The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักปฏิบัติเบื้องต้น ในการปลูกผักสวนครัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warinchamrapchalermrajkumari, 2021-02-18 02:37:06

หลักปฏิบัติเบื้องต้น ในการปลูกผักสวนครัว

หลักปฏิบัติเบื้องต้น ในการปลูกผักสวนครัว

จดั ทาํ และเผยแพรท างเว็บไซต : กลมุ ส่ือสงเสริมการเกษตร
สวนสงเสรมิ และเผยแพร

สํานกั พัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี
กรมสง เสริมการเกษตร

หลกั ปฏบิ ัติเบือ้ งตน ..ในการปลูกผักสวนครัว

ผกั สวนครวั คอื ผักท่ปี ลกู ไวใ นบริเวณบานหรือที่
วางตา ง ๆ ในชมุ ชนตาง ๆ โดยมีวัตถุประสงคเพอื่
ปลกู ไวสาํ หรับรบั ประทานเอง ภายในครอบครัว
หรอื ชุมชน การปลูกผักสวนครัวไวร ับประทาน
จะทาํ ใหผ ูปลูกไดรับประทานผักสดทีอ่ ดุ มดวย
วติ ามนิ และเกลอื แรต า ง ๆ มคี วามปลอดภยั จากสารเคมี
ลดรายจายในครัวเรอื นและท่ีสาํ คญั ทาํ ใหสมาชิก
ในครอบครัวมีกจิ กรรมรวมกันในการปลกู ผกั เพื่อ
เกิดสมั พนั ธท ี่ดีภายในครอบครัว โดยทั่วไปคนตอง
มกี ารบรโิ ภคผักอยางนอย วนั ละ 200 กรมั เพ่ือให
ไดส ารอาหารครบถวน

f ประโยชนข องการปลูกผกั สวนครัว

ปลูกเปน รวั้ บาน ( ร้ัวกินได ) ผักที่สามารถนาํ มาปลูกเปนทาํ เปน ร้ัว ไดแก
กระถนิ บา น ชะอม ตําลงึ ผกั หวาน ผกั ปลงั ตน แค ถว่ั พู มะระ ฯลฯ ซง่ึ เปน ผกั ทป่ี ลกู งา ย
และใหผลผลติ ตลอดปม คี ุณคา ทางอาหารสูงและปลอดภัยจากสารเคมี

สามารถใชป ระดบั ตกแตง บริเวณบาน เชน จัดสวนผกั สวนครัว การปลูกตน แค
เปน รว้ั กนิ ได การนําผกั สวนครวั ทป่ี ลกู ในกระถางแบบแขวน – หอ ย มาตกแตง บรเิ วณรอบ ๆ บา น

ใชพ ้ืนท่สี ว นที่วางเปลา ใหเกิดประโยชน
ลดคาใชจ ายในการซื้อผักมาประกอบอาหารประจําวัน
ครอบครวั ไดร บั ประทานผกั ทม่ี คี ณุ คา ทางอาหารครบถว นและปลอดภยั จากสารเคมี
สรา งความสมั พนั ธแ ละสานสายใยรกั ทด่ี ใี นครอบครวั และใชเ วลาวา งใหเ ปน ประโยชน

กลมุ ส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

2

ตน แคปลูกเปน รว้ั กนิ ได ปลูกแบบแขวนหอยตกแตง บาน

ปลกู ประดบั ตกแตงบริเวณบาน
ปลูกผกั สวนครัวในพนื้ ท่ีวา งเปลา

แปลงปลกู มีแหลงนํ้า

กลุมส่ือสงเสริมการเกษตร สํานกั พัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

3

f ขอ พิจารณาในการปลูกผกั สวนครัว

1. การเลอื กสถานที่หรือทําเลปลกู
ควรเลือกพนื้ ทท่ี ี่มีความอดุ มสมบูรณท่ีสุด อยูใกลแ หลงนํ้าไมไกลจากทพี่ กั อาศัย

มากนัก เพอ่ื ความสะดวกในการปฏบิ ัติงานดานการปลูก การดแู ลรักษา และสะดวกในการเก็บ
มาประกอบอาหารไดทนั ทีตามความตอ งการ

2. การเลือกประเภทผักสําหรับปลูก
ควรเลอื กปลกู ผกั ใหม ากชนดิ ทส่ี ดุ เพอ่ื ใหไ ดค ณุ คา ทางอาหารทห่ี ลากหลาย เปน ผกั

ที่สมาชิกในครอบครวั ชอบบรโิ ภคและเลือกปลูกผักใหเ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ มและปลกู
ใหตรงกบั ฤดูกาล

3. สภาพแสงและรม เงา
มคี วามจําเปนในการสังเคราะหแสงของพชื เพอื่ สรา งอาหาร ปริมาณแสงท่ีไดร บั

ในพนื้ ทปี่ ลกู แตล ะวนั นน้ั จะมผี ลตอ ชนดิ ของผกั ทปี่ ลกู แบง ความตอ งการแสงในการปลกู ผกั ดงั น้ี
สภาพพ้ืนทไี่ มไดร ับแสงแดดตลอดทง้ั วนั ควรปลกู พืชผกั ทเี่ จริญเติบโตใน

รมได เชน ชะพลู สะระแหน ตะไคร โหระพา ขงิ ขา และกะเพรา เปนตน
สภาพพ้ืนท่ีไดรับแสงแดดตลอดท้งั วัน ควรเลือกผักท่สี ามารถเจริญเติบโต

ไดใ นแสงปกติ เชน ถั่วฝกยาว คะนา ผกั กาดเขียวกวางตุง พรกิ ตาง ๆ ยกเวน พริกขีห้ นสู วน
4. ความพรอมของผปู ลกู
ผูปลูกควรกําหนดวา จะปลกู ผกั โดยมวี ัตถปุ ระสงคอะไร เชน ปลูกเพ่ือตอ งการ

ไดผักมาบริโภคประจําวัน ปลูกเพือ่ งานอดเิ รก ปลูกเพื่อจดั สวนตกแตง บรเิ วณบา น
ผูปลกู ตองมีความรู ความเขาใจธรรมชาติของผัก วิธีการปลกู ผักตลอดจนการ

ดแู ลรกั ษา
แรงงานในการปลกู ผัก ควรมีแรงงานในการดแู ลรักษาเฉลยี่ วนั ละประมาณ

2 – 3 ชัว่ โมง เนอ่ื งจากผกั สวนครัวตอ งการความพถิ ีพถิ นั ในการดแู ลรักษา
ความชํานาญในการปลูกผัก การปลูกใหไดผลผลิตดี ผูปลูกจําเปนตองมี

ความชาํ นาญ รูจกั สังเกตในการเจรญิ เตบิ โตของผกั และการเปลย่ี นแปลงตาง ๆ

กลุมส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

4
5. ชนิดของผักท่ีจะปลกู

ผักแตล ะชนิดมคี วามแตกตางกันในเร่ือง
อายุการเก็บเกีย่ ว และฤดกู าลเพาะปลกู การวางแผน
การปลกู ทเ่ี หมาะสม จะทาํ ใหม ีผลผลิตผักออกสมา่ํ เสมอ
และใชพน้ื ทใี่ หเ กดิ ประโยชนไดเต็มที่

การจําแนกผกั ตามอายุการเก็บเก่ยี ว ดังน้ี
5.1 ผกั อายสุ ้นั ( นอ ยกวา 2 เดือน ) ไดแ ก ผักชี ผกั กาดหอม ผกั กาดเขียว

กวางตุง คะนา ผกั บงุ จีน ผกั กาดหวั ผักกาดขาว แตงกวา ขา วโพดฝกออ น ปวยเหล็ง ผกั โขม

5.2 ผักอายปุ านกลาง ( 2 – 5 เดือน ) ไดแ ก กะหล่าํ ปลี ผักกาดขาวปลี
บร็อคโคลี่ กะหลาํ่ ดอก ถว่ั ฝก ยาว ถวั่ แขก หอมหวั ใหญ มะเขอื เทศ พริก แตงโม มะระ บวบ
ฟก ทอง ขาวโพดหวาน มนั ฝร่งั มนั เทศ

กลมุ สอ่ื สงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

5

5.3ผักยนื ตน ( มากกวา 1 ป ) ไดแก กุยชาย ผกั หวาน มะเขือ ชะอม
สะตอ ชะพลู โหระพา กะเพรา ถั่วพู ตะไคร แมงลัก กระชาย ขงิ หนอไมฝ รงั่ ขา ขมิ้น

6. ฤดูกาล
ควรเลอื กปลกู ผักสวนครัวใหเ หมาะสมกับฤดูกาล เพราะจะทาํ ใหดูแลรกั ษางา ย

ไดผ ักทม่ี ีคุณภาพ ผลผลิตดี มีโรคและแมลงรบกวนนอย ฤดกู าลทเ่ี หมาะสมในการปลูกพืชผกั
แตล ะชนดิ ดังนี้

พฤศจกิ ายน – มกราคม หอมแบง กยุ ชา ย คนื่ ฉา ย กะหล่ําปลี ผกั กาดขาวปลหี อ
กะหลํ่าปม กะหล่ําดอก มะเขือเทศ ถว่ั แระญ่ีปนุ หอมแดง หอมหวั ใหญ กระเทยี ม

กมุ ภาพันธ – เมษายน ผกั ชี ผกั บงุ จีน ผกั กาดหัว ถว่ั ฝกยาว แตงกวา
แตงไทย มะระ ผกั กาดขาวปลี ผกั คะนา ผักกาดเขียวกวางตุง ผกั กาดขาว

พฤษภาคม – กรกฎาคม ผกั คะนา กุยชา ย บวบเหลี่ยม กวางตงุ ไตหวัน
ขาวโพดหวาน หอมแดง

สงิ หาคม – ตลุ าคม ผกั ชลี าว ผกั โขม กยุ ชา ย ผกั กาดขาว ผกั กาดเขยี วกวางตงุ
หอมแบง มนั แกว มนั เทศ ผักกาดหอม ผกั คะนา ผกั บงุ จนี พรกิ ชี้ฟา พรกิ ขหี้ นู มะเขอื เปราะ
มะเขอื ยาว

กลุม ส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานักพัฒนาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

6

f วิธกี ารปลกู ผกั สวนครัว

1. การเตรียมดนิ
ผักสามารถปลกู ไดท งั้ ในพืน้ ดนิ โดยตรงหรือหากไมม ที ่ีดนิ เพียงพอกส็ ามารถปลูก

ไดใ นภาชนะตาง ๆ ท่มี คี วามลึกต้ังแต 20 เซนติเมตร ขนึ้ ไป เพ่อื ใหรากสามารถหยั่งลงไปใน
วสั ดปุ ลูกได สําหรับความกวางของภาชนะขึ้นกับชนิดผักที่จะปลกู

1.1 การเตรียมดินสําหรบั ปลูกในภาชนะ
ใช ดิน : แกลบ : ปุยหมกั อัตราสวน 1 : 1 : 1 คลกุ เคลาใหเขา กนั รดนํ้า

เพ่อื ใหมีความชื้น สงั เกตไดจากสามารถกําวสั ดปุ ลูกเปนกอ นได

1.2 การเตรยี มดนิ สาํ หรับการปลกู ในพ้นื ทว่ี างหรอื ในแปลง

กลุม ส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พัฒนาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

7
- พรวนดิน ตากดนิ ทิ้งไวป ระมาณ 7 – 15 วัน
- ยกแปลงสูงประมาณ 4 – 5 นว้ิ กวา งประมาณ 1 – 1.20 เมตร
สว นความยาวตามลกั ษณะของพน้ื ท่ี ควรอยใู นแนวทศิ เหนอื /ใต เพอื่ ใหผ กั ไดร บั แสงแดดทวั่ ทง้ั แปลง
- ใสป ยุ หมักหรอื ปยุ คอก อัตรา 2 – 3 กิโลกรมั ตอ เนื้อที่ 1 ตารางเมตร
2. การปลูก
2.1 การปลูกดวยเมล็ด สําหรับผักโดยทั่วไป เชน พรกิ มะเขอื คะนา
กวางตงุ กะหลาํ่ ปลี ผักกาดหวั ถัว่ ฝก ยาว และแตงกวา ตอ งใชเมลด็ ปลูก การใชเมล็ดปลูก
ทาํ ได 3 วิธี คือ
- การเพาะกลา กอ นแลว จึงยา ยปลูก สาํ หรับผักท่เี มล็ดมีราคาแพง
ตอ งการดูแลเอาใจใสม าก หรือในชวงท่เี วนปลกู มีฝนตกชกุ การเพาะ และยายปลกู อาจทาํ ให
สามารถดแู ลตน กลาใหแ ข็งแรงได กอ นยา ยปลูกลงในแปลงปลูก
- การหวานเมลด็ โดยตรงในแปลงปลกู และเมื่อตน กลา โตทําการถอน
แยกตน ทแี่ นน เกนิ ไปออก เพอ่ื จดั ระยะปลกู วธิ นี ห้ี ากผปู ลกู ไมช ํานาญอาจทําใหส น้ิ เปลอื งเมลด็
และเมล็ดอาจกระจายตวั ไมด จี ะทาํ ใหผกั ขึ้นเปนกระจุก มีวิธแี กโดยอาจใชเ มลด็ ผสมกบั ทราย
และหวานเมลด็ จะทาํ ใหเมล็ดตกกระจายดีขึ้น
- การปลูกในหลุมปลูกโดยตรง ใชก บั ผกั ที่มเี มลด็ ใหญ เชน ขา วโพด
ถว่ั ฝก ยาว แตงกวา หรือผักที่ใชส ว นของรากรับประทาน เชน ผกั กาด หวั แครอท
2.2 ปลูกดวยสวนขยายพันธอุ ่นื ๆ เชน ก่งิ ตน หวั และไหล เปนตน
ตัวอยางเชน กะเพรา โหระพา แมงลัก หอมแดง กระเทยี ม มันฝรัง่ เปน ตน

กลุม ส่อื สงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสง เสริมการเกษตร

8
3. การดูแลรักษา

3.1 การใหนํ้า พืชผกั เปน พืชอายุสนั้ ระบบรากตื้น ตองการน้ําสมํา่ เสมอ
ทุกระยะการเจริญเติบโต ตองใหน า้ํ ทุกวนั แตระวังอยาแฉะหรือมีนาํ้ ขัง เพราะนาํ้ จะเขาไป
แทนท่ีอากาศในดิน ทําใหรากพชื ขาดออกซิเจนและเนา ตายได ควรรดน้ําในชว งเชา – เยน็
ไมควรรดนาํ้ ตอนแดดจัด

3.2 การใหปุย มี 2 ระยะ คอื
- ปยุ รองพนื้ ใสช ว งเตรยี มดนิ หรอื รองกน หลมุ กอ นปลกู ควรเปน ปยุ คอก

หรอื ปยุ หมกั เพือ่ ปรับโครงสรา งดนิ ใหโ ปรงรว นซุย ชว ยในการอมุ น้ําและรักษาความชน้ื ของ
ดินใหเหมาะสมกบั การเจรญิ เติบโตของพชื

- ปยุ บํารุง ใสปุยวทิ ยาศาสตร 2 ครงั้ ครัง้ แรกเมือ่ ยายกลา ไปปลูกจน
กลาต้ังตัวไดแ ลว และใสครั้งที่ 2 หลงั จากใสค รั้งแรกประมาณ 2 – 3 สัปดาห การใสใหโ รย
บาง ๆ ระหวา งแถว ระวังอยาใหป ยุ อยูชดิ ตน เพราะจะทาํ ใหผ ักตายได เมอ่ื ใสป ยุ แลว ควร
พรวนดนิ และรดนํา้ ทันที ปยุ ท่มี ักใชก บั พชื ผกั ไดแ ก ยเู รยี แอมโมเนียมซัลเฟต สาํ หรับบํารุง
ตนและใบ และปุยสูตร 15 – 15 – 15 และ12 – 24 – 12 สําหรับเรง การออกดอกและผล

3.3 การกาํ จัดวัชพชื ใชมดี จอบ หรอื ถอนดว ยมือ

กลมุ ส่อื สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

9
3.4 การปอ งกันกาํ จดั แมลงศัตรูพืช การปองกนั กาํ จัดแมลงทป่ี ลอดภัย
ทาํ ไดหลายวิธี ดังน้ี

- ใชก ับดักกาวเหนียวสีเหลอื ง สามารถดกั แมลงไดหลายชนดิ เชน
เพลย้ี ออ น หนอนแมลงวนั ชอนใบ โดยตดิ ตง้ั 1 – 2 อนั ตอ แปลง สงู จากพนื้ ดนิ ประมาณ 50 ซม.
โดยปจ จุบนั ถงุ พลาสติกสเี หลืองและกาวเหนียวมีขายทั่วไปตามรา นขายวัสดุการเกษตร

- ใชกบั ดกั แสงไฟ ซ่งึ อาจเปน กับดักแมลงชนิดขดลวดไฟฟา ทําลายแมลง
โดยตรงเชนเดียวกับท่ีดักยุงตามบาน หรืออาจเปนเพียงหลอดไฟสีน้ําเงินลอตัวแกของ
หนอนผเี สอ้ื กลางคนื มาตกลงในภาชนะท่ีใสนาํ้ และนาํ้ มัน

กลมุ สอื่ สงเสรมิ การเกษตร สํานักพฒั นาการถายทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

10
- ใชสารสกัดจากสะเดา เปนท้งั สารไลแ มลงและฆาแมลงโดยตรง
- การใชสารสกัดจากพืชอน่ื ๆ เชน โลต้นิ สารสกดั จากหนอนตายหยาก
และนิโคตินจากยาสูบ หรือยาฉุน สามารถหาซื้อไดงายในทองตลาด ใชยาฉุน 100 กรัม
ตอ นํ้า 1 ลิตร แชท ้งิ ไว 1 คนื นาํ มาราด หรือฉีดพนฆา แมลงได
- ใชเชอ้ื แบคทีเรยี หรอื เชื้อไวรัส ซึ่งไมเ ปนอนั ตรายตอ คน มที ้งั ในรปู ของ
ผงและนํา้ โดยนาํ มาผสมนา้ํ ฉีด หรือราดบนใบผกั ในชวงบาย หรอื ค่ํา เพือ่ ไมใ หเ ช้อื ถูกชะลา ง
ออกไป ควรรดนํ้าแปลงปลูกกอนฉีดเช้ือแบคทเี รีย นอกจากน้ีความชนื้ ยังชว ยใหเช้อื แบคทเี รีย
เจริญเติบโตไดดี เชื้อแบคทเี รียและไวรัสสามารถกาํ จัดหนอนไดห ลายชนิด เชน หนอนใยผกั
หนอนกระทูหอม หนอนคืบ ดวงหมัดผัก
- ไสเ ดือนฝอย สามารถควบคุมดวงหมัดผัก และหนอนกระทูหอม
โดยฉีดพน หรือราดลงแปลงปลูกหลงั ใหนา้ํ ในชว งเยน็
- ใชส ารไพรที รอยด เปน สารทปี่ ลอดภยั กบั สตั วเ ลอื ดอนุ แตม ฤี ทธเ์ิ ฉยี บพลนั
ตอแมลง สลายตัวเร็วจนมีพิษตกคางต่าํ แตตองปฏิบัติตามคําแนะนําท่ีฉลากขางขวด
ระบชุ วงเวลาทป่ี ลอดภัยหลงั จากฉดี พน แตสารไพรที รอยด ถา ใชบ อ ยจะทําใหแมลงปากดูด
เชน เพล้ียไฟ และไรระบาดมากขึ้น
- ปลกู พืชผกั รว มกบั พชื ที่มกี ล่ินไลแ มลง เชน โหระพา กะเพรา ตะไคร
3.5 การปอ งกันกาํ จดั เช้อื โรคในผัก ในการปลกู ผกั หากมีการดแู ลใหพชื ผัก
มกี ารเจรญิ เตบิ โตท่ีแขง็ แรง สมบูรณ และปลูกไมใ หต น แนน หรือชดิ กนั เกินไป สามารถชว ย
ปอ งกนั โรคไดใ นระดบั หนง่ึ แตใ นชว งฤดฝู นทม่ี ฝี นตกชกุ อาจทําใหเ กดิ ปญ หาใบจดุ หรอื โคนเนา
ใหทําการเกบ็ ใบหรอื ตนผักท่เี ปน โรคทง้ิ และนําไปทําลายนอกแปลง และใชนา้ํ ปนู ใสรดท่ี
แปลงผกั หรือตน ผัก
วธิ กี ารทาํ น้ําปูนใส ใหใชปูนขาวจํานวน 5 กิโลกรัมตอน้าํ 20 ลติ ร ผสมให
เขา กนั และทงิ้ คา งคนื ไว 1 คนื รงุ ขน้ึ ใหน ํานํา้ ปนู ใสทป่ี นู ตกตะกอนแลว อตั รา นา้ํ ปนู ใส 1 สว น
นา้ํ ธรรมดาสําหรับรดผัก 5 สวน เพอ่ื รดในแปลงปลูก

กลมุ สือ่ สงเสรมิ การเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร

11

f การเกบ็ เก่ยี ว

การเก็บเก่ยี วผัก ควรเก็บในเวลาเชา จะทําใหผ ักสด รสชาติดี และหากยงั ไมไดใ ช

ใหลา งใหส ะอาด และนาํ เก็บไวในตูเยน็ สาํ หรบั ผักประเภทผลควรเก็บในขณะท่ีผลไมแ กจ ัด

จะไดผลทีม่ รี สชาติดี และจะทาํ ใหผลดก หากปลอ ยใหผลแกคาตนตอไปจะออกผลนอ ยลง

สาํ หรบั ผกั ใบหลายชนดิ เชน หอมแบง ผกั บงุ จนี ผกั คะนา กะหลํ่าปลี การแบง เกบ็ ผกั ทส่ี ดออ น

หรือโตไดข นาดแลว โดยยงั คงเหลือลาํ ตน และรากไว ไมถอนออกทง้ั ตน รากหรอื ตนทเี่ หลืออยู

จะสามารถงอกงามใหผ ลผลติ ไดอ กี หลายครงั้ ทง้ั นจี้ ะตอ งมกี ารดแู ลรกั ษาใหน าํ้ และปยุ อยเู สมอ

การปลกู พชื หมุนเวยี นสลบั ชนิด หรือปลกู ผักหลายชนิดในแปลงเดียวกันและปลูกผักทม่ี ีอายุ

เกบ็ เกยี่ วสนั้ บา ง ยาวบา งคละกนั ในแปลงเดยี วกนั หรอื ปลกู ผกั ชนดิ เดยี วกนั แตท ยอยปลกู ครงั้ ละ

3 – 5 ตน หรอื ประมาณวา รบั ประทานไดใ นครอบครวั ในแตล ะครงั้ ทเี่ กบ็ เกยี่ ว กจ็ ะทําใหผ ปู ลกู

มผี กั สด เกบ็ รับประทานไดท ุกวนั ตลอดป

fที่มา

กรมสง เสรมิ การเกษตร 2551. “ ผกั สวนครวั สานสายใยรกั แหง ครอบครวั ”. กรงุ เทพฯ.

fเรียบเรยี งและจดั ทําโดย

นางอรสา ดสิ ถาพร ผอู าํ นวยการสว นสง เสรมิ การผลติ ผกั ไมด อกไมป ระดบั และพชื สมนุ ไพร
สวนสง เสรมิ การผลิตผัก ไมดอกไมประดับและพืชสมุนไพร
สาํ นกั สง เสริมและจดั การสินคาเกษตร
กรมสง เสริมการเกษตร

กลุมสอื่ สงเสริมการเกษตร สํานกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสงเสริมการเกษตร


Click to View FlipBook Version