ห น้ า | 48
ใหบ้ ุคคลใดไปสืบสวนหากเห็นว่ามีมูลก็ตง้ั คณะกรรมการสอบสวน ต่อไป
๓. กรณีมีการร้องเรียนเป็นหนังสือผู้บังคับบัญชาต้องสืบสวนในเบื้องต้นก่อนหากเห็นว่า ไม่มีมูลก็สั่งยุติเร่ือง
ถ้าเห็นวา่ มมี ลู ก็ตง้ั คณะกรรมการสอบสวนต่อไป กรณหี นงั สอื ร้องเรยี นไม่ลง ลายมือชอื่ และท่ีอยู่ของผู้ร้องเรียนหรือไม่
ปรากฏพยานหลกั ฐานท่ีแนน่ อนจะเขา้ ลักษณะของบัตร สนเท่ห์ มติครม.ห้ามมิให้รับฟังเพราะจะทาให้ข้าราชการเสีย
ขวญั ในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ี
ขน้ั ตอนการดาเนินการทางวนิ ยั
1. การตง้ั เร่อื งกล่าวหาเป็นการตั้งเรอ่ื งดาเนนิ การทางวนิ ยั แกข่ ้าราชการเมอื่ ปรากฏ
กรณีมีมลู ทีค่ วรกลา่ วหาว่า กระทาผิดวินัยมาตรา ๙๘ กาหนดให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพือ่
ดาเนนิ การ สอบสวนให้ได้ความจรงิ และความยุติธรรมโดยไม่ชักชา้ ผู้ตงั้ เร่อื งกลา่ วหาคือผู้บังคบั บัญชาของผถู้ ูก
กลา่ วหาความผิดวนิ ยั ไมร่ า้ ยแรง ผ้บู ังคับบญั ชาชัน้ ต้นคอื ผู้อานวยการสถานศึกษาสามารถแต่งตั้ง กรรมการสอบสวน
ข้าราชการในโรงเรยี นทุกคนความผิดวินยั รา้ ยแรง ผบู้ ังคบั บัญชาผูม้ ีอานาจบรรจุ และแต่งตงั้ ตามมาตรา ๕๓ เปน็ ผู้มี
อานาจบรรจุและแตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวน
๒. การแจง้ ข้อกล่าวหา มาตรา ๙๘ กาหนดไวว้ า่ ในการสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกลา่ วหาและสรุป
พยานหลักฐาน ท่ีสนบั สนุนขอ้ กลา่ วหาเทา่ ทีม่ ีใหผ้ ้ถู ูกกล่าวหาทราบ โดยระบหุ รอื ไม่ระบุช่ือพยานก็ไดเ้ พือ่ ให้ ผ้ถู ูก
กลา่ วหามโี อกาสชีแ้ จงและนาสืบแก้ข้อกลา่ วหา
๓. การสอบสวน คือ การรวบรวมพยานหลกั ฐานและการดาเนินการทั้งหลายอื่นเพ่อื จะทราบขอ้ เทจ็ จรงิ
และพฤติการณ์ตา่ ง ๆ หรอื พิสจู นเ์ กยี่ วกบั เรอ่ื งท่ีกลา่ วหาเพ่อื ให้ไดค้ วามจรงิ และยุตธิ รรม
และ เพื่อพิจารณาว่าผ้ถู ูกกลา่ วหาไดก้ ระทาผดิ วินยั จริงหรอื ไมถ่ ้าผิดจรงิ ก็จะได้ลงโทษ ข้อยกเวน้ กรณที ่เี ปน็ ความผิดท่ี
ปรากฏชดั แจง้ ตามท่ีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ.จะดาเนนิ การ ทางวนิ ยั โดยไมส่ อบสวนก็ได้
ความผิดทป่ี รากฏชดั แจ้งตามที่กาหนดในกฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยกรณคี วามผดิ ทป่ี รากฏชัดแจง้ พ.ศ. ๒๕๔๙
ก. การกระทาผิดวินยั อย่างไม่ร้ายแรงทเ่ี ปน็ กรณีความผดิ ที่ปรากฏอย่างชดั แจ้ง ไดแ้ ก่
(๑) กระทาความผดิ อาญาจนต้องคาพิพากษาถงึ ที่สดุ ว่าผ้นู นั้ กระทาผิดและผบู้ ังคับ บญั ชาเห็นว่าขอ้ เท็จจรงิ
ตามคาพิพากษาประจักษช์ ัด
(๒) กระทาผิดวนิ ัยไมร่ ้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนงั สือตอ่ ผ้บู ังคบั บัญชาหรือใหถ้ ้อยคารับสารภาพต่อผู้มี
หนา้ ที่สบื สวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมกี ารบนั ทกึ ถ้อยคาเป็นหนังสอื
ข. การกระทาผดิ วนิ ยั อยา่ งร้ายแรงท่ีเปน็ กรณีความผดิ ทีป่ รากฏชดั แจ้ง ไดแ้ ก่
(๑) กระทาความผดิ อาญาจนไดร้ ับโทษจาคุกหรือโทษท่หี นักกวา่ จาคุกโดยคาพพิ ากษาถงึ ที่สดุ ใหจ้ าคกุ หรือ
ลงโทษทีห่ นักกว่าจาคกุ
(๒) ละทิ้งหน้าทรี่ าชการติดต่อในคราวเดียวกนั เป็นเวลาเกินกวา่ ๑๕ วนั ผูบ้ ังคบั บัญชา สบื สวนแลว้ เหน็ ว่าไมม่ ี
เหตุผลสมควร หรอื มีพฤติการณ์อันแสดงถงึ ความจงใจไม่ปฏิบตั ิตามระเบียบ ของทางราชการ
(๓) กระทาผิดวนิ ยั อยา่ งรา้ ยแรงและได้รบั สารภาพเปน็ หนงั สอื ตอ่ ผบู้ งั คบั บัญชาหรือให้ ถ้อยคารับสารภาพตอ่
ผมู้ ีหนา้ ท่สี ืบสวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมีการบันทกึ ถ้อยคาเปน็ หนังสอื
ห น้ า | 49
การอทุ ธรณ์
มาตรา ๑๒๑ และมาตรา ๑๒๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากร ทางการศึกษา พ.ศ.
๒๕๔๗ บัญญตั ิใหผ้ ู้ถูกลงโทษทางวินัยมีสทิ ธิอทุ ธรณ์คาสง่ั ลงโทษต่ออ.ก.ค.ศ. เขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา อ.ก.ค.ศ.ท่ี ก.ค.ศ.
ตั้งแล้วแต่กรณี ภายใน ๓๐ วนั
เงอ่ื นไขในการอุทธรณ์
ผอู้ ทุ ธรณ์ ตอ้ งเป็นผู้ที่ถกู ลงโทษทางวนิ ัยและไม่พอใจผลของคาสงั่ ลงโทษผอู้ ทุ ธรณ์ ต้องอทุ ธรณเ์ พื่อตนเอง
เท่าน้นั ไม่อาจอุทธรณแ์ ทนผู้อื่นได้
ระยะเวลาอุทธรณ์ ภายใน ๓๐ วัน นบั แตว่ ันทไี่ ด้รับแจง้ คาสง่ั ลงโทษต้องทาเป็นหนังสอื
การอทุ ธรณ์โทษวินยั ไม่รา้ ยแรง การอุทธรณ์คาสงั่ โทษภาคทณั ฑ์ ตดั เงินเดือน หรือลดข้ันเงินเดือนที่
ผู้บังคบั บัญชาสงั่ ดว้ ยอานาจของตนเอง ตอ้ งอทุ ธรณ์ต่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่กี ารศึกษาหรือ อ.ก.ค.ศ.ส่วนราชการ
เวน้ แต่ การสง่ั ลงโทษตามมตใิ หอ้ ุทธรณต์ ่อ ก.ค.ศ.
การอุทธรณโ์ ทษวนิ ัยร้ายแรง การอุทธรณค์ าส่งั ลงโทษปลดออกหรอื ไลอ่ อกจากราชการตอ้ งอุทธรณต์ ่อก.ค.
ศ.ท้ังนกี้ ารร้องทุกข์คาสั่งใหอ้ อกจากราชการหรือคาสัง่ พักราชการหรือให้ออกจากราชการไวก้ อ่ นกต็ อ้ งรอ้ งทกุ ขต์ อ่ ก.ค.
ศ.เชน่ เดยี วกัน
การร้องทุกข์ หมายถงึ ผถู้ ูกกระทบสิทธิหรอื ไม่ไดร้ ับความเป็นธรรมจากคาสัง่ ของฝา่ ยปกครอง
หรอื คับข้องใจจากการกระทาของผ้บู ังคบั บญั ชาใช้สิทธริ ้องทกุ ข์ขอความเป็นธรรมขอใหเ้ พิกถอนคาสงั่ หรือทบทวนการ
กระทาของฝ่ายปกครองหรือของผ้บู งั คบั บัญชา
มาตรา ๑๒๒ และมาตรา ๑๒๓ แห่งพระราชบญั ญัติระเบียบขา้ ราชการครูและบคุ ลากร ทางการศึกษาพ.ศ.
๒๕๔๗บัญญัตใิ ห้ผู้ถกู สัง่ ให้ออกจากราชการมสี ทิ ธิรอ้ งทกุ ข์ต่อก.ค.ศ.และผซู้ ่ึงตน เหน็ วา่ ตนไมไ่ ด้รับความเปน็ ธรรมหรือ
มีความคับขอ้ งใจเน่อื งจากการกระทาของผู้บงั คับบัญชาหรือ กรณีถูกต้งั กรรมการสอบสวนมีสทิ ธิรอ้ งทุกข์ต่ออ.ก.ค.ศ.
เขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาอ.ก.ค.ศ.ที่ก.ค.ศ.ตงั้ หรือก.ค.ศ.แลว้ แต่กรณภี ายใน๓๐วัน
ผูม้ ีสทิ ธิร้องทุกข์ ได้แก่ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศกึ ษา
เหตุท่จี ะร้องทุกข์
(๑) ถูกสง่ั ให้ออกจากราชการ
(๒) ถกู สงั่ พักราชการ
(๓) ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้กอ่ น
(๔) ไม่ได้รบั ความเปน็ ธรรม หรอื คับข้องใจจากการกระทาของผบู้ งั คบั บัญชา
(๕) ถูกต้ังกรรมการสอบสวน
ห น้ า | 50
การเลื่อนขั้นเงนิ เดอื น
ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการพิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือนในแต่ละครั้งต้องอยู่ในเกณฑ์
ดังนี้
๑. ในคร่ึงปีท่ีแล้วมามีผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และ
จรรยาบรรณวชิ าชพี อยูใ่ นเกณฑท์ ีส่ มควรได้เลื่อนขนั้ เงนิ เดือน
๒. ในครง่ึ ปที ่แี ล้วมาจนถึงวันออกคาส่ังเลอ่ื นขน้ั เงินเดือนไมถ่ กู ลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษ ภาคทัณฑ์ หรือ
ถูกลงโทษในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดท่ีเก่ียวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือ ความผิดที่ทาให้เสื่อมเสียเกียรติ
ศกั ดข์ิ องตาแหนง่ หน้าท่ีราชการของตน ซงึ่ ไมไ่ ชค่ วามผดิ ทีไ่ ดก้ ระทา โดยประมาทหรอื ความผดิ ลหโุ ทษ
๓. ในคร่งึ ปที ี่แล้วมาต้องไม่ถูกสัง่ พกั ราชการเกินกว่าสองเดือน
๔. ในครึง่ ปีท่ีแล้วมาตอ้ งไม่ขาดราชการโดยไม่มเี หตุผลอนั สมควร
5. ในคร่งึ ปที ีแ่ ลว้ มาไดร้ บั การบรรจเุ ข้ารับราชการมาแล้วเปน็ เวลาไม่น้อยกว่าสีเ่ ดือน
6. ในคร่ึงปีท่แี ลว้ มาถา้ เป็นผูไ้ ด้รบั อนุญาตไปศกึ ษาในประเทศฝึกอบรมและดงู าน ณ
ต่างประเทศต้องได้ปฏิบัติหน้าทร่ี าชการในคร่งึ ปที แ่ี ลว้ มาเปน็ เวลาไมน่ ้อยกว่าสีเ่ ดือน
๗. ในครึง่ ปที ่แี ล้วมาตอ้ งไม่ลาหรอื มาทางานสายเกินจานวนครั้งท่หี วั หนา้ สว่ นราชการกาหนด
๘. ในคร่งึ ปที ่แี ลว้ มาต้องมีเวลาปฏิบัตริ าชการหกเดอื นโดยมวี นั ลาไมเ่ กนิ ยีส่ ิบสามวัน
แตไ่ ม่รวมวนั ลา ดังต่อไปนี้
๑) ลาอปุ สมบทหรอื ลาไปประกอบพิธฮี ัจย์
๒) ลาคลอดบุตรไม่เกินเก้าสบิ วนั
๓) ลาป่วยซ่งึ จาเปน็ ต้องรักษาตวั เป็นเวลานานไม่ว่าคราวเดยี วหรอื หลายคราวรวมกนั
ไม่เกินหกสบิ วันทาการ
๔) ลาป่วยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือในขณะเดินทางไป หรือกลับจากการ
ปฏบิ ตั ิราชการตามหน้าท่ี
๕) ลาพักผ่อน
๖) ลาเขา้ รบั การตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล
๗) ลาไปปฏิบัติงานในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ
การฝึกอบรมและลาศกึ ษาต่อ
การฝกึ อบรม หมายความวา่ การเพมิ่ พนู ความรู้ความชานาญ หรอื ประสบการณ์ดว้ ยการเรยี น หรือการ
วิจยั ตามหลักสูตรของการฝกึ อบรม หรอื การสมั มนาอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร การดาเนนิ งานตาม โครงการแลกเปลี่ยนกบั
ต่างประเทศ การไปเสนอผลงานทางวชิ าการ และการประชุมเชิงปฏบิ ัตกิ าร ท้งั นี้โดยมิได้มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อให้ไดม้ าซึ่ง
ปรญิ ญาหรือประกาศนียบตั รวชิ าชพี ที่ ก.พ.รับรอง และหมายความรวมถึงการฝกึ ฝนภาษาและการรับคาแนะนาก่อน
ฝึกอบรมหรือการดูงานที่เป็นส่วนหน่งึ ของการฝึกอบรมหรือตอ่ จากการฝึกอบรมน้ันดว้ ย
ห น้ า | 51
การดูงาน หมายความว่า การเพ่ิมพูนความรู้และประสบการณ์ด้วยการสังเกตการณ์ และการแลกเปล่ียน
ความคิดเห็น (การดูงานมรี ะยะเวลาไมเ่ กนิ ๑๕ วนั ตามหลักสตู รหรอื โครงการ หรือแผนการดูงานในต่างประเทศ หาก
มรี ะยะเวลาเกนิ กาหนดให้ดาเนนิ การเปน็ การฝึกอบรม)
การลาศึกษาต่อ หมายความว่า การเพ่ิมพูนความรู้ด้วยการเรียนหรือการวิจัยตามหลักสูตรของสถาบัน
การศึกษา หรือสถาบันวิชาชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพที่ ก.พ.รับรองและหมายความ
รวมถึงการฝึกฝนภาษาและการได้รับคาแนะนาก่อนเข้าศึกษาและการฝึกอบรม หรือการดูงานท่ีเป็นส่วนหน่ึงของ
การศกึ ษา
หรือต่อจากการศึกษานั้นดว้ ย
การออกจากราชการของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา
ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาออกจากราชการเม่ือ(มาตรา ๑๐๗พ.ร.บ.ระเบียบขา้ ราชการครูฯ)
๑) ตาย
๒) พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการ
๓) ลาออกจากราชการและได้รบั อนุญาตใหล้ าออก
๔) ถกู สัง่ ใหอ้ อก
๕) ถกู สั่งลงโทษปลดออกหรอื ไล่ออก
๖) ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งอ่ืนที่ไม่ต้องมี ใบอนุญาต
ประกอบวชิ าชพี
การลาออกจากราชการ
ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาผู้ใดประสงคจ์ ะลาออกจากราชการ
ใหย้ ่นื หนงั สอื ลาออกต่อผบู้ ังคับบญั ชาเพอ่ื ใหผ้ ู้มีอานาจตาม มาตรา ๕๓เป็นผ้พู ิจารณาอนุญาต
กรณีผู้มีอานาจตาม มาตรา ๕๓ พิจารณาเห็นว่าจาเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการจะยับย้ังการอนุญาตให้
ลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน นับแต่วันขอลาออกก็ได้ แต่ต้องแจ้งการยับยั้ง พร้อมเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบ
เมอื่ ครบกาหนดเวลาทีย่ บั ยั้งแลว้ ให้การลาออกมผี ลตง้ั แตว่ นั ถัดจากวันครบกาหนดเวลาทย่ี ับยงั้
ถา้ ผมู้ ีอานาจตามมาตรา ๕๓ ไมไ่ ด้อนุญาตและไมไ่ ดย้ บั ยงั้ การอนุญาตให้ลาออก
ให้การลาออก มีผลตง้ั แตว่ ันขอลาออก
ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพ่ือดารงตาแหน่ง ทางการเมือง
หรอื เพ่อื สมคั รรับเลือกตั้งใหย้ ่นื หนงั สอื ลาออกตอ่ ผบู้ ังคบั บัญชา
และใหก้ ารลาออกมผี ลนบั ตัง้ แต่วันทผี่ ู้นัน้ ขอลาออก
ระเบยี บ ก.ค.ศ ว่าดว้ ยการลาออกของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘
ข้อ ๓ การยนื่ หนังสอื ขอลาออกจากราชการให้ย่ืนล่วงหนา้ กอ่ นวันขอลาออกไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
กรณีผ้มู อี านาจอนุญาตการลาออกเห็นวา่ มเี หตผุ ลและความจาเป็นพเิ ศษ
จะอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนวันขอลาออกให้ผู้ประสงค์จะลาออกยื่นหนังสือขอลาออกล่วงหน้าน้อยกว่า ๓๐
วนั ก็ได้
ห น้ า | 52
หนงั สอื ขอลาออกท่ียน่ื ล่วงหนา้ ก่อนวนั ขอลาออกน้อยกว่า ๓๐ วัน โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น ลายลักษณ์อักษร
จากผู้มีอานาจอนุญาต หรือที่มิได้ระบุวันขอลาออก ให้ถือวันถัดจากวันครบกาหนด ๓๐ วัน นับแต่วันย่ืนเป็นวันขอ
ลาออก
ข้อ ๕ ผู้มีอานาจอนุญาตการลาออกพิจารณาว่าจะสั่งอนุญาตให้ผู้น้ันลาออกจากราชการหรือจะสั่งยับย้ังการ
อนญุ าตใหล้ าออกให้ดาเนนิ การ ดังน้ี
(๑) หากพิจารณาเห็นว่าควรอนุญาตให้ลาออกจากราชการได้ให้มีคาส่ังอนุญาตให้ลาออก เป็นลายลักษณ์
อักษรใหเ้ สร็จส้ินกอ่ นวนั ขอลาออกแลว้ แจ้งคาสั่งดังกลา่ วใหผ้ ู้ขอลาออกทราบก่อนวัน ขอลาออกดว้ ย
(๒) หากพิจารณาเห็นวา่ ควรยับยั้งการอนญุ าตใหล้ าออกเน่ืองจากจาเป็นเพ่ือประโยชน์แก่ ราชการ ให้มีคาสั่ง
ยับยัง้ การอนุญาตใหล้ าออกเป็นลายลักษณ์อักษรให้เสร็จส้ินก่อนวันขอลาออกแล้วแจ้งคาส่ังดังกล่าวพร้อมเหตุผลให้ผู้
ขอลาออกทราบกอ่ นวนั ขอลาออกด้วย ท้งั นีก้ ารยับย้ังการอนญุ าต ให้ลาออกใหส้ ่งั ยบั ยง้ั ไวไ้ ด้เป็นเวลาไม่เกิน ๙๐ วนั
และสั่งยับยัง้ ได้เพียงครัง้ เดยี วจะขยายอีกไม่ได้ เมื่อครบกาหนดเวลาที่ยับยั้งแล้วให้การลาออกมีผลต้ังแต่วันถัดจากวัน
ครบกาหนดเวลาท่ยี ับยง้ั
ข้อ ๖ กรณีที่ผู้ขอลาออกได้ออกจากราชการไปโดยผลของกฎหมาย เน่ืองจากผู้มีอานาจ อนุญาตมิได้มีคาสั่ง
อนุญาตให้ลาออกและมิได้มีคาสั่งยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกก่อนวันขอลาออก หรือเน่ืองจากครบกาหนดเวลายับยั้ง
การอนญุ าตให้ลาออกให้ผมู้ ีอานาจอนญุ าตมหี นงั สอื แจ้ง วันออกจากราชการให้ผู้ขอลาออกทราบภายใน ๗ วัน นับแต่
วนั ท่ีผูน้ ั้นออกจากราชการและแจ้งให้ส่วนราชการท่ีเกีย่ วขอ้ งทราบด้วย
ข้อ ๗ การยน่ื หนงั สือขอลาออกจากราชการเพือ่ ดารงตาแหนง่ ทางการเมือง
หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งให้ยื่นต่อผู้บังคับบัญชาอย่างช้าภายในวันท่ีขอลาออกและให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวเสนอ
หนังสือขอลาออกน้ันต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือข้ึนไปตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจอนุญาตการลาออกโด ยเร็วเมื่อผู้มี
อานาจอนญุ าตได้รบั หนงั สือขอลาออกแลว้ ใหม้ คี าสัง่ อนญุ าตออกจากราชการได้ตงั้ แต่ วนั ท่ขี อลาออก
๕. ครูอัตราจ้าง
กรณีครูอัตราจ้างที่จ้างด้วยเงินงบประมาณให้ปฏิบัติหน้าที่ครู เช่น ปฏิบัติหน้าที่ครูผู้ช่วย ครูพี่เลี้ยง หรือ
ปฏิบัติหน้าที่ครูที่เรียกช่ือย่างอ่ืนให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้าง ประจาของส่วนราชการพ.ศ.
๒๕๓๗ และแนวปฏิบตั ิที่ใชเ้ พ่ือการน้นั
ห น้ า | 53
งานดา้ นการบริหารทวั่ ไป
ห น้ า | 54
งานด้านการบริหารทั่วไป
เปน็ ภารกจิ หน่ึงของโรงเรยี นในการสนบั สนนุ ส่งเสริมการปฏบิ ตั งิ าน ของโรงเรียนให้บรรลตุ ามนโยบาย และ
มาตรฐานการศึกษาท่ีโรงเรยี นกาหนดใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ และประสทิ ธผิ ล เช่น การดาเนินงานธุรการ งานเลขานกุ าร
คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน งานพฒั นาระบบและเครือขา่ ย ข้อมูลสารสนเทศ การประสานและพัฒนา
เครอื ข่ายการศึกษา การจดั ระบบการบรหิ ารและพัฒนาองคก์ ร งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ การสง่ เสรมิ สนับสนนุ
ด้านวชิ าการ งบประมาณ บคุ ลากรและบริหารทัว่ ไป การดแู ลอาคารสถานทแี่ ละสภาพแวดล้อม การจัดทาสามะโน
ผู้เรยี น การรับนกั เรียน การสง่ เสรมิ และประสานงานการศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และ ตามอธั ยาศัย การระดม
ทรพั ยากรเพ่ือการศกึ ษา งานส่งเสริมงานกิจการนักเรยี น การประชาสัมพันธ์ งานการศึกษา การส่งเสรมิ สนบั สนุน
และสถาบันสังคมอนื่ ทีจ่ ดั การศกึ ษา งานประสานราชการกับเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาและหน่วยงานอน่ื การจดั ระบบการ
ควบคุมในหนว่ ยงาน งานบรกิ ารสาธารณะ
ห น้ า | 55
บทบาทและหนา้ ท่ีของกลุ่มบริหารทั่วไป
หัวหน้ากลุ่มบริหารทวั่ ไป
มีหนา้ ท่รี บั ผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้
1. ปฏิบตั ิหนา้ ทใี่ นฐานะรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารทัว่ ไปของโรงเรียน
2. เปน็ ท่ีปรึกษาของผ้อู านวยการโรงเรียนเกีย่ วกบั งานบรหิ ารท่วั โรงเรยี น
3. กากบั ตดิ ตาม การดาเนินงานของกล่มุ บริหารทว่ั ไปให้ดาเนนิ ไปดว้ ยความเรยี บร้อย และมีประสทิ ธิภาพ
4. กาหนดหน้าที่ของบคุ ลากรในกล่มุ บรหิ ารทั่วไป และควบคมุ การปฏิบัติงานของสานกั งานบรหิ ารท่วั ไป
5. บรหิ ารจัดการในสายงานตามบทบาทและหน้าที่ความรับผดิ ชอบได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
6. กากบั ติดตาม ให้งานแผนงานและบรหิ ารทว่ั ไป ประสานฝ่ายตา่ งๆ เพื่อดาเนนิ กจิ กรรม งาน โครงการ ให้
เปน็ ไปตามแผนปฏบิ ัติการ และปฏิบตั ิการของโรงเรยี น
7. กากบั ตดิ ตาม ประสานงานให้มีการรวบรวมข้อมลู สถติ ิเกี่ยวกบั งานบริหารทว่ั ไปใหเ้ ป็นปัจจุบัน เพอ่ื
นาไปใชเ้ ป็นแนวทางในการพัฒนา และแก้ไขปัญหา
8. ควบคุม กากับ ตดิ ตาม การดาเนินงานและประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านของบคุ ลากรในกลมุ่ บริหารทว่ั ไป
อยา่ งต่อเนอื่ ง
9. ติดตามประสานประโยชน์ของครู ผปู้ ฏิบตั หิ นา้ ทแี่ ละปฏบิ ัติหนา้ ท่พี ิเศษ เพื่อสรา้ งขวัญและกาลงั ใจ
10. วนิ จิ ฉยั สั่งการงานท่ีรับมอบหมายไปยังงานทเี่ กย่ี วข้อง
11. ติดตามผลสมั ฤทธิแ์ ละประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานเพื่อสรุปปญั หา และอุปสรรคในการดาเนนิ งาน เพื่อหา
แนวทางในการพฒั นางานให้มีประสิทธภิ าพยง่ิ ขนึ้
12. กากบั ตดิ ตาม ให้งานติดตามประเมินผล และประสานงาน ดาเนินการตดิ ตามการปฏบิ ัตงิ านของทกุ
งานพร้อมรายงานผลการปฏิบตั ิอย่างต่อเนื่อง
13. ประสานงานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐานโรงเรยี นวดั นางแกว้
14. ติดตอ่ ประสานงานระหว่างโรงเรียนกบั หนว่ ยงานภายนอกในส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั งานบริหารทัว่ ไป
15. ปฏิบัติหนา้ ที่อนื่ ๆ ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
ห น้ า | 56
งานสานักงานกล่มุ บริหารท่ัวไป
1. งานสารบรรณกลมุ่ บรหิ ารบรหิ ารทว่ั ไป มหี น้าทร่ี บั ผิดชอบในขอบขา่ ยต่อไปน้ี
1.1 จัดทาแผนพฒั นางาน/โครงการ แผนปฏบิ ตั ิราชการและปฏิทนิ งานเสนอรองกลุม่ บรหิ ารท่วั ไปเพื่อ
จัดสรรงบประมาณ
1.2 จดั หา จดั ซือ้ ทรัพยากรท่ีจาเปน็ ในสานกั งานกลุม่ บริหารทวั่ ไป
1.3 จัดทาทะเบยี นรบั – สง่ หนังสอื ราชการ โดยแยกประเภทของเอกสารและหนงั สือของสานักงาน ใหเ้ ป็น
หมวดหมมู่ ีระบบการเก็บเอกสารทสี่ ามารถคน้ หาเรอ่ื งได้อยา่ งรวดเร็ว
1.4 โตต้ อบหนงั สือราชการ ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร หลกั ฐานให้ถูกต้องตามระเบยี บของงาน
สารบรรณอย่างรวดเร็วและทันเวลา
1.5 จดั ส่งหนังสอื ราชการ เอกสารของกลมุ่ บรหิ ารท่วั ไป ใหง้ านทรี่ ับผิดชอบและติดตามเรือ่ งเก็บคืนจดั เข้า
แฟ้มเร่ือง
1.6 จดั พิมพ์เอกสารและจดั ถา่ ยเอกสารตา่ ง ๆ ของกล่มุ บรหิ ารท่วั ไป เช่น บนั ทึกข้อความ แบบสารวจ
แบบสอบถาม แบบประเมินผลงานระเบยี บและคาส่ัง
1.7 ประสานงานด้านขอ้ มูลและร่วมมือกบั กลุ่มบริหารงานตา่ ง ๆ ในโรงเรยี น เพื่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจและ
ร่วมมืออนั ดตี อ่ กนั ในการดาเนินงานตามแผน
1.8 ประเมนิ ผลและสรุปรายงานผลปฏบิ ตั ริ าชการประจาปี
1.9 ปฏบิ ตั ิหน้าทอี่ ื่น ๆ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
2. งานพัสดุกล่มุ บรหิ ารท่ัวไป
2.1 ประสานงานในกลุ่มงานบรหิ ารทัว่ ไป วางแผน จดั ซือ้ จดั หาวัสดุ ครุภัณฑ์ทจ่ี าเป็นในการซอ่ มแซม
อาคารสถานที่ สาธารณปู โภคและอปุ กรณ์อานวยความสะดวกที่ชารดุ โดยประสานงานกับพสั ดุโรงเรียน
2.2 จัดทาบัญชคี วบคมุ การเบิกจ่ายวสั ดุ ยืมวสั ดใุ ห้ถกู ต้องมรี ะบบและเป็นปัจจุบนั
2.3 จัดทาระเบยี บ แนวปฏบิ ัติ แบบรายงาน แบบฟอร์มต่าง ๆ ที่จาเปน็ ในการให้บริการปรบั ซอ่ ม
2.4 ตดิ ตามการปรบั ซ่อมและบารงุ รกั ษาสภาพวสั ดุ ครุภัณฑใ์ ห้มีอายุการใช้งานยาวนาน
2.5 ประเมิน สรุปผลการดาเนนิ งานประจาปีการศึกษาและรายงานต่อผู้เกีย่ วข้อง
2.6 ปฏิบัติหนา้ ท่ีอ่ืน ๆ ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย
3. งานสารสนเทศกลมุ่ บริหารทัว่ ไป
3.1 วางแผนงาน/โครงการ และจดั ทรัพยากรทใ่ี ชใ้ นงานสารสนเทศของกลุ่มบริหารทว่ั ไป
3.2 ประสานงานดา้ นความร่วมมือเกี่ยวกับข้อมูลกบั งานต่าง ๆ เพ่ือรวบรวมและจดั ระบบข้อมูลสารสนเทศ
ที่ถกู ต้องเหมาะสมและทนั สมัยทจี่ ะบ่งบอกถงึ สภาพปัญหาความต้องการ
3.3 รวบรวมข้อมูลเกยี่ วกับนโยบายของโรงเรยี น เกณฑ์การประเมินมาตรฐานแนวทางการปฏิรปู การศึกษา
3.4 จดั ทาเอกสารเผยแพร่ข้อมลู ให้กลุ่มงาน ได้ใช้ประโยชน์ในการวางแผนแกป้ ญั หาหรือพฒั นางานในกลุ่ม
งานต่อไป
3.5 ร่วมมอื กับสารสนเทศของโรงเรยี น เผยแพรง่ านของกลุ่มบรหิ ารทว่ั ไป
3.6 ประเมิน สรุป รายงานผลการดาเนินงานประจาปกี ารศกึ ษา
3.7 ปฏิบัติหนา้ ที่อน่ื ๆ ตามที่ได้รบั มอบหมาย
ห น้ า | 57
4. งานแผนงานกล่มุ บริหารท่วั ไป
4.1 ประสานงานจัดทาแผนพัฒนางาน แผนปฏบิ ัตริ าชการ/โครงการ ปฏิทนิ ปฏบิ ตั ิงานกลุ่มบรหิ ารท่ัวไป
เสนอผบู้ รหิ ารเพ่ือจดั สรรงบประมาณ
4.2 พิจารณาจดั แผนงาน/โครงการของกลมุ่ บรหิ ารทั่วไป ใหส้ อดคล้องกบั นโยบายของโรงเรยี นและเกณฑ์
ประเมินมาตรฐานและการปฏริ ูปการศึกษา
4.3 กากับ ตรวจสอบดแู ลงาน/โครงการ ให้เกิดการดาเนนิ งานให้เป็นไปตามแผน
4.4 ประสานงานกับแผนงานของโรงเรยี นและกลมุ่ งานต่าง ๆ เพอื่ นาเอาเทคโนโลยีมาใชใ้ ห้มปี ระสทิ ธภิ าพ
4.5 ประเมนิ สรุป รายงานผลการดาเนนิ งานตามแผนงาน/โครงการ
4.6 ปฏิบตั ิงานอื่น ๆ ที่ไดร้ ับมอบหมาย
ห น้ า | 58
งานอาคารสถานทแ่ี ละสภาพแวดล้อม มหี น้าที่รบั ผดิ ชอบในขอบข่ายต่อไปนี้
1. วางแผนกาหนดงาน /โครงการงบประมาณแผนปฏบิ ัติงานด้านอาคารสถานท่ีและสภาพแวดล้อม
ตลอดจนการตดิ ตามการปฏบิ ตั ิงานของนกั การ แม่บ้านทาความสะอาด
2. วางแผนร่วมกบั แผนงานโรงเรียน พสั ดโุ รงเรยี น เพอ่ื เสนอของบประมาณจัดสรา้ งอาคารเรยี น และอาคาร
ประกอบ เชน่ ห้องเรียน หอ้ งบริการ ห้องพิเศษให้เพียงพอ กบั การใช้บริการของโรงเรียน
3. จัดซอื้ จดั หาโตะ๊ เกา้ อี้ อปุ กรณ์การสอน อปุ กรณท์ าความสะอาดหอ้ งเรียน ห้องบรกิ ารห้องพิเศษ ให้
เพียงพอและอยู่ในสภาพทีด่ ีอยตู่ ลอดเวลา
4. จัดเครื่องมือรักษาความปลอดภยั ในอาคาร ติดต้งั ในที่ทีใ่ ชง้ านไดส้ ะดวกใช้งานไดท้ ันที
5. จัดบรรยากาศภายในอาคารเรยี น ตกแตง่ อยา่ งสวยงาม เปน็ ระเบียบ ประตหู นา้ ต่างอย่ใู นสภาพ
ดี ดูแลสีอาคารตา่ ง ๆให้เรยี บรอ้ ย มปี ้ายบอกอาคารและหอ้ งต่าง ๆ
6. ประสานงานกับพสั ดโุ รงเรยี นในการซ่อมแซมอาคารสถานที่ ครุภณั ฑ์ โตะ๊ เกา้ อี้ และอน่ื ๆให้อยู่ใน
สภาพทีเ่ รยี บรอ้ ย
7. ดูแลความสะอาดท่ัวไปของอาคารเรียน หอ้ งน้า ห้องสว้ ม ให้สะอาด ปราศจากกล่ินรบกวน
8. ตดิ ตาม ดูแลให้คาแนะนาในการใช้อาคารสถานท่ี โดยการอบรมนักเรียนในด้านการดูแลรักษาทรัพย์สิน
สมบัติของโรงเรยี น
9. ประสานงานกับพสั ดโุ รงเรยี นในการจาหน่ายพสั ดเุ สอื่ มสภาพออกจากบัญชพี สั ดุ
10. ประสานงานกับหวั หน้าอาคาร โดยนาข้อเสนอแนะ มาปรับปรุงงานให้ทนั เหตุการณ์และความตอ้ งการ
ของบุคลากรในโรงเรยี น
11. อานวยความสะดวกในการใช้อาคารสถานที่แกบ่ ุคคลภายนอก รวมท้งั วสั ดุอื่น ๆ จัดทาสถิติการ
ให้บรกิ ารและรวบรวมข้อมูล
12. ประเมิน สรุปและรายงานผลการดาเนินงานตามแผนงาน/โครงการประจาปกี ารศกึ ษา
13. ปฏบิ ัติงานอนื่ ๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ห น้ า | 59
งานสาธารณปู โภค มหี น้าที่รับผิดชอบในขอบขา่ ยต่อไปนี้
1. จัดทาแผนงานพัฒนางาน/โครงการเพ่ือเสนอตอ่ ผ้บู รหิ าร เพ่อื จัดสรรงบประมาณ
2. จัดซือ้ จดั หา สาธารณปู โภคในโรงเรียนให้เพยี งพออยตู่ ลอดเวลา
3. กาหนดข้อปฏิบัติและตดิ ตามการใช้น้า ใชไ้ ฟฟ้าให้เป็นไปอยา่ งประหยัด
4. จัดบริการและตดิ ตามการใชส้ าธารณูปโภคให้เป็นไปอย่างประหยดั และคุ้มคา่
5. มมี าตรการตรวจสอบคณุ ภาพของน้าดม่ื น้าใช้ เคร่ืองกรองนา้ หม้อแปลงไฟฟา้ ตโู้ ทรศพั ท์และ
สาธารณปู โภคอื่น ๆ ใหอ้ ยใู่ นสภาพท่ีได้มาตรฐาน
6. จดั ทาป้ายคาขวัญ คาเตือน เก่ียวกบั การใชน้ ้า ใช้ไฟฟ้า และโทรศัพท์
7. รว่ มมอื กับงานกิจกรรมนักเรยี น อบรมนกั เรยี นเกย่ี วกบั การใช้ไฟฟ้า ใช้โทรศัพท์
8. สารวจ รวบรวม ข้อมูลเกย่ี วกับสาธารณปู โภคที่ชารุด
9. ซ่อมแซมสาธารณปู โภคที่ชารุดให้อยใู่ นสภาพท่ดี ี และปลอดภยั อย่ตู ลอดเวลา
10. ประเมนิ ผลและสรปุ รายงานผลการปฏบิ ตั งิ านตามแผนงาน/โครงการ
11. ปฏิบัตงิ านอ่นื ๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ห น้ า | 60
งานธุรการ และสารบรรณ มีหน้าที่รับผดิ ชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี
1. รับ-ส่งเอกสาร ลงทะเบยี นหนังสือเขา้ – ออก จัดส่งหนังสอื เขา้ หรอื เอกสารให้หน่วยงานหรอื บคุ คลท่ี
เกย่ี วขอ้ ง
2. จดั ทาคาส่งั และจดหมายเวียนเรื่องต่าง ๆ เพอื่ แจ้งให้กับครูและผู้เก่ยี วข้องได้รบั ทราบ
3. เก็บ หรอื ทาลายหนงั สือ เอกสารต่าง ๆตามระเบียบงานสารบรรณ
4. รวบรวมเอกสาร หลักฐาน ระเบียบ ข้อบงั คบั ประกาศ คาสัง่ และวธิ ปี ฏบิ ัตทิ ีเ่ ก่ยี วขอ้ งใหเ้ ป็นปัจจุบนั อยู่
เสมอ และเวียนให้ผทู้ ่เี กย่ี วข้องทราบ
5. รา่ งและพิมพ์หนงั สือออก หนังสอื โตต้ อบถึงสว่ นราชการ และหน่วยงานอนื่
6. ติดตามเอกสารของฝา่ ยต่างๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกับทางโรงเรียนและเกบ็ รวบรวมเพอ่ื ใช้เป็นข้อมลู ในการอา้ งอิง
7. ประสานงานการจดั ส่งจดหมาย ไปรษณีย์ พสั ดุและเอกสารต่าง ๆ ของโรงเรยี น
8. เปน็ ที่ปรกึ ษาของรองผ้อู านวยการฝ่ายบรหิ ารทั่วไปในเร่ืองงานสารบรรณ
9. ควบคุมการรบั – ส่ง หนังสอื ของโรงเรียน (E – Office)
10. บรกิ ารทางจดหมายและสิง่ ตพี ิมพท์ ี่มีมาถึงโรงเรยี น
11. จัดหนงั สอื เขา้ แฟ้มเพ่ือลงนาม
1๒. ปฏบิ ัตหิ น้าทอ่ี ืน่ ๆ ตามท่ีได้รับมอบหมาย
ห น้ า | 61
งานยานพาหนะ มีหน้าท่รี ับผดิ ชอบในขอบขา่ ยต่อไปนี้
1. จัดทาแผนงาน / โครงการ เกีย่ วกบั การจัดหา บารุงรักษา การให้บริการยานพาหนะแก่คณะครูและ
บุคลากรของโรงเรยี นตลอดจนกาหนดงบประมาณเสนอขออนมุ ตั ิ
2. กาหนดหน้าที่ความรบั ผิดชอบ ใหค้ วามรู้ พนักงานขบั รถ ตลอดจนพิจารณา จดั และให้บริการพาหนะ
แก่บคุ ลากร
3. กากับ ติดตาม จัดทาขอ้ มูล สถิติ การใช้ และใหบ้ ริการยานพาหนะของโรงเรียน
4. กาหนดแผนตรวจสอบ ซ่อมบารงุ เพ่ือให้พาหนะใช้การได้ และปลอดภยั ตลอดเวลา ให้คาแนะนา เสนอผู้
มีอานาจอนมุ ตั ิ
5. ประเมนิ สรปุ ผลการดาเนนิ งานประจาปี
6. ปฏิบตั ิหน้าที่อ่ืน ๆ ตามทีผ่ ู้บงั คบั บญั ชามอบหมาย
งานประชาสัมพนั ธ์ มหี นา้ ที่รบั ผดิ ชอบในขอบข่ายต่อไปน้ี
1. กาหนดนโยบาย วางแผน งานโครงการ การดาเนนิ การประชาสมั พันธใ์ หส้ อดคลอ้ งกับนโยบายและ
จุดประสงคข์ องโรงเรยี น
2. ประสานงาน รว่ มมือกับกลมุ่ สาระฯ และงานต่าง ๆ ของโรงเรียนในการดาเนินงานดา้ นประชาสมั พนั ธ์
3. ต้อนรับและบรกิ ารผู้มาเย่ียมชมหรือดงู านโรงเรยี น
4. ต้อนรับและบริการผู้ปกครองหรือแขกผู้มาตดิ ต่อกบั นักเรียนและทางโรงเรียน
5. ประกาศข่าวสารของกลุม่ สาระฯ หรอื ข่าวทางราชการใหบ้ คุ ลากรในโรงเรยี นทราบ
6. ประสานงานดา้ นประชาสัมพันธท์ ัง้ ในและนอกโรงเรยี น
7. เปน็ หนว่ ยงานหลกั ในการจัดพธิ กี ารหรือพธิ กี รในงานพิธีการตา่ ง ๆ ของโรงเรยี น
8. เผยแพรก่ ิจกรรมต่าง ๆ และชือ่ เสียงของโรงเรยี นทางส่ือมวลชน
9. จดั ทาเอกสาร – จุลสารประชาสมั พันธ์เพ่ือเผยแพรข่ า่ วสาร รายงานผลการปฏบิ ตั ิงานและความ
เคลอ่ื นไหวของโรงเรียนให้นักเรียนและบุคลากรท่ัวไปทราบ
10. รวบรวม สรุปผลและสถิติต่าง ๆ เกีย่ วกบั งานประชาสัมพนั ธ์และจดั ทารายงานประจาปีของงาน
ประชาสัมพันธ์
11. งานเลขานุการการประชุมครูโรงเรยี นบรมราชนิ ีนาถราชวิทยาลยั
12. ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีอ่ืน ๆ ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย
ห น้ า | 62
งานพยาบาลและอนามัย มีหนา้ ท่รี ับผิดชอบในขอบข่ายต่อไปนี้
1. กาหนดนโยบาย วางแผนงานโครงการ การดาเนนิ งานของงานอนามยั โรงเรยี นใหส้ อดคล้องกบั นโยบาย
และวัตถปุ ระสงค์ของโรงเรียน
2. ประสานงานกบั กลุม่ สาระการเรียนรแู้ ละงานต่าง ๆ ของโรงเรยี น ในการดาเนนิ งานด้านอนามัยโรงเรยี น
3. ควบคุม ดแู ล หอ้ งพยาบาลให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ
4. จดั เครื่องมอื เครือ่ งใช้ และอปุ กรณใ์ นการปฐมพยาบาล รกั ษาพยาบาลให้พร้อมและใช้การได้ทันที
5. จัดหายาและเวชภณั ฑ์ เพอื่ ใชใ้ นการรักษาพยาบาลเบื้องตน้
6. จดั ปฐมพยาบาลนักเรียน ครู – อาจารย์ และคนงานภารโรงในกรณีเจ็บปว่ ย และนาส่งโรงพยาบาลตาม
ความจาเป็น
7. จัดบรกิ ารตรวจสุขภาพนักเรยี น ครู – อาจารย์ นักการภารโรงและชุมชนใกลเ้ คียง
8. จดั ทาบัตรสุขภาพนักเรียน ทาสถิติ บันทึกสุขภาพ สถติ ิน้าหนักและส่วนสงู นกั เรยี น
9. ติดตอ่ แพทยห์ รือเจ้าหน้าที่อนามัยให้ภมู ิคุ้มกันแกบ่ ุคลากรของโรงเรียนหรอื ชุมชนใกล้เคียง
10. ติดตอ่ ประสานงานกบั ผู้ปกครองนกั เรียนในกรณีนักเรียนเจบ็ ป่วย
11. แนะนาผูป้ ว่ ย ญาติ ประชาชนถึงการปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภยั จากโรค ใหภ้ ูมิคุ้มกนั โรค
12. ให้คาแนะนาปรกึ ษาด้านสขุ ภาพนักเรยี น
13. ประสานงานกบั ครูแนะแนว ครทู ี่ปรกึ ษาหรือครูผสู้ อนเก่ียวกบั นักเรยี นทม่ี ีปญั หาด้านสุขภาพ
14. ใหค้ วามร่วมมือดา้ นการปฐมพยาบาลแก่หน่วยงานอื่นหรอื กิจกรรมของโรงเรียนตามควรแกโ่ อกาส
15. จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ สุขภาพอนามยั เช่น จัดนทิ รรศการเกย่ี วกับสขุ ภาพอนามัย จัดตั้งชมรม
ชมุ ชน อาสาสมัครสาธารณสุข
16. จัดทาสถิติ ข้อมูลทางด้านสุขภาพอนามยั และจัดทารายงานประจาภาคเรียน ประจาปีของงานอนามยั
17. ปฏบิ ัตหิ น้าทอี่ ่ืน ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ห น้ า | 63
งานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน มหี นา้ ทร่ี ับผดิ ชอบในขอบข่ายต่อไปน้ี
1. รวบรวมประมวลวิเคราะห์และสงั เคราะห์ข้อมลู ท่ีใช้ในการประชุมคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน
2. สนับสนุนขอ้ มลู รบั ทราบหรอื ดาเนินการตามมติท่ปี ระชุมของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน
3. ดาเนินงานดา้ นธรุ การในการจัดประชมุ คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พืน้ ฐาน
4. จดั ทารายงานการประชุมและแจ้งมติที่ประชมุ ใหผ้ ูท้ ี่เก่ยี วขอ้ งเพ่ือทราบดาเนินการหรอื ถือปฏิบตั ิแลว้ แต่
กรณี
5. ประสานการดาเนนิ งานตามมตกิ ารประชมุ ในเร่ืองการอนุมัติ อนุญาต ส่ังการ เรง่ รัด การดาเนินการและ
รายงานผลการดาเนนิ การใหค้ ณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
6. ปฏิบัติหนา้ ท่ีอื่นๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย
ห น้ า | 64
งานชุมชนสัมพันธแ์ ละบริการสาธารณะ มหี น้าท่ีรบั ผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปนี้
1. วางแผนกาหนดงาน โครงการงบประมาณแผนปฏิบัติงานด้านชมุ ชนสัมพนั ธ์และบริการสาธารณะ
ตลอดจนการติดตามการปฏิบตั ิงาน
2. รวบรวมวเิ คราะห์ข้อมลู ของชมุ ชน เพอ่ื นาไปใช้ในงานสรา้ งความสัมพนั ธร์ ะหว่างชุมชนกับโรงเรยี นและ
บริการสาธารณะ
3. ใหบ้ ริการชุมชนในดา้ นข่าวสาร สขุ ภาพอนามัย อาคารสถานที่ วัสดุ ครุภัณฑ์ และวชิ าการ
4. จดั กิจกรรมเพ่ือพัฒนาชุมชน เช่น การบริจาควสั ดุ สง่ิ ของ อปุ โภคบริโภค ให้ความรแู้ ละจดั นิทรรศการ
5. การมสี ่วนร่วมในการอนุรักษ์ศลิ ปวัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย ศาสนาและงานที่เก่ยี วกับชุมชน
6. สนบั สนนุ สง่ เสรมิ ใหม้ ีการจดั ต้งั องคก์ รตา่ ง ๆ เพื่อชว่ ยเหลอื โรงเรยี น เช่น สมาคมฯ มูลนธิ ิ
7. ประสานและใหบ้ ริการแก่คณะครู ผู้ปกครอง ชุมชน หนว่ ยงานตา่ งๆท้ังภาครัฐและเอกชนในด้าน อาคาร
สถานที่ วัสดุ ครุภณั ฑ์ บุคลากร งบประมาณ
8. รวบรวมขอ้ มลู จดั ทาสถิติ
9. ประเมินสรปุ รายงาน ผลการการดาเนนิ งานตามแผนงาน/โครงการประจาปีการศกึ ษา
10. ปฏบิ ัตงิ านอนื่ ๆ ที่ได้รับมอบหมาย
ห น้ า | 65
งานป้องกนั อบุ ตั ิเหตุและอคั คีภัย มหี นา้ ที่รบั ผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี
1. จัดทาแผนงาน / โครงการ เก่ียวกับการให้ความรู้เกย่ี วกับการป้องกันอุบัติเหตแุ ละอัคคภี ัย ของโรงเรยี น
2. กาหนดแนวทางปฏิบตั ิในการปอ้ งกันอุบตั เิ หตุและอัคคีภัย ให้ความรู้นักเรยี น ครู และบคุ ลากร
3. กากบั ติดตาม จัดทาข้อมูล สถิติ ต่างๆ เก่ยี วกับการปอ้ งกันอุบตั ิเหตแุ ละอคั คภี ยั
4. กาหนดแผนตรวจสอบ ซ่อมบารุง เพ่ือให้อุปกรณ์ป้องกนั อคั คภี ัยใช้การได้ และปลอดภัยตลอดเวลา ให้
คาแนะนา เสนอผู้มีอานาจอนุมตั ิ
5. ประเมินสรปุ ผลการดาเนนิ งานประจาปี
6. ปฏิบัติหนา้ ทีอ่ น่ื ๆ ตามท่ีผู้บงั คบั บญั ชามอบหมาย