The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by theeraphatbunsri, 2022-06-02 01:24:59

16 - pdf (1)

16 - pdf (1)

หน่วยท่ี 16

Triac และ Diac

สาระสาคญั
Triac เป็นอุปกรณ์ Thyristor อีกชนิดหน่ึง มีขา 3 ขา คอื Anode 1 , Anode 2 และ Gate

สามารถนากระแสได้ 2 ทิศทาง ส่วน Diac เป็ นอุปกรณ์ช่วยในการทริกทเ่ี กตของTriac มีขา 2 ขาคอื
Anode 1 และ Anode 2 สามารถนากระแสได้ 2 ทศิ ทางเช่นกนั Triac และ Diac ถูกนามาใชค้ วบคุม
โหลดไฟฟ้ ากระแสสลบั เช่น วงจรควบคุมความร้อน ควบคุมแสงสวา่ ง โดย Triac ทาหนา้ ท่ี
อุปกรณ์ควบคุมหลกั และ Diac เป็ นอุปกรณ์ช่วยในการควบคุมและป้ องกนั อนั ตราย ไม่ใหแ้ รงดนั ท่ี
รอยตอ่ ระหวา่ ง G-A1 ของ Triac สูงเกินไป

เร่ืองทจ่ี ะศึกษา
16.1 บทนา
16.2 โครงสรา้ งและสญั ลกั ษณ์ของ Triac
16.3 คุณลกั ษณะของ Triac
16.4 โครงสร้างและสญั ลกั ษณ์ของ Diac
16.5 คุณลกั ษณะของ Diac
16.6 การตรวจสอบ Triac และ Diac
16.7 การใชง้ าน Triac และ Diac
16.7.1 วงจรหร่ีไฟ
16.7.2 วงจรเคร่ืองทาน้าอุ่นไฟฟ้ า

จุดประสงค์การสอน
1. จดุ ประสงค์ทว่ั ไป
1.1 เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั โครงสรา้ งสญั ลกั ษณ์ของ Triac และ Diac

185

1.2 เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั คุณลกั ษณ์ของ Triac และ Diac
1.3 เพอื่ ใหน้ กั เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั วธิ ีการตรวจสอบ Triac และ Diac
1.4 เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การใชง้ านTriacและDiacในวงจรหร่ีไฟ
และวงจรเครื่องทาน้าอุ่นไฟฟ้ า
1.5 เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีเจตคติท่ดี ีต่อการเรียนเกี่ยวกบั Triac และ Diac ท้งั ในดา้ นการทางาน
ร่วมกนั เป็ นกลุ่ม ความมีวนิ ยั ความรับผดิ ชอบ การใชว้ สั ดุอุปกรณ์อยา่ งประหยดั และรู้คุณค่า
2. จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
เม่ือเรียนจบบทเรียนหน่วยน้ีแลว้ ผเู้ รียนสามารถ
2.1 บอกโครงสร้าง สญั ลกั ษณ์ของ Triac และ Diac ได้
2.2 บอกคุณลกั ษณะและการใชง้ าน Triac และ Diac ได้
2.3 บอกวธิ ีการตรวจสอบ Triac และ Diac ได้
2.4 บอกหนา้ ที่ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในวงจรหรี่ไฟและวงจรเคร่ืองทาน้าอุ่นไฟฟ้ าได้
2.5 บอกวธิ ีปรับปรุงวงจรหรี่ไฟเพอ่ื ใชค้ วบคุมความเร็วมอเตอร์ได้
2.6 สามารถต่อวงจรการทดลองหาคณุ ลกั ษณะของ Triac และ Diac ได้

คณุ ธรรมและจริยธรรมทม่ี ุ่งเน้น
1. ความมีวนิ ยั
2. ความรับผดิ ชอบ
3. ความมีมนุษยส์ มั พนั ธ์
4. ความสนใจใฝ่รู้
5. ความเช่ือมนั่ ในตนเอง

186

16.1 บทนา

ไตรแอก (Triac) เป็นอุปกรณ์สารก่ึงตวั นาจาพวกไทริสเตอร์ (Thyristor) อีกชนิดหน่ึง
เช่นเดียวกบั SCRแตส่ ามารถนากระแสไดส้ องทศิ ทาง โดยมีคุณสมบตั เิ ป็นสวติ ชท์ างอิเลก็ ทรอนิกส์
ท่ีสามารถควบคุมขนาดของกระแสและแรงดนั ทีจ่ ่ายใหก้ บั โหลดได้ อีกท้งั ในการควบคุมกก็ ระทา
ไดง้ า่ ย ไม่เกิดประกายไฟจากหนา้ สมั ผสั เพราะอาศยั การเคล่ือนทีข่ องกระแสอิเลก็ ตรอนผา่ น
รอยต่อสารก่ึงตวั นา ส่วน Diac เป็ นอุปกรณ์ที่ช่วยป้ องกนั ขาเกตของ Triac ไม่จดั เป็ นอุปกรณ์
ไทริสเตอร์ แต่กระแสไฟฟ้ าสามารถไหลผา่ นตวั มนั ไดส้ องทิศทางเช่นเดียวกบั Triac

16.2 โครงสร้างและสัญลกั ษณ์ของ Triac

ก) โครงสร้าง ข) สญั ลกั ษณ์

ค) การใช้ SCR 2 ตวั ต่อสวนทางกนั
รูปท่ี 16.1 โครงสร้าง สญั ลกั ษณ์ของTriac และการใช้ SCR 2 ตวั ตอ่ สวนทางกนั แทน Triac

187

พจิ ารณาโครงสร้างของ Triac ในรูปท่ี 16.1 ก) จะประกอบดว้ ยรอยต่อของสารก่ึงตวั นา
ซิลิกอน P และ N มีขาตอ่ ออกมาสาหรับใชง้ านภายนอก 3 ขา ประกอบดว้ ย เกต(Gate ; G)แอโนด1
(Anode 1 ; A1) และ แอโนด 2 (Anode 2 ; A2) ในส่วนของ ขา A1 และ A2 อาจเขยี นเป็ น MT1 และ
MT2 กไ็ ด้ โดย MT มาจากคาวา่ Main terminal ซ่ึงถา้ พจิ ารณารูท่ี 16.1 ค) จะเห็นไดว้ า่ Triac จะมี
ลกั ษณะเหมือนการนา SCR 2 ตวั มาตอ่ สวนทางกนั โดยใชข้ าเกตตอ่ ร่วมกนั เพอ่ื ควบคุมการไหล
ของกระแส ดงั น้นั Triac จึงไม่มีขาแคโถดแต่จะเป็นแอโนดท้งั 2 ดา้ น ซ่ึงเป็นทางเดินหลกั ของ
กระแสโหลด โดยกระแสสามารถไหลไดท้ ้งั จาก A2 มายงั A1 และจาก A1 มายงั A2 ในส่วนของเกต
ก็สามารถทริกไดท้ ้งั ไฟบวกและไฟลบ

16.3 คณุ ลกั ษณะของ Triac

รูปท่ี 16.2 กราฟคุณลกั ษณะของ Triac
จากรูปที่ 16.2 แสดงกราฟคุณลกั ษณะของ Triac จะเห็นวา่ ความสมั พนั ธข์ องกระแสไฟฟ้ าที่
ไหลระหวา่ ง ขา A2 ไปยงั A1 หรือจาก A1ไปยงั A2 สามารถเป็ นไปไดท้ ้งั 2 ทิศทาง A2 และ A1
สามารถตอ่ แหล่งจ่ายไดท้ ้งั ท่ีเป็ นไฟบวกและไฟลบ ดงั น้นั Triac จึงนิยมนาไปใชค้ วบคุมโหลดท่ใี ช้
กบั ไฟฟ้ ากระแสสลบั
คุณลกั ษณะการนากระแสของ Triac โดยทว่ั ไปจะคลา้ ยกบั SCR คือเม่ือนากระแสในวงจรท่ี
มีแหล่งจา่ ยเป็นไฟตรงแลว้ จะสามารถนากระแสไดต้ ลอด เวน้ เสียแตว่ า่ กระแสท่ไี หลผา่ น Triac มีค่า
ต่ากวา่ คา่ กระยดึ (Holding current ; IH ) มนั ก็จะหยดุ นากระแสเช่นเดียวกบั SCR ในส่วนของการ

188

นาไปใชก้ บั ไฟฟ้ ากระแสสลบั น้นั การหยดุ นากระแสจะเกิดข้นึ ในช่วงทส่ี ญั ญาณรูปคล่ืนไซน์ของ
กระแสลดต่าลงนอ้ ยกวา่ คา่ กระแสยดึ ดงั น้นั จงึ ตอ้ งมีการป้ อนสญั ญาณทริกท่ีขาเกตใหก้ บั Triacโดย
ปรับเลือกตาแหน่งมุมตา่ ง ๆ ของรูปคล่ืนไซน์ กจ็ ะเป็ นการทาให้ Triac ควบคุมปริมาณของกระแส
และแรงดนั ทีจ่ ะป้ อนใหก้ บั โหลดดว้ ยค่าท่ีตา่ งกนั ตามมมุ ของการทริกทข่ี าเกตนน่ั เอง

อยา่ งไรกต็ ามถา้ ทาการป้ อนแรงดนั ระหวา่ งขา A2 – A1 โดยไม่มีการทริกทขี่ าเกต Triac จะ
สามารถนากระแสไดก้ ็ต่อเมอื่ แรงดนั ตกคร่อมตวั มนั มีคา่ ถึงช่วง “แรงดนั พงั ” (Break over voltage)
เช่นเดียวกบั SCR ซ่ึงเป็ นการเส่ียงที่จะทาให้เกิดอนั ตรายต่อ Triac และโหลด ดงั น้นั จึงตอ้ งมี
การทริกท่ขี าเกตเสมอเพอื่ ท่ีจะไดไ้ ม่ตอ้ งป้ อนแรงดนั ในวงจรใหม้ ีคา่ สูงจนเกินไป

แมว้ า่ Triac จะสามารถนาไปใชค้ วบคุมกาลงั ไฟฟ้ าของโหลดไฟฟ้ ากระแสสลบั ไม่วา่ จะเป็ น
การควบคุมความเร็วของมอเตอร์ ควบคุมแสงสวา่ งของหลอดไฟฟ้ า (Light dimmer) ควบคุมความ
ร้อนของขดลวดความรอ้ นในเคร่ืองทาน้าอุ่นไฟฟ้ า หรืองานเกี่ยวกบั ดา้ นเครื่องมือแพทย์ แต่มนั กม็ ี
จุดอ่อนอยทู่ ต่ี าแหน่งของขาเกต โดยทีข่ าเกตไม่สามารถทนตอ่ แรงดนั สูง ๆ ได้ ถา้ แรงดนั ที่เกตสูง
เกินไป อาจทาใหร้ อยต่อทีเ่ กตทะลุ ส่งผลใหไ้ ม่สามารถใชข้ าเกตควบคุมการทางานของ Triac ได้
อีกต่อไป ดงั น้นั ท่เี กตของ Triac จงึ มกั ตอ่ อุปกรณ์อีกตวั หน่ึงเพมิ่ เขา้ ไปเพอ่ื ช่วยในการรับแรงดนั
ส่วนหน่ึงไว้ อีกท้งั ยงั เป็นการป้ องกนั เกตไม่ใหเ้ กิดความเสียหายอนั เน่ืองมาจากแรงดนั ทเ่ี กตมีค่า
มากเกินไป อุปกรณ์ตวั น้นั เรียกวา่ “ไดแอก” (Diac)

ไดแอกเป็นอุปกรณ์ทไี่ ม่จดั เป็ นไทริสเตอร์ แต่จะถูกจดั เป็ นอุปกรณ์ช่วยในการทางานของ
อุปกรณ์ไทริสเตอร์ โดยมนั จะทาหนา้ ทปี่ ้ องกนั อนั ตรายอนั เน่ืองมาจากแรงดนั ทีข่ าเกตและยงั เป็ น
ตวั กาหนดคา่ แรงดนั ทจี่ ะมากระตนุ้ (Trig) ทเี่ กตอีกทางหน่ึง เราอาจเรียก Diac วา่ Diode – AC

16.4 โครงสร้างและสัญลกั ษณ์ของ Diac

ก) โครงสร้าง ข) สญั ลกั ษณ์

รูปที่ 16.3 โครงสรา้ งและสญั ลกั ษณ์ของ Diac

189

จากรูปที่ 16.3 ก) เป็นลกั ษณะทางโครงสร้างของ Diac ซ่ึงยงั คงประกอบดว้ ยรอยต่อของ
สารก่ึงตวั นาซิลิกอน P และ N มีโลหะสองดา้ นประกบรอยต่อ P และ N ดา้ นหวั ทา้ ย พรอ้ มท้งั ต่อขา
ออกมาเพอ่ื ใชง้ านในแต่ละดา้ น ส่วนรูปที่ 16.3 ข) เป็นลกั ษณะของสญั ลกั ษณ์ทแี่ สดงใหเ้ ห็นถึงการ
นากระแสไดส้ องทิศทางเสมือนไดโอดต่อสวนทางกนั

16.5 คณุ ลกั ษณะของ Diac

รูปที่ 16.4 กราฟคุณลกั ษณะของ Diac

จากกราฟคุณลกั ษณะของ Diac ท่ีแสดงในรูปที่ 16.4 จะเห็นไดว้ า่ การนากระแสของ Diac
สามารถนาไดส้ องทศิ ทางเช่นเดียวกบั Triac เพียงแตม่ นั ไม่มีขาเกต การท่ีจะทาใหม้ นั นากระแสได้
จะตอ้ งทาใหแ้ รงดนั ตกคร่อมที่ตวั มนั มีค่าถึง “แรงดนั พงั ” (Break over voltage) และเม่ือตวั มนั
นากระแส แรงดนั ที่ตกคร่อมตวั มนั จะลดลงจากคา่ แรงดนั พงั ประมาณ 5 โวลต์ ขา A2 และ A1
สามารถต่อไดท้ ้งั ไฟบวกหรือไฟลบ สลบั กนั อยา่ งไรกต็ าม Diac ก็มีขอ้ จากดั ดา้ นกระแสและ
แรงดนั เช่นเดียวกนั ดงั น้นั ในการใชง้ านจงึ ควรใช้ Diac ตามพกิ ดั กระแสและแรงดนั ทีม่ นั ทนได้
ลกั ษณะของ Diac จะคลา้ ยไดโอด คอื จะมีแถบคาดทีต่ วั Diac ซ่ึงมกั อยตู่ รงก่ึงกลาง ส่วนไดโอด
จะมีแถบคาดคอ่ นขา้ งชิดกบั ขาแคโถด ตวั อยา่ งของ Diac เบอร์ตา่ ง ๆ และพกิ ดั แรงดนั พงั ใชง้ านท่ี
พบเห็นใชก้ นั บอ่ ย ไดแ้ ก่

เบอร์ GT – 32 มีแถบคาดสีแดงค่าแรงดนั พงั ที่เหมาะสม 32 V (27 V- 37 V)
เบอร์ GT – 35 มีแถบคาดสีสม้ ค่าแรงดนั พงั ท่ีเหมาะสม 35 V (30 V- 40 V)
เบอร์ GT – 40 มีแถบคาดสีเหลืองคา่ แรงดนั พงั ที่เหมาะสม 43 V (38 V- 48 V)
เบอร์ GT – 50 มีแถบคาดสีเขียวคา่ แรงดนั พงั ท่ีเหมาะสม 46 V (56 V- 70 V)

190

16.6 การตรวจสอบ Triac และ Diac

วธิ ีการตรวจสอบ Triac ใชโ้ อห์มมิเตอร์กระทาไดด้ งั น้ี
1. ต้งั มลั ตมิ ิเตอร์แบบเขม็ ช้ี ยา่ น R x 1
2. ทาการวดั ค่าความตา้ นทาน Triac ท้งั 3 ขา ทลี ะคพู่ ร้อมสลบั สายวดั ทุกคู่ (วดั 6 คร้งั )
3. สงั เกตค่าความตา้ นทานท่ีวดั 6 คร้ัง จะมีขา Triac คู่หน่ึง ที่วดั ไดท้ ้งั สองคร้งั โดยการวดั
อยา่ งปกติทว่ั ไปจะอ่านความตา้ นทานไดเ้ ม่ือสลบั ปลายสายวดั กอ็ ่านค่าความตา้ นทานได้
4. คูท่ ีว่ ดั ค่าความตา้ นทานไดท้ ้งั 2 คร้ัง เป็ นขา G กบั A1 ขาทีว่ า่ งเป็ นขา A2
5. สงั เกตการวดั จะมีคา่ ความตา้ นทานไม่เท่ากนั (ตา่ งกนั นอ้ ยมาก ๆ) ถา้ ในการวดั คร้ังใด
ไดค้ ่าความตา้ นทานมากกวา่ เล็กนอ้ ย ขาทข่ี ้วั บวกแตะอยเู่ ป็ นขา G ขาที่ข้วั ลบแตะอยเู่ ป็ นขา A1 ดงั
แสดงในรูปท่ี 16.5

ก) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าที่ 1 ข้วั – อยขู่ าท่ี 2 ไดค้ ่าความตา้ นทานสูง 

ข) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าที่ 2 ข้วั – อยขู่ าที่ 1 ไดค้ ่าความตา้ นทานสูง 

191

ค) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าท่ี 2 ข้วั – อยขู่ าที่ 3 ไดค้ า่ ความตา้ นทานสูง 
ง) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าที่ 3 ข้วั – อยขู่ าที่ 2 ไดค้ ่าความตา้ นทานสูง 
จ) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าท่ี 1 ข้วั – อยขู่ าท่ี 3 ไดค้ ่าความตา้ นทานคา่ หน่ึง
ฉ) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าที่ 3 ข้วั – อยขู่ าท่ี 1 ไดค้ า่ ความตา้ นทานสูงกวา่ จ) เล็กนอ้ ย

รูปที่ 16.5 การตรวจสอบ Triac

192

ในการวดั ตามขอ้ 5 น้นั บางคร้ังอาจไม่สามารถสงั เกตได้ ใหน้ าสายมิเตอร์ + และ - แตะที่
ขา A2 และ A1 แลว้ หาสายไฟหน่ึงเสน้ นาปลายสายแตะขา G กบั A2 หรือ G กบั A1 สงั เกตเขม็ มิเตอร์
จะกระดิกเม่ือปลดปลายสายทแ่ี ตะกบั ขา G ออกเขม็ จะตอ้ งช้ีคา้ งอยู่ ดงั รูปท่ี 16.6

ก) นาสายไฟแตะขา G กบั A1 หรือ G กบั A2 เขม็ มิเตอร์กระดิกช้ีค่าความตา้ นทานคา่ หน่ึง

ข) ปลดสายไฟทีแ่ ตะขา G กบั A1 หรือ G กบั A2 ออกเขม็ มิเตอร์ยงั ช้ีค่าความตา้ นทานคา่ เดิม
รูปที่ 16.6 การตรวจสอบ Triac ดว้ ยการทริกทข่ี า G กบั A1 และ G กบั A2

วธิ ีการตรวจสอบ Diac ดว้ ยโอห์มมิเตอร์
1. ต้งั มลั ติมิเตอร์ที่ยา่ น R x 10 k
2. วดั ขาท้งั 2 ของ Diac โดยสลบั ปลายสายวดั 2 คร้ัง เขม็ มิเตอร์จะช้ีที่  ตลอด แสดง
วา่ Diac อยใู่ นสภาพดีแตจ่ ะใหด้ ีตอ้ งทดสอบดว้ ยการป้ อนแรงดนั เพอ่ื หาคา่ แรงดนั พงั เพราะถา้
แรงดนั ตกคร่อม Diac ถึงค่าแรงดนั พงั มนั จะนากระแส กรณีที่เขม็ ช้ี  ตลอด อาจเป็ นไปไดว้ า่ Diac
ขาด ในส่วนของขาใชง้ านจะใหด้ า้ นใดเป็ น A2 หรือ A1 กไ็ ด้ ดงั รูปที่ 16.7

193

ก) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าที่ 1 ข้วั – อยขู่ าท่ี 2 ไดค้ ่าความตา้ นทานสูง 

ข) ข้วั + ของมิเตอร์อยขู่ าที่ 2 ข้วั – อยขู่ าท่ี 1 ไดค้ ่าความตา้ นทานสูง 
รูปที่ 16.7 การตรวจสอบ Diac

194

16.7 การใช้งาน Triac และ Diac

โดยปกตแิ ลว้ การใชง้ าน Triac และ Diac มกั จะใชง้ านร่วมกนั โดย Triac จะทาหนา้ ทเ่ี ป็นตวั
หลกั ในการจ่ายกาลงั งานไฟฟ้ าใหก้ บั โหลด ส่วน Diac จะทาหนา้ ทป่ี ้ องกนั และควบคุมการทริกท่ี
ขาเกตของ Triac และดว้ ยเหตทุ ่ี Triac สามารถมีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นไดท้ ้งั สองทศิ ทางในปริมาณ
ที่มาก ดงั น้นั การนาไปใชค้ วบคุมการทางานของโหลดส่วนใหญจ่ ึงมกั เป็ นโหลดไฟฟ้ ากระแสสลบั
เช่น การนาไปใชค้ วบคุมความเร็วของมอเตอร์ วงจรเครื่องทาน้าอุ่นไฟฟ้ า วงจรการควบคุมความ
สวา่ งของหลอดไฟหรือที่เรียกวา่ วงจรหร่ีไฟ (Light dimmer)

16.7.1 วงจรหรี่ไฟ

S Lamp1,000W L1  0.1mH
R1  4.7k

VR1  500k A2
TRIAC
220V C1  0.1F G
50Hz 400V A1 Q4010L4

C2  34nF DIAC
100V GT  32

รูปท่ี 16.8 วงจรหร่ีไฟพน้ื ฐาน

วงจรหร่ีไฟพ้นื ฐานตามรูปที่ 16.8 ใชส้ าหรับปรบั ความสวา่ งของหลอดไฟชนิดไส้
หรือทีเ่ รียกวา่ Incandescent lamp โดยมี L1 และ C1 ทาหนา้ ท่ีกรองสญั ญาณความถี่เพอ่ื ไม่ใหเ้ กิด
สญั ญาณรบกวนคลื่นความถ่ีวทิ ยุ หมายความวา่ ถา้ ไม่มี L1 และ C1 ขณะรับฟังวทิ ยจุ ะมีคลื่นสญั ญาณ
รบกวนทาใหร้ ับฟังสญั ญาณไดไ้ ม่ชดั เจน แต่อยา่ งไรกต็ าม L1 และ C1 ที่ใส่ไวใ้ นวงจรกไ็ ม่สามารถ
ขจดั ปัญหาส่วนน้ีไดท้ ้งั หมด อาจมีคล่ืนรบกวนเล็กนอ้ ยเล็ดลอดออกมาบา้ ง โดยเน้ือแทแ้ ลว้ หนา้ ที่
หลกั ของ L1 ก็คือจะช่วยลดกระแสกระชากขณะเร่ิมใชง้ าน หรือเป็ นตวั ช่วยหน่วงการเปลี่ยนแปลง
ของกระแสไฟฟ้ าตามลกั ษณะของรูปคล่ืนไฟสลบั ใหช้ า้ ลง ส่วน C1 จะทาหนา้ ทลี่ ดั วงจรความถี่
รบกวนสูง ๆ (Harmonic) ไม่ใหอ้ อกไปรบกวนเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าอื่นโดยเฉพาะไม่ใหร้ บกวนคล่ืน
ความถี่วทิ ยุ (Radio frequency : RF)

195

อยา่ งไรกต็ าม ความสวา่ งของหลอดไฟทีไ่ ดย้ งั ไม่สมบรู ณ์นกั กล่าวคือ ในขณะลด

ความสวา่ งของหลอดไฟจนกระทง่ั หลอดไฟดบั ดว้ ยการปรับ VR1 ถา้ ตอ้ งการใหห้ ลอดไฟสวา่ ง
อีกคร้งั จะไม่สามารถสวา่ งไดใ้ นตาแหน่งเดิม เราตอ้ งทาการปรับ VR1 ไปถึงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
ของค่าสูงสุด หลอดไฟจงึ จะสวา่ ง และการสวา่ งจะไม่อยใู่ นลกั ษณะคอ่ ย ๆ สวา่ ง แตม่ นั จะสวา่ ง

ข้นึ แบบทนั ทที นั ใดที่คา่ ความสวา่ งค่าหน่ึง เหตทุ เี่ ป็ นเช่นน้ีเป็ นเพราะขณะที่ Diac ทาการทริกที่ขา
เกตของ Triac ตวั เก็บประจุ C2 จะทาการคายประจอุ อกมาดว้ ย ทาใหก้ ระแสไฟทม่ี าทริกทีข่ าเกตมี
ปริมาณเป็ นจานวนมากผลเสียลกั ษณะน้ีเราเรียกวา่ ฮีสเตอรีซิส(Hysteresis)หรือแบคแลช (Backlash)
ซ่ึงสามารถแกไ้ ขไดโ้ ดยการนาตวั ตา้ นทานขนาด 15 k ตอ่ อนุกรมกบั Diac เพอ่ื ช่วยลดความเร็ว

ในการคายประจุของตวั เกบ็ ประจุ C2 และเพมิ่ C3 ขนาดเดียวกบั C2 เขา้ ไปอีก 1 ตวั เพอ่ื ใหช้ ่วย
กระตนุ้ การทางานของ Diac อีกคร้ังหน่ึง ส่วนตวั เกบ็ ประจุ C1 และ C2 จะถูกลดความเร็วในการ
ประจุดว้ ย R2 ดงั รูปท่ี 16.9

S Lamp1,000W L1  0.1mH

R1  4.7k

220V C1  0.1F VR1  500k DIAC A2 R3  100
50Hz 400V GT  32 TRIAC
R 2  15k Q4010L4 C4  0.1F
C2  0.032F C3  0.032F G 400V
100V 100V A1

รูปที่ 16.9 วงจรหร่ีไฟท่คี วบคุมความสวา่ งไดส้ มบูรณ์

จากรูปท่ี 16.9 สามารถประยกุ ตใ์ ชว้ งจรไปควบคุมความเร็วของ Universal motor
ซ่ึงเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ าเหน่ียวนาชนิดพเิ ศษ ที่สามารถใชไ้ ดก้ บั ท้งั ไฟฟ้ ากระแสสลบั และไฟฟ้ า
กระแสตรง เช่น มอเตอร์จกั รเยบ็ ผา้ (ถา้ ใชก้ บั ไฟฟ้ ากระแสตรงเรียกวา่ Series motor) โดยการนาตวั
ตา้ นทาน R3 ขนาด100  อนุกรมกบั C4 ขนาด 0.1 F 400 V แลว้ นาไปตอ่ คร่อมขา A2 และ A1
ของ Triac เพอ่ื เป็ นการป้ องกนั กระแสกระชากไม่ใหเ้ กิดอนั ตรายอนั ตรายตอ่ Triac ขณะมอเตอร์เริ่ม
สตาร์ต

196

วงจรหร่ีไฟอีกแบบหน่ึง สามารถเปิ ด-ปิ ดไฟได้ โดยอาศยั ความเขม้ ของแสงสวา่ งมา
ควบคุมใหก้ ารเปิ ด-ปิ ดเป็นไปโดยอตั โนมตั ิ หลกั การกค็ ลา้ ยกนั กบั วงจรหร่ีไฟ ซ่ึงมนั จะสามารถ
ทางานไดท้ ้งั การหรี่ไฟและควบคุมการเปิ ด-ปิ ดไฟอตั โนมตั ิ ซ่ึงวธิ ีการก็คอื เพม่ิ ตวั ตา้ นทานไวแสง
หรือLDR มาควบคุมการทริกท่ขี าเกตของ Triac ตามวงจรรูปท่ี 16.10

Fuse L1

R1

VR1
AC R2 Diac Triac

C1 C2 R3
LDR

รูปท่ี 16.10 วงจรเปิ ด-ปิ ดและหรี่ไฟ

จากรูปท่ี 16.10 เม่ือทาการจา่ ยไฟใหก้ บั วงจรหลอดไฟจะไม่สวา่ งในเวลากลางวนั
เพราะจะมีแรงดนั ไฟฟ้ าตกคร่อมที่ R3 และท่ี LDR ค่อนขา้ งต่า ส่งผลใหแ้ รงดนั ตกคร่อมที่ตวั Diac
มีคา่ ไม่ถึงค่าแรงดนั พงั ทาให้ Diac ไม่สามารถนากระแสได้ ขณะเดียวกนั กระแสไฟฟ้ ากจ็ ะไหล
ผา่ น R3 และ LDR คอ่ นขา้ งมาก แตเ่ มื่อถึงเวลากลางคนื แสงสวา่ งมีความเขม้ นอ้ ยลง LDR มีคา่
ความตา้ นสูงข้นึ มากทาใหม้ ีแรงดนั ตกคร่อมทต่ี วั มนั มากข้ึน ในขณะท่ีกระแสไหลผา่ นตวั มนั กลบั มี
ค่าลดลง แรงดนั ตกคร่อม LDR ท่เี พมิ่ มากข้ึนน้ีเป็ นตวั ส่งผลใหแ้ รงดนั ตกคร่อมท่ตี วั Diac มีค่าสูงถึง
ค่าแรงดนั พงั Diac จงึ ยอมใหก้ ระแสไหลผา่ นไปทริกท่ขี าเกตของ Triac ทาใหม้ ีกระแสไฟฟ้ าไหล
ผา่ นหลอดไฟและ Triac ครบวงจร หลอดไฟจงึ สวา่ ง ซ่ึงวงจรในลกั ษณะน้ีมกั พบเห็นใชค้ วบคุมการ
เปิ ด-ปิ ดไฟฟ้ าแสงสวา่ งตามทอ้ งถนน หรือในเขตเทศบาลตา่ ง ๆ เพยี งแต่ในส่วนของตวั ตา้ นทาน
ปรับคา่ ได้ VR1 จะใชต้ วั ตา้ นทานคา่ คงที่ตดิ ต้งั ไวเ้ ท่าน้นั เอง

197

16.7.2 วงจรเคร่ืองทานา้ อ่นุ ไฟฟ้ า

Pr essure
switch

Thermal
cut  out

R1

R2 Diac Triac
VR1
AC
D1

D2 C

Lamp Heater

รูปที่ 16.11 วงจรเคร่ืองทาน้าอุ่นไฟฟ้ า

การทางานของวงจรเครื่องทาน้าอุ่นไฟฟ้ าในรูปที่ 16.11 จะคลา้ ยกบั วงจรหร่ีไฟ โดย
ในการปรบั ระดบั ความร้อนหรืออุณหภมู ิของน้า สามารถปรบั ไดโ้ ดยการปรับสวติ ชค์ วบคุม
อุณหภูมิ(VR1) ถา้ ทาการปรบั ตามเขม็ นาฬกิ าคา่ ความตา้ นทานของVR1จะลดลง กระแสท่ีไหลใน
วงจรผา่ นขดลวดความร้อนจะมีคา่ มากข้นึ อณุ หภูมิความรอ้ นของน้ากจ็ ะมากข้นึ ตามไปดว้ ย ถา้ เพม่ิ
ค่า VR1 โดยทาการปรับค่าทวนเขม็ นาฬกิ า กระแสไฟฟ้ าทีไ่ หลผา่ นขดลวดจะมีคา่ ลดลง อุณหภูมิ
ความร้อนของน้ากจ็ ะลดลงดว้ ยเช่นกนั ดงั น้นั Triac ทีต่ อ่ อนุกรมอยกู่ บั ขดลวด จงึ เป็ นตวั ควบคุม
ปริมาณกระแสไฟฟ้ าใหค้ งที่ ตามระดบั ของการปรับค่า VR1 ในแต่ละระดบั


Click to View FlipBook Version