หน่วยที 6
ทรานซิสเตอร์
สาระสําคัญ
ทรานซิสเตอร์ (Transistor) คือ อุปกรณ์จาํ พวกสารกึงตวั นาํ ทีถูกพฒั นาขึนมาสาํ หรับใชง้ าน
แทนหลอดสุญญากาศ เพือทาํ หนา้ ทีขยายสญั ญาณหรือใหเ้ ป็นสวิตช์ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ มีอยู่ 2 ชนิด
คือ NPN และ PNP ประกอบดว้ ยขา 3 ขาคือ เบส อิมิตเตอร์และคอลเลคเตอร์ ในการใชง้ าน
ทรานซิสเตอร์ ยงั คงตอ้ งจดั ไบแอสใหแ้ ก่ทรานซิสเตอร์ใหไ้ ดก้ ระแสไหลผา่ นตวั มนั เป็นไปตาม
สมการ IE IC IB ขอ้ สาํ คญั อีกประการหนึงกค็ ือ การตรวจสอบทรานซิสเตอร์จะช่วยใหเ้ รา
ทราบชนิดของทรานซิสเตอร์ ขาต่าง ๆ ตลอดจนสามารถบ่งบอกไดว้ า่ ทรานซิสเตอร์อย่ใู นสภาพดี
หรือเสีย
เรืองทีจะศึกษา
6.1 บทนาํ
6.2 โครงสร้าง สญั ลกั ษณแ์ ละชนิดต่าง ๆ ของทรานซิสเตอร์
6.3 การจดั ไบแอสทรานซิสเตอร์
6.4 คุณลกั ษณะของทรานซิสเตอร์
6.5 การตรวจสอบทรานซิสเตอร์
จุดประสงค์การสอน
1. จุดประสงค์ทัวไป
1.1 เพือใหน้ กั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ เกียวกบั โครงสร้าง สัญลกั ษณ์ และชนิดต่าง ๆ
ตลอดจนคุณลกั ษณะของทรานซิสเตอร์
1. เพือใหน้ กั เรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เกียวกบั วิธีการตรวจสอบทรานซิสเตอร์ ก่อน
นาํ ไปใชง้ าน
53
1.3 เพือใหน้ กั เรียนมีเจตคติทีดีต่อการเรียนทรานซิสเตอร์ ทงั ในดา้ นการทาํ งานร่วมกนั
เป็นกลุ่ม ความมีวนิ ยั ความรับผิดชอบ การใชว้ สั ดุอปุ กรณ์อยา่ งประหยดั และรู้คณุ ค่าบนพืนฐาน
ของความพอประมาณ มเี หตุผล และมีภูมิคุม้ กนั ทีดี
2. จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
เมอื เรียนจบบทเรียนหน่วยนีแลว้ ผเู้ รียนสามารถ
2. บอกลกั ษณะโครงสร้าง สญั ลกั ษณ์ และชนิดต่าง ๆ ของทรานซิสเตอร์ได้
2.2 บอกวธิ ีการจดั ไบแอสใหแ้ ก่ทรานซิสเตอร์ได้
2.3 บอกคุณลกั ษณะของทรานซิสเตอร์ได้
2.4 บอกวธิ ีตรวจสอบหาขาและชนิดต่าง ๆ ของทรานซิสเตอร์ได้
2.5 สามารถประกอบวงจรการทดลองหาคุณลกั ษณะของทรานซิสเตอร์ได้
คุณธรรมและจริยธรรมทีม่งุ เน้น
. ความมีวนิ ยั
. ความรับผดิ ชอบ
. ความมีมนุษยส์ มั พนั ธ์
. ความสนใจใฝ่ รู้
. ความเชือมนั ในตนเอง
6. ความพอประมาณ
7. ความมีเหตุผล
8. ความมีภูมิคุม้ กนั ทีดี
54
6.1 บทนาํ
ทรานซิสเตอร์(Transistor) จดั เป็ นอปุ กรณ์จาํ พวกโซลิดสเตต (Solid state) คือ ผลิตขึนมาจาก
สารกึงตวั นาํ ถูกนาํ มาใชง้ านในลกั ษณะการเป็นสวิตช์ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ หรือนาํ ไปใชข้ ยาย
สญั ญาณ ขยายกาํ ลงั มนั ถูกสรา้ งขึนมาเพือใชง้ านแทนอุปกรณ์จาํ พวกหลอดสุญญากาศ เนืองจากวา่
มีขนาดเลก็ กินพืนทีทีใชใ้ นการติดตงั นอ้ ย กินกาํ ลงั ไฟตาํ ประกอบดว้ ยรอยต่อของสารกึงตวั นาํ
จาํ นวน 3 ชิน มีขาสาํ หรับต่อใชง้ าน 3 ขา คือขาเบส (Base ; B) ขาอิมิตเตอร์ (Emitter ; E) และขา
คอลเลคเตอร์ (Collector ; C)
6.2 โครงสร้าง สัญลกั ษณ์และชนิดต่าง ๆ ของทรานซิสเตอร์
โดยทวั ไปเราแบ่งทรานซิสเตอร์ตามโครงสร้างได้ 2 ชนิดคือ
1. NPN ทรานซิสเตอร์
ก) โครงสร้าง ข) สญั ลกั ษณ์
รูปที 6.1 โครงสร้างและสัญลกั ษณ์ของทรานซิสเตอร์ชนิด NPN
2. PNP ทรานซิสเตอร์
ก) โครงสร้าง ข) สญั ลกั ษณ์
รูปที 6.2 โครงสร้างและสัญลกั ษณ์ของทรานซิสเตอร์ชนิด PNP
ทรานซิสเตอร์ทงั 2 ชนิด จะมี 3 ขา เหมือนกนั มโี ครงสรา้ งเหมือนกนั คือ
ขาเบส (Base ; B) อยตู่ รงส่วนกลางกนั ระหวา่ งขา C และ E มีพืนทีเนือสารตามโครงสรา้ ง
นอ้ ยทีสุดและกระแสไหลทีขานีนอ้ ยทีสุด เรียกวา่ กระแสเบส (IB)
55
ขาคอลเลคเตอร์ (Collector ; C) จะมีการโด๊ปสาร หรือมีการเติมสารเจือปน ลงในโครงสร้าง
ใหญ่ทีสุด กระแสไหลทีขานีเกือบเท่ากบั ขาE แต่นอ้ ยกว่า เรียกวา่ กระแสคอลเลคเตอร์ (IC)
ขาอิมิตเตอร์ (Emitter ; E) เป็นขาทีมโี ครงสรา้ งในการโด๊ปสารเจือปนมากรองลงมาจากขา C
กระแสไหลทีขานีมีมากทีสุด เรียกวา่ กระแสอิมิตเตอร์ (IE)
มีขอ้ สังเกตเบืองตน้ บางประการ ในการทีเราจะนาํ ทรานซิสเตอร์มาใชง้ านเพือใหท้ ราบวา่
ทรานซิสเตอร์ตวั นนั ๆ เป็นชนิด NPN หรือ PNP คือ
ถา้ เบอร์ของทรานซิสเตอร์ขึนตน้ ดว้ ย 2SA หรือ A จะเป็ นชนิด PNP และถูกจดั อย่ใู นจาํ พวก
ทรานซิสเตอร์ ใชง้ านกบั ยา่ นความถีสูงหรือ RF (Radio frequency)
ถา้ เบอร์ของทรานซิสเตอร์ขึนตน้ ดว้ ย 2SB หรือ B จะเป็นชนิด PNP และถูกจดั อยใู่ นจาํ พวก
ทรานซิสเตอร์ ใชง้ านกบั ยา่ นความถีตาํ หรือความถีเสียง AF (Audio frequency)
ถา้ เบอร์ของทรานซิสเตอร์ขึนตน้ ดว้ ย 2SC หรือ C แสดงวา่ เป็น NPN ทรานซิสเตอร์ ใชง้ าน
กบั ย่านความถีสูงหรือ RF (Radio frequency)
ถา้ เบอร์ของทรานซิสเตอร์ขึนตน้ ดว้ ย 2SD หรือ D แสดงวา่ เป็น NPN ทรานซิสเตอร์ ใชง้ าน
กบั ยา่ นความถีตาํ หรือความถีเสียง AF (Audio frequency)
6.3 การจัดไบแอสทรานซิสเตอร์
การไบแอสทรานซิสเตอร์จะตอ้ งใหไ้ ดก้ ารไหลของกระแสทีขาต่าง ๆ เป็นไปตามสมการ
ดงั นีคือ
IE IC IB ........................................................(6.1)
เมือ I E กระแสทีไหลในขาอิมิตเตอร์มีค่ามากทีสุด
IC กระแสทีไหลในขาคอลเลคเตอร์มีค่ามากรองจาก IE
IB กระแสทีไหลในขาเบสมีค่านอ้ ยทีสุด
รูปที6.3 การไบแอสทรานซิสเตอร์ NPN
56
รูปที 6.4 การไบแอสทรานซิสเตอร์ PNP
6.4 คณุ ลกั ษณะของทรานซิสเตอร์
เมือทาํ การไบแอสทรานซิสเตอร์ไดแ้ ลว้ เราก็สามารถทีจะนาํ มาต่อวงจรเพือหาคณุ ลกั ษณะได้
ดงั รูปที 6.5
mA
VRL IC
RL
RB VCC
A
VCE
IB VBE
VBB
Input Output
รูปที 6.5 วงจรการหาคุณลกั ษณะของทรานซิสเตอร์ชนิด NPN
วงจรในรูปที 6.5 จะตอ้ งใหไ้ บแอสทรานซิสเตอร์ครบทกุ ขาวงจรจึงจะทาํ งาน โดยถา้ ปรับ
แหล่งจ่าย VCC คงทีทีค่า ๆ หนึงแลว้ ปรับแหล่งจ่าย VBB เพิมจากค่าศูนยข์ ึนมา ค่า IB กจ็ ะเพิมตาม
ต่อมาถา้ หยดุ ทาํ การปรับ VBB แต่ไปปรบั VCC เพิมขึนค่า IC จะเปลียนแปลงเพิมขึนนอ้ ยมาก
หรือแทบจะไม่เพิมขึนเลย ณ จุดนีเรียกวา่ กระแสคอลเลคเตอร์ (IC) เกิดการอิมตวั (Saturate)
ครนั ตอ่ มาทาํ การปรับเพิมค่า VBB จะทาํ ให้ IB เปลียนแปลงคา่ เพิมขึน ปรากฏการณ์ทีไดค้ ือ ค่า
IC จะเพิมขึนตาม IB และเมอื หยดุ ปรับ VBB ไปทาํ การปรับเพิม VCC ค่า IC กจ็ ะเปลียนแปลงเพิมขึนนอ้ ย
มากและเขา้ สู่สภาวะอิมตวั อีกครังหนึง
57
ขอ้ สงั เกต ในขณะเพิมค่า IB แลว้ จะทาํ ใหค้ า่ IC เพิมตาม ส่วนค่าแรงดนั VCE จะลดลง เมือ IC
เพิม คา่ VRL จะเพิมตามค่า IC และขอ้ สงั เกตอีกประการหนึงก็คือ ค่าแรงดนั VBE ขณะวงจร
ทรานซิสเตอร์นาํ กระแส จะมีค่าคงทีอยทู่ ีประมาณ 0.6 V – 0.7 V (เป็นค่าแรงดนั ตกคร่อมรอยต่อที
P–N ขณะไบแอสตรงเหมอื นไดโอด) จึงสรุปคุณลกั ษณะของทรานซิสเตอร์ไดว้ า่ ค่าของกระแส IC
ขึนอยกู่ บั ค่ากระแส IB โดยเขียนเป็ นสมการความสมั พนั ธ์ไดด้ งั นี คือ
I C I B ...................................................................(6.2)
เมือ อตั ราขยายทางกระแสของทรานซิสเตอร์
IC กระแสไฟฟ้าทีไหลผา่ นขาคอลเลคเตอร์
IB กระแสไฟฟ้าทีไหลผา่ นขาเบส
จากรูปที 6.5 เราสามารถเขียนความสมั พนั ธ์ดงั กล่าวขา้ งตน้ ออกมาเป็นรูปกราฟไดด้ งั กราฟ
รูปที 6.6
I B A IC mA
0 0.7V VBE V IB5
IB4
ก) ความสมั พนั ธอ์ ินพตุ ระหวา่ ง IB และ VBE IB3
IB2
I B1
0 VCE V
ข) ความสัมพนั ธเ์ อาตพ์ ตุ ระหวา่ ง IC และ VCE
รูปที 6.6 ความสมั พนั ธ์ของทรานซิสเตอร์ดา้ นอินพตุ และเอาตพ์ ตุ
จากรูปที 6.6 ก) เป็นกราฟแสดงความสมั พนั ธด์ า้ นอินพตุ ของทรานซิสเตอร์ระหวา่ งกระแส
อินพตุ IB และแรงดนั อินพตุ VBE เมือค่าแรงดนั ทีแหล่งจ่ายดา้ นอนิ พุตเพิมขึน ค่าของกระแสอินพตุ
IB กจ็ ะเพิมตาม เสน้ กราฟในแนวแกนตงั ซึงเป็นแนวแกนของกระแส IB จะสูงขึนดงั รูป แต่จะ
สงั เกตเห็นวา่ แรงดนั ตกคร่อมทีขา B-E ซึงเรียกวา่ ค่าแรงดนั VBE จะเริมเปลียนแปลงนอ้ ยมากจน
แทบคงที ซึงในทางการศึกษาจะมีค่าอยทู่ ีประมาณ 0.7V และไม่วา่ ค่าของกระแสอินพุต IB จะเพิมขึน
อีกเทา่ ใดกต็ าม ค่าแรงดนั อินพตุ VBE ก็จะถือวา่ มีคา่ คงทีอยู่ที 0.7V
58
พิจารณารูปที 6.6 ข) เป็นกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ดา้ นเอาต์พตุ ระหวา่ งกระแสเอาตพ์ ตุ IC กบั
แรงดนั เอาตพ์ ตุ VCE ซึงก็จะเป็นความสัมพนั ธท์ ีสืบเนืองมาจากกระแสอินพตุ IB นนั คือ เมือเราทาํ
การเพิมค่ากระแสอินพุต IB จะเป็ นผลทาํ ใหก้ ระแสเอาตพ์ ุต IC เพิมตาม ถา้ ทาํ การลดกระแสอินพตุ IB
ก็จะเป็นผลใหก้ ระแสเอาตพ์ ุต IC ลดตาม ดงั นนั ค่ากระแสเอาตพ์ ตุ IC จะมีค่ามากหรือนอ้ ยจึงขึนอยู่
กบั ปริมาณของกระแสอินพตุ IB นนั เอง แต่ในขณะเดียวกนั ค่าแรงดนั เอาตพ์ ตุ VCE กลบั มีค่าลดลง
ความสัมพนั ธ์ดา้ นเอาตพ์ ตุ คือ ดา้ นทีเราจะนาํ มาใชง้ าน ซึงถา้ พิจารณาความสมั พนั ธ์ดา้ น
เอาตพ์ ุตของทรานซิสเตอร์ อาจพจิ ารณาความสัมพนั ธท์ ีไดอ้ อกเป็นยา่ นต่าง ๆ ดงั นีคือ
1. ยา่ นแอกตีฟ (Active region) เป็นยา่ นการทาํ งานทีค่าของกระแส IC และค่าของแรงดนั
VCE ทาํ งานตามค่าของกระแส IB ทีป้อนใหก้ บั ขา B ถูกนาํ ไปใชใ้ นวงจรขยายตา่ ง ๆ
2. ยา่ นแซตจูเลต (Saturation region) เป็นยา่ นทีกระแส IC อิมตวั
3. ยา่ นคตั ออฟ (Cut – off region) เป็นยา่ นทีทรานซิสเตอร์ไม่นาํ กระแสหรือค่ากระแส IB
มีคา่ เป็นศูนย์
รูปที 6.7 ยา่ นการทาํ งานต่าง ๆ ของทรานซิสเตอร์
จากรูปที 6.7 จะเห็นวา่ ย่านแซตจเู ลต เป็ นยา่ นทีทรานซิสเตอร์นาํ กระแสไดส้ ูงทีสุด ส่วน
ยา่ นคตั ออฟเป็นยา่ นทีทรานซิสเตอร์ไม่นาํ กระแส ดงั นนั เราจึงนาํ ยา่ นทงั สองดงั กล่าวมาใชง้ านใน
วงจรการใชท้ รานซิสเตอร์เป็นสวติ ช์ (Switching)
6.5 การตรวจสอบทรานซสิ เตอร์
ก่อนทีจะนาํ ทรานซิสเตอร์ไปใชง้ านนนั จาํ เป็นอยา่ งยงิ ทีเราจะตอ้ งตรวจสอบทรานซิสเตอร์
วิธีทีสะดวกวิธีหนึงคือการตรวจสอบดว้ ยมลั ติมิเตอร์แบบเข็มชี (Analog) ซึงสามารถทาํ ไดด้ งั นี
59
6.4.1 วดั หาขาเบส ทรานซิสเตอร์ทุกชนิดจะตอ้ งหาขาเบสใหไ้ ดก้ ่อนเพราะถา้ ทราบขาเบส
ก็จะทาํ ใหเ้ ราทราบชนิดของทรานซิสเตอร์ดว้ ยวา่ เป็นชนิด NPN หรือ PNP วิธีการสามารถกระทาํ ได้
ดงั นี
ตงั มิเตอร์สเกล R x 1หรือR x 10 ใชส้ ายมิเตอร์ดา้ นขวั บวกหรือลบ ขวั ใดขวั หนึงเป็น
หลกั จบั ทีขาใดขาหนึงของทรานซิสเตอร์เป็นหลกั เช่น ถา้ ใหข้ วั บวกจบั ทีขาใดขาหนึงเป็นหลกั กจ็ ะ
นาํ ขวั ลบไปแตะ 2 ขาทีเหลือ แลว้ ใหส้ งั เกตวา่ เขม็ มิเตอร์กระดิกชีค่าความตา้ นทานเท่ากนั ทงั 2 ครัง
หรือไม่ ถา้ เขม็ มิเตอร์กระดิกชีค่าความตา้ นทานเทา่ กนั ทงั 2 ครงั แสดงวา่ ทีขวั บวกแตะอยเู่ ป็นหลกั
นนั คือขาเบส และเป็ นทรานซิสเตอร์ชนิด NPN เนืองจากขาเบสซึงเป็ นรอยต่อทีอยตู่ รงกลางเป็ นสาร
ชนิด P แต่ถา้ วดั ครังแรกไม่ได้กใ็ หย้ า้ ยสายขวั บวกจบั ขาอืนอีก 2 ขาไล่ไปเรือย ๆ จนกวา่ เขม็ มิเตอร์
จะแสดงค่าความตา้ นทานเท่ากนั ทงั 2 ครัง (มิเตอร์ตระกูลญีป่ ุน เช่น Sanwa จะมีขวั ในการวดั ความ
ตา้ นทานไม่ตรงกบั ทีระบุไวท้ ีตวั มิเตอร์ ถา้ ตาํ แหน่งทีเป็น + ของมิเตอร์จะกลบั เป็น – และตาํ แหน่งที
เป็น – จะกลบั เป็น +) พิจารณาการวดั ขนั ตอนนีไดจ้ ากรูปที 6.8
รูปที 6.8 การตรวจสอบหาขาเบสของทรานซิสเตอร์ชนิด NPN
รูปที 6.9 การตรวจสอบหาขาเบสของทรานซิสเตอร์ชนิด PNP
60
ในรูปที 6.8 นนั จะเป็นการวดั หาขาเบสของทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ซึงจะใชส้ าย
ขวั บวกเป็ นหลกั ในการวดั หาขาเบสตามทีอธิบายไวข้ า้ งตน้ แต่เมือมาพิจารณารูปที 6.9 จะเห็นวา่ ถา้
เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP ขาเบสจะมขี วั ลบของมิเตอร์มาจบั เป็นหลกั ไวแ้ ละขวั บวกของมเิ ตอร์
จะนาํ ไปแตะกบั 2 ขาทีเหลือแลว้ ใหส้ งั เกตว่า เขม็ มิเตอร์กระดิกชีคา่ ความตา้ นทานเท่ากนั ทงั 2 ครงั
หรือไม่ ถา้ เข็มมิเตอร์กระดิกชีค่าความตา้ นทานเท่ากนั ทงั 2 ครังแสดงวา่ ทีขวั ลบแตะอยู่เป็นหลกั นนั
คือขาเบส และเป็ นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP เนืองจากขาเบสซึงเป็ นรอยตอ่ ทีอยตู่ รงกลางเป็ นสาร
ชนิด N แต่ถา้ วดั ครังแรกแลว้ ไม่ได้ กใ็ ห้ยา้ ยสายขวั บวกจบั ขาอืนอีก 2 ขาไล่ไปเรือย ๆ จนกวา่
เขม็ ชีมิเตอร์จะแสดงค่าความตา้ นทานเทา่ กนั ทงั 2 ครงั ซึงจะเห็นว่าวิธีการเหมือนกนั กบั การวดั หาขา
เบสของทรานซิสเตอร์ชนิด NPN จะต่างกนั กต็ รงขวั มเิ ตอร์ทีจบั กบั ขาเบสเป็นหลกั นนั เป็นขวั บวก
หรือขวั ลบเท่านนั เอง
6.4.2 วดั หาขาคอลเลคเตอร์และขาอิมติ เตอร์ เมือหาขา B ไดแ้ ลว้ กต็ อ้ งมาหาขา C และ E
ต่อไปซึงวธิ ีการทาํ ไดด้ งั นี
รูปที 6.10 การตรวจสอบหาขา C และ E ของทรานซิสเตอร์ชนิด NPN
พิจารณารูปที 6.10 ตงั มิเตอร์ไปทีสเกล R x 10k ถา้ เป็นทรานซิสเตอร์ NPN จากเดิมที
ขาเบสใชข้ วั บวกจบั อยู่ ใหย้ า้ ยเอาขวั ลบไปจบั แทนแลว้ นาํ ขวั บวกไปแตะกบั 2 ขาทีเหลือเพือทีจะทาํ
การเทียบค่าความตา้ นทานไบแอสกลบั ทีรอยต่อกบั ขาเบส ถา้ ปรากฏผลว่าขาใดทีวดั เทียบกบั เบส
แลว้ เขม็ มิเตอร์อา่ นค่าความตา้ นทานได้ แสดงวา่ ขาทีไมท่ ราบขานนั คือขา E ส่วนอีกขาหนึงเมือวดั
ไบแอสกลบั เทียบกบั เบสเขม็ มิเตอร์จะชีทีอินฟิ นิตี แสดงว่าเป็ นขา C
61
รูปที 6.11 การตรวจสอบหาขา C และ E ของทรานซิสเตอร์ชนิด PNP
พิจารณารูปที 6.11 กรณีนีเป็นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP ก็ใหป้ ฏิบตั ิเช่นเดียวกนั กบั
ทรานซิสเตอร์แบบ NPN เพียงแต่จากเดิมขาเบสคือขวั ลบแต่เมือเป็น PNP กใ็ หน้ าํ ขวั บวกไปจบั
ขาเบสไวแ้ ลว้ นาํ ขวั ลบไปแตะกบั 2 ขาทีเหลือแลว้ สงั เกตผลเช่นเดียวกบั แบบ NPN คือ ถา้ ปรากฏผล
วา่ ขาใดทีวดั เทียบกบั เบสแลว้ เขม็ มิเตอร์อา่ นค่าความตา้ นทานได้ แสดงว่าขาทีไมท่ ราบขานนั คือขา
E ส่วนอีกขาหนึงเมือวดั ไบแอสกลบั เทียบกบั เบสเข็มมิเตอร์จะชีทีอินฟิ นิตี แสดงวา่ เป็นขา C
สาํ หรับทรานซิสเตอร์ซิลิกอนบางตวั จะมีความตา้ นทานขณะไบแอสกลบั ทีรอยต่อ
CB และ EB สูงมาก การวดั ตามวธิ ีการขา้ งตน้ อาจหาไดแ้ ค่เพียงขาเบสและชนิดของทรานซิสเตอร์
เท่านนั จึงอาจจะตอ้ งเปิ ดดทู ีคู่มอื ทรานซิสเตอร์หรือตรวจสอบหาเบืองตน้ โดยใชเ้ ทคนิคการไบแอส
ดงั นี โดยสมมุติวา่ ขณะทีทรานซิสเตอร์ทีตรวจสอบเป็นชนิด NPN ดงั รูปที 6.12
รูปที 6.12 การวดั หาขา C และ E ของทรานซิสเตอร์ความตา้ นทานสูงชนิด NPN
62
1) ตงั มลั ติมิเตอร์ทียา่ น Rx1 โดยใชม้ ลั ติมิเตอร์ Sanwa – YX360 TRE หรืออาจจะ
เป็นของ KYORITSU กไ็ ด้ (ตงั ยา่ นสูงกวา่ นีจะไม่เห็นความแตกต่าง)
2) นาํ สายมิเตอร์ขวั บวกและขวั ลบไปจบั ขาทรานซิสเตอร์ทงั 2 ขา ทียงั ไมท่ ราบ
ใชส้ ายไฟแตะกบั ขาทีขวั บวกจบั อยดู่ า้ นหนึง ส่วนปลายสายอกี ดา้ นหนึงใหน้ าํ ไปแตะทีขาเบส จะ
เห็นเข็มมิเตอร์จะกระดิกชีค่าความตา้ นทานค่าหนึง สังเกตและจาํ ค่าความตา้ นทานไว้
3) ถา้ นาํ สายไฟแตะอีกขาหนึงทีขวั ลบจบั อยู่ แลว้ นาํ ปลายสายอีกดา้ นหนึงไปแตะ
ทีขาเบสเข็มมิเตอร์จะไม่กระดิก
4) ต่อไปใหส้ ลบั สายระหวา่ งขวั บวกและลบจากตาํ แหน่งเดิมในครังแรก
5) นาํ สายไฟแตะกบั ขาทีขวั บวกจบั อยดู่ า้ นหนึง ส่วนปลายสายอีกดา้ นหนึงใหน้ าํ
ไปแตะกบั ขาเบสเขม็ มิเตอร์จะกระดิกชีค่าความตา้ นทานคา่ หนึง สังเกตและจาํ คา่ ความตา้ นทานไว้
6) ถา้ นาํ ปลายสายไฟแตะอีกขาหนึงทีขวั ลบจบั อยู่แลว้ นาํ ปลายสายอีกดา้ นหนึงไป
แตะทีขาเบส เขม็ มิเตอร์จะไมก่ ระดิก
7) นาํ กรณีทีเข็มมเิ ตอร์กระดิกชีค่าความตา้ นทานทงั 2 ครัง มาเปรียบเทียบค่ากนั
(สังเกตใหด้ ีเพราะค่าจะแตกต่างกนั นอ้ ยมาก)
8) ถา้ ขวั บวกจบั ทีขา C แลว้ นาํ ไฟบวกทีขา C ไปแตะกบั ขา B ตามหลกั ของการ
ใหไ้ บแอส ค่าความตา้ นทานทีอา่ นไดจ้ ะนอ้ ยกวา่ กรณีทีขวั บวกไปจบั ขา E แลว้ นาํ ไฟบวกทีขา E ไป
แตะขา B
9) ถา้ เป็น PNP ทรานซิสเตอร์ ก็ใหป้ ฏิบตั ิเช่นเดียวกนั แต่หลกั การไบแอส ขาC จะ
ตอ้ งต่อกบั ขวั ลบ และขา B ตอ้ งดึงไฟลบจากขา C มาช่วยในการไบแอส ทาํ การวดั ค่าและสังเกต
เช่นเดียวกนั กบั ขนั ตอน 1) ถึง 8)