The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การป้องกันปอดอักเสบในโรงพยาบาล ในผู้สูงอายุ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wanwipa Wanmuangkao, 2022-12-09 23:00:42

การป้องกันปอดอักเสบในโรงพยาบาล ในผู้สูงอายุ

การป้องกันปอดอักเสบในโรงพยาบาล ในผู้สูงอายุ

E-BOOK

คู่ มือ การป้องกัน
ปอดอักเสบในโรงพยาบาล

โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ ในผู้ป่วยสูงอายุ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

โดย อาจารย์ที่ปรึกษา

นางสาววรรณวิภา วันเมืองเก่า รศ.ดร. มยุรี ลี่ทองอิน

นักศึกษาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ

คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คำนำ

คู่มือการป้องกันปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อความรู้ และคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย
สูงอายุในการป้องกันปอดอักเสบในโรงพยาบาล เนื้อหาประกอบ
ด้วย ความรู้เกี่ยวกับปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ
และคำแนะนำในการป้องกันปอดอักเสบในโรงพยาบาล ได้แก่ การ
ดูแลช่องปาก การป้องกันการสำลัก การเสริมสร้างความแข็งแรง
ให้ปอด และการป้องกันการติดเชื้อตามมาตรฐานทั่วไป

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือการป้องกันปอดอักเสบ
ในโรงพยาบาลในผู้สูงอายุเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับพยาบาล
ในการดูแลผู้ป่วยสูงอายุในโรงพยาบาล และบุคคลผู้สนใจ

ผู้จัดทำ
นางสาววรรณวิภา วันเมืองเก่า

ขอขอบพระคุณผู้ทรงคุณวุฒิ

นพ. วรวัฒน์ จำปาเงิน อาจารย์แพทย์
ดร. นัดดา คำนิยม สาขาวิชาวิชาโรคระบบทางเดินหายใจ
พว. เรวัฒน์ เอกวุฒิวงศา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
พว. กรรณิกา คำโสภา
อาจารย์พยาบาล
พว. วรรณา ชื่นนอก สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ
คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

พยาบาลชำนาญการพิเศษ หัวหน้าหอผู้
ป่วยพิเศษรวม 9C
งานการพยาบาลบริการพิเศษ 3
โรงพยาบาลศรีนครินทร์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

พยาบาลปฏิบัติการ หัวหน้าหอผู้ป่วย
พิเศษรวม 9A งานการพยาบาล
บริการพิเศษ 3
โรงพยาบาลศรีนครินทร์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

พยาบาลปฏิบัติการ
หน่วยป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
ฝ่ายการพยาบาล
โรงพยาบาลศรีนครินทร์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ส า ร บั ญ 5

HAP ในผู้ป่วยสูงอายุ

พยาธิสรีรวิทยาปอดอักเสบในผู้ป่วยสูงอายุ 7

อาการและอาการแสดง
การวินิจฉัย HAP

12หลักการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกัน HAP

15การลดจำนวนเชื้อในช่องปากและลำคอ

ส า ร บั ญ 21การป้องกันการสำลัก

สารบัญ 27การเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย

31เอกสารอ้างอิง

3
5
9
12
16
20

ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

HAP

Hospital-acquired pneumonia

อุบัติการณ์และผลกระทบ หมายถึง ปอดอักเสบที่ไม่เกี่ยวข้องจาก
การใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นการติดเชื้อที่
สถิติของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ในช่วงก่อน ปอดที่เกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่
สถานการณ์โควิด ระหว่างปี พ.ศ. 2562-2564
พบว่ามีผู้สูงอายุที่เกิด เกิดปอดอักเสบขณะนอน 60 ปีขึ้นไป ที่เข้ารับการรักษาในโรง
รักษาในโรงพยาบาลร้อยละ 8.79, 8.31 และ พยาบาลเป็นเวลามากกว่า 48 ชั่วโมง
10.86 และเสียชีวิตร้อยละ 1.39, 1.38 และ 1.79
และพบความชุกของการเกิด HAP ร้อยละ 0.4,

0.3 และ 0.4 ตามลำดับ

การเกิด HAP มีผลกระทบทั้งต่อผู้ป่วย ผู้ดูแล
และสังคม ระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลนานขึ้น
อัตราทุพพลภาพ อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น และมี
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงขึ้น

ในปี พ.ศ. 2562 โรงพยาบาลศรีนครินทร์
มีค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยสูงอายุต่อราย

49,646 บาท/รอบ admit หากเกิด HAP
มีค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้นเป็น
118,509 บาท/รอบ admit

คู่มือการป้องกัน 5
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

HAPปั จจัยที่มีผลต่อการเกิด ในผู้ป่วยสูงอายุ

ปัจจัยด้านตัวผู้ป่วย

การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการสูงอายุ
(aging process)
โรคหรือภาวะที่เกิดร่วม จะส่งผลให้
ร่างกายมีการตอบสนองต่อเชื้อโรค
ลดลง
ภาวะทุพโภชนาการ ถ้าหากร่างกายได้
รับสารอาหารประเภทโปรตีนไม่เพียงพอ
ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ทำงานลดลง

ปัจจัยด้านเชื้อจุลชีพก่อโรค (เชื้อที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ)

เชื้อแบคทีเรีย: Staphylococcus aureus
Pseudomonas aeruginosa, Klebsiella
pneumoniae, Acinetobacter spp. เป็นต้น
เชื้อไวรัส: Respiratory syncytial virus
(RSV), Influenza virus
เชื้อรา: Aspergillus

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล

สิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต เป็นการนำเชื้อไปสู่ผู้ป่วย ทั้งทาง
ตรงและทางอ้อม จากบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ดูแล
ญาติ ผู้เข้าเยี่ยม หรือจากผู้ป่วยรายอื่น
สิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต: วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้กับ
ผู้ป่วย ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดเก็บ
เครื่องมืออุปกรณ์

คู่มือการป้องกัน 6
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

พยาธิ
สรีรวิทยา
ปอดอักเสบ

ในผู้ป่วยสูงอายุ

เมื่ออายุเพิ่มขึ้นการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสูงอายุ ทำให้
- ปอดสูญเสียความยืดหยุ่น
- ขนาดของถุงลมและพื้นที่ผิวของถุงลมมีขนาดใหญ่ขึ้น
- เส้นเลือดฝอยมีความยืดหยุ่นลดลง
- การหดตัวและความยืดหยุ่นของปอดลดลง

เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้วเกิดการอักเสบ ร่างกายจะ
ตอบสนองต่อการหลั่ง cytokine ต่างๆ เพื่อไปกระตุ้น b-cell lymphocyte
ให้สร้าง immunoglobulin ชนิด IgE ออกมาเกาะบนผิวของ mast cell ที่อยู่
ในเยื่อบุหลอดลมทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรค ขณะเดียวกันร่างกายก็จะ
ตอบสนอง โดยมีเลือดคั่งในบริเวณที่อักเสบและมีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว
แบคทีเรีย และไฟบรินเข้าไปในถุงลม ทำให้หลอดเลือดฝอยของปอดที่ผนังถุง
ลมขยายตัวออกมาก ทำให้เนื้อปอดมีสีแดงจัด ในขณะเดียวกันเม็ดเลือดขาว
จับกินแบคทีเรียและเข้ามาแทนที่เม็ดเลือดแดงในถุงลม หลอดเลือดฝอยที่ผนัง
ถุงลมหดตัวทำให้เนื้อปอดมีสีเทา เมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น เม็ดเลือด
ขาวสามารถทำลายแบคทีเรียที่อยู่ในถุงลมได้หมด การอักเสบของเยื่อหุ้มปอด
จะหายไป หรือมีพังผืดเกิดขึ้นแทน

คู่มือการป้องกัน 7
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

Macro aspiration

Bacteria
Virus

Fungus

คู่มือการป้องกัน 8
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

อาการ
และ

อาการแสดง

HAP

ในผู้ป่วยสูงอายุ

เจ็บหน้าอกแบบ การ ผู้สูงอายุ
Pleuritic เปลี่ยนแปลง แสดงอาการไม่ตรงไปตรงมา
chest ระดับการ
pain รู้สึกตัว

ฉับพลัน ที่เรียกว่า

ไอแห้ง ความสามารถ Atypical presentation
มีเสมหะเพิ่มขึ้น ในการทำกิจวัตร
หรือเปลี่ยนสี ประจำวันลดลง

ADL

ไข้ > 38ºC หายใจเร็ว
หรือมีอุณหภูมิร่างกาย หอบเหนื่อย
< 35.6ºC
เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง
เบื่ออาหาร หกล้ม ไม่มีไข้
โรคเดิมที่มีอยู่มีอาการรุนแรงขึ้น

อารมณ์เปลี่ยนแปลง

คู่มือการป้องกัน 9
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

การวินิจฉัย H A P

ประกอบด้วย
ผล CXR, อาการ/อาการแสดงทั่วไปและอาการแสดงทางระบบทางเดินหายใจ และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ

Clinically defined pneumonia (PNU1)
Viral, legionella and other bacterial pneumonias with definitive laboratory findings (PNU2)
Pneumonia in immunocompromised patients (PNU3)

เกณฑ์การวินิจฉัย PNU1 PNU2 PNU3

ผล CXR พบความผิดปกติ อย่างน้อย อย่างน้อย อย่างน้อย

(1) พบ new or progressive or Persistent infiltration 1 ข้อ 1 ข้อ 1 ข้อ
(2) พบ cavitation
(3) พบ consolidation

อาการ/อาการแสดงทั่วไป

(1 ) มีไข้มากกว่า 38ºC โดยไม่พบสาเหตุอื่น อย่างน้อย อย่างน้อย
(2) Leukocytopenia (WBC < 4,000 /mm ) 1 ข้อ 1 ข้อ

หรือ Leukocytosis (WBC > 12,000/mm )

(3) มีภาวะสับสนที่ไม่ใช่จากความจำผิดปกติ (ในผู้ป่วยอายุ > 70 ปี) อย่างน้อย
อาการ/อาการแสดงระบบทางเดินหายใจ 1 ข้อ

(1) มีเสมหะเป็นหนอง/ลักษณะเปลี่ยน ไป/มีปริมาณเพิ่มขึ้น อย่างน้อย อย่างน้อย
(2) มีอาการไอรุนแรง/หายใจเร็ว/หายใจลำบาก 2 ข้อ 1 ข้อ
(3) ฟังปอดมีเสียง Rale/Bronchial breath sound
(4) การแลกเปลี่ยนอากาศแย่ลง (O2 desaturations หรือ

O 2 requirement หรือ ventilation demand)

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ อย่างน้อย
(1) ตรวจพบเชื้อ Virus, Bordetella, Legionella, Chlamydia 1 ข้อ

หรือ Mycoplasma ในสารคัดหลั่ง หรือเนื้อเยื่อจาก
ระบบทางเดินหายใจด้วยการเพาะเชื้อ
หรือวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การเพาะเชื้อ
(2) ระดับ IgG ต่อเชื้อก่อโรค เช่น Influenza viruses, Chlamydia
เพิ่มขึ้น 4 เท่าในการตรวจแบบ paired sera
(3) ระดับของ Legionella pneumophila serogroup 1 antibody titer
เพิ่มขึ้น 4 เท่าจนถึง ≥ 1:128 ใน paired acute
และ convalescent sera โดยวิธี Indirect IFA
(4) ตรวจพบ L. pneumophila serogroup 1 antigens
ในปัสสาวะด้วยวิธี RIA หรือ EIA

(มีต่อหน้า 9) คู่มือการป้องกัน 10
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

การวินิจฉัย H A P
ประกอบด้วย
ผล CXR, อาการ/อาการแสดงทั่วไปและอาการแสดงทางระบบทางเดินหายใจ และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ

Clinically defined pneumonia (PNU1)
Viral, legionella and other bacterial pneumonias with definitive laboratory findings (PNU2)
Pneumonia in immunocompromised patients (PNU3)

เกณฑ์การวินิจฉัย PNU1 PNU2 PNU3

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ อย่างน้อย
(1) เชื้อรา Candida spp. ชนิดเดียวกันในเลือด เสมหะ สารคัดหลั่งที่ดูด 1 ข้อ

ผ่านท่อหลอดลมคอ (endotracheal aspirate) นำ้ล้างหลอดลม หรือ อย่างน้อย
protected specimen brushing 1 ข้อ
(2) หลักฐานของเชื้อราใน minimally-contaminated lower
respiratory tract (LRT) specimen ที่พบจากการตรวจผ่าน
กล้องจุลทรรศน์ การเพาะเชื้อ หรือวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การเพาะเชื้อ

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

(1) แยกได้เชื้อจากการเพาะเชื้อในเลือด
(2) แยกได้เชื้อจากการเพาะเชื้อนำ้เยื่อหุ้มปอด
(3) เพาะเชื้อด้วยวิธี quantitative culture จากตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ

จากทางเดินหายใจส่วนล่างที่ minimally-contaminated specimen
พบจำนวนเชื้อมากถึงเกณฑ์วินิจฉัย
(4) เพาะเชื้อด้วยวิธี quantitative culture จากเนื้อเยื่อปอด
พบเชื้อปริมาณมากถึงเกณฑ์วินิจฉัย
(5) ผลการตรวจทางพยาธิวิทยา พบอย่างน้อย 1 ข้อต่อไปนี้
(5.1) ลักษณะของฝีหรือ Consolidation และมี PMN สะสมตัวใน

bronchioles and alveoli
(5.2) หลักฐานที่แสดงว่ามีการรุกลำ้ของเชื้อราสาย (hyphae)

หรือ pseudohyphae ในเนื้อปอด
(6) ตรวจพบเชื้อ Virus, Bordetella, Legionella, Chlamydia
หรือ Mycoplasma ในสารคัดหลั่ง หรือเนื้อเยื่อจากระบบทางเดินหายใจ
ด้วยการเพาะเชื้อ หรือวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การเพาะเชื้อ
(7) ระดับ IgG ต่อเชื้อก่อโรค เช่น Influenza viruses, Chlamydia
เพิ่มขึ้น 4 เท่าในการตรวจแบบ paired sera
(8) ระดับของ Legionella pneumophila serogroup 1 antibody titer
เพิ่มขึ้น 4 เท่าจนถึง ≥ 1:128 ใน paired acute
และ convalescent sera โดยวิธี Indirect IFA
(9) ตรวจพบ L. pneumophila serogroup 1 antigens
ในปัสสาวะด้วยวิธี RIA หรือ EIA

คู่มือการป้องกัน 11
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

HAP Prevention

Standard precautions

For these three groups of care activities, use hand hygiene, gloves, and masks

การลดจำนวนเชื้อในช่องปากและลำคอ

การดูแลช่องปาก

ผู้ป่วยสูงอายุที่สามารถช่วย

เหลือตนเองได้ Oral care
ผู้ป่วยสูงอายุที่เสี่ยงต่อการ

สำลักสูง

หรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้

ผู้ป่วยสูงอายุที่มีฟันปลอม Reduce การป้องกันการสำลัก
Swallow screens
aspiration Position
Oral feeding
Enteral feeding

Strengthen host
defenses

การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย

Deep breathing exercise Mobility

Effective cough Nutrition

Incentive spirometer Stress ulcer prophylasis stewordship

Immunize per CDC

(Influenza and pneumococcal)

คู่มือการป้องกัน 12
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

การทำความสะอาดมือ Hand Hygiene

การล้างมือด้วยสบู่ผสมนำ้ยาทำลายเชื้อ:
กรณีมีการปนเปื้ อนสารคัดหลั่งผู้ป่วยที่ เห็นได้ชัดเจน กดน้ำยาประมาณ 3-5 ซีซี ล้างมือให้
ถูกต้อง ครบขั้นตอน ใช้เวลาประมาณ 40-60 วินาที

การล้างมือด้วย alcohol based hand rub:
กรณีมีการปนเปื้ อนสารคัดหลั่งผู้ป่วยที่ เห็นได้ไม่ชัดเจน กดน้ำยาประมาณ 2-3 ซีซี
ล้างมือให้ถูกต้อง ครบขั้นตอน ใช้เวลาประมาณ 20-30 วินาที

12

ฟอกฝ่ามือ ฟอกหลังมือ
และง่ามนิ้วมือด้านหลัง
34
5

ฟอกง่ามนิ้วมือ ฟอกนิ้วมือ ฟอกปลายนิ้วมือ
และข้อนิ้วมือ และเส้นฝ่ามือ

6 ฟอกรอบนิ้วหัวแม่มือ 7

ฟอกรอบข้อมือ 13

คู่มือการป้องกัน
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

5 Moments Prevention

HAPfor Hand Hygiene

Before Reduce pathogenic After
colonization of

oropharyngeal cavity-
primary source control

1 3

ล้างมือก่อน ล้างมือหลังสัมผัส
สัมผัสผู้ป่วย สารคัดหลั่งผู้ป่วย

Reduce aspiration

4

2 ล้างมือหลัง
สัมผัสผู้ป่วย

ล้างมือก่อน Strengthen host defenses
ทำหัตถการ
ปลอดเชื้อ 5

ล้างมือหลัง
สัมผัสสิ่งแวดล้อม

คู่มือการป้องกัน 14
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้สูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การดูแลช่องปาก
กรณีผู้ป่วยสูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้

Standard precautions 1. ประเมิน ADL และ Oral assessment (หน้า 29-30)
โดยประเมิน lips, tongue, saliva, mucous membranes,
อุปกรณ์ gingiva and teeth or dentures ทุกวัน
แปรงสีฟันขนนุ่ม หัวโค้งมน
ยาสีฟั นฟลูออไรด์ 2. แนะนำให้ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม หัวโค้งมน จับถนัดมือ และ
แก้วน้ำมีหูจับ เปลี่ยนทุก 3 เดือน
lip care
นำ้ยาบ้วนปากปราศจากแอลกอฮอล์ 3. แนะนำให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ หรือ

ยาสีฟันที่ขจัดคราบพลัค
4. ล้างมือ ก่อนทำกิจกรรม
5. เตรียมอุปกรณ์ในการแปรงฟัน
6. จัดท่าลุกนั่ง หรือจัดท่าศีรษะสูง 30-45º หรือจัดให้

เดินไปห้องน้ำ จากนั้นปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
6.1) บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดก่อนแปรงฟัน บีบยาสีฟัน

ลงบนแปรงสีฟัน
6.2) จับแปรงทำมุม 45º กับฟัน โดยกำหนด

ทิศทางของแปรง ไปบรรจบยังตำแหน่ง

เหงือกและฟัน แปรงช้าๆ อย่างทั่วถึงทั้ง

แปรงฟันบนและฟันล่าง ทั้งด้านนอกและด้านใน

ทุกพื้นผิวของฟันทุกซี่ แปรงลิ้น กระพุ้งแก้ม และ

เพดานปากอย่างทั่วถึง
6.3) บ้วนปากด้วยน้ำจนสะอาด หลังจากนั้นบ้วนปาก

ด้วยนำ้ยาบ้วนปากปราศจากแอลกอฮอล์ ประมาณ
30 ซีซี อมกลั้วให้ทั่วปาก อย่างน้อย 30 วินาที

แล้วบ้วนทิ้ง ไม่บ้วนน้ำ หรือดื่มน้ำ เครื่องดื่ม

หรือกินอาหารหลังจากบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก
อย่างน้อย 30 นาที
7. แนะนำให้แปรงฟัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้เวลา
ในการแปรงฟัน อย่างน้อย 2 นาที ร่วมกับการดูแลริมฝีปาก
ให้ชุ่มชื้น โดยใช้ lip care
8. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมล้างมือให้สะอาด ครบขั้นตอน

คู่มือการป้องกัน 15
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

วิธีดูแลช่องปาก
กรณีผู้ป่วยสูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้

1

การแปรงฟันด้านนอก
จับแปรงทำมุม 45 องศากับฟัน
(แปรงฟันบนปัดลง -แปรงฟันล่างปัดขึ้น )

2 การแปรงฟันด้านใน
(แปรงขึ้นหมุนออกด้านนอก)

3 การแปรงฟันด้านใน

(แปรงขึ้นหมุนออกด้านนอก)

4 การแปรงฟันด้านบดเคี้ยว

(แปรงไปกลับ หน้า - หลัง)

5 การแปรงลิ้น
(ปัดแปรงลงหมุนออกด้านนอก)

คู่มือการป้องกัน 16
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

วิธีการนวดเหงือก
หลังจากผู้ป่วยสูงอายุทำความสะอาดช่องปาก

ควรนวดเหงือกหลังการแปรงฟัน 1-2 นาที

การใช้นิ้วนวดเหงือก
โดยใช้ปลายนิ้วกดลงบน

เหงือกนวดเบาๆ เป็น
วงกลมบริเวณเหงือกให้

ทั่วช่องปาก

การใช้แปรงนวดเหงือก
โดยใช้แปรงสีฟันที่มีขน
อ่อนนุ่มสัมผัสเหงือก
เบาๆ ให้ทั่วช่องปาก

คู่มือการป้องกัน 17
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

การดูแลช่องปากหลักการปฏิบัติการพยาบาล
กรณีผู้ป่วยสูงอายุที่เสี่ยงต่อการสำลักสูง
หรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้

Standard precautions

1. ประเมิน ADL และ Oral assessment (หน้า 31-32)

โดยประเมิน lips, tongue, saliva, mucous membranes,

gingiva and teeth or dentures ทุกวันตอนอาบนำ้

อุปกรณ์ 2. แนะนำให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ปราศจาก

แปรงสีฟันขนนุ่ม หัวโค้งมน หรือผ้าก๊อซ สารก่อฟอง หรือยาสีฟันที่ขจัดคราบพลัค
หรือผ้าขนหนู
ยาสีฟั นฟลูออไรด์ 3. ล้างมือ สวม mask และถุงมือ
หรือนำ้ยาบ้วนปากปราศจากแอลกอฮอล์ 4. เตรียมอุปกรณ์ในการแปรงฟัน

แก้วน้ำมีหูจับ จากนั้นปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

lip care 4.1) จัดท่า fowler's position ใช้ผ้ารองกันเปื้ อน
ผ้ารองกันเปื้ อน บริเวณใต้คาง แก้ม และหมอน วางชามรูปไต
เครื่อง suction รองใต้คางผู้ป่วย
ชามรูปไต
artery clamp 4.2) ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มร่วมกับยาสีฟัน หรือผ้าก๊อซ
syringe 10 ml ชุบน้ำยาบ้วนปากปราศจากแอลกอฮอล์ ใช้คีมปากคีบ คีบผ้าก๊อซ

ให้แน่น แล้วเช็ดทำความสะอาดช่องปากร่วมกับเครื่องดูดเสมหะ

4.3) ทำความสะอาดฟัน เริ่มจากการแปรงฟันบน

และฟันล่าง ทั้งด้านในและด้านนอก รวมทั้ง

บริเวณเหงือกทั่วทั้งปาก โดยแปรงเพดานช่องปาก

เป็นวงกลม แปรงกระพุ้งแก้ม นวดบริเวณเหงือก

แปรงบริเวณลิ้น และด้านในปากจนสะอาด
4.4) กรณีที่ลิ้นเป็นฝ้าขาว ให้ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม ผ้าก๊อซ

หรือผ้าขนหนู ชุบน้ำยาบ้วนปากเช็ดจนสะอาด
5. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask และถุงมือ ทิ้งลงใน

ถังขยะติดเชื้อ และล้างมือ
6. แนะนำ Oral care อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และ

ใช้เวลาในการแปรงฟัน อย่างน้อย 2 นาที ร่วมกับการดูแล
ริมฝีปากให้ชุ่มชื้นโดยใช้ Lip care

คู่มือการป้องกัน 18
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การดูแลช่องปาก
กรณีผู้ป่วยสูงอายุมีฟันปลอม
สามารถถอดเองได้

การแปรงฟันใช้หลักการเดียวกันกับกรณีผู้ป่วยสูงอายุสามารถช่วยเหลือตนเองได้
แต่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับฟันที่รองรับตัวล็อกฟันปลอม

Standard precautions กรณีผู้ป่วยสูงอายุที่ใส่ฟันปลอมและสามารถถอนเองได้
1. ล้างมือ และสวม mask
อุปกรณ์ 2. ก่อนถอดฟันปลอม ดูแลให้จิบน้ำ เพื่อให้ปากมี
แปรงสีฟันขนนุ่ม หัวโค้งมน
ยาสีฟั นฟลูออไรด์ ความชุ่มชื้น
แก้วน้ำมีหูจับ 3. แนะนำให้ผู้ป่วยสูงอายุ ถอดฟันปลอมด้วยตนเอง
lip care
นำ้ยาบ้วนปากปราศจากแอลกอฮอล์ และเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดช่องปาก
ภาชนะเก็บฟั นปลอม 4. แนะนำให้ผู้ป่วยสูงอายุ ทำความสะอาดฟันปลอม
น้ำยาทำความสะอาดฟั นปลอม
โดยใช้แปรงขนนุ่ม ร่วมกับน้ำสบู่อ่อน ยาสีฟัน หรือน้ำยา

ทำความสะอาดฟันปลอม เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน

หรือความเสียหายต่อฟันปลอม

หลังทำความสะอาดฟันปลอมแล้ว
5. เก็บฟันปลอมใส่ภาชนะสำหรับเก็บฟันปลอม
6. แช่ฟันปลอมในน้ำสะอาดผสมน้ำยาทำความสะอาด

ฟันปลอมในช่วงเวลากลางคืน หรือเมื่อไม่ได้ใช้แล้ว
7. ก่อนนำฟันปลอมกลับมาใช้ นำฟันปลอมออกมา

จากน้ำยาทำความสะอาดที่แช่ฟันปลอม ให้ใช้น้ำอุ่นล้าง

ฟันปลอม หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อน
8. ถอดฟันปลอมออก เพื่อทำความสะอาดทุกครั้ง

หลังรับประทานอาหาร
9. ถอดฟันปลอมออกทุกครั้งเวลานอน
10. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask ทิ้งลงในถังขยะ

ติดเชื้อ และล้างมือ

คู่มือการป้องกัน 19
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

การดูแลช่องปากหลักการปฏิบัติการพยาบาล
กรณีผู้ป่วยสูงอายุมีฟันปลอม
ไม่สามารถถอดเองได้

การแปรงฟันใช้หลักการเดียวกันกับกรณีผู้ป่วยสูงอายุสามารถช่วยเหลือตนเองได้
แต่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับฟันที่รองรับตัวล็อกฟันปลอม

Standard precautions กรณีผู้ป่วยสูงอายุใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือไม่สามารถ

อุปกรณ์ ถอดเองได้
แปรงสีฟันขนนุ่ม หัวโค้งมน 1. ล้างมือ สวม mask และสวมถุงมือ
ยาสีฟั นฟลูออไรด์ 2. เตรียมอุปกรณ์ดูแลช่องปาก
แก้วน้ำมีหูจับ 3. ให้ผู้ป่วยสูงอายุจิบน้ำ เพื่อให้ปากมีความชุ่มชื้น
lip care 4. ถอดฟันปลอมล่างก่อน โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้
นำ้ยาบ้วนปากปราศจากแอลกอฮอล์
ภาชนะเก็บฟั นปลอม จับฟันล่างไว้
น้ำยาทำความสะอาดฟั นปลอม 5. การถอดฟันบนให้แกะซีล โดยจับฟันหน้าด้วยนิ้วหัวแม่มือ

และนิ้วชี้ แล้วโยกฟันปลอมขึ้นและลงจนเพดานหลุดออกมา
6. หากไม่สามารถแกะซีลฟันบนได้ ใช้แปรงสีฟันค่อย ๆ ดัน

ด้านข้างของฟันปลอมไปทางด้านหลัง จนฟันปลอมคลาย

และสามารถถอดออกได้
7. นำฟันปลอมออกจากช่องปาก โดยการทำมุมขนานกับ

ช่องปาก
8. ทำความสะอาดฟันปลอมโดยใช้แปรงขนนุ่ม น้ำสบู่อ่อน

ยาสีฟัน หรือน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอม

หลังทำความสะอาดฟันปลอมแล้ว

ใช้หลักการเดียวกับกรณีผู้ป่วยสูงอายุที่ใส่ฟันปลอมและ

สามารถถอนเองได้
9. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask และถุงมือ ทิ้งลงใน

ถังขยะติดเชื้อ และล้างมือ

คู่มือการป้องกัน 20
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล Standard precautions

การป้องกันการสำลัก

Swallow screens

การประเมินการกลืน ควรประเมินระดับความรู้สึกของผู้สูงอายุก่อนทุกครั้ง และทำการ
ประเมินการกลืนของผู้ป่วยสูงอายุภายใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังเข้ารับการรักษา หรือก่อน

การรับประทานอาหารชนิดต่างๆ
1. ล้างมือ สวม mask และสวมถุงมือ

water swallowing test ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน ดังนี้

การทดสอบกลืนน้ำลาย
2. ให้กลืนน้ำลาย พร้อมประเมินการยกตัวของกล่องเสียง โดยใช้นิ้วมือแตะบริเวณ

ลำคอของผู้ป่วย วางนิ้วกลางที่ตำแหน่งกระดูก hyoid นิ้วนางที่ thyroid notch และนิ้วก้อย
ที่กระดูกอ่อน cricoid

3. หากขณะกลืนกล่องเสียงยกตัวขึ้นไม่พ้นระดับนิ้วนางที่แตะอยู่บริเวณ thyroid
notch หมายถึง กล่องเสียงยกตัวได้น้อยกว่าปกติ และมีความเสี่ยงที่จะสำลัก

4. หากกลืนน้ำลายได้ดี ขั้นต่อไปทำการทดสอบกลืนน้ำ

(มีต่อหน้า 22) คู่มือการป้องกัน 21
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การป้องกันการสำลัก

Swallow screens

Standard precautions

การทดสอบด้วยการกลืนน้ำ
5. ป้อนน้ำเปล่า 1 ช้อนชา 3 ครั้ง ในแต่ละครั้ง

ให้สังเกตอาการผิดปกติ ดังนี้
5.1 ) กรณีสำลัก ได้แก่ ไอ สำลัก หรือน้ำไหลข้างปาก
ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
5.2) กรณีไม่มีสำลัก ให้ทำการทดสอบครั้งที่ 2
และครั้งที่ 3

6. หากกลืนน้ำได้ดี พิจารณาทำการทดสอบกลืนน้ำ
ขั้นตอนต่อไป

7. ให้ดื่มน้ำ จำนวน 50 ml. ด้วยแก้ว
7.1) หากมีไอ สำลัก น้ำไหลข้างปาก ปรึกษาแพทย์
เพื่อส่งปรึกษานักฝึกกลืน
7.2) หากผู้ป่วยกลืนได้ดี ปรึกษาแพทย์ เพื่อเริ่ม
รับประทานอาหาร

8. บริหารกล้ามเนื้อช่วยกลืนและการฝึกกลืน ควรทำ
ก่อนมื้ออาหาร 1 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 มื้อแรก และ
ฝึกแบบ swallowing technique โดยหายใจเข้าช้าๆ
แล้วกลั้นหายใจไว้ ก้มหน้า คางชิดอก กลืนน้ำลาย
แล้วหายใจ ออกช้าๆ ให้ทำทุก 1 นาที ติดต่อกันเป็นเวลา
10 นาที

9. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask และถุงมือ ทิ้งลง
ในถังขยะติดเชื้อ และล้างมือ

คู่มือการป้องกัน 22
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การป้องกันการสำลัก

Position

Standard precautions

1. ล้างมือ ก่อนทำกิจกรรม 23
2.กรณีผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้ กระตุ้นและ
จัดท่าให้ลุกนั่ง อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ
ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้มีเสมหะคั่งค้างในปอด
3. กรณีที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ (กรณีไม่มีข้อห้าม)

3.1) จัดท่าศีรษะสูง 30º หรือนอนตะแคง

กึ่งคว่ำ เพื่อป้องกันการตกกลับของลิ้น

ปิดทางเดินหายใจ
3.2) พลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้มีการคั่ง

ของเสมหะในปอดข้างใดข้างข้างหนึ่ง
4. กรณีผู้ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีก

4.1) จัดท่านอนหงายศีรษะสูง เพื่อป้องกันการ

สำลักเสมหะในลำคอ
4.2) จัดท่าก้มหน้าขณะกลืน ใช้ในผู้ป่วยสูงอายุที่

มีกล้ามเนื้อบริเวณโค่นลิ้นอ่อนแรง
4.3) จัดท่าเอียงศีรษะหรือหันศีรษะขณะกลืน ใช้

ในผู้ป่วยสูงอายุอ่อนแรงครึ่งซีก
4.3.1) จัดท่าหันศีรษะไปทางด้านที่อ่อนแรง

เพื่อปิดกั้นไม่ให้อาหารลงสู่คอหอยด้านนั้น
4.3.2) จัดท่าเอียงศีรษะไปทางด้านที่ดีใน

ขณะกลืน เพื่อให้อาหารไหลลงสู่คอหอยด้านที่แข็งแรง

กว่า
5. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ล้างมือให้สะอาด ครบขั้น

ตอน

คู่มือการป้องกัน
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล Standard precautions

การป้องกันการสำลัก

Oral feeding

1. ล้างมือ สวม mask
2. จัดท่าผู้สูงอายุนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ หรือท่าศีรษะสูง
3. ป้อนอาหารผู้ป่วยสูงอายุในขณะตื่นและรู้สึกตัวดีเท่านั้น
4. ป้อนอาหารผู้ป่วยสูงอายุช้าๆ จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่รบกวน ไม่เร่งรัดผู้สูงอายุ
5. ไม่ป้อนอาหารหรือน้ำคำใหญ่เกินไป
6. ป้อนอาหารคำละ 1 ชนิด การมีเนื้ออาหารหลายชนิดใน 1 คำจะทำให้เกิดการสำลักได้ง่าย
7. กรณีที่ผู้ป่วยสูงอายุไม่สามารถรับประทานอาหารได้ด้วยตนเอง หรืออ่อนแรงซีกใดซีก

หนึ่ง
7.1 ป้อนอาหารในแต่ละคำประมาณครึ่งช้อนชาและวางอาหารไว้บนลิ้นด้านที่มีแรง
7.2 การรับประทานยาให้วางยาบนลิ้น ด้านที่มีแรง รับประทานยาครั้งละ 1 เม็ด ถ้าไอ

หรือมีเสียงน้ำในลำคอหลังการกลืน ให้กระแอมและไอบ่อยๆเพื่อให้คอโล่งแล้วถึงรับประทานต่อ

(มีต่อหน้า 25) คู่มือการป้องกัน 24
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล Standard precautions

การป้องกันการสำลัก

Oral feeding

8. กรณีที่ผู้ป่วยสูงอายุมีภาวะกลืนลำบาก
8.1 ป้อนอาหารสลับกัน เช่น อาหารที่ต้องการการบดเคี้ยว สลับกับอาหารเหลว
8.2 ระมัดระวังไม่ป้อนอาหารแห้งเกินไป อาจใช้ซอสหรือน้ำซุบข้นทำให้อาหารเกาะกันเป็น

ก้อน ทำให้สามารถกลืนได้ง่าย มีอาหารตกค้างในปากและคอหอยน้อยลง
9. หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ feeding cups แทน
10. การดูแลขณะรับประทานอาหารในผู้ป่วยสูงอายุที่เริ่มรับประทาน อย่างน้อย 3 มื้ออาหารแรก
11. หลังรับประทานอาหารแล้วเสร็จ จัดให้นอนในท่าศีรษะสูงหรือนอนตะแคงขวาอย่างน้อย 30 นาที

เพื่อป้องกันการสำลักจากการไหลย้อนกลับของอาหาร
12. หลังเสร็จกิจกรรม ถอดถุงมือ ถอดผ้าปิดปากและจมูก ทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อ และล้างมือด้วย

น้ำและสบู่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือ alcohol hand rub/waterless

คู่มือการป้องกัน 25
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การป้องกันการสำลัก

Enteral feeding

Standard precautions

1. ล้างมือ สวม mask และสวมถุงมือ
2. ก่อนให้อาหารทุกครั้ง ประเมิน secretion,
suction clear airway และจัดท่าศีรษะสูง 30-45º
(ถ้าไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์)
3. ตรวจสอบสายให้อาหารอยู่ในตำแหน่ง stomach
ประเมินอาหารที่เหลือค้างใน stomach ก่อนให้อาหาร

ทุกครั้ง
3.1) ปริมาณอาหารเหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50

มิลลิลิตร หรือปริมาณอาหารเหลือไม่เกิน 250
มิลลิลิตร (กรณีที่ต้องการทราบปริมาณที่แน่ชัด) ให้ใส่
กลับคืนช้าๆ เพื่อป้องกัน electrolytes imbalance

และให้อาหารต่อ
3.2) ถ้าอาหารเหลือมากกว่า 250 มิลลิลิตร แล้ว

ตรวจสอบปริมาณอาหารซำ้อีก 1 ชั่วโมง
4. ไม่ควรให้อาหารเร็วเกินไป ควรให้อาหารแบบหยด

ปรับ rate ให้หมดภายใน 1-2 ชั่วโมง หรือตามแผน

การรักษา หยุดให้อาหารขณะผู้ป่วยมีอาการไอ

และให้อาหารต่อเมื่อผู้ป่วยหยุดไอ
5. หลังจากให้อาหาร จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าศีรษะสูง

อย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักจากอาหาร

ไหลย้อยกลับ
6. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask และถุงมือ

ทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อ และล้างมือ

คู่มือการป้องกัน 26
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การทำกายภาพทรวงอก

Deep breathing exercise

Standard precautions

1. ล้างมือ และสวม mask
2. จัดท่าให้ผู้สูงอายุในท่านั่ง หรือท่า semifowler's
หรือ fowler's position วางมือทั้งสองข้างบริเวณ

ใต้ลิ้นปี่ เหนือสะดือ หรือวางมือข้างหนึ่งบริเวณใต้ลิ้นปี่

เหนือสะดือ และวางมืออีกข้างหนึ่งบนทรวงอกส่วนบน
3.หายใจเข้าช้าๆ ทางจมูก นับ 1-2-3 ให้ท้องป่อง

ออก ผู้ป่วยสามารถรับรู้ได้ โดยการวางมือที่บริเวณท้อง
ส่วนบน เพื่อรับรู้การเคลื่อนไหว กลั้นหายใจนับ 1-2-3

4. ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทางปาก นับ 1-2-3-4-
5-6 (นานเป็น 2 เท่าของการหายใจเข้า) ผู้ป่วยสามารถ

รับรู้ได้จากมือที่วางบริเวณท้องส่วนบน ที่ผ่อนลงตาม

จังหวะการหายใจออก
5. ระวังไม่ให้ผู้สูงอายุเกร็งกล้ามเนื้อส่วนคอ หรือยก

ไหล่
6. แนะนำให้ฝึกวันละ 30 นาที โดยแบ่งฝึก ครั้งละ

15 นาที 2 ครั้ง/วัน
7. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask ทิ้งลงใน

ถังขยะติดเชื้อ และล้างมือ

คู่มือการป้องกัน 27
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การทำกายภาพทรวงอก

Effective cough

Standard precautions

1. ล้างมือ และสวม mask
2. จัดเตรียมทิชชู่ และ mask สำหรับผู้ป่วย
เว้นระห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 3 ฟุต (1 เมตร)
3. จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง หรือนั่งบน

เก้าอี้หลังพิงพนัก ในท่ากอดหมอน
4. วางมือที่ตำแหน่งหน้าท้อง หายใจเข้าลึก

ท้องป่อง แล้วหายใจออกท้องแฟบ พร้อมทั้ง
ผ่อนคลายไหล่หรือคอ ทำสลับ 2-3 ครั้ง

5. จากนั้นหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ โดยไม่ต้องเกร็ง
คอหรือไหล่ แล้วกลั้นหายใจ 3-5 วินาที

เพื่อให้ลมกระจายไปยังถุงลมให้มากที่สุด
6. จากนั้นไอออกมาแรงๆ โดยใช้แรงดันจาก

ช่องท้องร่วมกับกล้ามเนื้อหายใจอื่นๆ เนื่องจาก

การใช้แรงดันจากช่องท้อง จะทำให้เกิดแรงดันมาก

เสมหะจะสามารถหลุดออกได้ง่าย
7. ควรทำ 5-10 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความ

สามารถของผู้ป่วย
8. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask

ทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อ และล้างมือ

คู่มือการป้องกัน 28
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การทำกายภาพทรวงอก

Incentive spirometer
Standard precautions

1. ล้างมือ สวม mask และสวมถุงมือ
2. จัดท่าให้ผู้ป่วยสูงอายุลุกนั่ง หรือปรับ
หัวเตียงในท่า high fowler's position
3. ให้ผู้ป่วยอมปากคาบไว้ในปาก โดยปิด

ริมฝีปากให้สนิทกับปากคาบ หายใจเข้าปอด

ช้าๆ ลึกๆ หายใจเข้าปอดค้างไว้นานเท่าที่ผู้ป่วย
จะสามารถทำได้ (อย่างน้อย 5 วินาที) ปล่อย
ลมหายใจออก พักประมาณ 2-3 วินาที

แล้วจึงเริ่มใหม่
4. ให้ดูด Incentive spirometer

อย่างน้อย 10 ครั้ง ทุก 8 ชั่วโมง หรืออย่างน้อย
3 รอบ/วัน ตั้งแต่วันแรกที่นอนโรงพยาบาล

จนถึงวันจำหน่าย
5. หลังใช้ Incentive spirometer เสร็จ

เช็ดทำความสะอาดปากคาบ ด้วยแอลกอฮอล์

ผึ่งให้แห้ง กรณีเปื้ อนสิ่งคัดหลั่งให้เปลี่ยนสาย

ใหม่ แล้วส่งทำความสะอาดอบฆ่าเชื้อ และใช้วิธี
เดียวกันนี้กับเครื่อง Incentive spirometer

6. หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ถอด mask

และถุงมือ ทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อ และล้างมือ

ข้อควรระวังจากการบริหารปอด โดยใช้
เครื่อง Incentive spirometer ได้แก่
Hyperventilation, Hypoxia, Fatigue,
Barotrauma และ Syncope

คู่มือการป้องกัน 29
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

หลักการปฏิบัติการพยาบาล

การเสริมสร้างความแข็งแรง
ให้กับร่างกาย

การใช้ยาลดกรดในกระเพาะ
อาหารในปริมาณที่มากเกินไปเป็น
สาเหตุทำให้ร่างกายสูญเสียแนว

การป้องกันจากแบคทีเรีย

การได้รับโภชนาการอย่างเพียงพอ
ระหว่าง Admit มีส่วนช่วยลดการ
บาดเจ็บที่ผิวหนัง การเกิดแผลกดทับ

และลดการติดเชื้อ

ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่า 180
mg/dl มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อ

ในโรงพยาบาล

แนะนำให้ฉีด influenza vaccine 30
เป็นประจำทุกปีและวัคซีนปอดอักเสบ
ถ้าหากฉีด PCV 13 ครบตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
แล้ว แนะนำให้ฉีดวัคซีนโพลีแซ็กคาไรด์

( PPSV23) ในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป

คู่มือการป้องกัน
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

เอกสารอ้างอิง

กาญจนา บัวเนียม. (2564). ผลของการพัฒนาโปรแกรมการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันที่มีภาวะ
กลืนลำบากต่อการเกิดปอดอักเสบจากการสำลัก หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลพัทลุง.
วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งประเทศไทย, 3(1), 74–87.

กิตติศักดิ์ ธานีทรัพย์. (2560). เรียนรู้การฝึกหายใจ เรื่องง่ายๆที่มีประโยชน์มากกว่าที่คิด. เวชบันทึกศิริราช, 10(2),
122–125.

ขนิษฐา รัตนกัลยา. (2561). การโค้ชการบริหารการหายใจโดยใช้เครื่องบริหารปอดในผู้ป่วยหลังผ่าตัด.
วารสารพยาบาลทหารบก, 19(August), 1–9.

คณะกรรมการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ หน่วยควบคุมการติดเชื้อ งานบริการพยาบาล
โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (2562). คู่มือการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ . ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

จิราวรรณ เนียมชา, ปัทมา สุริต, & สมศักดิ์ เทียมเก่า. (2560). ผลของโปรแกรมการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
ระยะเฉียบพลัน ต่อการเกิดการสำลักและปอดอักเสบในโรงพยาบาล. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 25(4),
167–175.

ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (2556). คู่มือการพยาบาล เล่มที่ 1.
สืบค้นเมื่อ 20 พฤษภาคม 2565 จาก https://www.nurse.kku.ac.th/index.php/download/category/8-
2014-12-25-06-41-16

ทัศณียา ไข้บวช, พรเพ็ญ สุขสบาย, ซามีฮา มีเซ็ง, สรวงสุดา เจริญวงศ์, & ธิดารัตน์ หวังสวัสดิ์. (2565). การพัฒนาและ
ประเมินผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันปอดอักเสบในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยติดเตียง โรงพยาบาล
นราธิวาสราชนครินทร์. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 14(1), 80–98.

นิตยา ธีรวิโรจน์, สุจิตรา สุขผดุง, & ไกรวุฒิ สุขสนิท. (2561). ผลของการใช้แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดปอดอักเสบใน
โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลบุรีรัมย์. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์,
33(3), 291–309.

ปณิตา ลิมปะวัฒนะ. (2561). กลุ่มอาการสูงอายุและประเด็นทางสุขภาพที่น่าสนใจ (พิมพ์ครั้งที่ 2). ขอนแก่น: คลังนานา
วิทยา.

ผ่องพรรณ อรุณแสง. (2560). การพยาบาลปัญหาสำคัญของผู้สูงอายุ: การนำใช้ (พิมพ์ครั้งที่ 4). ขอนแก่น: คลังนานา
วิทยา.

พัชราวรรณ ศรีศิลปนันทน์. (2564). แนวปฏิบัติทางคลินิกสำหรับการดูแลอนามัยช่องปากของผู้สูงอายุ. กรุงเทพ:
สมาคมพฤฒาวิทยาและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุไทย.

มนะพล กุลปราณีต. (2557). ภาวะฉุกเฉินทางอายุรศาสตร์ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เล่ม 1 . กรุงเทพฯ:
โฮลิสติก พับลิชชิ่ง.

วิลาวัณย์ ถิรภัทรพงศ์. (2564). การฟื้ นฟูสมรรถภาพหัวใจและปอด. กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอล พริ้น.
วิไล คุปต์นิรัติศัยกุล. (2561). การฟื้ นฟูผู้สูงอายุในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย. กรุงเทพฯ: พี.เอ.ลีฟวิ่ง.
สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้ นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2562). แนวทางทาง

เวชปฏิบัติ สำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก. กรุงเทพฯ: สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง.
อะเคื้อ อุณหเลขกะ. (2555). หลักและแนวปฏิบัติการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 2). เชียงใหม่:

มิ่งเมืองนวรัตน์
.American Dental Association. (2020). Oral Health Topics : Toothbrushes. Retrieved July, 8, 2022,

from https:// www.ada.org/en/member-center/oral-health-topics/toothbrushes
Apata, I. W., Hanfelt, J., Bailey, J. L., & Niyyar, V. D. (2017). Simple steps to prevent hospital- acquired

pneumonia in non-intubated patients: a quality improvement project. British Journal of Nursing,
18(2), 103–108.
Eltorai, A. E. M., Baird, G. L., Eltorai, A. S., Pangborn, J., Antoci, V., & Allethaire Cullen, H., et al. (2018).
Perspectives on incentive spirometry utility and patient protocols. Respiratory Care, 63(5),
519–531.
Lacerna, C. C., Patey, D., Block, L., Naik, S., Kevorkova, Y., & Galin, J., et al. (2020). A successful program
preventing nonventilator hospital-acquired pneumonia in a large hospital system. Infection
Control and Hospital Epidemiology, 41(5), 547–552.

คู่มือการป้องกัน 31
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

เอกสารอ้างอิง

National Healthcare Safety Network (NHSN). (2021). Pneumonia (Ventilator-associated [VAP] and non-
ventilatorassociated Pneumonia [PNEU]) Event. In Patient Safety Component Manual (Issue January,
pp. 1–39). Retrieved March 8, 2022, from
https://www.cdc.gov/nhsn/pdfs/pscmanual/pcsmanual_current.pdf

Prendergast, V., Kleiman, C., & King, M. (2013). The Bedside oral exam and the barrow oral care protocol:
Translating evidence-based oral care into practice. Intensive and Critical Care Nursing, 29(5),
282–290.

Quinn, B., Giuliano, K. K., & Baker, D. (2020). Non-ventilator health care-associated pneumonia (NV-HAP):
Best practices for prevention of NV-HAP. American Journal of Infection Control, 48(5), A23–A27.

Rosario, B. H., Shafi, H., Yii, A. C. A., Tee, L. Y., Ang, A. S. H., & Png, G. K., et al. (2021). Evaluation of multi-
component interventions for prevention of nosocomial pneumonia in older adults: a randomized,
controlled trial. European Geriatric Medicine, 12(5), 1045–1055.

Siegel, J. D., Rhinehart, E., Jackson, M., & Chiarello, L. (2022). 2007 Guideline for isolation precautions:
Preventing transmission of infectious agents in healthcare settings last update May 2022. In 2007
Guideline for Isolation Precautions: Preventing Transmission of Infectious Agents in Healthcare
Settings. Retrieved March 8, 2022, from
https://www.cdc.gov/infectioncontrol/guidelines/isolation/index.htm

Tablan, O. C., Anderson, L. J., Besser, R., Bridges, C., & Hajjeh, R. (2003)., Guideline for Preventing
Healthcare-Associated Pneumonia, 2003. Recommendations of CDC and the Healthcare
Infection Control Practices Advisory Committee. In American Healthcare Association.
Retrieved May 12, 2022, from https://www.cdc.gov/pneumonia/management-prevention-
guidelines.html

Wolfensberger, A., Clack, L., von Felten, S., Kusejko, K., Faes Hesse, M., & Jakob, W., et al. (2021).
Implementation and evaluation of a care bundle for prevention of non-ventilator associated
hospital-acquired pneumonia (nvHAP) – a mixed-methods study protocol for a hybrid type 2
effectiveness-implementation trial. BMC Infectious Diseases, 21(1), 1–11.

World Health Organization. (2009). WHO guidelines on hand hygiene in health care. Retrieved April
2, 2022, from https://www.who.int/publications/i/item/9789241597906

คู่มือการป้องกัน 32
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ

ภาคผนวก

คู่มือการป้องกัน Oral Health Assessment Tool
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ
ที่มา: สมาคมพฤฒาวิทยาและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุไทย.

34

คู่มือการป้องกัน Oral Health Assessment Tool
ปอดอักเสบในโรงพยาบาลในผู้ป่วยสูงอายุ
ที่มา: Prendergast, Kleiman, & King, (2013)
35

สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ
คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น


Click to View FlipBook Version