วิชา การบญั ชภี าษีอากร รหัสวชิ า 30201-2007
จดุ ประสงคร์ ายวิชา เพ่ือให้
1.เขา้ ใจเกี่ยวกับหลักการภาษเี งินได้บุคลธรรมดาภาษเี งินได้นิติบุคคล ภาษีเงนิ ไดห้ กั ณ
ทจี่ า่ ย ภาษมี ลู คา่ เพ่มื ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามประมวลรษั ฎากร
วชิ า การ2.สามารถคานวนบันทึกบญั ชี จดั ทารายงาน และย่ืนแบบแสดงรายการเกยี่ วกับภาษีตาม
ประมวลรษั ฎากร
บัญชีภาษี3.มเี จตคติและกจิ นสิ ัยทีด่ ใี นการปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความซ้อื สตั ยแ์ ละรอบคอบ
สมร21ร..ถแปนสฏดะบิ งรัตคาิงยวาานวมิชบราูเ้ัญกชี่ยีเวกกีย่บั วหกลอบั ักภกาา3าษรกภอี 0าาษกรรีอต2าากมรร0ปตหราะม1มสัปวร-ลวะรมิชัษวลฎาราัษกรฎากร
2007
คานา
การบญั ชภี าษอี ากรฉบบั นี้ไดจ้ ดั ทาขึ้น เพือ่ เป็นส่อื การเรยี นการสอนและ
แนะนาเพ่อื ให้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับสทิ ธิประโยชน์ทางภาษีในกรณตี า่ งๆ
e-book เล่มนไ้ี ดแ้ บง่ เนือ้ หาสาคญั ได้แก่ ความรู้เรื่องภาษเี งินไดบ้ ุคคล
ธรรมดา ภาษเี งินไดน้ ติ บิ คุ คล ภาษมี ูลคา่ เพ่ิม ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ ภาษีอากร
แสตมป์ ซง่ึ ภาษีท้ังหมดที่กลา่ วมาถือเป็นภาษที ส่ี าคญั ซ่งึ ทาให้ผู้ทสี่ นใจ
ทราบถงึ หลักการของภาษีต่างๆ
สารบัญ หนา้
คานา 1
หนว่ ยท่ี1 ภาษเี งินได้บคุ คลธรรมดา
2
ผูม้ หี นา้ ท่เี สยี ภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา 3
หนา้ ท่ีของผมู้ ีหน้าท่ีเสยี ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา 4
หนา้ ที่ของผู้มีเงินได้เกิดขึ้นในระหว่างปีภาษี 5
เงินไดท้ ่ีต้องนาไปรวมคานวณภาษจี ากแหล่งทม่ี าของเงินได้ 7
เงินไดพ้ ึงประเมณิ ทต่ี ้องเสยี ภาษี 8
เงินไดพ้ ึงประเมินอะไรบา้ งที่ไดร้ ับยกเว้นภาษี 12
การหกั คา่ ใชจ่ ่ายของเงินไดพ้ งึ ประเมิน 14
การหกั ค่าลดหยอ่ นของผมู้ ีเงนิ ได้ 16
การคานวณภาษีเงนิ ได้บุคลธรรมดา 19
อตั ราภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดา 20
การย่นื แบบแสดงรายการภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา
หนว่ ยท2ี่ ภาษีเงินได้นติ บิ ุคคล หน้า
ผูม้ ีหนา้ ทเ่ี สยี ภาษีเงินได้นิติบุคคล
นติ ิบคุ คลทไ่ี ม่ต้องเสียภาษเี งนิ ได้ 21
ฐานภาษีของภาษเี งินไดน้ ติ ิบคุ คล 22
ภาษีเงนิ ได้นติ บิ คุ คลคานวณจากฐานกาไรสุทธิ 24
เงื่อนไขการคานวณกาไรสทุ ธติ ามมาตรา 65 ทวิ 25
เงือ่ นไขการคานวณกาไรสทุ ธิตามมาตรา 65 ตรี (รายจ่ายตอ้ งหา้ ม) 26
ภสถาษานเี งทิน่ียไนื่ ดแ้นบติ บิบแคุ สคดลงสราาหยรกบั ารเภงนิ าษไดี ้ทจ่ี ่ายจากหรอื ในประเทศไทย 27
หนว่ ยท3่ี ภาษีมูลค่าเพิม่ 29
ผู้มหี น้าทจ่ี ดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพม่ิ 30
กิจการท่ีได้รับยกเว้นภาษีมูลคา่ เพิ่ม 31
กิจการที่ไมต่ ้องจดทะเบยี นภาษมี ลู คา่ เพิม่
วธิ ีการจดทะเบยี นภาษมี ูลค่าเพ่มิ 32
ฐานภาษมี ลู ค่าเพ่ิม 33
34
35
36
37
กาหนดเวลาจดทะเบยี นภาษมี ลู ค่าเพิม่ หน้า
สถานท่จี ดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพมิ่
อตั ราภาษีมูลคา่ เพิม่ 38
การยน่ื แบบแสดงรายการภาษีและการชาระภาษมี ลู ค่าเพ่มิ 39
หน่วยที่4 การบัญชีภาษีธรุ กจิ เฉพาะ 40
ผมู้ หี น้าท่ีเสยี ภาษธี รุ กิจเฉพาะ 41
การประกอบกิจการทต่ี ้องเสียภาษธี รุ กิจเฉพาะ
กจิ การทไี่ มต่ อ้ งเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 42
ฐานภาษแี ละอัตราภาษี 43
หนา้ ทีข่ องผู้ประกอบกจิ การท่ตี อ้ งเสียภาษีธุรกจิ เฉพาะ 44
การยน่ื แบบแสดงรายการภาษธี รุ กจิ เฉพาะ 45
การขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะ 46
กาหนดเวลาในการยนื่ แบบแสดงรายการภาษี 47
สถานทีย่ ื่นแบบแสดงรายการภาษี 48
49
50
51
หน่วยท่ี5 ภาษีอากรแสตมป์ หน้า
ผู้มหี น้าทเี่ สยี อากรแสตมป์
วิธกี ารเสียภาษอี ากรแสตมป์ 52
การขอเสียอากรเปน็ ตัวเงนิ 53
การยกเว้นภาษีอากรแสตมป์ 54
ความรบั ผดิ กรณไี มป่ ดิ แสตมปบ์ รบิ ูรณ์และการไมอ่ อกใบรับ 55
ข้อเสยี ของตราสารที่มิไดป้ ิดแสตมป์บริบรู ณ์ 56
การขอคืนเงินอากรแสตมป์ 57
บรรณานกุ รรม 59
60
61
หนว่ ยท1่ี
ภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดา
ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา 2
ผู้มีหน้าที่เสยี ภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดา ไดแ้ ก่ ผ้ทู ่ีมเี งนิ ได้เกิดขน้ึ ระหวา่ งปีที่ผ่านมาโดย
มสี ถานะ อยา่ งหนึ่งอย่างใด ดงั นี้
1) บุคคลธรรมดา
2) หา้ งหุน้ สว่ นสามัญหรอื คณะบคุ คลที่มิใชน่ ิตบิ คุ คล
3) ผู้ถงึ แก่ความตายระหวา่ งปีภาษี
4) กองมรดกทย่ี งั ไมไ่ ดแ้ บ่ง
5) วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการสง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชุมชน เฉพาะทีเ่ ปน็ หา้ ง
หุ้นส่วนสามญั หรอื คณะบุคคลทม่ี ใิ ชน่ ิตบิ คุ คล
หนา้ ท่ีของผมู้ ีหนา้ ที่เสียภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา 3
1. ขอมเี ลข และบตั รประจาตัวผเู้ สยี ภาษี ภายใน 60 วนั นับแตว่ ันท่มี ีเงนิ ไดเ้ กดิ ขึ้น กรณเี ปน็ ผูม้ ีเงินได้ ท่ไี มม่ ี
เลขประจาตวั ประชาชน ได้แก่ เป็นคนตา่ งด้าว หรอื กองมรดกทย่ี ังไมไ่ ดแ้ บง่
เว้นแต่ ผมู้ ีเงนิ ได้ ท่มี เี ลขประจาตวั ประชาชน สามารถใช้ เลขประจาตวั ประชาชน แทนเลขประจาตัว ผู้เสียภาษี
อากรได้ โดยไมต่ ้องขอมเี ลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรอีก
ผ้มู เี งินได้ท่ีมภี มู ิลาเนา อยใู่ นกรุงเทพมหานคร อาจยื่นคารอ้ ง ณ สานกั งานสรรพากรพนื้ ท่ี กรงุ เทพมหานคร ทง้ั
30 แห่ง หรือ สานักสรรพากรพืน้ ที่ สาขา(อาเภอ)ทุกแห่ง
สาหรบั ในตา่ งจังหวัด ย่นื คาขอไดท้ สี่ านักงานสรรพากร พืน้ ที่ (จงั หวดั ) และสานักงานสรรพากร พ้นื ทีส่ าขา
(อาเภอ) ทกุ แห่ง แล้วแต่กรณี
2. ย่นื แบบแสดงรายการ ปกตปิ ลี ะ 1 ครง้ั เงนิ ได้ ของปใี ด ก็ยน่ื แบบฯ ภายใน วนั ที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
เว้นแต่ เงนิ ได้ บางลักษณะ เช่น การให้เช่า ทรพั ย์สนิ เงนิ ได้จาก วชิ าชพี อสิ ระ เงนิ ไดจ้ าก การรับเหมา เงนิ ได ้้
จากธุรกจิ การพาณชิ ย์ เป็นต้น จะตอ้ ง ยนื่ แบบฯ ตอนกลางปี สาหรับเงินได้ ทีเ่ กดิ ขึน้ ใน 6 เดือนแรก ภายใน
เดือนกันยายน ของทกุ ปี
หน้าทขี่ องผูม้ เี งินได้เกดิ ขึน้ ในระหวา่ งปภี าษี 4
ผู้ท่ีมเี งนิ ไดเ้ กดิ ขนึ้ ระหว่างปีภาษีจะมีหน้าที่ตอ้ งย่ืนแบบฯ ก็ตอ่ เม่อื มเี งินได้ถึงเกณฑข์ น้ั ต่าตามที่กฎหมาย
กาหนด ไม่วา่ เมอ่ื คานวณภาษแี ลว้ จะมภี าษีตอ้ งชาระเพิ่มเติมหรือไม่กต็ าม ดงั นี้
เกณฑเ์ งนิ ไดพ้ ึงประเมินข้ันตา่ ท่ผี ู้มเี งนิ ได้ตอ้ งย่นื แบบแสดงรายการภาษี
(1) บุคคลธรรมดาและผูถ้ ึงแก่ความตาย มเี งินไดพ้ ึงประเมนิ ดงั น้ี
เงนิ ได้ โสด สมรส
เงินเดือนเพียงอย่างเดียว 120,000 220,000
เงินได้ประเภทอื่น 60,000 120,000
(2)ห้างหนุ้ ส่วนสามญั ทมี่ ใิ ชน่ ติ ิบคุ คล หรอื คณะบคุ คลทไี่ มใ่ ชน่ ติ ิบุคคลมเี งนิ ไดพ้ งึ ประเมินเกนิ 60,000 บาท
(3) กองมรดกที่ยังไมไ่ ด้แบง่ มเี งินได้พงึ ประเมนิ เกิน 60,000 บาท
เงินไดท้ ต่ี อ้ งนาไปรวมคานวณภาษจี ากแหลง่ ทีม่ าของเงนิ ได้ 5
แหลง่ ที่มาของเงินได้ ซง่ึ แบ่งเปน็ เงนิ ไดจ้ ากแหล่งในประเทศและนอกประเทศ เงนิ ได้จากแหล่งตา่ งๆ น้ีจะต้องนาไปรวมคานวณ
ภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ ให้พจิ ารณา ดังนี้
1. เงนิ ไดเ้ กดิ จากแหล่งในประเทศ หมายถึง เงนิ ได้ท่ีเกิดขนึ้ หรือเปน็ ผลสบื เน่อื งจากมี
1.1 หนา้ ที่งานท่ที าในประเทศไทย หรือ
1.2 กจิ การทที่ าในประเทศไทย หรือ
1.3 กจิ การของนายจ้างในประเทศไทย หรอื
1.4 ทรพั ยส์ ินที่อย่ใู นประเทศไทย (ดอกเบย้ี เงินปันผล คา่ เช่า )
* เง่อื นไข ผ้มู เี งนิ ได้เกิดจากแหลง่ ในประเทศนม้ี ีหน้าท่ีต้องเสียภาษเี งนิ ได้ตามที่ประมวลรัษฏากร กาหนดไว้เสมอเวน้ แต่จะมี
ข้อยกเวน้ ตามกฎหมาย ทั้งนี้ ไม่วา่ เงินไดพ้ ึงประเมนิ ในปีภาษที ่ีล่วงมาแลว้ นัน้ จะจา่ ยในหรอื นอกประเทศ และไมว่ ่าผู้มเี งนิ ไดน้ ้นั จะ
เปน็ ผูอ้ ยใู่ นประเทศไทยหรอื ไม่กต็ าม)
2. เงนิ ไดเ้ กดิ จากแหลง่ นอกประเทศไทย หมายถึง เงินได้ทเี่ กิดขึ้นหรอื เปน็ ผลสบื เน่ืองจากมี 6
2.1 หน้าที่งานท่ที าในตา่ งประเทศ
2.2 กิจการทีท่ าในต่างประเทศ
2.3 ทรพั ยส์ นิ ที่อยใู่ นต่างประเทศ
* เงอื่ นไข ผู้มเี งินไดเ้ กิดจากแหล่งนอกประเทศในปภี าษีทลี่ ว่ งมาแลว้ จะตอ้ งเสยี ภาษเี งินได้ ในประเทศไทยกต็ ่อเมื่อ
เข้าองค์ประกอบท้ัง 2 ประการ ดังต่อไปน้ี
(1) ผมู้ เี งินไดเ้ ปน็ ผูอ้ ยใู่ นประเทศไทย ในปีภาษีนนั้ ชวั่ ระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลา รวมท้งั หมดถงึ 180 วัน
(2) ผ้มู เี งินได้ นาเงนิ ได้น้นั เขา้ มาในประเทศไทยในปภี าษีนนั้ ด้วย
ในการเสียภาษเี งินได้บุคคลธรรมดาบางกรณี ถ้าเกย่ี วขอ้ งกบั บุคคลของบางประเทศท่ีมี อนสุ ญั ญาภาษซี อ้ น* หรือความ
ตกลงเพ่ือป้องกนั การเกบ็ ภาษีซา้ ซอ้ นกับประเทศไทยจาเปน็ ต้องพจิ ารณาถึงความ ตกลงหรอื อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยการเว้นการ
เก็บภาษซี ้อนระหวา่ งประเทศไทยไดท้ าความตกลงไวด้ ว้ ย
เงนิ ไดพ้ ึงประเมิณทีต่ ้องเสยี ภาษี 7
ตามกฎหมาย เงนิ ไดท้ ี่ตอ้ งเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เรียกวา่ "เงนิ ได้พงึ ประเมนิ " หมายถงึ เงนิ ไดข้ อง
บคุ คลใดๆ หรอื หนว่ ยภาษใี ดข้างตน้ ที่เกิดขึน้ ระหวา่ งวนั ท่ี 1 มกราคม ถึง 31 ธนั วาคม ของปใี ดๆ หรือเงิน
ได้ ทเี่ กดิ ข้นึ ในปภี าษี ไดแ้ ก่
1.เงนิ
2. ทรพั ย์สนิ ซงึ่ อาจคดิ คานวณไดเ้ ป็นเงิน ท่ไี ด้รับจริง
3. ประโยชน์ซ่งึ อาจคิดคานวณไดเ้ ป็นเงิน ทไ่ี ดร้ ับจริง(เกณฑเ์ งินสด)
4. เงนิ คา่ ภาษอี ากรทผ่ี ูจ้ ่ายเงินหรอื ผอู้ น่ื ออกแทนให้
5. เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกาหนด
เงนิ ได้พึงประเมินอะไรบา้ งที่ได้รบั ยกเว้นภาษี 8
เงินไดท้ ีไ่ ดร้ ับยกเวน้ ภาษีมอี ยหู่ ลายกรณที ีส่ าคญั ๆ ไดแ้ ก่ การยกเว้นตามมาตรา 42 แห่งประมวลรษั ฎากร การยกเวน้ ตาม
กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 126 การยกเว้นตามพระราชกฤษฎกี าฉบบั ต่างๆ เป็นต้น เงินได้ท่ไี ดร้ บั ยกเวน้ ภาษีมดี ังนี้
(1) คา่ เบย้ี เลย้ี งหรือค่าพาหนะ ซึ่งลกู จ้างหรอื ผรู้ บั หนา้ ท่ีหรือตาแหนง่ งาน หรอื ผูร้ ับทางานให้ ไดจ้ า่ ยไป โดยสจุ ริตตามความ
จาเป็นเฉพาะ ในการทีต่ ้องปฏิบัตกิ ารตามหนา้ ท่ขี องตนและไดจ้ ่ายไปท้งั หมดในการนน้ั
(2) คา่ พาหนะและเบ้ียเลย้ี งเดินทางตามอตั ราที่รัฐบาลกาหนดไวโ้ ดยพระราชกฤษฎีกาวา่ ด้วยอตั รา ค่าพาหนะและเบยี้ เล้ยี ง
เดินทาง
(3) เงินคา่ เดินทางซงึ่ นายจา้ งจ่ายให้ลกู จา้ ง เฉพาะส่วนที่ลูกจา้ งไดจ้ ่ายท้งั หมดโดยจาเป็นเพ่ือการ เดินทางจากต่างถ่ินในการ
เขา้ รบั งานเปน็ ครง้ั แรก หรือในการกลับถ่นิ เดิมเมอ่ื การจ้างได้ส้นิ สดุ ลงแล้ว แต่ ข้อยกเว้นนมี้ ใิ หร้ วมถึงเงนิ คา่ เดินทางที่ลกู จา้ ง
ไดร้ ับในการกลบั ถิ่นเดิม และในการเข้ารบั งานของนายจา้ งเดิม ภายใน 365 วัน นบั แตว่ ันทก่ี ารจา้ งครั้งกอ่ นได้ส้นิ สดุ ลง
(4) ในกรณที นี่ ายจา้ งและลกู จ้างได้ทาสัญญากนั โดยสุจริตกอ่ นใชพ้ ระราชบัญญัตภิ าษีเงินได้ พทุ ธศักราช 2475 มีขอ้ กาหนดว่า 9
นายจา้ งจะชาระเงนิ บาเหน็จ เงินคา่ ธรรมเนยี ม เงินคา่ นายหน้า หรอื เงิน โบนัสใหแ้ กล่ ูกจา้ งเป็นจานวนเดียวเม่อื การงานท่ีจา้ งได้
สิ้นสุดลงแล้ว แม้เงนิ เตม็ จานวนนั้นจะได้ชาระภายหลงั ที่ใชบ้ ทบญั ญัตใิ นส่วนนก้ี ด็ ี เงินบาเหนจ็ เงินค่าธรรมเนียม เงินคา่
นายหนา้ หรือเงนิ โบนสั สว่ นท่ีเปน็ ค่าจ้าง แรงงานอนั ไดท้ าในเวลาก่อนใช้พระราชบัญญัตภิ าษีเงินได้พทุ ธศักราช 2475 น้ัน ไม่
ต้องรวมคานวณเพ่อื เสียภาษี เงนิ ได้
(5) เงนิ เพิ่มพเิ ศษประจาตาแหน่ง และเงนิ ค่าเช่าบา้ น หรอื บา้ นทใ่ี หอ้ ยู่โดยไม่ตอ้ งเสยี คา่ เช่า สาหรับ ขา้ ราชการสถานทูตหรอื
สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ
(6) เงินได้จากการขาย หรอื ส่วนลดจากการซื้ออากรแสตมป์หรอื แสตมป์ไปรษณียากรของรัฐบาล
(7) เบีย้ ประชุมกรรมาธกิ ารหรือกรรมการ หรือค่าสอน คา่ สอบที่ทางราชการหรือสถานศึกษาของทาง ราชการจ่ายให้
(8) ดอกเบย้ี ดังตอ่ ไปน้ี
(ก) ดอกเบยี้ สลากออมสิน หรือดอกเบย้ี เงินฝากออมสินของรฐั บาลเฉพาะประเภทฝากเผ่ือเรยี ก
(ข) ดอกเบ้ยี เงินฝากประเภทออมทรัพยท์ ี่ได้รบั จากสหกรณ์
(ค) ดอกเบยี้ เงินฝากธนาคารในราชอาณาจกั รทต่ี อ้ งจ่ายคืนเมอ่ื ทวงถามประเภทออมทรัพย์
(9) การขายสงั หาริมทรัพยอ์ นั เปน็ มรดก หรอื สังหารมิ ทรพั ย์ที่ได้มาโดยมิไดม้ งุ่ ในทางการคา้ หรอื หากาไร แต่ไมร่ วมถึงเรอื กาปั่น เรอื ท่ีมี 10
ระวางตั้งแต่ 6 ตันข้ึนไป เรือกลไฟ หรอื เรือยนต์ทมี่ รี ะวางตงั้ แต่ 5 ตัน ข้นึ ไป หรอื แพ
(10) เงนิ ไดท้ ไี่ ด้รับจากการรบั มรดก (พระราชบัญญตั ิแก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ 40) พ.ศ. 2558)
(11) รางวัลเพือ่ การศึกษาหรอื ค้นควา้ ในวทิ ยาการ รางวลั สลากกินแบง่ หรือสลากออมสินของรัฐบาล รางวัลท่ที างราชการจ่ายให้ในการ
ประกวดหรือแขง่ ขนั ซ่ึงผู้รบั มิได้มอี าชีพในการประกวดหรอื แขง่ ขัน หรอื สนิ บนรางวัลทท่ี างราชการจ่ายใหเ้ พ่ือประโยชน์ในการปราบปราม
การกระทาความผิด
(12) บานาญพิเศษ บาเหน็จพิเศษ บานาญตกทอด หรอื บาเหน็จตกทอด
(13) คา่ สนิ ไหมทดแทนเพ่อื ละเมิด เงินทไ่ี ด้จากการประกันภยั หรอื การฌาปนกิจสงเคราะห์
(14) เงนิ ได้ของชาวนาทไี่ ดจ้ ากการขายข้าว อันเกิดจากกสิกรรมทีต่ นและหรอื ครอบครัวไดท้ าเอง
(15) เงินไดท้ ไี่ ดร้ บั จากกองมรดก ซง่ึ ต้องเสียภาษเี งินได้ไวใ้ นนามของกองมรดกแลว้
(16) รางวัลสลากบารุงกาชาดไทย เงินได้จากการขาย หรือสว่ นลดจากการซือ้ สลากบารงุ กาชาดไทย
(17) ดอกเบ้ยี ทีไ่ ด้รับจากการคืนเงินภาษีอากรตามประมวลรษั ฎากร
(18) เงินได้จากการขายหนว่ ยลงทุนในกองทนุ รวม
(19) เงนิ ได้ของกองทนุ รวม
(20) เงนิ ประโยชนท์ ดแทนทีผ่ ูป้ ระกันตนได้รบั จากกองทนุ ประกนั สังคม ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการ ประกนั สงั คม 11
(21) เงนิ ไดจ้ ากการโอนกรรมสิทธ์ิหรอื สทิ ธิครอบครองในอสังหารมิ ทรพั ย์โดยไมม่ คี า่ ตอบแทนใหแ้ กบ่ ุตร ชอบด้วยกฎหมายซ่งึ ไม่
รวมถึงบุตรบญุ ธรรม เฉพาะเงนิ ได้จากการโอนใหแ้ กบ่ ตุ รชอบด้วยกฎหมายนนั้ ในสว่ น ท่ีไมเ่ กนิ 20 ล้านบาทต่อบุตรหนึ่งคน
ตลอดปภี าษีนน้ั (พระราชบัญญตั ิแกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 43) พ.ศ.2559 ใชบ้ งั คบั ตั้งแตว่ นั ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 เปน็ ต้น
ไป)
(22) เงนิ ได้ทีไ่ ด้รับจากการอุปการะหรอื จากการให้โดยเสนห่ าจากบพุ การี ผ้สู บื สนั ดาน หรือคู่สมรส เฉพาะเงนิ ได้ในส่วนทไี่ ม่เกนิ
20 ลา้ นบาทตลอดปีภาษีน้นั
(23) เงนิ ได้ทีไ่ ดร้ ับจากการอุปการะโดยหนา้ ที่ธรรมจรรยาหรอื จากการให้โดยเสนห่ าเนอ่ื งในพธิ ี หรือ ตามโอกาสแหง่
ขนบธรรมเนยี มประเพณี ท้งั นี้ จากบุคคลซง่ึ มิใช่บุพการี ผสู้ บื สันดาน หรอื คสู่ มรสเฉพาะเงนิ ได้ ในส่วนที่ไม่เกนิ 10 ล้านบาท
ตลอดปภี าษีน้ัน
(24) เงินได้ท่ีไดร้ บั จากการให้โดยเสนห่ าท่ีผูใ้ หแ้ สดงเจตนาหรอื เห็นไดว้ ่ามคี วามประสงค์ใหใ้ ช้ เพือ่ ประโยชนใ์ นกิจการศาสนา
กจิ การศึกษา หรอื กิจการสาธารณประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ และเงอ่ื นไขท่ีกาหนด ในกฎกระทรวง (พระราชบัญญัติแกไ้ ขเพม่ิ เติม
(ฉบับท่ี 40) พ.ศ.2558)
การหักคา่ ใช่จา่ ยของเงินไดพ้ งึ ประเมิน 12
ค่าใช้จ่ายเป็นองค์ประกอบหนง่ึ ในการคานวณภาษี ถือเป็นสทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษีอย่างหนงึ่ ที่
กฎหมายกาหนดไว้ สาหรบั หกั เปน็ ตน้ ทุนในการทางาน เพื่อใหไ้ ด้เงนิ ไดห้ รือรายได้สุทธนิ ั้นมา
คิดภาษีตามบญั ชอี ัตราภาษี โดยมีอัตราการหกั คา่ ใชจ้ า่ ยมากหรอื น้อยตามแตล่ ะประเภทของเงนิ
ได้ สรุปไดด้ ังน้ี
13
อตั ราการหกั คา่ ใช้จา่ ย
:
(1) กรณบี คุ คลธรรมดา หรอื ผ้ถู งึ แกค่ วามตายระหวา่ งปีภาษี 14
การหักคา่ ลดหยอ่ นของผูม้ ีเงนิ ได้ 1. ผู้มเี งนิ ได้ 60,000 บาท
ค่าลดหย่อน หมายถงึ รายการตา่ งๆที่เป็นอกี หนง่ึ 2.คสู่ มรส (ไม่มเี งินได้) 60,000 บาท
องคป์ ระกอบในการคานวณภาษีที่กฎหมาย
กาหนดให้นาไปหกั ออกจากเงินไดไ้ ด้อีกหลังจากหกั 3. ผมู้ เี งนิ ไดห้ รอื คู่สมรสตา่ งฝ่ายตา่ งมีเงินได้ ใหห้ กั ลดหย่อนรวมกันได้ ไม่
ค่าใชจ้ ่ายแลว้ โดยมีการหักลดหยอ่ นกรณตี ่าง ๆ
แตกตา่ งกนั ออกไป สรุปไดด้ งั น้ี เกนิ 120,000 บาท
4. บุตรชอบด้วยกฎหมายและบุตรบญุ ธรรม หกั ค่าลดหย่อนได้คนละ
30,000 บาท ตอ้ งเข้าเงอ่ื นไข ดังนี้
- บตุ รชอบด้วยกฎหมาย หกั ลดหย่อนไดไ้ มจ่ ากดั จานวน
- บตุ รบุญธรรม หักลดหย่อนได้ไมเ่ กนิ 3 คน
- กรณมี บี ุตรชอบดว้ ยกฎหมายท่ีมีชวี ิตอยูจ่ านวนต้งั แต่ 3 คน จะนาบุตร
บุญธรรมมาหกั อกี ไม่ได้
- กรณีมีบตุ รชอบด้วยกฎหมายมจี านวนไม่ถงึ 3 คน ให้นาบตุ รบุญธรรมมา
หกั ไดร้ วมกับบตุ รชอบด้วยกฎหมาย แตร่ วม กนั ตอ้ งไมเ่ กิน 3 คน
5. ค่าอุปการะเล้ียงดูบิดามารดาท่ีมีอายุ 60 ปขี ึน้ ไป และอยู่ในความอปุ การะเล้ียงดูของผมู้ เี งินได้ โดยบิดามารดาต้องมีเงินไดพ้ ึงประเมิน 15
ในปีภาษที ีข่ อหักลดหย่อนไม่เกิน 30,000 บาท หักค่าลดหย่อน คนละ 30,000 บาท และสามารถหักลดหย่อนสาหรับบดิ ามารดาของ
คูส่ มรสไดอ้ กี คนละ 30,000 บาท
6. คา่ อปุ การะเลี้ยงดคู นพิการหรือคนทุพพลภาพ หักคา่ ลดหย่อน คนละ 60,000 บาท
7. คา่ เบีย้ ประกันชีวติ (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขนึ้ ไป) ของผมู้ เี งนิ ได้หักค่าลดหย่อนและได้รบั การยกเว้นภาษีเงินไดส้ าหรบั เงินไดเ้ ท่าที่
จ่ายจรงิ แต่ไมเ่ กิน 100,000 บาท
8. ค่าเบย้ี ประกันสุขภาพบิดามารดาของผูม้ ีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าท่จี ่ายจริง แตไ่ ม่เกนิ 15,000 บาท ท้งั นี้ บิดามารดา
ของผูม้ ีเงินได้และคู่สมรสต้องไม่มีเงินไดพ้ ึงประเมินในปีภาษีท่ีใชส้ ทิ ธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท
9. เงินสะสมทจ่ี ่ายเข้ากองทุนสารองเล้ียงชีพ หักลดหย่อนไดต้ ามจานวนที่ได้จ่ายไปจริงในปีภาษี แตไ่ มเ่ กนิ 10,000 บาท สว่ นท่เี กิน
10,000 บาทแตไ่ มเ่ กิน 490,000 บาท ซง่ึ ไม่เกินร้อยละ 15 ของคา่ จา้ งให้หกั จากเงินได้
10. เงินคา่ ซอ้ื หน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพ่ือการเล้ียงชพี (RMF) ไดร้ บั ยกเว้นเท่าทจี่ ่ายเงินค่าซื้อหนว่ ยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการ
เล้ียงชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลกั ทรพั ย์ ในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของเงนิ ได้พงึ ประเมินท่ีได้รับซ่ึงต้องเสียภาษี
เงนิ ไดใ้ นปภี าษนี ้ัน และเมอ่ื รวมกับเบี้ยประกันชีวิตแบบบานาญ เงนิ สะสมเข้ากองทุนสารองเล้ียงชพี
การคานวณภาษีเงินได้บคุ ลธรรมดา 16
โดยท่ัวไปผ้มู ีเงนิ ไดต้ อ้ งนาเงินไดพ้ ึงประเมินทุกประเภทของตน ตลอดปีภาษี (ไมร่ วมเงินได้ที่กฎหมายยกเว้นภาษี หรอื ที่ไมต่ อ้ งเสยี ภาษี) ไป
คานวณภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดาสิน้ ปี เพอื่ ย่ืนแบบแสดงรายการและชาระภาษีภายในเดือนมนี าคมของปีถัดจากปีทีม่ ีเงนิ ได้
การคานวณภาษใี หท้ าเปน็ 3 ข้ัน คือ
ขัน้ ทห่ี นึ่ง คานวณหาจานวนภาษีตาม วธิ ีที่ 1 เสยี ก่อน
การคานวณภาษตี ามวิธีท่ี 1
ขน้ั ทสี่ อง 17
ให้พิจารณาว่าจะต้องคานวณภาษตี าม วิธีที่ 2หรอื ไม่ ถ้าเข้าเง่อื นไขทจ่ี ะตอ้ งคานวณภาษีตามวธิ ที ่ี 2 จงึ คานวณภาษตี าม
วธิ ีท่ี 2 อกี วธิ หี นึ่ง กรณที ต่ี ้องคานวณภาษีตามวธิ ีท่ี 2 ไดแ้ ก่ กรณที ี่เงนิ ได้พงึ ประเมนิ ทุกประเภทในปีภาษี แตไ่ มร่ วม
เงินไดพ้ งึ ประเมินตามประเภทท่ี 1 มจี านวนรวมกันตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป การคานวณภาษีตามวธิ ที ่ี 2 น้ี ให้
คานวณในอัตรารอ้ ยละ 0.5 ของยอดเงนิ ไดพ้ งึ ประเมิน (= เงนิ ได้พึงประเมนิ ทกุ ประเภทลบเงินไดพ้ งึ ประเมินประเภทที่
1 คณู ดว้ ย 0.005) ดงั กล่าวน้ัน
การคานวณภาษีตามวธิ ที ่ี 2
ยอดเงินไดพ้ งึ ประเมินทุกประเภทลบเงินได้พงึ ประเมนิ ประเภทท่ี 1 xxxx (9)
จานวนภาษตี ามการคานวณภาษวี ธิ ที ่ี 2 = จานวนตาม (9) x 5 /1000 xxxx (10)
ขนั้ ที่สาม สรุป จานวนภาษีท่ีต้องเสียภาษี กาหนดให้ (10) คอื จานวนภาษที ่คี านวณไดต้ ามวธิ ที ่ี 2 18
การคานวณภาษี
*หมายเหตุ สาหรับเงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ทีไ่ ด้รบั ตัง้ แต่วันท่ี 1 มกราคม 2552 เปน็ ต้นไป หากคานวณตามวธิ ีที่ 2 แลว้ มภี าษีเงนิ ไดท้ ตี่ ้องเสียจานวนท้งั สน้ิ ไม่เกิน 5,000
บาท ผู้มีเงินได้ ไดร้ ับการยกเวน้ ภาษเี งนิ ได้ตามวิธที ่ี 2 ( 10 ) แต่ยังคงมหี น้าที่เสยี ภาษตี ามจานวนทคี่ านวณได้ตามวธิ ที ่ี 1 ( 8 ) โดยนามาสรปุ จานวนภาษีทต่ี อ้ งเสียขั้น
ท่ีสาม
อตั ราภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา 19
การย่นื แบบแสดงรายการภาษเี งนิ ได้บคุ คลธรรมดา 20
1. สานกั งานสรรพากรพื้นท่สี าขา (เดมิ เรยี กวา่ สานักงานสรรพากรเขต/อาเภอ) สาหรบั การยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.90 หรอื ภ.ง.ด.91 ผูม้ เี งินได้สามารถยน่ื
แบบฯ ณ สานกั งานสรรพากรพน้ื ท่ี สาขาทกุ แหง่
2. ท่ีทาการไปรษณยี ส์ าหรบั การยนื่ แบบฯ ระหว่างวันท่ี 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มนี าคม เท่านน้ั มหี ลักเกณฑ ดังน้ี
2.1ผ้มู ีเงนิ ไดม้ ภี มู ิลาเนาอย่ใู นกรงุ เทพมหานคร
2.2ย่นื แบบฯ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน พร้อมแนบเชค็ (ประเภท ข. ค. หรอื ง.) หรอื ธนาณัติ(ตามจานวนเงนิ ภาษีที่
ตอ้ งชาระท้งั จานวน) โดยส่งไปยงั
2.3 กรมสรรพากรจะถอื เอาวนั ที่ลงทะเบยี นไปรษณียเ์ ปน็ วนั รับแบบและชาระภาษแี ละจะส่งใบเสรจ็ รบั เงิน ใหแ้ ก่ผู้ยื่นแบบฯ ทางไปรษณยี ์
ลงทะเบยี น
2.4 กรณผี ้มู เี งนิ ได้ที่มีภูมลิ าเนา อยูใ๋ นต่างจงั หวัด หรอื ประสงค์จะขอ ชาระภาษีเป็นงวด จะย่ืนแบบ ภ.ง.ด. 90 หรอื ภ.ง.ด.91 โดยสง่ ทาง ไปรษณีย์
ลงทะเบยี นไมไ่ ด้
3. Internet ทาง Web Site ของกรมสรรพากร ที่ www.rd.go.th หรือจะย่ืนผา่ น Rd smart tax application ทางโทรศัพท์มือถือ กไ็ ด้
21
หน่วยท2่ี
ภาษีเงนิ ไดน้ ติ บิ ุคคล
ภาษีเงินได้นติ บิ คุ คล 22
ผมู้ หี นา้ ทีเ่ สยี ภาษเี งนิ ไดน้ ติ บิ คุ คล ได้แก่ บรษิ ทั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนิตบิ คุ คล ทจ่ี ดทะเบยี นตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ และหมายความรวมถงึ นติ บิ คุ คล
อื่นๆ ท่ีไม่ไดจ้ ดทะเบยี นตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ดว้ ย ดงั น้ี
บริษทั หรอื หา้ งหนุ้ ส่วนนติ ิบคุ คลท่ีมหี นา้ ทเี่ สยี ภาษเี งนิ ไดน้ ิติบคุ คล มดี งั นี้
(1) บรษิ ัทหรือหา้ งหุ้นสว่ นนติ ิบคุ คลทตี่ ั้งขึน้ ตามกฎหมายไทย ไดแ้ ก่
ก. บรษิ ทั จากดั
ข. บริษทั มหาชน จากดั
ค. ห้างหนุ้ ส่วนจากดั
ง. ห้างหุ้นสว่ นสามัญจดทะเบียน
(2) บรษิ ทั หรือห้างหุ้นสว่ นนติ ิบคุ คลทตี่ งั้ ข้ึนตามกฎหมายตา่ งประเทศ ซ่งึ มหี น้าท่เี สียภาษีเงินได้นิติบคุ คลในประเทศไทย กต็ อ่ เม่อื เข้าเงื่อนไขขอ้ ใดข้อหนึง่
ดงั ตอ่ ไปนี้
ก. บรษิ ทั หรอื ห้างหนุ้ สว่ นนิตบิ คุ คลตา่ งประเทศนัน้ เข้ามากระทากิจการในประเทศไทย (มาตรา 66 วรรคแรก แหง่ ประมวลรษั ฎากร)
ข. บรษิ ัทหรือหา้ งหนุ้ ส่วนนติ บิ ุคคลต่างประเทศนัน้ กระทากิจการในทอ่ี น่ื ๆ รวมทั้งในประเทศไทย (มาตรา 66 วรรคสอง แหง่ ประมวลรัษฎากร)
(3) กจิ การซง่ึ ดาเนินการเปน็ ทางคา้ หรือหากาไร โดย 23
ก. รัฐบาลต่างประเทศ
ข. องคก์ ารของรฐั บาลตา่ งประเทศ
ค. นิตบิ ุคคลอ่นื ทต่ี ้ังขนึ้ ตามกฎหมายของต่างประเทศ
(4) กจิ การรว่ มคา้ (Joint Venture) ได้แก่ กจิ การท่ดี าเนนิ การร่วมกันเปน็ ทางคา้ หรอื หากาไร ระหว่างบคุ คลดังต่อไปนคี้ อื
ก. บรษิ ัทกับบริษทั
ข. บริษทั กบั หา้ งหุน้ สว่ นนติ ิบคุ คล
ค. ห้างหุน้ ส่วนนติ ิบคุ คลกับหา้ งหุ้นสว่ นนิติบคุ ค
ง. บรษิ ทั และหรือห้างหนุ้ ส่วนนติ ิบคุ คลกบั บุคคลธรรมดา
จ. บรษิ ทั และหรอื ห้างหนุ้ สว่ นนติ บิ คุ คลกับคณะบคุ คลท่มี ิใชน่ ติ บิ คุ คล
ฉ. บริษัทและหรอื ห้างห้นุ ส่วนนติ ิบคุ คลกบั หา้ งหุ้นสว่ นสามญั
ช. บรษิ ทั และหรือห้างห้นุ สว่ นนติ บิ ุคคลกับนิตบิ คุ คลอ่นื
(5) มลู นธิ ิหรอื สมาคมที่ประกอบกจิ การซ่งึ มรี ายไดแ้ ตไ่ มร่ วมถงึ มูลนิธิหรอื สมาคมที่รัฐมนตรปี ระกาศกาหนดใหเ้ ปน็ องคก์ ารหรือสถานสาธารณกศุ ล
(6) นติ บิ คุ คลทอี่ ธิบดีกาหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานเุ บกษาใหเ้ ปน็ บรษิ ทั หรือหา้ งหุ้นสว่ นนิตบิ ุคคลตามประมวลรษั ฎากร
นติ ิบคุ คลท่ไี ม่ต้องเสยี ภาษีเงินได้ 24
นติ ิบุคคลอ่นื ๆ นอกจากทก่ี ลา่ วในขา้ งต้น และเฉพาะทต่ี ้งั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย เชน่ กระทรวง ทบวง กรม องคก์ าร ของรัฐบาลหรือสหกรณ์ ไม่มี
หน้าที่ต้องเสยี ภาษเี งินไดน้ ิตบิ ุคคลแตอ่ ย่างใด
อย่างไรกต็ าม ยงั มนี ติ ิบุคคลอีกบางประเภทที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษเี งินได้นติ บิ คุ คลตามประมวลรัษฎากร แต่ไดร้ ับการยกเว้นตามบทบญั ญัติ
ของกฎหมายต่างๆ ไดแ้ ก่
(1) บรษิ ทั หรอื ห้างหุน้ ส่วนนติ ิบคุ คลตามข้อผูกพนั ทีป่ ระเทศไทยมอี ย่ตู ามสัญญาวา่ ด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือทางเทคนิคระหวา่ ง
รัฐบาลไทยกับรัฐบาลตา่ งประเทศ
(2) บรษิ ัทจากัดทไ่ี ด้รับการยกเวน้ ภาษีเงนิ ได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสรมิ การลงทุน
(3) บริษัทจากดั และนิตบิ คุ คลทมี่ สี ภาพเชน่ เดียวกบั บรษิ ัทจากัดซง่ึ ตัง้ ขน้ึ ตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่าง ประเทศไดร้ บั การยกเวน้ ภาษีเงนิ
ได้นิติบคุ คลตามพระราชบัญญตั ภิ าษีเงนิ ได้ปโิ ตรเลียม
(4) บรษิ ัทหรอื หา้ งห้นุ สว่ นนติ ิบคุ คลทอี่ ยใู่ นประเทศท่ีมอี นุสัญญาว่าดว้ ยการเว้นการเก็บภาษซี ้อนกับประเทศไทย ตามเงอื่ นไขทก่ี าหนดใน
อนุสญั ญา
ฐานภาษขี องภาษีเงินไดน้ ติ ิบคุ คล 25
ภาษีเงินได้นิตบิ คุ คล คานวณจากเงินได้ท่ใี ชเ้ ป็นหลกั ฐานในการคานวณภาษคี ูณดว้ ยอตั ราภาษีที่
กาหนด ดงั น้ัน เงินไดท้ ต่ี อ้ งเสียภาษีเงนิ ได้นติ บิ ุคคลหรือฐานภาษีเงินได้นิตบิ คุ คลนน้ั โดยทัว่ ไป
ได้แกก่ าไรสทุ ธิท่ีคานวณตาม เงอ่ื นไขทีก่ าหนด แตเ่ พอื่ ความเป็นธรรมและอุดชอ่ งว่างในการจัดเกบ็ ภาษี
เงนิ ได้ จงึ ได้มี การบญั ญตั ิจัดเก็บภาษีเงินได้ นติ ิบุคคล จากเงินไดห้ รอื ฐานภาษี ท่แี ตกต่างกัน ดังนี้
(1) กาไรสุทธิ
(2) ยอดรายไดก้ อ่ นหกั รายจา่ ย
(3) เงนิ ไดท้ ่จี ่ายจากหรือในประเทศไทย
(4) การจาหน่ายเงนิ กาไรออกไปจากประเทศไทย
ภาษเี งนิ ไดน้ ติ ิบคุ คลคานวณ 26
จากฐานกาไรสทุ ธิ
(2) บริษทั หรือหา้ งหนุ้ สว่ นนิตบิ คุ คลทตี่ ้งั ข้นึ ตามกฎหมายของตา่ งประเทศ
ผมู้ ีหนา้ ท่เี สยี ภาษเี งินได้จากกาไรสุทธิ บริษทั หรอื หา้ งหุ้นส่วนนติ บิ คุ คลที่ต้งั ขน้ึ ตามกฎหมายของตา่ งประเทศ และ
1) บรษิ ทั หรือหา้ งหุ้นส่วนนิตบิ คุ คลท่ีตง้ั ขึ้นตามกฎหมายไทย มีหนา้ ทีเ่ สยี ภาษเี งนิ ได้นติ ิบคุ คลในประเทศไทย ไดแ้ ก่
ก. บรษิ ัท จากดั (ก) บรษิ ทั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนิตบิ คุ คลทีต่ ้งั ขน้ึ ตามกฎหมายของต่างประเทศ
ข. บริษัทมหาชน จากัด และกระทากจิ การในท่อี ่นื ๆ รวมทง้ั ในประเทศไทย ไดแ้ ก่
ค. หา้ งหนุ้ สว่ น จากดั บรษิ ัทหรอื หา้ งหุ้นส่วนนติ บิ ุคคลทต่ี ง้ั ขึ้นตามกฎหมายของตา่ งประเทศ
ง. หา้ งหุ้นสว่ นสามญั จดทะเบียน (ข) บรษิ ทั หรือหา้ งหุน้ สว่ นนติ ิบุคคล ซง่ึ ตัง้ ข้ึนตามกฎหมายของ
ในกรณีที่บริษทั ห้างห้างหุ้นส่วนนติ บิ คุ คลท่ตี ้ังขึ้นตามกฎหมายไทยมี ต่างประเทศมลี ูกจา้ งหรือผู้ทาการแทน หรือผ้ทู าการติดตอ่ ในการประกอบ
สาขาไม่ว่าจะอย่ใู นหรือนอก ประเทศไทย จะต้องนากาไรสุทธขิ องสาขามา กจิ การในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตใุ หไ้ ดร้ ับเงินได้หรอื ผลกาไรในประเทศ
รวมกาไรสทุ ธขิ องสานักงานใหญ่เพ่ือเสียภาษเี งินได้นติ ิบุคคลใน ประเทศ ไทย ให้ถอื ว่าบุคคลผู้จ้างเปน็ ลกู จา้ ง หรือผู้ทาการแทน
ไทย (3) กิจการซึ่งดาเนนิ การเปน็ ทางการคา้ หรือหากาไรโดยรัฐบาลต่างประเทศ
องค์การของรัฐบาลตา่ งประเทศ หรอื นิติบคุ คลอ่นื ทตี่ ้งั ขึ้นตามกฎหมายของ
ตา่ งประเทศ
(4) กจิ การรว่ มค้า
เงื่อนไขการคานวณกาไรสุทธติ ามมาตรา 65 ทวิ 27
(1) รายจา่ ยตามมาตรา 65 ตรี แหง่ ประมวลรัษฎากร ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามทางภาษี ในทางบญั ชรี ายจา่ ยบางรายการถอื เปน็
รายจ่ายได้ แตใ่ นทางภาษีรายจา่ ยดงั กลา่ ว ตอ้ งนามาบวกกลบั เพอ่ื คานวณกาไรสทุ ธิ
(2) คา่ สกึ หรอและคา่ เสอื่ มราคาของทรพั ยส์ ิน เป็นการหักค่าใช้จ่ายสินทรพั ยถ์ าวรในแต่ละปี เน่ืองจากสนิ ทรัพย์ถาวรมตี ้นทนุ สงู
และใชง้ านได้เกินกว่า 1 รอบระยะเวลาบญั ชี โดยหลักการจงึ สามารถตัดเปน็ รายจา่ ยได้ในแต่ละปเี ปน็ ค่าเส่ือมราคา
รายการ ร้อยละ
1. อาคาร 5
- อาคารถาวร 100
- อาคารชว่ั คราว 5
2. ตน้ ทนุ เพือ่ การไดม้ าซ่ึงแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สูญสิ้นไปได้ 10
3. ตน้ ทุนเพ่ือการไดม้ าซ่ึงสิทธิการเช่า 100 หารดว้ ยจานวนปี อายกุ ารเช่าและอายทุ ่ีต่อไดร้ วมกนั
- กรณีไม่มีหนงั สือสญั ญาเช่าหรือมีหนงั สือเช่าที่มีขอ้ กาหนดใหต้ ่ออายกุ ารเช่าได้ โดยเงื่อนไขในการต่ออายนุ ้นั เปิ ด 10
โอกาสใหต้ อ่ อายกุ ารเช่าไดต้ ่อ ๆ ไป 100 หารดว้ ยจานวนปี อายกุ ารใช้
- กรณีมีสญั ญาเช่าที่ไม่มีกาหนดใหต้ ่ออายกุ ารเช่าได้ หรือมีขอ้ กาหนดให้ต่ออายกุ ารเช่าไดเ้ พียงระยะเวลาอนั จากดั 20
4. ตน้ ทุนเพอื่ การไดม้ าซ่ึงสิทธิในกรรมวิธี สูตร กู๊ดวิลล์ เคร่ืองหมายการคา้ สิทธิประกอบ กิจการตามใบอนุญาต สิทธิบตั ร
ลิขสิทธ์ิ หรือสิทธิอยา่ งอื่น
- กรณีไม่จากดั อายกุ ารใช้
- กรณีจากดั อายกุ ารใช้
5. ทรัพยส์ ินอยา่ งอ่ืน นอกจากท่ีดินและสินคา้
(2) บริษัทหรอื หา้ งหุ้นส่วนนิตบิ ุคคลจะต้องหกั คา่ สกึ หรอและค่าเสือ่ มราคาโดยเลือกใช้วิธีการทางบัญชที ี่รบั รอง 28
ท่วั ไป ซง่ึ จะใช้วธิ ใี ดวธิ ีหนงึ่ กไ็ ด้ แตจ่ านวนปอี ายกุ ารใช้ของทรพั ย์สินต้องไม่น้อยกว่า 100 หารด้วยจานวนรอ้ ยละ
ท่กี าหนด โดยเมอื่ ได้เลอื กใชว้ ธิ ีการทางบญั ชที ี่รบั รองทวั่ ไปและอตั ราทีจ่ ะหกั อยา่ งใดแล้วให้ใชว้ ิธีการทางบญั ชีและ
อัตรานัน้ ตลอดไป
(3) การหักคา่ สึกหรอและค่าเสื่อมราคา ใหค้ านวณตามสว่ นเฉลีย่ แหง่ ระยะเวลาท่ีได้ทรัพยส์ นิ นนั้ มาในแต่ละรอบ
ระยะเวลาบญั ชี ในกรณีทรี่ อบระยะเวลาบญั ชใี ดไม่เตม็ 12 เดอื นให้เฉลี่ยหักตามสว่ นสาหรบั รอบระยะเวลาบัญชี
นน้ั ท้ังน้ี ไม่เกินอตั ราร้อยละของมลู คา่ ต้นทนุ ตามประเภทของทรัพยส์ นิ ดงั กลา่ วข้างตน้ โดยให้เฉลี่ยเป็นวัน
(4) กรณที รัพยส์ ินทไี่ ดม้ าโดยการเชา่ ซ้ือหรอื ซ้อื ขายเงินผอ่ น ให้หกั ค่าสกึ หรอและค่าเส่อื มราคาของทรพั ย์สินตาม
ราคามลู คา่ ตน้ ทุน คอื ราคาทพ่ี ึงตอ้ งชาระท้ังหมดตามสญั ญาเชา่ ซ้ือหรอื สัญญาซื้อขายเงินผอ่ น แตค่ า่ สึกหรอและคา่
เสอ่ื มราคาที่จะนามาหกั ในรอบระยะเวลาบญั ชีจะตอ้ งไม่เกนิ ค่าเชา่ ซอื้ หรือราคาทตี่ ้องผอ่ นชาระในรอบระยะเวลาบัญชี
เงอื่ นไขการคานวณกาไรสทุ ธติ ามมาตรา 65 ตรี (รายจ่ายต้องหา้ ม) 29
รายจา่ ยตอ้ งหา้ ม หมายถงึ รายจ่ายท่เี กดิ ขึ้นจากการดาเนินกิจการของนิตบิ คุ คลและได้มีการบันทกึ บัญชเี ป็นรายจา่ ยในรอบระยะเวลา
บัญชที เี่ กดิ รายการ แตใ่ นทางภาษีไมใ่ ห้ถอื เป็นรายจา่ ยในการคานวณกาไรสุทธิ ขอบเขตรายจ่ายในการคานวณกาไรสทุ ธเิ พอื่ เสยี
ของบริษทั หรอื หา้ งหุ้นสว่ นนิตบิ ุคคล กาหนดไวต้ ามประมวลรษั ฎากร
(1) เงินสารองตา่ ง ๆ เปน็ รายจา่ ยต้องห้าม นอกจาก เงินสารองดังตอ่ ไปนีส้ ามารถนามาเป็นรายจา่ ยในการคานวณกาไรสทุ ธิได้ คือ
(1.1) เงินสารองจากเบ้ยี ประกนั ภัย เพ่ือสมทบทุนประกนั ชีวิตได้ไมเ่ กินรอ้ ยละ 65 ของจานวนเบ้ียประกนั ชวี ิตทไ่ี ด้รบั ในรอบ
ระยะเวลาบัญชหี ลงั จากหกั เบย้ี ประกนั ภยั ซึง่ เอาประกันภัยตอ่ ออกแล้ว ถือเปน็ รายจา่ ยได้
(2) เงนิ ทจ่ี ่ายเข้ากองทุนใด ๆ เป็นรายจา่ ยตอ้ งหา้ ม เวน้ แต่ เงนิ ทบ่ี รษิ ัทหรือห้างหนุ้ ส่วนนิติบุคคลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสารอง
เลีย้ งชพี ตามพระราชบญั ญตั กิ องทุนสารองเลยี้ งชพี ให้ถอื เปน็ รายจ่ายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีท่จี ่ายเท่ากับจานวนเงินทบ่ี รษิ ัทได้
จา่ ยสมทบเข้ากองทนุ สารองเลี้ยงชพี ซึ่งเป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขท่กี าหนดโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 183
(พ.ศ. 2533)
ภาษเี งินไดน้ ิติบุคคลสาหรบั เงินได้ทจี่ า่ ยจากหรือในประเทศ 30
ไทย-ผมู้ ีหนา้ ท่ีเสียภาษี ไดแ้ ก่ บริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนนิติบุคคลท่ีต้งั ข้ึนตามกฎหมายของต่างประเทศที่มิไดป้ ระกอบกิจการในประเทศ
ไทย และไดร้ ับเงินไดพ้ งึ ประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6) ท่ีจ่ายจากหรือในประเทศไทย การเสียภาษีกรณีน้ีกฎหมาย
ใหเ้ สียโดยวธิ ีหกั ภาษี คือ ผจู้ ่ายเงินไดด้ งั กล่าวจะตอ้ งหกั ภาษีจากเงินไดพ้ งึ ประเมินที่จ่ายตามวธิ ีการและอตั ราดงั หวั ขอ้ ถดั ไป
-เงินไดท้ ี่ตอ้ งหกั ภาษี เงินไดข้ องบริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนนิติบุคคลต่างประเทศ ซ่ึงผจู้ ่ายมีหนา้ ท่ีตอ้ ง หกั ภาษี ไดแ้ ก่ เงินไดพ้ ึง
ประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6)
(1) เงินไดพ้ งึ ประเมินตามมาตรา 40(2) ไดแ้ ก่ เงินไดเ้ นื่องจากหนา้ ท่ีหรือ ตาแหน่งงานที่ทา หรือจากการรับ ทางานให้
(คา่ ธรรมเนียมค้าประกนั เงินกยู้ มื ในทางปฏิบตั ิถือเป็นเงินไดพ้ ึงประเมิน ประเภทที่ 8)
-เงินไดพ้ งึ ประเมินตามมาตรา 40(4) ไดแ้ ก่เงินไดท้ ่ีเป็น
(ก) ดอกเบ้ียพนั ธบตั ร ดอกเบ้ียเงินฝาก ดอกเบ้ียหุน้ กู้ ดอกเบ้ียตวั๋ เงิน ดอกเบ้ียเงินกยู้ มื ไม่วา่ จะมีหลกั ประกนั หรือไมก่ ็ตาม
สถานที่ยนื่ แบบแสดงรายการภาษี 31
-ในเขตกรุงเทพมหานคร ใหย้ น่ื ณ
(1) สานกั งานสรรพากรพ้นื ที่สาขา (สรรพากรเขต/อาเภอ เดมิ ) ในท้องทท่ี ส่ี านกั งานใหญ่ต้ังอยู่
-ในเขตจังหวัดอนื่ ให้ยื่น ณ
(1) ท่วี ่าการอาเภอหรอื กง่ิ อาเภอท้องทีท่ ส่ี านกั งานใหญ่ตัง้ อยู่ ในกรณีสานกั งานสรรพากรอาเภอมิได้ต้ังอยู่ ณ ทีว่ า่ การ
อาเภอให้ยน่ื ณ สานกั งานสรรพากรอาเภอ
คำจำกดั ควำมพ้ืนฐำนของคำศพั ท์
*หมายเหตุ การยนื่ แบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 , ภ.ง.ด.51 , ภ.ง.ด.53 และ ภ.ง.ด.54 สามารถยนื่ ผา่ นเวบ็ ไซตข์ อง
กรมสรรพากรก็ได้
32
หน่วยท่ี3
การบัญชภี าษมี ูลคา่ เพิ่ม
ผ้มู หี น้าท่ีจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพมิ่ 33
1. ผู้ประกอบกิจการท่ีมีรายรบั จากการขายสินค้าหรือใหบ้ ริการเปน็ ปกตธิ รุ ะ เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปใี หย้ ืน่ คาขอจด
ทะเบียนภายใน 30 วนั นับแต่วันท่ีมีรายรับเกนิ
2. ผ้ปู ระกอบกจิ การขายสินค้าหรือให้บรกิ าร ซ่ึงมีแผนงานท่ีสามารถพสิ จู นไ์ ด้ว่า ไดม้ ีการดาเนินการ และเตรยี มการ
ประกอบกจิ การอนั เป็นเหตุใหต้ อ้ งมีการซือ้ สนิ ค้า หรือรบั บรกิ ารทอ่ี ยูใ่ นบังคบั ตอ้ งเสยี ภาษีมลู คา่ เพม่ิ เชน่ การก่อสรา้ ง
โรงงาน กอ่ สรา้ งอาคารสานกั งาน หรอื การตดิ ต้ังเครือ่ งจกั รให้ย่ืนคาขอจดทะเบียนภายในกาหนด 6 เดือนกอ่ นวันเร่มิ
ประกอบกิจการ เวน้ แต่
มีสัญญาหรือหลกั ฐานจะดาเนนิ การก่อสรา้ ง ภายในเวลาทเ่ี หมาะสม
3. ผู้ประกอบการอยนู่ อกราชอาณาจักร และได้ขายสนิ ค้าหรือให้บริการในราชอาณาจกั รเปน็ ปกติธรุ ะ โดยมีตวั แทนอยู่ใน
ราชอาณาจกั ร ใหต้ วั แทนเป็นผ้มู ีหน้าทร่ี ับผดิ ชอบการจดทะเบียน
กจิ การที่ได้รบั ยกเว้นภาษมี ูลคา่ เพ่มิ 34
1.ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าพืชผลทางการเกษตร สัตว์ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ปุ๋ย ปลาป่นอาหารสัตว์ ยาหรือ
เคมีภณั ฑ์ที่ใชส้ าหรบั พชื หรอื สตั ว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรอื ตาราเรยี น
2.ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายและมีรายรับไม่เกิน 1.8
ลา้ นบาทตอ่ ปี
3.การให้บรกิ ารขนสง่ ในราชอาณาจกั รโดยท่าอากาศยาน
4.การสง่ ออกของผปู้ ระกอบการในเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย
การใหบ้ ริการขนส่งนา้ มันเชอ้ื เพลิงทางท่อในราชอาณาจักร
*ใหผ้ ปู้ ระกอบการย่ืนคาขอแจ้งใชส้ ิทธิเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม ภ.พ. 01.1 จานวน 1 ชดุ 3 ฉบับ พรอ้ มกับ
คาขอจดทะเบียนภาษมี ลู ค่าเพิ่ม ภ.พ. 01
กิจการท่ีไม่ตอ้ งจดทะเบยี นภาษมี ูลคา่ เพ่ิม 35
• ผปู้ ระกอบการที่มีรายรบั จากการขายสินคา้ หรือใหบ้ ริการไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
• ผปู้ ระกอบการทีข่ ายสินค้าหรอื ให้บริการที่ไดร้ ับยกเวน้ ภาษมี ูลคา่ เพ่ิมตามกฎหมาย
• ผ้ปู ระกอบการทใี่ หบ้ รกิ ารจากต่างประเทศ และไดม้ กี ารใช้บริการนนั้ ในราชอาณาจกั ร
• ผูป้ ระกอบการทอี่ ยู่นอกราชอาณาจกั รและเขา้ มาประกอบกจิ การขาคยำสจนิ ำกคา้ัดหครวอื ำใมหพบ้ ้ืรนิกฐาำรนใขนอรางชคอำาศณัพาจทกั์ รเปน็ ครงั้ คราว ทัง้ น้ี
ตอ้ งเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไข ท่กี าหนดไวใ้ นประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลคา่ เพ่มิ
• ผู้ประกอบการอื่นตามทอี่ ธิบดจี ะประกาศกาหนดเมื่อมีเหตอุ นั สมควร
วิธกี ารจดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพิ่ม 363
วธิ ีการจดทะเบยี นภาษมี ูลค่าเพิม่ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพมิ่ สามารถกระทาได้ 2 ช่องทาง ดังน้ี
1.ย่ืนแบบคาขอผา่ นทางอนิ เทอรเ์ นต็ ที่ www.rd.go.th
2.ยืน่ แบบคาขอดว้ ยกระดาษ ณ หนว่ ยจดทะเบยี นทต่ี ้ังสถานประกอบการ
*สถานท่ีจดทะเบยี นภาษีมูลคา่ เพิ่ม
*เอกสารทีใ่ ช้จดทะเบยี นภาษีมลู คา่ เพม่ิ
ให้ผู้ประกอบการยืน่ คาขอแจง้ ใช้สทิ ธเิ พื่อขอจดทะเบยี นภาษมี ูลคา่ เพ่ิม ภ.พ. 01.1 จานวน 1 ชดุ 3 ฉบับ พร้อมกบั
คาขอจดทะเบยี นภาษมี ูลค่าเพ่ิม ภ.พ. 01
ฐานภาษีมลู ค่าเพมิ่ 37
ฐานภาษมี ลู ค่าเพิ่ม เป็นฐานภาษที ี่เรียกเกบ็ จากการอุปโภคบริโภค นนั่ คือมูลค่าของสินคา้ และบริการทีข่ าย ยกตัวอย่าง
วิธใี นการคานวณดงั น้ี
ภาษขี าย = ยอดขาย x 7%
ภาษซี ื้อ = ยอดซ้ือ x 7%
ภาษีมูลคา่ เพ่ิมที่นาสง่ สน้ิ เดือน = ภาษขี าย – ภาษซี ้ือ
จะเหน็ ไดว้ ่าย่งิ มียอดขายมาก กค็ อื การมฐี านภาษีมูลค่าเพ่ิมมาก กจ็ ะตอ้ งเสยี ภาษมี ากข้ึนนั่นเอง
ฐานภาษมี ลู ค่าเพ่มิ จะแบง่ ออกไดเ้ ป็น 4 กรณีดังนี้
1. ฐานภาษมี ูลคา่ เพม่ิ กรณีทัว่ ไป 3. ฐานภาษมี ลู คา่ เพิ่มกรณีนาเข้า
2. ฐานภาษีมลู คา่ เพม่ิ กรณสี ่งออก 4. ฐานภาษีมลู ค่าเพิม่ กรณีพเิ ศษ
กาหนดเวลาจดทะเบยี นภาษมี ลู คา่ เพมิ่ 38
1. ผปู้ ระกอบการตอ้ งย่นื คาขอจดทะเบยี นภาษมี ูลคา่ เพิ่มเมอ่ื เรมิ่ ประกอบกิจการขายสนิ คา้ หรอื ใหบ้ ริการ เวน้ แต่กรณีท่ี
ผู้ประกอบการมแี ผนงานทสี่ ามารถพิสจู นไ์ ดว้ า่ ไดเ้ ตรยี มการเพื่อประกอบกจิ การขายสนิ คา้ หรือให้บรกิ ารทอี่ ย่ใู นบงั คับตอ้ ง
เสยี ภาษีมลู ค่าเพมิ่ และมกี ารดาเนนิ การเพอ่ื เตรียมประกอบกจิ การอันเป็นเหตใุ หต้ อ้ งมกี ารซือ้ สนิ คา้ หรอื รบั บรกิ ารทอี่ ยู่ใน
บงั คบั ต้องเสียภาษมี ูลค่าเพ่ิม เชน่ การกอ่ สรา้ งโรงงาน การสร้างอาคารสานกั งานหรือการตดิ ตงั้ เคร่ืองจกั ร ใหผ้ ปู้ ระกอบการมี
สทิ ธิย่ืนคาขอจดทะเบยี นภาษมี ูลค่าเพม่ิ ไดภ้ ายในกาหนด 6 เดอื นกอ่ นวันเริม่ ประกอบกจิ การขายสินคา้ หรอื ให้บรกิ าร
2. ผู้ประกอบการทมี่ ีรายรบั เกนิ กวา่ 1.8 ลา้ นบาทตอ่ ปี ตอ้ งยืน่ คาขอจดทะเบยี นภาษ-ี มลู คา่ เพิ่มภายใน 30 วันนบั แตว่ ันท่ี
มีมูลคา่ ของฐานภาษี (รายรบั ) เกนิ กว่า 1.8 ล้านบาทตอ่ ปี
สถานทจี่ ดทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพมิ่ 39
การจดทะเบียนภาษีมลู คา่ เพม่ิ ของผูป้ ระกอบการให้ยื่นคาขอจดทะเบียนภาษมี ูลค่าเพ่มิ ตามแบบ ภ.พ.01 ณ สถานทีด่ ังต่อไปน้ี
1. กรณสี ถานประกอบการตัง้ อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ย่นื ณ สานักงานสรรพากรพ้นื ที่ หรือ สานักงานสรรพากรพืน้ ท่ีสาขาใน
เขตท้องที่ที่ สถานประกอบการตั้งอยู่
2. กรณีสถานประกอบการตั้งอยนู่ อกเขตกรงุ เทพมหานคร ให้ยืน่ ณ สานักงานสรรพากรพ้ืนท่ีสาขา(อาเภอ) ในเขตท้องทท่ี ่ีสถาน
ประกอบการต้งั อยู่ และกรณสี ถานประกอบการต้ังในท้องที่อาเภอหรือก่งิ อาเภอตั้งใหมท่ กี่ รมสรรพากรมิได้จัดอัตรากาลงั ไว้ ใหย้ ื่น ณ
สานกั งานสรรพากรพ้นื ที่สาขา(อาเภอ) ทเี่ คยควบคมุ พน้ื ทเ่ี ดมิ ของอาเภอหรอื กง่ิ อาเภอตั้งใหม่นั้น กรณสี ถานประกอบการหลายแห่ง
ให้ยนื่ คาขอจดทะเบียนไดท้ ่ี สานกั งานสรรพากรพ้นื ท่ี หรือ สานกั งานสรรพากรพืน้ ที่สาขา ในทอ้ งทีท่ ส่ี ถานประกอบการอนั เป็นท่ตี ้ัง
ของสานกั งานใหญเ่ พยี งแห่งเดยี ว
3. กรณสี ถานประกอบการทีอ่ ย่ใู นความดแู ลของสานกั บรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ่ใหย้ ่ืน ณ สานกั บริหารภาษีธรุ กิจขนาดใหญ่ หรอื
จะยนื่ ผา่ นสานักงานสรรพากรพน้ื ที่ หรือสานกั งานสรรพากรพืน้ ท่ีสาขาทีส่ ถานประกอบการตัง้ อยู่ก็ได้
อตั ราภาษมี ลู ค่าเพ่มิ 40
อัตราภาษี
• อัตรา 7% ใชส้ าหรับธุรกิจขายสนิ ค้าหรือบรกิ ารทกุ ชนิดรวมท้งั การนาเข้า อัตรานร้ี วมภาษีทอ้ งถ่ินไวแ้ ล้ว
• อัตรา 0% มีผลเทา่ กบั ไม่ต้องเสียภาษจี ากการขายสินค้าหรือ การใหบ้ ริการ และยังได้รบั คนื ภาษซี ื้อ
อัตราภาษมี ลู คา่ เพม่ิ รอ้ ยละ 0 ใช้สาหรับการประกอบกิจการ
• การส่งออกสินค้าของผ้ปู ระกอบกจิ การจดทะเบียน
• การให้บรกิ ารทก่ี ระทาในราชอาณาจกั รและไดม้ ีการใชบ้ ริการในต่างประเทศตามประเภท หลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขทีอ่ ธิบดีกาหนด
• การใหบ้ ริการขนส่งระหวา่ งประเทศโดยอากาศยานหรอื เรอื เดนิ ทะเลทก่ี ระทาโดยผ้ปู ระกอบกจิ การทเี่ ป็นนิติบุคคล
• การขายสนิ ค้าหรอื การใหก้ ารบริการแก่สว่ นราชการหรือรัฐวิสาหกจิ ตามโครงการเงนิ กหู้ รือเงนิ ชว่ ยเหลือจากตา่ งประเทศ
• การขายสนิ ค้าหรอื การให้บรกิ ารกับองค์การสหประชาชาติ
• การขายสินค้าหรอื การให้บรกิ ารทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ สินคา้ ทม่ี รี ปู รา่ ง หรือ การใหบ้ รกิ ารทไ่ี ม่กอ่ ใหเ้ กิดสินค้าทมี่ รี ูปรา่ ง แตท่ าใหส้ นิ ค้ามีประสิทธภิ าพมากขน้ึ หรือมี
มูลคา่ เพิม่ ขึน้ ระหวา่ งคลังสนิ ค้าทัณฑ์บนด้วยกนั หรอื ระหว่างผปู้ ระกอบกจิ การทีป่ ระกอบกิจการอยู่ใน เขตอุตสาหกรรมส่งออก ไมว่ ่าจะอยใู่ นเขตอุตสาหกรรม
*ผ้ปู ระกอบการทมี่ ียอดขายทั้งปีเกนิ 1.8 ล้านบาท โดยปกติจะถูกบังคบั ให้จดทะเบยี น VAT ตามกฎหมายภายใน 30 วันนบั แตว่ ันทม่ี มี ูลคา่ ของฐานภาษเี กนิ 1.8
ล้านบาท แตถ่ ้าเปน็ สนิ คา้ ทีไ่ ด้รับยกเว้น ก็จะไมต่ อ้ งเสีย VAT
แกาลระยกื่นารแชบาบระแภสาดษงีมราลู ยคก่าาเรพภ่มิาษี ภ.พ. 30 41
การยืน่ แบบภาษีมูลคา่ เพ่มิ แบบแสดงรายการภาษมี ลู คา่ เพ่ิม ผู้ประกอบการจดทะเบยี นใชย้ น่ื
• ผ้ปู ระกอบการจะตอ้ งจัดทารายงานภาษีซอื้ และภาษขี าย สรปุ แบบแสดงรายการและชาระภาษมี ูลค่าเพิ่ม โดยคานวณจากภาษี
ยอดประจาเดือนด้วยแบบ ภ.พ.30
ขายหักดว้ ยภาษซี อ้ื ในแตล่ ะเดอื นภาษี โดยยื่นภายในวันท่ี 15
• ยนื่ ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ เป็นรายเดือน ภายในวนั ท่ี 15 ของเดอื น
ถดั ไปม่วา่ จะมีรายรบั เกดิ ขึน้ หรือไม่ และมหี น้าทีต่ ้องออก ของเดือนถดั ไป ณ ที่วา่ การอาเภอท้องทีท่ ี่สถานประกอบการต้งั อยู่
ใบกากบั ภาษี ดว้ ย
ประกอบการตัง้ อยู่กไ็ ด้
• ภาษมี ูลค่าเพมิ่ ที่ตอ้ งชาระ = ภาษีขาย – ภาษีซ้อื ภาษีขาย >
ภาษซี ือ้ = ต้องชาระตามส่วนแตกต่าง การชาระภาษี
(1) ชชาารระะเดปว้ น็ยเเชงค็นิ ขสีดดคร%่อม กสา่งัไจรา่ ย=แ4ก่ก0รม%สรรพากร โดยขดี ฆ่าคา
(2)
ว่า ผู้ถอื และหรือตามคาสง่ั
42
หน่วยท่ี4
การบญั ชภี าษีธุรกจิ เฉพาะ
ผู้มหี นา้ ที่เสยี ภาษีธรุ กจิ เฉพาะ 43
ผู้มหี น้าทีเ่ สียภาษธี ุรกิจเฉพาะ ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการท่ีตอ้ งเสยี ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ ไม่วา่ ผปู้ ระกอบกิจการดังกลา่ วจะประกอบกจิ การในรปู ของ
• บคุ คลธรรมดา
• คณะบุคคลทมี่ ิใช่นติ บิ คุ คล
• กองมรดก
• หา้ งหนุ้ ส่วนสามญั
• กองทุน
• หน่วยงานหรือกิจการของเอกชนท่ีกระทาโดยบุคคลธรรมดาตง้ั แต่สองคนขน้ึ ไปอนั มิใช่นิตบิ คุ คล
• องค์การของรฐั บาล สหกรณ์ และองคก์ รอนื่ ท่กี ฎหมายกาหนดให้เปน็ นติ บิ คุ คล
ในกรณีผ้ปู ระกอบกจิ การอย่นู อกราชอาณาจักร ใหผ้ ู้มหี นา้ ทร่ี ับผดิ ชอบในการประกอบกจิ การรวมตลอดถึง ลกู จ้าง ตัวแทน หรือผู้ทาการแทน
ซึ่งมีอานาจในการจดั การแทนโดยตรง หรอื โดยปรยิ ายที่อยใู่ นราชอาณาจกั ร เป็นผ้มู ีหนา้ ท่ีเสยี ภาษรี ่วมกบั ผู้ประกอบกจิ การดังกล่าวขา้ งต้น