The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2คู่มือปลูกผัก-Final-Edit-16.30-น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warinchamrapchalermrajkumari, 2021-02-18 02:41:22

2คู่มือปลูกผัก-Final-Edit-16.30-น

2คู่มือปลูกผัก-Final-Edit-16.30-น

เศรษฐกจิฐานรากมัน่คงและชุมชนพึง่ตนเองได ChangeforGood
ภายในป๒๕๖๕



คานา

กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจสาคัญในการส่งเสริมกระบวนการ
เรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาใช้ในการดาเนินชีวิต โดยดาเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาหมู่บ้านและ
ชุมชนท้องถ่ินตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงครัวเรือน เพ่ือสร้างความมั่นคง
ทางอาหารการสรา้ งสง่ิ แวดลอ้ มใหย้ ั่งยืน การสรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทางสังคม

กรมการพัฒนาชมุ ชน จัดทาคู่มือการปลูกผักสวนครัวเล่มนี้ข้ึน เพื่อให้
เจ้าหน้าท่ีพัฒนาชุมชนและผู้สนใจใช้เป็นคู่มือในการปลูกผักสวนครัวให้ได้ผลผลิต
สาหรบั การบรโิ ภค ลดรายจา่ ย เพิม่ รายไดค้ รวั เรอื น

กรมการพฒั นาชมุ ชน
มนี าคม 2563

สารบัญ

หน้า

ความหมายของผัก 1
ประโยชน์ของผกั 2
ปจั จัยทจ่ี าเปน็ ตอ่ การปลูก 2
การเลือกชนดิ ผกั 6
วิธกี ารปลกู ผัก 7
วิธสี งั เกตในการเก็บเกย่ี วผักชนดิ ตา่ งๆ 11
การรับประทานผกั ใหม้ คี ุณคา่ สงู สดุ 12
การบรโิ ภคผักให้ปลอดภัยจากสารพษิ 14
เทคนิคบางประการในการปลกู ผกั สามัญประจาบ้าน 15
เทคนคิ การปลูกผกั สามัญประจาบ้าน 5 ชนดิ 17

ภาคผนวก

- ตัวอยา่ งการปลูกผกั สวนครวั “บ้านนี้มีรัก ปลกู ผัก กนิ เอง” ผู้วา่ ราชการจังหวัดชยั ภมู ิ 29

- ตัวอย่างการปลูกผกั สวนครวั “บ้านนี้มรี ัก ปลูกผัก กนิ เอง” นายอาเภอบ้านแท่น จ.ชยั ภมู ิ 30

- ตัวอย่างการปลูกผักสวนครวั “บ้านนี้มรี กั ปลกู ผกั กนิ เอง” กานันตาบลโปง่ น้ารอ้ น 31

อ. ฝาง จ.เชยี งใหม่

การปลกู ผกั สวนครวั กรมการพัฒนาชมุ ชนกกห
ผักสามญั ประจําบาŒ นหฟห
ความหมาย

คอื ผักท่เี ราปลูกเองในที่อย่อู าศัย อาจปลกู ในกระถาง กระบะ หรือพ้นื ดิน เป็น
ผกั ทีป่ ลกู งา่ ย ไม่ซบั ซอ้ น ปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย น�ำมาบริโภคเป็นผักแกล้ม
หรอื ปรุงเป็นอาหารไดส้ ะดวก

การปลูกผกั ภายในบริเวณบา้ น โดยเฉพาะการปลูกผกั สามัญท่ีใช้
เป็นประจ�ำในครอบครัว ไม่จ�ำเป็นต้องมีพ้ืนที่ภายในบริเวณบ้านท่ี
กว้างขวาง เพียงแค่มีพื้นที่ 1–5 ตารางเมตร ก็สามารถปลูก
ผักไว้รับประทานอย่างเพียงพอได้ โดยหากมีพื้นที่
กว้างพอก็สามารถปลูกลงในดินโดยตรง แต่ถ้า
มีพ้ืนท่ีขนาดเล็กสามารถปลูกในภาชนะ
และตั้งวางบนพ้ืนดินหรือแขวนใน
บริเวณบ้านท่ีมีแสงแดดส่องถึง
อย่างน้อยครึ่งวันก็เพียงพอ
ที่จะมีผักสดและปลอดภัย
ไวร้ บั ประทานเพอ่ื สขุ ภาพ
ทด่ี ขี องคนในครอบครวั
และสอดคล้องกับ
ส ภ า พ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
ในปัจจุบันดว้ ย

1

ประโยชน์

1. ปลกู เปน็ รวั้ บา้ น (รวั้ กนิ ได)้ ผกั ทส่ี ามารถนำ� มาปลกู
ทำ� เป็นรัว้ ได้แก่ กระถินบ้าน ชะอม ตำ� ลึง ผักหวาน ผักปลัง
ต้นแค ถ่ัวพู มะระ ฯลฯ ซึ่งเป็นผักที่ปลูกง่ายและให้ผลผลิต
ตลอดปีมคี ุณคา่ ทางอาหารสงู และปลอดภยั จากสารเคมี

2. ใช้ประดบั ตกแต่งบริเวณบา้ น เช่น จัดสวน การน�ำ
ผกั ปลกู ในกระถางแบบแขวน-หอ้ ยมาตกแตง่ บรเิ วณรอบ ๆ บา้ น

3. ใช้พืน้ ทสี่ ่วนทว่ี ่างเปลา่ ให้เกดิ ประโยชน์
4. ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาประกอบอาหาร
ประจ�ำวนั
5. ได้ผกั ทม่ี คี ณุ คา่ ทางอาหารครบถว้ นและปลอดภัยจากสารเคมี
6. สร้างความสัมพันธ์และสานสายใยท่ีดีในครอบครัวและใช้เวลาว่างให้เป็น
ประโยชน์

ปัจจัยทจ่ี ำ� เป็นในการปลกู

1. พันธผุ์ ัก

เป็นส่ิงตั้งต้นที่จะท�ำให้ได้ผลผลิตผัก ผักส่วนใหญ่ใช้เมล็ดพันธุ์ในการขยาย
พนั ธุ์ แต่กย็ ังมอี กี หลายชนิดใช้ส่วนอนื่ ๆ ในการขยายพนั ธุ์ ดงั น้ี

1 .1 ผกั ท่ีใช้เมลด็ พันธสุ์ �ำหรับปลูก
พรกิ มะเขอื เทศ มะเขอื คะนา้ กวางตงุ้ ผกั กาดขาว ผกั กาดหอม แตงกวา
แตงร้าน แตงโม แตงไทย
แคนตาลูป บอน มะระ ฟกั ทอง
ฟักเขียว แฟง ถั่วฝักยาว
ถว่ั พลู ผกั บงุ้ จนี กระเจย๊ี บเขยี ว
กะเพรา โหระพา แมงลกั และ
ผกั ชี

2

1.2 ผักท่ีใช้สว่ นตา่ งๆ ในการปลกู
- ใช้ก่ิงปักช�ำ เชน่ ผักหวานบ้าน ชะอม กะเพรา
โหระพา แมงลกั และชะพลู เป็นต้น
- ใช้เหงา้ หัวและ
ล�ำต้น เช่น หอมแบง่ หอมแดง กระชาย
ขงิ ขา่ ตะไคร้ และมนั เทศ เป็นตน้

2. ดิน

2.1 การปลูกในพ้ืนดนิ โดยตรง
ให้พรวนดินตากแดดไว้ประมาณ 7–15 วัน หลังจากนั้นยกแปลงสูง
ประมาณ 4–5 น้ิว กว้างประมาณ 1–1.2 เมตร ส่วนความยาวตามความยาวของพ้ืนที่
หรือความต้องการ การวางแปลงให้พิจารณาให้อยู่ในแนวทิศเหนือ–ใต้ เพ่ือให้ผัก
ได้รับแสงแดดทั่วแปลงตลอดวัน ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจ�ำนวน 2 กิโลกรัมต่อพ้ืนที่
1 ตารางเมตร คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั อยา่ งดกี อ่ นการปลูกผกั
2.2 การปลกู ผักในภาชนะ
ใหใ้ ชด้ นิ ผสมสำ� หรบั การปลกู โดยดนิ ผสมตอ้ งมคี วามรว่ นซยุ ระบายนำ้�
ไดด้ ี และมธี าตอุ าหารจำ� เปน็ ทเี่ พยี งพอกบั การเจรญิ เตบิ โตของผกั ได้ ปจั จบุ นั มกี ารจำ� หนา่ ย
ส่วนผสมในร้านขายต้นไม้หรือวัสดุอุปกรณ์การเกษตร ซึ่งสามารถซ้ือมาใช้ส�ำหรับการ
ปลูกผักได้ และหากต้องการท�ำดินผสม
ส�ำหรับการปลูกผักใช้เองให้
ใชส้ ว่ นผสม ดิน : ปุ๋ยคอกหรอื
ปยุ๋ หมกั : ขุยมะพร้าวหรือขเ้ี ถา้
แกลบ ในส่วนผสม 1 : 1 : 1
คลกุ เคลา้ ให้เข้ากนั อยา่ งดี

3

3. ภาชนะปลกู

3.1 การเลือกภาชนะปลูกใหเ้ หมาะสมกับชนดิ ของผัก
ให้พิจารณาจากอายุของผัก ต้ังแต่ปลูกจนถึงเก็บเก่ียว หากใช้ระยะ
เวลานานหรือเป็นผักยืนต้นต้องพิจารณาให้ใช้ภาชนะมีขนาดใหญ่พอสมควร เพื่อให้
มีพื้นที่ในการบรรจุวัสดุปลูกหรือดินผสมท่ีเพียงพอให้พืชผักหย่ังรากและมีอาหาร
เพ่ือการเจริญเติบโตได้อย่างเพียงพอ รวมท้ังให้ค�ำนึงถึงความยาวของรากพืชผักด้วย
ซึ่งโดยท่ัวไปหากเป็นพืชผักอายุส้ันรากผักจะเจริญเติบโตและหาอาหารอยู่ท่ีระดับ
ความลึกประมาณ 20 เซนตเิ มตร ดังน้นั ภาชนะปลกู ควรมีความลกึ 25–30 เซนติเมตร
แต่หากเป็นผักที่มีอายุปานกลาง เช่น พริก มะเขือต่าง ๆ หรือผักยืนต้น เช่น กะเพรา
โหระพา แมงลัก ชะอม ภาชนะปลูกควรมีความลึกไม่ต�่ำกว่า 50 เซนติเมตร จะท�ำให้
พืชผักสามารถเจริญเติบโตออกผลได้สมบูรณ์ เลือกภาชนะปลูกที่มีความคงทนแข็งแรง
พอสมควร หรือมคี วามแข็งแรงดี
3.2 การเตรยี มภาชนะปลกู
เมื่อเลือกภาชนะปลูกได้เหมาะสมทั้งกับชนิดของพืชผัก และมีความ
แข็งแรงคงทนพอสมควรแล้ว ส่ิงท่ีจ�ำเป็นจะต้องปฏิบัติต่อไปคือ ท�ำให้ภาชนะปลูก
มีรูระบายน้�ำ เพื่อให้น�้ำในส่วนที่เหลือจากที่ดินไม่สามารถดูดซับได้แล้วจะได้สามารถ
ระบายออกได้ เพ่ือให้ไม่ขังและอยู่ในภาชนะปลูกซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดรากเน่าและ
ต้นไม่เจริญเตบิ โตและตายได้
วิธีการท�ำรูระบายน�้ำ โดยการเจาะเป็นรูเล็ก ๆ ขนาดและจ�ำนวน
พอสมควร โดยพิจารณาใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดของภาชนะปลกู เปน็ ส�ำคัญ

4

4. อปุ กรณ์ส�ำหรบั
การให้นำ�้ ผกั

เน่ืองจากผักเป็นพืชที่มีอายุ
สั้นมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น
จึงมีความต้องการน�้ำอย่างสม่�ำเสมอ
ส่ิงจ�ำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการให้น้�ำ
พืชผักคือควรใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม
ในการให้น้�ำ โดยทั่วไปหากมีการปลูกผัก
ไม่มากให้ใช้บัวรดน้�ำที่มีหัวฝอยละเอียด
เพอ่ื ไมใ่ หค้ วามแรงของนำ้� ทำ� ใหผ้ กั ชำ�้ หรอื
ท�ำให้ดินกระจายซ่ึงจะกระทบกระเทือน
ตอ่ การเจรญิ เติบโตของผกั

หากไม่ใช้บัวรดน้�ำอาจใช้สายยางรดน�้ำ แต่แนะน�ำให้ติดหัวฝักบัวท่ีปลาย
สายยางเพือ่ ให้น้�ำแตกกระจาย ลดความดนั ของนำ�้ ท่ีจะท�ำให้ผักเสียหาย

5. อปุ กรณ์ในการพรวนดนิ

หากเป็นการปลูกในดินโดยตรง ควรมีจอบส�ำหรับใช้ในการพรวนดิน
หรือถ้าเป็นการปลูกในภาชนะปลูกควรมีพลั่วมือท�ำดินผสมส�ำหรับการปลูกผัก และใช้
พรวนดนิ ในระหวา่ งการปลกู โดยเมอื่ มกี ารปลกู ผกั ในระยะหลงั หนา้ ดนิ อาจเรมิ่ อม่ิ ตวั แนน่
ให้ใช้จอบหรือพลั่วมือพรวนดิน
รอบ ๆ ต้นผัก เพื่อให้มีการถ่ายเท
อากาศทำ� ใหอ้ อกซเิ จนสามารถถา่ ยเท
ลงไปในดนิ ได้ และเพอื่ ประโยชนก์ บั
รากผักในการเจรญิ เติบโต

ทง้ั นี้ การพรวนดนิ ตอ้ ง
ระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือน
ต่อรากหรือลำ� ต้นด้วย

5

การเลอื กชนิดผกั

ผกั จำ� แนกได้เป็น 3 ชนดิ ตามอายกุ ารเก็บเกีย่ ว ได้แก่

1. ผกั อายุสัน้ หมายถึง ผกั ทม่ี ีอายุ

ตงั้ แตป่ ลกู จนถงึ สามารถเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ได้
น้อยกว่า 2 เดอื น ส่วนใหญเ่ ป็นผกั ท่ีใช้ส่วน
ของใบและล�ำต้นส�ำหรับการบริโภค มีการ
เจริญเติบโตรวดเร็ว ท�ำให้สามารถปลูกและ
เก็บเก่ียวผลผลติ ไดใ้ นเวลาส้ัน เช่น ผกั บุง้ จนี
คะน้า กวางตุ้ง ผกั กาดหอม ผักชี เปน็ ตน้

2. ผักอายุปานกลาง หมายถึง

ผักที่มีอายุประมาณ 2–5 เดือน ต้ังแต่ปลูกจนสามารถ
เก็บเกี่ยวผลผลิตไปบริโภคได้ มีท้ังผักท่ีใช้ล�ำต้น ดอก ผล
ในการบริโภค เชน่ กะหล�ำ่ ปลี ผักกาดขาวปลี กะหลำ่� ดอก
ถั่วฝักยาว พริก มะเขือ มะเขือเทศ แตงโม บวบ มะระ
และฟักทอง เป็นต้น

3. ผกั ยืนตน้ หมายถึง ผกั ที่สามารถปลกู และ

เก็บเกี่ยวผลผลิตไปรับประทานได้อย่างต่อเนื่อง สามารถ
ปลูกและอยู่ข้ามปีได้หากเม่ือเก็บเกี่ยว
ผลผลิตแล้วยังมีการดูแลรักษาอย่าง
สม่ำ� เสมอ เช่น ผักหวาน ชะอม กระถิน
กะเพรา โหระพา แมงลัก ขิง ข่า ขม้ิน
ตะไคร้ และกระชาย เป็นต้น
การเลือกชนิดผักส�ำหรับปลูก
นอกจากจะพิจารณาจากอายุของพืชผัก
เพ่ือให้เหมาะสมกับความต้องการบริโภค

และสภาพพนื้ ทหี่ รอื ภาชนะปลกู ใหเ้ หมาะสมแลว้ ควรคำ� นงึ ถงึ ฤดกู าลทจ่ี ะปลกู ใหเ้ หมาะสม
กับชนิดของพืชผักด้วย เพราะจะท�ำให้ดูแลรักษาง่าย มีโรคและแมลงรบกวนน้อย
ไดผ้ ักที่มคี ุณภาพและรสชาตทิ ่ีดดี ว้ ย

6

วธิ ีการปลกู ผัก

1. การปลูก

1.1 การปลกู ด้วยเมลด็ พันธุโ์ ดยตรง ควรแช่เมลด็ พันธ์ดุ ้วยน�ำ้ อุน่ (อณุ หภมู ิ
ประมาณ 55–60 องศาเซลเซยี ส) ประมาณครง่ึ ชวั่ โมง เพอ่ื กระตนุ้ ใหเ้ มลด็ งอกเรว็ ขน้ึ และ
สามารถฆา่ เชื้อโรคบางชนดิ ที่ตดิ มากับดนิ ได้

1.2 การยา้ ยกลา้ ปลกู ตอ้ งเลอื กตน้ กลา้ ทม่ี ยี อด ลำ� ตน้ ใบ และรากทส่ี มบรู ณ์
แขง็ แรง ปราศจากโรคและแมลงไปปลูก

1.3 การใช้กิ่งพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์อ่ืน ๆ ให้คัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่แข็งแรง
กง่ิ มีความแกพ่ อสมควร หรอื กลบี และหัวแน่น เพื่อให้สามารถเจริญเตบิ โตไดส้ มบูรณ์

2. การเพาะกลา้

การเพาะกลา้ สามารถทำ� แปลงเพาะหรอื เพาะในถงุ พลาสตกิ หรอื ใชถ้ าดเพาะ
ดนิ ทีใ่ ช้ในการเพาะกล้า ควรเปน็ ดินผสมที่มีอัตราส่วนของดนิ รว่ นละเอยี ดผสมกับปยุ๋ คอก
หรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 หรือดินร่วนละเอียดผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและ
ขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าวในอัตรา 1 : 1 : 1 น�ำเมล็ดที่เตรียมไว้หยอดลงในหลุมปลูก
หลุมละ 1 เมล็ด กลบดินบาง ๆ แล้วรดน้�ำด้วยบัวรดน�้ำท่ีฝอยละเอียดเพื่อไม่ให้ดิน
กระจายตวั ควรมกี ารกนั มดหรอื แมลง
มาคาบเมล็ด โดยใช้ปูนขาว
โรยบาง ๆ ล้อมรอบบริเวณ
ท่ีวางถุงหรือถาดเพาะกล้า
ดูแลรดน�้ำสม่�ำเสมอทุกวัน
วันละ 1–2 ครั้ง ในเวลาเช้า
และบ่าย โดยทั่วไปอายุกล้า
ที่เหมาะสมในการย้ายปลูก
ประมาณ 15–20 วนั แตส่ ำ� หรบั
พริก และมะเขือต่าง ๆ ควร
มีอายุ 25–30 วนั

7

3. การใหปŒ ย‰ุ

ปุยรองพน้ื ใสชว งเตรยี มดนิ
หรือรองกน หลุมกอนปลกู ควรเปนปยุ
คอกหรือปุยหมักเพอื่ ปรบั โครงสรางดนิ
ใหโปรงรว นซุย ชวยในการอุมนํ้า และ
รกั ษาความชืน้ ของดิน ใหเหมาะกับการ
เจริญเติบโตของพืช

4. การใหน้ ำ�้

พืชผักเป็นพืชอายุสั้น ระบบรากต้ืน
ตอ้ งการนำ้� สมำ�่ เสมอทกุ ระยะการเจรญิ เตบิ โต ตอ้ งให้
น�้ำทุกวนั แต่ระวังอยา่ แฉะหรือมนี ำ้� ขงั เพราะนำ้� จะ
เขา้ ไปแทนทอ่ี ากาศในดนิ ทำ� ใหร้ ากพชื ขาดออกซเิ จน
และเน่าตายได้ ควรรดน้ำ� ในชว่ งเช้า–เยน็ ไม่ควรรด
ตอนแดดจัด

5. การก�ำจดั วชั พืช

ได้แก่ หญ้าหรอื พืชอน่ื ๆ ท่ขี ้นึ แซมในแปลง จะทำ� ใหแ้ ยง่ น้ำ� และธาตุอาหาร
ท�ำให้ผักเจริญเติบโตได้ไม่ดีรวมทั้งเป็นแหล่งท่ีอยู่ของศัตรูพืชอ่ืน ๆ ด้วย การก�ำจัดโดย
การใช้ถอนด้วยมือ หากมีพ้ืนที่มากใช้พลั่วหรือจอบพรวนดินในการก�ำจัดวัชพืชไป
พร้อม ๆ กับการใสป่ ยุ๋

8

6. การป้องกนั ก�าจดั แมลงศตั รพู ชื การปองกนั กําจดั แมลง

ทปี่ ลอดภยั ทําไดหลายวธิ ดี งั นี้
6.1 การใชสารชีวภาพตา งๆ
6.2 ปลกู พืชผกั รว มกบั พืชทม่ี ีกล่ินไลแ มลง เชน โหระพา กะเพรา ตะไคร

7. การปอ้ งกนั ก�ำจดั เช้อื โรคในผัก

ใ น ก า ร ป ลู ก ผั ก
หากมีการดูแลให้พืชผักมีการ
เจริญเติบโตท่ีแข็งแรง สมบูรณ์
และปลูกไม่ให้ต้นแน่นหรือ
ชิดกันเกินไป สามารถช่วย
ป้องกันโรคได้ในระดับหนึ่ง
แต่ในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก
อาจท�ำให้เกิดปัญหาใบจุดหรือ
โคนเน่า ให้ท�ำการเก็บใบหรือ
ต้นผักท่ีเป็นโรคท้ิง และน�ำไป
ท�ำลายนอกแปลง และใช้
น้�ำปูนใสรดที่แปลงผักหรือ
ตน้ ผัก

วิธีการท�ำน้�ำปูนใส ให้ใช้ปูนขาวจ�ำนวน 5 กิโลกรัมต่อน�้ำ 20 ลิตร ผสม
ให้เขา้ กัน และทงิ้ ค้างคนื ไว้ 1 คืน รงุ่ ขน้ึ ให้น�ำน้�ำปนู ใสที่ปูนตกตะกอนแล้ว อตั ราน้�ำปูนใส
1 ส่วน นำ�้ ธรรมดาสำ� หรบั รดผกั 5 ส่วน เพือ่ รดในแปลงปลูก

9

8. การเกบ็ เกย่ี ว

การเกบ็ เกยี่ วผักควรเกบ็ ในเวลาเช้าจะท�ำใหผ้ กั สด รสชาตดิ ี และหากยงั ไม่
ไดน้ ำ� ไปรบั ประทานใหล้ า้ งใหส้ ะอาด และนำ� เกบ็ ไวใ้ นตเู้ ยน็ สำ� หรบั ผกั ประเภทผลควรเกบ็
ในขณะทผ่ี ลไม่แก่จัด จะไดผ้ ลท่มี รี สชาตดิ ี และจะทำ� ให้ผลดก หากปลอ่ ยให้ผลแกค่ าตน้
ตอ่ ไปผลผลติ จะลดลง สำ� หรบั ผกั ใบหลายชนดิ เชน่ หอมแบง่ ผกั บงุ้ จนี ผกั คะนา้ กะหลำ�่ ปลี
การแบง่ เกบ็ ผกั ทส่ี ดออ่ น หรอื โตไดข้ นาดแลว้ โดยยงั คงเหลอื ลำ� ตน้ และรากไว้ ไมถ่ อนออก
ทง้ั ตน้ ราก หรอื ตน้ ทเ่ี หลอื อยู่จะสามารถงอกงามให้ผลผลติ ไดอ้ กี หลายครั้ง

ท้ังน้ี จะต้องมีการดูแลรักษาให้น�้ำและปุ๋ยอยู่เสมอ การปลูกพืชหมุนเวียน
สลับชนิด หรือปลูกผักหลายชนิดในแปลงเดียวกันและปลูกผักท่ีมีอายุเก็บเกี่ยวส้ันบ้าง
ยาวบา้ งคละกนั ในแปลงเดยี วกนั
หรือปลูกผักชนิดเดียวกันแต่
ทยอยปลูกครั้งละ 3–5 ต้น
หรือประมาณว่ารับประทาน
ได้ในครอบครัวในแต่ละคร้ัง
ท่ีเก็บเกี่ยวก็จะท�ำให้ผู้ปลูกมี
ผักสดเก็บรับประทานได้ทุกวัน
ตลอดปี

10

วิธีสังเกตในการเก็บเกีย่ วผกั ชนิดตา่ งๆ

ชนดิ ผกั ประมาณอายุจากวันปลกู ลักษณะภายนอกทเี่ หมาะสม
ถึงวันเกบ็ คร้งั แรก ในการเก็บเก่ยี ว

มะระ 50–60 วัน นับจากวนั ปลกู ขณะผลโตยงั ไม่แก่ สเี ขียวออ่ น

แตงกวา 30 วนั จากวนั ปลกู ผลออ่ น ผลยังมีหนามอยู่

ถั่วลันเตา 45–60 วัน แล้วแตพ่ นั ธ์ุ ขณะที่ฝกั ยังอ่อน เมลด็ ยงั ไมแ่ ก่

ขา้ วโพดหวาน 55–72 วัน ขณะที่เมลด็ ยงั ออ่ น

ผักกาดหวั 40–55 วนั หัวยงั ไม่ฟ่าม ต้นยังไม่ออกดอก

กระเจี๊ยบเขยี ว 40–55 วัน ขณะที่ยอดฝกั ยงั เปราะอยู่ หกั งา่ ย

หอมแบ่ง 50 วนั จากวันปลูก ต้นเขียวสด อว้ น หวั ยังไมพ่ อง
(โดยปกติถา้ แกแ่ ลว้ โคนตน้ จะโตพองขน้ึ
นดิ หนอ่ ยไมล่ งหวั โตเหมอื นหอมธรรมดา)

ผกั ชี 40–50 วนั จากวนั ปลูก ขณะที่ยงั ไมอ่ อกดอก

ผกั กาดกวางต้งุ 30–35 วัน จากวันปลูก ขณะทก่ี ำ� ลงั ขน้ึ ลำ� ออกดอกและดอกยงั ไมบ่ าน

ผักบงุ้ 25–30 วัน นับจากวันปลูก ขณะท่ยี อดยังอ่อน ยาวประมาณ 1 ฟุต

มะเขือเทศ 60 วนั หรอื 80 วนั แลว้ แตพ่ นั ธ์ุ ต้งั แตผ่ ลเรมิ่ เปล่ียนเป็นสีชมพูเปน็ ตน้ ไป

ถว่ั ฝักยาว ถวั่ แขก 50–60 วัน ฝกั เจริญเตม็ ทีแ่ ต่ยงั ไม่พอง

กะหลำ่� ปลี 45 วัน หลังยา้ ยกลา้ หรือ หวั แนน่ ใส เคาะดรู สู้ กึ มเี สยี งแนน่ และหนกั
70–75 วัน หลงั หยอดเมล็ด

กะหล่�ำดอก 45 วัน จากวันยา้ ยกล้า หรือ สคี รีมออ่ น แน่นและเรยี ว อยา่ ท้ิงไวน้ าน
65–70 วนั หลังหยอดเมล็ด จะบานและมีสีเหลืองแก่ เป็นขุยหยาบ

ไมน่ ่ารับประทาน

คะนา้ 35–45 วนั หลังหยอดเมลด็ ตั้งแต่ 40–50 วัน ผกั ยงั ไม่เป็นเสยี้ น

ผักกาดขาวปลี 50 วนั จากวนั เพาะเมล็ด ขณะทีก่ ำ� ลังห่อปลีแน่น

ผกั กาดเขยี วปลี 60 วนั จากวนั เพาะเมลด็ กำ� ลังเขา้ ปลี อวบอ้วน ยงั ไมม่ ดี อก

ผกั กาดหอม 40–50 วนั จากวันเพาะเมลด็ ขณะท่ียังไม่ออกดอก และก�ำลังอ่อนอยู่
ถา้ แกจ่ ะมีรสขม

11

การรบั ประทานผกั ใหม้ ีคณุ ค่าสงู สดุ

ผกั เปน็ แหลง่ วติ ามนิ และเกลอื แร ่ โดยวติ ามนิ ทอ่ี ยใู่ นผกั มที ง้ั วติ ามนิ ทลี่ ะลายในนำ�้
และวิตามนิ ทีล่ ะลายในไขมัน วิตามนิ บางตัวถกู ท�ำลายได้ง่าย ดังน้นั เพอื่ สงวนคุณคา่ ทาง
โภชนาการของพชื ผกั ตา่ ง ๆ ควรหลกี เล่ียงการแช่ผักท่หี ั่นฝอยหรอื ช้นิ เลก็ ๆ ในน�้ำหรอื ตั้ง
ทิ้งไวใ้ นอากาศเปน็ เวลานาน ควรลา้ งท้ังหัว ทัง้ ต้นและเปลือก ถ้าจำ� เป็นตอ้ งปอกเปลอื ก
ควรปอกแตเ่ พยี งบาง ๆ กอ่ นลา้ งควรเลอื กสว่ นทเ่ี นา่
เสียและส่วนที่ใช้ไม่ได้ออก การต้มผักให้ใช้น้�ำน้อย
เช่น การลวก นึ่ง ผัด ใช้เวลาส้ัน อย่างไรก็ตาม
หากสามารถรับประทานผักสดจะได้ประโยชน์และ
คุณค่าของผกั ครบถ้วน

12

ตวั อยา่ งผักทมี่ วี ติ ามนิ และธาตุอาหารสงู

วิตามนิ และแร่ธาตุ ชนดิ ผกั
คาร์โบไฮเดรต (4.1–13.3 กรัม)
ต�ำลงึ (ใบ ยอด) ต้นหอม ถ่วั พู ถว่ั ลันเตา พริกข้ีหนู
โปรตีน (2.1–6.4 กรัม) พริกช้ีฟ้า (เขียว) พริกชี้ฟ้า (แดง) พริกหยวก
ไขมนั (1.0–3.6 กรมั ) พริกเหลือง ฟักทอง มะเขือเจ้าพระยา มะระจีน
แคลเซียม (54–387 กรัม) มะระ (ยอด)
เหล็ก (3.1–260 กรัม) ใบกะเพรา ใบต้ังโอ๋ ใบแมงลกั ผักกระเฉด ผักคะนา้
วิตามินซี (41–204 กรัม) ผักบ้งุ (ต้นขาว) ปวยเหลง็ พริกขห้ี นู พรกิ ชี้ฟา้ (เขียว)
พรกิ ช้ีฟ้า (แดง) พรกิ เหลอื ง มะระจนี
วิตามินเอ (มากกวา่ 200 ไมโครกรมั ) ใบแมงลกั พริกข้ีหนู พรกิ ชีฟ้ ้า (แดง) พริกเหลือง
ค่ืนฉ่าย ตำ� ลงึ (ใบ ยอด) ตน้ หอม ถั่วงอก ถัว่ ฝักยาว
ใบแมงลัก ใบกะเพรา ผักกระเฉด ผักกาดหอม
ฟกั ทอง มะเขอื เทศ
คืน่ ฉ่าย ตำ� ลึง (ใบ ยอด) ต้นหอม ถ่ัวงอก ถ่ัวฝักยาว
ใบแมงลัก ใบกะเพรา ผักกระเฉด ผักกาดหอม
ฟักทอง มะเขือเทศ
คน่ื ฉา่ ย แครอท แตงรา้ น ตน้ หอม ถวั่ ฝกั ยาว ผกั คะนา้
พริกข้ีหนู พริกช้ีฟ้า (เขียว) พริกชี้ฟ้า (แดง)
พริกหนุ่ม พริกหยวก พริกเหลือง ฟักทอง (ยอด)
มะระจนี มะระ (ยอด)
กวางตงุ้ กวางตงุ้ (ดอก) คืน่ ฉา่ ย แครอท ดอกกยุ ฉ่าย
ต�ำลึง (ใบ ยอด) ต้นหอม ถั่วพู บร็อคโคลี่
ใบกะเพรา ใบตั้งโอ๋ ใบแมงลัก ผักกระเฉด
ผักกาดหอม ผักคะน้า ผักบุ้ง (ต้นขาว) ปวยเหล็ง
พริกช้ีฟ้า (เขียว) พริกช้ีฟ้า (แดง) พริกเหลือง
ฟกั ทอง ฟกั ทอง (ยอด) มะระจีน มะระ (ยอด)

13

การบริโภคผักให้ปลอดภัยจากสารพิษ

การปลกู ผกั ไวร้ บั ประทานเอง เปน็ วธิ ที ด่ี ที ส่ี ดุ ทที่ ำ� ใหไ้ ดบ้ รโิ ภคผกั ทปี่ ลอดภยั จาก
สารพิษ แต่ทุกครอบครัวคงไม่สามารถปลูกผักทุกชนิดไว้รับประทานเองได้ การต้องซื้อ
หาผักจากตลาดจึงเป็นสิ่งท่ีจ�ำเป็นอยู่ ทั้งนี้ ผักต่าง ๆ เหล่านั้นอาจจะปลอดภัยหรือ
ไม่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างก็ได้ ดังน้ัน ควรมีการล้างผักให้ถูกวิธี และปลอดภัย
จากสารพิษมากท่ีสุด วิธีการล้างผักให้สะอาดเพ่ือลดปริมาณสารพิษ สามารถเลือกใช้
ได้ตามความสะดวก ดงั น้ี

1. ลอกหรือปอกเปลือกแล้วแช่ในน�้ำสะอาดนาน 5–10 นาที หลังจากนั้น
ลา้ งดว้ ยน้ำ� สะอาดอกี ครงั้ จะชว่ ยลดปริมาณสารพษิ ตกคา้ งได้ร้อยละ 27–72

2. แชน่ �้ำปนู ใสนาน 10 นาที และลา้ งด้วยน้ำ� สะอาดอีกครัง้ ลดปรมิ าณสารพษิ
ตกค้างได้ร้อยละ 34–52

3. แชไ่ ฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซดน์ าน 10 นาที (ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ 1 ชอ้ นชา
ผสมน�้ำ 4 ลิตร) และลา้ งดว้ ยน�ำ้ สะอาดอกี คร้ัง ลดปรมิ าณสารพษิ ตกคา้ งได้รอ้ ยละ 35–50

4. แช่นำ�้ ด่างทับทิมนาน 10 นาที (ดา่ งทับทิม 20–30 เกล็ด ผสมนำ้� 4 ลติ ร)
และลา้ งออกดว้ ยนำ้� สะอาดอีกคร้งั ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35–43

5. ล้างด้วยน�้ำไหลจาก
กอ๊ กนาน 2 นาที ลดปรมิ าณสารพษิ
ตกค้างได้ร้อยละ 25–39

6. แช่น�้ำซาวข้าวนาน
10 นาที และล้างดว้ ยน�ำ้ สะอาดอีก
คร้ัง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้
รอ้ ยละ 29–38

7. แชน่ ำ้� เกลอื นาน10นาที
(เกลอื ปน่ 1 ชอ้ นโตะ๊ ผสมนำ้� 4 ลติ ร)
และล้างด้วยน�้ำสะอาดอีกคร้ัง ลด
ปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29–38

8. แช่น้�ำส้มสายชูนาน 10 นาที (น�้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน�้ำ 4 ลิตร)
และลา้ งด้วยนำ�้ สะอาดอกี ครง้ั ลดปริมาณสารพษิ ตกค้างไดร้ อ้ ยละ 27–36

9. แช่น้�ำยาล้างผักนาน 10 นาที และล้างด้วยน้�ำสะอาดอีกคร้ัง ลดปริมาณ
สารพิษตกค้างไดร้ ้อยละ 22–36

14

ในการปเทลคูกนผคิ ักบสาางมปัญระปกราระจาํ บาŒ น

การดูแลผกั ทปี่ ลกู ในภาชนะแขวน

1. ต้องมีแดดส่องถึงอย่างน้อยครึ่งวัน ให้ผักสังเคราะห์แสง
เพอื่ สรา้ งอาหารในการเจริญเติบโต

2. ดูแลรดนำ�้ สม่�ำเสมอ
3. ถ้าผักกินใบเร่ิมมีดอกให้รีบเด็ดทิ้ง เพ่ือไม่ให้ธาตุอาหาร
ไปเลี้ยงดอก จะท�ำให้ใบเลก็ ไม่สมบรู ณ์
4. การดูแลรักษา หม่ันสังเกตต้นผักโดยพลิกดูใต้ใบ ส่วนใหญ่
แมลงจะหลบแสงแดดอยู่ใตใ้ บให้จับทำ� ลาย
5. ถ้าพบแมลงจ�ำนวนมากให้ใช้น�้ำยาล้างจาน 2 ช้อนชา
ใส่ในกระบอกฉีดน้�ำ (ฟอกก้ี) ฉีดให้ท่ัวต้น โดยเฉพาะบริเวณยอดและใต้ใบ
ท้ิงไว้ 3 วัน เก็บรบั ประทานได้

15

เทคนิคการเก็บผักบางชนดิ
คะน้า...กะหล่�ำปลี...ผักบุ้ง...ไม่ควรเก็บโดยถอนผักท้ังต้น ควร
เก็บโดยตดั ตน้ ให้เหลือขอ้ ไว้ 2–3 ขอ้ ดแู ลรดน้�ำสม่�ำเสมอ ตาขา้ งจะแตกยอดใหม่
ออกมา สามารถเก็บรบั ประทานได้อกี 2–3 ครง้ั

ปูเล่......เก็บใบท่ีอยู่ด้านล่างขึ้นไปหายอด ให้เหลือยอดไว้
ประมาณ 6 ใบ ดแู ลรดน้�ำสม่�ำเสมอ ปเู ลจ่ ะแตกยอดใหมเ่ รอื่ ย ๆ สามารถเก็บใบ
รบั ประทานเป็นปี

การปลูกกยุ่ ชา่ ยเขียว - ขาว ไว้รบั ประทาน

1. ปลกู กุ่ยชา่ ยเขียวอายุ 2 เดอื น ตัดตน้ รับประทาน
2. ใชก้ ระถางขนาดทมี่ คี วามสงู กวา่ กระถางปกตคิ รอบใหส้ นทิ ไมใ่ ห้
มีแสงผา่ น ครอบไว้ 2 สัปดาหจ์ ะได้กุ่ยชา่ ยขาว
3. ตัดกุ่ยช่ายขาว บ�ำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ไม่ครอบ
กระถางปล่อยเปน็ กุ่ยช่ายเขียว เพ่อื ให้พชื สังเคราะห์แสง มีคลอโรฟลิ เล้ียงลำ� ต้น
4. ต้องทำ� สลบั กนั ไปเร่อื ย ๆ จนกระทงั่ ต้นไม่สมบรู ณ์จงึ ร้อื ปลกู ใหม่

16

เทคนิคการปลูกผกั สามญั ประจาํ บŒาน 5 ชนดิ
พรกิ ข้ีหนู

ลักษณะโดยท่วั ไป

พริกขี้หนูสามารถปลูก
ไดใ้ นดนิ แทบทกุ ชนดิ แตด่ นิ ทเ่ี หมาะสม
ที่สุด คือ ดินร่วนปนทรายท่ีมีการ
ระบายน�้ำได้ดี มีความเป็นกรดด่าง
6.0–6.8 ปลูกได้ตลอดปี เป็นพืชที่ใช้
ส่วนของผลบริโภค ในรูปพริกสดและ
พริกแห้ง และสามารถใช้ประกอบ
อาหารได้หลายชนดิ มีรสเผ็ด

การเพาะกลา้ พรกิ ข้ีหนู

1. ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 และ
ใส่ดนิ ผสมดังกล่าวลงในถาดพลาสติกเพาะกล้า ขนาด 72 หรอื 104 หลุมต่อถาด หรอื หาก
เพาะในถงุ พลาสติกใหใ้ ชข้ นาด 2 x 3 นิ้ว

2. ใช้เศษไม้เล็ก ๆ
กดลงไปในดินท่ีบรรจุอยู่ในถาด
เพาะกล้า หรอื ถุงพลาสติก ขนาด
ความลกึ 0.5 เซนติเมตร

3 . นำ� เมลด็ พรกิ ขห้ี นู
หยอดลงในหลุมปลูก หลุมละ
1–2 เมล็ด

17

4. กลบดนิ ผวิ หนา้ เมลด็ พรกิ ขห้ี นแู ลว้ รดนำ�้ และควรปอ้ งกนั มดมาคาบเมลด็
ไปจากถาดพลาสตกิ เพาะกล้า โดยใช้ปนู ขาวโรยล้อมถาดเพาะไว้

5. หลังเพาะนาน 7–10 วัน พริกเริ่มงอก หม่ันรดน้�ำต้นกล้าพริกขี้หนู
ทกุ วนั ๆ ละ 1–2 ครงั้ ในชว่ งเช้าและเย็นจนกระทัง่ ต้นกล้าพริกขี้หนมู ีอายุ 25–30 วนั
จงึ ยา้ ยกล้าพรกิ ขี้หนูลงปลกู ในกระถางหรอื ในแปลงปลูก

การปลกู ในแปลงหรอื ในภาชนะปลูก

1. ถ้าปลกู ในแปลง ควรเตรียมดินปลกู
โดยใช้จอบขุดย่อยหน้าดินลึก 15–20 เซนติเมตร
และย่อยดนิ ใหล้ ะเอยี ด ใสป่ ยุ๋ คอกหรือป๋ยุ หมัก หวา่ น
และคลกุ เคลา้ ให้เขา้ กบั ดินในแปลง

2. ในกรณีปลูกในภาชนะต่าง ๆ ให้
ผสมดินปลูกในภาชนะโดยใช้ดินร่วนละเอียดผสมกับ
ป๋ยุ คอก หรือปุ๋ยหมกั ในอตั รา 2 : 1 หรือดินรว่ นผสม
ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าว
อตั รา 1 : 1 : 1

18

การดแู ลรักษา

ให้น�้ำอย่างสม่�ำเสมอ และในช่วงการติดผลต้องระมัดระวังให้น�้ำอย่าง
สม่�ำเสมออยา่ ให้ขาด

การเกบ็ เกี่ยว

หลังย้ายปลกู นาน 60 วัน พริกขห้ี นเู ริ่ม
ทยอยใหผ้ ลผลติ สามารถเกบ็ ผลผลติ ไดน้ าน 2–3 เดอื น
ควรหมน่ั เกบ็ ผลผลติ พรกิ ขห้ี นทู เ่ี รม่ิ แกอ่ อกมาใชบ้ รโิ ภค
และอาจตัดแต่งก่ิงหรือตัดต้นท่ีเป็นโรคหรือโทรม
เพ่ือท�ำให้ต้นแข็งแรงสามารถให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น
หากมีการดูแลรกั ษาอย่างดี สามารถปลูกข้ามปีได้

19

มะเขอื เปราะ

ลักษณะโดยท่วั ไป

มะเขอื เปราะ มลี กั ษณะ
เป็นไม้พุ่มสูง 60–120 เซนติเมตร
เป็นพืชผักท่ีมีอายุยืน ใบมีขนาดใหญ่
เรียงตัวแบบสลับ ดอกมีขนาดใหญ่
สีม่วงหรือสีขาว เป็นดอกเด่ียว ผลมี
รปู รา่ งกลมแบนหรอื รปู ไข่ อาจมสี ขี าว
เขียว เหลือง ม่วง ขึ้นอยู่กับพันธุ ์
มีคุณสมบัติบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน เน่ืองจากมะเขือเปราะมีสรรพคุณคล้ายกับ
อินซูลิน ลดปริมาณน�้ำตาลในเลือด ช่วยขับพยาธิ ลดการอักเสบ ช่วยให้ระบบย่อยและ
ระบบขับถ่ายท�ำงานดี

20

การเพาะกลา้ มะเขอื เปราะ

1. ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอก
หรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 และใส่ดินผสมดังกล่าว
ลงในถาดพลาสตกิ เพาะกล้า ขนาด 72 หรือ 104 หลุม
ตอ่ ถาดหรอื หากเพาะในถงุ พลาสตกิ ใหใ้ ชข้ นาด 2 x 3 นว้ิ

2. ใชเ้ ศษไมเ้ ลก็ ๆ กดลงไปในดนิ ทบี่ รรจุ
อยใู่ นถาดเพาะกลา้ หรอื ถงุ พลาสตกิ ขนาดความลกึ 0.5
เซนติเมตร

3. น�ำเมล็ดมะเขือเปราะหยอดลงใน
หลมุ ปลกู หลมุ ละ 1–2 เมลด็

4. กลบดนิ ผวิ หนา้ เมลด็ มะเขอื เปราะแลว้ รดนำ้� และควรปอ้ งกนั มดมาคาบ
เมลด็ ไปจากถาดพลาสติกเพาะกล้า โดยใช้ปูนขาวโรยลอ้ มถาดเพาะไว้

5. หลงั เพาะนาน 7–10 วัน เมลด็ เร่ิมงอก หมัน่ รดน้�ำต้นกล้ามะเขือเปราะ
ทกุ วนั ๆ ละ 1–2 คร้ัง ในช่วงเช้าและเย็นจนกระท่งั ตน้ กลา้ มะเขือเปราะมอี ายุ 25–30 วนั
จงึ ยา้ ยกลา้ มะเขือเปราะลงปลูกในกระถางหรือในแปลงปลูก

การปลกู ในแปลงหรือในภาชนะปลกู

1. ถ้าปลูกในแปลง ควรเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดย่อยหน้าดินลึก
15–20 เซนติเมตร และย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านและคลุกเคล้า
ใหเ้ ขา้ กับดินในแปลง

21

2. ในกรณีปลูกในภาชนะต่าง ๆ ให้ผสมดินปลูกในภาชนะโดยใช้ดินร่วน
ละเอยี ดผสมกับปยุ๋ คอก หรือป๋ยุ หมัก ในอัตรา 2 : 1 หรือดินรว่ นผสมปยุ๋ คอกหรอื ปุ๋ยหมกั
และขี้เถ้าแกลบหรอื ขยุ มะพรา้ ว อัตรา 1 : 1 : 1

การดแู ลรักษา

ให้น้�ำอย่างสม�่ำเสมอ และในช่วงการติดผลต้องระมัดระวังให้น�้ำอย่าง
สม่�ำเสมออย่าใหข้ าด

การเกบ็ เก่ียว

หลังย้ายปลูกนาน 45–60 วัน มะเขือเปราะเร่ิมทยอยให้ผลผลิต สามารถ
เก็บผลผลิตไปบริโภคได้และหลังจากที่สามารถเก็บเก่ียวผลผลิตมะเขือเปราะไปแล้ว
ประมาณ 2 เดือน ควรตัดแต่งก่ิงออกบ้าง เพื่อท�ำให้ล�ำต้นมะเขือเปราะเจริญเติบโต
แตกกิ่งก้านใหม่ท่ีมีความแข็งแรง จะให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้อีก และควรท�ำการตัดแต่ง
และบำ� รุงตน้ มะเขอื เปราะเชน่ นท้ี ุก ๆ 2–3 เดือน

22

โหระพา

ลกั ษณะโดยทว่ั ไป

โหระพา เป็นพืชล้มลุก
อายุสั้น ล�ำต้นทรงพุ่มสูงประมาณ
60–70 เซนติเมตร ใบเขียว ก้านใบ
และลำ� ตน้ สมี ว่ ง ใบมกี ลนิ่ หอม โหระพา
เปน็ ผกั ทใี่ ชใ้ บบรโิ ภค ใชป้ รงุ แตง่ อาหาร
ใหม้ รี สชาตแิ ละกลนิ่ หอมนา่ รบั ประทาน

การเพาะเมล็ดสำ� หรับทำ� กลา้ โหระพา

ทำ� แปลงเพาะขนาดกวา้ ง 1 เมตร ความยาวแลว้ แตแ่ ปลง ยอ่ ยดนิ ใหล้ ะเอยี ด
คลกุ เคลา้ ปุ๋ยคอกหรอื ปยุ๋ หมกั แลว้ หวา่ นเมล็ดใหท้ ่วั แปลง หลงั เพาะประมาณ 7–10 วัน
เมล็ดเร่ิมงอกดูแลรักษาต้นกล้าอายุประมาณ 25–35 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้ หรือ
อาจเพาะกล้าในถงุ พลาสติกขนาด 2 x 3 น้วิ โดยหยอด 2–3 เมลด็ ตอ่ ถงุ

ในกรณีใช้กิ่งพันธุ์ส�ำหรับปลูก ให้เลือกก่ิงที่ค่อนข้างแก่ และควรเป็นกิ่งสด
ความยาวประมาณ 10–15 เซนติเมตร หรือมีข้อประมาณ 5 ข้อข้ึนไป ใช้มีดคม ๆ
เฉือนบริเวณโคนต้น แล้วน�ำไปช�ำในภาชนะท่ีใช้ดินผสม ดูแลรดน้�ำประมาณ 7–10 วัน
ตาใหมจ่ ะเรมิ่ แตกออกมา หรอื อาจนำ� ไปปลกู ในภาชนะปลูกโดยตรงกไ็ ด้

23

การปลกู ในแปลงหรอื ในภาชนะ

1. กรณปี ลกู ในแปลง ใชจ้ อบขดุ ยอ่ ยหนา้ ดนิ ใหล้ กึ ประมาณ 15–20 เซนตเิ มตร
ย่อยดินให้ละเอียดใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านคลุกเคล้าให้เข้ากับดินในแปลง ใช้ระยะ
ปลูกระหวา่ งตน้ 30 เซนตเิ มตร ระหวา่ งแถว 30–50 เซนตเิ มตร

2. กรณีปลูกในภาชนะต่าง ๆ เลือกภาชนะที่มีขนาดปานกลางมีน�้ำหนัก
ไม่มากหากต้องการปลูกแบบแขวน แต่พื้นท่ีปลูกในภาชนะแบบต้ังอยู่บนพ้ืนดิน อาจใช้
ภาชนะใหญ่เพอ่ื ปลูกหลาย ๆ ต้น หรือใช้ภาชนะขนาดเล็กเพ่อื ปลูกเพียง 1 ต้นก็ได้ ใช้ดนิ
ผสมใส่ลงในภาชนะและยา้ ยกล้าลงปลูก หรือนำ� ก่งิ มาปักช�ำก็ไดเ้ ชน่ กัน

การดูแลรกั ษา

รบกวน 1. การให้นำ้� ใหน้ ำ้� อยา่ งเพียงพอและสม่ำ� เสมอทุกวัน
2. การก�ำจัดวัชพืช ควรก�ำจัดวัชพืชทุกคร้ังท่ีมีการให้ปุ๋ยและเม่ือมีวัชพืช

การเกบ็ เกี่ยว

หลังปลูกประมาณ 30–35 วัน ก็สามารถเก็บเก่ียวได้โดยใช้มือเด็ดหรือ
กรรไกรตัดก่ิงท่ีมียอดอ่อนไปบริโภค
และถ้าต้นโหระพาออกดอกควร
หมัน่ ตดั แต่งดอกทิง้ เพ่อื ใหโ้ หระพามี
ทรงพมุ่ ท่ีแขง็ แรงและมอี ายุยืนยาว

24

กะเพรา

ลักษณะโดยทั่วไป

กะเพรา เป็นพืชล้มลุก
ที่มีอายุข้ามปีล�ำต้นเป็นทรงพุ่มสูง
ประมาณ 70–80 เซนติเมตร ล�ำต้น
และใบมีขนเล็กน้อย ใบมีสีเขียวและ
สีม่วง ใบมีกล่ินหอม กะเพราเป็นพืช
ท่ีใช้ใบประกอบปรุงแต่งอาหาร เพ่ือ
ดับกล่ินคาวและท�ำให้อาหารมีรสชาติ
และกลน่ิ หอมนา่ รบั ประทาน

การเพาะเมล็ดสำ� หรบั ทำ� กลา้ กะเพรา

ท�ำแปลงเพาะขนาดความกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่แปลง ย่อยดิน
ใหล้ ะเอยี ด คลุกเคล้าปุ๋ยคอกหรอื ปุ๋ยหมกั แล้วหวา่ นเมลด็ ใหท้ วั่ แปลง หลงั เพาะประมาณ
7–10 วัน เมล็ดเริ่มงอก ดูแลรักษาต้นกล้าอายุต้นกล้าประมาณ 25–30 วัน ก็สามารถ
ย้ายปลกู ได้

25

การเตรียมดินปลูกและการยา้ ยกลา้ ปลูก

ใชจ้ อบขดุ ดนิ ลึกประมาณ 15–20 เซนตเิ มตร หรือ 1 หน้าจอบ ใสป่ ยุ๋ คอก
หรือปุ๋ยหมักลงแปลงกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่ขนาดแปลง ขุดหลุมปลูกขนาดลึก
1/2 หน้าจอบ ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 30 เซนติเมตร ระหว่างแถว 60 เซนติเมตร
นำ� ตน้ กล้าลงปลูกในหลมุ ปลูกแลว้ รดนำ�้ ตาม

การดูแลรักษา

1. การใหน้ ำ้� ใหน้ ำ�้ อยา่ งเพยี งพอ
และสม�่ำเสมอทุกวนั

2. การก�ำจัดวัชพชื ควรก�ำจดั
วัชพืชทุกครั้งท่ีมีการให้ปุ๋ยและเม่ือมีวัชพืช
รบกวน

การเกบ็ เก่ยี ว

หลังปลูกประมาณ 30–35 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้โดยใช้มือหรือ
กรรไกรตัดกิ่งที่มียอดอ่อนไปบริโภค และถ้าต้นกะเพราออกดอกควรหมั่นตัดแต่งดอกท้ิง
เพอ่ื ใหก้ ะเพรามที รงพุ่มที่แข็งแรงและมีอายุยนื ยาว

26

ชะอม

ลกั ษณะโดยทว่ั ไป

ชะอม เป็นพืชกึ่งพุ่ม
ก่ึงเลื้อย ล�ำต้นและกิ่งก้านมีหนาม
แหลม ใบเป็นใบประกอบลักษณะ
คล้ายใบกระถิน ใบอ่อนมีกลิ่นฉุน
ท�ำให้มีแมลงศัตรูพืชน้อยชนิดท่ีกล้า
เข้ามายุ่ง นอกจากนี้ ยังมีสารเบต้า
แคโรทนี ทชี่ ว่ ยปอ้ งกนั โรคมะเรง็ ไดด้ ว้ ย

การเตรยี มกง่ิ พนั ธุ์หรือกง่ิ ตอน

ชะอม สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีการปักช�ำ ตอนก่ิง และการโน้มกิ่ง
ทมี่ ขี อ้ ปกั ดนิ และเพาะเมลด็ วธิ ที สี่ ะดวกคอื ใหเ้ ลอื กกง่ิ พนั ธท์ุ ไ่ี มอ่ อ่ นหรอื แกเ่ กนิ ไป ไมเ่ ปน็ โรค
ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 30 เซนติเมตร หรือเลือกใช้ก่ิงพันธุ์ขนาดยาวประมาณ
30 เซนตเิ มตร ท่มี รี ากแขง็ แรง อายุประมาณ 45 วนั เป็นก่งิ พนั ธุ์หรือทอ่ นพันธุ์ในการปลกู

การปลูกในแปลงหรือในภาชนะปลูก

1. ปลูกในพื้นที่โปร่ง และได้รับแสงแดดตลอดท้ังวัน เป็นท่อนพันธุ์
ใหใ้ ช้ระยะปลกู 50 x 50 เซนตเิ มตร โดยขดุ หลุมปลูก ใส่ปยุ๋ คอกหรือปยุ๋ หมกั 1–2 กำ� มือ
คลุกเคล้ากับดินให้เข้ากัน ใช้ระยะปลูกประมาณ 1 x 1 เมตร โดยวางกิ่งพันธุ์ให้เอียง
45 องศา ในหลุมท่ีเตรียมไว้ แล้วกลบดินให้แน่น โดยปกติจะนิยมปลูกในช่วงฤดูฝน
เพราะไมต่ อ้ งดแู ลมากนัก

27

2. การปลูกในภาชนะ ใหเ้ ลอื กภาชนะทีม่ ีขนาดใหญ่ มีความลกึ ไม่ต�่ำกว่า
50 เซนตเิ มตร โดยใชส้ ว่ นผสมของดนิ ปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั และขยุ มะพรา้ วหรอื ขเ้ี ถา้ แกลบ
ในอตั ราเทา่ กัน

การดแู ลรกั ษา

1. การใหน้ ้�ำ พจิ ารณาให้น้ำ� ตามสภาพความช้นื ในพ้นื ทปี่ ลกู ให้น�้ำ 2 วัน
ครั้งในช่วงแรก และลดความถใี่ นการให้น�ำ้ ลงเหลืออาทติ ยล์ ะคร้ัง

2. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ประมาณ
1–2 ก�ำมือ เดือนละคร้ัง ก�ำจัดวัชพืชพร้อมกับการ
พรวนดนิ เม่อื ต้นชะอมเจรญิ เตบิ โตได้ดแี ลว้ ควรมกี าร
ตัดแตง่ เพื่อกระตุ้นให้เกดิ ยอดอ่อน โดยอาจจะเหลอื
ต้นยาวประมาณ 30 เซนติเมตรจากโคน เพื่อให้
แตกก่ิงใหม่ หรือให้เลี้ยงให้ได้ทรงพุ่มสูงประมาณ
1–1.5 เมตร เพ่ือสะดวกในการเก็บ

3. การป้องกันก�ำจัดโรคและแมลง
ทพี่ บสำ� คัญ ไดแ้ ก่ โรครากเน่า โคนเน่า ใหแ้ กไ้ ขโดย
ใส่ปูนขาวเพ่ือปรับสภาพดิน หรือใช้สารก�ำจัด
เชื้อราในดินเป็นครั้งคราว แมลงศัตรูท่ีพบ ได้แก่
หนอน หากพบให้จับทิง้ นอกพ้ืนท่ี หรอื ใช้สารสะเดาในการปอ้ งกันและก�ำจัด

การเกบ็ เกี่ยว

เร่ิมเก็บเก่ียวได้เม่ือชะอมอายุประมาณ
3 เดอื นขน้ึ ไป เกบ็ ไดท้ กุ 3 วนั ตอ่ ครงั้ การตดั ชะอมควรตดั
ในตอนเช้าตรู่ โดยใช้มีดบางและคมตัดเพ่ือให้แผลท่ีตัด
ไม่ช้�ำ ในช่วงฤดูหนาว ชะอมจะไม่ค่อยแตกยอด และ
ไม่ควรเก็บยอดจนหมดต้น ควรให้เหลือยอดชะอมไว้
ประมาณ 3–4 ยอดต่อตน้

28

ตวั อยา่ งการปลกู ผักสวนครวั “บ้านน้มี รี ัก ปลกู ผัก กนิ เอง”
ผู้ว่าราชการจงั หวัดชยั ภมู ิ

นายณรงค์ วนุ่ ซวิ้
ผู้ว่าราชการจังหวัดชยั ภมู ิ

29

ตวั อยา่ งการปลกู ผกั สวนครัว “บา้ นน้ีมรี กั ปลกู ผกั กนิ เอง”
นายอาเภอบ้านแท่น

นายเสกสรร สวัสดิศ์ รี
นายอาเภอบา้ นแท่น

30

ตัวอย่างการปลูกผักสวนครัว “บ้านน้มี ีรัก ปลูกผัก กนิ เอง”
กานนั ตาบลโป่งนา้ ร้อน อ. ฝาง จ.เชียงใหม่

นายประพนั ธ์ จนั ชยั
กานนั ตาบลโป่งน้าร้อน อ. ฝาง จ.เชยี งใหม่

เศรษฐกจิ ฐานรากมน่ั คงและชุมชนพึ่งตนเองได้ Change for Good 31
ภายในปี ๒๕๖๕


Click to View FlipBook Version