วรรณคดเี รอ่ื ง
กาพย์พระไชยสุรยิ า
สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรยี นมัธยมวัดดาวคนอง
ช่อื – นามสกุล.............................................................................. ช้นั ..................... เลขท.ี่ ............
1
ก
คานา
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีเรื่อง กาพย์พระไชยสุริยา
สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่๑ โรงเรียนมัธยมวัด
ดาวคนอง จัดทาขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนรายวิชา
ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยมวัด
ดาวคนอง ซ่ึงเป็นชุดกิจกรรมที่มงุ่ เนน้ ใหน้ ักเรียนไดใ้ ชศ้ กึ ษาด้วย
ตนเอง เป็นการเรียนการสอนที่ยึดนักเรียนเป็นสาคัญและเรียนรู้
ตามศกั ยภาพของบุคคล โดยมคี รผู สู้ อนเป็นผู้ให้คาแนะนา และ
ใหค้ าปรึกษาเมอ่ื มปี ัญหาอย่างใกล้ชดิ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีเรื่อง กาพย์พระไชยสุริยา
ประกอบดว้ ยเนือ้ หา ดงั น้ี
ความเปน็ มาและประวัติผแู้ ต่ง
ลักษณะคาประพันธ์
เนอ้ื เรอื่ ง
คณุ ค่าที่ไดร้ ับ
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดกิจกรรมนี้จะเป็นประโยชน์
สาหรับผ้เู รียนและผทู้ ส่ี นใจอย่างย่ิง
กาญจนธชั สูตรโต
ผู้จัดทา
ข
สารบัญ
เร่อื ง หน้า
คานา ก
สารบัญ ข
คาแนะนาการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรสู้ าหรบั ครู ๓
คาแนะนาการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรสู้ าหรับนักเรยี น ๔
มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด และจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๕
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่องกาพยพ์ ระไชยสุริยา ๖
ใบความรู้ที่ ๑ ความเปน็ มาและประวตั ิผแู้ ตง่ ๙
แบบฝกึ หัดท่ี ๑ ความเป็นมาและประวัตผิ แู้ ตง่ ๑๑
ใบความรูท้ ่ี ๒ ลักษณะคาประพนั ธ์ ๑๒
แบบฝึกหดั ท่ี ๒ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ๑๕
ใบความรูท้ ี่ ๓ เนื้อเรอื่ ง ๑๖
แบบฝึกหัดท่ี ๓.๑ ถอดคาประพนั ธ์ ๓๓
แบบฝึกหัดท่ี ๓.๒ สรุปเน้อื เร่อื ง ๓๔
ใบความรู้ท่ี ๔ คุณค่าทไ่ี ด้รับ ๓๕
แบบฝึกหัดที่ ๔ คณุ ค่าทีไ่ ดร้ ับ ๓๘
สรุปเรื่อง กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า ๓๙
แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื งกาพย์พระไชยสุริยา ๔๐
ภาคผนวก ๔๓
เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี ๑ ความเป็นมาและประวัติผแู้ ต่ง ๔๔
เฉลยแบบฝกึ หัดท่ี ๒ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ๔๕
เฉลยแบบฝกึ หัดท่ี ๓.๑ ถอดคาประพนั ธ์ ๔๖
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ ๓.๒ สรปุ เน้อื เรอ่ื ง ๔๗
เฉลยแบบฝกึ หดั ท่ี ๔ คณุ คา่ ท่ีได้รบั ๔๘
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน – หลงั เรียน ๔๙
๓
คาแนะนาการใช้ชดุ กจิ กรรม
การเรยี นรสู้ าหรับครู
การใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วรรณคดี เรื่อง กาพย์พระ-
ไชยสุริยา ครูผู้สอนควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
๑. จัดบรรยากาศห้องเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้
จัดเตรียมคาแนะนาสาหรับนักเรียน และจัดเตรียมชุด
กจิ กรรมการเรียนรใู้ หพ้ รอ้ ม
๒. ชี ้แ จ งต ัวช ี้ วัด จ ุด ปร ะ ส ง ค์ก าร เร ี ย น ร ู้
สาระสาคัญและมอบหมายให้นักเรียนศึกษาคาแนะนา
ในกา รใช ้ชุ ดกิจ กรร มกา รเร ียนร ู้ส าห รับน ักเรีย นให้
เขา้ ใจ เพ่อื ใหน้ ักเรียนได้ทราบขอบเขตของเนื้อหาสาระ
และแนวทางในการเรยี นรู้
๓. ทดสอบความรู้พื้นฐานของนักเรียนก่อนการ
เรยี น โดยใช้แบบทดสอบกอ่ นเรียน
๔. ดาเนินการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูต้ ามขั้นตอนใน
แผนการการจัดการเรียนรู้ โดยครูคอยดูแลให้
ข้อเสนอแนะ คาปรึกษา และอานวนความสะดวกในการ
เรยี นด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้
๕. เมื่อนักเรียนศึกษาชุดกิจกรมการเรียนรู้เสร็จ
เรียบร้อย ให้ทดสอบความรู้ของผู้เรียนโดยใช้
แบบทดสอบหลังเรียน
๖. ครูและนักเรียนควรร่วมกันสรุปผลการใช้ชุด
กิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนปัญหาและข้อเสนอแนะ
เพอื่ นาไปปรบั ปรงุ ในการใชค้ ร้งั ตอ่ ไป
๗. บันทึกคะแนนของผู้เรียนแต่ละคนไว้เพื่อ
ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผู้เรียน
๔
คาแนะนาการใชช้ ดุ กิจกรรม
การเรียนรสู้ าหรับนกั เรียน
การใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้วรรณคดี เรื่อง กาพย์พระ-
ไชยสุรยิ า ให้นกั เรียนปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
๑. อ่านมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด จุดประสงค์การ
เรยี นรกู้ อ่ นลงมอื ปฏิบตั ชิ ดุ กิจกรรมการเรยี นรนู้ ี้
๒. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง กาพย์พระ
ไชยสุรยิ า จานวน ๒๐ ขอ้
๓. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ และทากิจกรรมตามลาดับ
๔. เมื่อทากิจกรรมแต่ละครั้งเสร็จ ให้เปิดดูเฉลยใน
ภาคผนวก และตรวจคาตอบ ถา้ หากตอบผิดหรือไม่แน่ใจ ให้
กลบั ไปศึกษาใบความรู้ใหมอ่ ีกครั้ง
๕. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง กาพย์พระ
ไชยสรุ ยิ า จานวน ๒๐ ข้อ
๖. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น–หลงั เรียน ด้วยตนเอง
๗. เปรียบเทยี บความก้าวหน้าของตนเอง
๘. ส่งเอกสารชุดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ครูผู้สอน เพื่อ
ตรวจคาตอบอกี คร้งั และบนั ทึกคะแนน
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด ๕
และจุดประสงค์การเรยี นรู้
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน
ท ๕.๑ : เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ไทยอยา่ งเหน็ คุณคา่ และนามาประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจริง
ตัวชว้ี ัด
ม.๑/๑ สรปุ เนอื้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น
ม.๑/๒ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผล
ประกอบ
ม.๑/๓ อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี า่ น
ม.๑/๔ สรุปความรูแ้ ละข้อคดิ จากการอ่านเพ่อื ประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง
ม.๑/๕ ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
ตามความสนใจ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. อธิบายความเปน็ มาและประวตั ผิ ูแ้ ตง่ วรรณคดีเร่อื ง กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า
ได้
๒. อธิบายลกั ษณะคาประพันธ์ของวรรณคดีเร่อื ง กาพย์พระไชยสรุ ยิ าได้
๓. สรปุ เน้ือเรื่องวรรณคดเี ร่ือง กาพยพ์ ระไชยสุรยิ าได้
๔. วเิ คราะหค์ ุณค่าด้านเนื้อหาของวรรณคดีเร่อื ง กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า
พรอ้ มยกเหตุผลประกอบได้
๕. วิเคราะหค์ ุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ของวรรณคดเี รือ่ ง กาพย์พระไชยสรุ ิยา
พร้อมยกเหตุผลประกอบได้
สาระสาคญั
การศึกษาวรรณคดีเรื่อง กาพย์พระไชยสุริยา ซึ่งเป็นเรื่องราว
บันเทิงคดีจะต้องสรุปเน้ือหา วิเคราะห์เรื่องที่อ่านพร้อมยกเหตุผล
ประกอบ และอธิบายคุณค่าของเรื่องเพื่อนาความรู้และข้อคิดจากการ
อ่านไปประยุกต์ ใช้ใ้นชีวิตจริงและท่องจจาบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตาม
ความสนใจ
6
แบบทดสอบก่อนเรียน ๖
เรอ่ื ง กาพยพ์ ระไชยสุริยา
ช่อื -นามสกลุ _________________________ชั้น_____เลขท่ี____
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว โดยทา
เคร่อื งหมาย X ทับข้อ ก ข ค หรือ ง
๑. ผแู้ ตง่ กาพย์พระไชยสรุ ิยาคือใคร
ก. สนุ ทรภู่ ข. รชั กาลท่ี๑ ค. รชั กาลท๒่ี ง. พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช
๒. จดุ ประสงคใ์ นการแต่งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ าคอื ข้อใด
ก. เพือ่ ใช้ในการเลา่ นิทาน ข. เพ่ือใชเ้ ปน็ แบบเรียนหดั อา่ น
ค. เพ่อื สอนให้เดก็ เป็นคนดี ง. เพอื่ ใช้สอนข้าราชการ
๓. ผ้แู ต่งแต่งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า ขณะจาพรรษาอยทู่ ว่ี ดั ใด
ก. วดั พระศรีรัตนศาสดาราม ข. วดั ราชนัดดารามวรวิหาร
ค. วดั เทพธดิ าราม ง. วัดอรุณราชวราราม
๔. หนงั สือเรียนเลม่ ใดในสมยั รชั กาลท}ี่๕ ท่มี ีการแทรกเร่ืองกาพย์พระไชยสุริยา
เอาไว้
ก. มลู บทบรรพกิจ ข. วาหนติ ์ินิกร ค. สงั โยคพิธาน ง. พศิ าลการนั ต์
๕. ข้อใดกล่าว ไม่ถูกตอ้ ง เกี่ยวกับความเปน็ มาของกาพย์พระไชยสุรยิ า
ก. ผูแ้ ต่งกาพย์พระไชยสุริยาคือสนุ ทรภู่
ข. กาพย์พระไชยสุริยาแต่งขน้ึ เพ่อื ใชเ้ ป็นแบบเรยี นหัดอ่าน
ค. กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าแต่งขึน้ ในสมยั รชั กาลท่ี ๓
ง. ในสมยั รชั กาลที่ ๔ กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าถกู นามาไว้ในหนังสอื มลู บทบรรพ
กิจ
๖. กาพยพ์ ระไชยสุริยา ไมไ่ ด้ ใชค้ าประพันธ์ประเภทใดในการแตง่
ก. กาพยย์ านี๑๑ ข. กาพยส์ ุรางคนางค๒์ ๘
ค. กาพยฉ์ บัง๑๖ ง. กาพยเ์ หเ่ รอื
๗. กาพย์ชนดิ ใด ทบี่ ังคบั จานวนคา วรรคหนา้ ๕ คา วรรคหลงั ๖ คา
ก. กาพยย์ านี๑๑ ข. กาพย์ฉบงั ๑๖
ค. กาพย์สุรางคนางค์๒๘ ง. โคลงสสี่ ุภาพ
๗
๘. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สาเหตทุ ่ีทาให้เมืองสาวัตถีล่ม
ก. เสนาอามาตยข์ าดศลี ธรรม
ข. พระไชยสุรยิ าสนใจในไสยศาสตร์
ค. ผูม้ อี านาจขม่ เหงรงั แกผทู้ อี่ ่อนแอกว่า
ง. พวกตลุ าการรับสินบน
๙. เมื่อบ้านเมอื งลม่ สลาย พระไชยสุรยิ าทาอย่างไร
ก. พาพระมเหสหี ลบหนเี ข้าปา่
ข. พาพระมเหสีและข้าทาสบริวารหนีลงเรือสาเภาออกจากเมอื ง
ค. ปลอมตนเป็นสามญั ชนปะปนอยกู่ ับชาวบา้ น
ง. พาพระมเหสหี นไี ปบ้านเมืองอนื่ ท่ไี ม่มีใครร้จู กั
๑๐. เนอื้ หาในเรื่องกาพย์พระไชยสรุ ิยามงุ่ เนน้ สิ่งใดเปน็ หลกั
ก. มาตราตัวสะกด ข. การแต่งคาประพนั ธ์
ค. การทาความดี ง. การประกอบอาชีพ
๑๑. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ กาลกณิ ี ๔ ประการ
ก. เหน็ ผดิ เป็นชอบ ข. ความอกตญั ญู
ค. ความโลภ ง. ความอปั } ลกั ษณ์
๑๒. ขอ้ ความใดแสดงให้เห็นถึงความฉ้อราษฎรบ์ งั หลวงของพวกขนุ นาง
ก. หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศรา้ เปล่าอุรา
ข. ข้าเฝา้ เหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล
ค. พาราสาวะถี ใครไมม่ ีปรานใี คร
ง. เถา้ แกช่ าวแม่แซ่มา เสนีเสนา
๑๓. มาตราตวั สะกดใด ไม่ได้ แยกเป็นบทเฉพาะในกาพย์พระไชยสรุ ยิ า
ก. มาตราแม่ ก กา ข. มาตราแม่กก
ค. มาตราแม่กบ ง. มาตราแม่เกอว
๑๔. ข้อใดใชโ้ วหารสัทพจน์
ก. คอ้ นทองเสยี งร้องปอ๋ งเป๋ง ข. ลิงค่างโจนโผนหกหนั
ค. ยนื เบงิ่ บง้ึ หนา้ ตาโพลง ง. ฝูงจง้ิ จอกออกเหา่ หอน
๑๕. คาประพันธใ์ นขอ้ ใด ไมม่ ี การใชอ้ ปุ มาโวหาร
ก. ยูงทองรอ้ งกะโตง้ โหง่ ดงั เพยี งฆ้องกลองระฆัง
ข. อยูว่ ังดังจันทรา มาหมน่ หมองละอองนวล
ค. ดินแดนถ่ินมนษุ ย์ เสียงดงั ดุจเพลงิ โพลง
ง. พิณพาทย์ระนาดฆอ้ ง ตะโพนกลองร้องเปน็ เพลง
๘
๑๖. ขอ้ ความใดมีตัวสะกดมาตราแมก่ นมากทสี่ ดุ
ก. ลกู ศิษยค์ ิดล้างครู ลกู ไม่รู้คณุ พ่อมัน
ข. ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดงั เพยี งฆ้องกลองระฆัง
ค. ตกึ กว้านบ้านเรอื นโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยือ้ นโยน
ง. เบียดเบยี นส่อเสียดฉ้อฉล บาปกรรมนาตน
๑๗. แนวคิดเรอื่ งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าตรงกบั ข้อใดมากที่สุด
ก. บา้ นเมอื งร่มเยน็ เพราะมีผู้ปกครองที่ดี
ข. ขา้ ราชการเปน็ แบบอยา่ งใหป้ ระชาชน
ค. เหตุการณ์ร้ายหรอื ดี ขึ้นอยกู่ บั เทพยดาผู้บันดาล
ง. ถา้ คนในสังคมเหน็ แกต่ วั จะทาให้บ้านเมอื งล่มสลาย
๑๘. ข้อใดแสดงใหเ้ ห็นความเช่ือเรอ่ื งไสยศาสตรท์ ีป่ รากฎในเรอื่ งกาพยพ์ ระ-
ไชยสรุ ยิ า ไดอ้ ยา่ งชัดเจน
ก. ทีซ่ ่ือถือพระเจ้า วา่ โงเ่ งา่ เต่าปูปลา
ข. ไมจ่ าคาพระเจา้ เหไปเข้าภาษาไสย
ค. คา่ เชา้ เฝ้าสีซอ เขา้ แตห่ อล่อกามา
ง. หลวงชีหนหี ลวงเณร ลงโคลนเลนเผน่ ผาดโผน
๑๙. บทไหวค้ รูในกาพย์พระไชยสรุ ิย}า กลา่ วถึงใครบา้ ง
ก. พระอศิ วร พระพรหม พระนารายณ์
ข. พระอศิ วร พระคเณศ พระอุมา
ค. พระรตั นตรัย พอ่ แม่ ครู และเทวดา
ง. พระรัตนตรัย เทวดา
๒๐. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ข้อคิดจากเร่อื งกาพยพ์ ระไชยสุริยา
ก. พระมหากษตั รยิ ์ตอ้ งปกครองบ้านเมอื งอยา่ งมีสติ
ข. ความรักทาใหค้ นตาบอด
ค. ทาดีได้ดี ทาชวั่ ไดช้ ่วั
ง. การปฏิบัตธิ รรมย่อมนาความสขุ มาให้
ใบความรู้ที่ ๑ ๙
ความเป็นมาและประวัตผิ ู้แตง่
ความเปน็ มา
มีการคาดการณ์เก่ยี วกับการประพันธก์ าพย์เร่ืองพระไชยสุรยิ าไว้ ๒ กรณี ดังนี้
๑
สุนทรภูแ่ ต่งเรอื่ งนีข้ ณะจาพรรษา
ท่ีจงั หวัดเพชรบรุ รี าว พ.ศ. ๒๓๖๘
๒
สนุ ทรภแู่ ต่งเรอ่ื งน้ขี ณะจาพรรษาที่
วดั เทพธดิ าราม ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๒ -
๒๓๘๕
กาพยพ์ ระไชยสุรยิ าแตง่ ขน้ึ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า-
เจา้ อยหู่ วั และในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาศรี
สนุ ทรโวหาร (นอ้ ย อาจารยางกูร) ครัน้} เปน็ หลวงสารประเสริฐ ได้นากาพยพ์ ระ
ไชยสรุ ิยารวมไวใ้ นหนังสือมลู บทบรรพกจิ เพ่อื ใช้เป็นหนงั สอื แบบเรียน
จุดประสงคใ์ นการแต่ง
ใช้เป็นแบบเรียนภาษาไทย สาหรับสอนเด็กให้หัดอ่านหนังสือ
เนื่องจากมีเนื้อเรื่องเป็นนิทาน มีตัวละคร มีฉาก จึงทาเกิดความสนุกสนาน
เพลดิ เพลนิ ในการอ่าน และมีคตสิ อนใจ
๑๐
ผู้แตง่
ผู้แตง่ เรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสุริยา คือ พระสุนทรโวหาร
(สนุ ทรภู่)
ประวตั ิผ้แู ตง่
พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรอื ท่เี รยี กกนั ทั่วไปว่า สุนทรภู่ เกิดเมื่อ
26 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2329 และถึงแก่อนจิ กรรมเม่ือปี พ.ศ. 2398 สิริรวมอายุ
ได้ 69 ปี เป็นอาลักษณ์ชาวไทยที่มีชื่อเสียงเชิงกวี ซึ่งเป็นกวีเอกแห่งกรุง
รตั นโกสนิ ทร์
สุนทรภู่ มีความชานาญทาง}ด้านการแต่งกลอน ได้สร้างขนบการ
ประพันธ์กลอนนิทานและกลอนนิราศขึ้นใหม่จนกลายเป็นที่นิยมอย่าง
กว้างขวางสืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน และได้รับยกย่องจากองค์การ
ยเู นสโกใหเ้ ปน็ บุคคลสาคัญของโลกดา้ นงานวรรณกรรม ผลงานของสุนทรภู่
ยังเป็นที่นยิ มในสงั คมไทยอยา่ งต่อเนือ่ งตลอดมาไมข่ าดสาย และมกี ารนาไป
ดัดแปลงเปน็ สอื่ ต่าง ๆ
ตัวอย่างผลงานของสนุ ทรภู่
สนุ ทรภู่สร้างผลงานไว้หลายประเภท หนึ่งในนั้น คือ ผลงานประเภท
นิทาน โดยสนุ ทรภูป่ ระพนั ธ์ไวท้ ง้ั หมด ๕ เร่ือง ดงั น้ี
โคบตุ ร ๘ เลม่ สมุดไทย
พระอภัยมณี ๙๔ เล่มสมดุ ไทย
สิงหไตรภพ ๑๕ เลม่ สมดุ ไทย
ลักษณวงศ์ ๙ เลม่ สมดุ ไทย
พระไชยสุรยิ า ๑ เลม่ สมุดไทย
*สมดุ ไทย สมดุ ที่ทาด้วยกระดาษข่อยแผ่นยาว ๆ หน้าแคบ พับทางขวางทบกลับไปกลับมาคล้าย
ผ้าจบี เปน็ สมุดเล่มส่เี หลี่ยมผนื ผา้ มีท้งั ชนดิ กระดาษขาวและกระดาษดา
แบบฝึกหัดท่ี๑ ๑๑
ความเปน็ มาและประวัตผิ ู้แต่ง
ชอ่ื -นามสกุล_________________________ช้ัน_____เลขท่ี____
คาชแี้ จง ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนใี้ หถ้ ูกต้อง
๑. กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา เป็นผลงานของใคร
ตอบ _______________________________________________
๒. มีการคาดการณเ์ กย่ี วกบั การประพันธก์ าพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าไวอ้ ย่างไรบา้ ง
ตอบ _______________________________________________
_______________________________________________
๓. กาพยพ์ ระไชยสุรยิ าแตง่ ข้นึ ในรัชสมยั ใด
ตอบ _______________________________________________
๔. ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ใดนาเรื่องกาพย์
พระไชยสรุ ยิ าไปใสไ่ วใ้ นหนังสอื แบบเรียน
ตอบ _______________________________________________
}
๕. กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า แทรกอยใู่ นหนงั สือแบบเรียนเลม่ ใด
ตอบ _______________________________________________
๖. จดุ ประสงค์ในการแตง่ กาพย์พระไชยสรุ ิยาคอื อะไร
ตอบ _______________________________________________
๗. เพราะเหตุใด จึงนากาพยพ์ ระไชยสุริยามาใช้เป็นแบบเรียนสาหรับสอน
เด็กหดั อา่ นหนงั สือ
ตอบ _______________________________________________
_______________________________________________
๘. สุนทรภู่ เปน็ กวีท่มี ีความชานาญในด้านใด
ตอบ _______________________________________________
๙. สุนทรภูไ่ ด้รบั ยกย่องจากองค์การยเู นสโกใหเ้ ป็นบคุ คลสาคัญของโลกใน
ดา้ นใด
ตอบ _______________________________________________
๑๐. ให้นกั เรียนยกตัวอย่างผลงานประเภทนทิ านของสนุ ทรภู่ มา ๓ เรื่อง
ตอบ _______________________________________________
ใบความรทู้ ี่ ๒ ๑๒
ลกั ษณะคาประพนั ธ์
ลักษณะคาประพนั ธ์
กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสุรยิ า แต่งดว้ ยคาประพันธป์ ระเภทกาพย์ ไดแ้ ก่
กาพย์ยานี ๑๑
กาพย์ฉบงั ๑๖
และ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘
กาพยย์ านี ๑๑
แผนผังกาพยย์ านี ๑๑
}
กาพย์ยานี๑๑ หนึ่งบท มี ๒ บาท ๑ บาท มี ๑๑ พยางค์ แบ่งเป็น ๒
วรรค วรรคแรก ๕ พยางค์ วรรคหลัง ๖ พยางค์ บังคับสัมผัสระหว่างวรรคที่
๑, ๒ และ ๓ ต้องเช่อื มสัมผสั วรรคที่ ๔ ตอนท้ายบท ไปยงั ท้ายบาทแรกของบท
ตอ่ ไป
ตัวอยา่ งกาพยย์ านี ๑๑ เร่ืองกาพยพ์ ระไชยสุริยา
ขึน้ กบจบแม่กด พระดาบสบูชากูณฑ์
ผาสุกรกุ ขมลู พนู สวัสดิส์ ตั ถาวร
ระงบั หลบั เนตรนิ่ง เอนองค์อิงพิงสงิ ขร
สงั วรศีลอภญิ ญาณ
เหมือนกบั หลบั สนทิ นอน
๑๓
กาพยฉ์ บงั ๑๖
แผนผังกาพย์ฉบงั ๑๖
กาพย์ฉบัง ๑๖ หนึ่งบทมี ๑๖ คา ๓ วรรค วรรคละ ๖ - ๔ - ๖ คา
ตามลาดบั บังคับสมั ผัสท้ายวรรคแรกกับวรรคที่สอง สัมผัสระหว่างบทส่งจาก
คาสดุ ทา้ ยบทแรก ไปยงั คาทา้ ยวรรคแรกในบทตอ่ ไป
ตวั อยา่ งกาพยฉ์ บงั ๑๖ เรื่องกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า
กลางไพรไก่ขนั บรรเลง ฟังเสยี งเพียงเพลง
ซอเจ้งจาเรยี งเวยี งวงั }
ยงู ทองรอ้ งกะโต้งโหง่ ดัง เพียงฆ้องกลองระฆงั
แตรสังขก์ ังสดาลขานเสยี ง
กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘
แผนผงั กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘
๑๔
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ หนึ่งบท มี ๒ บาท บาทที่๑ มี ๓ วรรค
บาทที่๒ มี ๔ วรรค วรรคหนึ่ง มี ๔ ค า รวมเป็น ๗ วรรค
๒๘ คา บังคับเฉพาะสัมผัสระหว่างท้ายวรรคที่ ๑ -๒, ท้ายวรรคที่ ๓ กับ
ทา้ ยวรรคที่ ๕ - ๖ และสัมผสั ระหวา่ งบท จากทา้ ยบทแรกไปยงั ทา้ ยวรรค ๓
ในบทตอ่ ไป ในงานของสุนทรภู่ มักจะเพ่มิ สัมผสั จนครบทุกวรรค
ตัวอยา่ งกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ เรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า
วันนัน้ จนั ทร มดี ารากร เป็นบริวาร
เหน็ ส้ินดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลคี ลี่บาน ใบก้านอรชร
เยน็ ฉา่ น้าฟ้า ช่นื ชะผกา วายพุ าขจร
สารพันจันทน์อิน รน่ื กล่นิ เกสร แตนต่อคลอ้ รอ่ น ว้าว่อนเวียนระวัน
}
แบบฝึกหดั ที่ ๒ ๑๕
ลกั ษณะคาประพันธ์
ชอื่ -นามสกลุ _________________________ช้นั _____เลขท่ี____
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นโยงเสน้ สมั ผัสของกาพย์ต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง
กาพย์ยานี ๑๑
จะรา่ คาต่อไป พอล่อใจกมุ ารา
ธรณีมีราชา เจ้าพาราสาวะถี
มสี ดุ ามเหสี
ช่อื พระไชยสรุ ยิ า อย่บู ุรไี ม่มภี ัย
ชือ่ วา่ สุมาลี
กาพย์ฉบัง ๑๖
} พาพระมเหสี
พระไชยสรุ ิยาภูมี
มาท่ีในลาสาเภา
เขา้ ปลาหาไปไม่เบา นารที ี่เยาว์
กเ็ อาไปในเภตรา
กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘
ขนึ้ ใหมใ่ นกน ก กา วา่ ปน ระคนกันไป
เอ็นดภู ธู ร มานอนในไพร มณฑลตน้ ไทร แทนไพชยนตส์ ถาน
ส่วนสุมาลี วนั ทาสามี เทวีอยู่งาน
เฝ้าอยู่ดูแล เหมอื นแตก่ อ่ นกาล ให้พระภูบาล สาราญวญิ ญา
ใบความร้ทู ่ี ๓ ๑๖
เนื้อเร่อื ง
กาพย์เรือ่ งพระไชยสรุ ยิ า เริม่ ต้นดว้ ยบทไหว้ครูโดยใช้คาในมาตรา แม่
ก กา จากนั้นเป็นเนื้อเรื่อง แต่งเรียงตามมาตราตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน
แมก่ ก แมก่ ง แม่กด แม่กบ แมก่ ม แมเ่ กย เมือ่ จะข้นึ มาตราใดก็จะบอกไว้อย่าง
ชัดเจน
สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา
พ่อแมแ่ ลครูบา เทวดาในราศี
สาธุจะขอไหวค้ ณุ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อ แม่
ครู อาจารย์ เทวดาทส่ี งิ่ สถิตตามท่ีต่างๆ
ข้าเจา้ เอา ก ข เข้ามาตอ่ ก กา มี
แกไ้ ขในเท่านี้ ดีมิดอี ย่าตรีชา
ข้าพเจ้าจะเอา ก ข ก} กา มาต่อคากันเท่าที่จะหาได้
จะดหี รอื ไม่ดีอย่างไรก็ขออย่าได้ดถู ูกกัน
จะร่าคาต่อไป พอล่อใจกมุ ารา
ธรณีมีราชา เจา้ พาราสาวะถี
บร รย ายค าต่อไปน ี้เพ ื่อเป ็น ส ิ่ง ล่อใจเด็ก ๆ ว่า มี
พระมหากษตั รยิ ์องคห์ น่ึงครองเมอื งสาวะถี
ชือ่ พระไชยสุริยา มีสดุ ามเหสี
ชอ่ื วา่ สุมาลี อย่บู ุรีไม่มีภัย
มีพระมหากษัตริย์องค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระไชยสุริยา
ครองเมืองสาวะถี มีพระมเหสนี ามว่า สมุ าลี พระไชยสุริยาปกครอง
บา้ นเมอื งดว้ ยความสงบสขุ
๑๗
ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา มกี ิริยาอัชฌาศัย
พอ่ ค้ามาแต่ไกล ไดอ้ าศยั ในพารา
ขุนนางทง้ั หลายยึดมั่นอยู่ในครรลองคลองธรรม พ่อค้าที่มา
จากต่างเมอื ง ก็อาศัยอยู่ในเมอื งสาวะถไี ด้อยา่ งมคี วามสุข
ไพรฟ่ ้าประชาชี ชาวบุรีก็ปรีดา
ทาไรข่ ้าวไถนา ได้เขา้ ปลาแลสาลี
ชาวเมือง ชาวไร่ ชาวนา ก็ทาไร่ทานา ได้ข้าวปลา ต่างมี
ความสขุ กนั ถว้ นหน้า
อยูม่ าหมูข่ า้ เฝ้า ก็หาเยาวนารี
ทห่ี น้าตาดีดี ทามโหรที ี่เคหา
จนกระทั่งเมื่อข้าราชการ ขุนนาง และผู้มีอานาจ หา
เดก็ ผู้หญิงท่หี นา้ ตาดีดี มาเลน่ ดนตรีที่บ้านเรอื น
คา่ เช้าเฝา้ สซี อ } เขา้ แต่หอล่อกามา
หาไดใ้ หภ้ รยิ า โลโภพาให้บา้ ใจ
คา่ เชา้ เฝา้ แต่ลุ่มหลงในสตรี มัวเมาในอบายมุข ขาดศลี ธรรม
ไมจ่ าคาพระเจา้ เหไปเข้าภาษาไสย
ถอื ดมี ขี ้าไท ฉอ้ แตไ่ พรใ่ สข่ ่อื คา
ไม่นับถือพระศาสนา หันไปนับถือไสยศาสตร์ อวดดีว่ามี
บรวิ าร คดโกงประชาชน และไร้ความเมตตา
คดที ม่ี ีคู่ คือไกห่ มูเจา้ สภุ า
ใครเอาเขา้ ปลามา ให้สุภาก็ว่าดี
คดีใดที่มีคู่กรณี หากใครเอาไก่หมู ข้าวปลา มาติดสินบน
พวกตลุ าการก็รับสนิ บน
๑๘
ที่แพแ้ กช้ นะ ไมถ่ ือพระประเวณี
ไล่ด่าตีมีอาญา
ขฉี้ ้อกไ็ ดด้ ี
คดใี ดทแ่ี พ้ ก็แก้เป็นชนะ ไม่ปฏิบัตหิ นา้ ทีต่ ามหนา้ ที่ของ
ตนเอง ไม่มีความยตุ ธิ รรม
ทซ่ี ื่อถอื พระเจา้ วา่ โงเ่ ง่าเต่าปูปลา
ผ้เู ฒ่าเหลา่ เมธา วา่ ใบบ้ า้ สาระยา
แถมยงั ดหู มน่ิ ผูท้ ่ีนบั ถอื พระศาสนา วา่ เป็นคนโง่เงา่ และดูถูก
ผู้เฒ่าคนแก่ วา่ เป็นคนใบ้บ้า ไม่มีสาระ
ภิกษสุ มณะ เล่ากล็ ะพระสธรรม
คาถาว่าลานา ไปเร่รา่ ทาเฉโก
อีกทัง้ บรรดาพระสงฆ์กม็ พี ฤตกิ รรมทไี่ มส่ มกบั เป็นผสู้ ืบทอด
พระพทุ ธศาสนา ไม่สนใจในทางธรรม ถือดี ไม่ปฏิบตั ติ ามกจิ ของ
สงฆ์
ไมจ่ าคาผู้ใหญ่ } ศรี ษะไม้ใจโยโส
ขา้ ขอโมทนาไป
ท่ดี ีมอี ะโข
เดก็ กไ็ มเ่ ชอ่ื ฟังผใู้ หญ่ หัวแข็ง เอาแต่ใจ แต่คนท่ดี กี ม็ อี ย่มู าก
ขา้ ก็ขอโมทนาดว้ ย
พาราสาวะถี ใครไมม่ ีปรานใี คร
ดุดอื้ ถือแตใ่ จ ทีใ่ ครไดใ้ ส่เอาพอ
เมืองสาวะถกี ลายเปน็ เมอื งทไี่ ร้ความปรานีแก่กนั ข้าราชการ
กลายเป็นคนท่เี อาแต่ใจ
ผู้ทีม่ ีฝมี ือ ทาดดุ ือ้ ไมซ่ ้ือขอ
ไลค่ ว้าผ้าท่ีคอ อะไรล่อกเ็ อาไป
ผทู้ ม่ี ีอานาจกข็ ม่ เหงรังแกผู้นอ้ ย เหน็ อะไรลอ่ ตาลอ่ ใจก็หยบิ
เอาตามทีต่ นต้องการ โดยไมม่ กี ารซอื้ หรอื ขอ
๑๙
ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา มิได้วา่ หมู่ข้าไท
ถอื นา้ รา่ เขา้ ไป แต่นา้ ใจไม่นาพา
ทกุ คนในเมืองเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่มนี า้ ใจ เหลา่ เสนาอามาตย์
ปล่อยปละละเลยไม่ดแู ลควบคมุ ต่างไม่ยดึ ถอื ตามคาท่ีตนเองเคย
ทาพิธดี ื่มนา้ สาบานตนกอ่ นรบั ราชการ
หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
ผ้ทู ม่ี ีอาญา ไลต่ ีดา่ ไมป่ ราณี
ประชาชนตา่ งร้สู ึกเศรา้ ใจ เพราะผู้มอี านาจ ไมม่ ีความปราณี
แกก่ ัน
ผีป่ามากระทา มรณกรรมชาวบรุ ี
น้าป่าเขา้ ธานี ก็ไม่มีทอ่ี าศัย
เกดิ อาเพศหนกั ผปี ่าไดเ้ ข้ามาย่ายีชาวเมอื งจนลม้ ตายเปน็
จานวนมาก น้าไหลเขา้ ทว่ มเมอื ง ประชาชนตา่ งไรท้ ีอ่ ยูอ่ าศยั
}
ขา้ เฝา้ เหลา่ เสนา หนีไปหาพาราไกล
ชีบาลา่ ลไ้ี ป ไม่มีใครในธานี
เหล่าข้าราชการ นกั บวช และประชาชนจึงพากันอพยพออก
จากเมือง ทาให้เมืองสาวะถกี ลายเป็นเมอื งร้าง
พระไชยสุรยิ าภมู ี พาพระมเหสี
มาท่ีในลาสาเภา
พระไชยสรุ ิยาพาพระมเหสีลงเรือสาเภา
เขา้ ปลาหาไปไม่เบา นารีทเี่ ยาว์
กเ็ อาไปในเภตรา
พร้อมขา้ วปลาอาหาร รวมถงึ เด็กหญงิ สาววัยร่นุ กม็ าลงเรอื
สาเภา
๒๐
เถา้ แก่ชาวแม่แซ่มา เสนีเสนา
ก็มาในลาสาเภา
คนแก่พร้อมหญงิ สงู อายุในวงั เหลา่ เสนาอามาตย์ก็มาพร้อม
กับลาเรือ
ตมี า้ ลอ่ ชอ่ ใบใสเ่ สา วายพุ ยุเพลา
สาเภากใ็ ช้ใบไป
ตเี คาะโลหะใหม้ เี สยี งดงั แลว้ กช็ ักใบเรอื ขนึ้ ประจวบเวลาที่
พายพุ ดั ใบเรอื จึงทาใหเ้ รอื แลน่ ออกไปตามสายน้า
เภตรามาในนา้ ไหล คา่ เช้าเปลา่ ใจ
ที่ในมหาวารี
เรอื แลน่ ออกไปตามสายน้า ในเวลาค่าเช้า รูส้ กึ เปลยี่ วใจเมอ่ื
อย่ทู ใี่ นท้องทะเล
พสธุ าอาศัยไมม่ ี } ราชานารี
อยทู่ ี่พระแกลแลดู
แผ่นดินกไ็ มม่ ีใหอ้ าศัย พระราชาและมเหสีเฝ้ามองดทู ี่ขอบ
หนา้ ตา่ งเรือ
ปลากะโห้โลมาราหู เหราปลาทู
มอี ยใู่ นนา้ คลา่ ไป
มองเห็นปลากะโห้ ปลาโลมา ปลาราหู ปลาเหรา ปลาทู มอี ยู่
เตม็ ท้องนา้
ราชาวา้ เหวห่ ฤทยั วายุพาคลาไคล
มาในทะเลเอกา
พระราชารสู้ กึ หวา้ เหว่ใจ ลมพายพุ าเรอื ลอยลอ่ งไปตามท้อง
ทะเล
แลไปไม่ปะพสุธา เปลา่ ใจนัยนา
โพล้เพลเ้ วลาราตรี
มองไปไม่เหน็ แผ่นดิน รูส้ ึกเปล่าเปลี่ยวใจ ในเวลาค่าคนื
๒๑
ราชาว่าแก่เสนี ใครรคู้ ดี
วารีนี้เทา่ ใดนา
พระไชยสรุ ิยาได้ตรสั กับเหลา่ เสนาอามาตย์ว่าใครร้ขู ้อเท็จจริง
บ้างวา่ ทะเลน้ีกว้างใหญเ่ พียงใด
ขา้ เฝ้าเลา่ แก่ราชา ว่าพระมหา
วารนี ี้ไซรใ้ หญ่โต
เหลา่ เสนาอามาตย์ทลู พระราชาวา่ ท้องทะเลน้ีใหญโ่ ตย่งิ นัก
ไหลมาแตใ่ นคอโค แผไ่ ปใหญ่โต
มโหฬาร์ล้าน้าไหล
นา้ ไหลมาจากด้านปากววั แผไ่ หลออกไปลงสแู่ ม่น้าใหญ่
บาลีมไิ ด้แกไ้ ข ขา้ พเจ้าเข้าใจ
ผูใ้ หญ่ผเู้ ฒา่ เล่ามา
ความเช่ือตามคมั ภรี ์โบรา}ณ ทข่ี า้ พระพุทธเจ้ายึดถอื ตาม
คาทีผ่ ู้เฒ่าผ้แู ก่เลา่ สืบต่อกันมา
ว่ามีพญาสกุณา ใหญ่โตมโหฬาร์
กายาเท่าเขาคีรี
เลา่ วา่ แต่กอ่ นมพี ญานก ร่างกายใหญโ่ ตเท่าภเู ขา
ช่อื ว่าพญาสาภาที ใครร่ ูค้ ดี
วารีนโ้ี ตเท่าใด
ชือ่ วา่ พญาสมั พาที (เป็นลกู พญาครฑุ ) ตอ้ งการรู้ข้อเท็จจริง
วา่ ทอ้ งทะเลน้ีกวา้ งเพยี งใด
โยโสโผผาถาไป พอพระสรุ ิใส
จะใกล้โพลเ้ พล้เวลา
ความยโสจึงบนิ ออกไปกลางทะเล จนพระอาทิตย์ใกล้จะ
ตกดิน
๒๒
แลไปไมป่ ะพสุธา ย่อท้อรอรา
ชวี าก็จะประลยั
มองไปทางใดกไ็ มพ่ บพ้นื ดิน จนรสู้ กึ ย่อทอ้ เหน่ือยอ่อนใกลจ้ ะ
สน้ิ ใจ
พอปลามาในนา้ ไหล สกุณาถาไป
อาศยั ทศี่ รี ษะปลา
พอดีเหน็ ปลาวา่ ยมาตามน้า พญานกกโ็ ผไปเกาะท่ีหัวปลา
ชะแง้แลไปไกลตา จาของอ้ ปลา
ว่าขอษมาอภัย
พญานกมองออกไปจนสดุ สายตา แล้วกลา่ วว่าขา้ ขออภยั ท่าน
ดว้ ย
วารีทีเ่ ราจะไป ใกลห้ รือวา่ ไกล
ข้าไหว้จะขอมรคา
ท่านดว้ แยมเถน่ ิด้าทเี่ ราอยนู่ ้ใี กล้หรอื ไ}กลออกไปเพยี งใด ข้าขอถามทาง
ปลาวา่ ข้าเจา้ เยาวภา มไิ ดไ้ ปมา
อาศัยอยูต่ อ่ ธรณี
ปลาตอบว่าข้ายงั อายุน้อยอยู่ ไม่ไดไ้ ปมาท่อี น่ื เลยไมร่ ู้
จวบจนกระทั่งมาอยู่ริมฝ่ังไมไ่ กลจากแผ่นดนิ
สกณุ าอาลยั ชวี ี ลาปลาจรลี
สูท่ ่ีภผู าอาศยั
พญานกรสู้ กึ อาลยั ในชวี ติ จงึ กลา่ วลาปลาบนิ แลว้ บนิ ไปสู่
ภูเขาท่ีตนเองอาศัยอยู่
ขา้ เฝ้าเลา่ แกภ่ วู ไนย พระเจ้าเขา้ ใจ
ฤทยั วา้ เหว่เอกา
เหล่าเสนาอามาตยท์ ลู พระราชาจนพระองค์เขา้ ใจและรู้สึก
หวา้ เหว่ใจย่ิงนัก
๒๓
จาไปในทะเลเวรา พายุใหญม่ า
เภตรากเ็ หเซไป
จาใจลอ่ งเรือไปในทอ้ งทะเลตามเวรตามกรรม จนพายใุ หญ่
พัดเรือหนั เหออกไป
สมอก็เก่าเสาใบ ทะลุปรไุ ป
นา้ ไหลเข้าลาสาเภา
สมอเรือครดู ไปตามพ้นื ท้องนา้ ใบเรอื ขาด นา้ ไหลเข้ามาใน
เรือ
ผนี ้าซ้าไตใ่ บเสา เจ้ากรรมซา้ เอา
สาเภาระยาควา่ ไป
ผซี า้ ด้ามพลอยใบเรอื ขาดและเสาหกั จนทาให้เรอื ลม่
ราชาคว้ามอื อรไท เอาผ้าสไบ
ตอ่ ไว้ไม่ไกลกายา
พระราชาควา้ เอาขอ้ มือพ}ระมเหสแี ล้วเอาผา้ สไบผกู มดั ไว้
ไมใ่ หไ้ กลตัว
เถ้าแกช่ าวแมเ่ สนา น้าเข้าหูตา
จระเขเ้ หราคร่าไป
คนแกพ่ ร้อมหญงิ สูงอายใุ นวัง ถกู นา้ พดั พาไป บ้างถกู จระเข้
เหรา(สตั ว์คร่ึงนาคครง่ึ มงั กร) คาบไป
ราชานารีร่าไร มีกรรมจาใจ
จาไปพอปะพสุธา
พระราชาและพระมเหสรี า่ ให้กับเวรกรรมทไ่ี ดร้ ับ จาใจ
เดนิ ทางต่อไปจนพบพ้นื แผน่ ดิน
มีไมไ้ ทรใหญ่ใบหนา เขา้ ไปไสยา
เวลาพอคา่ ราไร
มีตน้ ไทรใบหนา เวลาพลบคา่ จึงเขา้ ไปนอน
๒๔
ขึ้นใหม่ในกน ก กา วา่ ปน ระคนกนั ไป
เอน็ ดูภธู ร มานอนในไพร มณฑลตน้ ไทร แทนไพชยนต์สถาน
สงสารพระราชาท่ีต้องมานอนในป่าใต้ตน้ ไทร แทนท่จี ะได้
นอนทปี่ ราสาทราชวัง
สว่ นสมุ าลี วนั ทาสามี เทวอี ยู่งาน
เฝา้ อยดู่ แู ล เหมอื นแต่กอ่ นกาล ให้พระภบู าล สาราญวิญญา
ส่วนพระมเหสอี ย่ปู รนนบิ ัตพิ ระสวามี เหมอื นดัง่ เดมิ เพือ่ ให้
พระองคค์ ลายทกุ ข์
วนั น้นั จันทร มีดารากร เปน็ บรวิ าร
เห็นส้ินดินฟ้า ในปา่ ท่าธาร มาลคี ลี่บาน ใบกา้ นอรชร
วันนั้นดวงจนั ทร์ มดี วงดาวห้อมลอ้ มเป็นบรวิ าร มองเหน็
พืน้ ดิน ดอกไม้ แผ่ก่ิงกา้ นสวยงาม
เย็นฉ่าน้าฟ้า ชนื่ ชะผกา วายพุ าขจร
สารพันจันทร์อนิ รื่นกลิน่ เกสร แตนต่อคลอรอ่ น วา้ ว่อนเวยี นระวัน
ภายใตแ้ สงจนั ทรเ์ ยน็ ชื่น}ฉา่ ละอองหมอก ความสดชื่นของ
ดอกไม้ ลมพัดพากลิ่นหอมหลากหลายกลิ่น ตัวแตน ตอ่ บินตอมกัน
ว่อนไปทว่ั
จนั ทราคลาเคลือ่ น กระเวนไพรไก่เถือ่ น เตอื นเพื่อนขานขัน
ปู่เจ้าเขาเขนิ กเู่ กริ่นหากนั สนิ ธพุ ุลัน่ ครืน้ ครน่ั หวัน่ ไหว
พระจนั ทร์เคลื่อนขยับ ไก่ปา่ ขันเตอื น พรอ้ มกบั เสยี งขานรับ
จากตวั อ่ืน ๆ ท่ัวท้ังขุนเขา
พระฟ้นื ต่ืนนอน ไกลพระนคร สะท้อนถอนทัย
เชา้ ตรสู่ ุรยิ ัน ขึ้นพ้นเมรุไกร มีกรรมจาไป ในป่าอารัญ
พระราชาตนื่ นอน เมื่อยามหา่ งไกลพระนครกถ็ อนใจ
บรรยากาศตอนเชา้ เมื่อพระอาทิตย์โผลพ่ ้นขอบเขา จาเปน็ ตอ้ ง
เดนิ ทางในปา่ ตามเวรกรรม
ขน้ึ กงจงจาสาคัญ ทั้งกนปนกนั
ราพันมง่ิ ไม้ในดง
ขึ้นแมก่ ง และ มีแม่กนปน จงจาไว้ใหด้ ี จะพรรณนาเรื่องใน
ปา่ ดง
๒๕
ไกรกรา่ งยางยงู สงู ระหง ตลิงปลิงปรงิ ประยงค์
คันทรงส่งกลน่ิ ฝิน่ ฝาง
ต้นไกร ต้นกร่าง ยาง ยูง มีลาต้นสูงเรยี วระหง ต้นตลงิ ปรงิ
ประยงค์ คนั ทรง ตา่ งส่งกล่นิ ทว่ั
มะม่วงพวงพลองช้องนาง หล่นเกลือ่ นเถ่อื นทาง
กินพลางเดินพลางหว่างเนนิ
ตน้ มะมว่ ง พลวง พลอง ช้องนาง ใบหลน่ เกลอ่ื นเต็มตาม
ทาง กินผลไม้พลางเดนิ ไปพลางระหวา่ งเนินเขา
เห็นกวางยา่ งเยื้องชาเลืองเดิน เหมอื นอย่างนางเชิญ
พระแสงสาอางขา้ งเคยี ง
มองเห็นกวางกาลังเยือ้ งยา่ งเดนิ พรอ้ มกับชาเลืองมองดู
เหมือนกบั เชิญชวนใหม้ องดูความสวยงาม
เขาสงู ฝงู หงสล์ งเรียง เรงิ ร้องซ้องเสยี ง
สาเนียงนา่ ฟงั วงั เวง
ร้องอยา่ มงรอนื่ งไเรปงิ ทสา่ีเขเนาสียูงงเเหสนน็ าฝะงู ไหพงเส}รก์ าาะวลงัังเโวฉงยบงิ่ลนงกัเรยี งกนั ตา่ งพากนั
กลางไพรไกข่ นั บรรเลง ฟังเสยี งเพียงเพลง
ซอเจง้ จาเรยี งเวียงวัง
กลางปา่ มไี กข่ นั แข่งกนั ฟังเหมือนเสียงซอทบ่ี รรเลงมาจาก
ในวัง
ยูงทองร้องกะโตง้ โห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสงั ขก์ งั สดาลขานเสยี ง
นกยูงทองร้องเสยี งดังเหมือนเสยี งฆอ้ ง กลอง ระฆัง แตร สงั ข์
ดังควบคู่ขานเสียง
กะลงิ กะลางนางนวลนอนเรยี ง พระยาลอคลอเคยี ง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
นกกะลงิ นกกะลาง นกนางนวล นอนเคียงกนั นกไก่ฟา้
พญาลอ คลอเคยี งคกู่ ัน พร้อมนกนางแอ่น นกเอี้ยง นกอีโก้ง
และนกโทงเทง
๒๖
ค้อนทองเสยี งรอ้ งปอ๋ งเปง๋ เพลนิ ฟังวงั เวง
อีเก้งเรงิ ร้องลองเชิง
นกค้อนทองร้องเสียงดงั ป๋องเป๋ง ฟงั เสยี งเพลดิ เพลนิ นกอเี ก้ง
เริงร้องลองเชิงกัน
ฝงู ละมง่ั ฝังดนิ กินเพลงิ คา่ งแขง็ แรงเรงิ
ยืนเบิง่ บงึ้ หนา้ ตาโพลง
ฝงู ละมงั่ พากนั มากินดิน นอนผึง่ แดด ดูบึกบึนแขง็ แรงและ
รื่นเริง ยนื มองทาหน้าตาโพลง
ป่าสงู ยูงยางช้างโขลง อึงคะนงึ ผงึ โผง
โยงกนั เลน่ น้าคลา่ ไป
บรเิ วณปา่ ตน้ ยงู ตน้ ยางทส่ี งู มีชา้ งอยู่โขลงใหญ่กาลงั สง่
เสียง และลงเล่นน้า
ข้นึ กกตกทุกข์ยาก แสนลาบากจากเวยี งไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กนิ ผลไมไ้ ด้เป็นแรง
วัง ได้อขาศึน้ ยัแกมนิก่ เกผตือกกทมุกันข์ไดแ้ยลาะกผ}ลมไคี มว้ าเพมล่อื ใาหบ้ไาดกม้ เมกี อ่ื าพลงัลัดพรากจาก
รอนรอนอ่อนอัสดง พระสรุ ยิ งเยน็ ยอแสง
ช่วงดงั น้าครั่งแดง แฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร
เมอ่ื พระอาทิตยใ์ กล้จะหมดแสงลง เปน็ เวลาที่มองดแู ลว้
เหมอื นกบั น้าคร่ังท่กี าลังแดง แฝงเข้าไปในเมฆระหว่างขนุ เขา
ลงิ ค่างครางโครกครอก ฝงู จิง้ จอกออกเห่าหอน
ชะนวี เิ วกวอน นกหกร่อนนอนรงั เรยี ง
ฝงู ลิง คา่ ง ตา่ งพากนั ส่งเสยี งครางโครกครอก ฝูงสุนัข
จ้ิงจอกออกมาเห่าหอน ชะนีสง่ เสยี งดงั วิเวก นกตา่ งโผเข้าสรู่ ัง
นอน เรยี งกนั เปน็ แถว
ลกู นกยกปีกปอ้ ง อ้าปากร้องซอ้ งแซเ่ สียง
แมน่ กปกปกี เคยี ง เล้ียงลูกอ่อนปอ้ นอาหาร
ลูกนกอ้าปากรอรับอาหารจากแมเ่ สยี งดงั เซง็ แซ่ แม่นก
ยกปีกปอ้ งเอาไวพ้ รอ้ มกบั ป้อนอาหารให้ลกู
๒๗
ขนึ้ กดบทอศั จรรย์ เสียงครน้ื คร่ันชัน้ เขาหลวง
นกหกตกรงั รวง สตั วท์ ัง้ ปวงง่วงงุนโงง
ขึ้นแมก่ ด บทนเี้ ป็นทีน่ ่าอศั จรรย์ เสยี งครน้ื ครน่ั ชั้นเขา
หลวง นกตกออกจากรงั ฝูงสัตวท์ ้งั ปวงตา่ งงว่ งงนั
แดนดินถนิ่ มนษุ ย์ เสยี งดังดจุ พระเพลงิ โพลง
ตึกกวา้ นบ้านเรอื นโรง โคลงคลอนเคล่อื นเขยือ้ นโยน
ในดินแดนของมนษุ ย์ เสียงดังเหมือนไฟไหม้ ตึก บา้ นเรอื น
ตา่ งไหวเคลอ่ื น
บ้านช่องคลองเลก็ ใหญ่ บา้ งตืน่ ไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกันเอง
บ้านช่องใหญ่น้อย ตา่ งต่ืนตกใจ รอ้ งเรยี กเพือ่ นบ้าน ลุกวงิ่
หนีชนกันชลุ มุนวุน่ วาย
พิณพาทยร์ ะนาดฆอ้ ง ตะโพนกลองรอ้ งเป็นเพลง
ระฆังดงั วงั เวง โหง่งหง่างเหง่งเกง่ กา่ งดัง
เครื่องดนตรี ระนาด ฆ้อง} ตะโพน กลอง ร้องเป็นเพลง
เสยี งระฆัง ดังโหง่งหง่างเหงง่ ฟังนา่ วงั เวงยง่ิ นัก
ข้นึ กบจบแมก่ ด พระดาบสบชู ากณู ฑ์
ผาสุกรกุ ขมูล พูนสวสั ด์ิสัตถาวร
ขน้ึ แม่กบ และจบแมก่ ด มีฤๅษบี ชู าไฟอยตู่ นหนง่ึ บาเพ็ญ
ตนอย่างสขุ สงบอยูใ่ นปา่ มาชา้ นาน
ระงับหลบั เนตรนง่ิ เององคอ์ ิงพงิ สิงขร
เหมือนกบั หลับสนิทนอน สังวรศลี อภญิ ญาณ
ไดห้ ลบั ตาเอนตัวพิงกบั ตน้ ไม้เหมือนกับกาลงั นอนหลบั โดย
บาเพญ็ ศีลเข้าญาณอยู่
บาเพง็ เล็งเหน็ จบ พ้นื พภิ พจบจกั รวาล
สวรรค์ชน้ั วมิ าน ท่านเห็นแจ้งแหล่งโลกา
บาเพ็ญพรตจนรเู้ ห็นท่วั พื้นดินท้องฟา้ และจกั รวาล สรวง
สวรรค์ทา่ นร้เู ห็นหมดท้ังสิน้ ท่ัวโลก
๒๘
เข้าฌานนานนับเดอื น ไมเ่ ขยอื้ นเคลื่อนกายา
จาศลี กนิ วาตา เป็นผาสุกทุกเดอื นปี
เข้าฌานเปน็ เวลาแรมเดือน ไมข่ ยบั เขยอื้ นกาย จาศีลไมก่ ิน
อาหาร อย่อู ยา่ งมคี วามสุขนบั เดอื นนับปี
วนั น้ันครัน้ ดินไหว เกิดเหตุใหญใ่ นปฐพี
เล็งดรู คู้ ดี กาลกิณสี ่ปี ระการ
ในวันน้นั เกิดแผ่นดินไหว จงึ ไดเ้ ล็งดแู ละรวู้ า่ มเี หตกุ าลกิณีอยู่
สี่อยา่ ง
ประกอบชอบเปน็ ผดิ กลบั จรติ ผิดโบราณ
สามญั อนั ธพาล ผลาญคนซื่อถอื สตั ย์ธรรม์
คอื การเหน็ ผิดเป็นชอบ คนอันธพาล ทาร้ายคนซอื่ สัตย์
ลูกศิษยค์ ิดลา้ งครู ลูกไมร่ ้คู ณุ พ่อมนั
สอ่ เสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคอื ตัณหา
ศษิ ย์คิดล้างครู ลูกไมร่ คู้ }ณุ พอ่ แม่ พูดจาส่อเสียดกัน
เบียดเบยี นฆ่าฟนั กัน
โลภลาภบาปบ่คดิ โจทยจ์ ับผดิ ริษยา
อรุ ะพสธุ า ป่วนเปน็ บ้าฟ้าบดบงั
ความโลภ ไมค่ ดิ เรอื่ งบาป จนพื้นดนิ เกิดป่ันป่วน ทอ้ งฟ้ามดื
มดิ
บรรดาสามัญสัตย์ เกดิ วิบตั ิปตั ติปาปัง
ไตรยคุ ทกุ ขตรัง สงั วัจฉระอวสาน
บรรดาสตั ว์ตา่ ง ๆ เกิดมบี าปข้นึ มีทุกขม์ ากขึ้น ถึงเวลาแห่ง
การอวสาน
ขนึ้ กมสมเด็จจอมอารย์ เอน็ ดูภูบาล
ผผู้ ่านพาราสาวะถี
ขนึ้ แม่กมพระฤๅษี รู้สกึ สงสารพระราชาผ้คู รองเมอื งสาวะถี
๒๙
ซ่ือตรงหลงเล่หเ์ สนี กลอกกลบั อปั รีย์
บรุ ีจงึ ล่มจมไป
ซ่ึงซอ่ื ตรงแตห่ ลงเลห่ ์เหลีย่ มเสนาอามาตย์ทช่ี วั่ ร้ายจงึ ทาให้
บ้านเมืองล่มจม
ประโยชน์จะโปรดภูวไนย น่ิงนัง่ ตง้ั ใจ
เลือ่ มใสสาเรจ็ เมตตา
จึงคดิ ท่จี ะโปรดพระราชา ใหเ้ ล่อื มใสศรัทธาในการบาเพญ็
ตนใหส้ าเร็จ
เปล่งเสยี งเพียงพิณอนิ ทรา บอกขอ้ มรณา
คงมาวนั หนึง่ ถงึ ตน
จึงบอกเล่าดว้ ยเสยี งอันไพเราะเหมอื นเสยี งพณิ ของพระอนิ ทร์
วา่ วันหน่ึงเราต้องตาย
เบียนเบยี ดเสยี ดสอ่ ฉอ้ ฉล บาปกรรมนาตน
ไปทนทุกขน์ บั กปั กัลป์
การเบยี ดเบียนกนั มแี ต่จะน}าทกุ ขม์ าใหท้ าให้มีบาปติดตวั ไป
นาน
เมตตากรุณาสามญั จะไดไ้ ปสวรรค์
เป็นสขุ ทกุ วันหรรษา
ความเมตตากรุณาจะนาไปสู่สรวงสวรรค์ ทาใหม้ แี ตค่ วามสขุ
ในทุกวนั
สมบัตสิ ตั วม์ นุษย์ครุฑา กลอกกลบั อัปรา
เทวาสมบัตชิ ชั วาล
สมบตั ขิ องสัตว์ มนษุ ย์ ครฑุ มีการกลบั เปล่ียนไปมา ไม่
เหมอื นสมบัติของเทวดา
สขุ เกษมเปรมปรดี ว์ิ ิมาน อิ่มหนาสาราญ
ศฤงคารห้อมล้อมพร้อมเพรยี ง
มคี วามสุขในวิมาน อิม่ หนาสาราญพรอ้ มดว้ ยทรัพย์สมบัติ
๓๐
กระจบั ปี่สีซอท่อเสียง ขบั ราจาเรียง
สาเนียงนางฟ้าน่าฟงั
กระจับ ปี่ ซอ ประสานสาเนยี งกนั ดงั เหมือนกบั มีนางฟา้ มา
ขบั กลอ่ ม
เดชะพระกศุ ลหนหลัง สิง่ ใดใจหวงั
ได้ดังมุ่งมาตรปรารถนา
ดว้ ยเดชแห่งบุญกุศลแตป่ างหลังทาให้ได้สมหวังในสง่ิ ที่
ต้องการ
จรงิ นะประสกสีกา สวดมนต์ภาวนา
เบือ้ งนา่ จะได้ไปสวรรค์
ถา้ สวดมนตภ์ าวนา ต่อไปจะไดเ้ กิดบนสวรรค์
จบเทศน์เสรจ็ คาราพนั พระองค์ทรงธรรม
ดน้ ด้นั เมฆาคลาไคล
เมือ่ เทศนาจบ พระราชากห็ ลุดพ้นจากความคิดทปี่ กคลุม
}
ดว้ ยเงาเมฆ
ขึ้นเกยเลยกลา่ วท้าวไทย ฟังธรรมนา้ ใจ
เลื่อมใสศรัทธากล้าหาญ
ขึน้ แม่เกย กลา่ วถึงพระไชยสุริยาเมือ่ ได้รับฟงั ธรรมคาสั่ง
สอนแล้วเกิดเล่อื มใสศรัทธา
เห็นภัยในขันธสนั ดาน ตดั ห่วงบว่ งมาร
สาราญสาเรจ็ เมตตา
เห็นเหตทุ เี่ กดิ ในนสิ ยั ของมนุษย์ จงึ ตัดขาดจากบว่ งความ
ทกุ ข์ พบกับความสาเร็จ
สององคท์ รงหนงั พยคั ฆา จัดจีบกลบี ชฎา
รกั ษาศลี ถือฤๅษี
ทั้งสองพระองค์จึงสวมใสช่ ุดและหมวกจากหนังเสือ รกั ษา
ศลี เปน็ ฤๅษี
๓๑
เช้าค่าทากจิ พิธี กองกณู ฑ์อัคคี
เปน็ ทบ่ี ชู าถาวร
ทุกเชา้ ค่าทาพิธีบชู าไฟเปน็ กิจประจา
ปถพเี ป็นทีบ่ รรจถรณ์ เอนองคล์ งนอน
เหนอื ขอนเขนยเกยเศยี ร
มพี ื้นดินเปน็ ท่ีนอน มีขอนเป็นหมอนหนุนหวั
ค่าเชา้ เอากราดกวาดเตียน เหนอ่ื ยยากพากเพยี ร
เรยี นธรรมบาเพ็ญเคร่งครัน
คา่ เช้าเอาไมก้ วาดกวาดพ้ืนทุกวนั ด้วยความพากเพียร และ
หมนั่ ศึกษาธรรมอย่างตัง้ ใจ
สาเร็จเสรจ็ ได้ไปสวรรค์ เสวยสุขทุกวัน
นานนบั กัปกัลป์พทุ ธนั ดร
จนสาเร็จไดเ้ สดจ็ สสู่ วรรค์ เสวยแตค่ วามสขุ ทุกวนั เปน็
เวลานานชวั่ กัปกัลป์ }
กมุ ราการญุ สนุ ทร ไว้หวงั สง่ั สอน
เดก็ ออ่ นอันเยาวเ์ ล่าเรยี น
สนุ ทรภู่ ได้ให้ความการญุ แตง่ บทกลอนข้ึนเพอ่ื ส่ังสอนเดก็ ๆ
ในวัยเรียน
ก ข ก กา วา่ เวยี น หนนู อ้ ยค่อยเพียร
อา่ นเขียนผสมกมเกย
ก ข ก กา มกี ารกลับไปกลับมา พวกเด็กๆ จงค่อยๆ เรียนรู้
อ่าน เขียนปนกันไปทัง้ แม่ กม แม่เกย
ระวงั ตวั กลวั ครูหนเู อ๋ย ไมเ้ รยี วเจยี วเหวย
กเู คยเขด็ หลาบขวาบเขวียว
ขอให้ระวังตวั กลวั คุณครนู ะหนู ไมเ้ รียวเลยน้นั ฉนั เคยโดน
เขด็ หลาบมาแล้ว
๓๒
หันหวดปวดแสบแปลบเสียว หยกิ ซ้าซา้ เขียว
อย่าเทยี่ วเล่นหลงจงจา
ฉันถกู ไมเ้ รียวหวดจนปวดแสบ มิหนาซ้ายงั ถกู หยกิ จนเขยี ว
อยา่ ไปเทย่ี วเลน่ จนหลงจาเสีย
บอกไว้ให้ทราบบาปกรรม เรยี งเรยี บเทียบทา
แนะนาให้เจ้าเอาบญุ
ขอบอกให้พวกเธอทราบถงึ บาปกรรม ให้เรียบเรียงคานใี้ ห้ดี
ฉันขอแนะนาให้เอาบุญ
เดชะพระมหาการุญ ใครเห็นเปน็ คุณ
แบ่งบุญให้เราเจ้าเอยฯ
ด้วยเดชะในความกรุณานี้ ถ้าใครเหน็ เปน็ ประโยชน์ ฉันขอ
แบง่ เอาบุญกศุ ลเหล่านี้ด้วย
}
แบบฝกึ หดั ท่ี ๓.๑ ๓๓
ถอดคาประพันธ์
ชือ่ -นามสกุล_________________________ช้ัน_____เลขที่____
คาชี้แจง ให้นกั เรยี นถอดคาปะพันธต์ ่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง
๑. จะร่าคาต่อไป พอล่อใจกมุ ารา
ธรณมี ีราชา เจ้าพาราสาวะถี
-----------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
๒. ผปี า่ มากระทา มรณกรรมชาวบุรี
น้าป่าเข้าธานี ก็ไมม่ ีทอ่ี าศัย
-----------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
๓. วนั นน้ั จนั ทร ม}ีดารากร เป็นบรวิ าร
เห็นสนิ้ ดนิ ฟา้ ในปา่ ท่าธาร มาลีคลบ่ี าน ใบก้านอรชร
-----------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
๔. ยงู ทองร้องกะโตง้ โหง่ ดงั เพียงฆอ้ งกลองระฆัง
แตรสังขก์ ังสดาลขานเสียง
-----------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
๕. กุมราการญุ สนุ ทร ไว้หวังสั่งสอน
เด็กอ่อนอันเยาวเ์ ล่าเรยี น
-----------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
แบบฝึกหัดที่ ๓.๒ ๓๔
สรปุ เนอ้ื เรื่อง
ชอื่ -นามสกุล_________________________ชั้น_____เลขที่____
คาช้แี จง ให้นกั เรยี นสรุปเนอ้ื เรื่องกาพยพ์ ระไชยสุรยิ าพร้อมวาด
ภาพประกอบให้สวยงาม
}
สรปุ เนื้อเรอื่ งกาพย์พระไชยสุรยิ า
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
ใบความร้ทู ี่ ๔ ๓๕
คุณคา่ ท่ีได้รบั
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์
๑. ใชถ้ อ้ ยคาทที่ าให้เกิดจินตภาพ
เมื่ออ่านแล้วก็สามารถเห็นภาพเกิดขึ้นมาในจินตนาการตาม
ตัวอักษรได้ทันที และเป็นภาพที่ชัดเจน ดังเช่น ตอนที่พรรณนาถึง
บรรยากาศและสภาพของธรรมชาติในยามค่า ที่มองเห็นพระจันทร์
แวดล้อมไปด้วยดวงดาวธรรมชาติรอบข้างมีแต่ความสวย สายลมพัดมา
อ่อน ๆ พร้อมพากลิ่นหอมของดอกไม้ให้หอมฟุ้งกระจายไปทั่ว ดังความ
จากกาพยพ์ ระไชยสุริยาวา่
วนั นน้ั จนั ทร มดี ารากร เป็นบริวาร
เห็นสิน้ ดนิ ฟ้า ในป่าทา่ ธาร มาลคี ล่ีบาน ใบก้านอรชร
เย็นฉ่าน้าฟา้ ชนื่ ชะผกา วายุพาขจร
สารพนั จนั ทรอ์ นิ รน่ื กลิน่ เกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าว่อนเวียนระวัน
๒. บรรยายใหเ้ ห็นนาฏการ
เมื่ออ่านแล้วทาใหเ้ ห็นความเค}ลื่อนไหวของสิง่ ต่าง ๆ เชน่ ตอนท่ีวา่
เหน็ กวางย่างเย้ืองชาเลอื งเดิน เหมือนอยา่ งนางเชิญ
พระแสงสาอางข้างเคียง เริงร้องซ้องเสียง
ฟงั เสยี งเพยี งเพลง
เขาสงู ฝูงหงสล์ งเรียง
สาเนยี งน่าฟงั วังเวง
กลางไพรไก่ขันบรรเลง
ซอเจง้ จาเรียงเวยี งวงั ...
๓. การเลียนเสียงธรรมชาติ
เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นได้ยนิ เสียงตา่ ง ๆ ผา่ นการอา่ น เชน่ ตอนทวี่ า่
ยงู ทองรอ้ งกะโต้งโหง่ ดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังขก์ ังสดาลขานเสียง...
ลงิ ค่างครางโครกครอก ฝงู จ้ิงจอกออกเห่าหอน
ชะนีวเิ วกวอน นกหกรอ่ นนอนเรียงรัง
๓๖
๔. การใช้อุปมาโวหาร
เปรียบเทียบสงิ่ หน่งึ เหมือนกับอีกสงิ่ หนึง่ โดยใชค้ าว่า เหมอื น ดุง ดัง
เฉก เพยี ง ฯ เชน่
กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟงั เสยี งเพยี งเพลง
ซอเจง้ จาเรยี งเวยี งวัง เพยี งฆ้องกลองระฆัง
ยูงทองร้องกะโตง้ โห่งดัง
แตรสังขก์ งั สดาลขานเสียง
๕. การเล่นเสยี ง
คือการเล่นเสียงสัมผัส ซึ่งมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
ตัวอยา่ งเชน่
ข้นึ กงจงจาสาคญั ทั้งกนปนกัน
ราพันมง่ิ ไม้ในดง ตะลงิ ปลิงปรงิ ประยงค์
หล่นเกล่อื นเถื่อนทาง
ไกรกร่างยางยูงสงู ระหง
คันทรงสง่ กลนิ่ ฝิ่นฝาง
มะมว่ งพวงพลองชอ้ งนาง
กินพลางเดินพลางหวา่ งเนิน
จากตวั อย่างทีย่ กมาน้จี ะเหน็ ได}้วา่ มีการสมั ผัสสระ และสัมผัสอกั ษร
สัมผัสสระ ได้แก่คาว่า กง-จง, จา-สา, คน-ปน, ไม้-ใน, กร่าง-ยาง,
ยูง-สูง, ลงิ -ปรงิ , ยงค์-ทรง-ส่ง, ม่วง-พลวง, พลอง-ช้อง, เกลื่อน-เถื่อน, และ
พลาง-หว่าง
สัมผัสอักษร ได้แก่คาว่า จง-จา, มิ่ง-ไม้, ไกร-กราง, ยาง-ยูง, ปริง-
ประยงค,์ ฝนิ่ -ฝาง, และพลวง-พลอง
คุณคา่ ด้านเน้อื หา
๑. สะทอ้ นความเช่อื เร่ืองไสยศาสตร์
แสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งอยู่คู่กับ
สงั คมไทยมาช้านาน ดงั เชน่
ไม่จาคาพระเจา้ เหไปเข้าภาษาไสย
ถอื ดมี ขี ้าไท ฉ้อแต่ไพรใ่ สข่ อ่ื คา
๓๗
๒. การแสดงความเคารพส่ิงศักดสิ์ ิทธิ์
กาพย์บทนี้เป็นบทเปิดเรื่อง ซึ่งก่อนจะเล่าเรื่องก็มีการแสดงความ
เคารพต่อ พระรัตนตรัย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเสมอ
ดังเชน่
สะธสุ ะจะขอไหว้ พระศรไี ตรสรณา
พอ่ แม่แลครูบา เทวดาในราศี
๓. สะทอ้ นค่านิยมเร่อื งการดูแลปรนนบิ ัตสิ ามี
สังคมไทยในสมัยกอ่ นมคี า่ นยิ มว่าสามีต้องเป็นช้างเท้าหน้า ภรรยา
เปน็ ช้างเท้าหลงั มีหนา้ ทดี่ แู ลปรนนิบัติสามี ดงั เช่น
ส่วนสมุ าลี วนั ทาสามี เทวีอยงู่ าน
เฝ้าอย่ดู แู ล เหมือนแตก่ ่อนกาล ให้พระภบู าล สาราญวญิ ญา
๔. ใหข้ อ้ คิด คตธิ รรมสาหรบั นาไปใช้ในการดาเนินชีวติ
กาพย์พระไชยสุริยา ให้ข้อคิด คติธรรม สาหรับนาไปใช้ในการ
ดาเนินชวี ติ ดงั เชน่
ข้าราชการต้องไม}ข่ ่มเหงประชาชน
ตอ้ งไม่หลงมวั เมาในอบายมุข
ไม่เห็นแก่ประโยชนสว่ นตน ไมเ่ อาเปรียบผู้อื่น
มคี วามรัก ความเมตตาตอ่ กัน
แบบฝึกหัดที่ ๔ ๓๘
คุณคา่ ทีไ่ ด้รับ
ชือ่ -นามสกุล_________________________ชนั้ _____เลขที่____
คาชี้แจง ให้นกั เรยี นพิจารณาประพันธ์ทกี่ าหนดให้ แล้วตอบว่า
คาประพันธ์ดังกล่าวใหค้ ณุ ค่าดา้ นใด
๑. ยูงทองรอ้ งกะโตง้ โห่งดงั เพยี งฆอ้ งกลองระฆัง
แตรสงั ข์กังสดาลขานเสยี ง...
-----------------------------------------------------------------
๒. วันน้ันจนั ทร มดี ารากร เปน็ บริวาร
เห็นสน้ิ ดนิ ฟา้ ในปา่ ท่าธาร มาลีคล่ีบาน ใบกา้ นอรชร
เยน็ ฉ่าน้าฟา้ ช่นื ชะผกา วายุพาขจร
สารพนั จันทรอ์ นิ รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคลอรอ่ น วา้ ว่อนเวยี นระวนั
-----------------------------}------------------------------------
๓. กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟงั เสียงเพยี งเพลง
ซอเจ้งจาเรียงเวียงวัง
-----------------------------------------------------------------
๔. ไมจ่ าคาพระเจ้า เหไปเขา้ ภาษาไสย
ถือดมี ขี า้ ไท ฉอ้ แตไ่ พร่ใสข่ ่อื คา
-----------------------------------------------------------------
๕. ส่วนสมุ าลี วันทาสามี เทวอี ยู่งาน
เฝ้าอย่ดู แู ล เหมือนแตก่ ่อนกาล ให้พระภูบาล สาราญวญิ ญา
-----------------------------------------------------------------
๓๙
สรุปเร่ือง กาพย์พระไชยสุรยิ า
ผ้แู ต่ง
พระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่)
จดุ มุ่งหมาย
ใช้เป็นแบบเรียนภาษาไทย สาหรับสอนเด็กให้หัดอ่านหนังสือ
เนื่องจากมีเนื้อเรื่องเป็นนิทาน มีตัวละคร มีฉาก จึงทาเกิดความ
สนกุ สนานเพลิดเพลินในการอา่ น และมคี ติสอนใจ
ลกั ษณะคาประพันธ์
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา แต่งด้วยคาประพันธ์ประเภทกาพย์
ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
เน้อื เรอื่ งยอ่
พระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาวะถีมีมเหสีชื่อสุมาลี
บา้ นเมอื งอดุ มสมบูรณแ์ ละเปน็ สุขม}าชา้ นาน
จนกระท่งั เม่อื ข้าราชบรพิ ารและผู้มีอานาจพากันลุ่มหลง
ในอบายมุขและเทีย่ วขม่ แหงราษฎรจนเดือดรอ้ นไปทัว่ ในท่ีสุดน้าป่าก็
ไหลบา่ ทว่ มเมืองจนผู้คนล้มตาย ผู้ท่ีรอดชีวิตก็หนีออกจากเมือง ทิ้งให้
สาวะถเี ป็นเมอื งร้าง
พระไชยสุริยาพาพระมเหสีและข้าทาสบริวารหนีลงเรือสาเภา
ออกจากเมือง แต่ถูกพายุใหญ่พัดเรือแตก พระไชยสุริยากับพระมเหสี
ว่ายน้าขึน้ ฝง่ั มาได้และได้รอนแรมไปในป่าใหญ่ พระดาบสรูปหนึ่งเข้า
ญาณเล็งดูกร็ ้วู า่ บา้ นเมืองประสบภัยพบิ ัติ เพราะชาวเมืองทาบาป ไม่อยู่
ในศีลธรรม แตพ่ ระราชาเปน็ คนดตี ้องเสียเพราะหลงเชื่อเสนาอามาตย์
จึงไปเทศน์โปรดพระไชยสุริยากับพระมเหสีสุมาลี ในที่สุดทั้งสอง
พระองคก์ ็ออกบวชและบาเพญ็ ธรรมจนไดไ้ ปเกดิ ในสวรรค์
คุณค่าท่ไี ดร้ ับ
คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ คุณค่าด้านเน้ือหา
- ใช้ถ้อยคาทีท่ าใหเ้ กดิ จินตภาพ - สะท้อนความเช่ือเร่ืองไสยศาสตร์
- บรรยายใหเ้ หน็ นาฏการ - การแสดงความเคารพส่งิ ศักดสิ์ ิทธ์ิ
- การเลยี นเสียงธรรมชาติ - สะท้อนค่านิยมเร่อื งการดแู ลสามี
- การใช้อุปมาโวหาร - ให้ข้อคิด คติธรรมสาหรับนาไปใช้
- การเล่นเสียง ในการดาเนินชีวติ
แบบทดสอบหลังเรียน ๖
เรอ่ื ง กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า
ช่อื -นามสกลุ _________________________ชั้น_____เลขท่ี____
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว โดยทา
เครอื่ งหมาย X ทับข้อ ก ข ค หรือ ง
๑. ผแู้ ตง่ กาพย์พระไชยสรุ ิยาคือใคร
ก. สนุ ทรภู่ ข. รัชกาลท่ี๑ ค. รชั กาลท๒่ี ง. พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช
๒. จดุ ประสงคใ์ นการแต่งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ าคือขอ้ ใด
ก. เพือ่ ใช้ในการเล่านิทาน ข. เพ่ือใชเ้ ปน็ แบบเรียนหดั อา่ น
ค. เพ่อื สอนให้เดก็ เป็นคนดี ง. เพอื่ ใช้สอนขา้ ราชการ
๓. ผ้แู ต่งแต่งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า ขณะจาพรรษาอยทู่ ว่ี ดั ใด
ก. วดั พระศรีรัตนศาสดาราม ข. วดั ราชนดั ดารามวรวิหาร
ค. วดั เทพธดิ าราม ง. วัดอรุณราชวราราม
๔. หนงั สือเรียนเลม่ ใดในสมยั รชั กาลท}ี่๕ ท่มี ีการแทรกเร่ืองกาพย์พระไชยสุริยา
เอาไว้
ก. มลู บทบรรพกจิ ข. วาหนติ ์ินิกร ค. สงั โยคพิธาน ง. พศิ าลการนั ต์
๕. ข้อใดกล่าว ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับความเปน็ มาของกาพย์พระไชยสุรยิ า
ก. ผูแ้ ต่งกาพยพ์ ระไชยสุริยาคือสนุ ทรภู่
ข. กาพย์พระไชยสรุ ิยาแต่งขน้ึ เพ่อื ใชเ้ ป็นแบบเรยี นหัดอ่าน
ค. กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าแต่งขึน้ ในสมยั รชั กาลที่ ๓
ง. ในสมยั รชั กาลที่ ๔ กาพยพ์ ระไชยสุรยิ าถกู นามาไว้ในหนังสอื มลู บทบรรพ
กิจ
๖. กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า ไมไ่ ด้ ใชค้ าประพันธ์ประเภทใดในการแตง่
ก. กาพยย์ านี๑๑ ข. กาพยส์ ุรางคนางค๒์ ๘
ค. กาพยฉ์ บัง๑๖ ง. กาพยเ์ หเ่ รอื
๗. กาพย์ชนดิ ใด ทบี่ งั คบั จานวนคา วรรคหนา้ ๕ คา วรรคหลงั ๖ คา
ก. กาพยย์ านี๑๑ ข. กาพย์ฉบัง๑๖
ค. กาพย์สุรางคนางค์๒๘ ง. โคลงสสี่ ภุ าพ
๗
๘. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สาเหตทุ ่ีทาให้เมืองสาวัตถีล่ม
ก. เสนาอามาตยข์ าดศลี ธรรม
ข. พระไชยสุรยิ าสนใจในไสยศาสตร์
ค. ผูม้ อี านาจขม่ เหงรงั แกผทู้ อี่ ่อนแอกว่า
ง. พวกตลุ าการรับสินบน
๙. เมื่อบ้านเมอื งลม่ สลาย พระไชยสุรยิ าทาอย่างไร
ก. พาพระมเหสหี ลบหนเี ข้าปา่
ข. พาพระมเหสีและข้าทาสบริวารหนีลงเรือสาเภาออกจากเมอื ง
ค. ปลอมตนเป็นสามญั ชนปะปนอยกู่ ับชาวบา้ น
ง. พาพระมเหสหี นไี ปบ้านเมืองอนื่ ท่ไี ม่มีใครร้จู กั
๑๐. เนอื้ หาในเรื่องกาพย์พระไชยสรุ ิยามงุ่ เนน้ สิ่งใดเปน็ หลกั
ก. มาตราตัวสะกด ข. การแต่งคาประพนั ธ์
ค. การทาความดี ง. การประกอบอาชีพ
๑๑. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ กาลกณิ ี ๔ ประการ
ก. เหน็ ผดิ เป็นชอบ ข. ความอกตญั ญู
ค. ความโลภ ง. ความอปั } ลกั ษณ์
๑๒. ขอ้ ความใดแสดงให้เห็นถึงความฉ้อราษฎรบ์ งั หลวงของพวกขนุ นาง
ก. หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศรา้ เปล่าอุรา
ข. ข้าเฝา้ เหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล
ค. พาราสาวะถี ใครไมม่ ีปรานใี คร
ง. เถา้ แกช่ าวแม่แซ่มา เสนีเสนา
๑๓. มาตราตวั สะกดใด ไม่ได้ แยกเป็นบทเฉพาะในกาพย์พระไชยสรุ ยิ า
ก. มาตราแม่ ก กา ข. มาตราแม่กก
ค. มาตราแม่กบ ง. มาตราแม่เกอว
๑๔. ข้อใดใชโ้ วหารสัทพจน์
ก. คอ้ นทองเสยี งร้องปอ๋ งเป๋ง ข. ลิงค่างโจนโผนหกหนั
ค. ยนื เบงิ่ บง้ึ หนา้ ตาโพลง ง. ฝูงจง้ิ จอกออกเหา่ หอน
๑๕. คาประพันธใ์ นขอ้ ใด ไมม่ ี การใชอ้ ปุ มาโวหาร
ก. ยูงทองรอ้ งกะโตง้ โหง่ ดงั เพยี งฆ้องกลองระฆัง
ข. อยูว่ ังดังจันทรา มาหมน่ หมองละอองนวล
ค. ดินแดนถ่ินมนษุ ย์ เสียงดงั ดุจเพลงิ โพลง
ง. พิณพาทย์ระนาดฆอ้ ง ตะโพนกลองร้องเปน็ เพลง
๘
๑๖. ขอ้ ความใดมีตัวสะกดมาตราแมก่ นมากทสี่ ดุ
ก. ลกู ศิษยค์ ิดล้างครู ลกู ไม่รู้คณุ พ่อมัน
ข. ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดงั เพยี งฆ้องกลองระฆัง
ค. ตกึ กว้านบ้านเรอื นโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยือ้ นโยน
ง. เบียดเบยี นส่อเสียดฉ้อฉล บาปกรรมนาตน
๑๗. แนวคิดเรอื่ งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าตรงกบั ข้อใดมากที่สุด
ก. บา้ นเมอื งร่มเยน็ เพราะมีผู้ปกครองที่ดี
ข. ขา้ ราชการเปน็ แบบอยา่ งใหป้ ระชาชน
ค. เหตุการณ์ร้ายหรอื ดี ขึ้นอยกู่ บั เทพยดาผู้บันดาล
ง. ถา้ คนในสังคมเหน็ แกต่ วั จะทาให้บ้านเมอื งล่มสลาย
๑๘. ข้อใดแสดงใหเ้ ห็นความเช่ือเรอ่ื งไสยศาสตรท์ ีป่ รากฎในเรอื่ งกาพยพ์ ระ-
ไชยสรุ ยิ า ไดอ้ ยา่ งชัดเจน
ก. ทีซ่ ่ือถือพระเจ้า วา่ โงเ่ งา่ เต่าปูปลา
ข. ไมจ่ าคาพระเจา้ เหไปเข้าภาษาไสย
ค. คา่ เชา้ เฝ้าสีซอ เขา้ แตห่ อล่อกามา
ง. หลวงชีหนหี ลวงเณร ลงโคลนเลนเผน่ ผาดโผน
๑๙. บทไหวค้ รูในกาพย์พระไชยสรุ ิย}า กลา่ วถึงใครบา้ ง
ก. พระอศิ วร พระพรหม พระนารายณ์
ข. พระอศิ วร พระคเณศ พระอุมา
ค. พระรตั นตรัย พอ่ แม่ ครู และเทวดา
ง. พระรัตนตรัย เทวดา
๒๐. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ข้อคิดจากเร่อื งกาพยพ์ ระไชยสุริยา
ก. พระมหากษตั รยิ ์ตอ้ งปกครองบ้านเมอื งอยา่ งมีสติ
ข. ความรักทาใหค้ นตาบอด
ค. ทาดีได้ดี ทาชวั่ ไดช้ ่วั
ง. การปฏิบัตธิ รรมย่อมนาความสขุ มาให้
๔๓
ภาคผ} นวก
เฉลยแบบฝึกหัดที่๑ ๔๔
ความเป็นมาและประวัตผิ แู้ ต่ง
ชอ่ื -นามสกลุ _________________________ชน้ั _____เลขท่ี____
คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกตอ้ ง
๑. กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า เปน็ ผลงานของใคร
ตอบ ___พ_ร_ะ_ส_นุ _ท_ร_โ_ว_ห_า_ร__ห_ร_อื _ส_ุน__ท_ร_ภ_ู่ ______________________
๒. มกี ารคาดการณเ์ กย่ี วกับการประพนั ธก์ าพย์พระไชยสุรยิ าไวอ้ ย่างไรบ้าง
ตอบ _ส_ุน_ท__รภ__แู่ _ต_ง่ _เร_่ือ_ง_น_ข้ี _ณ__ะจ_า_พ__ร_ร_ษ_า_ท_ี่จ_งั _ห_ว_ดั _เ_พ_ช_ร_บ__ุรรี_า_ว__พ_.ศ__. _๒_๓_๖๘
หรอื _แ_ต_่ง_ข_ณ__ะจ_า_พ__ร_ร_ษ_า_ท_ีว่ _ดั _เ_ท_พ_ธ__ดิ _า_ร_าม__ร_ะ_ห_ว_่า_ง_พ__.ศ_._๒_๓__๘_๒__-_๒_๓_ ๘๕
๓. กาพย์พระไชยสรุ ยิ าแต่งขึ้นในรชั สมัยใด
ตอบ ___ร_ชั _ส_ม_ัย_ข_อ_ง_พ_ร_ะ_บ_า_ท__ส_ม_เด_จ็_พ__ร_ะ_น_่ังเ_ก_ล_า้ _เ_จ_้า_อย__หู่ _ัว__________
๔. ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ใดนาเรื่องกาพย์
พระไชยสรุ ยิ าไปใสไ่ ว้ในหนงั สือแบบเรยี น
ตอบ ___พ_ร_ะ_ย_า_ศ_ร_ีส_นุ _ท__ร_โว_ห__า_ร_(_น_้อ_ย_อ_า_จ_า_ร_ย_า_ง_ก_รู _)_____________
}
๕. กาพย์พระไชยสรุ ิยา แทรกอยู่ในหนงั สอื แบบเรียนเลม่ ใด
ตอบ ___ห_น_ัง_ส_ือ_ม_ูล_บ__ท_บ_ร_ร_พ_ก_จิ_____________________________
๖. จดุ ประสงคใ์ นการแต่งกาพย์พระไชยสรุ ิยาคอื อะไร
ตอบ ___ใ_ช_เ้ ป_็น__แ_บ_บ_เ_ร_ีย_น_ภ__าษ__า_ไท__ย__ส_าห__ร_ับ_ส_อ_น_เ_ด_็ก_ใ_ห_ห้ _ดั _อ_า่_น_ห__น_งั _ส_ือ
๗. เพราะเหตใุ ด จงึ นากาพยพ์ ระไชยสุริยามาใช้เป็นแบบเรียนสาหรับสอน
เด็กหดั อ่านหนงั สือ
ตอบ ___เน__้ือเ_ร_ือ่ _ง_เป_น็__น_ทิ _า_น__ม_ตี _วั _ล_ะ_ค_ร__ม_ีฉ_า_ก__จ_ึงท__า_เก_ดิ _ค__ว_าม__ส_น_ุก_ส_น_า_น
___เพ__ล_ิด_เ_พ_ล_ิน_ใ_น_ก_า_ร_อ_่า_น__แ_ล_ะ_ม_ีค_ต_ิส_อ_น__ใจ_________________
๘. สนุ ทรภู่ เปน็ กวีท่มี คี วามชานาญในด้านใด
ตอบ ___ด_า้ _น_ก_า_ร_แ_ต_ง่ _ก_ล_อ_น________________________________
๙. สนุ ทรภไู่ ดร้ บั ยกย่องจากองคก์ ารยเู นสโกให้เป็นบคุ คลสาคัญของโลกใน
ดา้ นใด
ตอบ ___ด_า้ _น_ง_า_น_ว_ร_ร_ณ_ก_ร_ร_ม_______________________________
๑๐. ใหน้ ักเรียนยกตวั อยา่ งผลงานประเภทนทิ านของสนุ ทรภู่ มา ๓ เรอื่ ง
ตอบ _โ_ค_บ__ตุ _ร__พ_ร_ะ_อ_ภ_ยั _ม_ณ__ี _ส_ิง_ห_ไ_ต_ร_ภ_พ__ล_กั _ษ_ณ__ว_ง_ศ_์ _ก_า_พ_ย_พ์__ร_ะไ_ช_ย__สุรยิ า
เฉลยแบบฝึกหัดท่ี ๒ ๔๕
ลักษณะคาประพนั ธ์
ช่อื -นามสกลุ _________________________ช้นั _____เลขที่____
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นโยงเส้นสัมผัสของกาพยต์ อ่ ไปนี้ให้ถูกตอ้ ง
กาพย์ยานี ๑๑
จะร่าคาตอ่ ไป พอล่อใจกมุ ารา
ธรณีมีราชา เจา้ พาราสาวะถี
มีสุดามเหสี
ชอ่ื พระไชยสรุ ิยา อยูบ่ ุรไี ม่มีภัย
ชอ่ื ว่าสุมาลี
กาพยฉ์ บัง ๑๖
พระไชยสุรยิ าภูม}ี พาพระมเหสี
นารีทเี่ ยาว์
มาที่ในลาสาเภา
เขา้ ปลาหาไปไม่เบา
ก็เอาไปในเภตรา
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
ข้นึ ใหมใ่ นกน ก กา ว่าปน ระคนกันไป
เอ็นดภู ธู ร มานอนในไพร มณฑลตน้ ไทร แทนไพชยนตส์ ถาน
ส่วนสุมาลี วันทาสามี เทวอี ยูง่ าน
เฝ้าอยดู่ ูแล เหมอื นแตก่ ่อนกาล ให้พระภูบาล สาราญวิญญา
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ ๓.๑ ๔๖
เนอ้ื เรอื่ ง
ช่อื -นามสกุล_________________________ชน้ั _____เลขท่ี____
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นถอดคาประพันธ์ตอ่ ไปนใ้ี หถ้ ูกต้อง
๑. จะร่าคาตอ่ ไป พอล่อใจกมุ ารา
ธรณีมรี าชา เจ้าพาราสาวะถี
--อบ----งร--คร----์หย--าน----ยึง่ --คค----รา--อต----งอ่ --เไม--ป--อื --นง--ส--ีเ้ --พา--ว-่อื-ะ--เ--ถป--ี็น----ส--งิ่--ล----่อ--ใ--จ----เ--ด--ก็----ๆ------ว--า่----ม----พี ----ร--ะ--ม----ห----า--ก----ษ----ัต--ร---ิ-ย์
๒. ผปี ่ามากระทา มรณกรรมชาวบรุ ี
นา้ ป่าเขา้ ธานี ก็ไมม่ ีที่อาศยั
--ผเ--ข--ีป--้า--า่ท--ไ--่วด--ม--เ้ ข--เ--มา้ --มือ----งา--ยป----า่ ร--ยะ--ช--ีช--าา--ช--ว--เน--ม--ตอื--่า--งง--จไ--น--ร--ลท้ --ม้--อี่ --ตย--า--อู่ --ยา--ศเ--ป--ยั --น็ ----จ--า--น----ว--น----ม----า--ก----น----้า--ไ--ห----ล------
๓. วันนั้นจนั ทร ม}ีดารากร เปน็ บริวาร
เห็นสิ้นดินฟ้า ในปา่ ทา่ ธาร มาลคี ล่ีบาน ใบก้านอรชร
----พว----ันื้น--น--ด--้ัน--นิ --ด--ว--ด--งอ--จ--กนั --ไ--ทม----ร้ --์ แ--ม--ผ--ีด--่ก--ว่ิง--งก--ด--า้ า--น--ว--สห--ว--้อย--ม--ง--ลา--อ้ม----ม--เ--ป----น็ ----บ--ร----ิว--า--ร------ม----อ--ง--เ--ห----็น------------
๔. ยงู ทองรอ้ งกะโตง้ โห่งดัง เพยี งฆ้องกลองระฆัง
แตรสงั ขก์ ังสดาลขานเสยี ง
------ดน----ังก--คย----วูง--บท----คอ--ง--่ขู ร--า--อ้ --นง--เเ--สส--ีย--ีย--งง--ด--งั--เ--ห----ม----ือ--น----เส----ยี ----ง--ฆ--้อ----ง--ก----ล--อ----ง--ร----ะ--ฆ----งั --แ----ต----ร----ส----งั --ข----์ --
๕. กุมราการญุ สุนทร ไวห้ วงั ส่งั สอน
เด็กออ่ นอันเยาวเ์ ลา่ เรยี น
------ใส----นนุ --ว--ท--ัยร--เ--ภร--ยีู่--ไ--นด----ใ้ --ห----ค้ ----ว--า--ม----ก--า----ร--ุญ----แ----ต--่ง--บ----ท----ก----ล--อ--น----ข----้นึ --เ--พ----่อื----ส--่ัง--ส--อ----น--เ--ด----็ก--ๆ------
เฉลยแบบฝกึ หดั ที่ ๓.๒ ๔๗
สรุปเนอ้ื เร่ือง
ชือ่ -นามสกลุ _________________________ชัน้ _____เลขท่ี____
คาช้แี จง ให้นักเรยี นสรปุ เนอ้ื เร่ืองกาพย์พระไชยสุริยาพร้อมวาด
ภาพประกอบให้สวยงาม
}
สรปุ เนือ้ เร่ืองกาพย์พระไชยสุริยา
---------------------------------------------ตสจนใบเสสกพสพ---------------นุรมุาารั้บอ้าาร---------------ยิกริเอย---------------บงเปะพภพา---------------เเบาดาูร่มา--ส-------------ะาเร็ญก---------------าาณกชปียอือจพ(ะ---------------บยับ็ไแงา---------------น็อธมนเแ์ ร---------------หมพวสพกนกรทเก---------------ละเหรุข--ล-------------จรรษมไวรระิง้---------------ูปมาแชาบะสเใะคือ---------------ตั ปทกหะหมจ---------------ีลยวง่ารา---------------ห็นเนทเส้่ัง่าะนท--ิยส-------------มตหเสเ--ล-------------ไายาุมึร่งค์ท่อวือ---------------ดขุสวงบเนิ---------------ย่ือบมงขรไ้ีะเ่ยีสม---------------ขชาปา้ถอา--เ-------------)แ้าุมวามป---------------พา้งืข่อีเเญชข--ต-------------าปนเกรือเึม---------------้นาลไ้า่มส่าถดิน็งิ--า-------------ทพมอืนชฝ---------------ีจนใแณูกเใ--งา-------------่อมนาบรนั่งาพ--สหน-------------นเยนะม--อื-------------สอผราลทงา---------------เมูง่ใวพิาวาร--ร-------------็ูง้คยรนีร่เสไ--มะ-------------ดื่าอาา้ห--ุ-------------ใรถดนศุดษาูงกรง---------------หคสีม้แพล--ท-------------ตแีล็รฎ---------------ีญแ์ีม้มลยูธ้ลวรั--้-------------งร--เล-------------สะต่ะาะ์ร่พจห---------------จไผไะบอรา---------------นชัดสดขึง--ง-------------มมู้ย้าเ---------------ไชีพย้เร้ดาอีน---------------รปแอื่อผสท---------------ารือือเ--เ-------------นสตนุมะรู้ดททแา---------------ุอมิยแ่พ--า-------------ืรอสตี่รศ--ง-------------จา้องารบ--รอ-------------คกลปนพนเ--ม-------------ะดรล---------------์กีรร์โพไาไ--บชิ-------------ว่า็ปปอาะปก---------------ารีวว้าส--ช-------------อทันรใระ---------------่ิานตบกาดน---------------ไลหั่วกเเ--บ-------------ชภพพมุ่ปมป---------------น็หใยว--ั-------------ยหรือร็่นานี--ล-------------ชนสะงะพใ---------------ลคทงอไ--แไ-------------ุรหีองเิบ--ช-------------ชนุดีิ่ยสรอล---------------ญยัยมตืด--ุดกอ-------------าะ---------------่ิี ---------------
เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี ๔ ๔๘
คณุ ค่าทีไ่ ดร้ บั
ช่ือ-นามสกุล_________________________ชนั้ _____เลขที่____
คาช้ีแจง ให้นักเรยี นพิจารณาประพันธท์ กี่ าหนดให้ แลว้ ตอบวา่
คาประพนั ธ์ดงั กล่าวให้คณุ คา่ ด้านใด
๑. ยงู ทองรอ้ งกะโต้งโหง่ ดัง เพียงฆ้องกลองระฆงั
แตรสังข์กงั สดาลขานเสยี ง...
--ก-า-ร--เล--ยี --น-เ-ส-ยี--ง-ธ--ร-ร-ม--ช-า--ต-ิ---------------------------------------
๒. วันนั้นจนั ทร มีดารากร เป็นบริวาร
เหน็ สิ้นดนิ ฟ้า ในปา่ ท่าธาร มาลีคลีบ่ าน ใบกา้ นอรชร
เยน็ ฉ่าน้าฟา้ ชน่ื ชะผกา วายุพาขจร
สารพนั จนั ทรอ์ ิน รนื่ กล่ินเกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าวอ่ นเวยี นระวนั
--ใ-ช-้ถ--อ้ -ย--ค--า-ท--ีท่ --า-ใ-ห--้เ-ก--ิด-จ--ิน-ต--ภ}-า--พ---------------------------------
๓. กลางไพรไกข่ นั บรรเลง ฟังเสียงเพยี งเพลง
ซอเจง้ จาเรียงเวยี งวัง
--ก--า-ร-ใ-ช--้อ-ปุ --ม--า-โ-ว-ห--า-ร---------------------------------------------
๔. ไม่จาคาพระเจา้ เหไปเขา้ ภาษาไสย
ถอื ดีมขี ้าไท ฉอ้ แต่ไพรใ่ สข่ อ่ื คา
--ส-ะ-ท--อ้--น-ค--ว--า-ม-เ-ช--่ือ-เ-ร-อื่ -ง--ไ-ส-ย--ศ--า-ส-ต--ร-์ ------------------------------
๕. ส่วนสุมาลี วนั ทาสามี เทวีอยงู่ าน
เฝ้าอย่ดู ูแล เหมอื นแตก่ ่อนกาล ให้พระภูบาล สาราญวิญญา
--ส-ะ-ท--อ้--น-ค--า่-น--ิย--ม-เ-ร-่ือ--ง-ก-า--ร-ด-แู--ล--ป-ร--น-น--บิ --ัต-สิ--า-ม--ี --------------------
เฉลยแบบทดสอบ ๔๙
ก่อนเรียน-หลงั เรยี น
ข้อ คาตอบ
1ก
2ข
3ค
4ก
5ง
6ง
7ก
8ข
9ข
10 } ก
11 ง
12 ก
13 ง
14 ก
15 ง
16 ค
17 ง
18 ข
19 ค
20 ข