู ่ าไม้
ดว้ ยการปลกู ป่ าการควบคมุ และป้องกนั ไฟป่ าการสรา้ งฝายตน้ น้าและจดั ระบบชลประทานโดยการขดุ คลองขนาด
เล็กเพือ่ สรา้ งความชมุ่ ช้ืนให้แก่ผืนป่ าทาให้ตน้ น้ามีความอดุ มสมบรู ณ์ และลดการเกิดไฟป่ า
2.7 การฟ้ืนฟูสภาพแวดลอ้ มเสื่อมโทรมจากการบกุ รุกของประชากร
การฟ้ืนฟทู รพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มการพฒั นาแหลง่ น้าและการพฒั นาพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของราษฎร
สรุปสาระสาคญั ไดด้ งั น้ี

1. การอนุรักษด์ ินและน้าดว้ ยการปลกู หญา้ แฝก
2. การหาแหลง่ น้าดว้ ยการสรา้ งฝายแมว้
3. การทาคนั ดนิ ก้นั น้า
4. การทาคนั ดินเบนน้า
5. การปลกู ป่ าสามอยา่ งประโยชนส์ ี่อยา่ ง
6. การปลกู ป่ าโดยไมต่ อ้ งปลูก
7. ป่ าเปียก
8. การทาเกษตรทฤษฎใี หม่
9. ทฤษฎเี ศรษฐกิจพอเพียง
2.8 การฟ้ืนฟสู ภาพดนิ เปร้ียว
เร่ิมจากการแกลง้ ดินใหเ้ ปร้ียวดว้ ยการระบายน้าท่ีทว่ มขงั ใหด้ ินแหง้ และเปียก สลบั กนั ไปเพอ่ื เร่งปฏิกิริยาทางเคมี
ใหด้ ินเป็นกรดจดั จนถงึ ขน้ั ไม่สามารถเพาะปลูกไดจ้ ากน้นั จึงหาวิธีการปรบั ปรุงแกแ้ กด้ นิ เปร้ียวใหส้ ามารถนาไปใช้
ประโยชนไ์ ดต้ อ่ ไป
2.9 การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ
พระราชดาริใหม้ ีการทดลองปลกู หญา้ แฝกเพ่ือปอ้ งกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดินและอนุรกั ษค์ วามชุ่มช้ืนในดิน
เพราะรากของหญา้ แฝกย้งั ลงไปใตด้ นิ ไดล้ กึ จงึ ชว่ ยชะลอความเร็วของน้าและดกั ตะกอนดินทาใหน้ ้าไหลซึมลงดนิ
ไดด้ มี ากข้นึ นอกจากน้ยี งั ชว่ ยป้องกนั สารพษิ ท่ปี ะปนมากบั น้าไมใ่ หไ้ หลสู่แหลง่ น้า

47

บรรณานกุ รม

กรมแผนทท่ี หาร แผนท่อี าเภอนาดี L7018s ระวาง 5337 1. พมิ พค์ ร้งั ท่ี 2. กรุงเทพฯ : กรมแผนทีท่ หาร,
(ม.ป.ป.)
____.แผนทอี่ าเภอศรีราชา L7018s ระวาง 5135 II. พิมพค์ ร้งั ท่ี2กรุงเทพฯ : กรมแผนทที่ หาร. (ม.ป.ป.)กวีวรก
วนิ แผนทค่ี วามรูท้ อ้ งถน่ิ ไทย ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. พิมพค์ ร้งั ท่ี 5. กรุงเทพฯ พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)2559
____.แผนที่ : อปุ กรณ์ชว่ ยสอนของครูสังคม. เอกสารอบรมครูสงั คมศึกษา, กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิ
โรฒ, 2547กววี รกวิน และคณะ ภมู ิศาสตร์การทอ่ งเทีย่ วประเทศไทย. กรุงเทพฯ : พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.),
2546
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ภมู ิลกั ษณ์ประเทศไทย. พิมพค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตร
แห่งประเทศไทย, 2550
ดนยั ไชยโยธา และคณะ พจนานุกรมประเทศตามภูมศิ าสตร์โลก. กรุงเทพฯ โอเดียนสโตร์, 2559
____.ภมู ิศาสตร์และภมู ิหลงั ทางประวตั ศิ าสตร์ 6 ภูมภิ าคของโลก. กรุงเทพฯ โอเดียนสโตร์, 2549.
ปัญญา จารุศิริ และคณะ, ภูมศิ าสตร์กายภาพ Physical Geography, กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพมิ พ,์
2557
ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดลอ้ ม, กฎหมายเกีย่ วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม. เอกสารวิชาการ
กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 2542
มาตรินี รกั ษต์ านนท์ชยั และคณะ ภมู ศิ าสตร์มนุษย์ Human Geography, กรุงเทพฯ : ด่านสุทธากา
รพมิ พ,์ 2557
ราชบณั ฑติ ยสถาน พจนานุกรมศพั ท์ธรณีวทิ ยา ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พิมพค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ โรงพมิ พค์ รุ ุสภา
ลาดพร้าว, 2558
____.พจนานุกรมศพั ทภ์ มู ิศาสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พมิ พค์ ร้ังที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ วนพิมพ,์ 2549.
____.พจนานกุ รมช่ือภมู ศิ าสตร์ เลม่ 1 (อกั ษร A-L). พิมพค์ ร้งั ท่ี 4. กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน, 2549
____.พจนานกุ รมชื่อภมู ศิ าสตร์ เล่ม 2 (อกั ษร M-Z), พิมพค์ ร้งั ท่ี 4. กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน, 2550.
อกั ขรานุกรมภมู ศิ าสตร์ไทย ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน เลม่ 1. พิมพค์ ร้ังที่ 5. กรุงเทพฯ : โรงพิมพค์ รุ ุสภาลาดพร้าว,
2557
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. ภูมินิทศั น์ไทย. พิมพค์ ร้งั ที่ 2. กรุงเทพฯ
โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, 2550.
สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ใตร้ ่มพระบารมี 20 ปี กปร..
กรุงเทพฯ : ศรีเมืองการพิมพ,์ 2544

48

สานกั งานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภูมสิ ารสนเทศ (GISTDA) เอกสารแนะนาหน่วยงาน. กรุงเทพฯ :
สทอภ., 2544
สิริพร เกรียงไกรเพชร และคณะ, ภูมศิ าสตร์เทคนิค Geographic Techniques. กรุงเทพฯ : ด่านสุท
ธาการพิมพ,์ 2557
สุกาญจน์ รัตนเลศิ นุวฒั น์ หลกั การจดั การสิ่งแวดลอ้ มแบบยงั่ ยนื
กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญป่ี ่ นุ )2550.

Collins Maps. Fragile Earth : Dramatic images of our Changing
planet. 2" ed. London HarperCollins Publishers, 2012.
Dahlman, Carl and Renwick, William H. Introduction to Geography :
People, Places & Environment.6th ed. London Pearson Education,
2015.
Darrel Hess and Dennis G. Tasa. Mcknight's Physical Geography A
Landscape Appreciation. 11° ed.
Upper Saddle River, New Jersey: Pearson Education, 2014.
Knox, Paul L. and Marston Salle A Human Geography : Places and
Regions in Global Contour.yhed London Pearson Education, 2016
Lester Rowntree, Martin Lewis, Marie Price and William wyckoff
Globalization and Diversity
Geography of a Changing World. 5" ed Upper Saddle River, New
Jersey: Pearson Education
Robert W. Christophetson GEOSYSTEMS : An Introduction to
Physical Geography. 3ed. Upper
Saddle River, New Jersey Prentice Hall PTR1997
2017
สื่อขอ้ มลู อิเลก็ ทรอนิกส์
กรมป่ าไม้ ขอ้ มลู สารสนเทศกรมป่ าไม.้ (ออนไลน์) เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www forestinfo
forest.go.th (วนั ทตี่ น้ ขอ้ มลู 3 พฤษภาคม 2561)
กรมทรัพยากรธรณี ธรณีวิทยาสิ่งแวดลอ้ มและธรณีพบิ ตั ิภยั . (ออนไลน์) เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.dmt

go to
Imore_news php?cid=509 (วนั ที่คน้ ขอ้ มลู 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2561)
กรมอุตนุ ยิ มวิทยา พยากรณอ์ ากาศประจาวนั . [ออนไลน]์ เขา้ ถึงไดจ้ าก http//www.tnnt
(go.th/programs/uploitartensatd/latest.jpg (วนั ที่ 5 คน้ ขอ้ มูล 14 มนี าคม 2561)
กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า สถิตดิ า้ นการทอ่ งเทยี่ ว ปี 2560 (ออนไลน์)
เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.tnntsgo.th/ewt_dl_link.php?nid=9881 (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มลู 20
มนี าคม 2561)
ศนู ยก์ ารเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์โลก (ออนไลน์) เขา้ ถงึ ไดจ้ าก
http://www.lesa. biz/earth. (วนั ทีค่ น้ ขอ้ มูล 1 มถิ นุ ายน 2561)

49

สานกั งานพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องคก์ ามหาชน) ระบบเทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ (ออนไลน์)
เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.gistda or th/main/th/article (วนั ที่คน้ ขอ้ มูล 19 กุมภาพนั ธ์
2561)
สานกั งานราชบณั ฑิตยสภา ช่ือประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมอื งหลวง. (ออนไลน)์ เขา้ ถึงได้จาก
www royin.go.th/wp-content/uploads/2018/03 ชื่อประเทศ-22-ก.พ.-60 plt. (วนั ท่ี
คน้ ขอ้ มูล 23 มนี าคม2561)
สานกั งานสถิติ จงั หวดั ปทมุ ธานี สถิติดา้ นสงั คมและประชากรศาสตร์ (ออนไลน)์
เขา้ ถึงไดจ้ าก
http://www.pathumthaninsogo.th/images/attachments/article/128/1
160.pdf (วนั ทีค่ น้ ขอ้ มูล 20 กมุ ภาพนั ธ2์ 561)
Global Forest Resources Assessment 2015. (pula). Available from:
http://iao.org/forest-resources
assessment/en (Access date: June 15, 2018),
PopulationPyramidnet. [ออนไลน]์ .
Availablefrom:http://www.populationpyramid net (Access date
June 15, 2018)
Population Reference Bureau 2017 World Population Data Sheet.
[online]. Available from: http://
www.prb.org (Access date: February 3, 2018)
The USGS Water Science School. [ออนไลน์]. Available from:
http://water usgs.gov/edu/earthvwherewater
html. (Access date: June 1. 2018).
United Nations. World Population Prospects The 2017 Revision Key
Findings and Advance Tablespaulati). Available from: http://esa un
org/unpd/wpp/publications/Files/WPP2017KeyFindings,
pdf. (Access date: June 1, 2018)University of South Australia.
(ออนไลน)์ http://keshmini.me/map-of-population-density-in-australia
(Access date: June 1, 2018).

50


Click to View FlipBook Version