The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ratiros Phumswai, 2022-09-15 03:43:26

กลุ่ม2 59

กลุ่ม2 59

โครงงานสะเตม็ ศกึ ษา (STEM Education)
เรอื่ ง ปัญหาความขดั เเยง้ ในโรงเรยี น

ผูจ้ ดั ทา
นางสาวเจตสดุ า มาศพนั ธ ์ม.5/9 เลขที่ 33

นางสาวรตริ ส พุม่ ไสว ม.5/9 เลขที่ 42

ครูทปี่ รกึ ษา
ครูเพชรชรตั น์ จนั ทรเ์ หมอื น

โรงเรยี นคงคาราม จงั หวดั เพชรบุรี
โครงงานระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

บทท1ี่
บทนา

1.1แนวคดิ ทมี่ าของโครงงาน
การหลกี เลยี่ ง

เป็ นการหลบเลยี่ งปัญหาพยายามใหต้ นเองหนีไปจากเหตกุ ารณท์ เี่ ป็ นปัญหาขั
ดแยง้
โดยไมย่ งุ่ เกย่ี วกบั ฝ่ ายตรงขา้ มทจี่ ะนาความขดั แยง้ มาหาตนโดยอาจจะเปลยี่ นป
ระเด็นการสนทนา วธิ นี ีจ้ ะใชไ้ ดใ้ นกรณีทเี่ ป็ นเรอื่ งไรส้ าระ และมปี ัญหาอนื่ ๆ
ทรี่ อแกไ้ ขอยู่ หรอื การแกป้ ัญหาความขดั แยง้ นั้นส่งผลเสยี มากกว่าผลดี
ยกตวั อยา่ งเชน่ นักเรยี น ๒ คนเกดิ ปัญหาความขดั แยง้ ในขณะทโี่ กรธ
กาลงั โมโห ไม่สมควรทจี่ ะรบี แกป้ ัญหาความขดั แยง้ น้ันทนั ที
เพราะอารมณโ์ กรธจะทาใหค้ วามพยายามในการแกป้ ัญหาความขดั แยง้ ไมเ่ ป็ น
ผลการยอมให ้
เป็ นวธิ กี ารแกป้ ัญหาโดยการยอมเสยี สละความตอ้ งการของตนเองเพอื่ ใหฝ้ ่ ายต
รงขา้ มบรรลคุ วามตอ้ งการของตนเอง
ซงึ่ ทาใหบ้ รรเทาความขดั แยง้ ไดใ้ นเวลาอนั รวดเรว็
ผทู้ แี่ สดงพฤตกิ รรมการยอมใหน้ อกจากจะเป็ นผเู้ สยี สละแลว้
ยงั เป็ นผูท้ ไี่ มต่ อ้ งการเกดิ ความบาดหมางในระหว่างบคุ คล
และคู่กรณีทไี่ ดร้ บั ประโยชนเ์ กดิ ความพงึ พอใจและยุตขิ อ้ ขดั แยง้
แต่อกี ฝ่ ายทเี่ สยี ประโยชนก์ ็จะเก็บความรูส้ กึ ดงั กล่าวเก็บไวภ้ ายในจติ ใจ
ถา้ หากเจอเหตุการณท์ ขี่ ดั แยง้ อกี ก็จะนาเรอื่ งเกา่ มาพดู ถงึ อกี

1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน
1. เพอื่ ศกึ ษาเกย่ี วกบั การทะเลาะววิ าท
2.เพอื่ ศกึ ษาวธิ กี ารเเกไ้ ขปัญหา

1.3 ขอบเขตของโครงงาน

2.สาเหตขุ องการทะเลาะกนั
3.วธิ กี ารเเกไ้ ขปัญหาการทะเลาะกนั

1.4 ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั

1.ทราบสาเหตขุ องการทะเลาะกนั
2.ทราบถงึ วะิ ีีการเเกป้ ัญหาการทะเลาะกนั

บทที่ 2
แนวคดิ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง

ในการศกึ ษาโครงงานเรอื่ ง
ปัญหาความขดั แยง้ ในโรงเรยี นยงั ไงผจู้ ดั ทาไดร้ วบรวม แนวคดิ ต่างๆ
เอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ งดงั ตอ่ ไปนี้
2.1 การใชห้ ลกั การประนีประนอม

- มที ศั นคตเิ ชงิ บวก
- เจรจากนั ต่อหนา้
- ทาความเขา้ ใจกบั ประเด็นตา่ ง ๆ ใหช้ ดั เจนและตรงกนั
- เจรจากนั ดว้ ยขอ้ เท็จจรงิ ไม่ใชอ่ ารมณ์
- เสนอทางเลอื ก

แนวคดิ สะเตม็ ศกึ ษา

สะเต็มศกึ ษา (Science Technology Engineering and Mathematics
Education: STEM Education) คอื
แนวทางการจดั การเรยี นรทู ้ บี่ รู ณาการวทิ ยาศาสตร ์เทคโนโลยี
วศิ วกรรมศาสตร ์
และคณิตศาสตรโ์ ดยเนน้ การนาความรูไ้ ปแกป้ ัญหาในชวี ติ จรงิ และการประกอบ
อาชพี ในอนาคต รวมทง้ั การพฒั นากระบวนการหรอื ผลผลติ ใหม่
ทเี่ ป็ นประโยชนต์ ่อการดาเนินชวี ติ และการ ทางาน
โดยผา่ นกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมภายใตส้ ถานการณแ์ ละเงอ่ื นไข
เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธซ์ งึ่
อาจเป็ นชนิ้ งานหรอื วธิ กี ารทสี่ ามารถนามาใชไ้ ดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
โดยใชท้ รพั ยากรทมี่ อี ยู่ใหค้ มุ้ ค่า และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ

1. มที ศั นคตเิ ชงิ บวก

ทศั นคตขิ องคณุ เป็ นสงิ่ สาคญั ตอ่ ผลการเจรจา
การมที ศั นคตเิ ชงิ บวกทาใหค้ ณุ เรยี นรูท้ จี่ ะเจรจา ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ ทนี่ ่าพงึ พอใจ
และทงั้ สองฝ่ ายเป็ นผชู้ นะ

2. เจรจากนั ต่อหนา้

หาโอกาสทที่ งั้ สองฝ่ ายสะดวกมาเจอกนั และเจรจาตกลงกนั ต่อหนา้ จะดกี ว่าและ
ควร หลกี เลยี่ งการเจรจากนั ทางโทรศพั ท ์ หรอื อเี มล
เนื่องจากฝ่ ายตรงขา้ มจะไมเ่ ห็นการแสดงออกทางสหี นา้ ทา่ ทางตา่ ง ๆ
ทสี่ าคญั ของคณุ
ชอ่ งว่างทางการสอื่ สารเชน่ นีอ้ าจส่งผลต่อเสยี ของการเจรจาของคณุ

3. ทาความเขา้ ใจกบั ประเด็นตา่ ง ๆ ใหช้ ดั เจนและตรงกนั

ควรใชค้ าพดู ง่าย ๆ ในการเจรจา
หากประเด็นทตี่ อ้ งการตกลงรว่ มกนั น้ันเป็ นปัญหาใหญ่และซบั ซอ้ น
ใหแ้ บง่ ออกเป็ น ประเด็นย่อย ๆ เพอื่ ใหส้ ามารถจดั การไดง้ า่ ยขนึ้ จากน้ันค่อย ๆ
ชว่ ยกนั คลคี่ ลายไปทลี ะประเด็น

4. ทาการบา้ นกอ่ นเจรจา

ควรใหเ้ วลากบั การวางแผนการเจรจา
เพราะไม่เพยี งแต่ทาการบา้ นในส่วนของตวั เองเท่าน้ัน
แต่คณุ ตอ้ งทราบถงึ แรงจงู ใจ และสงิ่ ทฝี่ ่ ายตรงขา้ มใหค้ วามสาคญั ดว้ ย

โดยอาจพจิ ารณาจากเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ในอดตี ของเขาทอี่ าจมผี ลตอ่ การเจรจา
เพอื่ หาทางออกทดี่ ที สี่ ดุ ยุตธิ รรม สมเหตสุ มผล และยอมรบั ไดม้ ากทสี่ ดุ

5. เจรจากนั ดว้ ยขอ้ เท็จจรงิ ไม่ใชอ่ ารมณ์

มองทปี่ ัญหา ไมใ่ ชต่ วั บคุ คล หลกี เลยี่ งการโจมตผี ูอ้ นื่
เพอื่ ใหค้ วามเห็นของตนไดร้ บั การยอมรบั หลกี เลยี่ งการพูดถงึ สงิ่ ทผี่ ่านไปแลว้
หรอื การตาหนิผูอ้ นื่
แต่ใหย้ ดึ หลกั เหตผุ ลและการมุ่งส่เู ป้ าหมายของส่วนรวมเป็ นกรอบความคดิ

6. เสนอทางเลอื ก

เมอื่ คณุ เสนอความคดิ เห็นของตนเอง
ควรมหี ลกั ฐานสนับสนุนมุมมองของคณุ ดว้ ย
ในขณะเดยี วกนั ก็ควรสรา้ งทางเลอื กที่ แสดงใหเ้ ห็นวา่
คณุ ใหค้ วามสาคญั กบั ความคดิ เห็นของค่เู จรจามากกวา่ ตวั คณุ เอง

7. เป็ นนักสอื่ สารมอื อาชพี

ไม่มอี ะไรทจี่ ะทาใหไ้ ดผ้ ลการเจรจาทนี่ ่าพอใจ นอกจากการสอื่ สารที่ ดี
ดว้ ยการถาม การฟัง การทวนคาถามเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ใสใ่ จในสงิ่ ทอี่ กี ฝ่ ายใหค้ วามสาคญั ลดความตงึ เครยี ดดว้ ยอารมณข์ นั
รวมถงึ การหาทางทจี่ ะไปส่ทู างออกหรอื การประนีประนอมทดี่ ที สี่ ดุ

8. จบดว้ ยบทสรุปทชี่ ดั เจน

เมอื่ สามารถเจรจากนั จนไดข้ อ้ สรุปทพี่ งึ พอใจทง้ั สองฝ่ ายแลว้

ใหท้ าบนั ทกึ สรปุ ขอ้ ตกลง
โดยระบุว่าในแต่ละขนั้ ตอนของการแกป้ ัญหาจะเป็ นไปดว้ ยวธิ ใี ด
และใครรบั ผดิ ชอบในขนั้ ตอนใด จะวดั ผลเมอื่ ไรและอย่างไร ใหช้ ดั เจน

9. เรยี นรจู ้ ากประสบการณท์ ไี่ ดร้ บั

ใหม้ องไปทผี่ ลประโยชนจ์ ากการเรยี นรูม้ ุมมองของผูอ้ นื่
หลงั จากทคี่ ณุ เอาชนะความขดั แยง้ และเขา้ ถงึ ขอ้ ตกลงไดแ้ ลว้
ควรใชโ้ อกาสนีเ้ รยี นรูจ้ ากการเจรจา
เพอื่ ประโยชนท์ สี่ ามารถนาไปใชไ้ ดใ้ นโอกาสต่อ ๆ ไป

2.2 การจดั การความขดั แยง้ โดยจาแนกตามพฤตกิ รรม
ความขดั แยง้ อย่างเหมาะสม

โดยเขา้ ใจถงึ สาเหตุของความขดั แยง้ วา่ มหี ลายสาเหตุ เชน่ ความขดั แยง้
ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั โครงสรา้ งและอ านาจหนา้ ที่ การตดิ ต่อสอื่ สาร
ผลประโยชนก์ ารแย่งชงิ ทรพั ยากร และ
ความขดั แยง้ จากบุคลกิ ภาพเฉพาะตวั ของบคุ คล เป็ นตน้

- กอ่ ตวั ของการตอ่ ตา้ น
หรอื ความไม่ลงรอยทรี่ ุนแรงพอฝ่ ายทเี่ กย่ี วขอ้ งรบั รู ้
ถงึ ความขดั แยง้ ตงั้ ใจทาอย่างใดอยา่ งหนึ่งพฤตกิ รรมทแี่ สดงออกมา และ
ผลลพั ธท์ เี่ กดิ ขนึ้ จากความขดั แยง้

บทที่ 3
วธิ กี ารดาเนินงานโครงงาน

ในการศกึ ษาคน้ ควา้ เรอื่ ง ปัญหาความขดั แยง้ ในโรงเรยี น
ผูด้ าเนินการศกึ ษาคน้ ควา้ ไดด้ าเนินการดงั ขนั้ ตอนต่อไปนี้
3.1 กาหนดขอบเขตในการศกึ ษาคน้ ควา้
ผดู้ าเนินการศกึ ษาคน้ ควา้ ไดก้ าหนดขอบเขต ดงั นี้

ขอบเขตดา้ นเนือ้ หา

-ความไม่เขา้ ใจกนั
-ทะเลาะววิ าท

ขอบเขตดา้ นประชากร ไดแ้ ก่ กล่มุ ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่

นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5/9 โรงเรยี นคงคาราม จานวน 38 คน

ขอบเขตดา้ นระยะเวลา

ภาคเรยี นที่ 1 ปี การศกึ ษา 2565

วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหค์ วามรูเ้ รอื่ ง

ปัญหาความขดั แยง้ ในโรงเรยี น ยงั ไง

เพอื่ เผยแพรใ่ หก้ บั กล่มุ ตวั อยา่ งทกี่ าหนดไว ้

นาหนงั สอื เลม่ เลก็ ทวี่ เิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหไ์ วไ้ ปใหค้ รูทปี่ รกึ ษ
า ตรวจสอบความถกู ตอ้ งดา้ นเนือ้ หาและโครงสรา้ ง

หลงั จากนั้นนาเอาขอ้ เสนอแนะมาปรบั ปรงุ แกไ้ ขแลว้ พมิ พเ์ ป็ นฉบบั จรงิ กอ่ นการ
เผยแพร่

ออกแบบสารวจความคดิ เหน็ เรอื่ ง

ปัญหาความขดั แยง้ ในโรงเรยี น ออกแบบประเมนิ ค่าเป็ น ทาได้

และทาไมไ่ ดแ้ ลว้ นาแบบสารวจไปใหค้ รูทปี่ รกึ ษาตรวจสอบความถกู ตอ้ งดา้ นเนื้
อหาและโครงสรา้ ง หลงั จากน้ันนาเอาขอ้ เสนอแนะมาปรบั ปรุงแกไ้ ข
พมิ พเ์ ป็ นฉบบั จรงิ แลว้ นาไปสารวจกบั กล่มุ ตวั อย่างกล่มุ เดมิ

บทที่ 4

สรุปผลการศกึ ษาคน้ ควา้
ในการศกึ ษาคน้ ควา้ เรอื่ ง
ลดควมอว้ นยงั ไงผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ ไดก้ าหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละสมมุตฐิ าน ไวด้ งั นี้

4.1 วตั ถุประสงค ์
4.1.1 เพอื่ ใหท้ ราบเกน่ี วกบั สาเหตวุ า่ ทาไมถงึ ทะเลาะ
4.1.2 เพอื่ ใหท้ ราบวธิ กี ารเเกป้ ัญหาการทะเลาะกนั

4.2 สมมุตฐิ าน
ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เ
ทมี่ วี ฒุ กิ ารศกึ ษา อายุ ประสบการณ์ ดารงตาแหน่งผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา

และขนาดของสถานศกึ ษาแตกต่างกนั จะมกี ารจดั การความขดั แยง้ ไม่แตกต่าง

กนั
4.3 สรุปผลการศกึ ษาไดด้ งั นี้

4.3.1ความขดั แยง้ มากทสี่ ุดเป็ นแบบการประนีประนอม

รองลงมาเป็ นแบบการรว่ มมอื สว่ นเพศหญงิ มพี ฤตกิ รรมการบรหิ าร
ความขดั แยง้ มากทสี่ ดุ เป็ นแบบการประนีประนอม
รองลงมาเป็ นแบบการหลกี เลยี่ งผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาทมี่ อี ายกุ าร
ทางานในตาแหน่งนอ้ ยกว่า 6 ปี มพี ฤตกิ รรมการบรหิ ารความขดั แยง้ มากทสี่ ุด

เป็ นแบบการรว่ มมอื ชว่ งอายุการทางานในตาแหน่ง 6–10

ปี และอายุการทางานในตาแหน่งมากกว่า 10
ปี มพี ฤตกิ รรมการบรหิ ารความขดั แยง้ มากทสี่ ุดเป็ น แบบการประนีประนอม

รองลงมาเป็ นแบบการรว่ มมอื
4.3.2 สาเหตุทมี่ าของการน้าหนกั ตวั เกนิ

-เกดิ จากการมคี วามขดั เเยง้ ของการทะเลาะกนั

-เกดิ จากไมช่ อบหนา้ หรอื มปี ัญหากนั

บทที่ 5
สรุปผลอภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ

จดุ ประสงคข์ องการศกึ ษาคน้ ควา้ เพอื่ สรา้ งจติ สานึกใหน้ ักเรยี น
เพอื่ ศกึ ษาปัญหาและขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกบั การบรหิ ารจดั การความขดั แยง้ ในโรง
เรยี นของนักเรยี นโรงเรยี นคงคาราม

สมมตฐิ าน
นักเรยี นคงคารามทตี่ ่อเเถวเพอื่ ซอื้ อาหารใหม้ รี ะเบยี บเรยี บรอ้ ย

วธิ ดี าเนินการวจิ ยั

1. กล่มุ ตวั อยา่ ง กลมุ่ ตวั อย่างทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา เป็ นนักเรยี นชนั้
มธยั มศกึ ษาปี ท5ี่ หอ้ งม.5/9 โรงเรยี นคงคาราม ภาคเรยี นท1ี่ ปี การศกึ ษา
2565 จานวน 42 คน ไดม้ าจากการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

สรุปผล

1.) นักเรยี นชน้ั มธยั มศกึ ษาปี ท5ี่ หอ้ ง ม.5/9 โรงเรยี นคงคาม
มคี วามพงึ พอใจต่อกจิ กรรม
เรอื่ งการเกดิ ควมขดั เเยง้ ภายในโรงเรยี นในระดบั พงึ พอใจมากทสี่ ดุ ซงึ่ เป็ นไป
ตามสมมตฐิ านทตี่ งั้ ไว ้

การอภปิ รายผล

นักเรยี นทไี่ ดร้ บั ความรจู ้ ากกจิ กรรม
เรอื่ งปัญหาขยะภายในโรงเรยี นคงคารามมคี วามพงึ พอใจ อยใู่ นระดบั มาก
ซงึ่ เป็ นไปตามสมมตฐิ านทตี่ ง้ั ไว ้
ของการศกึ ษาคน้ ควา้ เป็ นผลเนื่องมาจากสาเหตตุ ่างๆดงั นี้
ประการแรก นักเรยี นมคี วามรแู ้ ละความเขา้ ใจในเกย่ี วกบั ปัญหาขยะมากขนึ้

ประการสอง ทาใหน้ ักเรยี นมจี ติ สานึกในการเขา้ เเถวซอื้ อาหาร

ขอ้ เสนอแนะ

1.ขอ้ เสนอแนะเพอื่ นาผลการวจิ ยั ไปใช ้
1.1ขยายผลไปเพอื่ ไม่ใหเ้ กดิ ความขดั เเยง้ กบั นักเรยี นในระดบั ชนั้ อนื่ ๆ

1.2 เป็ นการศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยการปฏบิ ตั จิ รงิ
2.ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การวจิ ยั ครงั้ ต่อไป

2.1 ใหม้ กี ารคน้ ควา้ โดยทาการทดลอง


Click to View FlipBook Version